Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā
๖๒๗. ‘‘เอกเมว กตฺวา’’ติ วจเนน วสฺสิกสาฎิกลกฺขเณน ญาตกานมฺปิ สตุปฺปาทํ กโรเนฺตน เอกเมว คเหตพฺพนฺติ ธมฺมสิริเตฺถโรฯ จตุพฺพิธํ เขตฺตนฺติ เอตฺถ กิญฺจาปิ ติวิธํ ทิสฺสติ, ตํ ปน เอวํ คเหตพฺพํ, ยสฺมิํ เขเตฺต ปริเยสิตุํ ลภติ, ตํ ปริเยสนเขตฺตํ นาม, ‘‘เอวํ กรณนิวาสนาธิฎฺฐานเขตฺตานิปี’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ ปจฺฉิเมน ปุริมคฺคาโห เวทิตโพฺพ, น ปุริเมน ปจฺฉิมคฺคาโห, ยถาลาภนฺติ อาจริโยฯ ตสฺสโตฺถ – อธิฎฺฐานเขเตฺตน ปจฺฉิเมน ปุริมานํ ติณฺณํ คาโห โหติ, ตถา นิวาสนเขเตฺตน ทฺวินฺนํ ปุริมานํฯ กรณเขเตฺตน ปน เอกเสฺสว ปุริมสฺส คาโห โหตีติฯ เอตฺถ ปน กิญฺจาปิ กรณเขตฺตนิวาสนเขตฺตานํ กาลโต นานตฺตํ นตฺถิ, กิริยโต ปน ‘‘อฎฺฐิํ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ ปาฬิวจนโต, ตสฺมา ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ อญฺญตราภาเวน, ตทตฺถสิทฺธิโต จ, กถํ ปเนตฺถ นานตฺตํ นตฺถีติ ปญฺญายตีติ เจ? ปาฬิโต, ‘‘อฑฺฒมาโส เสโส คิมฺหานนฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพ’’นฺติ หิ ปาฬิ, ตถา มาติกาฎฺฐกถาโต (กงฺขา. อฎฺฐ. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา) จฯ
627. ‘‘Ekameva katvā’’ti vacanena vassikasāṭikalakkhaṇena ñātakānampi satuppādaṃ karontena ekameva gahetabbanti dhammasiritthero. Catubbidhaṃ khettanti ettha kiñcāpi tividhaṃ dissati, taṃ pana evaṃ gahetabbaṃ, yasmiṃ khette pariyesituṃ labhati, taṃ pariyesanakhettaṃ nāma, ‘‘evaṃ karaṇanivāsanādhiṭṭhānakhettānipī’’ti vuttaṃ. Ettha pacchimena purimaggāho veditabbo, na purimena pacchimaggāho, yathālābhanti ācariyo. Tassattho – adhiṭṭhānakhettena pacchimena purimānaṃ tiṇṇaṃ gāho hoti, tathā nivāsanakhettena dvinnaṃ purimānaṃ. Karaṇakhettena pana ekasseva purimassa gāho hotīti. Ettha pana kiñcāpi karaṇakhettanivāsanakhettānaṃ kālato nānattaṃ natthi, kiriyato pana ‘‘aṭṭhiṃ katvā nivāsetabba’’nti pāḷivacanato, tasmā dvidhā katvā vuttaṃ aññatarābhāvena, tadatthasiddhito ca, kathaṃ panettha nānattaṃ natthīti paññāyatīti ce? Pāḷito, ‘‘aḍḍhamāso seso gimhānanti katvā nivāsetabba’’nti hi pāḷi, tathā mātikāṭṭhakathāto (kaṅkhā. aṭṭha. vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā) ca.
ตถาห ‘‘ปจฺฉิโม อฑฺฒมาโส กรณนิวาสนเขตฺตมฺปี’’ติ, อิมินา นเยน ติวิธเมว เขตฺตนฺติปิ สิทฺธํฯ สมนฺตปาสาทิกายํ ปน กตฺถจิ โปตฺถเก ‘‘เชฎฺฐมูลปุณฺณมาสิยา ปจฺฉิมปาฎิปททิวสโต ปฎฺฐาย ยาว กาฬปกฺขุโปสโถ, อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเขตฺตเญฺจว กรณเขตฺตญฺจฯ เอตสฺมิญฺหิ อนฺตเร วสฺสิกสาฎิกํ อลทฺธํ ปริเยสิตุํ, ลทฺธํ กาตุญฺจ วฎฺฎติ, นิวาเสตุํ, อธิฎฺฐาตุญฺจ น วฎฺฎตี’’ติ ปาโฐ ทิสฺสติ, โส อปาโฐ ยถาวุตฺตปาฬิมาติกาฎฺฐกถาวิโรธโต, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘อลทฺธํ ปริเยสิตุํ วฎฺฎติ, กาตุํ, นิวาเสตุํ, อธิฎฺฐาตุญฺจ น วฎฺฎตี’’ติ ปาโฐ เวทิตโพฺพฯ เอวํ ตาว ปจฺฉิเมน ปุริมคฺคาหสิทฺธิ เวทิตพฺพา, น ปุริเมน กรณเขตฺตาทีนํ คาโห สมฺภวติฯ ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสิกสาฎิกจีวรํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว หิ วุตฺตํ, น, อฎฺฐกถายํ ‘‘อยเมโก อทฺธมาโส ปริเยสนเขตฺตเญฺจว กรณเขตฺตญฺจา’’ติ วุตฺตตฺตาติ เจ? น, ตสฺส เลขนโทสตฺตา , ตถา สาธิตํฯ กรณเขเตฺตน ปน นิวาสนเขตฺตคฺคาโห อตฺถิ กาลนานตฺตาภาวโต, เตเนว ปุเพฺพ ยถาลาภคฺคหณํ กตํ, ตถา จ สาธิตเมว, น เภโท ปนตฺถิ, ปโยชนํ วุตฺตเมวฯ นิวาสนเกฺขเตฺตน อธิฎฺฐานเกฺขตฺตคฺคาโห นตฺถิ เอว, น หิ ปุริเมน ปจฺฉิมคฺคาโห เวทิตโพฺพฯ น ปาฬิวิโรธโตติ เจ? น, ตทตฺถาชานนโตฯ ‘‘มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ อทฺธมาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺทสฺส หิ อิโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถฯ ปรโต อาปตฺติเขตฺตทสฺสนโต อิตรสฺส อนาปตฺติเขตฺตภาโว ทสฺสิโตว โหติฯ ทินฺนปุพฺพโตปิ ญาตกปวาริตฎฺฐานโต นิปฺผาเทนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปิฎฺฐิสมยตฺตา, ปกติยา วสฺสิกสาฎิกทายกา นาม สงฺฆสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา อปวาเรตฺวา อนุสํวจฺฉรํ เทนฺตา, ตตฺถ สตุปฺปาโทว วฎฺฎติฯ วตฺตเภเท ทุกฺกฎนฺติ ตทเญฺญสุฯ
Tathāha ‘‘pacchimo aḍḍhamāso karaṇanivāsanakhettampī’’ti, iminā nayena tividhameva khettantipi siddhaṃ. Samantapāsādikāyaṃ pana katthaci potthake ‘‘jeṭṭhamūlapuṇṇamāsiyā pacchimapāṭipadadivasato paṭṭhāya yāva kāḷapakkhuposatho, ayameko addhamāso pariyesanakhettañceva karaṇakhettañca. Etasmiñhi antare vassikasāṭikaṃ aladdhaṃ pariyesituṃ, laddhaṃ kātuñca vaṭṭati, nivāsetuṃ, adhiṭṭhātuñca na vaṭṭatī’’ti pāṭho dissati, so apāṭho yathāvuttapāḷimātikāṭṭhakathāvirodhato, tasmā tattha ‘‘aladdhaṃ pariyesituṃ vaṭṭati, kātuṃ, nivāsetuṃ, adhiṭṭhātuñca na vaṭṭatī’’ti pāṭho veditabbo. Evaṃ tāva pacchimena purimaggāhasiddhi veditabbā, na purimena karaṇakhettādīnaṃ gāho sambhavati. ‘‘Māso seso gimhānanti vassikasāṭikacīvaraṃ pariyesitabba’’nti ettakameva hi vuttaṃ, na, aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ayameko addhamāso pariyesanakhettañceva karaṇakhettañcā’’ti vuttattāti ce? Na, tassa lekhanadosattā , tathā sādhitaṃ. Karaṇakhettena pana nivāsanakhettaggāho atthi kālanānattābhāvato, teneva pubbe yathālābhaggahaṇaṃ kataṃ, tathā ca sādhitameva, na bhedo panatthi, payojanaṃ vuttameva. Nivāsanakkhettena adhiṭṭhānakkhettaggāho natthi eva, na hi purimena pacchimaggāho veditabbo. Na pāḷivirodhatoti ce? Na, tadatthājānanato. ‘‘Māso seso gimhānanti addhamāso seso gimhāna’’nti ettha iti-saddassa hi ito paṭṭhāyāti attho. Parato āpattikhettadassanato itarassa anāpattikhettabhāvo dassitova hoti. Dinnapubbatopi ñātakapavāritaṭṭhānato nipphādentassa nissaggiyaṃ piṭṭhisamayattā, pakatiyā vassikasāṭikadāyakā nāma saṅghassa vā puggalassa vā apavāretvā anusaṃvaccharaṃ dentā, tattha satuppādova vaṭṭati. Vattabhede dukkaṭanti tadaññesu.
‘‘สเจ กต…เป.… วสฺสูปนายิกทิวเส อธิฎฺฐาตพฺพา…เป.… ฉ มาเส ปริหารํ ลภตี’’ติ วจนโต อโนฺตวเสฺสปิ ยาว วสฺสานสฺส ปจฺฉิมทิวสา อกตา ปริหารํ ลภตีติ ทีปิตํ โหติฯ กสฺมา น วิจาริตนฺติ เจ? อตฺถาปตฺติสิทฺธตฺตาฯ ‘‘ฉ มาเส ปริหารํ ลภตี’’ติ วจเนน อกตา ลภตีติ สิทฺธเมว, ตํ กิญฺจาปิ สิทฺธํ, สรูเปน ปน อนาคตตฺตา สรูเปน ทเสฺสตุํ, ทุสฺสทฺธาปยตฺตา อุปปตฺติโต ทเสฺสตุญฺจ อิทมารทฺธํ อาจริเยน, ‘‘ยถา เจตฺถ, เอวํ กถินพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรมฺปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ ตเตฺถว ปุพฺพาปรวิโรธโตฯ ยเญฺจตฺถ อฎฺฐกถาวจนํ สาธกเตฺตน วุตฺตํ, ตํ ตมตฺถํ น สาเธติฯ ‘‘ยทิ นปฺปโหติ ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภตี’’ติ วจนํ อปฺปโหนฺตสฺส ยาว กตฺติกปุณฺณมา ตาว ปริหารเขตฺตํ, ตโต ปรํ เอกทิวโสปิ น โหตีติ ทีเปติ, ตสฺมา อปฺปโหนกภาเวน อกตาว ยาว กตฺติกปุณฺณมา ปริหารํ ลภติ, ตโต ปรํ น ลภตีติ สิทฺธํฯ ตถา ตเทว วจนํ กตปริหารํ น ลภตีติ ทีเปติ, ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเสเยว อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ‘‘อปฺปโหเนฺต ทสาเห อโนฺตวเสฺส กรณปริโยสานํเยว ปมาณ’’นฺติ ลิขิตํฯ
‘‘Sace kata…pe… vassūpanāyikadivase adhiṭṭhātabbā…pe… cha māse parihāraṃ labhatī’’ti vacanato antovassepi yāva vassānassa pacchimadivasā akatā parihāraṃ labhatīti dīpitaṃ hoti. Kasmā na vicāritanti ce? Atthāpattisiddhattā. ‘‘Cha māse parihāraṃ labhatī’’ti vacanena akatā labhatīti siddhameva, taṃ kiñcāpi siddhaṃ, sarūpena pana anāgatattā sarūpena dassetuṃ, dussaddhāpayattā upapattito dassetuñca idamāraddhaṃ ācariyena, ‘‘yathā cettha, evaṃ kathinabbhantare uppannacīvarampi heṭṭhā vuttanayeneva paṭipajjitabba’’nti anugaṇṭhipade vuttaṃ, taṃ duvuttaṃ tattheva pubbāparavirodhato. Yañcettha aṭṭhakathāvacanaṃ sādhakattena vuttaṃ, taṃ tamatthaṃ na sādheti. ‘‘Yadi nappahoti yāva kattikapuṇṇamā parihāraṃ labhatī’’ti vacanaṃ appahontassa yāva kattikapuṇṇamā tāva parihārakhettaṃ, tato paraṃ ekadivasopi na hotīti dīpeti, tasmā appahonakabhāvena akatāva yāva kattikapuṇṇamā parihāraṃ labhati, tato paraṃ na labhatīti siddhaṃ. Tathā tadeva vacanaṃ kataparihāraṃ na labhatīti dīpeti, tasmā kattikapuṇṇamadivaseyeva adhiṭṭhātabbā. ‘‘Appahonte dasāhe antovasse karaṇapariyosānaṃyeva pamāṇa’’nti likhitaṃ.
เอตฺถาห – ‘‘เอกาหทฺวีหาทิวเสนา’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? คิมฺหทิวสานํ อนธิฎฺฐานกาลตฺตา, ตสฺมา เอว ‘‘อโนฺตทสาเห วา ตทเหเยว วา อธิฎฺฐาตพฺพา’ติ จ สามญฺญโต น วตฺตพฺพํ คิมฺหทิวสานํ อธิฎฺฐานเขตฺตภาวปฺปสงฺคโต’’ติฯ เอตฺถ วุจฺจติ – น, ตทตฺถาชานนโตฯ ทสาหานาคตาย วสฺสูปนายิกาย คิมฺหทิวสา ทสาหา โหนฺติ, ปฐมทิวเส จ ลทฺธา นิฎฺฐิตา วสฺสิกสาฎิกา ทสาหาติกฺกนฺตาปิ วสฺสูปนายิกทิวสํ อธิฎฺฐานเขตฺตํ อปฺปตฺตตฺตา น จ ตาว นิสฺสคฺคิยํ โหติ, วุตฺตเญฺจตํ ‘‘วสฺสูปนายิกโต ปุเพฺพ ทสาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺตี’’ติฯ
Etthāha – ‘‘ekāhadvīhādivasenā’’tiādi na vattabbaṃ. Kasmā? Gimhadivasānaṃ anadhiṭṭhānakālattā, tasmā eva ‘‘antodasāhe vā tadaheyeva vā adhiṭṭhātabbā’ti ca sāmaññato na vattabbaṃ gimhadivasānaṃ adhiṭṭhānakhettabhāvappasaṅgato’’ti. Ettha vuccati – na, tadatthājānanato. Dasāhānāgatāya vassūpanāyikāya gimhadivasā dasāhā honti, paṭhamadivase ca laddhā niṭṭhitā vassikasāṭikā dasāhātikkantāpi vassūpanāyikadivasaṃ adhiṭṭhānakhettaṃ appattattā na ca tāva nissaggiyaṃ hoti, vuttañcetaṃ ‘‘vassūpanāyikato pubbe dasāhātikkamepi anāpattī’’ti.
อโนฺตทสาเห อธิฎฺฐาตพฺพาติ อิทํ น อวิเสเสน เอตสฺมิํ อนฺตเร คิมฺหทิวเสปิ อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปตุํ วุตฺตํ, กินฺตุ คิมฺหทิวเส เจ อุปฺปนฺนา, อธิฎฺฐานเขเตฺต จ อโนฺตทสาหํ โหติ, อโนฺตทสาเห เขเตฺตเยว อธิฎฺฐาตพฺพา, น เขตฺตนฺติ กตฺวา ทสาหํ อติกฺกมิตพฺพนฺติ ทีเปตุํ วุตฺตํฯ กสฺมา? คิมฺหทิวสานมฺปิ คณนูปคตฺตา, ตสฺมา อเขตฺตทิวเสปิ คเณตฺวา เขเตฺต เอว ‘‘อโนฺตทสาเห อธิฎฺฐาตพฺพา’’ติ วุตฺตํ โหตีติฯ
Antodasāhe adhiṭṭhātabbāti idaṃ na avisesena etasmiṃ antare gimhadivasepi adhiṭṭhātabbanti imamatthaṃ dīpetuṃ vuttaṃ, kintu gimhadivase ce uppannā, adhiṭṭhānakhette ca antodasāhaṃ hoti, antodasāhe khetteyeva adhiṭṭhātabbā, na khettanti katvā dasāhaṃ atikkamitabbanti dīpetuṃ vuttaṃ. Kasmā? Gimhadivasānampi gaṇanūpagattā, tasmā akhettadivasepi gaṇetvā khette eva ‘‘antodasāhe adhiṭṭhātabbā’’ti vuttaṃ hotīti.
วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทํ • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā