Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๒. วสฺสการสุตฺตํ
2. Vassakārasuttaṃ
อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วสฺสการํ พฺราหฺมณํ มาคธมหามตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘ราชา, ภเนฺต, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘ราชา, ภเนฺต, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วชฺชี อภิยาตุกาโมฯ โส เอวมาห – ‘อหํ หิเม วชฺชี เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว อุเจฺฉจฺฉามิ, วชฺชี วินาเสสฺสามิ, วชฺชี อนยพฺยสนํ อาปาเทสฺสามี’ติ ฯ ยถา เต ภควา พฺยากโรติ, ตํ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา มม อาโรเจยฺยาสิฯ น หิ ตถาคตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติฯ
Atha kho rājā māgadho ajātasattu vedehiputto vassakāraṃ brāhmaṇaṃ māgadhamahāmattaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, brāhmaṇa, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – ‘rājā, bhante, māgadho ajātasattu vedehiputto bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’ti. Evañca vadehi – ‘rājā, bhante, māgadho ajātasattu vedehiputto vajjī abhiyātukāmo. So evamāha – ‘ahaṃ hime vajjī evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve ucchecchāmi, vajjī vināsessāmi, vajjī anayabyasanaṃ āpādessāmī’ti . Yathā te bhagavā byākaroti, taṃ sādhukaṃ uggahetvā mama āroceyyāsi. Na hi tathāgatā vitathaṃ bhaṇantī’’ti.
‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มาคธมหามโตฺต รโญฺญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มาคธมหามโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, โภ โคตม, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติฯ ราชา 5, โภ โคตม, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วชฺชี อภิยาตุกาโมฯ โส เอวมาห – ‘อหํ หิเม วชฺชี เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว อุเจฺฉจฺฉามิ, วชฺชี วินาเสสฺสามิ, วชฺชี อนยพฺยสนํ อาปาเทสฺสามี’’’ติฯ
‘‘Evaṃ, bho’’ti kho vassakāro brāhmaṇo māgadhamahāmatto rañño māgadhassa ajātasattussa vedehiputtassa paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vassakāro brāhmaṇo māgadhamahāmatto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘rājā, bho gotama, māgadho ajātasattu vedehiputto bhoto gotamassa pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchati. Rājā 6, bho gotama, māgadho ajātasattu vedehiputto vajjī abhiyātukāmo. So evamāha – ‘ahaṃ hime vajjī evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve ucchecchāmi, vajjī vināsessāmi, vajjī anayabyasanaṃ āpādessāmī’’’ti.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปิฎฺฐิโต ฐิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน 7ฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชี อภิณฺหํ สนฺนิปาตา สนฺนิปาตพหุลา’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี อภิณฺหํ สนฺนิปาตา สนฺนิปาตพหุลา’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี อภิณฺหํ สนฺนิปาตา ภวิสฺสนฺติ สนฺนิปาตพหุลา; วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
Tena kho pana samayena āyasmā ānando bhagavato piṭṭhito ṭhito hoti bhagavantaṃ bījayamāno 8. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjī abhiṇhaṃ sannipātā sannipātabahulā’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī abhiṇhaṃ sannipātā sannipātabahulā’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī abhiṇhaṃ sannipātā bhavissanti sannipātabahulā; vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชี สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ, สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ, สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺตี’’’ติ ฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหิสฺสนฺติ , สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กริสฺสนฺติ; วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjī samaggā sannipatanti, samaggā vuṭṭhahanti, samaggā vajjikaraṇīyāni karontī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī samaggā sannipatanti, samaggā vuṭṭhahanti, samaggā vajjikaraṇīyāni karontī’’’ti . ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī samaggā sannipatissanti, samaggā vuṭṭhahissanti , samaggā vajjikaraṇīyāni karissanti; vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชี อปญฺญตฺตํ น ปญฺญาเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ , ยถาปญฺญเตฺต โปราเณ วชฺชิธเมฺม สมาทาย วตฺตนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี อปญฺญตฺตํ น ปญฺญาเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปญฺญเตฺต โปราเณ วชฺชิธเมฺม สมาทาย วตฺตนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี อปญฺญตฺตํ น ปญฺญาเปสฺสนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทิสฺสนฺติ, ยถาปญฺญเตฺต โปราเณ วชฺชิธเมฺม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ; วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjī apaññattaṃ na paññāpenti, paññattaṃ na samucchindanti , yathāpaññatte porāṇe vajjidhamme samādāya vattantī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī apaññattaṃ na paññāpenti, paññattaṃ na samucchindanti, yathāpaññatte porāṇe vajjidhamme samādāya vattantī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī apaññattaṃ na paññāpessanti, paññattaṃ na samucchindissanti, yathāpaññatte porāṇe vajjidhamme samādāya vattissanti; vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชี เย เต วชฺชีนํ วชฺชิมหลฺลกา เต สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี เย เต วชฺชีนํ วชฺชิมหลฺลกา เต สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี เย เต วชฺชีนํ วชฺชิมหลฺลกา เต สกฺกริสฺสนฺติ ครุํ กริสฺสนฺติ มาเนสฺสนฺติ ปูเชสฺสนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺติ; วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjī ye te vajjīnaṃ vajjimahallakā te sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti, tesañca sotabbaṃ maññantī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī ye te vajjīnaṃ vajjimahallakā te sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti, tesañca sotabbaṃ maññantī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī ye te vajjīnaṃ vajjimahallakā te sakkarissanti garuṃ karissanti mānessanti pūjessanti, tesañca sotabbaṃ maññissanti; vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชี ยา ตา กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย ตา น โอกสฺส ปสยฺห วาเสนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี ยา ตา กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย ตา น โอกสฺส ปสยฺห วาเสนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท , วชฺชี ยา ตา กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย ตา น โอกสฺส ปสยฺห วาเสสฺสนฺติ; วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjī yā tā kulitthiyo kulakumāriyo tā na okassa pasayha vāsentī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī yā tā kulitthiyo kulakumāriyo tā na okassa pasayha vāsentī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda , vajjī yā tā kulitthiyo kulakumāriyo tā na okassa pasayha vāsessanti; vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชี ยานิ ตานิ วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานิ อพฺภนฺตรานิ เจว พาหิรานิ จ ตานิ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ธมฺมิกํ พลิํ โน ปริหาเปนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี ยานิ ตานิ วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานิ อพฺภนฺตรานิ เจว พาหิรานิ จ ตานิ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ธมฺมิกํ พลิํ โน ปริหาเปนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี ยานิ ตานิ วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานิ อพฺภนฺตรานิ เจว พาหิรานิ จ ตานิ สกฺกริสฺสนฺติ ครุํ กริสฺสนฺติ มาเนสฺสนฺติ ปูเชสฺสนฺติ, เตสญฺจ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ธมฺมิกํ พลิํ โน ปริหาเปสฺสนฺติ; วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjī yāni tāni vajjīnaṃ vajjicetiyāni abbhantarāni ceva bāhirāni ca tāni sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti, tesañca dinnapubbaṃ katapubbaṃ dhammikaṃ baliṃ no parihāpentī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī yāni tāni vajjīnaṃ vajjicetiyāni abbhantarāni ceva bāhirāni ca tāni sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti, tesañca dinnapubbaṃ katapubbaṃ dhammikaṃ baliṃ no parihāpentī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī yāni tāni vajjīnaṃ vajjicetiyāni abbhantarāni ceva bāhirāni ca tāni sakkarissanti garuṃ karissanti mānessanti pūjessanti, tesañca dinnapubbaṃ katapubbaṃ dhammikaṃ baliṃ no parihāpessanti; vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ – ‘วชฺชีนํ อรหเนฺตสุ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สุสํวิหิตา – กินฺติ อนาคตา จ อรหโนฺต วิชิตํ อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ อรหโนฺต วิชิเต ผาสุํ วิหเรยฺยุ’’’นฺติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชีนํ อรหเนฺตสุ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สุสํวิหิตา ภวิสฺสติ – กินฺติ อนาคตา จ อรหโนฺต วิชิตํ อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ อรหโนฺต วิชิเต ผาสุํ วิหเรยฺยุ’’’นฺติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชีนํ อรหเนฺตสุ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สุสํวิหิตา ภวิสฺสติ – ‘กินฺติ อนาคตา จ อรหโนฺต วิชิตํ อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ อรหโนฺต วิชิเต ผาสุํ วิหเรยฺยุ’นฺติ; วุทฺธิเยว, อานนฺท , วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ – ‘vajjīnaṃ arahantesu dhammikā rakkhāvaraṇagutti susaṃvihitā – kinti anāgatā ca arahanto vijitaṃ āgaccheyyuṃ, āgatā ca arahanto vijite phāsuṃ vihareyyu’’’nti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjīnaṃ arahantesu dhammikā rakkhāvaraṇagutti susaṃvihitā bhavissati – kinti anāgatā ca arahanto vijitaṃ āgaccheyyuṃ, āgatā ca arahanto vijite phāsuṃ vihareyyu’’’nti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjīnaṃ arahantesu dhammikā rakkhāvaraṇagutti susaṃvihitā bhavissati – ‘kinti anāgatā ca arahanto vijitaṃ āgaccheyyuṃ, āgatā ca arahanto vijite phāsuṃ vihareyyu’nti; vuddhiyeva, ānanda , vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti.
อถ โข ภควา วสฺสการํ พฺราหฺมณํ มาคธมหามตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอกมิทาหํ, พฺราหฺมณ, สมยํ เวสาลิยํ วิหรามิ สารนฺทเท เจติเยฯ ตตฺราหํ, พฺราหฺมณ, วชฺชีนํ อิเม สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสิํฯ ยาวกีวญฺจ, พฺราหฺมณ, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา วชฺชีสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ วชฺชี สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ; วุทฺธิเยว, พฺราหฺมณ, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติฯ
Atha kho bhagavā vassakāraṃ brāhmaṇaṃ māgadhamahāmattaṃ āmantesi – ‘‘ekamidāhaṃ, brāhmaṇa, samayaṃ vesāliyaṃ viharāmi sārandade cetiye. Tatrāhaṃ, brāhmaṇa, vajjīnaṃ ime satta aparihāniye dhamme desesiṃ. Yāvakīvañca, brāhmaṇa, ime satta aparihāniyā dhammā vajjīsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu vajjī sandississanti; vuddhiyeva, brāhmaṇa, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti.
‘‘เอกเมเกนปิ 9 โภ, โคตม, อปริหานิเยน ธเมฺมน สมนฺนาคตานํ วชฺชีนํ วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิ; โก ปน วาโท สตฺตหิ อปริหานิเยหิ ธเมฺมหิ! อกรณียา จ, โภ โคตม, วชฺชี รญฺญา มาคเธน อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุเตฺตน ยทิทํ ยุทฺธสฺส, อญฺญตฺร อุปลาปนาย 10, อญฺญตฺร มิถุเภทาฯ หนฺท จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม, พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มาคธมหามโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามีติฯ ทุติยํฯ
‘‘Ekamekenapi 11 bho, gotama, aparihāniyena dhammena samannāgatānaṃ vajjīnaṃ vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni; ko pana vādo sattahi aparihāniyehi dhammehi! Akaraṇīyā ca, bho gotama, vajjī raññā māgadhena ajātasattunā vedehiputtena yadidaṃ yuddhassa, aññatra upalāpanāya 12, aññatra mithubhedā. Handa ca dāni mayaṃ, bho gotama, gacchāma, bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, brāhmaṇa, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho vassakāro brāhmaṇo māgadhamahāmatto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmīti. Dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. วสฺสการสุตฺตวณฺณนา • 2. Vassakārasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. วสฺสการสุตฺตวณฺณนา • 2. Vassakārasuttavaṇṇanā