Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๘. วสฺสิกเตฺถรคาถาวณฺณนา
8. Vassikattheragāthāvaṇṇanā
เอโกปิ สโทฺธ เมธาวีติ อายสฺมโต วสฺสิกเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ กโรโนฺต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต ปิลกฺขผลานิ อทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วสฺสิโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต สตฺถุ ยมกปาฎิหาริยํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรโนฺต อาพาธิโก อโหสิฯ อถ นํ ญาตกา เวชฺชปริทิเฎฺฐน เภสชฺชวิธินา อุปฎฺฐหิตฺวา อโรคมกํสุฯ โส ตมฺหา อาพาธา วุฎฺฐิโต สํเวคชาโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๔๐-๔๔) –
Ekopisaddho medhāvīti āyasmato vassikattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni karonto atthadassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ satthāraṃ disvā pasannacitto pilakkhaphalāni adāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kosalaraṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā vassikoti laddhanāmo vayappatto satthu yamakapāṭihāriyaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā samaṇadhammaṃ karonto ābādhiko ahosi. Atha naṃ ñātakā vejjaparidiṭṭhena bhesajjavidhinā upaṭṭhahitvā arogamakaṃsu. So tamhā ābādhā vuṭṭhito saṃvegajāto bhāvanaṃ ussukkāpetvā chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.47.40-44) –
‘‘วนนฺตเร พุทฺธํ ทิสฺวา, อตฺถทสฺสิํ มหายสํ;
‘‘Vanantare buddhaṃ disvā, atthadassiṃ mahāyasaṃ;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, ปิลกฺขสฺส ผลํ อทาฯ
Pasannacitto sumano, pilakkhassa phalaṃ adā.
‘‘อฎฺฐารเส กปฺปสเต, ยํ ผลํ อททิํ ตทา;
‘‘Aṭṭhārase kappasate, yaṃ phalaṃ adadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, phaladānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา อากาเสน ญาตกานํ สนฺติเก คนฺตฺวา อากาเส ฐิโต ธมฺมํ เทเสตฺวา เต สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิฯ เตสุ เกจิ กาลงฺกตา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐิตตฺตา สเคฺค นิพฺพตฺติํสุฯ อถ นํ สตฺถา พุทฺธุปฎฺฐานํ อุปคตํ ‘‘กิํ เต, วสฺสิก, ญาตีนํ อาโรคฺย’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ญาตีนํ อตฺตนา กตํ อุปการํ สตฺถุ กเถโนฺต –
Chaḷabhiñño pana hutvā ākāsena ñātakānaṃ santike gantvā ākāse ṭhito dhammaṃ desetvā te saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhāpesi. Tesu keci kālaṅkatā saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhitattā sagge nibbattiṃsu. Atha naṃ satthā buddhupaṭṭhānaṃ upagataṃ ‘‘kiṃ te, vassika, ñātīnaṃ ārogya’’nti pucchi. So ñātīnaṃ attanā kataṃ upakāraṃ satthu kathento –
๒๔๐.
240.
‘‘เอโกปิ สโทฺธ เมธาวี, อสฺสทฺธานีธ ญาตินํ;
‘‘Ekopi saddho medhāvī, assaddhānīdha ñātinaṃ;
ธมฺมโฎฺฐ สีลสมฺปโนฺน, โหติ อตฺถาย พนฺธุนํฯ
Dhammaṭṭho sīlasampanno, hoti atthāya bandhunaṃ.
๒๔๑.
241.
‘‘นิคฺคยฺห อนุกมฺปาย, โจทิตา ญาตโย มยา;
‘‘Niggayha anukampāya, coditā ñātayo mayā;
ญาติพนฺธวเปเมน, การํ กตฺวาน ภิกฺขุสุฯ
Ñātibandhavapemena, kāraṃ katvāna bhikkhusu.
๒๔๒.
242.
‘‘เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา, ปตฺตา เต ติทิวํ สุขํ;
‘‘Te abbhatītā kālaṅkatā, pattā te tidivaṃ sukhaṃ;
ภาตโร มยฺหํ มาตา จ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติฯ –
Bhātaro mayhaṃ mātā ca, modanti kāmakāmino’’ti. –
ติโสฺส คาถา อภาสิฯ
Tisso gāthā abhāsi.
ตตฺถายํ ปฐมคาถาย อโตฺถ – โย กมฺมผลสทฺธาย จ รตนตฺตยสทฺธาย จ วเสน สโทฺธ, ตโต เอว กมฺมสฺสกตญาณาทิโยคโต เมธาวี, สตฺถุ โอวาทธเมฺม นวโลกุตฺตรธเมฺม จ ฐิตตฺตา ธมฺมโฎฺฐ, อาจารสีลสฺส มคฺคสีลสฺส ผลสีลสฺส จ วเสน สีลสมฺปโนฺน, โส เอโกปิ ยถาวุตฺตาย สทฺธาย อภาเวน อสฺสทฺธานํ อิธ อิมสฺมิํ โลเก ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ ญาตพฺพเฎฺฐน ญาตีนํ, ตถา เปมพนฺธเนน พนฺธนเฎฺฐน ‘‘พนฺธู’’ติ จ ลทฺธนามานํ พนฺธวานํ อตฺถาย หิตาย โหตีติฯ
Tatthāyaṃ paṭhamagāthāya attho – yo kammaphalasaddhāya ca ratanattayasaddhāya ca vasena saddho, tato eva kammassakatañāṇādiyogato medhāvī, satthu ovādadhamme navalokuttaradhamme ca ṭhitattā dhammaṭṭho, ācārasīlassa maggasīlassa phalasīlassa ca vasena sīlasampanno, so ekopi yathāvuttāya saddhāya abhāvena assaddhānaṃ idha imasmiṃ loke ‘‘amhākaṃ ime’’ti ñātabbaṭṭhena ñātīnaṃ, tathā pemabandhanena bandhanaṭṭhena ‘‘bandhū’’ti ca laddhanāmānaṃ bandhavānaṃ atthāya hitāya hotīti.
เอวํ สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ อตฺตูปนายิกํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘นิคฺคยฺหา’’ติอาทินา อิตรคาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ นิคฺคยฺห อนุกมฺปาย, โจทิตา ญาตโย มยาติ อิทานิปิ ทุคฺคตา กุสลํ อกตฺวา อายติํ ปริกฺกิเลสํ ปุน มานุภวิตฺถาติ นิคฺคเหตฺวา ญาตโย มยา โอวทิตาฯ ญาติพนฺธวเปเมน ‘‘อมฺหากํ อยํ พนฺธโว’’ติ เอวํ ปวเตฺตน เปเมน มม โอวาทํ อติกฺกมิตุํ อสโกฺกนฺตา การํ กตฺวาน ภิกฺขูสุ ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา จีวราทิปจฺจยทาเนน เจว อุปฎฺฐาเนน จ ภิกฺขูสุ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา หุตฺวา อิมํ โลกํ อติกฺกนฺตาฯ ปุน เตติ นิปาตมตฺตํฯ ติทิวํ สุขนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนสุขํ, สุขํ วา อิฎฺฐํ ติทิวํ อธิคตาฯ ‘‘เก ปน เต’’ติ อาหฯ ‘‘ภาตโร มยฺหํ มาตา จ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติฯ อตฺตนา ยถากามิตวตฺถุกามสมงฺคิโน หุตฺวา อภิรมนฺตีติ อโตฺถฯ
Evaṃ sādhāraṇato vuttamatthaṃ attūpanāyikaṃ katvā dassetuṃ ‘‘niggayhā’’tiādinā itaragāthā vuttā. Tattha niggayha anukampāya, coditā ñātayo mayāti idānipi duggatā kusalaṃ akatvā āyatiṃ parikkilesaṃ puna mānubhavitthāti niggahetvā ñātayo mayā ovaditā. Ñātibandhavapemena ‘‘amhākaṃ ayaṃ bandhavo’’ti evaṃ pavattena pemena mama ovādaṃ atikkamituṃ asakkontā kāraṃ katvāna bhikkhūsu pasannacittā hutvā cīvarādipaccayadānena ceva upaṭṭhānena ca bhikkhūsu sakkārasammānaṃ katvā te abbhatītā kālaṅkatā hutvā imaṃ lokaṃ atikkantā. Puna teti nipātamattaṃ. Tidivaṃ sukhanti devalokapariyāpannasukhaṃ, sukhaṃ vā iṭṭhaṃ tidivaṃ adhigatā. ‘‘Ke pana te’’ti āha. ‘‘Bhātaro mayhaṃ mātā ca, modanti kāmakāmino’’ti. Attanā yathākāmitavatthukāmasamaṅgino hutvā abhiramantīti attho.
วสฺสิกเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vassikattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. วสฺสิกเตฺถรคาถา • 8. Vassikattheragāthā