Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๙. วาสิชฎสุตฺตํ

    9. Vāsijaṭasuttaṃ

    ๑๐๑. สาวตฺถินิทานํ ฯ ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามิ, โน อชานโต โน อปสฺสโตฯ กิญฺจ, ภิกฺขเว, ชานโต กิํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ? ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา… อิติ สญฺญา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ – เอวํ โข, ภิกฺขเว, ชานโต เอวํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ’’ฯ

    101. Sāvatthinidānaṃ . ‘‘Jānato ahaṃ, bhikkhave, passato āsavānaṃ khayaṃ vadāmi, no ajānato no apassato. Kiñca, bhikkhave, jānato kiṃ passato āsavānaṃ khayo hoti? ‘Iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā… iti saññā… iti saṅkhārā… iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti – evaṃ kho, bhikkhave, jānato evaṃ passato āsavānaṃ khayo hoti’’.

    ‘‘ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิหรโต กิญฺจาปิ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย – ‘อโห วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุเจฺจยฺยา’ติ, อถ ขฺวสฺส เนว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อภาวิตตฺตา’ ติสฺส วจนียํฯ กิสฺส อภาวิตตฺตา? อภาวิตตฺตา จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ, อภาวิตตฺตา จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ, อภาวิตตฺตา จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ, อภาวิตตฺตา ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ, อภาวิตตฺตา ปญฺจนฺนํ พลานํ, อภาวิตตฺตา สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ, อภาวิตตฺตา อริยสฺส อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺสฯ

    ‘‘Bhāvanānuyogaṃ ananuyuttassa, bhikkhave, bhikkhuno viharato kiñcāpi evaṃ icchā uppajjeyya – ‘aho vata me anupādāya āsavehi cittaṃ vimucceyyā’ti, atha khvassa neva anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccati. Taṃ kissa hetu? ‘Abhāvitattā’ tissa vacanīyaṃ. Kissa abhāvitattā? Abhāvitattā catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ, abhāvitattā catunnaṃ sammappadhānānaṃ, abhāvitattā catunnaṃ iddhipādānaṃ, abhāvitattā pañcannaṃ indriyānaṃ, abhāvitattā pañcannaṃ balānaṃ, abhāvitattā sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ, abhāvitattā ariyassa aṭṭhaṅgikassa maggassa.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎิยา อณฺฑานิ อฎฺฐ วา ทส วา ทฺวาทส วาฯ ตานสฺสุ กุกฺกุฎิยา น สมฺมา อธิสยิตานิ, น สมฺมา ปริเสทิตานิ, น สมฺมา ปริภาวิตานิฯ กิญฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฎิยา เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย – ‘อโห, วต เม กุกฺกุฎโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิเชฺชยฺยุ’นฺติ, อถ โข อภพฺพาว เต กุกฺกุฎโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ ปน, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎิยา อณฺฑานิ อฎฺฐ วา ทส วา ทฺวาทส วา; ตานิ กุกฺกุฎิยา น สมฺมา อธิสยิตานิ, น สมฺมา ปริเสทิตานิ, น สมฺมา ปริภาวิตานิฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน วิหรโต กิญฺจาปิ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย – ‘อโห, วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุเจฺจยฺยา’ติ, อถ ขฺวสฺส เนว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อภาวิตตฺตา’ติสฺส วจนียํฯ กิสฺส อภาวิตตฺตา? อภาวิตตฺตา จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ…เป.… อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺสฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, kukkuṭiyā aṇḍāni aṭṭha vā dasa vā dvādasa vā. Tānassu kukkuṭiyā na sammā adhisayitāni, na sammā pariseditāni, na sammā paribhāvitāni. Kiñcāpi tassā kukkuṭiyā evaṃ icchā uppajjeyya – ‘aho, vata me kukkuṭapotakā pādanakhasikhāya vā mukhatuṇḍakena vā aṇḍakosaṃ padāletvā sotthinā abhinibbhijjeyyu’nti, atha kho abhabbāva te kukkuṭapotakā pādanakhasikhāya vā mukhatuṇḍakena vā aṇḍakosaṃ padāletvā sotthinā abhinibbhijjituṃ. Taṃ kissa hetu? Tathā hi pana, bhikkhave, kukkuṭiyā aṇḍāni aṭṭha vā dasa vā dvādasa vā; tāni kukkuṭiyā na sammā adhisayitāni, na sammā pariseditāni, na sammā paribhāvitāni. Evameva kho, bhikkhave, bhāvanānuyogaṃ ananuyuttassa bhikkhuno viharato kiñcāpi evaṃ icchā uppajjeyya – ‘aho, vata me anupādāya āsavehi cittaṃ vimucceyyā’ti, atha khvassa neva anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccati. Taṃ kissa hetu? ‘Abhāvitattā’tissa vacanīyaṃ. Kissa abhāvitattā? Abhāvitattā catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ…pe… aṭṭhaṅgikassa maggassa.

    ‘‘ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิหรโต กิญฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย – ‘อโห วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุเจฺจยฺยา’ติ, อถ ขฺวสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ภาวิตตฺตา’ติสฺส วจนียํฯ กิสฺส ภาวิตตฺตา? ภาวิตตฺตา จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ, ภาวิตตฺตา จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ, ภาวิตตฺตา จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ, ภาวิตตฺตา ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ, ภาวิตตฺตา ปญฺจนฺนํ พลานํ, ภาวิตตฺตา สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ, ภาวิตตฺตา อริยสฺส อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺสฯ

    ‘‘Bhāvanānuyogaṃ anuyuttassa, bhikkhave, bhikkhuno viharato kiñcāpi na evaṃ icchā uppajjeyya – ‘aho vata me anupādāya āsavehi cittaṃ vimucceyyā’ti, atha khvassa anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccati. Taṃ kissa hetu? ‘Bhāvitattā’tissa vacanīyaṃ. Kissa bhāvitattā? Bhāvitattā catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ, bhāvitattā catunnaṃ sammappadhānānaṃ, bhāvitattā catunnaṃ iddhipādānaṃ, bhāvitattā pañcannaṃ indriyānaṃ, bhāvitattā pañcannaṃ balānaṃ, bhāvitattā sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ, bhāvitattā ariyassa aṭṭhaṅgikassa maggassa.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎิยา อณฺฑานิ อฎฺฐ วา ทส วา ทฺวาทส วาฯ ตานสฺสุ กุกฺกุฎิยา สมฺมา อธิสยิตานิ, สมฺมา ปริเสทิตานิ, สมฺมา ปริภาวิตานิ ฯ กิญฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฎิยา น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย – ‘อโห วต เม กุกฺกุฎโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิเชฺชยฺยุ’นฺติ, อถ โข ภพฺพาว เต กุกฺกุฎโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ ปน, ภิกฺขเว, กุกฺกุฎิยา อณฺฑานิ อฎฺฐ วา ทส วา ทฺวาทส วา; ตานสฺสุ กุกฺกุฎิยา สมฺมา อธิสยิตานิ, สมฺมา ปริเสทิตานิ, สมฺมา ปริภาวิตานิฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน วิหรโต กิญฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปเชฺชยฺย – ‘อโห วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุเจฺจยฺยา’ติ, อถ ขฺวสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ภาวิตตฺตา’ติสฺส วจนียํฯ กิสฺส ภาวิตตฺตา? ภาวิตตฺตา จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ…เป.… ภาวิตตฺตา อริยสฺส อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺสฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, kukkuṭiyā aṇḍāni aṭṭha vā dasa vā dvādasa vā. Tānassu kukkuṭiyā sammā adhisayitāni, sammā pariseditāni, sammā paribhāvitāni . Kiñcāpi tassā kukkuṭiyā na evaṃ icchā uppajjeyya – ‘aho vata me kukkuṭapotakā pādanakhasikhāya vā mukhatuṇḍakena vā aṇḍakosaṃ padāletvā sotthinā abhinibbhijjeyyu’nti, atha kho bhabbāva te kukkuṭapotakā pādanakhasikhāya vā mukhatuṇḍakena vā aṇḍakosaṃ padāletvā sotthinā abhinibbhijjituṃ. Taṃ kissa hetu? Tathā hi pana, bhikkhave, kukkuṭiyā aṇḍāni aṭṭha vā dasa vā dvādasa vā; tānassu kukkuṭiyā sammā adhisayitāni, sammā pariseditāni, sammā paribhāvitāni. Evameva kho, bhikkhave, bhāvanānuyogaṃ anuyuttassa bhikkhuno viharato kiñcāpi na evaṃ icchā uppajjeyya – ‘aho vata me anupādāya āsavehi cittaṃ vimucceyyā’ti, atha khvassa anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccati. Taṃ kissa hetu? ‘Bhāvitattā’tissa vacanīyaṃ. Kissa bhāvitattā? Bhāvitattā catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ…pe… bhāvitattā ariyassa aṭṭhaṅgikassa maggassa.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปลคณฺฑสฺส วา ปลคณฺฑเนฺตวาสิสฺส วา วาสิชเฎ ทิสฺสเนฺตว องฺคุลิปทานิ ทิสฺสติ องฺคุฎฺฐปทํฯ โน จ ขฺวสฺส เอวํ ญาณํ โหติ – ‘เอตฺตกํ วต เม อชฺช วาสิชฎสฺส ขีณํ, เอตฺตกํ หิโยฺย, เอตฺตกํ ปเร’ติฯ อถ ขฺวสฺส ขีเณ ขีณเนฺตฺวว ญาณํ โหติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน วิหรโต กิญฺจาปิ น เอวํ ญาณํ โหติ – ‘เอตฺตกํ วต เม อชฺช อาสวานํ ขีณํ, เอตฺตกํ หิโยฺย, เอตฺตกํ ปเร’ติ, อถ ขฺวสฺส ขีเณ ขีณเนฺตฺวว ญาณํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สามุทฺทิกาย นาวาย เวตฺตพนฺธนพทฺธาย วสฺสมาสานิ อุทเก ปริยาทาย เหมนฺติเกน ถลํ อุกฺขิตฺตาย วาตาตปปเรตานิ เวตฺตพนฺธนานิฯ ตานิ ปาวุสเกน เมเฆน อภิปฺปวุฎฺฐานิ อปฺปกสิเรเนว ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ ปูติกานิ ภวนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน วิหรโต อปฺปกสิเรเนว สํโยชนานิ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ ปูติกานิ ภวนฺตี’’ติฯ นวมํฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, palagaṇḍassa vā palagaṇḍantevāsissa vā vāsijaṭe dissanteva aṅgulipadāni dissati aṅguṭṭhapadaṃ. No ca khvassa evaṃ ñāṇaṃ hoti – ‘ettakaṃ vata me ajja vāsijaṭassa khīṇaṃ, ettakaṃ hiyyo, ettakaṃ pare’ti. Atha khvassa khīṇe khīṇantveva ñāṇaṃ hoti. Evameva kho, bhikkhave, bhāvanānuyogaṃ anuyuttassa bhikkhuno viharato kiñcāpi na evaṃ ñāṇaṃ hoti – ‘ettakaṃ vata me ajja āsavānaṃ khīṇaṃ, ettakaṃ hiyyo, ettakaṃ pare’ti, atha khvassa khīṇe khīṇantveva ñāṇaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, sāmuddikāya nāvāya vettabandhanabaddhāya vassamāsāni udake pariyādāya hemantikena thalaṃ ukkhittāya vātātapaparetāni vettabandhanāni. Tāni pāvusakena meghena abhippavuṭṭhāni appakasireneva paṭippassambhanti pūtikāni bhavanti; evameva kho, bhikkhave, bhāvanānuyogaṃ anuyuttassa bhikkhuno viharato appakasireneva saṃyojanāni paṭippassambhanti pūtikāni bhavantī’’ti. Navamaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. วาสิชฎสุตฺตวณฺณนา • 9. Vāsijaṭasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. วาสิชฎสุตฺตวณฺณนา • 9. Vāsijaṭasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact