Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๗
The Middle-Length Suttas Collection 7
วตฺถสุตฺต
The Simile of the Cloth
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “ภิกฺขโว”ติฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery. There the Buddha addressed the bhikkhus, “Bhikkhus!”
“ภทนฺเต”ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ:
“Venerable sir,” they replied. The Buddha said this:
“เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ สงฺกิลิฏฺฐํ มลคฺคหิตํ; ตเมนํ รชโก ยสฺมึ ยสฺมึ รงฺคชาเต อุปสํหเรยฺย—ยทิ นีลกาย ยทิ ปีตกาย ยทิ โลหิตกาย ยทิ มญฺชิฏฺฐกาย ทุรตฺตวณฺณเมวสฺส อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺสฯ
“Suppose, bhikkhus, there was a cloth that was dirty and soiled. No matter what dye the dyer applied—whether blue or yellow or red or magenta—it would look poorly dyed and impure in color. Why is that? Because of the impurity of the cloth.
เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ, ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขาฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ ปริสุทฺธํ ปริโยทาตํ; ตเมนํ รชโก ยสฺมึ ยสฺมึ รงฺคชาเต อุปสํหเรยฺย—ยทิ นีลกาย ยทิ ปีตกาย ยทิ โลหิตกาย ยทิ มญฺชิฏฺฐกาย—สุรตฺตวณฺณเมวสฺส ปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺสฯ
In the same way, when the mind is corrupt, a bad destiny is to be expected. Suppose there was a cloth that was pure and clean. No matter what dye the dyer applied—whether blue or yellow or red or magenta—it would look well dyed and pure in color. Why is that? Because of the purity of the cloth.
เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ, สุคติ ปาฏิกงฺขาฯ
In the same way, when the mind isn’t corrupt, a good destiny is to be expected.
กตเม จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา? อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, สาเฐยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโสฯ
And what are the corruptions of the mind? Covetousness and immoral greed, ill will, anger, hostility, disdain, contempt, jealousy, stinginess, deceit, deviousness, obstinacy, aggression, conceit, arrogance, vanity, and negligence are corruptions of the mind.
ส โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อภิชฺฌาวิสมโลภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา พฺยาปาทํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา โกธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อุปนาหํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มกฺขํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ปฬาสํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อิสฺสํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มายํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘สาเฐยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา สาเฐยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ถมฺภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา สารมฺภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อติมานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มทํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ปมาทํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติฯ
A bhikkhu who understands that covetousness and immoral greed are corruptions of the mind gives them up. A bhikkhu who understands that ill will … negligence is a corruption of the mind gives it up.
ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ, ‘พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘สาเฐยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา สาเฐยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติฯ โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติ;
When they have understood these corruptions of the mind for what they are, and have given them up, they have experiential confidence in the Buddha: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’
ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ: ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหี'ติ;
They have experiential confidence in the teaching: ‘The teaching is well explained by the Buddha—apparent in the present life, immediately effective, inviting inspection, relevant, so that sensible people can know it for themselves.’
สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ: ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ญายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ, อฏฺฐ ปุริสปุคฺคลาฯ เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย, อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสา'ติฯ
They have experiential confidence in the Saṅgha: ‘The Saṅgha of the Buddha’s disciples is practicing the way that’s good, direct, systematic, and proper. It consists of the four pairs, the eight individuals. This is the Saṅgha of the Buddha’s disciples that is worthy of offerings dedicated to the gods, worthy of hospitality, worthy of a religious donation, worthy of greeting with joined palms, and is the supreme field of merit for the world.’
ยโถธิ โข ปนสฺส จตฺตํ โหติ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺฐํ, โส ‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี'ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ; ‘ธมฺเม …เป… สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี'ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ; ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ ‘ยโถธิ โข ปน เม จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺฐนฺ'ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ; ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ
When a bhikkhu has discarded, eliminated, released, given up, and relinquished to this extent, thinking, ‘I have experiential confidence in the Buddha … the teaching … the Saṅgha,’ they find inspiration in the meaning and the teaching, and find joy connected with the teaching. Thinking: ‘I have discarded, eliminated, released, given up, and relinquished to this extent,’ they find inspiration in the meaning and the teaching, and find joy connected with the teaching. When they’re joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when they’re blissful, the mind becomes immersed in samādhi.
ส โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํสีโล เอวํธมฺโม เอวํปญฺโญ สาลีนญฺเจปิ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชติ วิจิตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยญฺชนํ, เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ สงฺกิลิฏฺฐํ มลคฺคหิตํ อจฺโฉทกํ อาคมฺม ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ, อุกฺกามุขํ วา ปนาคมฺม ชาตรูปํ ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํสีโล เอวํธมฺโม เอวํปญฺโญ สาลีนญฺเจปิ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชติ วิจิตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยญฺชนํ, เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายฯ
When a bhikkhu of such ethics, such qualities, and such wisdom eats boiled fine rice with the dark grains picked out and served with many soups and sauces, that is no obstacle for them. Compare with cloth that is dirty and soiled; it can be made pure and clean by pure water. Or unrefined gold, which can be made pure and bright by a forge. In the same way, when a bhikkhu of such ethics, such qualities, and such wisdom eats boiled fine rice with the dark grains picked out and served with many soups and sauces, that is no obstacle for them.
โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ; กรุณาสหคเตน เจตสา …เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา …เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ
They meditate spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. They meditate spreading a heart full of compassion to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of compassion to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. They meditate spreading a heart full of rejoicing to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of rejoicing to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will. They meditate spreading a heart full of equanimity to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of equanimity to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.
โส ‘อตฺถิ อิทํ, อตฺถิ หีนํ, อตฺถิ ปณีตํ, อตฺถิ อิมสฺส สญฺญาคตสฺส อุตฺตริ นิสฺสรณนฺ'ติ ปชานาติฯ
They understand: ‘There is this, there is what is worse than this, there is what is better than this, and there is an escape beyond the scope of perception.’
ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติฯ
Knowing and seeing like this, their mind is freed from the defilements of sensuality, desire to be reborn, and ignorance. When they’re freed, they know they’re freed.
‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา'ติ ปชานาติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว: ‘ภิกฺขุ สินาโต อนฺตเรน สินาเนนา'”ติฯ
They understand: ‘Rebirth is ended, the spiritual journey has been completed, what had to be done has been done, there is no return to any state of existence.’ This is called a bhikkhu who is bathed with the inner bathing.”
เตน โข ปน สมเยน สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติฯ อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทึ สินายิตุนฺ”ติ?
Now at that time the brahmin Sundarikabhāradvāja was sitting not far from the Buddha. He said to the Buddha, “But does Master Gotama go to the river Bāhuka to bathe?”
“กึ, พฺราหฺมณ, พาหุกาย นทิยา? กึ พาหุกา นที กริสฺสตี”ติ?
“Brahmin, why go to the river Bāhuka? What can the river Bāhuka do?”
“โลกฺขสมฺมตา หิ, โภ โคตม, พาหุกา นที พหุชนสฺส, ปุญฺญสมฺมตา หิ, โภ โคตม, พาหุกา นที พหุชนสฺส, พาหุกาย ปน นทิยา พหุชโน ปาปกมฺมํ กตํ ปวาเหตี”ติฯ
“Many people deem that the river Bāhukā leads to a heavenly world and bestows merit. And many people wash off their bad deeds in the river Bāhukā.”
อถ โข ภควา สุนฺทริกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ:
Then the Buddha addressed Sundarikabhāradvāja in verse:
“พาหุกํ อธิกกฺกญฺจ, คยํ สุนฺทริกํ มปิ; สรสฺสตึ ปยาคญฺจ, อโถ พาหุมตึ นทึ; นิจฺจมฺปิ พาโล ปกฺขนฺโท, กณฺหกมฺโม น สุชฺฌติฯ
“The Bāhukā and the Adhikakkā, at Gayā and the Sundarikā too, Sarasvatī and Payāga, and the river Bāhumatī: a fool can constantly plunge into them but it won’t purify their dark deeds.
กึ สุนฺทริกา กริสฺสติ, กึ ปยาคา กึ พาหุกา นที; เวรึ กตกิพฺพิสํ นรํ, น หิ นํ โสธเย ปาปกมฺมินํฯ
What can the Sundarikā do? What the Payāga or the Bāhukā? They can’t cleanse a cruel and criminal person from their bad deeds.
สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา; สุทฺธสฺส สุจิกมฺมสฺส, สทา สมฺปชฺชเต วตํ; อิเธว สินาหิ พฺราหฺมณ, สพฺพภูเตสุ กโรหิ เขมตํฯ
For the pure in heart it’s always the spring festival or the Uposatha day. For the pure in heart and clean of deed, their vows will always be fulfilled. It’s here alone that you should bathe, brahmin, making yourself a sanctuary for all creatures.
สเจ มุสา น ภณสิ, สเจ ปาณํ น หึสสิ; สเจ อทินฺนํ นาทิยสิ, สทฺทหาโน อมจฺฉรี; กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา, อุทปาโนปิ เต คยา”ติฯ
And if you speak no lies, nor harm any living creature, nor steal anything not given, and you’re faithful and not stingy: what’s the point of going to Gayā? For any well may be your Gayā!”
เอวํ วุตฺเต, สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย—จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทนฺ”ติฯ
When he had spoken, the brahmin Sundarikabhāradvāja said to the Buddha, “Excellent, Master Gotama! Excellent! As if he were righting the overturned, or revealing the hidden, or pointing out the path to the lost, or lighting a lamp in the dark so people with clear eyes can see what’s there, Master Gotama has made the teaching clear in many ways. I go for refuge to Master Gotama, to the teaching, and to the bhikkhu Saṅgha. May I receive the going forth, the ordination in the ascetic Gotama’s presence?”
อลตฺถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโฐ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรเสฺสว—ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ—พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ
And the brahmin Sundarikabhāradvāja received the going forth, the ordination in the Buddha’s presence. Not long after his ordination, Venerable Bhāradvāja, living alone, withdrawn, diligent, keen, and resolute, soon realized the supreme end of the spiritual path in this very life. He lived having achieved with his own insight the goal for which gentlemen rightly go forth from the lay life to homelessness.
“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติฯ
He understood: “Rebirth is ended; the spiritual journey has been completed; what had to be done has been done; there is no return to any state of existence.” And Venerable Bhāradvāja became one of the perfected.
วตฺถสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ สตฺตมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]