Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๓๙. วสฺสูปนายิกนิเทฺทสวณฺณนา

    39. Vassūpanāyikaniddesavaṇṇanā

    ๓๐๙-๓๑๐. อิทานิ วสฺสูปคมนํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุริมิกา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุริมิกา ปจฺฉิมิกา (มหาว. ๑๘๔; มหาว. อฎฺฐ. ๑๘๕) เจติ เทฺว วสฺสูปนายิกาติ อโตฺถฯ อาลยปริคฺคาโห วา วจีเภโท วา วสฺสูปนายิกาติ ปาฐเสโสฯ อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย ‘‘เอทิโส’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาเทตฺถ อาลโย (มหาว. อฎฺฐ. ๒๐๓)ฯ อาลยปริคฺคาโห ปน วเช วา สเตฺถ วา นาวาย วา วสฺสํ อุปคนฺตุกามสฺส ตตฺถ เสนาสนํ อลภนฺตสฺส ลพฺภติ, สตฺถาทีสุ ปน วสฺสํ อุปคนฺตุํ น วฎฺฎตีติ กตฺวาฯ ยทิ สตฺถาทีสุ กวาฎพนฺธํ เสนาสนํ ลพฺภติ, ตตฺถ อุปคนฺตพฺพํฯ อุปคจฺฉเนฺตน จ ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํฯ วิหาเร ปน วจีเภโท วา กาตโพฺพฯ สเจ ‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ อาลโย อตฺถิ, อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปติ, ฉินฺนวโสฺส น โหติ, ปวาเรตุญฺจ ลภติ เอวฯ

    309-310. Idāni vassūpagamanaṃ dassetuṃ ‘‘purimikā’’tiādimāha. Tattha purimikā pacchimikā (mahāva. 184; mahāva. aṭṭha. 185) ceti dve vassūpanāyikāti attho. Ālayapariggāho vā vacībhedo vā vassūpanāyikāti pāṭhaseso. Idāni vattabbaṃ sandhāya ‘‘ediso’’ti vuttaṃ. ‘‘Idha vassaṃ vasissāmī’’ti cittuppādettha ālayo (mahāva. aṭṭha. 203). Ālayapariggāho pana vaje vā satthe vā nāvāya vā vassaṃ upagantukāmassa tattha senāsanaṃ alabhantassa labbhati, satthādīsu pana vassaṃ upagantuṃ na vaṭṭatīti katvā. Yadi satthādīsu kavāṭabandhaṃ senāsanaṃ labbhati, tattha upagantabbaṃ. Upagacchantena ca ‘‘idha vassaṃ upemī’’ti tikkhattuṃ vattabbaṃ. Vihāre pana vacībhedo vā kātabbo. Sace ‘‘idha vassaṃ vasissāmī’’ti ālayo atthi, asatiyā pana vassaṃ na upeti, chinnavasso na hoti, pavāretuñca labhati eva.

    ๓๑๑. โนเปตุกาโม อาวาสํ, ตทหูติกฺกเมยฺย วาติ ปาเฐ (มหาว. ๑๘๖) อติกฺกมนฺตสฺส อาวาสํ ตทหุ วสฺสูปนายิกาติปิ อโตฺถฯ อาวาสํ อติกฺกเมยฺย วาติ สมฺพโนฺธฯ ชานํ วานุปคจฺฉโตติ เอตฺถ วิหาเร นิสีทิตฺวาปิ อนุปคจฺฉโต ทุกฺกฎาปตฺติ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    311.Nopetukāmo āvāsaṃ, tadahūtikkameyya vāti pāṭhe (mahāva. 186) atikkamantassa āvāsaṃ tadahu vassūpanāyikātipi attho. Āvāsaṃ atikkameyya vāti sambandho. Jānaṃ vānupagacchatoti ettha vihāre nisīditvāpi anupagacchato dukkaṭāpatti hotīti adhippāyo.

    ๓๑๒. ฉินฺนวโสฺส (วชิร. ฎี. มหาวคฺค ๒๐๘) วา เกนจิ อนฺตราเยน ปฐมํ อนุปคโต (มหาว. ๑๘๕-๑๘๖) วา ทุติยํ อุปคเจฺฉยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ เตมาสนฺติ ปุริมํ วา เตมาสํ ปจฺฉิมํ วา เตมาสํฯ ‘‘น ภิกฺขเว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุริมํ วา ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ อวสิตฺวา จาริกา ปกฺกมิตพฺพาฯ โย ปกฺกเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๑๘๕) หิ วุตฺตํฯ

    312. Chinnavasso (vajira. ṭī. mahāvagga 208) vā kenaci antarāyena paṭhamaṃ anupagato (mahāva. 185-186) vā dutiyaṃ upagaccheyyāti sambandho. Temāsanti purimaṃ vā temāsaṃ pacchimaṃ vā temāsaṃ. ‘‘Na bhikkhave vassaṃ upagantvā purimaṃ vā pacchimaṃ vā temāsaṃ avasitvā cārikā pakkamitabbā. Yo pakkameyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 185) hi vuttaṃ.

    ๓๑๓-๕. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สตฺตนฺนํ สตฺตาหกรณีเยน อปฺปหิเตปิ คนฺตุํ, ปเคว ปหิเต, ‘ภิกฺขุสฺส ภิกฺขุนิยา สิกฺขมานาย สามเณรสฺส สามเณริยา มาตุยา จ ปิตุสฺส จ, คิลานภตฺตํ วา ปริเยสิสฺสามิ, คิลานุปฎฺฐากภตฺตํ วา ปริเยสิสฺสามิ, คิลานเภสชฺชํ วา ปริเยสิสฺสามิ, ปุจฺฉิสฺสามิ วา อุปฎฺฐหิสฺสามิ วา’ติ สตฺตาหํ สนฺนิวโตฺต กาตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๑๙๘) วุตฺตตฺตา ‘‘มาตาปิตูนมตฺถาย…เป.… อุปฎฺฐิสฺส’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถายํ สเงฺขโป – ‘‘มาตาทีนํ คิลานภตฺตํ วา ตทุปฎฺฐากภตฺตํ วา คิลานานํ โอสธํ วา เอสิสฺสํ ปริเยสิสฺส’’นฺติ วา ‘‘เต คิลาเน คนฺตฺวา ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วา ‘‘อุปฎฺฐิสฺส’’นฺติ วา ปหิเตปิ อปฺปหิเตปิ สตฺตาหกิเจฺจน คนฺตุํ ลภติฯ

    313-5. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sattannaṃ sattāhakaraṇīyena appahitepi gantuṃ, pageva pahite, ‘bhikkhussa bhikkhuniyā sikkhamānāya sāmaṇerassa sāmaṇeriyā mātuyā ca pitussa ca, gilānabhattaṃ vā pariyesissāmi, gilānupaṭṭhākabhattaṃ vā pariyesissāmi, gilānabhesajjaṃ vā pariyesissāmi, pucchissāmi vā upaṭṭhahissāmi vā’ti sattāhaṃ sannivatto kātabbo’’ti (mahāva. 198) vuttattā ‘‘mātāpitūnamatthāya…pe… upaṭṭhissa’’nti vuttaṃ. Tatthāyaṃ saṅkhepo – ‘‘mātādīnaṃ gilānabhattaṃ vā tadupaṭṭhākabhattaṃ vā gilānānaṃ osadhaṃ vā esissaṃ pariyesissa’’nti vā ‘‘te gilāne gantvā pucchissāmī’’ti vā ‘‘upaṭṭhissa’’nti vā pahitepi appahitepi sattāhakiccena gantuṃ labhati.

    อิทานิ สหธมฺมิเก เอว สนฺธาย ‘‘อนภิรต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘วิสภาครูปํ ทิสฺวา อนภิรติ, ตโต วูปกาสิสฺสํ, ตํ คเหตฺวา อญฺญตฺถ คมิสฺส’’นฺติ อธิปฺปาเยน คนฺตุมฺปิ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ กุกฺกุจฺจํ วิโนทนญฺจ ทิฎฺฐิํ วิเวจนญฺจ อหํ วา กเรยฺยํ อเญฺญหิ วา กาเรยฺยนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปริวาสมานตฺตอาทีหิ วุฎฺฐานํ วา ครุกาฯ อาทิ-สเทฺทน สเจ สเงฺฆน กมฺมํ กตํ โหติ, ตสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา อนุสฺสาวนกรณาทีสุ อุสฺสุกฺกํ กเรยฺยนฺติ คนฺตุํ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ สตฺตาหกิเจฺจนาติ สตฺตาหกรณีเยนฯ

    Idāni sahadhammike eva sandhāya ‘‘anabhirata’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Visabhāgarūpaṃ disvā anabhirati, tato vūpakāsissaṃ, taṃ gahetvā aññattha gamissa’’nti adhippāyena gantumpi labbhatīti attho. Kukkuccaṃ vinodanañca diṭṭhiṃ vivecanañca ahaṃ vā kareyyaṃ aññehi vā kāreyyanti sambandho. Parivāsamānattaādīhi vuṭṭhānaṃ vā garukā. Ādi-saddena sace saṅghena kammaṃ kataṃ hoti, tassa paṭippassaddhiyā anussāvanakaraṇādīsu ussukkaṃ kareyyanti gantuṃ labbhatīti attho. Sattāhakiccenāti sattāhakaraṇīyena.

    ๓๑๖. ธมฺมสวนตฺถํ นิมนฺติโต เอวํ วเชติ อโตฺถฯ ครู นาม อาจริยุปชฺฌายา, เตหิ ภณฺฑโธวนกิเจฺจน ปหิตสฺส คนฺตุํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ

    316. Dhammasavanatthaṃ nimantito evaṃ vajeti attho. Garū nāma ācariyupajjhāyā, tehi bhaṇḍadhovanakiccena pahitassa gantuṃ vaṭṭatīti attho.

    ๓๑๗. น ภณฺฑโธวน…เป.… ทสฺสเนติ เอตฺถ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๙๙) เอเตสุปิ น วเชติ สมฺพโนฺธฯ ลพฺภนฺติ เอตฺถ ‘‘อเชฺชว อาคมิสฺส’’นฺติ อทูรโค ยทิ น ปาปุเณยฺย, ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ‘‘อเชฺชว อาคมิสฺสามี’’ติ สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามเคฺค สเจ อรุณุฎฺฐานํ โหติ, วสฺสเจฺฉโทปิ น โหติ, รตฺติเจฺฉเทน ทุกฺกฎมฺปิ นาปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    317.Na bhaṇḍadhovana…pe… dassaneti ettha (mahāva. aṭṭha. 199) etesupi na vajeti sambandho. Labbhanti ettha ‘‘ajjeva āgamissa’’nti adūrago yadi na pāpuṇeyya, labbhanti sambandho. Kiṃ vuttaṃ hoti? ‘‘Ajjeva āgamissāmī’’ti sāmantavihāraṃ gantvā puna āgacchantassa antarāmagge sace aruṇuṭṭhānaṃ hoti, vassacchedopi na hoti, ratticchedena dukkaṭampi nāpajjatīti vuttaṃ hoti.

    ๓๑๘. เสสญาติหีติ ภาตุภคินีอาทีหิฯ ภิกฺขุนิสฺสิตเกน จ ปหิเตติ สมฺพโนฺธฯ นิทฺทิสิตฺวาติ ‘‘อาคจฺฉนฺตุ ภทนฺตา, อิจฺฉามิ ทานญฺจ ทาตุํ ธมฺมญฺจ โสตุํ ภิกฺขุญฺจ ปสฺสิตุ’’นฺติอาทินา ยํ กิญฺจิ นิทฺทิสิตฺวาว เปสิเต คนฺตุํ วฎฺฎติฯ เกวลํ ‘‘อาคจฺฉนฺตุ ภิกฺขู, อิจฺฉามิ ภิกฺขูนํ อาคมน’’นฺติ เอวํ อนิทฺทิสิตฺวา วุเตฺต คนฺตุํ น ลพฺภตีติ อโตฺถฯ

    318.Sesañātihīti bhātubhaginīādīhi. Bhikkhunissitakena ca pahiteti sambandho. Niddisitvāti ‘‘āgacchantu bhadantā, icchāmi dānañca dātuṃ dhammañca sotuṃ bhikkhuñca passitu’’ntiādinā yaṃ kiñci niddisitvāva pesite gantuṃ vaṭṭati. Kevalaṃ ‘‘āgacchantu bhikkhū, icchāmi bhikkhūnaṃ āgamana’’nti evaṃ aniddisitvā vutte gantuṃ na labbhatīti attho.

    ๓๑๙. อจฺฉราเย สตตฺตโนติ ทสวิเธสุ อนฺตราเยสุ เอกสฺมิมฺปิ อนฺตราเย อตฺตโน สตีติ อโตฺถฯ สงฺฆสามคฺคิยา วา วสฺสเจฺฉเท อนาปตฺตีติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, วสฺสูปคโต ภิกฺขุ ปสฺสติ สมฺพหุเล ภิกฺขู สงฺฆเภทาย ปรกฺกมเนฺตฯ ตตฺร เจ ภิกฺขุโน เอวํ โหติ, ‘ครุโก โข สงฺฆเภโท วุโตฺต ภควตาฯ มา มยิ สมฺมุขีภูเต สโงฺฆ ภิชฺชี’ติ ปกฺกมิตพฺพํ, อนาปตฺติ วสฺสเจฺฉทสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๐๒)ฯ เอวํ ฉินฺนวโสฺส โน ปวารเยติ อโตฺถฯ

    319.Accharāye satattanoti dasavidhesu antarāyesu ekasmimpi antarāye attano satīti attho. Saṅghasāmaggiyā vā vassacchede anāpattīti attho. Vuttañhetaṃ ‘‘idha pana, bhikkhave, vassūpagato bhikkhu passati sambahule bhikkhū saṅghabhedāya parakkamante. Tatra ce bhikkhuno evaṃ hoti, ‘garuko kho saṅghabhedo vutto bhagavatā. Mā mayi sammukhībhūte saṅgho bhijjī’ti pakkamitabbaṃ, anāpatti vassacchedassā’’ti (mahāva. 202). Evaṃ chinnavasso no pavārayeti attho.

    ๓๒๐. รุกฺขสฺส สุสิเรติ เอตฺถ (มหาว. ๒๐๔; มหาว. อฎฺฐ. ๒๐๓) ปน สุเทฺธ รุกฺขสุสิเร เอว น วฎฺฎติ, มหนฺตสฺส ปน สุสิรสฺส อโนฺต ปทรจฺฉทนํ กุฎิกํ กตฺวา ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวา อุปคนฺตุํ วฎฺฎติฯ รุกฺขสฺส วิฎเปติ เอตฺถาปิ สุทฺธวิฎปมเตฺต น วฎฺฎติ, มหาวิฎเป ปน อฎฺฎกํ พนฺธิตฺวา วุตฺตนเยน กุฎิกํ กตฺวา อุปคนฺตุํ วฎฺฎติฯ ฉวกุฎิ นาม ปาสาณกุฎิกนฺติ วทนฺติฯ ตีสุ ปเสฺสสุ ปาสาเณ อุสฺสาเปตฺวา อุปริ ปาสาเณน ปฎิจฺฉนฺนาฯ

    320.Rukkhassa susireti ettha (mahāva. 204; mahāva. aṭṭha. 203) pana suddhe rukkhasusire eva na vaṭṭati, mahantassa pana susirassa anto padaracchadanaṃ kuṭikaṃ katvā pavisanadvāraṃ yojetvā upagantuṃ vaṭṭati. Rukkhassa viṭapeti etthāpi suddhaviṭapamatte na vaṭṭati, mahāviṭape pana aṭṭakaṃ bandhitvā vuttanayena kuṭikaṃ katvā upagantuṃ vaṭṭati. Chavakuṭi nāma pāsāṇakuṭikanti vadanti. Tīsu passesu pāsāṇe ussāpetvā upari pāsāṇena paṭicchannā.

    ๓๒๑. นาวาทีสุ ปน อุปคโต ปวาเรตุญฺจ ลพฺภตีติ สมฺพโนฺธฯ วสฺสูปนายิกวินิจฺฉโยฯ

    321. Nāvādīsu pana upagato pavāretuñca labbhatīti sambandho. Vassūpanāyikavinicchayo.

    วสฺสูปนายิกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vassūpanāyikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact