Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๖๖] ๖. วาตคฺคสินฺธวชาตกวณฺณนา

    [266] 6. Vātaggasindhavajātakavaṇṇanā

    เยนาสิ กิสิยา ปณฺฑูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ กุฎุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิเรกา อภิรูปา อิตฺถี เอกํ อภิรูปํ กุฎุมฺพิกํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิตฺตา อโหสิ, สกลสรีรํ ฌายมาโน วิยสฺสา อพฺภนฺตเร กิเลสคฺคิ อุปฺปชฺชิฯ สา เนว กายสฺสาทํ ลภิ, น จิตฺตสฺสาทํ, ภตฺตมฺปิสฺสา น รุจฺจิ, เกวลํ มญฺจกอฎนิํ คเหตฺวา นิปชฺชิฯ อถ นํ อุปฎฺฐายิกา จ สหายิกา จ ปุจฺฉิํสุ – ‘‘กิํ นุ โข ตฺวํ กมฺปมานจิตฺตา อฎนิํ คเหตฺวา นิปนฺนา, กิํ เต อผาสุก’’นฺติฯ สา เอกํ เทฺว วาเร อกเถตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อถ นํ ตา สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, มยํ ตํ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา กุฎุมฺพิเกน สทฺธิํ มเนฺตสุํ, โส ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน อธิวาเสสิฯ ตา ‘‘อสุกทิวเส อสุกเวลายํ อาคจฺฉา’’ติ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา คนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสุํฯ สา อตฺตโน สยนคพฺภํ สเชฺชตฺวา อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา สยนปิเฎฺฐ นิสินฺนา ตสฺมิํ อาคนฺตฺวา สยเนกเทเส นิสิเนฺน จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ อิมสฺส ครุกํ อกตฺวา อิทาเนว โอกาสํ กริสฺสามิ, อิสฺสริยํ เม ปริหายิสฺสติ, อาคตทิวเสเยว โอกาสกรณํ นาม อการณํ, อชฺช น มงฺกุํ กตฺวา อญฺญสฺมิํ ทิวเส โอกาสํ กริสฺสามี’’ติฯ อถ นํ หตฺถคหณาทิวเสน เกฬิํ กาตุํ อารทฺธํ หเตฺถ คเหตฺวา ‘‘อเปหิ อเปหิ, น เม ตยา อโตฺถ’’ติ นิพฺภเจฺฉสิฯ โส โอสกฺกิตฺวา ลชฺชิโต อุฎฺฐาย อตฺตโน เคหเมว คโตฯ

    Yenāsikisiyā paṇḍūti idaṃ satthā jetavane viharanto sāvatthiyaṃ aññataraṃ kuṭumbikaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kirekā abhirūpā itthī ekaṃ abhirūpaṃ kuṭumbikaṃ disvā paṭibaddhacittā ahosi, sakalasarīraṃ jhāyamāno viyassā abbhantare kilesaggi uppajji. Sā neva kāyassādaṃ labhi, na cittassādaṃ, bhattampissā na rucci, kevalaṃ mañcakaaṭaniṃ gahetvā nipajji. Atha naṃ upaṭṭhāyikā ca sahāyikā ca pucchiṃsu – ‘‘kiṃ nu kho tvaṃ kampamānacittā aṭaniṃ gahetvā nipannā, kiṃ te aphāsuka’’nti. Sā ekaṃ dve vāre akathetvā punappunaṃ vuccamānā tamatthaṃ ārocesi. Atha naṃ tā samassāsetvā ‘‘tvaṃ mā cintayi, mayaṃ taṃ ānessāmā’’ti vatvā gantvā kuṭumbikena saddhiṃ mantesuṃ, so paṭikkhipitvā punappunaṃ vuccamāno adhivāsesi. Tā ‘‘asukadivase asukavelāyaṃ āgacchā’’ti paṭiññaṃ gahetvā gantvā tassā ārocesuṃ. Sā attano sayanagabbhaṃ sajjetvā attānaṃ alaṅkaritvā sayanapiṭṭhe nisinnā tasmiṃ āgantvā sayanekadese nisinne cintesi – ‘‘sacāhaṃ imassa garukaṃ akatvā idāneva okāsaṃ karissāmi, issariyaṃ me parihāyissati, āgatadivaseyeva okāsakaraṇaṃ nāma akāraṇaṃ, ajja na maṅkuṃ katvā aññasmiṃ divase okāsaṃ karissāmī’’ti. Atha naṃ hatthagahaṇādivasena keḷiṃ kātuṃ āraddhaṃ hatthe gahetvā ‘‘apehi apehi, na me tayā attho’’ti nibbhacchesi. So osakkitvā lajjito uṭṭhāya attano gehameva gato.

    อิตรา อิตฺถิโย ตาย ตถา กตภาวํ ญตฺวา กุฎุมฺพิเก นิกฺขเนฺต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ตฺวํ เอตสฺมิํ ปฎิพทฺธจิตฺตา อาหารํ ปฎิกฺขิปิตฺวา นิปชฺชิ, อถ นํ มยํ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา อานยิมฺห, ตสฺส กสฺมา โอกาสํ น อกาสี’’ติฯ สา ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อิตรา ‘‘เตน หิ ปญฺญายิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปกฺกมิํสุฯ กุฎุมฺพิโก ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิฯ สา ตํ อลภมานา นิราหารา ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ กุฎุมฺพิโก ตสฺสา มตภาวํ ญตฺวา พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สตฺถารา จ ‘‘กิํ นุ โข, อุปาสก, น ปญฺญายสี’’ติ ปุจฺฉิเต ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สฺวาหํ, ภเนฺต, เอตฺตกํ กาลํ ลชฺชาย พุทฺธุปฎฺฐานํ นาคโต’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘น , อุปาสก, อิทาเนเวสา กิเลสวเสน ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาคตกาเล ตํ โอกาสํ อกตฺวา ลชฺชาเปสิ, ปุเพฺพปิ ปน ปณฺฑิเตสุ ปฎิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ปโกฺกสาเปตฺวา อาคตกาเล โอกาสํ อกตฺวา กิลเมตฺวาว อุโยฺยเชสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Itarā itthiyo tāya tathā katabhāvaṃ ñatvā kuṭumbike nikkhante taṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘‘tvaṃ etasmiṃ paṭibaddhacittā āhāraṃ paṭikkhipitvā nipajji, atha naṃ mayaṃ punappunaṃ yācitvā ānayimha, tassa kasmā okāsaṃ na akāsī’’ti. Sā tamatthaṃ ārocesi. Itarā ‘‘tena hi paññāyissasī’’ti vatvā pakkamiṃsu. Kuṭumbiko puna nivattitvāpi na olokesi. Sā taṃ alabhamānā nirāhārā tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi. Kuṭumbiko tassā matabhāvaṃ ñatvā bahuṃ mālāgandhavilepanaṃ ādāya jetavanaṃ gantvā satthāraṃ pūjetvā ekamantaṃ nisīditvā satthārā ca ‘‘kiṃ nu kho, upāsaka, na paññāyasī’’ti pucchite tamatthaṃ ārocetvā ‘‘svāhaṃ, bhante, ettakaṃ kālaṃ lajjāya buddhupaṭṭhānaṃ nāgato’’ti āha. Satthā ‘‘na , upāsaka, idānevesā kilesavasena taṃ pakkosāpetvā āgatakāle taṃ okāsaṃ akatvā lajjāpesi, pubbepi pana paṇḍitesu paṭibaddhacittā hutvā pakkosāpetvā āgatakāle okāsaṃ akatvā kilametvāva uyyojesī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สินฺธวกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วาตคฺคสินฺธโว นาม หุตฺวา ตสฺส มงฺคลอโสฺส อโหสิฯ อสฺสโคปกา ตํ เนตฺวา คงฺคายํ นฺหาเปนฺติฯ อถ นํ ภทฺทลี นาม คทฺรภี ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา กิเลสวเสน กมฺปมานา เนว ติณํ ขาทิ , น อุทกํ ปิวิ, ปริสุสฺสิตฺวา กิสา อฎฺฐิจมฺมมตฺตา อโหสิฯ อถ นํ ปุโตฺต คทฺรภโปตโก มาตรํ ปริสุสฺสมานํ ทิสฺวา ‘‘กิํ นุ โข ตฺวํ, อมฺม, เนว ติณํ ขาทสิ, น อุทกํ ปิวสิ, ปริสุสฺสิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กมฺปมานา นิปชฺชสิ, กิํ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ สา อกเถตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา ตมตฺถํ กเถสิฯ อถ นํ ปุโตฺต สมสฺสาเสตฺวา ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ตํ อาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา วาตคฺคสินฺธวสฺส นฺหายิตุํ อาคตกาเล ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, มยฺหํ มาตา ตุเมฺหสุ ปฎิพทฺธจิตฺตา นิราหารา สุสฺสิตฺวา มริสฺสติ, ชีวิตทานมสฺสา เทถา’’ติ อาหฯ ‘‘สาธุ, ตาต, ทสฺสามิ, อสฺสโคปกา มํ นฺหาเปตฺวา โถกํ คงฺคาตีเร วิจรณตฺถาย วิสฺสเชฺชนฺติ, ตฺวํ มาตรํ คเหตฺวา ตํ ปเทสํ เอหี’’ติฯ โส คนฺตฺวา มาตรํ อาเนตฺวา ตสฺมิํ ปเทเส วิสฺสเชฺชตฺวา เอกมนฺตํ ปฎิจฺฉโนฺน อฎฺฐาสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sindhavakule nibbattitvā vātaggasindhavo nāma hutvā tassa maṅgalaasso ahosi. Assagopakā taṃ netvā gaṅgāyaṃ nhāpenti. Atha naṃ bhaddalī nāma gadrabhī disvā paṭibaddhacittā hutvā kilesavasena kampamānā neva tiṇaṃ khādi , na udakaṃ pivi, parisussitvā kisā aṭṭhicammamattā ahosi. Atha naṃ putto gadrabhapotako mātaraṃ parisussamānaṃ disvā ‘‘kiṃ nu kho tvaṃ, amma, neva tiṇaṃ khādasi, na udakaṃ pivasi, parisussitvā tattha tattha kampamānā nipajjasi, kiṃ te aphāsuka’’nti pucchi. Sā akathetvā punappunaṃ vuccamānā tamatthaṃ kathesi. Atha naṃ putto samassāsetvā ‘‘amma, mā cintayi, ahaṃ taṃ ānessāmī’’ti vatvā vātaggasindhavassa nhāyituṃ āgatakāle taṃ upasaṅkamitvā ‘‘tāta, mayhaṃ mātā tumhesu paṭibaddhacittā nirāhārā sussitvā marissati, jīvitadānamassā dethā’’ti āha. ‘‘Sādhu, tāta, dassāmi, assagopakā maṃ nhāpetvā thokaṃ gaṅgātīre vicaraṇatthāya vissajjenti, tvaṃ mātaraṃ gahetvā taṃ padesaṃ ehī’’ti. So gantvā mātaraṃ ānetvā tasmiṃ padese vissajjetvā ekamantaṃ paṭicchanno aṭṭhāsi.

    อสฺสโคปกาปิ วาตคฺคสินฺธวํ ตสฺมิํ ฐาเน วิสฺสเชฺชสุํฯ โส ตํ คทฺรภิํ โอโลเกตฺวา อุปสงฺกมิฯ อถ สา คทฺรภี ตสฺมิํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน สรีรํ อุปสิงฺฆมาเน ‘‘สจาหํ ครุํ อกตฺวา อาคตกฺขเณเยวสฺส โอกาสํ กริสฺสามิ, เอวํ เม ยโส จ อิสฺสริยญฺจ ปริหายิสฺสติ, อนิจฺฉมานา วิย ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา สินฺธวสฺส เหฎฺฐาหนุเก ปาเทน ปหริตฺวา ปลายิ, ทนฺตมูลมสฺส ภิชฺชิตฺวา คตกาโล วิย อโหสิฯ วาตคฺคสินฺธโว ‘‘โก เม เอตาย อโตฺถ’’ติ ลชฺชิโต ตโตว ปลายิฯ สา วิปฺปฎิสารินี หุตฺวา ตเตฺถว ปติตฺวา โสจมานา นิปชฺชิฯ

    Assagopakāpi vātaggasindhavaṃ tasmiṃ ṭhāne vissajjesuṃ. So taṃ gadrabhiṃ oloketvā upasaṅkami. Atha sā gadrabhī tasmiṃ upasaṅkamitvā attano sarīraṃ upasiṅghamāne ‘‘sacāhaṃ garuṃ akatvā āgatakkhaṇeyevassa okāsaṃ karissāmi, evaṃ me yaso ca issariyañca parihāyissati, anicchamānā viya bhavituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā sindhavassa heṭṭhāhanuke pādena paharitvā palāyi, dantamūlamassa bhijjitvā gatakālo viya ahosi. Vātaggasindhavo ‘‘ko me etāya attho’’ti lajjito tatova palāyi. Sā vippaṭisārinī hutvā tattheva patitvā socamānā nipajji.

    อถ นํ ปุโตฺต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Atha naṃ putto upasaṅkamitvā pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๔๖.

    46.

    ‘‘เยนาสิ กิสิยา ปณฺฑุ, เยน ภตฺตํ น รุจฺจติ;

    ‘‘Yenāsi kisiyā paṇḍu, yena bhattaṃ na ruccati;

    อยํ โส อาคโต ภตฺตา, กสฺมา ทานิ ปลายสี’’ติฯ

    Ayaṃ so āgato bhattā, kasmā dāni palāyasī’’ti.

    ตตฺถ เยนาติ ตสฺมิํ ปฎิพทฺธจิตฺตตาย เยน การณภูเตนฯ

    Tattha yenāti tasmiṃ paṭibaddhacittatāya yena kāraṇabhūtena.

    ปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา คทฺรภี ทุติยํ คาถมาห –

    Puttassa vacanaṃ sutvā gadrabhī dutiyaṃ gāthamāha –

    ๔๗.

    47.

    ‘‘สเจ ปนาทิเกเนว, สนฺถโว นาม ชายติ;

    ‘‘Sace panādikeneva, santhavo nāma jāyati;

    ยโส หายติ อิตฺถีนํ, ตสฺมา ตาต ปลายห’’นฺติฯ

    Yaso hāyati itthīnaṃ, tasmā tāta palāyaha’’nti.

    ตตฺถ อาทิเกเนวาติอาทิโตว ปฐมเมวฯ สนฺถโวติ เมถุนธมฺมสํโยควเสน มิตฺตสนฺถโวฯ ยโส หายติ อิตฺถีนนฺติ, ตาต, อิตฺถีนญฺหิ ครุกํ อกตฺวา อาทิโตว สนฺถวํ กุรุมานานํ ยโส หายติ, อิสฺสริยคพฺพิตภาโว ปริหายตีติฯ เอวํ สา อิตฺถีนํ สภาวํ ปุตฺตสฺส กเถสิฯ

    Tattha ādikenevātiāditova paṭhamameva. Santhavoti methunadhammasaṃyogavasena mittasanthavo. Yaso hāyati itthīnanti, tāta, itthīnañhi garukaṃ akatvā āditova santhavaṃ kurumānānaṃ yaso hāyati, issariyagabbitabhāvo parihāyatīti. Evaṃ sā itthīnaṃ sabhāvaṃ puttassa kathesi.

    ตติยคาถํ ปน สตฺถา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อาห –

    Tatiyagāthaṃ pana satthā abhisambuddho hutvā āha –

    ๔๘.

    48.

    ‘‘ยสสฺสินํ กุเล ชาตํ, อาคตํ ยา น อิจฺฉติ;

    ‘‘Yasassinaṃ kule jātaṃ, āgataṃ yā na icchati;

    โสจติ จิรรตฺตาย, วาตคฺคมิว ภทฺทลี’’ติฯ

    Socati cirarattāya, vātaggamiva bhaddalī’’ti.

    ตตฺถ ยสสฺสินนฺติ ยสสมฺปนฺนํฯ ยา น อิจฺฉตีติ ยา อิตฺถี ตถารูปํ ปุริสํ น อิจฺฉติฯ จิรรตฺตายาติ จิรรตฺตํ, ทีฆมทฺธานนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha yasassinanti yasasampannaṃ. Yā na icchatīti yā itthī tathārūpaṃ purisaṃ na icchati. Cirarattāyāti cirarattaṃ, dīghamaddhānanti attho.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฎุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา คทฺรภี สา อิตฺถี อโหสิ, วาตคฺคสินฺธโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne kuṭumbiko sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā gadrabhī sā itthī ahosi, vātaggasindhavo pana ahameva ahosi’’nti.

    วาตคฺคสินฺธวชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ

    Vātaggasindhavajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๖๖. วาตคฺคสินฺธวชาตกํ • 266. Vātaggasindhavajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact