Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā

    ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā

    ปจฺฉิมมาสสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐายาติ เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐายฯ ตาวาติ ตาว ปริมาเณ กาเลฯ เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกปุณฺณมา, อิมสฺมิํ ปญฺจมาเสติ อโตฺถฯ กาโล วสฺสิกสาฎิกายาติอาทินาติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ‘‘สมโย วสฺสิกสาฎิกาย, อเญฺญปิ มนุสฺสา วสฺสิกสาฎิกจีวรํ เทนฺตี’’ติ (ปารา. ๖๒๘) อิเมสํ คหณํฯ เทถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวรนฺติอาทิกายาติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ปน ‘‘อาหรถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวรํ, ปริวเตฺตถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวรํ, เจตาเปถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวร’’นฺติ อิเมสํ คหณํฯ อตฺตโน อญฺญาตกอปฺปวาริเตสุ ตทุภยํ กโรนฺตสฺส กิํ โหตีติ อาห ‘‘อญฺญาตกอปฺปวาริตฎฺฐาเน’’ติอาทิฯ ‘‘วตฺตเภเท ทุกฺกฎ’’นฺติ อิทํ วสฺสิกสาฎิกํ ปุเพฺพ อเทเนฺต สนฺธาย วุตฺตํฯ เย ปน ปุเพฺพปิ เทนฺติ, เตสุ วตฺตเภโท นตฺถิฯ วุตฺตญฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘เย มนุสฺสา ปุเพฺพปิ วสฺสิกสาฎิกจีวรํ เทนฺติ, อิเม ปน สเจปิ อตฺตโน อญฺญาตกอปฺปวาริตา โหนฺติ, วตฺตเภโท นตฺถิ เตสุ สตุปฺปาทกรณสฺส อนุญฺญาตตฺตา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๘)ฯ อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาตกํ คหปติํ วา คหปตานิํ วา จีวรํ วิญฺญาเปยฺย อญฺญตฺร สมยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๕๑๘) อิมินา สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ อิทํ ปน ปกติยา วสฺสิกสาฎิกทายเกสุปิ โหติเยวฯ

    Pacchimamāsassapaṭhamadivasato paṭṭhāyāti jeṭṭhamūlapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya. Tāvāti tāva parimāṇe kāle. Jeṭṭhamūlapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva kattikapuṇṇamā, imasmiṃ pañcamāseti attho. Kālo vassikasāṭikāyātiādināti ettha ādisaddena ‘‘samayo vassikasāṭikāya, aññepi manussā vassikasāṭikacīvaraṃ dentī’’ti (pārā. 628) imesaṃ gahaṇaṃ. Detha me vassikasāṭikacīvarantiādikāyāti ettha ādisaddena pana ‘‘āharatha me vassikasāṭikacīvaraṃ, parivattetha me vassikasāṭikacīvaraṃ, cetāpetha me vassikasāṭikacīvara’’nti imesaṃ gahaṇaṃ. Attano aññātakaappavāritesu tadubhayaṃ karontassa kiṃ hotīti āha ‘‘aññātakaappavāritaṭṭhāne’’tiādi. ‘‘Vattabhede dukkaṭa’’nti idaṃ vassikasāṭikaṃ pubbe adente sandhāya vuttaṃ. Ye pana pubbepi denti, tesu vattabhedo natthi. Vuttañhi samantapāsādikāyaṃ ‘‘ye manussā pubbepi vassikasāṭikacīvaraṃ denti, ime pana sacepi attano aññātakaappavāritā honti, vattabhedo natthi tesu satuppādakaraṇassa anuññātattā’’ti (pārā. aṭṭha. 2.628). Aññātakaviññattisikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyanti ‘‘yo pana bhikkhu aññātakaṃ gahapatiṃ vā gahapatāniṃ vā cīvaraṃ viññāpeyya aññatra samayā, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti (pārā. 518) iminā sikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Idaṃ pana pakatiyā vassikasāṭikadāyakesupi hotiyeva.

    คิมฺหานํ ปจฺฉิมทฺธมาสสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐายาติ เอตฺถ เชฎฺฐมูลกาฬปกฺขูโปสถสฺส ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว อาสาฬฺหิปุณฺณมา, อยมทฺธมาโส คิมฺหานํ ปจฺฉิมทฺธมาโส นาม, ตสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถ, อทฺธมาสสฺส ปฐมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐายาติ วุตฺตํ โหติฯ กตฺติกมาสสฺส ปจฺฉิมทิวโส นาม ปจฺฉิมกตฺติกมาสสฺส ปุณฺณมาฯ เอตฺตาวตาติ ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ ภิกฺขุนา วสฺสิกสาฎิกจีวรํ ปริเยสิตพฺพํ, อทฺธมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ เอตฺตเกน คณเนนฯ ปริเยสนเกฺขตฺตนฺติ ปริเยสนสฺส เขตฺตํฯ เอตสฺมิญฺหิ มาเส วสฺสิกสาฎิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ วฎฺฎติฯ กรณนิวาสนเกฺขตฺตมฺปีติ กรณเกฺขตฺตเญฺจว นิวาสนเกฺขตฺตญฺจฯ ปิ-สเทฺทน ปริเยสนเกฺขตฺตํ สมฺปิเณฺฑติฯ เอตสฺมิญฺหิ อทฺธมาเส ปริเยสิตุํ, กาตุํ, นิวาเสตุญฺจ วฎฺฎติ, อธิฎฺฐาตุํเยว น วฎฺฎติฯ ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กาลปกฺขุโปสโถ, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเกฺขตฺตเญฺจว กรณเกฺขตฺตญฺจฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร วสฺสิกสาฎิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ , ลทฺธํ กาตุญฺจ วฎฺฎติ, นิวาเสตุํ, อธิฎฺฐาตุญฺจ น วฎฺฎตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๘) วจนํ ทิสฺสติ, ตํ ปมาทลิขิตํ มาติกาย วิโรธโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘อทฺธมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๖๒๗) หิ ปาฬิฯ สพฺพมฺปีติ ปริเยสนํ, กรณํ, นิวาสนํ, อธิฎฺฐานญฺจาติ สพฺพมฺปิฯ อิมินา อิเม จตฺตาโร มาสา ปริเยสนกรณนิวาสนาธิฎฺฐานานํ จตุนฺนมฺปิ เขตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ เอเตสุ หิ จตูสุ มาเสสุ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ, ลทฺธํ กาตุํ, นิวาเสตุํ, อธิฎฺฐาตุญฺจ วฎฺฎติฯ

    Gimhānaṃ pacchimaddhamāsassa paṭhamadivasato paṭṭhāyāti ettha jeṭṭhamūlakāḷapakkhūposathassa pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva āsāḷhipuṇṇamā, ayamaddhamāso gimhānaṃ pacchimaddhamāso nāma, tassa paṭhamadivasato paṭṭhāyāti attho, addhamāsassa paṭhamapāṭipadadivasato paṭṭhāyāti vuttaṃ hoti. Kattikamāsassa pacchimadivaso nāma pacchimakattikamāsassa puṇṇamā. Ettāvatāti ‘‘māso seso gimhānanti bhikkhunā vassikasāṭikacīvaraṃ pariyesitabbaṃ, addhamāso seso gimhānanti katvā nivāsetabba’’nti ettakena gaṇanena. Pariyesanakkhettanti pariyesanassa khettaṃ. Etasmiñhi māse vassikasāṭikaṃ aladdhaṃ pariyesituṃ vaṭṭati. Karaṇanivāsanakkhettampīti karaṇakkhettañceva nivāsanakkhettañca. Pi-saddena pariyesanakkhettaṃ sampiṇḍeti. Etasmiñhi addhamāse pariyesituṃ, kātuṃ, nivāsetuñca vaṭṭati, adhiṭṭhātuṃyeva na vaṭṭati. Yaṃ pana samantapāsādikāyaṃ katthaci potthake ‘‘jeṭṭhamūlapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva kālapakkhuposatho, ayameko addhamāso pariyesanakkhettañceva karaṇakkhettañca. Etasmiñhi antare vassikasāṭikaṃ aladdhaṃ pariyesituṃ , laddhaṃ kātuñca vaṭṭati, nivāsetuṃ, adhiṭṭhātuñca na vaṭṭatī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.628) vacanaṃ dissati, taṃ pamādalikhitaṃ mātikāya virodhatoti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Addhamāso seso gimhānanti katvā nivāsetabba’’nti (pārā. 627) hi pāḷi. Sabbampīti pariyesanaṃ, karaṇaṃ, nivāsanaṃ, adhiṭṭhānañcāti sabbampi. Iminā ime cattāro māsā pariyesanakaraṇanivāsanādhiṭṭhānānaṃ catunnampi khettanti dasseti. Etesu hi catūsu māsesu aladdhaṃ pariyesituṃ, laddhaṃ kātuṃ, nivāsetuṃ, adhiṭṭhātuñca vaṭṭati.

    วสฺสํ อุกฺกฑฺฒียตีติ สํวจฺฉรํ อุทฺธํ กฑฺฒียติ วฑฺฒียติ, อารุยฺหตีติ อโตฺถ, วสฺสานสฺส ปฐมมาสํ อุกฺกฑฺฒิตฺวา คิมฺหานํ ปจฺฉิมมาสเมว กโรนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฎฺฐาตพฺพาติ วสฺสานโต ปุเพฺพเยว ทสาหสฺส อติกฺกนฺตตฺตา วสฺสูปนายิกทิวเสเยว อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ตญฺหิ ทิวสํ อติกฺกาเมตุํ น วฎฺฎติฯ อโนฺตวเสฺส ปน ลทฺธา เจว นิฎฺฐิตา จ ตสฺมิํเยว อโนฺตวเสฺส ลทฺธทิวสโต ปฎฺฐาย ทสาหํ นาติกฺกาเมตพฺพา, ทสาหาติกฺกเม นิฎฺฐิตา ปน ตทเหว อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ทสาเห อปฺปโหเนฺต จีวรกาลํ นาติกฺกาเมตพฺพาฯ อยํ ตาว กตาย ปริหาโรฯ อกตาย ปน โก ปริหาโรติ อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิฯ เอกาหมฺปิ น ลภติ อิโต อญฺญสฺส ปริหารสฺสาภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ

    Vassaṃ ukkaḍḍhīyatīti saṃvaccharaṃ uddhaṃ kaḍḍhīyati vaḍḍhīyati, āruyhatīti attho, vassānassa paṭhamamāsaṃ ukkaḍḍhitvā gimhānaṃ pacchimamāsameva karontīti vuttaṃ hoti. Vassūpanāyikadivase adhiṭṭhātabbāti vassānato pubbeyeva dasāhassa atikkantattā vassūpanāyikadivaseyeva adhiṭṭhātabbā. Tañhi divasaṃ atikkāmetuṃ na vaṭṭati. Antovasse pana laddhā ceva niṭṭhitā ca tasmiṃyeva antovasse laddhadivasato paṭṭhāya dasāhaṃ nātikkāmetabbā, dasāhātikkame niṭṭhitā pana tadaheva adhiṭṭhātabbā. Dasāhe appahonte cīvarakālaṃ nātikkāmetabbā. Ayaṃ tāva katāya parihāro. Akatāya pana ko parihāroti āha ‘‘sace’’tiādi. Ekāhampi na labhati ito aññassa parihārassābhāvatoti adhippāyo.

    โส กุโต โหตีติ อาห ‘‘ยาว เหมนฺตสฺส ปฐมทิวโส’’ติ, เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิโต ปฎฺฐาย ยาว กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวโส, ตาวาติ อโตฺถฯ เอเตสุ สตฺตสุ ปิฎฺฐิสมยมาเสสูติ ปฎิโลมกฺกเมน วุเตฺตสุ กตฺติกปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปทาทีสุ เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสาวสาเนสุ เอเตสุ สตฺตสุ ปิฎฺฐิสมยนามเกสุ มาเสสุฯ สตุปฺปาทกรเณนาติ ‘‘กาโล วสฺสิกสาฎิกายา’’ติอาทินา นเยน สตุปฺปาทกรเณนฯ วิญฺญาเปนฺตสฺสาติ ‘‘เทถ เม วสฺสิกสาฎิกจีวร’’นฺติอาทินา (ปารา. ๖๒๘) นเยน วิญฺญตฺติํ กโรนฺตสฺสฯ เตน สิกฺขาปเทน อนาปตฺตีติ อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิมินา ปน สิกฺขาปเทน อาปตฺติเยว อสมยตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภทนฺตพุทฺธทตฺตาจริเยน

    So kuto hotīti āha ‘‘yāva hemantassa paṭhamadivaso’’ti, jeṭṭhamūlapuṇṇamāsito paṭṭhāya yāva kattikapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivaso, tāvāti attho. Etesu sattasu piṭṭhisamayamāsesūti paṭilomakkamena vuttesu kattikapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadādīsu jeṭṭhamūlapuṇṇamāsāvasānesu etesu sattasu piṭṭhisamayanāmakesu māsesu. Satuppādakaraṇenāti ‘‘kālo vassikasāṭikāyā’’tiādinā nayena satuppādakaraṇena. Viññāpentassāti ‘‘detha me vassikasāṭikacīvara’’ntiādinā (pārā. 628) nayena viññattiṃ karontassa. Tena sikkhāpadena anāpattīti aññātakaviññattisikkhāpadena anāpatti, iminā pana sikkhāpadena āpattiyeva asamayattā. Vuttañhetaṃ bhadantabuddhadattācariyena

    ‘‘กตฺวา ปน สตุปฺปาทํ, วสฺสสาฎิกจีวรํ;

    ‘‘Katvā pana satuppādaṃ, vassasāṭikacīvaraṃ;

    นิปฺผาเทนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส, สมเย ปิฎฺฐิสมฺมเตฯ

    Nipphādentassa bhikkhussa, samaye piṭṭhisammate.

    ‘‘โหติ นิสฺสคฺคิยาปตฺติ, ญาตกาญฺญาตกาทิโน;

    ‘‘Hoti nissaggiyāpatti, ñātakāññātakādino;

    เตสุเยว จ วิญฺญตฺติํ, กตฺวา นิปฺผาทเน ตถา’’ติฯ

    Tesuyeva ca viññattiṃ, katvā nipphādane tathā’’ti.

    เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภเนฺต, วสฺสิกสาฎิกจีวรํ อติเรกมาเส เสเส คิมฺหาเน ปริยิฎฺฐํ อติเรกทฺธมาเส เสเส คิมฺหาเน กตฺวา ปริทหิตํ นิสฺสคฺคิย’’นฺติ อิมินา (ปารา. ๖๒๘) นเยน นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํฯ

    Ettha ca ‘‘idaṃ me, bhante, vassikasāṭikacīvaraṃ atirekamāse sese gimhāne pariyiṭṭhaṃ atirekaddhamāse sese gimhāne katvā paridahitaṃ nissaggiya’’nti iminā (pārā. 628) nayena nissajjanavidhānaṃ veditabbaṃ.

    วสฺสิกสาฎิกปริเยสนวตฺถุสฺมินฺติ ปฎิกเจฺจว วสฺสิกสาฎิกปริเยสนวตฺถุสฺมิํฯ ติกปาจิตฺติยนฺติ อติเรกมาสทฺธมาเสสุ อติเรกสญฺญิเวมติกอูนกสญฺญีนํ ปริเยสนนิวาสนวเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิ, เอกเสสนิเทฺทโส จายํ, สามญฺญนิเทฺทโส วาฯ อูนกมาสทฺธมาเสสูติ อูนกมาเส เจว อูนกทฺธมาเส จฯ อติเรกสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎนฺติ เอตฺถ ‘‘ปริเยสนนิวาสนํ กโรนฺตสฺสา’’ติ ปาฐเสโสฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อูนกมาเส เสเส คิมฺหาเน อติเรกสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ปริเยสนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, อูนกทฺธมาเส เสเส คิมฺหาเน จ อติเรกสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา นิวาเสนฺตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ทุกฺกฎํ อติทิสติ, ตญฺจ ทุกฺกฎํ อุทกผุสิตคณนาย อกตฺวา นฺหานปริโยสานวเสน ปโยเค ปโยเค กาเรตพฺพํ, ตญฺจ โข วิวฎงฺคเณ อากาสโต ปติตอุทเกเนว นฺหายนฺตสฺส, น นฺหานโกฎฺฐกวาปิอาทีสุ ฆเฎหิ อาสิตฺตูทเกน นฺหายนฺตสฺสฯ เตเนวาห ‘‘สติยา วสฺสิกสาฎิกายา’’ติอาทิฯ โปกฺขรณิยาทีสุ ปน นคฺคสฺส นฺหายนฺตสฺส อนาปตฺตีติ สมฺพโนฺธ, โปกฺขรณิยาทีสุ ปน สติยาปิ วสฺสิกสาฎิกาย นคฺคสฺส นฺหายนฺตสฺส นตฺถิ ทุกฺกฎาปตฺตีติ อโตฺถฯ

    Vassikasāṭikapariyesanavatthusminti paṭikacceva vassikasāṭikapariyesanavatthusmiṃ. Tikapācittiyanti atirekamāsaddhamāsesu atirekasaññivematikaūnakasaññīnaṃ pariyesananivāsanavasena tīṇi pācittiyāni, ekasesaniddeso cāyaṃ, sāmaññaniddeso vā. Ūnakamāsaddhamāsesūti ūnakamāse ceva ūnakaddhamāse ca. Atirekasaññino, vematikassa vā dukkaṭanti ettha ‘‘pariyesananivāsanaṃ karontassā’’ti pāṭhaseso. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘ūnakamāse sese gimhāne atirekasaññino, vematikassa vā pariyesantassa dukkaṭaṃ, ūnakaddhamāse sese gimhāne ca atirekasaññino, vematikassa vā nivāsentassa dukkaṭa’’nti. ‘‘Tathā’’ti iminā dukkaṭaṃ atidisati, tañca dukkaṭaṃ udakaphusitagaṇanāya akatvā nhānapariyosānavasena payoge payoge kāretabbaṃ, tañca kho vivaṭaṅgaṇe ākāsato patitaudakeneva nhāyantassa, na nhānakoṭṭhakavāpiādīsu ghaṭehi āsittūdakena nhāyantassa. Tenevāha ‘‘satiyā vassikasāṭikāyā’’tiādi. Pokkharaṇiyādīsu pana naggassa nhāyantassa anāpattīti sambandho, pokkharaṇiyādīsu pana satiyāpi vassikasāṭikāya naggassa nhāyantassa natthi dukkaṭāpattīti attho.

    เอวํ อนฺตราปตฺติยา อนาปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อจฺฉินฺนจีวรสฺสาติ อจฺฉินฺนเสสจีวรสฺสฯ ตสฺสาปิ อสมเย นิวาสโต อนาปตฺติฯ เอส นโย นฎฺฐจีวรสฺส วาติ เอตฺถาปิฯ ยถา เจตฺถ นิวาเสนฺตานํ เตสํ อนาปตฺติ, เอวํ ตตฺถ ปริเยสนฺตานมฺปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ ปน มหคฺฆวสฺสิกสาฎิกํ ฐเปตฺวา นฺหายนฺตสฺส โจรูปทฺทโว อาปทา นามาติ อาห ‘‘อนิวตฺถ’’นฺติอาทิฯ อาปทาสุ วา นิวาสยโตติ อาปทาสุ วิชฺชมานาสุ อสมเย นิวาเสนฺตสฺสฯ ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘อจฺฉินฺนจีวรสฺสาติ เอตํ วสฺสิกสาฎิกํเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ เตสญฺหิ นคฺคานํ กาโยวสฺสาปเน อนาปตฺติฯ เอตฺถ จ มหคฺฆวสฺสิกสาฎิกํ นิวาเสตฺวา นฺหายนฺตสฺส โจรูปทฺทโว อาปทา นามา’’ติ อจฺฉินฺนจีวราทิโน นิสฺสคฺคิเยน อนาปตฺติํ อทเสฺสตฺวา นคฺคสฺส นฺหายโต ทุกฺกเฎเนว อนาปตฺติทสฺสนํ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติฯ สพฺพสิกฺขาปเทสุ หิ มูลาปตฺติยา เอว อาปตฺติปฺปสเงฺค อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ อนาปตฺติวาโร อารภียติ, น อนฺตราปตฺติยาติ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพํฯ สจีวรตาติ อนฺตรวาสกอุตฺตราสเงฺคหิ สจีวรตาฯ

    Evaṃ antarāpattiyā anāpattiṃ dassetvā idāni nissaggiyena anāpattiṃ dassetuṃ ‘‘acchinnacīvarassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha acchinnacīvarassāti acchinnasesacīvarassa. Tassāpi asamaye nivāsato anāpatti. Esa nayo naṭṭhacīvarassa vāti etthāpi. Yathā cettha nivāsentānaṃ tesaṃ anāpatti, evaṃ tattha pariyesantānampīti daṭṭhabbaṃ. Ettha pana mahagghavassikasāṭikaṃ ṭhapetvā nhāyantassa corūpaddavo āpadā nāmāti āha ‘‘anivattha’’ntiādi. Āpadāsu vā nivāsayatoti āpadāsu vijjamānāsu asamaye nivāsentassa. Yaṃ pana samantapāsādikāyaṃ ‘‘acchinnacīvarassāti etaṃ vassikasāṭikaṃyeva sandhāya vuttaṃ. Tesañhi naggānaṃ kāyovassāpane anāpatti. Ettha ca mahagghavassikasāṭikaṃ nivāsetvā nhāyantassa corūpaddavo āpadā nāmā’’ti acchinnacīvarādino nissaggiyena anāpattiṃ adassetvā naggassa nhāyato dukkaṭeneva anāpattidassanaṃ, taṃ yuttaṃ viya na dissati. Sabbasikkhāpadesu hi mūlāpattiyā eva āpattippasaṅge anāpattidassanatthaṃ anāpattivāro ārabhīyati, na antarāpattiyāti, tasmā upaparikkhitabbaṃ. Sacīvaratāti antaravāsakauttarāsaṅgehi sacīvaratā.

    วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact