Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓๙. วสฺสูปนายิกนิเทฺทสวณฺณนา
39. Vassūpanāyikaniddesavaṇṇanā
๓๐๙-๓๑๐. ปุริมิกา ปจฺฉิมิกา อิติ วสฺสูปนายิกา ทุเวติ สมฺพโนฺธฯ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฎิปททิวเส อุปคนฺตพฺพา ปจฺฉิมิกาย ปุเร ภวาติ ปุริมา, สา เอว ปุริมิกาฯ ตโต ปจฺฉา ภวา อปราย ปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฎิปททิวเส อุปคนฺตพฺพา ปจฺฉิมิกาฯ อุปนยนํ ปาปุณนํ อุปคมนํ อุปนายิกา, วสฺสนฺติ วุฎฺฐิ, อิธ ปน วสฺสกาลํ ‘‘วสฺส’’นฺติ อุปจาเรน คเหตฺวา ตตฺถ วาโส อุปจาเรเนว ‘‘วสฺส’’นฺติ วุจฺจติ, วสฺสสฺส วสฺสาวาสสฺส อุปนายิกา วจีเภทวเสน วา อาลยกรณวเสน วา อุปคมนํ วสฺสูปนายิกาฯ ตตฺถ อาลยปริคฺคาโห จ วจีเภโท จาติ ปุริมิกา วสฺสูปนายิกา ทุเว, อาลยปริคฺคาโห จ วจีเภโท จาติ ปจฺฉิมิกา วสฺสูปนายิกา ทุเวภิ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตตฺถาติ ตาสุ ทฺวีสุฯ ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอทิโส’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โส อาลยปริคฺคาโห จ วจีเภโท จ ‘‘อิมสฺมิํ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ, อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ เอทิโส, เอตาทิโสติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ กมุปฺปตฺติอนาทรา วจีเภโท ปฐมํ วุโตฺตฯ อุภยถา วสฺสํ อุปคนฺตุํ วฎฺฎติฯ เตเนว อฎฺฐกถายํ (วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๑๗๙; มหาว. อฎฺฐ. ๒๐๗) ‘‘สเจปิ ‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามี’ติ อาลโย อตฺถิ, อสติยา ปน วสฺสํ น อุเปติ, คหิตเสนาสนํ สุคฺคหิตํ, ฉินฺนวโสฺส น โหติ, ปวาเรตุํ ลภติเยว, วินาปิ หิ วจีเภทํ อาลยกรณมเตฺตนปิ วสฺสํ อุปคตเมว โหตี’’ติ วุตฺตํฯ นาวาสตฺถวเชสุ ปน ปริเยสิตฺวา เสนาสนํ อลภเนฺตน อาลยกรณมเตฺตเนว อุปคนฺตพฺพํฯ อุปคจฺฉเนฺตน จ วิหารํ ปฎิชคฺคิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตฺวา สพฺพํ เจติยวนฺทนาทิสามีจิกมฺมํ นิฎฺฐาเปตฺวา อุปคนฺตพฺพํฯ อาลยปริคฺคเห อาลยํ ทเสฺสตุํ ‘‘จิตฺตุปฺปาเทตฺถ อาลโย’’ติ อาหฯ เอตฺถาติ ทฺวีสุฯ
309-310. Purimikā pacchimikā iti vassūpanāyikā duveti sambandho. Āsāḷhipuṇṇamāya anantare pāṭipadadivase upagantabbā pacchimikāya pure bhavāti purimā, sā eva purimikā. Tato pacchā bhavā aparāya puṇṇamāya anantare pāṭipadadivase upagantabbā pacchimikā. Upanayanaṃ pāpuṇanaṃ upagamanaṃ upanāyikā, vassanti vuṭṭhi, idha pana vassakālaṃ ‘‘vassa’’nti upacārena gahetvā tattha vāso upacāreneva ‘‘vassa’’nti vuccati, vassassa vassāvāsassa upanāyikā vacībhedavasena vā ālayakaraṇavasena vā upagamanaṃ vassūpanāyikā. Tattha ālayapariggāho ca vacībhedo cāti purimikā vassūpanāyikā duve, ālayapariggāho ca vacībhedo cāti pacchimikā vassūpanāyikā duvebhi sambandhitabbaṃ. Tatthāti tāsu dvīsu. Tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘ediso’’tiādi vuttaṃ. So ālayapariggāho ca vacībhedo ca ‘‘imasmiṃ vihāre imaṃ temāsaṃ vassaṃ upemi, idha vassaṃ upemī’’ti ediso, etādisoti attho. Ettha ca kamuppattianādarā vacībhedo paṭhamaṃ vutto. Ubhayathā vassaṃ upagantuṃ vaṭṭati. Teneva aṭṭhakathāyaṃ (vi. saṅga. aṭṭha. 179; mahāva. aṭṭha. 207) ‘‘sacepi ‘idha vassaṃ vasissāmī’ti ālayo atthi, asatiyā pana vassaṃ na upeti, gahitasenāsanaṃ suggahitaṃ, chinnavasso na hoti, pavāretuṃ labhatiyeva, vināpi hi vacībhedaṃ ālayakaraṇamattenapi vassaṃ upagatameva hotī’’ti vuttaṃ. Nāvāsatthavajesu pana pariyesitvā senāsanaṃ alabhantena ālayakaraṇamatteneva upagantabbaṃ. Upagacchantena ca vihāraṃ paṭijaggitvā pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetvā sabbaṃ cetiyavandanādisāmīcikammaṃ niṭṭhāpetvā upagantabbaṃ. Ālayapariggahe ālayaṃ dassetuṃ ‘‘cittuppādettha ālayo’’ti āha. Etthāti dvīsu.
๓๑๑. ตทหูติ ตสฺมิํ วสฺสูปนายิกทิวเสฯ ชานนฺติ ‘‘อชฺช วสฺสูปนายิกา’’ติ ชานโนฺต, อนุปคจฺฉโตติมสฺส วิเสสนํฯ
311.Tadahūti tasmiṃ vassūpanāyikadivase. Jānanti ‘‘ajja vassūpanāyikā’’ti jānanto, anupagacchatotimassa visesanaṃ.
๓๑๒. ทุติยนฺติ ปจฺฉิมิกํฯ อนุปคโตติ เกนจิ อนฺตราเยน ปุริมิกํ อนุปคโตฯ เตมาสนฺติ ปุริมํ วา เตมาสํ ปจฺฉิมํ วา เตมาสํฯ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปน อรุณํ อนุฎฺฐาเปตฺวาปิ ตทเหว สตฺตาหกรณีเยน ปกฺกมนฺตสฺสาปิ อโนฺตสตฺตาเห นิวเตฺตนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติฯ
312.Dutiyanti pacchimikaṃ. Anupagatoti kenaci antarāyena purimikaṃ anupagato. Temāsanti purimaṃ vā temāsaṃ pacchimaṃ vā temāsaṃ. Vassaṃ upagantvā pana aruṇaṃ anuṭṭhāpetvāpi tadaheva sattāhakaraṇīyena pakkamantassāpi antosattāhe nivattentassāpi anāpatti.
๓๑๓-๕. มาตาปิตูนํ ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานญฺจ อตฺถาย คิลานตทุปฎฺฐากภตฺตํ โอสธญฺจ เอสิสฺสํ วา ปุจฺฉิสฺสามิ วา อุปฎฺฐิสฺสํ วา คนฺตฺวา อหํ นาภิรตํ วูปกาเสสฺสํ วา กุกฺกุจฺจํ วิโนทนญฺจ ทิฎฺฐิํ วิเวจนญฺจ ครุกาทิกํ วุฎฺฐานํ วาปิ อุสฺสุกฺกํ วาปิ กริสฺสํ วาปิ กาเรสฺสํ วาปีติ เอวมาทินา สตฺตาหกิเจฺจน ปหิเตปิ วา อปหิเตปิ วา คนฺตุํ ลพฺภนฺติ โยชนาฯ
313-5. Mātāpitūnaṃ pañcannaṃ sahadhammikānañca atthāya gilānatadupaṭṭhākabhattaṃ osadhañca esissaṃ vā pucchissāmi vā upaṭṭhissaṃ vā gantvā ahaṃ nābhirataṃ vūpakāsessaṃ vā kukkuccaṃ vinodanañca diṭṭhiṃ vivecanañca garukādikaṃ vuṭṭhānaṃ vāpi ussukkaṃ vāpi karissaṃ vāpi kāressaṃ vāpīti evamādinā sattāhakiccena pahitepi vā apahitepi vā gantuṃ labbhanti yojanā.
เอตฺถ ปน ลพฺภมานกวเสน โยเชตฺวา วกฺขมานนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ มาตาทิสุติยา เตเยว คิลาน-สเทฺทน คยฺหนฺติ, เตสํ อุปฎฺฐากา ตทุปฎฺฐากา, คิลานา จ ตทุปฎฺฐากา จ, เตสํ ภตฺตนฺติ สมาโสฯ โอสธนฺติ เตสํเยว คิลานานํ เภสชฺชํฯ เอสิสฺสนฺติ ปริเยสิสฺสามิฯ ปุจฺฉิสฺสามีติ เตเยว สตฺตชเน คิลาเน ปุจฺฉิสฺสํฯ อุปฎฺฐิสฺสนฺติ เตเยว คิลาเน อุปฎฺฐหิสฺสามิฯ อภิรมตีติ อภิรโต, วิสภาครูปาทิทสฺสเนน สาสเน น อภิรโต นาภิรโตฯ อภิรมณํ วา อภิรตํ, นตฺถิ อภิรตมสฺสาติ นาภิรโต, ตํฯ สหธมฺมิเกสุ โย นาภิรโต, ตํ วูปกาเสสฺสํ วิเกฺขปหรณตฺถํ อญฺญตฺถ นยิสฺสามิฯ กุกฺกุจฺจนฺติ ปญฺจนฺนํเยว อุปฺปนฺนํ วินยกุกฺกุจฺจํฯ กิตกโยเค วิกเปฺปน ทุติยาฯ ทิฎฺฐินฺติ เตสํเยว มิจฺฉาทิฎฺฐิยาฯ ครุกมาทิกนฺติ ครุกํ อาทิ ยสฺสาติ วิคฺคโหฯ อาทิ-สเทฺทน สามเณรานํ วสฺสปุจฺฉนํ, สิกฺขาสมาทยิตุกามตา, ตชฺชนียาทิกมฺมกรณํ สงฺคหิตํฯ วุฎฺฐานนฺติ ภิกฺขุโน ครุกาปตฺติยา ปริวาสมานตฺตทานาทีหิ วุฎฺฐานํฯ อุสฺสุกฺกนฺติ วสฺสปุจฺฉนาทิอุสฺสุกฺกํฯ เอวมาทินาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ทิฎฺฐิคตาทีนํ ธมฺมกถากรณาทิํ สงฺคณฺหาติฯ คนฺตุํ ลพฺภนฺติ เอตฺถ คจฺฉเนฺตน อโนฺตอุปจารสีมายํ ฐิเตเนว ‘‘อโนฺตสตฺตาเห อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาโภคํ กตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ อาโภคํ อกตฺวา อุปจารสีมํ อติกฺกมติ, ฉินฺนวโสฺส โหตีติ วทนฺติฯ สตฺตาหกิเจฺจนาติ สตฺตาหสฺส ลพฺภมานกํ วุตฺตํ วกฺขมานญฺจ สงฺฆกมฺมาทิ กิจฺจํ สตฺตาหกิจฺจํฯ สตฺตมอรุณมตฺตเสฺสว วิหาเร อุฎฺฐาปนียตฺตา สตฺตาหสฺส สากเลฺลน คหณํฯ
Ettha pana labbhamānakavasena yojetvā vakkhamānanayena attho veditabbo. Mātādisutiyā teyeva gilāna-saddena gayhanti, tesaṃ upaṭṭhākā tadupaṭṭhākā, gilānā ca tadupaṭṭhākā ca, tesaṃ bhattanti samāso. Osadhanti tesaṃyeva gilānānaṃ bhesajjaṃ. Esissanti pariyesissāmi. Pucchissāmīti teyeva sattajane gilāne pucchissaṃ. Upaṭṭhissanti teyeva gilāne upaṭṭhahissāmi. Abhiramatīti abhirato, visabhāgarūpādidassanena sāsane na abhirato nābhirato. Abhiramaṇaṃ vā abhirataṃ, natthi abhiratamassāti nābhirato, taṃ. Sahadhammikesu yo nābhirato, taṃ vūpakāsessaṃ vikkhepaharaṇatthaṃ aññattha nayissāmi. Kukkuccanti pañcannaṃyeva uppannaṃ vinayakukkuccaṃ. Kitakayoge vikappena dutiyā. Diṭṭhinti tesaṃyeva micchādiṭṭhiyā. Garukamādikanti garukaṃ ādi yassāti viggaho. Ādi-saddena sāmaṇerānaṃ vassapucchanaṃ, sikkhāsamādayitukāmatā, tajjanīyādikammakaraṇaṃ saṅgahitaṃ. Vuṭṭhānanti bhikkhuno garukāpattiyā parivāsamānattadānādīhi vuṭṭhānaṃ. Ussukkanti vassapucchanādiussukkaṃ. Evamādināti ettha ādi-saddena diṭṭhigatādīnaṃ dhammakathākaraṇādiṃ saṅgaṇhāti. Gantuṃ labbhanti ettha gacchantena antoupacārasīmāyaṃ ṭhiteneva ‘‘antosattāhe āgacchissāmī’’ti ābhogaṃ katvā gantabbaṃ. Sace ābhogaṃ akatvā upacārasīmaṃ atikkamati, chinnavasso hotīti vadanti. Sattāhakiccenāti sattāhassa labbhamānakaṃ vuttaṃ vakkhamānañca saṅghakammādi kiccaṃ sattāhakiccaṃ. Sattamaaruṇamattasseva vihāre uṭṭhāpanīyattā sattāhassa sākallena gahaṇaṃ.
๓๑๖. สงฺฆกเมฺม วเชติ สงฺฆสฺส กิเจฺจ อุโปสถาคาราทีสุ เสนาสเนสุ วา เจติยฉตฺตเวทิกาทีสุ วา อนฺตมโส ปุคฺคลิกเสนาสเนสุ วาปิ กตฺตพฺพนิมิเตฺต วเชยฺยาติ อโตฺถฯ ธมฺมสวนตฺถํ นิมนฺติโต วาปิ วเช, ครูหิ เปสิโต วาปิ วเช, ครูนํ ปสฺสิตุํ วาปิ วเชติ โยเชตพฺพํฯ นิมนฺติโตติ เอตฺถ สเจ ปฐมํเยว กติกา กตา โหติ, ‘‘อสุกทิวสํ นาม สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ นิมนฺติโตเยว นาม โหติฯ ครูหีติ อาจริยุปชฺฌาเยหิฯ ปหิโตติ ภณฺฑโธวนาทิอตฺถาย เปสิโตฯ ปสฺสิตุนฺติ อคิลาเนปิฯ
316.Saṅghakamme vajeti saṅghassa kicce uposathāgārādīsu senāsanesu vā cetiyachattavedikādīsu vā antamaso puggalikasenāsanesu vāpi kattabbanimitte vajeyyāti attho. Dhammasavanatthaṃ nimantito vāpi vaje, garūhi pesito vāpi vaje, garūnaṃ passituṃ vāpi vajeti yojetabbaṃ. Nimantitoti ettha sace paṭhamaṃyeva katikā katā hoti, ‘‘asukadivasaṃ nāma sannipatitabba’’nti nimantitoyeva nāma hoti. Garūhīti ācariyupajjhāyehi. Pahitoti bhaṇḍadhovanādiatthāya pesito. Passitunti agilānepi.
๓๑๗. ภณฺฑ…เป.… ทสฺสเน น วเชติ โยชนียํฯ เอตฺถาปิ นิมิตฺตเตฺถ สตฺตมีฯ ภณฺฑํ นาม จีวรํฯ ญาตี มาตาปิตูหิ อเญฺญฯ อุปฎฺฐากา อุปาสกาฯ ‘‘อเชฺชว อาคมิสฺส’’นฺติ อทูรโค น ปาปุเณยฺย, ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธฯ ลพฺภนฺติ อิมสฺส อปาปุณนํ วุตฺตกมฺมํฯ อเชฺชวาคมิสฺสนฺติ สามนฺตวิหารํ คนฺตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺตรามเคฺค สเจ อรุณุคฺคมนํ โหติ, วสฺสเจฺฉโทปิ น โหติ, รตฺติเจฺฉททุกฺกฎญฺจ นตฺถีติ วทนฺติฯ
317. Bhaṇḍa…pe… dassane na vajeti yojanīyaṃ. Etthāpi nimittatthe sattamī. Bhaṇḍaṃ nāma cīvaraṃ. Ñātī mātāpitūhi aññe. Upaṭṭhākā upāsakā. ‘‘Ajjeva āgamissa’’nti adūrago na pāpuṇeyya, labbhanti sambandho. Labbhanti imassa apāpuṇanaṃ vuttakammaṃ. Ajjevāgamissanti sāmantavihāraṃ gantvā puna āgacchantassa antarāmagge sace aruṇuggamanaṃ hoti, vassacchedopi na hoti, ratticchedadukkaṭañca natthīti vadanti.
๓๑๘. เสสญาตีหีติ มาตาปิตูหิ อวเสสญาตีหิฯ นิทฺทิสิตฺวาวาติ ทานธมฺมสวนาทีนิฯ ‘‘ปหิเต เปสิเต’’ติ เจตฺถ ‘‘ลพฺภ’’นฺติ อนุวตฺตนียํฯ
318.Sesañātīhīti mātāpitūhi avasesañātīhi. Niddisitvāvāti dānadhammasavanādīni. ‘‘Pahite pesite’’ti cettha ‘‘labbha’’nti anuvattanīyaṃ.
๓๑๙. อตฺตโน อนฺตราเย สตีติ โจรสรีสปวาฬชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตราเย, อนฺตมโส เภสชฺชาลาภปติรูปอุปฎฺฐากาลาเภปิฯ ‘‘วสฺสเจฺฉทการณมฺปิ สตฺตาหกรณียํ สิยา’’ติ เกจิ โปราณา วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, สพฺพถา วสฺสเจฺฉเทน พหิ วาสาย อนุญฺญาตการณํ สตฺตาหมตฺตํ พหิ วีตินาเมตฺวา อโนฺตวิหาเรเยว วาเสน วสฺสเจฺฉทาการณํ กถํ นาม น สิยาติฯ ฉินฺนวโสฺส โน ปวารเยติ สมฺพโนฺธฯ
319.Attano antarāye satīti corasarīsapavāḷajīvitabrahmacariyantarāye, antamaso bhesajjālābhapatirūpaupaṭṭhākālābhepi. ‘‘Vassacchedakāraṇampi sattāhakaraṇīyaṃ siyā’’ti keci porāṇā vadanti, taṃ yuttaṃ viya dissati, sabbathā vassacchedena bahi vāsāya anuññātakāraṇaṃ sattāhamattaṃ bahi vītināmetvā antovihāreyeva vāsena vassacchedākāraṇaṃ kathaṃ nāma na siyāti. Chinnavasso no pavārayeti sambandho.
๓๒๐. ‘‘อเสนาสนิเกนา’’ติ อิมินาว วิญฺญายมานตฺถเตฺตปิ ‘‘อโชฺฌกาเส จา’’ติ วจนํ ‘‘อหํ อโพฺภกาสิโก, กิํ เม เสนาสเนนา’’ติ วาสานิวตฺตนตฺถํ วุตฺตํฯ รุกฺขสฺส สุสิเรติ สุเทฺธ รุกฺขสุสิเรฯ มหนฺตสฺส ปน สุสิรสฺส อโนฺต ปทรจฺฉทนกุฎิกํ กตฺวา ปวิสนทฺวารํ โยเชตฺวา อุปคนฺตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘วิฎเปปิ อฎฺฎกํ พนฺธิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ ตถา ฉตฺตจาฎีสุปิ ตทนุรูเปน เวทิตพฺพํฯ ฉวกุฎิ นาม ฎงฺกิตมญฺจาทิเภทา กุฎิฯ ตตฺถ ฎงฺกิตมโญฺจ นาม ทีเฆ มญฺจปาเท มเชฺฌ วิชฺฌิตฺวา อฎนิโย ปเวเสตฺวา กโต, จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตมฺปิ ฎงฺกิตมโญฺจฯ
320. ‘‘Asenāsanikenā’’ti imināva viññāyamānatthattepi ‘‘ajjhokāse cā’’ti vacanaṃ ‘‘ahaṃ abbhokāsiko, kiṃ me senāsanenā’’ti vāsānivattanatthaṃ vuttaṃ. Rukkhassa susireti suddhe rukkhasusire. Mahantassa pana susirassa anto padaracchadanakuṭikaṃ katvā pavisanadvāraṃ yojetvā upagantuṃ vaṭṭati. ‘‘Viṭapepi aṭṭakaṃ bandhitvā’’tiādi vuttanayameva. Tathā chattacāṭīsupi tadanurūpena veditabbaṃ. Chavakuṭi nāma ṭaṅkitamañcādibhedā kuṭi. Tattha ṭaṅkitamañco nāma dīghe mañcapāde majjhe vijjhitvā aṭaniyo pavesetvā kato, catunnaṃ pāsāṇānaṃ upari pāsāṇaṃ attharitvā katampi ṭaṅkitamañco.
๓๒๑. อเสนาสนิเกนาติ ยสฺส ติณปณฺณอิฎฺฐกสิลาสุธาสงฺขาตานํ ปญฺจนฺนํ ฉทนานํ อญฺญตเรน ฉนฺนํ โยชิตทฺวารพนฺธนํ เสนาสนํ นตฺถิ, เตนฯ อิทํ ปน วจีเภทํ กตฺวา อธิฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ, ตถา จ สติ นาวาทีสุ วิย วิสุํ วิธาเนน ภวิตพฺพนฺติฯ นาวาสตฺถวชูปโคติ อิมินา อเสนาสนิเกน นาวาทีสุ วสฺสํ อุปคนฺตุํ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ตตฺถ จ กุฎิกํ ปริเยสิตฺวา ลภเนฺตน ตตฺถ ปวิสิตฺวา วิหาราภาวโต ‘‘วิหาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘อิธ วสฺสํ อุเปมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํ, อลภเนฺตน อาลโย กาตโพฺพฯ ปวาเรตุญฺจาติ จ-สเทฺทน วสฺสเจฺฉทนิมิตฺตาย อาปตฺติยา อภาวํ สมฺปิเณฺฑติฯ ‘‘วเช สเตฺถ นาวายนฺติ ตีสุ ฐาเนสุ นตฺถิ วสฺสเจฺฉเท อาปตฺติ, ปวาเรตุญฺจ ลพฺภตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๐๓) อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ วสฺสเจฺฉเทติ จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เยน วโช เตน คนฺตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๓) วุตฺตตฺตา, สตฺถสฺส นาวาย จ คมนสภาเวเนว ฐิตตฺตา จ วสฺสูปคตฎฺฐาเน อวสิตฺวา อญฺญตฺถ คมนมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
321.Asenāsanikenāti yassa tiṇapaṇṇaiṭṭhakasilāsudhāsaṅkhātānaṃ pañcannaṃ chadanānaṃ aññatarena channaṃ yojitadvārabandhanaṃ senāsanaṃ natthi, tena. Idaṃ pana vacībhedaṃ katvā adhiṭṭhānaṃ sandhāya vuttanti vadanti, tadayuttaṃ, tathā ca sati nāvādīsu viya visuṃ vidhānena bhavitabbanti. Nāvāsatthavajūpagoti iminā asenāsanikena nāvādīsu vassaṃ upagantuṃ vaṭṭatīti dīpeti. Tattha ca kuṭikaṃ pariyesitvā labhantena tattha pavisitvā vihārābhāvato ‘‘vihāre’’ti avatvā ‘‘idha vassaṃ upemī’’ti tikkhattuṃ vattabbaṃ, alabhantena ālayo kātabbo. Pavāretuñcāti ca-saddena vassacchedanimittāya āpattiyā abhāvaṃ sampiṇḍeti. ‘‘Vaje satthe nāvāyanti tīsu ṭhānesu natthi vassacchede āpatti, pavāretuñca labbhatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 203) aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Vassacchedeti ca ‘‘anujānāmi, bhikkhave, yena vajo tena gantu’’nti (mahāva. 203) vuttattā, satthassa nāvāya ca gamanasabhāveneva ṭhitattā ca vassūpagataṭṭhāne avasitvā aññattha gamanamattaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ.
วสฺสูปนายิกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vassūpanāyikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.