Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๔] ๔. วาตมิคชาตกวณฺณนา
[14] 4. Vātamigajātakavaṇṇanā
น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ สตฺถริ กิร ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรเนฺต ติสฺสกุมาโร นาม มหาวิภวสฺส เสฎฺฐิกุลสฺส ปุโตฺต เอกทิวสํ เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา มาตาปิตูหิ อนนุญฺญาตตฺตา ปฎิกฺขิโตฺต สตฺตาหํ ภตฺตเจฺฉทํ กตฺวา รฎฺฐปาลเตฺถโร วิย มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิฯ สตฺถา ตํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ เวฬุวเน วิหริตฺวา เชตวนํ อคมาสิฯ ตตฺรายํ กุลปุโตฺต เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน กาลํ วีตินาเมติ, ‘‘จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสเตฺถโร นามา’’ติ วุเตฺต คคนตเล ปุณฺณจโนฺท วิย พุทฺธสาสเน ปากโฎ ปญฺญาโต อโหสิฯ
Nakiratthi rasehi pāpiyoti idaṃ satthā jetavane viharanto cūḷapiṇḍapātikatissattheraṃ ārabbha kathesi. Satthari kira rājagahaṃ upanissāya veḷuvane viharante tissakumāro nāma mahāvibhavassa seṭṭhikulassa putto ekadivasaṃ veḷuvanaṃ gantvā satthu dhammadesanaṃ sutvā pabbajitukāmo pabbajjaṃ yācitvā mātāpitūhi ananuññātattā paṭikkhitto sattāhaṃ bhattacchedaṃ katvā raṭṭhapālatthero viya mātāpitaro anujānāpetvā satthu santike pabbaji. Satthā taṃ pabbājetvā aḍḍhamāsamattaṃ veḷuvane viharitvā jetavanaṃ agamāsi. Tatrāyaṃ kulaputto terasa dhutaṅgāni samādāya sāvatthiyaṃ sapadānaṃ piṇḍāya caramāno kālaṃ vītināmeti, ‘‘cūḷapiṇḍapātikatissatthero nāmā’’ti vutte gaganatale puṇṇacando viya buddhasāsane pākaṭo paññāto ahosi.
ตสฺมิํ กาเล ราชคเห นกฺขตฺตกีฬาย วตฺตมานาย เถรสฺส มาตาปิตโร ยํ ตสฺส คิหิกาเล อโหสิ อาภรณภณฺฑกํ, ตํ รตนจโงฺกฎเก นิกฺขิปิตฺวา อุเร ฐเปตฺวา ‘‘อญฺญาสุ นกฺขตฺตกีฬาสุ อมฺหากํ ปุโตฺต อิมินา อลงฺกาเรน อลงฺกโต นกฺขตฺตํ กีฬติ, ตํ โน เอกปุตฺตํ คเหตฺวา สมโณ โคตโม สาวตฺถินครํ คโต, กหํ นุ โข โส เอตรหิ นิสิโนฺน, กหํ ฐิโต’’ติ วตฺวา โรทนฺติฯ
Tasmiṃ kāle rājagahe nakkhattakīḷāya vattamānāya therassa mātāpitaro yaṃ tassa gihikāle ahosi ābharaṇabhaṇḍakaṃ, taṃ ratanacaṅkoṭake nikkhipitvā ure ṭhapetvā ‘‘aññāsu nakkhattakīḷāsu amhākaṃ putto iminā alaṅkārena alaṅkato nakkhattaṃ kīḷati, taṃ no ekaputtaṃ gahetvā samaṇo gotamo sāvatthinagaraṃ gato, kahaṃ nu kho so etarahi nisinno, kahaṃ ṭhito’’ti vatvā rodanti.
อเถกา วณฺณทาสี ตํ กุลํ คนฺตฺวา เสฎฺฐิภริยํ โรทนฺติํ ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กิํ ปน, อเยฺย, โรทสี’’ติ? ‘‘สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ’’ฯ ‘‘กิํ ปน, อเยฺย, อยฺยปุโตฺต ปิยายตี’’ติ? ‘‘อสุกญฺจ อสุกญฺจา’’ติฯ ‘‘สเจ ตุเมฺห อิมสฺมิํ เคเห สพฺพํ อิสฺสริยํ มยฺหํ เทถ, อหํ โว ปุตฺตํ อาเนสฺสามี’’ติฯ เสฎฺฐิภริยา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน ตํ อุโยฺยเชสิ ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน พเลน มม ปุตฺตํ อาเนหี’’ติฯ สา ปฎิจฺฉนฺนยาเน นิสินฺนา สาวตฺถิํ คนฺตฺวา เถรสฺส ภิกฺขาจารวีถิยํ นิวาสํ คเหตฺวา เสฎฺฐิกุลา อาคเต มนุเสฺส เถรสฺส อทเสฺสตฺวา อตฺตโน ปริวาเรเนว ปริวุตา เถรสฺส ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐสฺส อาทิโตว อุฬุงฺกยาคุญฺจ รสกภิกฺขญฺจ ทตฺวา รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อนุกฺกเมน เคเห นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ททมานา จ อตฺตโน วสํ อุปคตภาวํ ญตฺวา คิลานาลยํ ทเสฺสตฺวา อโนฺตคเพฺภ นิปชฺชิฯ เถโรปิ ภิกฺขาจารเวลาย สปทานํ จรโนฺต เคหทฺวารํ อคมาสิฯ ปริชโน เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ ฆเร นิสีทาเปสิฯ เถโร นิสีทิตฺวาว ‘‘กหํ อุปาสิกา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘คิลานา, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ทสฺสนํ อิจฺฉตี’’ติฯ โส รสตณฺหาย พโทฺธ อตฺตโน วตสมาทานํ ภินฺทิตฺวา ตสฺสา นิปนฺนฎฺฐานํ ปาวิสิฯ สา อตฺตโน อาคตการณํ กเถตฺวา ตํ ปโลเภตฺวา รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อุปฺปพฺพาเชตฺวา อตฺตโน วเส ฐเปตฺวา ยาเน นิสีทาเปตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน ราชคหเมว อคมาสิฯ สา ปวตฺติ ปากฎา ชาตาฯ
Athekā vaṇṇadāsī taṃ kulaṃ gantvā seṭṭhibhariyaṃ rodantiṃ disvā pucchi ‘‘kiṃ pana, ayye, rodasī’’ti? ‘‘Sā tamatthaṃ ārocesi’’. ‘‘Kiṃ pana, ayye, ayyaputto piyāyatī’’ti? ‘‘Asukañca asukañcā’’ti. ‘‘Sace tumhe imasmiṃ gehe sabbaṃ issariyaṃ mayhaṃ detha, ahaṃ vo puttaṃ ānessāmī’’ti. Seṭṭhibhariyā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā paribbayaṃ datvā mahantena parivārena taṃ uyyojesi ‘‘gaccha, attano balena mama puttaṃ ānehī’’ti. Sā paṭicchannayāne nisinnā sāvatthiṃ gantvā therassa bhikkhācāravīthiyaṃ nivāsaṃ gahetvā seṭṭhikulā āgate manusse therassa adassetvā attano parivāreneva parivutā therassa piṇḍāya paviṭṭhassa āditova uḷuṅkayāguñca rasakabhikkhañca datvā rasataṇhāya bandhitvā anukkamena gehe nisīdāpetvā bhikkhaṃ dadamānā ca attano vasaṃ upagatabhāvaṃ ñatvā gilānālayaṃ dassetvā antogabbhe nipajji. Theropi bhikkhācāravelāya sapadānaṃ caranto gehadvāraṃ agamāsi. Parijano therassa pattaṃ gahetvā theraṃ ghare nisīdāpesi. Thero nisīditvāva ‘‘kahaṃ upāsikā’’ti pucchi. ‘‘Gilānā, bhante, tumhākaṃ dassanaṃ icchatī’’ti. So rasataṇhāya baddho attano vatasamādānaṃ bhinditvā tassā nipannaṭṭhānaṃ pāvisi. Sā attano āgatakāraṇaṃ kathetvā taṃ palobhetvā rasataṇhāya bandhitvā uppabbājetvā attano vase ṭhapetvā yāne nisīdāpetvā mahantena parivārena rājagahameva agamāsi. Sā pavatti pākaṭā jātā.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ‘‘จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสเตฺถรํ กิร เอกา วณฺณทาสี รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อาทาย คตา’’ติ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํฯ สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาหฯ เต ตํ ปวตฺติํ กถยิํสุฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เอโส ภิกฺขุ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ตสฺสา วสํ คโต, ปุเพฺพปิ ตสฺสา วสํ คโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Bhikkhū dhammasabhāyaṃ sannisinnā ‘‘cūḷapiṇḍapātikatissattheraṃ kira ekā vaṇṇadāsī rasataṇhāya bandhitvā ādāya gatā’’ti kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ. Satthā dhammasabhaṃ upagantvā alaṅkatadhammāsane nisīditvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti āha. Te taṃ pavattiṃ kathayiṃsu. ‘‘Na, bhikkhave, idāneva eso bhikkhu rasataṇhāya bajjhitvā tassā vasaṃ gato, pubbepi tassā vasaṃ gatoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ รโญฺญ พฺรหฺมทตฺตสฺส สญฺชโย นาม อุยฺยานปาโล อโหสิฯ อเถโก วาตมิโค ตํ อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา สญฺชยํ ทิสฺวา ปลายติ, สญฺชโยปิ น ตํ ตเชฺชตฺวา นีหรติฯ โส ปุนปฺปุนํ อาคนฺตฺวา อุยฺยาเนเยว จรติฯ อุยฺยานปาโล อุยฺยาเน นานปฺปการานิ ปุปฺผผลานิ คเหตฺวา ทิวเส ทิวเส รโญฺญ อภิหรติฯ อถ นํ เอกทิวสํ ราชา ปุจฺฉิ ‘‘สมฺม อุยฺยานปาล, อุยฺยาเน กิญฺจิ อจฺฉริยํ ปสฺสสี’’ติ? ‘‘เทว, อญฺญํ น ปสฺสามิ, เอโก ปน วาตมิโค อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน จรติ, เอตํ ปสฺสามี’’ติฯ ‘‘สกฺขิสฺสติ ปน ตํ คเหตุ’’นฺติฯ ‘‘โถกํ มธุํ ลภโนฺต อโนฺต ราชนิเวสนมฺปิ นํ อาเนตุํ สกฺขิสฺสามิ, เทวา’’ติฯ ราชา ตสฺส มธุํ ทาเปสิฯ โส ตํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา วาตมิคสฺส จรณฎฺฐาเน ติณานิ มธุนา มเกฺขตฺวา นิลียิฯ มิโค อาคนฺตฺวา มธุมกฺขิตานิ ติณานิ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พโทฺธ อญฺญตฺร อคนฺตฺวา อุยฺยานเมว อาคจฺฉติฯ อุยฺยานปาโล ตสฺส มธุมกฺขิตติเณสุ ปลุทฺธภาวํ ญตฺวา อนุกฺกเมน อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ โส ตํ ทิสฺวา กติปาหํ ปลายิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปสฺสโนฺต วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน อุยฺยานปาลสฺส หเตฺถ ฐิตติณานิ ขาทิตุํ อารภิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ rañño brahmadattassa sañjayo nāma uyyānapālo ahosi. Atheko vātamigo taṃ uyyānaṃ āgantvā sañjayaṃ disvā palāyati, sañjayopi na taṃ tajjetvā nīharati. So punappunaṃ āgantvā uyyāneyeva carati. Uyyānapālo uyyāne nānappakārāni pupphaphalāni gahetvā divase divase rañño abhiharati. Atha naṃ ekadivasaṃ rājā pucchi ‘‘samma uyyānapāla, uyyāne kiñci acchariyaṃ passasī’’ti? ‘‘Deva, aññaṃ na passāmi, eko pana vātamigo āgantvā uyyāne carati, etaṃ passāmī’’ti. ‘‘Sakkhissati pana taṃ gahetu’’nti. ‘‘Thokaṃ madhuṃ labhanto anto rājanivesanampi naṃ ānetuṃ sakkhissāmi, devā’’ti. Rājā tassa madhuṃ dāpesi. So taṃ gahetvā uyyānaṃ gantvā vātamigassa caraṇaṭṭhāne tiṇāni madhunā makkhetvā nilīyi. Migo āgantvā madhumakkhitāni tiṇāni khāditvā rasataṇhāya baddho aññatra agantvā uyyānameva āgacchati. Uyyānapālo tassa madhumakkhitatiṇesu paluddhabhāvaṃ ñatvā anukkamena attānaṃ dassesi. So taṃ disvā katipāhaṃ palāyitvā punappunaṃ passanto vissāsaṃ āpajjitvā anukkamena uyyānapālassa hatthe ṭhitatiṇāni khādituṃ ārabhi.
โส ตสฺส วิสฺสาสํ อาปนฺนภาวํ ญตฺวา ยาว ราชนิเวสนา วีถิํ กิลเญฺชหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตหิํ ตหิํ สาขาภงฺคํ ปาเตตฺวา มธุลาพุกํ อํเส ลเคฺคตฺวา ติณกลาปํ อุปกจฺฉเก ฐเปตฺวา มธุมกฺขิตานิ ติณานิ มิคสฺส ปุรโต ปุรโต วิกิรโนฺต อโนฺตราชนิเวสนํเยว อคมาสิฯ มิเค อโนฺต ปวิเฎฺฐ ทฺวารํ ปิทหิํสุฯ มิโค มนุเสฺส ทิสฺวา กมฺปมาโน มรณภยตชฺชิโต อโนฺตนิเวสนงฺคเณ อาธาวติ ปริธาวติฯ ราชา ปาสาทา โอรุยฺห ตํ กมฺปมานํ ทิสฺวา ‘‘วาตมิโค นาม มนุสฺสานํ ทิฎฺฐฎฺฐานํ สตฺตาหํ น คจฺฉติ, ตชฺชิตฎฺฐานํ ยาวชีวํ น คจฺฉติ, โส เอวรูโป คหนนิสฺสิโต วาตมิโค รสตณฺหาย พโทฺธ อิทานิ เอวรูปํ ฐานํ อาคโต, นตฺถิ วต โภ โลเก รสตณฺหาย ปาปตรํ นามา’’ติ อิมาย คาถาย ธมฺมเทสนํ ปฎฺฐเปสิ –
So tassa vissāsaṃ āpannabhāvaṃ ñatvā yāva rājanivesanā vīthiṃ kilañjehi parikkhipitvā tahiṃ tahiṃ sākhābhaṅgaṃ pātetvā madhulābukaṃ aṃse laggetvā tiṇakalāpaṃ upakacchake ṭhapetvā madhumakkhitāni tiṇāni migassa purato purato vikiranto antorājanivesanaṃyeva agamāsi. Mige anto paviṭṭhe dvāraṃ pidahiṃsu. Migo manusse disvā kampamāno maraṇabhayatajjito antonivesanaṅgaṇe ādhāvati paridhāvati. Rājā pāsādā oruyha taṃ kampamānaṃ disvā ‘‘vātamigo nāma manussānaṃ diṭṭhaṭṭhānaṃ sattāhaṃ na gacchati, tajjitaṭṭhānaṃ yāvajīvaṃ na gacchati, so evarūpo gahananissito vātamigo rasataṇhāya baddho idāni evarūpaṃ ṭhānaṃ āgato, natthi vata bho loke rasataṇhāya pāpataraṃ nāmā’’ti imāya gāthāya dhammadesanaṃ paṭṭhapesi –
๑๔.
14.
‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย, อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วา;
‘‘Na kiratthi rasehi pāpiyo, āvāsehiva santhavehi vā;
วาตมิคํ คหนนิสฺสิตํ, วสมาเนสิ รเสหิ สญฺชโย’’ติฯ
Vātamigaṃ gahananissitaṃ, vasamānesi rasehi sañjayo’’ti.
ตตฺถ กิราติ อนุสฺสวนเตฺถ นิปาโตฯ รเสหีติ ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยหิ มธุรมฺพิลาทีหิฯ ปาปิโยติ ปาปตโรฯ อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วาติ นิพทฺธวสนฎฺฐานสงฺขาเตสุ หิ อาวาเสสุปิ มิตฺตสนฺถเวสุปิ ฉนฺทราโค ปาปโกว, เตหิ ปน สจฺฉนฺทราคปริโภเคหิ อาวาเสหิ วา มิตฺตสนฺถเวหิ วา สตคุเณน จ สหสฺสคุเณน จ สตสหสฺสคุเณน จ ธุวปฎิเสวนเฎฺฐน อาหารํ วินา ชีวิตินฺทฺริยปาลนาย อภาเวน จ สจฺฉนฺทราคปริโภครสาว ปาปตราติฯ โพธิสโตฺต ปน อนุสฺสวาคตํ วิย อิมมตฺถํ กตฺวา ‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย, อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วา’’ติ อาหฯ อิทานิ เตสํ ปาปิยภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วาตมิค’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ คหนนิสฺสิตนฺติ คหนฎฺฐานนิสฺสิตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปสฺสถ รสานํ ปาปิยภาวํ, อิทํ นาม อรญฺญายตเน คหนนิสฺสิตํ วาตมิคํ สญฺชโย อุยฺยานปาโล มธุรเสหิ อตฺตโน วสํ อาเนสิ, สพฺพถาปิ สจฺฉนฺทราคปริโภเคหิ รเสหิ นาม อญฺญํ ปาปตรํ ลามกตรํ นตฺถีติ รสตณฺหาย อาทีนวํ กเถสิฯ กเถตฺวา จ ปน ตํ มิคํ อรญฺญเมว เปเสสิฯ
Tattha kirāti anussavanatthe nipāto. Rasehīti jivhāviññeyyehi madhurambilādīhi. Pāpiyoti pāpataro. Āvāsehiva santhavehi vāti nibaddhavasanaṭṭhānasaṅkhātesu hi āvāsesupi mittasanthavesupi chandarāgo pāpakova, tehi pana sacchandarāgaparibhogehi āvāsehi vā mittasanthavehi vā sataguṇena ca sahassaguṇena ca satasahassaguṇena ca dhuvapaṭisevanaṭṭhena āhāraṃ vinā jīvitindriyapālanāya abhāvena ca sacchandarāgaparibhogarasāva pāpatarāti. Bodhisatto pana anussavāgataṃ viya imamatthaṃ katvā ‘‘na kiratthi rasehi pāpiyo, āvāsehiva santhavehi vā’’ti āha. Idāni tesaṃ pāpiyabhāvaṃ dassento ‘‘vātamiga’’ntiādimāha. Tattha gahananissitanti gahanaṭṭhānanissitaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – passatha rasānaṃ pāpiyabhāvaṃ, idaṃ nāma araññāyatane gahananissitaṃ vātamigaṃ sañjayo uyyānapālo madhurasehi attano vasaṃ ānesi, sabbathāpi sacchandarāgaparibhogehi rasehi nāma aññaṃ pāpataraṃ lāmakataraṃ natthīti rasataṇhāya ādīnavaṃ kathesi. Kathetvā ca pana taṃ migaṃ araññameva pesesi.
สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สา วณฺณทาสี อิทาเนว เอตํ รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อตฺตโน วเส กโรติ, ปุเพฺพปิ อกาสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิฯ ‘‘ตทา สญฺชโย อยํ วณฺณทาสี อโหสิ, วาตมิโค จูฬปิณฺฑปาติโก, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthāpi ‘‘na, bhikkhave, sā vaṇṇadāsī idāneva etaṃ rasataṇhāya bandhitvā attano vase karoti, pubbepi akāsiyevā’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi. ‘‘Tadā sañjayo ayaṃ vaṇṇadāsī ahosi, vātamigo cūḷapiṇḍapātiko, bārāṇasirājā pana ahameva ahosi’’nti.
วาตมิคชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Vātamigajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๔. วาตมิคชาตกํ • 14. Vātamigajātakaṃ