Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๑๘] ๘. วฎฺฎชาตกวณฺณนา
[118] 8. Vaṭṭajātakavaṇṇanā
นาจินฺตยโนฺต ปุริโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุตฺตรเสฎฺฐิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิร อุตฺตรเสฎฺฐิ นาม อโหสิ มหาวิภโวฯ ตสฺส ภริยาย กุจฺฉิยํ เอโก ปุญฺญวา สโตฺต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา วยปฺปโตฺต อภิรูโป ปาสาทิโก อโหสิ พฺรหฺมวณฺณีฯ อถ เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ กตฺติกฉเณ นกฺขเตฺต ฆุเฎฺฐ สโพฺพ โลโก นกฺขตฺตนิสฺสิโต อโหสิฯ ตสฺส สหายกา อเญฺญ เสฎฺฐิปุตฺตา สปชาปติกา อเหสุํฯ อุตฺตรเสฎฺฐิปุตฺตสฺส ปน ทีฆรตฺตํ พฺรหฺมโลเก วสิตตฺตา กิเลเสสุ จิตฺตํ น อลฺลียติฯ อถสฺส สหายกา ‘‘อุตฺตรเสฎฺฐิปุตฺตสฺสปิ เอกํ อิตฺถิํ อาเนตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อิมสฺมิํ นคเร กตฺติกฉโณ ฆุโฎฺฐ, ตุยฺหมฺปิ เอกํ อิตฺถิํ อาเนตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ ‘‘น เม อโตฺถ อิตฺถิยา’’ติ จ วุเตฺตปิ ปุนปฺปุนํ นิพนฺธิตฺวา สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวา เอกํ วณฺณทาสิํ สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตํ กตฺวา ตสฺส ฆรํ เนตฺวา ‘‘ตฺวํ เสฎฺฐิปุตฺตสฺส สนฺติกํ คจฺฉา’’ติ สยนิฆรํ เปเสตฺวา นิกฺขมิํสุฯ ตํ สยนิฆรํ ปวิฎฺฐมฺปิ เสฎฺฐิปุโตฺต เนว โอโลเกติ, นาลปติฯ สา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อุตฺตมวิลาสสมฺปนฺนํ มํ เนว โอโลเกติ, นาลปติ, อิทานิ นํ อตฺตโน อิตฺถิกุตฺตลีลาย โอโลกาเปสฺสามี’’ติ อิตฺถิลีลํ ทเสฺสนฺตี ปหฎฺฐากาเรน อคฺคทเนฺต วิวริตฺวา หสิตํ อกาสิฯ เสฎฺฐิปุโตฺต โอโลเกตฺวา ทนฺตฎฺฐิเก นิมิตฺตํ คณฺหิฯ อถสฺส อฎฺฐิกสญฺญา อุปฺปชฺชิ, สกลมฺปิ ตํ สรีรํ อฎฺฐิกสงฺขลิกา วิย ปญฺญายิฯ โส ตสฺสา ปริพฺพยํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ อุโยฺยเชสิฯ
Nācintayantopurisoti idaṃ satthā jetavane viharanto uttaraseṭṭhiputtaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kira uttaraseṭṭhi nāma ahosi mahāvibhavo. Tassa bhariyāya kucchiyaṃ eko puññavā satto brahmalokā cavitvā paṭisandhiṃ gahetvā vayappatto abhirūpo pāsādiko ahosi brahmavaṇṇī. Atha ekadivasaṃ sāvatthiyaṃ kattikachaṇe nakkhatte ghuṭṭhe sabbo loko nakkhattanissito ahosi. Tassa sahāyakā aññe seṭṭhiputtā sapajāpatikā ahesuṃ. Uttaraseṭṭhiputtassa pana dīgharattaṃ brahmaloke vasitattā kilesesu cittaṃ na allīyati. Athassa sahāyakā ‘‘uttaraseṭṭhiputtassapi ekaṃ itthiṃ ānetvā nakkhattaṃ kīḷissāmā’’ti sammantayitvā taṃ upasaṅkamitvā ‘‘samma, imasmiṃ nagare kattikachaṇo ghuṭṭho, tuyhampi ekaṃ itthiṃ ānetvā nakkhattaṃ kīḷissāmā’’ti āhaṃsu. ‘‘Na me attho itthiyā’’ti ca vuttepi punappunaṃ nibandhitvā sampaṭicchāpetvā ekaṃ vaṇṇadāsiṃ sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitaṃ katvā tassa gharaṃ netvā ‘‘tvaṃ seṭṭhiputtassa santikaṃ gacchā’’ti sayanigharaṃ pesetvā nikkhamiṃsu. Taṃ sayanigharaṃ paviṭṭhampi seṭṭhiputto neva oloketi, nālapati. Sā cintesi ‘‘ayaṃ evaṃ rūpasobhaggappattaṃ uttamavilāsasampannaṃ maṃ neva oloketi, nālapati, idāni naṃ attano itthikuttalīlāya olokāpessāmī’’ti itthilīlaṃ dassentī pahaṭṭhākārena aggadante vivaritvā hasitaṃ akāsi. Seṭṭhiputto oloketvā dantaṭṭhike nimittaṃ gaṇhi. Athassa aṭṭhikasaññā uppajji, sakalampi taṃ sarīraṃ aṭṭhikasaṅkhalikā viya paññāyi. So tassā paribbayaṃ datvā ‘‘gacchā’’ti uyyojesi.
ตํ ตสฺส ฆรา โอติณฺณํ เอโก อิสฺสโร อนฺตรวีถิยํ ทิสฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา อตฺตโน ฆรํ เนสิ, สตฺตาเห วีติวเตฺต นกฺขตฺตํ โอสิตํฯ วณฺณทาสิยา มาตา ธีตุ อาคมนํ อทิสฺวา เสฎฺฐิปุตฺตานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ สา’’ติ ปุจฺฉิฯ เต อุตฺตรเสฎฺฐิปุตฺตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ สา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘ตงฺขณเญฺญว ตสฺสา ปริพฺพยํ ทตฺวา อุโยฺยเชสิ’’นฺติฯ อถสฺสา มาตา โรทนฺตี ‘‘ธีตรํ เม น ปสฺสามิ, ธีตรํ เม สมาเนถา’’ติ อุตฺตรเสฎฺฐิปุตฺตํ อาทาย รโญฺญ สนฺติกํ อคมาสิฯ ราชา อฎฺฎํ วินิจฺฉินโนฺต ‘‘อิเม เต เสฎฺฐิปุตฺตา วณฺณทาสิํ อาเนตฺวา ตุยฺหํ อทํสู’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘อิทานิ สา กห’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, ตงฺขณเญฺญว นํ อุโยฺยเชสิ’’นฺติฯ ‘‘อิทานิ ตํ สมาเนตุํ สโกฺกสี’’ติ? ‘‘น สโกฺกมิ, เทวา’’ติฯ ราชา ‘‘สเจ สมาเนตุํ น สโกฺกติ, ราชาณมสฺส กโรถา’’ติ อาหฯ อถ นํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา ‘‘ราชาณํ กริสฺสามา’’ติ คเหตฺวา ปกฺกมิํสุฯ ‘‘เสฎฺฐิปุตฺตํ กิร วณฺณทาสิํ สมาเนตุํ อสโกฺกนฺตํ ราชา ราชาณํ กาเรตี’’ติ สกลนครํ เอกโกลาหลํ อโหสิฯ มหาชโน อุเร หเตฺถ ฐเปตฺวา ‘‘กิํ นาเมตํ, สามิ, อตฺตโน เต อนนุจฺฉวิกํ ลทฺธ’’นฺติ ปริเทวติฯ เสฎฺฐิปิ ปุตฺตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต ปริเทวโนฺต คจฺฉติฯ
Taṃ tassa gharā otiṇṇaṃ eko issaro antaravīthiyaṃ disvā paribbayaṃ datvā attano gharaṃ nesi, sattāhe vītivatte nakkhattaṃ ositaṃ. Vaṇṇadāsiyā mātā dhītu āgamanaṃ adisvā seṭṭhiputtānaṃ santikaṃ gantvā ‘‘kahaṃ sā’’ti pucchi. Te uttaraseṭṭhiputtassa gharaṃ gantvā ‘‘kahaṃ sā’’ti pucchiṃsu. ‘‘Taṅkhaṇaññeva tassā paribbayaṃ datvā uyyojesi’’nti. Athassā mātā rodantī ‘‘dhītaraṃ me na passāmi, dhītaraṃ me samānethā’’ti uttaraseṭṭhiputtaṃ ādāya rañño santikaṃ agamāsi. Rājā aṭṭaṃ vinicchinanto ‘‘ime te seṭṭhiputtā vaṇṇadāsiṃ ānetvā tuyhaṃ adaṃsū’’ti pucchi. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Idāni sā kaha’’nti? ‘‘Na jānāmi, taṅkhaṇaññeva naṃ uyyojesi’’nti. ‘‘Idāni taṃ samānetuṃ sakkosī’’ti? ‘‘Na sakkomi, devā’’ti. Rājā ‘‘sace samānetuṃ na sakkoti, rājāṇamassa karothā’’ti āha. Atha naṃ pacchābāhaṃ bandhitvā ‘‘rājāṇaṃ karissāmā’’ti gahetvā pakkamiṃsu. ‘‘Seṭṭhiputtaṃ kira vaṇṇadāsiṃ samānetuṃ asakkontaṃ rājā rājāṇaṃ kāretī’’ti sakalanagaraṃ ekakolāhalaṃ ahosi. Mahājano ure hatthe ṭhapetvā ‘‘kiṃ nāmetaṃ, sāmi, attano te ananucchavikaṃ laddha’’nti paridevati. Seṭṭhipi puttassa pacchato pacchato paridevanto gacchati.
เสฎฺฐิปุโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อิทํ มยฺหํ เอวรูปํ ทุกฺขํ อคาเร วสนภาเวน อุปฺปนฺนํฯ สเจ อิโต มุจฺจิสฺสามิ, มหาโคตมสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ สาปิ โข วณฺณทาสี ตํ โกลาหลสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิํสโทฺท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา เวเคน โอตริตฺวา ‘‘อุสฺสรถ, อุสฺสรถ, สามี, มํ ราชปุริสานํ ทฎฺฐุํ เทถา’’ติ อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ ราชปุริสา ตํ ทิสฺวา มาตรํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา เสฎฺฐิปุตฺตํ มุญฺจิตฺวา ปกฺกมิํสุฯ โส สหายกปริวุโตว นทิํ คนฺตฺวา สสีสํ นฺหายิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา ภุตฺตปาตราโส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา จีวรสาฎเก อาทาย มหเนฺตน ปริวาเรน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชญฺจ อุปสมฺปทญฺจ ลภิตฺวา อวิสฺสฎฺฐกมฺมฎฺฐาโน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา น จิรเสฺสว อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ
Seṭṭhiputto cintesi ‘‘idaṃ mayhaṃ evarūpaṃ dukkhaṃ agāre vasanabhāvena uppannaṃ. Sace ito muccissāmi, mahāgotamasammāsambuddhassa santike pabbajissāmī’’ti. Sāpi kho vaṇṇadāsī taṃ kolāhalasaddaṃ sutvā ‘‘kiṃsaddo nāmeso’’ti pucchitvā taṃ pavattiṃ sutvā vegena otaritvā ‘‘ussaratha, ussaratha, sāmī, maṃ rājapurisānaṃ daṭṭhuṃ dethā’’ti attānaṃ dassesi. Rājapurisā taṃ disvā mātaraṃ paṭicchāpetvā seṭṭhiputtaṃ muñcitvā pakkamiṃsu. So sahāyakaparivutova nadiṃ gantvā sasīsaṃ nhāyitvā gehaṃ gantvā bhuttapātarāso mātāpitaro vanditvā pabbajjaṃ anujānāpetvā cīvarasāṭake ādāya mahantena parivārena satthu santikaṃ gantvā vanditvā pabbajjaṃ yācitvā pabbajjañca upasampadañca labhitvā avissaṭṭhakammaṭṭhāno vipassanaṃ vaḍḍhetvā na cirasseva arahatte patiṭṭhāsi.
อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อุตฺตรเสฎฺฐิปุโตฺต อตฺตโน ภเย อุปฺปเนฺน สาสนสฺส คุณํ ชานิตฺวา ‘อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจมาโน ปพฺพชิสฺสามี’ติ จิเนฺตตฺวา เตน สุจินฺติเตน มรณมุโตฺต เจว, ปพฺพชิโต จ อคฺคผเล ปติฎฺฐิโต’’ติ ตสฺส คุณกถํ กเถสุํฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อุตฺตรเสฎฺฐิปุโตฺตว อตฺตโน ภเย อุปฺปเนฺน ‘อิมินา อุปาเยน อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’ติ จิเนฺตตฺวา มรณภยา มุโตฺต, อตีเต ปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ภเย อุปฺปเนฺน ‘อิมินา อุปาเยน อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามา’ติ จิเนฺตตฺวา มรณภยโต มุจฺจิํสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ sannipatitā bhikkhū ‘‘āvuso, uttaraseṭṭhiputto attano bhaye uppanne sāsanassa guṇaṃ jānitvā ‘imamhā dukkhā muccamāno pabbajissāmī’ti cintetvā tena sucintitena maraṇamutto ceva, pabbajito ca aggaphale patiṭṭhito’’ti tassa guṇakathaṃ kathesuṃ. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, uttaraseṭṭhiputtova attano bhaye uppanne ‘iminā upāyena imamhā dukkhā muccissāmī’ti cintetvā maraṇabhayā mutto, atīte paṇḍitāpi attano bhaye uppanne ‘iminā upāyena imamhā dukkhā muccissāmā’ti cintetvā maraṇabhayato mucciṃsuyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต จุติปฎิสนฺธิวเสน ปริวตฺตโนฺต วฎฺฎกโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ ตทา เอโก วฎฺฎกลุทฺทโก อรญฺญา พหู วฎฺฎเก อาหริตฺวา เคเห ฐเปตฺวา โคจรํ ทตฺวา มูลํ คเหตฺวา อาคตาคตานํ หเตฺถ วฎฺฎเก วิกฺกิณโนฺต ชีวิกํ กเปฺปติฯ โส เอกทิวสํ พหูหิ วฎฺฎเกหิ สทฺธิํ โพธิสตฺตมฺปิ คเหตฺวา อาเนสิฯ โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘สจาหํ อิมินา ทินฺนํ โคจรญฺจ ปานียญฺจ ปริภุญฺชิสฺสามิ, อยํ มํ คเหตฺวา อาคตานํ มนุสฺสานํ ทสฺสติฯ สเจ ปน น ปริภุญฺชิสฺสามิ, อหํ มิลายิสฺสามิ, อถ มํ มิลายนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา น คณฺหิสฺสนฺติฯ เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสติ, อิมํ อุปายํ กริสฺสามี’’ติฯ โส ตถา กโรโนฺต มิลายิตฺวา อฎฺฐิจมฺมมโตฺต อโหสิฯ มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา น คณฺหิํสุฯ ลุทฺทโก โพธิสตฺตํ ฐเปตฺวา เสเสสุ วฎฺฎเกสุ ปริกฺขีเณสุ ปจฺฉิํ นีหริตฺวา ทฺวาเร ฐเปตฺวา โพธิสตฺตํ หตฺถตเล กตฺวา ‘‘กิํ นุ โข อยํ วฎฺฎโก’’ติ จิเนฺตตฺวา โอโลเกตุํ อารโทฺธฯ อถสฺส ปมตฺตภาวํ ญตฺวา โพธิสโตฺต ปเกฺข ปสาเรตฺวา อุปฺปติตฺวา อรญฺญเมว คโตฯ อเญฺญ วฎฺฎกา ตํ ทิสฺวา ‘‘กิํ นุ โข น ปญฺญายสิ, กหํ คโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ลุทฺทเกน คหิโตมฺหี’’ติ วุเตฺต ‘‘กินฺติ กตฺวา มุโตฺตสี’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ โพธิสโตฺต ‘‘อหํ เตน ทินฺนํ โคจรํ อคฺคเหตฺวา ปานียํ อปิวิตฺวา อุปายจินฺตาย มุโตฺต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto cutipaṭisandhivasena parivattanto vaṭṭakayoniyaṃ nibbatti. Tadā eko vaṭṭakaluddako araññā bahū vaṭṭake āharitvā gehe ṭhapetvā gocaraṃ datvā mūlaṃ gahetvā āgatāgatānaṃ hatthe vaṭṭake vikkiṇanto jīvikaṃ kappeti. So ekadivasaṃ bahūhi vaṭṭakehi saddhiṃ bodhisattampi gahetvā ānesi. Bodhisatto cintesi ‘‘sacāhaṃ iminā dinnaṃ gocarañca pānīyañca paribhuñjissāmi, ayaṃ maṃ gahetvā āgatānaṃ manussānaṃ dassati. Sace pana na paribhuñjissāmi, ahaṃ milāyissāmi, atha maṃ milāyantaṃ disvā manussā na gaṇhissanti. Evaṃ me sotthi bhavissati, imaṃ upāyaṃ karissāmī’’ti. So tathā karonto milāyitvā aṭṭhicammamatto ahosi. Manussā taṃ disvā na gaṇhiṃsu. Luddako bodhisattaṃ ṭhapetvā sesesu vaṭṭakesu parikkhīṇesu pacchiṃ nīharitvā dvāre ṭhapetvā bodhisattaṃ hatthatale katvā ‘‘kiṃ nu kho ayaṃ vaṭṭako’’ti cintetvā oloketuṃ āraddho. Athassa pamattabhāvaṃ ñatvā bodhisatto pakkhe pasāretvā uppatitvā araññameva gato. Aññe vaṭṭakā taṃ disvā ‘‘kiṃ nu kho na paññāyasi, kahaṃ gatosī’’ti pucchitvā ‘‘luddakena gahitomhī’’ti vutte ‘‘kinti katvā muttosī’’ti pucchiṃsu. Bodhisatto ‘‘ahaṃ tena dinnaṃ gocaraṃ aggahetvā pānīyaṃ apivitvā upāyacintāya mutto’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
๑๑๘.
118.
‘‘นาจินฺตยโนฺต ปุริโส, วิเสสมธิคจฺฉติ;
‘‘Nācintayanto puriso, visesamadhigacchati;
จินฺติตสฺส ผลํ ปสฺส, มุโตฺตสฺมิ วธพนฺธนา’’ติฯ
Cintitassa phalaṃ passa, muttosmi vadhabandhanā’’ti.
ตตฺถายํ ปิณฺฑโตฺถ – ปุริโส ทุกฺขํ ปตฺวา ‘‘อิมินา นาม อุปาเยน อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’’ติ อจินฺตยโนฺต อตฺตโน ทุกฺขา โมกฺขสงฺขาตํ วิเสสํ นาธิคจฺฉติฯ อิทานิ ปน มยา จินฺติตกมฺมสฺส ผลํ ปสฺสฯ เตเนว อุปาเยน มุโตฺตสฺมิ วธพนฺธนา, มรณโต จ พนฺธนโต จ มุโตฺตสฺมิ อหนฺติฯ เอวํ โพธิสโตฺต อตฺตนา กตการณํ อาจิกฺขิฯ
Tatthāyaṃ piṇḍattho – puriso dukkhaṃ patvā ‘‘iminā nāma upāyena imamhā dukkhā muccissāmī’’ti acintayanto attano dukkhā mokkhasaṅkhātaṃ visesaṃ nādhigacchati. Idāni pana mayā cintitakammassa phalaṃ passa. Teneva upāyena muttosmi vadhabandhanā, maraṇato ca bandhanato ca muttosmi ahanti. Evaṃ bodhisatto attanā katakāraṇaṃ ācikkhi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มรณมุโตฺต วฎฺฎโก อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā maraṇamutto vaṭṭako ahameva ahosi’’nti.
วฎฺฎชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Vaṭṭajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๑๘. วฎฺฎกชาตกํ • 118. Vaṭṭakajātakaṃ