Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā

    ๙. วฎฺฎโปตกจริยาวณฺณนา

    9. Vaṭṭapotakacariyāvaṇṇanā

    ๗๒. นวเม มคเธ วฎฺฎโปตโกติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – มคธรเฎฺฐ อญฺญตรสฺมิํ อรญฺญปฺปเทเส วฎฺฎกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อจิรนิกฺขนฺตตาย ตรุโณ มํสเปสิภูโต, ตโต เอว อชาตปโกฺข วฎฺฎกจฺฉาปโก ยทา อหํ กุลาวเกเยว โหมิ

    72. Navame magadhe vaṭṭapotakotiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – magadharaṭṭhe aññatarasmiṃ araññappadese vaṭṭakayoniyaṃ nibbattitvā aṇḍakosaṃ padāletvā aciranikkhantatāya taruṇo maṃsapesibhūto, tato eva ajātapakkho vaṭṭakacchāpako yadā ahaṃ kulāvakeyeva homi.

    ๗๓. มุขตุณฺฑเกนาหริตฺวาติ มยฺหํ มาตา อตฺตโน มุขตุณฺฑเกน กาเลน กาลํ โคจรํ อาหริตฺวา มํ โปเสติฯ ตสฺสา ผเสฺสน ชีวามีติ ปริเสทนตฺถเญฺจว ปริภาวนตฺถญฺจ สมฺมเทว กาเลน กาลํ มมํ อธิสยนวเสน ผุสนฺติยา ตสฺสา มม มาตุยา สรีรสมฺผเสฺสน ชีวามิ วิหรามิ อตฺตภาวํ ปวเตฺตมิฯ นตฺถิ เม กายิกํ พลนฺติ มยฺหํ ปน อติตรุณตาย กายสนฺนิสฺสิตํ พลํ นตฺถิฯ

    73.Mukhatuṇḍakenāharitvāti mayhaṃ mātā attano mukhatuṇḍakena kālena kālaṃ gocaraṃ āharitvā maṃ poseti. Tassā phassena jīvāmīti parisedanatthañceva paribhāvanatthañca sammadeva kālena kālaṃ mamaṃ adhisayanavasena phusantiyā tassā mama mātuyā sarīrasamphassena jīvāmi viharāmi attabhāvaṃ pavattemi. Natthi me kāyikaṃ balanti mayhaṃ pana atitaruṇatāya kāyasannissitaṃ balaṃ natthi.

    ๗๔. สํวจฺฉเรติ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเรฯ คิมฺหสมเยติ คิมฺหกาเลฯ สุกฺขรุกฺขสาขานํ อญฺญมญฺญํ สงฺฆฎฺฎนสมุปฺปเนฺนน อคฺคินา ตสฺมิํ ปเทเส ทวฑาโห ปทิปฺปติ ปชฺชลติ, โส ตถา ปทีปิโตฯ อุปคจฺฉติ อมฺหากนฺติ มยฺหํ มาตาปิตูนญฺจาติ อมฺหากํ วสนฎฺฐานปฺปเทสํ อตฺตโน ปติฎฺฐานสฺส อสุทฺธสฺสาปิ สุทฺธภาวกรเณน ปาวนโต ปาวโกติ จ คตมเคฺค อินฺธนสฺส ภสฺมภาวาวหนโต กณฺหวตฺตนีติ จ ลทฺธนาโม อคฺคิ วนรุกฺขคเจฺฉ ทหโนฺต กาเลน กาลํ อุปคจฺฉติฯ

    74.Saṃvacchareti saṃvacchare saṃvacchare. Gimhasamayeti gimhakāle. Sukkharukkhasākhānaṃ aññamaññaṃ saṅghaṭṭanasamuppannena agginā tasmiṃ padese davaḍāho padippati pajjalati, so tathā padīpito. Upagacchati amhākanti mayhaṃ mātāpitūnañcāti amhākaṃ vasanaṭṭhānappadesaṃ attano patiṭṭhānassa asuddhassāpi suddhabhāvakaraṇena pāvanato pāvakoti ca gatamagge indhanassa bhasmabhāvāvahanato kaṇhavattanīti ca laddhanāmo aggi vanarukkhagacche dahanto kālena kālaṃ upagacchati.

    ๗๕. เอวํ อุปคมนโต ตทาปิ สทฺทายโนฺตติ ‘‘ธมธม’’อิติ เอวํ สทฺทํ กโรโนฺต, อนุรวทสฺสนเญฺหตํ ทาวคฺคิโนฯ มหาสิขีติ ปพฺพตกูฎสทิสานํ อินฺธนานํ วเสน มหติโย สิขา เอตสฺสาติ มหาสิขีฯ อนุปุเพฺพน อนุกฺกเมน ตํ อรญฺญปฺปเทสํ ฌาเปโนฺต ทหโนฺต อคฺคิ มม สมีปฎฺฐานํ อุปาคมิ

    75. Evaṃ upagamanato tadāpi saddāyantoti ‘‘dhamadhama’’iti evaṃ saddaṃ karonto, anuravadassanañhetaṃ dāvaggino. Mahāsikhīti pabbatakūṭasadisānaṃ indhanānaṃ vasena mahatiyo sikhā etassāti mahāsikhī. Anupubbena anukkamena taṃ araññappadesaṃ jhāpento dahanto aggi mama samīpaṭṭhānaṃ upāgami.

    ๗๖. อคฺคิเวคภยาติ เวเคน อาคจฺฉโต อคฺคิโน ภเยน ภีตาฯ ตสิตาติ จิตฺตุตฺราสสมุฎฺฐิเตน กายสฺส ฉมฺภิตเตฺตน จ อุตฺราสาฯ มาตาปิตาติ มาตาปิตโรฯ อตฺตานํ ปริโมจยุนฺติ อคฺคินา อนุปทฺทุตฎฺฐานคมเนน อตฺตโน โสตฺถิภาวมกํสุฯ มหาสโตฺต หิ ตทา มหาเคณฺฑุกปฺปมาโณ มหาสรีโร อโหสิฯ ตํ มาตาปิตโร เกนจิ อุปาเยน คเหตฺวา คนฺตุํ อสกฺกุณนฺตา อตฺตสิเนเหน จ อภิภุยฺยมานา ปุตฺตสิเนหํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิํสุฯ

    76.Aggivegabhayāti vegena āgacchato aggino bhayena bhītā. Tasitāti cittutrāsasamuṭṭhitena kāyassa chambhitattena ca utrāsā. Mātāpitāti mātāpitaro. Attānaṃ parimocayunti agginā anupaddutaṭṭhānagamanena attano sotthibhāvamakaṃsu. Mahāsatto hi tadā mahāgeṇḍukappamāṇo mahāsarīro ahosi. Taṃ mātāpitaro kenaci upāyena gahetvā gantuṃ asakkuṇantā attasinehena ca abhibhuyyamānā puttasinehaṃ chaḍḍetvā palāyiṃsu.

    ๗๗. ปาเท ปเกฺข ปชหามีติ อตฺตโน อุโภ ปาเท อุโภ ปเกฺข จ ภูมิยํ อากาเส จ คมนสเชฺช กโรโนฺต ปสาเรมิ อิริยามิ วายมามิฯ ‘‘ปฎีหามี’’ติปิ ปาโฐ, เวหาสคมนโยเคฺค กาตุํ อีหามีติ อโตฺถฯ ‘‘ปตีหามี’’ติปิ ปฐนฺติฯ ตสฺสโตฺถ – ปาเท ปเกฺข จ ปติ วิสุํ อีหามิ, คมนตฺถํ วายมามิ, ตํ ปน วายามกรณตฺถเมวฯ กสฺมา? ยสฺมา นตฺถิ เม กายิกํ พลํฯ โสหํ อคติโก ตตฺถาติ โส อหํ เอวํภูโต ปาทปกฺขเวกเลฺลน คมนวิรหิโต มาตาปิตูนํ อปคมเนน วา อปฺปฎิสรโณ, ตตฺถ ทาวคฺคิอุปทฺทุเต วเน, ตสฺมิํ วา กุลาวเก ฐิโตว เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน ตทา จิเนฺตสิํฯ ทุติยเญฺจตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    77.Pāde pakkhe pajahāmīti attano ubho pāde ubho pakkhe ca bhūmiyaṃ ākāse ca gamanasajje karonto pasāremi iriyāmi vāyamāmi. ‘‘Paṭīhāmī’’tipi pāṭho, vehāsagamanayogge kātuṃ īhāmīti attho. ‘‘Patīhāmī’’tipi paṭhanti. Tassattho – pāde pakkhe ca pati visuṃ īhāmi, gamanatthaṃ vāyamāmi, taṃ pana vāyāmakaraṇatthameva. Kasmā? Yasmā natthi me kāyikaṃ balaṃ. Sohaṃ agatiko tatthāti so ahaṃ evaṃbhūto pādapakkhavekallena gamanavirahito mātāpitūnaṃ apagamanena vā appaṭisaraṇo, tattha dāvaggiupaddute vane, tasmiṃ vā kulāvake ṭhitova evaṃ idāni vattabbākārena tadā cintesiṃ. Dutiyañcettha ahanti nipātamattaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ๗๘.

    78.

    อิทานิ ตทา อตฺตโน จินฺติตาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘เยสาห’’นฺติอาทิมาห;

    Idāni tadā attano cintitākāraṃ dassetuṃ ‘‘yesāha’’ntiādimāha;

    ตตฺถ เยสาหํ อุปธาเวยฺยํ, ภีโต ตสิตเวธิโตติ มรณภเยน ภีโต ตโต เอว จิตฺตุตฺราเสน ตสิโต สรีรกมฺปเนน เวธิโต เยสมหํ ปกฺขนฺตรํ เอตรหิ ทาวคฺคิอุปทฺทุโต ชลทุคฺคํ วิย มญฺญมาโน ปวิสิตุํ อุปธาเวยฺยํ เต มม มาตาปิตโร มํ เอกกํ เอว โอหาย ชหิตฺวา ปกฺกนฺตาฯ กถํ เม อชฺช กาตเวติ กถํ นุ โข มยา อชฺช กาตพฺพํ, ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha yesāhaṃ upadhāveyyaṃ, bhīto tasitavedhitoti maraṇabhayena bhīto tato eva cittutrāsena tasito sarīrakampanena vedhito yesamahaṃ pakkhantaraṃ etarahi dāvaggiupadduto jaladuggaṃ viya maññamāno pavisituṃ upadhāveyyaṃ te mama mātāpitaro maṃ ekakaṃ eva ohāya jahitvā pakkantā. Kathaṃ me ajja kātaveti kathaṃ nu kho mayā ajja kātabbaṃ, paṭipajjitabbanti attho.

    เอวํ มหาสโตฺต อิติกตฺตพฺพตาสมฺมูโฬฺห หุตฺวา ฐิโต ปุน จิเนฺตสิ – ‘‘อิมสฺมิํ โลเก สีลคุโณ นาม อตฺถิ, สจฺจคุโณ นาม อตฺถิ, อตีเต ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิตเล นิสีทิตฺวา อภิสมฺพุทฺธา สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนา สจฺจานุทยการุญฺญขนฺติสมนฺนาคตา สพฺพสเตฺตสุ สมปฺปวตฺตเมตฺตาภาวนา สพฺพญฺญุพุทฺธา นาม อตฺถิ, เตหิ จ ปฎิวิโทฺธ เอกนฺตนิยฺยานคุโณ ธโมฺม อตฺถิ, มยิ จาปิ เอกํ สจฺจํ อตฺถิฯ สํวิชฺชมาโน เอโก สภาวธโมฺม ปญฺญายติ, ตสฺมา อตีตพุเทฺธ เจว เตหิ ปฎิวิทฺธคุเณ จ อาวเชฺชตฺวา มยิ วิชฺชมานํ สจฺจํ สภาวธมฺมํ คเหตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา อคฺคิํ ปฎิกฺกมาเปตฺวา อชฺช มยา อตฺตโน เจว อิธ วาสีนํ เสสปาณีนญฺจ โสตฺถิภาวํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา มหาสโตฺต อตฺตโน อานุภาเว ฐตฺวา ยถาจินฺติตํ ปฎิปชฺชิฯ เตน วุตฺตํ –

    Evaṃ mahāsatto itikattabbatāsammūḷho hutvā ṭhito puna cintesi – ‘‘imasmiṃ loke sīlaguṇo nāma atthi, saccaguṇo nāma atthi, atīte pāramiyo pūretvā bodhitale nisīditvā abhisambuddhā sīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanasampannā saccānudayakāruññakhantisamannāgatā sabbasattesu samappavattamettābhāvanā sabbaññubuddhā nāma atthi, tehi ca paṭividdho ekantaniyyānaguṇo dhammo atthi, mayi cāpi ekaṃ saccaṃ atthi. Saṃvijjamāno eko sabhāvadhammo paññāyati, tasmā atītabuddhe ceva tehi paṭividdhaguṇe ca āvajjetvā mayi vijjamānaṃ saccaṃ sabhāvadhammaṃ gahetvā saccakiriyaṃ katvā aggiṃ paṭikkamāpetvā ajja mayā attano ceva idha vāsīnaṃ sesapāṇīnañca sotthibhāvaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti. Evaṃ pana cintetvā mahāsatto attano ānubhāve ṭhatvā yathācintitaṃ paṭipajji. Tena vuttaṃ –

    ๗๙.

    79.

    ‘‘อตฺถิ โลเก สีลคุโณ, สจฺจํ โสเจยฺยนุทฺทยา;

    ‘‘Atthi loke sīlaguṇo, saccaṃ soceyyanuddayā;

    เตน สเจฺจน กาหามิ, สจฺจกิริยมุตฺตมํฯ

    Tena saccena kāhāmi, saccakiriyamuttamaṃ.

    ๘๐.

    80.

    ‘‘อาวเชฺชตฺวา ธมฺมพลํ, สริตฺวา ปุพฺพเก ชิเน;

    ‘‘Āvajjetvā dhammabalaṃ, saritvā pubbake jine;

    สจฺจพลมวสฺสาย, สจฺจกิริยมกาสห’’นฺติฯ

    Saccabalamavassāya, saccakiriyamakāsaha’’nti.

    ๘๑. ตตฺถ มหาสโตฺต อตีเต ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ คุเณ อาวเชฺชตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานํ สจฺจสภาวํ อารพฺภ ยํ คาถํ วตฺวา ตทา สจฺจกิริยมกาสิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สนฺติ ปกฺขา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    81. Tattha mahāsatto atīte parinibbutānaṃ buddhānaṃ guṇe āvajjetvā attani vijjamānaṃ saccasabhāvaṃ ārabbha yaṃ gāthaṃ vatvā tadā saccakiriyamakāsi, taṃ dassetuṃ ‘‘santi pakkhā’’tiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ สนฺติ ปกฺขา อปตนาติ มยฺหํ ปกฺขา นาม อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ, โน จ โข สกฺกา เอเตหิ อุปฺปติตุํ อากาเสน คนฺตุนฺติ อปตนาฯ สนฺติ ปาทา อวญฺจนาติ ปาทาปิ เม อตฺถิ, เตหิ ปน วญฺจิตุํ ปทวารคมเนน คนฺตุํ น สกฺกาติ อวญฺจนาฯ มาตาปิตา จ นิกฺขนฺตาติ เย มํ อญฺญตฺถ เนยฺยุํ, เตปิ มรณภเยน มม มาตาปิตโร นิกฺขนฺตาฯ ชาตเวทาติ อคฺคิํ อาลปติฯ โส หิ ชาโตว เวทิยติ, ธูมชาลุฎฺฐาเนน ปญฺญายติ, ตสฺมา ‘‘ชาตเวโท’’ติ วุจฺจติฯ ปฎิกฺกมาติ ปฎิคจฺฉ นิวตฺตาติ ชาตเวทํ อาณาเปติฯ

    Tattha santi pakkhā apatanāti mayhaṃ pakkhā nāma atthi upalabbhanti, no ca kho sakkā etehi uppatituṃ ākāsena gantunti apatanā. Santi pādā avañcanāti pādāpi me atthi, tehi pana vañcituṃ padavāragamanena gantuṃ na sakkāti avañcanā. Mātāpitā ca nikkhantāti ye maṃ aññattha neyyuṃ, tepi maraṇabhayena mama mātāpitaro nikkhantā. Jātavedāti aggiṃ ālapati. So hi jātova vediyati, dhūmajāluṭṭhānena paññāyati, tasmā ‘‘jātavedo’’ti vuccati. Paṭikkamāti paṭigaccha nivattāti jātavedaṃ āṇāpeti.

    อิติ มหาสโตฺต ‘‘สเจ มยฺหํ ปกฺขานํ อตฺถิภาโว, เต จ ปสาเรตฺวา อากาเส อปตนภาโว, ปาทานํ อตฺถิภาโว, เต จ อุกฺขิปิตฺวา อวญฺจนภาโว, มาตาปิตูนํ มํ กุลาวเกเยว ฉเฑฺฑตฺวา ปลาตภาโว จ สจฺจสภาวภูโต เอว, ชาตเวท, เอเตน สเจฺจน ตฺวํ อิโต ปฎิกฺกมา’’ติ กุลาวเก นิปโนฺนว สจฺจกิริยํ อกาสิฯ ตสฺส สห สจฺจกิริยาย โสฬสกรีสมเตฺต ฐาเน ชาตเวโท ปฎิกฺกมิฯ ปฎิกฺกมโนฺต จ น ฌายมาโนว อรญฺญํ คโต, อุทเก ปน โอปิลาปิตอุกฺกา วิย ตเตฺถว นิพฺพายิฯ เตน วุตฺตํ –

    Iti mahāsatto ‘‘sace mayhaṃ pakkhānaṃ atthibhāvo, te ca pasāretvā ākāse apatanabhāvo, pādānaṃ atthibhāvo, te ca ukkhipitvā avañcanabhāvo, mātāpitūnaṃ maṃ kulāvakeyeva chaḍḍetvā palātabhāvo ca saccasabhāvabhūto eva, jātaveda, etena saccena tvaṃ ito paṭikkamā’’ti kulāvake nipannova saccakiriyaṃ akāsi. Tassa saha saccakiriyāya soḷasakarīsamatte ṭhāne jātavedo paṭikkami. Paṭikkamanto ca na jhāyamānova araññaṃ gato, udake pana opilāpitaukkā viya tattheva nibbāyi. Tena vuttaṃ –

    ๘๒.

    82.

    ‘‘สห สเจฺจ กเต มยฺหํ, มหาปชฺชลิโต สิขี;

    ‘‘Saha sacce kate mayhaṃ, mahāpajjalito sikhī;

    วเชฺชสิ โสฬสกรีสานิ, อุทกํ ปตฺวา ยถา สิขี’’ติฯ

    Vajjesi soḷasakarīsāni, udakaṃ patvā yathā sikhī’’ti.

    สา ปเนสา โพธิสตฺตสฺส วฎฺฎกโยนิยํ ตสฺมิํ สมเย พุทฺธคุณานํ อาวชฺชนปุพฺพิกา สจฺจกิริยา อนญฺญสาธารณาติ อาห ‘‘สเจฺจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติฯ เตเนว หิ ตสฺส ฐานสฺส สกเลปิ อิมสฺมิํ กเปฺป อคฺคินา อนภิภวนียตฺตา ตํ กปฺปฎฺฐิยปาฎิหาริยํ นาม ชาตํฯ

    Sā panesā bodhisattassa vaṭṭakayoniyaṃ tasmiṃ samaye buddhaguṇānaṃ āvajjanapubbikā saccakiriyā anaññasādhāraṇāti āha ‘‘saccena me samo natthi, esā me saccapāramī’’ti. Teneva hi tassa ṭhānassa sakalepi imasmiṃ kappe agginā anabhibhavanīyattā taṃ kappaṭṭhiyapāṭihāriyaṃ nāma jātaṃ.

    เอวํ มหาสโตฺต สจฺจกิริยวเสน อตฺตโน ตตฺถ วาสีนํ สตฺตานญฺจ โสตฺถิํ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโตฯ

    Evaṃ mahāsatto saccakiriyavasena attano tattha vāsīnaṃ sattānañca sotthiṃ katvā jīvitapariyosāne yathākammaṃ gato.

    ตทา มาตาปิตโร เอตรหิ มาตาปิตโร อเหสุํ, วฎฺฎกราชา ปน โลกนาโถฯ

    Tadā mātāpitaro etarahi mātāpitaro ahesuṃ, vaṭṭakarājā pana lokanātho.

    ตสฺส เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพาฯ ตถา ทาวคฺคิมฺหิ ตถา เภรวากาเรน อวตฺถริตฺวา อาคจฺฉเนฺต ตสฺมิํ วเย เอกโก หุตฺวาปิ สารทํ อนาปชฺชิตฺวา สจฺจาทิธมฺมคุเณ พุทฺธคุเณ จ อนุสฺสริตฺวา อตฺตโน เอว อานุภาวํ นิสฺสาย สจฺจกิริยาย ตตฺถ วาสีนมฺปิ สตฺตานํ โสตฺถิภาวาปาทนาทโย อานุภาวา วิภาเวตพฺพาฯ

    Tassa heṭṭhā vuttanayeneva sesapāramiyopi yathārahaṃ niddhāretabbā. Tathā dāvaggimhi tathā bheravākārena avattharitvā āgacchante tasmiṃ vaye ekako hutvāpi sāradaṃ anāpajjitvā saccādidhammaguṇe buddhaguṇe ca anussaritvā attano eva ānubhāvaṃ nissāya saccakiriyāya tattha vāsīnampi sattānaṃ sotthibhāvāpādanādayo ānubhāvā vibhāvetabbā.

    วฎฺฎโปตกจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vaṭṭapotakacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๙. วฎฺฎโปตกจริยา • 9. Vaṭṭapotakacariyā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact