Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    วตฺตกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

    Vattakkhandhakakathāvaṇṇanā

    ๒๙๑๔-๕. อาคนฺตุโก จ อาวาสิโก จ ปิณฺฑจาริโก จ เสนาสนญฺจ อารญฺญโก จ อนุโมทนา จาติ วิคฺคโห, ตาสุ วตฺตานิ, อิตรีตรโยคทฺวนฺทสมาสสฺส อุตฺตรปทลิงฺคตฺตา อิตฺถิ ลิงฺคนิเทฺทโสฯ ภเตฺต ภตฺตเคฺค, อุตฺตรปทโลโปฯ ‘‘ภเตฺต’’ติอาทีหิ ปเทหิ ‘‘วตฺตานี’’ติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ

    2914-5. Āgantuko ca āvāsiko ca piṇḍacāriko ca senāsanañca āraññako ca anumodanā cāti viggaho, tāsu vattāni, itarītarayogadvandasamāsassa uttarapadaliṅgattā itthi liṅganiddeso. Bhatte bhattagge, uttarapadalopo. ‘‘Bhatte’’tiādīhi padehi ‘‘vattānī’’ti paccekaṃ yojetabbaṃ.

    อาจริโย จ อุปชฺฌายโก จ สิโสฺส จ สทฺธิวิหาริโก จ, เตสํ วตฺตานีติ วิคฺคโหฯ สพฺพโสติ สพฺพาวยวเภเทหิฯ จตุทฺทเสวาติ อวยวเภเทหิ พหุวิธานิปิ วตฺตานิ วิสยเภเทน จุทฺทส เอว วุตฺตานิฯ วิสุทฺธจิเตฺตนาติ สวาสนสกลสํกิเลสปฺปหานโต อจฺจนฺตปริสุทฺธจิตฺตสนฺตาเนน ฯ วินายเกนาติ สเตฺต วิเนตีติ วินายโก, อนุตฺตรปุริสทมฺมสารถิภาเวน ทมฺมเทวพฺรหฺมนาคาทิเก สเตฺต นานาวิเธน วินยนุปาเยน ทเมตีติ อโตฺถฯ อถ วา วิคโต นายโก อสฺสาติ วินายโก, เตนฯ

    Ācariyo ca upajjhāyako ca sisso ca saddhivihāriko ca, tesaṃ vattānīti viggaho. Sabbasoti sabbāvayavabhedehi. Catuddasevāti avayavabhedehi bahuvidhānipi vattāni visayabhedena cuddasa eva vuttāni. Visuddhacittenāti savāsanasakalasaṃkilesappahānato accantaparisuddhacittasantānena . Vināyakenāti satte vinetīti vināyako, anuttarapurisadammasārathibhāvena dammadevabrahmanāgādike satte nānāvidhena vinayanupāyena dametīti attho. Atha vā vigato nāyako assāti vināyako, tena.

    ๒๙๑๖. อารามนฺติ เอตฺถ ตํสมีเป ตโพฺพหาโรฯ ยถาห ‘‘อิทานิ ‘อารามํ ปวิสิสฺสามี’ติ อิมินา อุปจารสีมสมีปํ ทเสฺสติ, ตสฺมา อุปจารสีมํ ปตฺวา อุปาหนาโอมุญฺจนาทิ สพฺพํ กาตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๕๗)ฯ ‘‘ปน อปเนตพฺพ’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ มุญฺจิตพฺพาติ อุปาหนา ปาทโต อปเนตพฺพาฯ

    2916.Ārāmanti ettha taṃsamīpe tabbohāro. Yathāha ‘‘idāni ‘ārāmaṃ pavisissāmī’ti iminā upacārasīmasamīpaṃ dasseti, tasmā upacārasīmaṃ patvā upāhanāomuñcanādi sabbaṃ kātabba’’nti (cūḷava. aṭṭha. 357). ‘‘Pana apanetabba’’nti padacchedo. Muñcitabbāti upāhanā pādato apanetabbā.

    ๒๙๑๗. โอคุณฺฐนนฺติ สสีสปารุปนํฯ สีเส จีวรเมว วา น กาตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ เตนาติ อาคนฺตุเกนฯ ปานียวารินาติ ปาตพฺพชเลนฯ

    2917.Oguṇṭhananti sasīsapārupanaṃ. Sīse cīvarameva vā na kātabbanti sambandho. Tenāti āgantukena. Pānīyavārināti pātabbajalena.

    ๒๙๑๘. ปุจฺฉิตฺวาติ วสฺสคณนํ ปุจฺฉิตฺวาฯ วิหาเร วุฑฺฒภิกฺขุโน อาคนฺตุเกน ภิกฺขุนา วนฺทิตพฺพาวฯ กาเลติ กาลเสฺสวฯ เตน อาคนฺตุเกน ภิกฺขุนา เสนาสนํ ‘‘มยฺหํ กตรํ เสนาสนํ ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพญฺจาติ โยชนาฯ

    2918.Pucchitvāti vassagaṇanaṃ pucchitvā. Vihāre vuḍḍhabhikkhuno āgantukena bhikkhunā vanditabbāva. Kāleti kālasseva. Tena āgantukena bhikkhunā senāsanaṃ ‘‘mayhaṃ kataraṃ senāsanaṃ pāpuṇātī’’ti pucchitabbañcāti yojanā.

    ๒๙๑๙. ‘‘ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ อิทํ ‘‘วจฺจฎฺฐาน’’นฺติอาทิเกหิ สเพฺพหิ อุปโยคนฺตปเทหิ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ ปานียเมว จาติ ‘‘กิํ อิมิสฺสา โปกฺขรณิยา ปานียเมว ปิวนฺติ, อุทาหุ นหานาทิปริโภคมฺปิ กโรนฺตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๕๗) อฎฺฐกถาคตนเยน ปานียญฺจฯ ตถา ปริโภชนียญฺจฯ สงฺฆกติกนฺติ ‘‘เกสุจิ ฐาเนสุ วาฬมิคา วา อมนุสฺสา วา โหนฺติ, ตสฺมา กํ กาลํ ปวิสิตพฺพํ, กํ กาลํ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ อฎฺฐกถาคตนเยน สงฺฆสฺส กติกสณฺฐานญฺจฯ โคจราทิกนฺติ เอตฺถ จ ‘‘โคจโร ปุจฺฉิตโพฺพติ ‘โคจรคาโม อาสเนฺน, อุทาหุ ทูเร, กาลเสฺสว จ ปิณฺฑาย จริตพฺพํ, อุทาหุ โน’ติ เอวํ ภิกฺขาจาโร ปุจฺฉิตโพฺพ’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๕๗) วุตฺตนเยน โคจรญฺจฯ อาทิ-สเทฺทน อโคจรํ คหิตํฯ ‘‘อโคจโร นาม มิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ วา คาโม ปริจฺฉินฺนภิโกฺข วา คาโม, ยตฺถ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ภิกฺขา ทิยฺยติ, โสปิ ปุจฺฉิตโพฺพ’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๕๗) วุตฺตนเยน อโคจรญฺจ

    2919. ‘‘Pucchitabba’’nti idaṃ ‘‘vaccaṭṭhāna’’ntiādikehi sabbehi upayogantapadehi paccekaṃ yojetabbaṃ. Pānīyameva cāti ‘‘kiṃ imissā pokkharaṇiyā pānīyameva pivanti, udāhu nahānādiparibhogampi karontī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 357) aṭṭhakathāgatanayena pānīyañca. Tathā paribhojanīyañca. Saṅghakatikanti ‘‘kesuci ṭhānesu vāḷamigā vā amanussā vā honti, tasmā kaṃ kālaṃ pavisitabbaṃ, kaṃ kālaṃ nikkhamitabba’’nti aṭṭhakathāgatanayena saṅghassa katikasaṇṭhānañca. Gocarādikanti ettha ca ‘‘gocaro pucchitabboti ‘gocaragāmo āsanne, udāhu dūre, kālasseva ca piṇḍāya caritabbaṃ, udāhu no’ti evaṃ bhikkhācāro pucchitabbo’’ti (cūḷava. aṭṭha. 357) vuttanayena gocarañca. Ādi-saddena agocaraṃ gahitaṃ. ‘‘Agocaro nāma micchādiṭṭhikānaṃ vā gāmo paricchinnabhikkho vā gāmo, yattha ekassa vā dvinnaṃ vā bhikkhā diyyati, sopi pucchitabbo’’ti (cūḷava. aṭṭha. 357) vuttanayena agocarañca.

    ๒๙๒๐. เอวํ อาคนฺตุกวตฺตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อาวาสิกวตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘วุฑฺฒ’’นฺติอาทิฯ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตญฺจ จีวรญฺจ ปฎิคฺคเหตพฺพนฺติ โยชนาฯ จ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐฯ

    2920. Evaṃ āgantukavattaṃ dassetvā idāni āvāsikavattaṃ dassetumāha ‘‘vuḍḍha’’ntiādi. Paccuggantvā pattañca cīvarañca paṭiggahetabbanti yojanā. Ca-saddo luttaniddiṭṭho.

    ๒๙๒๑. ตสฺสาติ อาคนฺตุกสฺสฯ ปาโททกญฺจาติ -สเทฺทน โธตาโธตปาทา ยตฺถ ฐปียนฺติ, ตํ ปาทปีฐํ, ปาทกถลิกญฺจ อุปนิกฺขิปิตพฺพนฺติ เอตํ คหิตํฯ ปุจฺฉิตพฺพญฺจ วารินาติ ‘‘ปานีเยน ปุจฺฉเนฺตน สเจ สกิํ อานีตํ ปานียํ สพฺพํ ปิวติ, ‘ปุน อาเนมี’ติ ปุจฺฉิตโพฺพเยวา’’ติ วุตฺตนเยน ปานีเยน ปุจฺฉิตโพฺพฯ อิธ -สเทฺทน –

    2921.Tassāti āgantukassa. Pādodakañcāti ca-saddena dhotādhotapādā yattha ṭhapīyanti, taṃ pādapīṭhaṃ, pādakathalikañca upanikkhipitabbanti etaṃ gahitaṃ. Pucchitabbañca vārināti ‘‘pānīyena pucchantena sace sakiṃ ānītaṃ pānīyaṃ sabbaṃ pivati, ‘puna ānemī’ti pucchitabboyevā’’ti vuttanayena pānīyena pucchitabbo. Idha ca-saddena –

    ‘‘อปิจ พีชเนนปิ พีชิตโพฺพ, พีชเนฺตน สกิํ ปาทปิฎฺฐิยํ พีชิตฺวา สกิํ มเชฺฌ, สกิํ สีเส พีชิตพฺพํ, ‘อลํ โหตู’ติ วุเตฺตน ตโต มนฺทตรํ พีชิตพฺพํฯ ปุน ‘อล’นฺติ วุเตฺตน ตโต มนฺทตรํ พีชิตพฺพํฯ ตติยวารํ วุเตฺตน พีชนี ฐเปตพฺพาฯ ปาทาปิสฺส โธวิตพฺพา, โธวิตฺวา สเจ อตฺตโน เตลํ อตฺถิ, เตน มเกฺขตพฺพาฯ โน เจ อตฺถิ, ตสฺส สนฺตเกน มเกฺขตพฺพา’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๕๙) –

    ‘‘Apica bījanenapi bījitabbo, bījantena sakiṃ pādapiṭṭhiyaṃ bījitvā sakiṃ majjhe, sakiṃ sīse bījitabbaṃ, ‘alaṃ hotū’ti vuttena tato mandataraṃ bījitabbaṃ. Puna ‘ala’nti vuttena tato mandataraṃ bījitabbaṃ. Tatiyavāraṃ vuttena bījanī ṭhapetabbā. Pādāpissa dhovitabbā, dhovitvā sace attano telaṃ atthi, tena makkhetabbā. No ce atthi, tassa santakena makkhetabbā’’ti (cūḷava. aṭṭha. 359) –

    วุตฺตวตฺตานิ สงฺคณฺหาติฯ

    Vuttavattāni saṅgaṇhāti.

    ๒๙๒๒-๓. วเนฺทโยฺยติ วุฑฺฒาคนฺตุโก วนฺทิตโพฺพฯ ปญฺญเปตพฺพนฺติ ‘‘กตฺถ มยฺหํ เสนาสนํ ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิเตน เสนาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ, ‘‘เอตํ เสนาสนํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ‘‘วตฺตโพฺพ’’ติ อิทํ ‘‘อชฺฌาวุตฺถมวุตฺถ’’นฺติอาทีหิ ปเทหิ ตํตํลิงฺควจนานุรูเปน ปริวเตฺตตฺวา ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ อชฺฌาวุตฺถนฺติ ปญฺญตฺตเสนาสนสฺส ภิกฺขูหิ ปฐมํ วุตฺถภาวํฯ อวุตฺถํ วาติ จีวรกาลํ ตสฺมิํ ภิกฺขูหิ อนชฺฌาวุตฺถภาวํ วาฯ โคจราโคจรํ วุตฺตเมวฯ

    2922-3.Vandeyyoti vuḍḍhāgantuko vanditabbo. Paññapetabbanti ‘‘kattha mayhaṃ senāsanaṃ pāpuṇātī’’ti pucchitena senāsanaṃ paññapetabbaṃ, ‘‘etaṃ senāsanaṃ tumhākaṃ pāpuṇātī’’ti evaṃ ācikkhitabbanti attho. ‘‘Vattabbo’’ti idaṃ ‘‘ajjhāvutthamavuttha’’ntiādīhi padehi taṃtaṃliṅgavacanānurūpena parivattetvā paccekaṃ yojetabbaṃ. Ajjhāvutthanti paññattasenāsanassa bhikkhūhi paṭhamaṃ vutthabhāvaṃ. Avutthaṃ vāti cīvarakālaṃ tasmiṃ bhikkhūhi anajjhāvutthabhāvaṃ vā. Gocarāgocaraṃ vuttameva.

    เสกฺขกุลานิ จาติ ลทฺธเสกฺขสมฺมุติกานิ กุลานิ จ วตฺตพฺพานิฯ ‘‘ปเวเส นิกฺขเม กาโล’’ติ อิทํ ‘‘สงฺฆกติก’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตตฺถเมวฯ ปานียาทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน ปริโภชนียกตฺตรยฎฺฐีนํ อาจิกฺขนํ สงฺคณฺหาติฯ

    Sekkhakulāni cāti laddhasekkhasammutikāni kulāni ca vattabbāni. ‘‘Pavese nikkhame kālo’’ti idaṃ ‘‘saṅghakatika’’nti ettha vuttatthameva. Pānīyādikanti ādi-saddena paribhojanīyakattarayaṭṭhīnaṃ ācikkhanaṃ saṅgaṇhāti.

    ๒๙๒๔. ยถานิสิเนฺนเนวาติ อตฺตนา นิสินฺนฎฺฐาเนเยว นิสิเนฺนนฯ อสฺสาติ นวกสฺสฯ

    2924.Yathānisinnenevāti attanā nisinnaṭṭhāneyeva nisinnena. Assāti navakassa.

    ๒๙๒๕. ‘‘อตฺร ปตฺตํ ฐเปหิ, อิทมาสนํ นิสีทาหี’’ติ อิเจฺจวํ อิมินา ปกาเรน สพฺพํ วตฺตพฺพนฺติ โยชนาฯ เทยฺยํ เสนาสนมฺปิ จาติ เสนาสนญฺจ ทาตพฺพํฯ -สเทฺทน ‘‘อวุตฺถํ วา อชฺฌาวุตฺถํ วา อาจิกฺขิตพฺพ’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สมฺปิเณฺฑติฯ มหาอาวาเสปิ อตฺตโน สนฺติกํ สมฺปตฺตสฺส อาคนฺตุกสฺส วตฺตํ อกาตุํ น ลพฺภติฯ

    2925. ‘‘Atra pattaṃ ṭhapehi, idamāsanaṃ nisīdāhī’’ti iccevaṃ iminā pakārena sabbaṃ vattabbanti yojanā. Deyyaṃ senāsanampi cāti senāsanañca dātabbaṃ. Ca-saddena ‘‘avutthaṃ vā ajjhāvutthaṃ vā ācikkhitabba’’ntiādinā vuttaṃ sampiṇḍeti. Mahāāvāsepi attano santikaṃ sampattassa āgantukassa vattaṃ akātuṃ na labbhati.

    ๒๙๒๖. ‘‘มาติกาย นิทฺทิฎฺฐกฺกเมเนว วตฺตานิ กาตพฺพานิ, อุทาหุ ยถานุปฺปตฺติวเสนา’’ติ โกจิ มเญฺญยฺยาติ มาติกากฺกเมเนว กาตพฺพนฺติ นิยโม นตฺถิ, ยถานุปฺปตฺตวเสเนว กาตพฺพนฺติ วิญฺญาเปตุํ มาติกากฺกมมนาทิยิตฺวา คมิกวตฺตํ อารทฺธํฯ อถ วา วตฺติจฺฉานุปุพฺพกตฺตา สทฺทปโยคสฺส มาติกากฺกมมนาทิยิตฺวา ยถิจฺฉํ นิเทฺทโส กโตติ เวทิตโพฺพติฯ ทารุมตฺติกภณฺฑานีติ มญฺจปีฐาทีนิ เจว รชนภาชนานิ จฯ ปฎิสาเมตฺวาติ คุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวาฯ อาวสถมฺปิ ถเกตฺวาติ อาวสเถ ทฺวารกวาฎาทีนิ จ ถเกตฺวาฯ

    2926. ‘‘Mātikāya niddiṭṭhakkameneva vattāni kātabbāni, udāhu yathānuppattivasenā’’ti koci maññeyyāti mātikākkameneva kātabbanti niyamo natthi, yathānuppattavaseneva kātabbanti viññāpetuṃ mātikākkamamanādiyitvā gamikavattaṃ āraddhaṃ. Atha vā vatticchānupubbakattā saddapayogassa mātikākkamamanādiyitvā yathicchaṃ niddeso katoti veditabboti. Dārumattikabhaṇḍānīti mañcapīṭhādīni ceva rajanabhājanāni ca. Paṭisāmetvāti guttaṭṭhāne ṭhapetvā. Āvasathampi thaketvāti āvasathe dvārakavāṭādīni ca thaketvā.

    ๒๙๒๗. อาปุจฺฉิตฺวาปีติ ภิกฺขุสฺส วา สามเณรสฺส วา อารามิกสฺส วา ‘‘อิมํ ปฎิชคฺคาหี’’ติ นิยฺยาเทตฺวา วาฯ ปุจฺฉิตเพฺพ อสเนฺตปีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท ปน-สทฺทโตฺถฯ โคเปตฺวา วาปิ สาธุกนฺติ ‘‘จตูสุ ปาสาเณสุ มญฺจํ ปญฺญเปตฺวา มเญฺจ มญฺจํ อาโรเปตฺวา’’ติอาทินา (จูฬว. ๓๖๐) วุตฺตนเยน สมฺมา ปฎิสาเมตฺวา คนฺตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    2927.Āpucchitvāpīti bhikkhussa vā sāmaṇerassa vā ārāmikassa vā ‘‘imaṃ paṭijaggāhī’’ti niyyādetvā vā. Pucchitabbe asantepīti ettha pi-saddo pana-saddattho. Gopetvā vāpi sādhukanti ‘‘catūsu pāsāṇesu mañcaṃ paññapetvā mañce mañcaṃ āropetvā’’tiādinā (cūḷava. 360) vuttanayena sammā paṭisāmetvā gantabbanti yojanā.

    ๒๙๒๘. ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สหสา’’ติอาทิฯ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิสโนฺต สหสา น ปวิเส สีฆํ น ปวิเสยฺย, นิกฺขมโนฺต สหสา น นิกฺขเม สีฆํ น นิกฺขเมยฺย, ภิกฺขุสารุเปฺปน ปวิเสยฺย, นิกฺขเมยฺย จฯ ปิณฺฑจารินา ภิกฺขุนา เคหทฺวารํ สมฺปเตฺตน อติทูเร น ฐาตพฺพํ นิพฺพโกสโต อติทูรฎฺฐาเน น ฐาตพฺพํฯ อจฺจาสเนฺน น ฐาตพฺพํ นิพฺพโกสโต อาสนฺนตเร ฐาเน น ฐาตพฺพํฯ

    2928. Piṇḍacārikavattaṃ dassetumāha ‘‘sahasā’’tiādi. Piṇḍacāriko bhikkhu antaragharaṃ pavisanto sahasā na pavise sīghaṃ na paviseyya, nikkhamanto sahasā na nikkhame sīghaṃ na nikkhameyya, bhikkhusāruppena paviseyya, nikkhameyya ca. Piṇḍacārinā bhikkhunā gehadvāraṃ sampattena atidūre na ṭhātabbaṃ nibbakosato atidūraṭṭhāne na ṭhātabbaṃ. Accāsanne na ṭhātabbaṃ nibbakosato āsannatare ṭhāne na ṭhātabbaṃ.

    ๒๙๒๙. อุจฺจาเรตฺวาติ อุปนาเมตฺวาฯ ภาชนนฺติ ปตฺตํฯ ทกฺขิเณน ปณาเมตฺวาติ ทกฺขิเณน หเตฺถน อุปนาเมตฺวาฯ ภิกฺขํ คเณฺหยฺยาติ เอตฺถ ‘‘อุโภหิ หเตฺถหิ ปฎิคฺคเหตฺวา’’ติ เสโสฯ ยถาห – ‘‘อุโภหิ หเตฺถหิ ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ (จูฬว. ๓๖๖)ฯ

    2929.Uccāretvāti upanāmetvā. Bhājananti pattaṃ. Dakkhiṇena paṇāmetvāti dakkhiṇena hatthena upanāmetvā. Bhikkhaṃ gaṇheyyāti ettha ‘‘ubhohi hatthehi paṭiggahetvā’’ti seso. Yathāha – ‘‘ubhohi hatthehi pattaṃ paṭiggahetvā bhikkhā gahetabbā’’ti (cūḷava. 366).

    ๒๙๓๐. สูปํ ทาตุกามา วา อทาตุกามา วา อิติ มุหุตฺตกํ สลฺลเกฺขยฺย ติเฎฺฐยฺยฯ อนฺตราติ ภิกฺขาทานสมเยฯ ภิกฺขาทายิกาติ อิตฺถี วา โหตุ ปุริโส วา, ภิกฺขาทานสมเย มุขํ น โอโลเกตพฺพนฺติฯ

    2930. Sūpaṃ dātukāmā vā adātukāmā vā iti muhuttakaṃ sallakkheyya tiṭṭheyya. Antarāti bhikkhādānasamaye. Nabhikkhādāyikāti itthī vā hotu puriso vā, bhikkhādānasamaye mukhaṃ na oloketabbanti.

    ๒๙๓๑. ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ทเสฺสตฺวา อารญฺญิกวตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปานียาที’’ติอาทิฯ ปานียาทีติ อาทิ-สเทฺทน ปริโภชนียอคฺคิอรณิสหิตกตฺตรยฎฺฐีนํ คหณํฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ปานียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพนฺติ สเจ ภาชนานิ นปฺปโหนฺติ, ปานียเมว ปริโภชนียมฺปิ กตฺวา อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ ภาชนํ อลภเนฺตน เวฬุนาฬิกายปิ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ยถา สมีเป ขุทฺทกอาวาโฎ โหติ, เอวํ กาตพฺพํฯ อรณิสหิเต อสติ อคฺคิํ อกาตุมฺปิ จ วฎฺฎติฯ ยถา จ อารญฺญิกสฺส, เอวํ กนฺตารปฎิปนฺนสฺสาปิ อรณิสหิตํ อิจฺฉิตพฺพํฯ คณวาสิโน ปน เตน วินาปิ วฎฺฎตีติฯ

    2931. Piṇḍacārikavattaṃ dassetvā āraññikavattaṃ dassetumāha ‘‘pānīyādī’’tiādi. Pānīyādīti ādi-saddena paribhojanīyaaggiaraṇisahitakattarayaṭṭhīnaṃ gahaṇaṃ. Tatrāyaṃ vinicchayo – pānīyaṃ upaṭṭhāpetabbanti sace bhājanāni nappahonti, pānīyameva paribhojanīyampi katvā upaṭṭhāpetabbaṃ. Bhājanaṃ alabhantena veḷunāḷikāyapi upaṭṭhāpetabbaṃ. Tampi alabhantassa yathā samīpe khuddakaāvāṭo hoti, evaṃ kātabbaṃ. Araṇisahite asati aggiṃ akātumpi ca vaṭṭati. Yathā ca āraññikassa, evaṃ kantārapaṭipannassāpi araṇisahitaṃ icchitabbaṃ. Gaṇavāsino pana tena vināpi vaṭṭatīti.

    นกฺขตฺตนฺติ อสฺสยุชาทิสตฺตวีสติวิธํ นกฺขตฺตํ ชานิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ กถํ ชานิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เตน โยโค จา’’ติ, เตน นกฺขเตฺตน จนฺทสฺส โยโค ญาตโพฺพติ อโตฺถฯ ชานิตพฺพา ทิสาปิ จาติ อรเญฺญ วิหรเนฺตน อฎฺฐปิ ทิสา อสโมฺมหโต ชานิตพฺพาฯ

    Nakkhattanti assayujādisattavīsatividhaṃ nakkhattaṃ jānitabbanti sambandho. Kathaṃ jānitabbanti āha ‘‘tena yogo cā’’ti, tena nakkhattena candassa yogo ñātabboti attho. Jānitabbā disāpi cāti araññe viharantena aṭṭhapi disā asammohato jānitabbā.

    ๒๙๓๒. อญฺญวตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘วจฺจปสฺสาวติตฺถานี’’ติอาทิฯ ปฎิปาฎิยา ภวนฺตีติ คตานุกฺกเมน เสวิตพฺพา ภวนฺติฯ ยถาห – ‘‘วจฺจกุฎิยํ, ปสฺสาวฎฺฐาเน, นฺหานติเตฺถติ ตีสุปิ อาคตปฎิปาฎิเยว ปมาณ’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๗๓)ฯ ยถาวุฑฺฒํ กโรนฺตสฺสาติ คตปฎิปาฎิํ วินา วุฑฺฒปฎิปาฎิยา กโรนฺตสฺสฯ

    2932. Aññavattaṃ dassetumāha ‘‘vaccapassāvatitthānī’’tiādi. Paṭipāṭiyā bhavantīti gatānukkamena sevitabbā bhavanti. Yathāha – ‘‘vaccakuṭiyaṃ, passāvaṭṭhāne, nhānatittheti tīsupi āgatapaṭipāṭiyeva pamāṇa’’nti (cūḷava. aṭṭha. 373). Yathāvuḍḍhaṃ karontassāti gatapaṭipāṭiṃ vinā vuḍḍhapaṭipāṭiyā karontassa.

    ๒๙๓๓. วจฺจกุฎิํ ปวิสโนฺต สหสา น ปวิเสยฺยฯ อุพฺภชิตฺวาติ จีวรํ อุกฺขิปิตฺวาฯ

    2933. Vaccakuṭiṃ pavisanto sahasā na paviseyya. Ubbhajitvāti cīvaraṃ ukkhipitvā.

    ๒๙๓๔. นิตฺถุนเนฺตน ภิกฺขุนา วจฺจํ น กาตพฺพนฺติ โยชนาฯ ‘‘วจฺจสฺส ทุนฺนิคฺคมเนน อุปหโต หุตฺวา นิตฺถุนติ เจ, น โทโส’’ติ สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย วุตฺตํฯ ทณฺฑกฎฺฐํ ขาทโต วจฺจํ กโรโต ภิกฺขุโน ทุกฺกฎํ โหตีติ โยชนาฯ

    2934. Nitthunantena bhikkhunā vaccaṃ na kātabbanti yojanā. ‘‘Vaccassa dunniggamanena upahato hutvā nitthunati ce, na doso’’ti sikkhābhājanavinicchaye vuttaṃ. Daṇḍakaṭṭhaṃ khādato vaccaṃ karoto bhikkhuno dukkaṭaṃ hotīti yojanā.

    ๒๙๓๖. ขเรนาติ ผรุเสน วา ผาลิตกเฎฺฐน วา คณฺฐิเกน วา กณฺฎเกน วา สุสิเรน วา ปูตินา วา ทเณฺฑน น อวเลเขยฺย น ปุเญฺฉยฺยฯ น กฎฺฐํ วจฺจกูปเก ฉเฑฺฑยฺยาติ ตํ กฎฺฐํ วจฺจกูเป น ฉเฑฺฑยฺยฯ ปสฺสาวโทณิยา เขฬํ น ปาเตยฺยาติ โยชนาฯ

    2936.Kharenāti pharusena vā phālitakaṭṭhena vā gaṇṭhikena vā kaṇṭakena vā susirena vā pūtinā vā daṇḍena na avalekheyya na puñcheyya. Na kaṭṭhaṃ vaccakūpake chaḍḍeyyāti taṃ kaṭṭhaṃ vaccakūpe na chaḍḍeyya. Passāvadoṇiyā kheḷaṃ na pāteyyāti yojanā.

    ๒๙๓๗. ปาทุกาสูติ วจฺจปสฺสาวปาทุกาสุฯ นิกฺขมเน นิกฺขมนกาเลฯ ตเตฺถวาติ วจฺจปสฺสาวปาทุกาเสฺววฯ ปฎิจฺฉาเทยฺยาติ อุกฺขิตฺตํ จีวรํ โอตาเรตฺวา สรีรํ ปฎิจฺฉาเทยฺยฯ

    2937.Pādukāsūti vaccapassāvapādukāsu. Nikkhamane nikkhamanakāle. Tatthevāti vaccapassāvapādukāsveva. Paṭicchādeyyāti ukkhittaṃ cīvaraṃ otāretvā sarīraṃ paṭicchādeyya.

    ๒๙๓๘. โย วจฺจํ กตฺวา สลิเล สติ สเจ นาจเมยฺย อุทกกิจฺจํ น กเรยฺย, ตสฺส ทุกฺกฎํ อุทฺทิฎฺฐนฺติ โยชนาฯ โมหนาสินาติ สวาสนสฺส โมหสฺส, เตน สหเชกฎฺฐปหาเนกฎฺฐานํ สกลสํกิเลสานญฺจ ปหายินา อาสวกฺขยญาเณน สมุจฺฉินฺทตา มุนินา สพฺพญฺญุนา สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ ‘‘สลิเล สตี’’ติ อิมินา อสติ นิโทฺทสตํ ทีเปติฯ ยถาห –

    2938. Yo vaccaṃ katvā salile sati sace nācameyya udakakiccaṃ na kareyya, tassa dukkaṭaṃ uddiṭṭhanti yojanā. Mohanāsināti savāsanassa mohassa, tena sahajekaṭṭhapahānekaṭṭhānaṃ sakalasaṃkilesānañca pahāyinā āsavakkhayañāṇena samucchindatā muninā sabbaññunā sammāsambuddhena. ‘‘Salile satī’’ti iminā asati niddosataṃ dīpeti. Yathāha –

    ‘‘สติ อุทเกติ เอตฺถ สเจ อุทกํ อตฺถิ, ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐานํ ปน นตฺถิ, ภาชเนน นีหริตฺวา อาจมิตพฺพํฯ ภาชเน อสติ ปเตฺตน นีหริตพฺพํฯ ปเตฺตปิ อสติ อสนฺตํ นาม โหติฯ ‘อิทํ อติวิวฎํ, ปุรโต อญฺญํ อุทกํ ภวิสฺสตี’ติ คตสฺส อุทกํ อลภนฺตเสฺสว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, กเฎฺฐน วา เกนจิ วา ปุญฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํ, ภุญฺชิตุมฺปิ อนุโมทนมฺปิ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๗๓)ฯ

    ‘‘Sati udaketi ettha sace udakaṃ atthi, paṭicchannaṭṭhānaṃ pana natthi, bhājanena nīharitvā ācamitabbaṃ. Bhājane asati pattena nīharitabbaṃ. Pattepi asati asantaṃ nāma hoti. ‘Idaṃ ativivaṭaṃ, purato aññaṃ udakaṃ bhavissatī’ti gatassa udakaṃ alabhantasseva bhikkhācāravelā hoti, kaṭṭhena vā kenaci vā puñchitvā gantabbaṃ, bhuñjitumpi anumodanampi kātuṃ vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 373).

    ๒๙๓๙. สสทฺทนฺติ อุทกสทฺทํ กตฺวาฯ ‘‘ปาสาณาทิฎฺฐาเน ปหริตฺวา อุทกํ สทฺทายติ เจ, น โทโส’’ติ สิกฺขาภาชนวินิจฺฉเย วุตฺตํฯ จปุ จปูติ จาติ ตาทิสํ อนุกรณํ กตฺวา นาจเมตพฺพนฺติ โยชนาฯ อาจมิตฺวาติ อุทกกิจฺจํ กตฺวาฯ สราเว อาจมนภาชเน อุทกํ น เสเสตพฺพนฺติ โยชนา, อิทํ ปน สพฺพสาธารณฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยถาห อฎฺฐกถายํ

    2939.Sasaddanti udakasaddaṃ katvā. ‘‘Pāsāṇādiṭṭhāne paharitvā udakaṃ saddāyati ce, na doso’’ti sikkhābhājanavinicchaye vuttaṃ. Capu capūti cāti tādisaṃ anukaraṇaṃ katvā nācametabbanti yojanā. Ācamitvāti udakakiccaṃ katvā. Sarāve ācamanabhājane udakaṃ na sesetabbanti yojanā, idaṃ pana sabbasādhāraṇaṭṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ. Yathāha aṭṭhakathāyaṃ

    ‘‘อาจมนสราวเกติ สพฺพสาธารณฎฺฐานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ตตฺร หิ อเญฺญ อเญฺญ อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา อุทกํ น เสเสตพฺพํฯ ยํ ปน สงฺฆิเกปิ วิหาเร เอกเทเส นิพทฺธคมนตฺถาย กตํ ฐานํ โหติ ปุคฺคลิกฎฺฐานํ วา, ตสฺมิํ วฎฺฎติฯ วิเรจนํ ปิวิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปวิสนฺตสฺสาปิ วฎฺฎติเยวา’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๗๔)ฯ

    ‘‘Ācamanasarāvaketi sabbasādhāraṇaṭṭhānaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tatra hi aññe aññe āgacchanti, tasmā udakaṃ na sesetabbaṃ. Yaṃ pana saṅghikepi vihāre ekadese nibaddhagamanatthāya kataṃ ṭhānaṃ hoti puggalikaṭṭhānaṃ vā, tasmiṃ vaṭṭati. Virecanaṃ pivitvā punappunaṃ pavisantassāpi vaṭṭatiyevā’’ti (cūḷava. aṭṭha. 374).

    ๒๙๔๐. อูหตมฺปีติ อเญฺญน วา อตฺตนา วา อสญฺจิจฺจ อูหตํ มเลน ทูสิตฎฺฐานํฯ อโธวิตฺวาติ ชเล สติ อโสเธตฺวา ชเล อสติ กเฎฺฐน วา เกนจิ วา ปุญฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํฯ ยถาห – ‘‘อุทกํ อตฺถิ ภาชนํ นตฺถิ, อสนฺตํ นาม โหติ, ภาชนํ อตฺถิ อุทกํ นตฺถิ, เอตมฺปิ อสนฺตํ, อุภเย ปน อสติ อสนฺตเมว, กเฎฺฐน วา เกนจิ วา ปุญฺฉิตฺวา คนฺตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๗๔)ฯ อุกฺลาปาปิ สเจ โหนฺตีติ วจฺจปสฺสาวฎฺฐานานิ สเจ กจวรากิณฺณานิ โหนฺติฯ ‘‘อเสสโต โสเธตพฺพ’’นฺติ อิมินา ตโต กสฺสจิ กจวรสฺส อปนยนํ โสธนํ นาม น โหติ, นิเสฺสสกจวราปนยนเมว โสธนนฺติ ทีเปติฯ

    2940.Ūhatampīti aññena vā attanā vā asañcicca ūhataṃ malena dūsitaṭṭhānaṃ. Adhovitvāti jale sati asodhetvā jale asati kaṭṭhena vā kenaci vā puñchitvā gantabbaṃ. Yathāha – ‘‘udakaṃ atthi bhājanaṃ natthi, asantaṃ nāma hoti, bhājanaṃ atthi udakaṃ natthi, etampi asantaṃ, ubhaye pana asati asantameva, kaṭṭhena vā kenaci vā puñchitvā gantabba’’nti (cūḷava. aṭṭha. 374). Uklāpāpi sace hontīti vaccapassāvaṭṭhānāni sace kacavarākiṇṇāni honti. ‘‘Asesato sodhetabba’’nti iminā tato kassaci kacavarassa apanayanaṃ sodhanaṃ nāma na hoti, nissesakacavarāpanayanameva sodhananti dīpeti.

    ๒๙๔๑. ปิฐโรติ อวเลขนกฎฺฐนิเกฺขปนภาชนํฯ กุมฺภี เจ ริตฺตาติ อาจมนกุมฺภี สเจ ตุจฺฉาฯ

    2941.Piṭharoti avalekhanakaṭṭhanikkhepanabhājanaṃ. Kumbhī ce rittāti ācamanakumbhī sace tucchā.

    ๒๙๔๒. เอวํ วจฺจกุฎิวตฺตํ ทเสฺสตฺวา เสนาสนวตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อนชฺฌิโฎฺฐ’’ติอาทิฯ อนชฺฌิโฎฺฐติ อนนุญฺญาโตฯ

    2942. Evaṃ vaccakuṭivattaṃ dassetvā senāsanavattaṃ dassetumāha ‘‘anajjhiṭṭho’’tiādi. Anajjhiṭṭhoti ananuññāto.

    ๒๙๔๓. วุฑฺฒํ อาปุจฺฉิตฺวา กเถนฺตสฺสาติ โยชนาฯ วุฑฺฒตราคเมติ ยํ อาปุจฺฉิตฺวา กเถตุมารโทฺธ, ตโตปิ วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน อาคเม สติฯ

    2943. Vuḍḍhaṃ āpucchitvā kathentassāti yojanā. Vuḍḍhatarāgameti yaṃ āpucchitvā kathetumāraddho, tatopi vuḍḍhatarassa bhikkhuno āgame sati.

    ๒๙๔๔. เอกวิหารสฺมินฺติ เอกสฺมิํ เคเหฯ ‘‘อนาปุจฺฉา’’ติ อิทํ วกฺขมาเนหิ ยถารหํ โยเชตพฺพํฯ

    2944.Ekavihārasminti ekasmiṃ gehe. ‘‘Anāpucchā’’ti idaṃ vakkhamānehi yathārahaṃ yojetabbaṃ.

    ๒๙๔๕. ปฐมํ ยตฺถ กตฺถจิ วุฑฺฒานํ สนฺนิธาเน กตฺตพฺพวตฺตํ นิทฺทิฎฺฐนฺติ อิทานิ เอกวิหาเร วสเนฺตนาปิ ตสฺส กาตพฺพตํ ทเสฺสตุํ ปุนปิ ‘‘น จ ธโมฺม กเถตโพฺพ’’ติ อาหฯ ธมฺมจกฺขุนาติ ธมฺมโลจเนน ธมฺมครุเกน, อิมินา อตาทิสสฺส กโต วาโร นิรตฺถโกติ ทีเปติฯ

    2945. Paṭhamaṃ yattha katthaci vuḍḍhānaṃ sannidhāne kattabbavattaṃ niddiṭṭhanti idāni ekavihāre vasantenāpi tassa kātabbataṃ dassetuṃ punapi ‘‘na ca dhammo kathetabbo’’ti āha. Dhammacakkhunāti dhammalocanena dhammagarukena, iminā atādisassa kato vāro niratthakoti dīpeti.

    ๒๙๔๖. กาตโพฺพติ ชาเลตโพฺพฯ โสติ ทีโปฯ ‘‘ทฺวารํ นาม ยสฺมา มหาวฬญฺชํ, ตสฺมา ตตฺถ อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๖๙) วจนโต ตํ อวตฺวา อาปตฺติเกฺขตฺตเมว ทเสฺสตุมาห ‘‘วาตปานกวาฎานิ, ถเกยฺย วิวเรยฺย โน’’ติฯ

    2946.Kātabboti jāletabbo. Soti dīpo. ‘‘Dvāraṃ nāma yasmā mahāvaḷañjaṃ, tasmā tattha āpucchanakiccaṃ natthī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 369) vacanato taṃ avatvā āpattikkhettameva dassetumāha ‘‘vātapānakavāṭāni, thakeyya vivareyya no’’ti.

    ๒๙๔๗. วุฑฺฒโต ปริวตฺตเยติ เยน วุโฑฺฒ, ตโต ปริวตฺตเย, ปิฎฺฐิํ อทเสฺสตฺวา วุฑฺฒาภิมุโข เตน ปริวตฺตเยติ อโตฺถฯ จีวรกเณฺณน วา กาเยน วา ตํ วุฑฺฒํ น จ ฆฎฺฎเยฯ

    2947.Vuḍḍhatoparivattayeti yena vuḍḍho, tato parivattaye, piṭṭhiṃ adassetvā vuḍḍhābhimukho tena parivattayeti attho. Cīvarakaṇṇena vā kāyena vā taṃ vuḍḍhaṃ na ca ghaṭṭaye.

    ๒๙๔๘. เอวํ เสนาสนวตฺตํ ทเสฺสตฺวา ชนฺตาฆรวตฺตํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปุรโต’’ติอาทิฯ เถรานํ ปุรโต เนว นฺหาเยยฺย, อุปริ ปฎิโสเต น จ นฺหาเยยฺย, โอตรนฺตานํ วุฑฺฒานํ อุตฺตรํ อุตฺตรโนฺต มคฺคํ ทเทยฺย, น ฆฎฺฎเย กาเยน วา จีวเรน วา น ฆฎฺฎเยยฺยาติ โยชนาฯ

    2948. Evaṃ senāsanavattaṃ dassetvā jantāgharavattaṃ dassetumāha ‘‘purato’’tiādi. Therānaṃ purato neva nhāyeyya, upari paṭisote na ca nhāyeyya, otarantānaṃ vuḍḍhānaṃ uttaraṃ uttaranto maggaṃ dadeyya, na ghaṭṭaye kāyena vā cīvarena vā na ghaṭṭayeyyāti yojanā.

    ‘‘ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา’’ติอาทินา (จูฬว. ๓๖๔) นเยน วุตฺตานํ ภตฺตคฺควตฺตานํ เสขิยกถาย วุตฺตตฺตา จ อุปชฺฌายวตฺตาทีนํ มหาขนฺธกกถาย วุตฺตตฺตา จ อนุโมทนวตฺตานํ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภตฺตเคฺค จตูหิ ปญฺจหิ เถรานุเถเรหิ ภิกฺขูหิ อาคเมตุ’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๓๖๒) นเยน ภตฺตคฺควเตฺตเยว อโนฺตคธภาเวน วุตฺตตฺตา จ นิเทฺทเส ตานิ น วุตฺตานิ, ตถาปิ เตสุ อนุโมทนวตฺตํ เอวํ เวทิตพฺพํ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๖๒) – สงฺฆเตฺถเร อนุโมทนตฺถาย นิสิเนฺน เหฎฺฐา ปฎิปาฎิยา จตูหิ นิสีทิตพฺพํฯ อนุเถเร นิสิเนฺน มหาเถเรน จ เหฎฺฐา จ ตีหิ นิสีทิตพฺพํฯ ปญฺจเม นิสิเนฺน อุปริ จตูหิ นิสีทิตพฺพํฯ สงฺฆเตฺถเรน เหฎฺฐา ทหรภิกฺขุสฺมิํ อชฺฌิเฎฺฐปิ สงฺฆเตฺถรโต ปฎฺฐาย จตูหิ นิสีทิตพฺพเมวฯ สเจ ปน อนุโมทโก ภิกฺขุ ‘‘คจฺฉถ, ภเนฺต, อาคเมตพฺพกิจฺจํ นตฺถี’’ติ วทติ, คนฺตุํ วฎฺฎติฯ มหาเถเรน ‘‘คจฺฉาม, อาวุโส’’ติ วุเตฺต ‘‘คจฺฉถา’’ติ วทติ, เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ ‘‘พหิคาเม อาคเมสฺสามา’’ติ อาโภคํ กตฺวาปิ พหิคามํ คนฺตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก ‘‘ตุเมฺห ตสฺส อาคมนํ อาคเมถา’’ติ วตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติเยวฯ สเจ ปน มนุสฺสา อตฺตโน รุจิเตน เอเกน อนุโมทนํ กาเรนฺติ, เนว ตสฺส อนุโมทโต อาปตฺติ, น จ มหาเถรสฺส ภาโร โหติฯ อุปนิสินฺนกถายเมว หิ มนุเสฺสสุ กถาเปเนฺตสุ มหาเถโร อาปุจฺฉิตโพฺพ, มหาเถเรน จ อนุโมทนาย อชฺฌิโฎฺฐว อาคเมตโพฺพติ อิทเมตฺถ ลกฺขณนฺติฯ

    ‘‘Timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā’’tiādinā (cūḷava. 364) nayena vuttānaṃ bhattaggavattānaṃ sekhiyakathāya vuttattā ca upajjhāyavattādīnaṃ mahākhandhakakathāya vuttattā ca anumodanavattānaṃ ‘‘anujānāmi, bhikkhave, bhattagge catūhi pañcahi therānutherehi bhikkhūhi āgametu’’ntiādinā (cūḷava. 362) nayena bhattaggavatteyeva antogadhabhāvena vuttattā ca niddese tāni na vuttāni, tathāpi tesu anumodanavattaṃ evaṃ veditabbaṃ (cūḷava. aṭṭha. 362) – saṅghatthere anumodanatthāya nisinne heṭṭhā paṭipāṭiyā catūhi nisīditabbaṃ. Anuthere nisinne mahātherena ca heṭṭhā ca tīhi nisīditabbaṃ. Pañcame nisinne upari catūhi nisīditabbaṃ. Saṅghattherena heṭṭhā daharabhikkhusmiṃ ajjhiṭṭhepi saṅghattherato paṭṭhāya catūhi nisīditabbameva. Sace pana anumodako bhikkhu ‘‘gacchatha, bhante, āgametabbakiccaṃ natthī’’ti vadati, gantuṃ vaṭṭati. Mahātherena ‘‘gacchāma, āvuso’’ti vutte ‘‘gacchathā’’ti vadati, evampi vaṭṭati. ‘‘Bahigāme āgamessāmā’’ti ābhogaṃ katvāpi bahigāmaṃ gantvā attano nissitake ‘‘tumhe tassa āgamanaṃ āgamethā’’ti vatvāpi gantuṃ vaṭṭatiyeva. Sace pana manussā attano rucitena ekena anumodanaṃ kārenti, neva tassa anumodato āpatti, na ca mahātherassa bhāro hoti. Upanisinnakathāyameva hi manussesu kathāpentesu mahāthero āpucchitabbo, mahātherena ca anumodanāya ajjhiṭṭhova āgametabboti idamettha lakkhaṇanti.

    ๒๙๔๙. วตฺตนฺติ ยถาวุตฺตํ อาภิสมาจาริกวตฺตํฯ ยถาห – ‘‘อาภิสมาจาริกํ อปริปูเรตฺวา สีลํ ปริปูเรสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ น วินฺทตีติ น ลภติฯ

    2949.Vattanti yathāvuttaṃ ābhisamācārikavattaṃ. Yathāha – ‘‘ābhisamācārikaṃ aparipūretvā sīlaṃ paripūressatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti. Na vindatīti na labhati.

    ๒๙๕๐. อเนกโคฺคติ วิกฺขิตฺตตฺตาเยว อสมาหิตจิโตฺตฯ น จ ปสฺสตีติ ญาณจกฺขุนา น ปสฺสติ, ทฎฺฐุํ สมโตฺถ น โหตีติ อโตฺถฯ ทุกฺขาติ ชาติทุกฺขาทิทุกฺขโตฯ

    2950.Anekaggoti vikkhittattāyeva asamāhitacitto. Na ca passatīti ñāṇacakkhunā na passati, daṭṭhuṃ samattho na hotīti attho. Dukkhāti jātidukkhādidukkhato.

    ๒๙๕๑. ตสฺมาติ ยสฺมา ทุกฺขา น ปริมุจฺจติ, ตสฺมาฯ โอวาทํ กตฺวา กิํ วิเสสํ ปาปุณาตีติ อาห ‘‘โอวาทํ พุทฺธเสฎฺฐสฺส, กตฺวา นิพฺพานเมหิตี’’ติฯ เอหิติ ปาปุณิสฺสติฯ

    2951.Tasmāti yasmā dukkhā na parimuccati, tasmā. Ovādaṃ katvā kiṃ visesaṃ pāpuṇātīti āha ‘‘ovādaṃ buddhaseṭṭhassa, katvā nibbānamehitī’’ti. Ehiti pāpuṇissati.

    วตฺตกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ

    Vattakkhandhakakathāvaṇṇanā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact