Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā

    ๖๒๖. เตน สมเยนาติ วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ วสฺสิกสาฎิกา อนุญฺญาตาติ จีวรกฺขนฺธเก วิสาขาวตฺถุสฺมิํ (มหาว. ๓๔๙ อาทโย) อนุญฺญาตาฯ ปฎิกเจฺจวาติ ปุเรเยวฯ

    626.Tena samayenāti vassikasāṭikasikkhāpadaṃ. Tattha vassikasāṭikā anuññātāti cīvarakkhandhake visākhāvatthusmiṃ (mahāva. 349 ādayo) anuññātā. Paṭikaccevāti pureyeva.

    ๖๒๗. มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ จตุนฺนํ คิมฺหมาสานํ เอโก ปจฺฉิมมาโส เสโสฯ กตฺวาติ สิพฺพนรชนกปฺปปริโยสาเนน นิฎฺฐเปตฺวาฯ กโรเนฺตน จ เอกเมว กตฺวา สมเย อธิฎฺฐาตพฺพํ, เทฺว อธิฎฺฐาตุํ น วฎฺฎนฺติฯ

    627.Māso seso gimhānanti catunnaṃ gimhamāsānaṃ eko pacchimamāso seso. Katvāti sibbanarajanakappapariyosānena niṭṭhapetvā. Karontena ca ekameva katvā samaye adhiṭṭhātabbaṃ, dve adhiṭṭhātuṃ na vaṭṭanti.

    อติเรกมาเส เสเส คิมฺหาเนติ คิมฺหานนามเก อติเรกมาเส เสเสฯ

    Atirekamāse sese gimhāneti gimhānanāmake atirekamāse sese.

    อติเรกทฺธมาเส เสเส คิมฺหาเน กตฺวา นิวาเสตีติ เอตฺถ ปน ฐตฺวา วสฺสิกสาฎิกาย ปริเยสนเกฺขตฺตํ กรณเกฺขตฺตํ นิวาสนเกฺขตฺตํ อธิฎฺฐานเกฺขตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ เขตฺตํ, กุจฺฉิสมโย ปิฎฺฐิสมโยติ ทุวิโธ สมโย, ปิฎฺฐิสมยจตุกฺกํ กุจฺฉิสมยจตุกฺกนฺติ เทฺว จตุกฺกานิ จ เวทิตพฺพานิฯ

    Atirekaddhamāsesese gimhāne katvā nivāsetīti ettha pana ṭhatvā vassikasāṭikāya pariyesanakkhettaṃ karaṇakkhettaṃ nivāsanakkhettaṃ adhiṭṭhānakkhettanti catubbidhaṃ khettaṃ, kucchisamayo piṭṭhisamayoti duvidho samayo, piṭṭhisamayacatukkaṃ kucchisamayacatukkanti dve catukkāni ca veditabbāni.

    ตตฺถ เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กาฬปกฺขุโปสถา, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเกฺขตฺตเญฺจว กรณเกฺขตฺตญฺจฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร วสฺสิกสาฎิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ ลทฺธํ กาตุญฺจ วฎฺฎติ, นิวาเสตุํ อธิฎฺฐาตุญฺจ น วฎฺฎติฯ กาฬปกฺขุโปสถสฺส ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว อาสาฬฺหีปุณฺณมา, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนกรณนิวาสนานํ ติณฺณมฺปิ เขตฺตํฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร ปริเยสิตุํ กาตุํ นิวาเสตุญฺจ วฎฺฎติ, อธิฎฺฐาตุํเยว น วฎฺฎติฯ อาสาฬฺหีปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกปุณฺณมา, อิเม จตฺตาโร มาสา ปริเยสนกรณนิวาสนาธิฎฺฐานานํ จตุนฺนํ เขตฺตํฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร อลทฺธํ ปริเยสิตุํ ลทฺธํ กาตุํ นิวาเสตุํ อธิฎฺฐาตุญฺจ วฎฺฎติฯ อิทํ ตาว จตุพฺพิธํ เขตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha jeṭṭhamūlapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva kāḷapakkhuposathā, ayameko addhamāso pariyesanakkhettañceva karaṇakkhettañca. Etasmiñhi antare vassikasāṭikaṃ aladdhaṃ pariyesituṃ laddhaṃ kātuñca vaṭṭati, nivāsetuṃ adhiṭṭhātuñca na vaṭṭati. Kāḷapakkhuposathassa pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva āsāḷhīpuṇṇamā, ayameko addhamāso pariyesanakaraṇanivāsanānaṃ tiṇṇampi khettaṃ. Etasmiñhi antare pariyesituṃ kātuṃ nivāsetuñca vaṭṭati, adhiṭṭhātuṃyeva na vaṭṭati. Āsāḷhīpuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva kattikapuṇṇamā, ime cattāro māsā pariyesanakaraṇanivāsanādhiṭṭhānānaṃ catunnaṃ khettaṃ. Etasmiñhi antare aladdhaṃ pariyesituṃ laddhaṃ kātuṃ nivāsetuṃ adhiṭṭhātuñca vaṭṭati. Idaṃ tāva catubbidhaṃ khettaṃ veditabbaṃ.

    กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปน ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว เชฎฺฐมูลปุณฺณมา, อิเม สตฺต มาสา ปิฎฺฐิสมโย นามฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร ‘‘กาโล วสฺสิกสาฎิกายา’’ติอาทินา นเยน สตุปฺปาทํ กตฺวา อญฺญาตกอปฺปวาริตฎฺฐานโต วสฺสิกสาฎิกจีวรํ นิปฺผาเทนฺตสฺส อิมินา สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ‘‘เทถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวร’’นฺติอาทินา นเยน วิญฺญตฺติํ กตฺวา นิปฺผาเทนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ วุตฺตนเยเนว สตุปฺปาทํ กตฺวา ญาตกปวาริตฎฺฐานโต นิปฺผาเทนฺตสฺส อิมินาว สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ ฯ วิญฺญตฺติํ กตฺวา นิปฺผาเทนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน อนาปตฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ ปริวาเร

    Kattikapuṇṇamāsiyā pana pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva jeṭṭhamūlapuṇṇamā, ime satta māsā piṭṭhisamayo nāma. Etasmiñhi antare ‘‘kālo vassikasāṭikāyā’’tiādinā nayena satuppādaṃ katvā aññātakaappavāritaṭṭhānato vassikasāṭikacīvaraṃ nipphādentassa iminā sikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. ‘‘Detha me vassikasāṭikacīvara’’ntiādinā nayena viññattiṃ katvā nipphādentassa aññātakaviññattisikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Vuttanayeneva satuppādaṃ katvā ñātakapavāritaṭṭhānato nipphādentassa imināva sikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ . Viññattiṃ katvā nipphādentassa aññātakaviññattisikkhāpadena anāpatti. Vuttañhetaṃ parivāre

    ‘‘มาตรํ จีวรํ ยาเจ, โน จ สเงฺฆ ปริณตํ;

    ‘‘Mātaraṃ cīvaraṃ yāce, no ca saṅghe pariṇataṃ;

    เกนสฺส โหติ อาปตฺติ, อนาปตฺติ จ ญาตเก;

    Kenassa hoti āpatti, anāpatti ca ñātake;

    ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๑);

    Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 481);

    อยญฺหิ ปโญฺห อิมมตฺถํ สนฺธาย วุโตฺตติฯ เอวํ ปิฎฺฐิสมยจตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ

    Ayañhi pañho imamatthaṃ sandhāya vuttoti. Evaṃ piṭṭhisamayacatukkaṃ veditabbaṃ.

    เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิยา ปน ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกปุณฺณมา, อิเม ปญฺจ มาสา กุจฺฉิสมโย นามฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร วุตฺตนเยน สตุปฺปาทํ กตฺวา อญฺญาตกอปฺปวาริตฎฺฐานโต วสฺสิกสาฎิกจีวรํ นิปฺผาเทนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฎํฯ เย มนุสฺสา ปุเพฺพปิ วสฺสิกสาฎิกจีวรํ เทนฺติ, อิเม ปน สเจปิ อตฺตโน อญฺญาตกอปฺปวาริตา โหนฺติ, วตฺตเภโท นตฺถิ, เตสุ สตุปฺปาทกรณสฺส อนุญฺญาตตฺตาฯ วิญฺญติํ กตฺวา นิปฺผาเทนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ อิทํ ปน ปกติยา วสฺสิกสาฎิกทายเกสุปิ โหติเยวฯ วุตฺตนเยเนว สตุปฺปาทํ กตฺวา ญาตกปวาริตฎฺฐานโต นิปฺผาเทนฺตสฺส อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติฯ วิญฺญตฺติํ กตฺวา นิปฺผาเทนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน อนาปตฺติฯ ‘‘น วตฺตพฺพา เทถ เม’’ติ อิทญฺหิ ปริเยสนกาเล อญฺญาตกอปฺปวาริเตเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ เอวํ กุจฺฉิสมยจตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ

    Jeṭṭhamūlapuṇṇamāsiyā pana pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva kattikapuṇṇamā, ime pañca māsā kucchisamayo nāma. Etasmiñhi antare vuttanayena satuppādaṃ katvā aññātakaappavāritaṭṭhānato vassikasāṭikacīvaraṃ nipphādentassa vattabhede dukkaṭaṃ. Ye manussā pubbepi vassikasāṭikacīvaraṃ denti, ime pana sacepi attano aññātakaappavāritā honti, vattabhedo natthi, tesu satuppādakaraṇassa anuññātattā. Viññatiṃ katvā nipphādentassa aññātakaviññattisikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Idaṃ pana pakatiyā vassikasāṭikadāyakesupi hotiyeva. Vuttanayeneva satuppādaṃ katvā ñātakapavāritaṭṭhānato nipphādentassa iminā sikkhāpadena anāpatti. Viññattiṃ katvā nipphādentassa aññātakaviññattisikkhāpadena anāpatti. ‘‘Na vattabbā detha me’’ti idañhi pariyesanakāle aññātakaappavāriteyeva sandhāya vuttaṃ. Evaṃ kucchisamayacatukkaṃ veditabbaṃ.

    นโคฺค กายํ โอวสฺสาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอตฺถ อุทกผุสิตคณนาย อกตฺวา นฺหานปริโยสานวเสน ปโยเค ปโยเค ทุกฺกเฎน กาเรตโพฺพฯ โส จ โข วิวฎงฺคเณ อากาสโต ปติตอุทเกเนว นฺหายโนฺตฯ นฺหานโกฎฺฐกวาปิอาทีสุ ฆเฎหิ อาสิตฺตอุทเกน วา นฺหายนฺตสฺส อนาปตฺติฯ

    Naggo kāyaṃ ovassāpeti, āpatti dukkaṭassāti ettha udakaphusitagaṇanāya akatvā nhānapariyosānavasena payoge payoge dukkaṭena kāretabbo. So ca kho vivaṭaṅgaṇe ākāsato patitaudakeneva nhāyanto. Nhānakoṭṭhakavāpiādīsu ghaṭehi āsittaudakena vā nhāyantassa anāpatti.

    วสฺสํ อุกฺกฑฺฒิยตีติ เอตฺถ สเจ กตปริเยสิตาย วสฺสิกสาฎิกาย คิมฺหานํ ปจฺฉิม มาสํ เขเปตฺวา ปุน วสฺสานสฺส ปฐมมาสํ อุกฺกฑฺฒิตฺวา คิมฺหานํ ปจฺฉิมมาสเมว กโรนฺติ, วสฺสิกสาฎิกา โธวิตฺวา นิกฺขิปิตพฺพาฯ อนธิฎฺฐิตา อวิกปฺปิตา เทฺว มาเส ปริหารํ ลภติ, วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฎฺฐาตพฺพาฯ สเจ สติสโมฺมเสน วา อปฺปโหนกภาเวน วา อกตา โหติ, เต จ เทฺว มาเส วสฺสานสฺส จ จาตุมาสนฺติ ฉ มาเส ปริหารํ ลภติฯ สเจ ปน กตฺติกมาเส กถินํ อตฺถรียติ, อปเรปิ จตฺตาโร มาเส ลภติ, เอวํ ทส มาสา โหนฺติฯ ตโต ปรมฺปิ สติยา ปจฺจาสาย มูลจีวรํ กตฺวา ฐเปนฺตสฺส เอกมาสนฺติ เอวํ เอกาทส มาเส ปริหารํ ลภติฯ สเจ ปน เอกาหทฺวีหาทิวเสน ยาว ทสาหานาคตาย วสฺสูปนายิกาย อโนฺตวเสฺส วา ลทฺธา เจว นิฎฺฐิตา จ, กทา อธิฎฺฐาตพฺพาติ เอตํ อฎฺฐกถาสุ น วิจาริตํฯ ลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย อโนฺตทสาเห นิฎฺฐิตา ปน ตสฺมิํเยว อโนฺตทสาเห อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ทสาหาติกฺกเม นิฎฺฐิตา ตทเหว อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ทสาเห อปฺปโหเนฺต จีวรกาลํ นาติกฺกเมตพฺพาติ อยํ โน อตฺตโนมติฯ กสฺมา? ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฎฺฐาตุํ น วิกเปฺปตุํ; วสฺสิกสาฎิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฎฺฐาตุํ, ตโต ปรํ วิกเปฺปตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๕๘) หิ วุตฺตํฯ ตสฺมา วสฺสูปนายิกโต ปุเพฺพ ทสาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ‘‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๔๖๒) จ วุตฺตํฯ ตสฺมา เอกาหทฺวีหาทิวเสน ยาว ทสาหานาคตาย วสฺสูปนายิกาย อโนฺตวเสฺส วา ลทฺธา เจว นิฎฺฐิตา จ วุตฺตนเยเนว อโนฺตทสาเห วา ตทหุ วา อธิฎฺฐาตพฺพา, ทสาเห อปฺปโหเนฺต จีวรกาลํ นาติกฺกเมตพฺพาฯ

    Vassaṃ ukkaḍḍhiyatīti ettha sace katapariyesitāya vassikasāṭikāya gimhānaṃ pacchima māsaṃ khepetvā puna vassānassa paṭhamamāsaṃ ukkaḍḍhitvā gimhānaṃ pacchimamāsameva karonti, vassikasāṭikā dhovitvā nikkhipitabbā. Anadhiṭṭhitā avikappitā dve māse parihāraṃ labhati, vassūpanāyikadivase adhiṭṭhātabbā. Sace satisammosena vā appahonakabhāvena vā akatā hoti, te ca dve māse vassānassa ca cātumāsanti cha māse parihāraṃ labhati. Sace pana kattikamāse kathinaṃ attharīyati, aparepi cattāro māse labhati, evaṃ dasa māsā honti. Tato parampi satiyā paccāsāya mūlacīvaraṃ katvā ṭhapentassa ekamāsanti evaṃ ekādasa māse parihāraṃ labhati. Sace pana ekāhadvīhādivasena yāva dasāhānāgatāya vassūpanāyikāya antovasse vā laddhā ceva niṭṭhitā ca, kadā adhiṭṭhātabbāti etaṃ aṭṭhakathāsu na vicāritaṃ. Laddhadivasato paṭṭhāya antodasāhe niṭṭhitā pana tasmiṃyeva antodasāhe adhiṭṭhātabbā. Dasāhātikkame niṭṭhitā tadaheva adhiṭṭhātabbā. Dasāhe appahonte cīvarakālaṃ nātikkametabbāti ayaṃ no attanomati. Kasmā? ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ticīvaraṃ adhiṭṭhātuṃ na vikappetuṃ; vassikasāṭikaṃ vassānaṃ cātumāsaṃ adhiṭṭhātuṃ, tato paraṃ vikappetu’’nti (mahāva. 358) hi vuttaṃ. Tasmā vassūpanāyikato pubbe dasāhātikkamepi anāpatti. ‘‘Dasāhaparamaṃ atirekacīvaraṃ dhāretabba’’nti (pārā. 462) ca vuttaṃ. Tasmā ekāhadvīhādivasena yāva dasāhānāgatāya vassūpanāyikāya antovasse vā laddhā ceva niṭṭhitā ca vuttanayeneva antodasāhe vā tadahu vā adhiṭṭhātabbā, dasāhe appahonte cīvarakālaṃ nātikkametabbā.

    ตตฺถ สิยา ‘‘วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฎฺฐาตุ’’นฺติ วจนโต ‘‘จาตุมาสพฺภนฺตเร ยทา วา ตทา วา อธิฎฺฐาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ยทิ เอวํ, ‘‘กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิํ ยาว อาพาธา อธิฎฺฐาตุ’’นฺติ วุตฺตํ สาปิ, จ ทสาหํ อติกฺกาเมตพฺพา สิยาฯ เอวญฺจ สติ ‘‘ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ วิรุชฺฌติฯ ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว คเหตพฺพํ, อญฺญํ วา อจลํ การณํ ลภิตฺวา ฉเฑฺฑตพฺพํฯ อปิจ กุรุนฺทิยมฺปิ นิสฺสคฺคิยาวสาเน วุตฺตํ – ‘‘กทา อธิฎฺฐาตพฺพา? ลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย อโนฺตทสาเห นิฎฺฐิตา ปน ตสฺมิํเยว อโนฺตทสาเห อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ยทิ นปฺปโหติ ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภตี’’ติฯ

    Tattha siyā ‘‘vassānaṃ cātumāsaṃ adhiṭṭhātu’’nti vacanato ‘‘cātumāsabbhantare yadā vā tadā vā adhiṭṭhātuṃ vaṭṭatī’’ti. Yadi evaṃ, ‘‘kaṇḍuppaṭicchādiṃ yāva ābādhā adhiṭṭhātu’’nti vuttaṃ sāpi, ca dasāhaṃ atikkāmetabbā siyā. Evañca sati ‘‘dasāhaparamaṃ atirekacīvaraṃ dhāretabba’’nti idaṃ virujjhati. Tasmā yathāvuttameva gahetabbaṃ, aññaṃ vā acalaṃ kāraṇaṃ labhitvā chaḍḍetabbaṃ. Apica kurundiyampi nissaggiyāvasāne vuttaṃ – ‘‘kadā adhiṭṭhātabbā? Laddhadivasato paṭṭhāya antodasāhe niṭṭhitā pana tasmiṃyeva antodasāhe adhiṭṭhātabbā. Yadi nappahoti yāva kattikapuṇṇamā parihāraṃ labhatī’’ti.

    ๖๓๐. อจฺฉินฺนจีวรสฺสาติ เอตํ วสฺสิกสาฎิกเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ เตสญฺหิ นคฺคานํ กาโยวสฺสาปเน อนาปตฺติฯ เอตฺถ จ มหคฺฆวสฺสิกสาฎิกํ นิวาเสตฺวา นฺหายนฺตสฺส โจรุปทฺทโว อาปทา นามฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    630.Acchinnacīvarassāti etaṃ vassikasāṭikameva sandhāya vuttaṃ. Tesañhi naggānaṃ kāyovassāpane anāpatti. Ettha ca mahagghavassikasāṭikaṃ nivāsetvā nhāyantassa corupaddavo āpadā nāma. Sesamettha uttānameva.

    ฉสมุฎฺฐานํ , กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Chasamuṭṭhānaṃ , kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทํ • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact