Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา

    7. Vatthasuttavaṇṇanā

    ๗๐. เอวํ เม สุตนฺติ วตฺถสุตฺตํฯ ตตฺถ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถนฺติ อุปมาวจนเมเวตํฯ อุปมํ กโรโนฺต จ ภควา กตฺถจิ ปฐมํเยว อุปมํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทเสฺสติ, กตฺถจิ ปฐมมตฺถํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสติ, กตฺถจิ อเตฺถน อุปมํฯ

    70.Evaṃme sutanti vatthasuttaṃ. Tattha seyyathāpi, bhikkhave, vatthanti upamāvacanamevetaṃ. Upamaṃ karonto ca bhagavā katthaci paṭhamaṃyeva upamaṃ dassetvā pacchā atthaṃ dasseti, katthaci paṭhamamatthaṃ dassetvā pacchā upamaṃ, katthaci upamāya atthaṃ parivāretvā dasseti, katthaci atthena upamaṃ.

    ตถา เหส – ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว, เทฺว อคารา สทฺวารา, ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มเชฺฌ ฐิโต ปเสฺสยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๖๑) สกลมฺปิ เทวทูตสุตฺตํ อุปมํ ปฐมํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ ‘‘ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฎิ. ม. ๑.๑๐๒) ปน นเยน สกลมฺปิ อิทฺธิวิธมตฺถํ ปฐมํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ ‘‘เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี’’ติอาทินาว (ม. นิ. ๑.๓๑๘) นเยน สกลมฺปิ จูฬสาโรปมสุตฺตํ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต อาหฯ ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกเจฺจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป.… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๘) นเยน สกลมฺปิ อลคทฺทสุตฺตํ มหาสาโรปมสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ สุตฺตานิ อเตฺถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต อาหฯ

    Tathā hesa – ‘‘seyyathāpissu, bhikkhave, dve agārā sadvārā, tattha cakkhumā puriso majjhe ṭhito passeyyā’’ti (ma. ni. 3.261) sakalampi devadūtasuttaṃ upamaṃ paṭhamaṃ dassetvā pacchā atthaṃ dassento āha. ‘‘Tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamāno gacchati, seyyathāpi ākāse’’tiādinā (dī. ni. 1.238; paṭi. ma. 1.102) pana nayena sakalampi iddhividhamatthaṃ paṭhamaṃ dassetvā pacchā upamaṃ dassento āha. ‘‘Seyyathāpi brāhmaṇapuriso sāratthiko sāragavesī’’tiādināva (ma. ni. 1.318) nayena sakalampi cūḷasāropamasuttaṃ upamāya atthaṃ parivāretvā dassento āha. ‘‘Idha pana, bhikkhave, ekacce kulaputtā dhammaṃ pariyāpuṇanti suttaṃ…pe… seyyathāpi, bhikkhave, puriso alagaddatthiko’’tiādinā (ma. ni. 1.238) nayena sakalampi alagaddasuttaṃ mahāsāropamasuttanti evamādīni suttāni atthena upamaṃ parivāretvā dassento āha.

    สฺวายํ อิธ ปฐมํ อุปมํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทเสฺสติฯ กสฺมา ปเนวํ ภควา ทเสฺสตีติ? ปุคฺคลชฺฌาสเยน วา เทสนาวิลาเสน วาฯ เย หิ ปุคฺคลา ปฐมํ อุปมํ ทเสฺสตฺวา วุจฺจมานมตฺถํ สุเขน ปฎิวิชฺฌนฺติ, เตสํ ปฐมํ อุปมํ ทเสฺสติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ยสฺสา จ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา เทสนาวิลาสํ ปโตฺต โหติ, ตสฺสา สุปฺปฎิวิทฺธาฯ ตสฺมา เอส เทสนาวิลาสมฺปโตฺต ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา, โส ยถา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ตถา ธมฺมํ เทเสตีติ เอวํ อิมินา ปุคฺคลชฺฌาสเยน วา เทสนาวิลาเสน วา เอวํ ทเสฺสตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Svāyaṃ idha paṭhamaṃ upamaṃ dassetvā pacchā atthaṃ dasseti. Kasmā panevaṃ bhagavā dassetīti? Puggalajjhāsayena vā desanāvilāsena vā. Ye hi puggalā paṭhamaṃ upamaṃ dassetvā vuccamānamatthaṃ sukhena paṭivijjhanti, tesaṃ paṭhamaṃ upamaṃ dasseti. Esa nayo sabbattha. Yassā ca dhammadhātuyā suppaṭividdhattā desanāvilāsaṃ patto hoti, tassā suppaṭividdhā. Tasmā esa desanāvilāsampatto dhammissaro dhammarājā, so yathā yathā icchati, tathā tathā dhammaṃ desetīti evaṃ iminā puggalajjhāsayena vā desanāvilāsena vā evaṃ dassetīti veditabbo.

    ตตฺถ วตฺถนฺติ ปกติปริสุทฺธํ วตฺถํฯ สํกิลิฎฺฐํ มลคฺคหิตนฺติ อาคนฺตุเกน ปํสุรชาทินา สํกิเลเสน สํกิลิฎฺฐํ, เสทชลฺลิกาทินา มเลน คหิตตฺตา มลคฺคหิตํฯ รงฺคชาเตติ เอตฺถ รงฺคเมว รงฺคชาตํฯ อุปสํหเรยฺยาติ อุปนาเมยฺยฯ ยทิ นีลกายาติ นีลกาย วา, นีลกตฺถาย วาติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ รชโก หิ นีลกตฺถาย อุปสํหรโนฺต กํสนีลปลาสนีลาทิเก นีลรเงฺค อุปสํหรติฯ ปีตกตฺถาย อุปสํหรโนฺต กณิการปุปฺผสทิเส ปีตกรเงฺคฯ โลหิตกตฺถาย อุปสํหรโนฺต พนฺธุชีวกปุปฺผสทิเส โลหิตกรเงฺคฯ มญฺชิฎฺฐกตฺถาย อุปสํหรโนฺต กณวีรปุปฺผสทิเส มนฺทรตฺตรเงฺคฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยทิ นีลกาย…เป.… ยทิ มญฺชิฎฺฐกายา’’ติฯ

    Tattha vatthanti pakatiparisuddhaṃ vatthaṃ. Saṃkiliṭṭhaṃ malaggahitanti āgantukena paṃsurajādinā saṃkilesena saṃkiliṭṭhaṃ, sedajallikādinā malena gahitattā malaggahitaṃ. Raṅgajāteti ettha raṅgameva raṅgajātaṃ. Upasaṃhareyyāti upanāmeyya. Yadi nīlakāyāti nīlakāya vā, nīlakatthāya vāti vuttaṃ hoti. Evaṃ sabbattha. Rajako hi nīlakatthāya upasaṃharanto kaṃsanīlapalāsanīlādike nīlaraṅge upasaṃharati. Pītakatthāya upasaṃharanto kaṇikārapupphasadise pītakaraṅge. Lohitakatthāya upasaṃharanto bandhujīvakapupphasadise lohitakaraṅge. Mañjiṭṭhakatthāya upasaṃharanto kaṇavīrapupphasadise mandarattaraṅge. Tena vuttaṃ ‘‘yadi nīlakāya…pe… yadi mañjiṭṭhakāyā’’ti.

    ทุรตฺตวณฺณเมวสฺสาติ ทุฎฺฐุ รญฺชิตวณฺณเมว อสฺสฯ อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสาติ นีลวโณฺณปิสฺส ปริสุโทฺธ น ภเวยฺย, เสสวโณฺณปิฯ ตาทิสญฺหิ วตฺถํ นีลกุมฺภิยา ปกฺขิตฺตมฺปิ สุนีลํ น โหติ, เสสกุมฺภีสุ ปกฺขิตฺตมฺปิ ปีตกาทิวณฺณํ น โหติ, มิลาตนีล กุรณฺฑ-กณิการ-พนฺธุชีวก-กณวีรปุปฺผวณฺณเมว โหติฯ ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ วตฺถํ กิสฺส เหตุ กิํ การณา อีทิสํ โหติ, ตสฺมิํ วา วเตฺถ รงฺคชาตํ กิสฺส เหตุ อีทิสํ ทุรตฺตวณฺณํ อปริสุทฺธวณฺณํ โหตีติ? ยสฺมา ปนสฺส วตฺถสฺส สํกิลิฎฺฐภาโวเยเวตฺถ การณํ, น อญฺญํ กิญฺจิ, ตสฺมา ‘‘อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺสา’’ติ อาหฯ

    Durattavaṇṇamevassāti duṭṭhu rañjitavaṇṇameva assa. Aparisuddhavaṇṇamevassāti nīlavaṇṇopissa parisuddho na bhaveyya, sesavaṇṇopi. Tādisañhi vatthaṃ nīlakumbhiyā pakkhittampi sunīlaṃ na hoti, sesakumbhīsu pakkhittampi pītakādivaṇṇaṃ na hoti, milātanīla kuraṇḍa-kaṇikāra-bandhujīvaka-kaṇavīrapupphavaṇṇameva hoti. Taṃ kissa hetūti taṃ vatthaṃ kissa hetu kiṃ kāraṇā īdisaṃ hoti, tasmiṃ vā vatthe raṅgajātaṃ kissa hetu īdisaṃ durattavaṇṇaṃ aparisuddhavaṇṇaṃ hotīti? Yasmā panassa vatthassa saṃkiliṭṭhabhāvoyevettha kāraṇaṃ, na aññaṃ kiñci, tasmā ‘‘aparisuddhattā, bhikkhave, vatthassā’’ti āha.

    เอวเมว โขติ อุปมาสมฺปฎิปาทนํฯ จิเตฺต สํกิลิเฎฺฐติ จิตฺตมฺหิ สํกิลิฎฺฐมฺหิฯ กสฺมา ปน ภควา สํกิลิฎฺฐวเตฺถน โอปมฺมํ อกาสีติ เจ, วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถํฯ ยถา หิ อาคนฺตุเกหิ มเลหิ สํกิลิฎฺฐํ วตฺถํ ปกติยา ปณฺฑรตฺตา ปุน โธวียมานํ ปณฺฑรํ โหติ, น ตตฺถ ชาติกาฬเก วิย เอฬกโลเม วายาโม นิปฺผโล โหติ, เอวํ จิตฺตมฺปิ อาคนฺตุเกหิ กิเลเสหิ สํกิลิฎฺฐํฯ ปกติยา ปน ตํ สกเลปิ ปฎิสนฺธิภวงฺควาเร ปณฺฑรเมวฯ ยถาห – ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฎฺฐ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๕๑)ฯ ตํ วิโสธียมานํ สกฺกา ปภสฺสรตรํ กาตุํ, น ตตฺถ วายาโม นิปฺผโลติ เอวํ วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถํ สํกิลิฎฺฐวเตฺถน โอปมฺมํ อกาสีติ เวทิตโพฺพฯ

    Evameva khoti upamāsampaṭipādanaṃ. Citte saṃkiliṭṭheti cittamhi saṃkiliṭṭhamhi. Kasmā pana bhagavā saṃkiliṭṭhavatthena opammaṃ akāsīti ce, vāyāmamahapphaladassanatthaṃ. Yathā hi āgantukehi malehi saṃkiliṭṭhaṃ vatthaṃ pakatiyā paṇḍarattā puna dhovīyamānaṃ paṇḍaraṃ hoti, na tattha jātikāḷake viya eḷakalome vāyāmo nipphalo hoti, evaṃ cittampi āgantukehi kilesehi saṃkiliṭṭhaṃ. Pakatiyā pana taṃ sakalepi paṭisandhibhavaṅgavāre paṇḍarameva. Yathāha – ‘‘pabhassaramidaṃ, bhikkhave, cittaṃ, tañca kho āgantukehi upakkilesehi upakkiliṭṭha’’nti (a. ni. 1.51). Taṃ visodhīyamānaṃ sakkā pabhassarataraṃ kātuṃ, na tattha vāyāmo nipphaloti evaṃ vāyāmamahapphaladassanatthaṃ saṃkiliṭṭhavatthena opammaṃ akāsīti veditabbo.

    ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขาติ อีทิเส จิเตฺต ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขิตพฺพา, ทุคฺคติํ เอว เอส ปาปุณิสฺสติ , นาญฺญนฺติ เอวํ ทุคฺคติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํ ภาวีติ วุตฺตํ โหติฯ สา จายํ ทุคฺคติ นาม ปฎิปตฺติทุคฺคติ, คติทุคฺคตีติ ทุวิธา โหติฯ ปฎิปตฺติทุคฺคติปิ อคาริยปฎิปตฺติทุคฺคติ, อนคาริยปฎิปตฺติทุคฺคตีติ ทุวิธา โหติฯ

    Duggati pāṭikaṅkhāti īdise citte duggati pāṭikaṅkhitabbā, duggatiṃ eva esa pāpuṇissati , nāññanti evaṃ duggati icchitabbā, avassaṃ bhāvīti vuttaṃ hoti. Sā cāyaṃ duggati nāma paṭipattiduggati, gatiduggatīti duvidhā hoti. Paṭipattiduggatipi agāriyapaṭipattiduggati, anagāriyapaṭipattiduggatīti duvidhā hoti.

    อคาริโย หิ สํกิลิฎฺฐจิโตฺต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, สกเลปิ ทส อกุสลกมฺมปเถ ปูเรติ, อยมสฺส อคาริยปฎิปตฺติทุคฺคติฯ โส ตตฺถ ฐิโต กายสฺส เภทา นิรยมฺปิ คจฺฉติ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ, เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ, อยมสฺส คติทุคฺคติ

    Agāriyo hi saṃkiliṭṭhacitto pāṇampi hanati, adinnampi ādiyati, sakalepi dasa akusalakammapathe pūreti, ayamassa agāriyapaṭipattiduggati. So tattha ṭhito kāyassa bhedā nirayampi gacchati, tiracchānayonimpi, pettivisayampi gacchati, ayamassa gatiduggati.

    อนคาริโยปิ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิโต สํกิลิฎฺฐจิโตฺต ทูเตยฺยปหิณคมนํ คจฺฉติ, เวชฺชกมฺมํ กโรติ, สงฺฆเภทาย เจติยเภทาย ปรกฺกมติ, เวฬุทานาทีหิ ชีวิกํ กเปฺปติ, สกลมฺปิ อนาจารํ อโคจรญฺจ ปริปูเรติ, อยมสฺส อนคาริยปฎิปตฺติทุคฺคติฯโส ตตฺถ ฐิโต กายสฺส เภทา นิรยมฺปิ คจฺฉติ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ, เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ สมณยโกฺข นาม โหติ สมณเปโต, อาทิเตฺตหิ สงฺฆาฎิอาทีหิ สมฺปชฺชลิตกาโย อฎฺฎสฺสรํ กโรโนฺต วิจรติ, อยมสฺส คติทุคฺคติ

    Anagāriyopi imasmiṃ sāsane pabbajito saṃkiliṭṭhacitto dūteyyapahiṇagamanaṃ gacchati, vejjakammaṃ karoti, saṅghabhedāya cetiyabhedāya parakkamati, veḷudānādīhi jīvikaṃ kappeti, sakalampi anācāraṃ agocarañca paripūreti, ayamassa anagāriyapaṭipattiduggati.So tattha ṭhito kāyassa bhedā nirayampi gacchati, tiracchānayonimpi, pettivisayampi gacchati samaṇayakkho nāma hoti samaṇapeto, ādittehi saṅghāṭiādīhi sampajjalitakāyo aṭṭassaraṃ karonto vicarati, ayamassa gatiduggati.

    เสยฺยถาปีติ สุกฺกปกฺขํ ทเสฺสตุมารโทฺธ, ตสฺสโตฺถ กณฺหปเกฺข วุตฺตปจฺจนีเกเนว เวทิตโพฺพฯ เอตฺถาปิ จ สุคติ นาม ปฎิปตฺติสุคติ คติสุคตีติ ทุวิธา โหติฯ ปฎิปตฺติสุคติปิ อคาริยปฎิปตฺติสุคติ อนคาริยปฎิปตฺติสุคตีติ ทุวิธา โหติฯ อคาริโย หิ ปริสุทฺธจิโตฺต ปาณาติปาตาปิ วิรมติ, อทินฺนาทานาปิ, สกเลปิ ทส กุสลกมฺมปเถ ปริปูเรติ, อยมสฺส อคาริยปฎิปตฺติสุคติฯ โส ตตฺถ ฐิโต กายสฺส เภทา มนุสฺสมหนฺตตมฺปิ เทวมหนฺตตมฺปิ อุปปชฺชติ, อยมสฺส คติสุคติ

    Seyyathāpīti sukkapakkhaṃ dassetumāraddho, tassattho kaṇhapakkhe vuttapaccanīkeneva veditabbo. Etthāpi ca sugati nāma paṭipattisugati gatisugatīti duvidhā hoti. Paṭipattisugatipi agāriyapaṭipattisugati anagāriyapaṭipattisugatīti duvidhā hoti. Agāriyo hi parisuddhacitto pāṇātipātāpi viramati, adinnādānāpi, sakalepi dasa kusalakammapathe paripūreti, ayamassa agāriyapaṭipattisugati. So tattha ṭhito kāyassa bhedā manussamahantatampi devamahantatampi upapajjati, ayamassa gatisugati.

    อนคาริโยปิ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปริสุทฺธจิโตฺต จตุปาริสุทฺธิสีลํ โสเธติ, เตรส ธุตงฺคานิ สมาทิยติ, อฎฺฐติํสารมฺมเณสุ อตฺตโน อนุกูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ปนฺตเสนาสเน ปฎิเสวมาโน กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตติ, โสตาปตฺติมคฺคํ ภาเวติ…เป.… อนาคามิมคฺคํ ภาเวติ, อยมสฺส อนคาริยปฎิปตฺติสุคติฯ โส ตตฺถ ฐิโต กายสฺส เภทา มนุสฺสโลเก วา ตีสุ มหากุเลสุ, ฉสุ วา กามาวจรเทเวสุ, ทสสุ วา พฺรหฺมภวเนสุ , ปญฺจสุ วา สุทฺธาวาเสสุ, จตูสุ วา อารุเปฺปสุ อุปปชฺชติ, อยมสฺส คติสุคตีติฯ

    Anagāriyopi imasmiṃ sāsane pabbajitvā parisuddhacitto catupārisuddhisīlaṃ sodheti, terasa dhutaṅgāni samādiyati, aṭṭhatiṃsārammaṇesu attano anukūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā pantasenāsane paṭisevamāno kasiṇaparikammaṃ katvā jhānasamāpattiyo nibbatteti, sotāpattimaggaṃ bhāveti…pe… anāgāmimaggaṃ bhāveti, ayamassa anagāriyapaṭipattisugati. So tattha ṭhito kāyassa bhedā manussaloke vā tīsu mahākulesu, chasu vā kāmāvacaradevesu, dasasu vā brahmabhavanesu , pañcasu vā suddhāvāsesu, catūsu vā āruppesu upapajjati, ayamassa gatisugatīti.

    ๗๑. เอวํ สํกิลิเฎฺฐ จิเตฺต ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา, อสํกิลิเฎฺฐ จ สุคตีติ วตฺวา อิทานิ เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตํ สํกิลิฎฺฐํ โหติ, เต ทเสฺสโนฺต กตเม จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา ? อภิชฺฌา วิสมโลโภติอาทิมาหฯ

    71. Evaṃ saṃkiliṭṭhe citte duggati pāṭikaṅkhā, asaṃkiliṭṭhe ca sugatīti vatvā idāni yehi upakkilesehi cittaṃ saṃkiliṭṭhaṃ hoti, te dassento katame ca, bhikkhave, cittassa upakkilesā? Abhijjhā visamalobhotiādimāha.

    ตตฺถ สกภเณฺฑ ฉนฺทราโค อภิชฺฌา, ปรภเณฺฑ วิสมโลโภฯ อถ วา สกภเณฺฑ วา ปรภเณฺฑ วา โหตุ, ยุตฺตปตฺตฎฺฐาเน ฉนฺทราโค อภิชฺฌา, อยุตฺตาปตฺตฎฺฐาเน วิสมโลโภฯ เถโร ปนาห ‘‘กิสฺส วินิโพฺภคํ กโรถ, ยุเตฺต วา อยุเตฺต วา โหตุ, ‘ราโค วิสมํ โทโส วิสมํ โมโห วิสม’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วจนโต น โกจิ โลโภ อวิสโม นาม, ตสฺมา โลโภเยว อภิชฺฌายนเฎฺฐน อภิชฺฌา, วิสมเฎฺฐน วิสมํ, เอกตฺถเมตํ พฺยญฺชนเมว นาน’’นฺติฯ โส ปเนส อภิชฺฌาวิสมโลโภ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติฯ ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติฯ

    Tattha sakabhaṇḍe chandarāgo abhijjhā, parabhaṇḍe visamalobho. Atha vā sakabhaṇḍe vā parabhaṇḍe vā hotu, yuttapattaṭṭhāne chandarāgo abhijjhā, ayuttāpattaṭṭhāne visamalobho. Thero panāha ‘‘kissa vinibbhogaṃ karotha, yutte vā ayutte vā hotu, ‘rāgo visamaṃ doso visamaṃ moho visama’nti (vibha. 924) vacanato na koci lobho avisamo nāma, tasmā lobhoyeva abhijjhāyanaṭṭhena abhijjhā, visamaṭṭhena visamaṃ, ekatthametaṃ byañjanameva nāna’’nti. So panesa abhijjhāvisamalobho uppajjitvā cittaṃ dūseti, obhāsituṃ na deti. Tasmā ‘‘cittassa upakkileso’’ti vuccati.

    ยถา เจส, เอวํ นววิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว พฺยาปาโทฯ ทสวิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว โกโธฯ ปุนปฺปุนํ จิตฺตปริโยนนฺธโน อุปนาโหฯ อคาริยสฺส วา อนคาริยสฺส วา สุกตกรณวินาสโน มโกฺขฯ อคาริโยปิ หิ เกนจิ อนุกมฺปเกน ทลิโทฺท สมาโน อุเจฺจ ฐาเน ฐปิโต, อปเรน สมเยน ‘‘กิํ ตยา มยฺหํ กต’’นฺติ ตสฺส สุกตกรณํ วินาเสติฯ อนคาริโยปิ สามเณรกาลโต ปภุติ อาจริเยน วา อุปชฺฌาเยน วา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุเทฺทสปริปุจฺฉาหิ จ อนุคฺคเหตฺวา ธมฺมกถานยปกรณโกสลฺลาทีนิ สิกฺขาปิโต, อปเรน สมเยน ราชราชมหามตฺตาทีหิ สกฺกโต ครุกโต อาจริยุปชฺฌาเยสุ อจิตฺตีกโต จรมาโน ‘‘อยํ อเมฺหหิ ทหรกาเล เอวํ อนุคฺคหิโต สํวฑฺฒิโต จ, อถ ปนิทานิ นิสฺสิเนโห ชาโต’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘กิํ มยฺหํ ตุเมฺหหิ กต’’นฺติ เตสํ สุกตกรณํ วินาเสติ, ตสฺส โส สุกตกรณวินาสโน มโกฺข อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติฯ ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติฯ

    Yathā cesa, evaṃ navavidhaāghātavatthusambhavo byāpādo. Dasavidhaāghātavatthusambhavo kodho. Punappunaṃ cittapariyonandhano upanāho. Agāriyassa vā anagāriyassa vā sukatakaraṇavināsano makkho. Agāriyopi hi kenaci anukampakena daliddo samāno ucce ṭhāne ṭhapito, aparena samayena ‘‘kiṃ tayā mayhaṃ kata’’nti tassa sukatakaraṇaṃ vināseti. Anagāriyopi sāmaṇerakālato pabhuti ācariyena vā upajjhāyena vā catūhi paccayehi uddesaparipucchāhi ca anuggahetvā dhammakathānayapakaraṇakosallādīni sikkhāpito, aparena samayena rājarājamahāmattādīhi sakkato garukato ācariyupajjhāyesu acittīkato caramāno ‘‘ayaṃ amhehi daharakāle evaṃ anuggahito saṃvaḍḍhito ca, atha panidāni nissineho jāto’’ti vuccamāno ‘‘kiṃ mayhaṃ tumhehi kata’’nti tesaṃ sukatakaraṇaṃ vināseti, tassa so sukatakaraṇavināsano makkho uppajjitvā cittaṃ dūseti, obhāsituṃ na deti. Tasmā ‘‘cittassa upakkileso’’ti vuccati.

    ยถา จายํ, เอวํ พหุสฺสุเตปิ ปุคฺคเล อโชฺฌตฺถริตฺวา ‘‘อีทิสสฺส เจว พหุสฺสุตสฺส อนิยตา คติ, ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติอาทินา นเยน อุปฺปชฺชมาโน ยุคคฺคาหคาหี ปฬาโสฯ ปเรสํ สกฺการาทีนิ ขียนา อิสฺสาฯ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหมานํ มจฺฉริยํฯ วญฺจนิกจริยภูตา มายาฯ เกราฎิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเฐยฺยํฯ เกราฎิโก หิ อายตนมโจฺฉ วิย โหติฯ อายตนมโจฺฉ นาม กิร มจฺฉานํ นงฺคุฎฺฐํ ทเสฺสติ สปฺปานํ สีสํ , ‘‘ตุเมฺหหิ สทิโส อห’’นฺติ ชานาเปตุํฯ เอวเมว เกราฎิโก ปุคฺคโล ยํ ยํ สุตฺตนฺติกํ วา อาภิธมฺมิกํ วา อุปสงฺกมติ, ตํ ตํ เอวํ วทติ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ พทฺธจโร, ตุเมฺห มยฺหํ อนุกมฺปกา, นาหํ ตุเมฺห มุญฺจามี’’ติ ‘‘เอวเมเต ‘สคารโว อยํ อเมฺหสุ สปฺปติโสฺส’ติ มญฺญิสฺสนฺตี’’ติฯ ตเสฺสตํ เกราฎิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเฐยฺยํ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติฯ ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติฯ

    Yathā cāyaṃ, evaṃ bahussutepi puggale ajjhottharitvā ‘‘īdisassa ceva bahussutassa aniyatā gati, tava vā mama vā ko viseso’’tiādinā nayena uppajjamāno yugaggāhagāhī paḷāso. Paresaṃ sakkārādīni khīyanā issā. Attano sampattiyā parehi sādhāraṇabhāvaṃ asahamānaṃ macchariyaṃ. Vañcanikacariyabhūtā māyā. Kerāṭikabhāvena uppajjamānaṃ sāṭheyyaṃ. Kerāṭiko hi āyatanamaccho viya hoti. Āyatanamaccho nāma kira macchānaṃ naṅguṭṭhaṃ dasseti sappānaṃ sīsaṃ , ‘‘tumhehi sadiso aha’’nti jānāpetuṃ. Evameva kerāṭiko puggalo yaṃ yaṃ suttantikaṃ vā ābhidhammikaṃ vā upasaṅkamati, taṃ taṃ evaṃ vadati ‘‘ahaṃ tumhākaṃ baddhacaro, tumhe mayhaṃ anukampakā, nāhaṃ tumhe muñcāmī’’ti ‘‘evamete ‘sagāravo ayaṃ amhesu sappatisso’ti maññissantī’’ti. Tassetaṃ kerāṭikabhāvena uppajjamānaṃ sāṭheyyaṃ uppajjitvā cittaṃ dūseti, obhāsituṃ na deti. Tasmā ‘‘cittassa upakkileso’’ti vuccati.

    ยถา เจตํ, เอวํ วาตภริตภสฺตสทิสถทฺธภาวปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติการกรโณ ถโมฺภฯ ตทุตฺตริกรโณ สารโมฺภฯ โส ทุวิเธน ลพฺภติ อกุสลวเสน เจว กุสลวเสน จฯ ตตฺถ อคาริยสฺส ปเรน กตํ อลงฺการาทิํ ทิสฺวา ตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ยตฺตกํ ยตฺตกํ ปโร ปริยาปุณาติ วา กเถติ วา, มานวเสน ตทฺทิคุณตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน อกุสโลฯ อคาริยสฺส ปน ปรํ เอกํ สลากภตฺตํ เทนฺตํ ทิสฺวา อตฺตนา เทฺว วา ตีณิ วา ทาตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ปเรน เอกนิกาเย คหิเต มานํ อนิสฺสาย เกวลํ ตํ ทิสฺวา อตฺตนา อาลสิยํ อภิภุยฺย เทฺว นิกาเย คเหตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน กุสโลฯ อิธ ปน อกุสโล อธิเปฺปโตฯ อยญฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติฯ ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติฯ

    Yathā cetaṃ, evaṃ vātabharitabhastasadisathaddhabhāvapaggahitasiraanivātavuttikārakaraṇo thambho. Taduttarikaraṇo sārambho. So duvidhena labbhati akusalavasena ceva kusalavasena ca. Tattha agāriyassa parena kataṃ alaṅkārādiṃ disvā taddiguṇakaraṇena uppajjamāno, anagāriyassa ca yattakaṃ yattakaṃ paro pariyāpuṇāti vā katheti vā, mānavasena taddiguṇataddiguṇakaraṇena uppajjamāno akusalo. Agāriyassa pana paraṃ ekaṃ salākabhattaṃ dentaṃ disvā attanā dve vā tīṇi vā dātukāmatāya uppajjamāno, anagāriyassa ca parena ekanikāye gahite mānaṃ anissāya kevalaṃ taṃ disvā attanā ālasiyaṃ abhibhuyya dve nikāye gahetukāmatāya uppajjamāno kusalo. Idha pana akusalo adhippeto. Ayañhi uppajjitvā cittaṃ dūseti, obhāsituṃ na deti. Tasmā ‘‘cittassa upakkileso’’ti vuccati.

    ยถา จายํ, เอวํ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย จิตฺตสฺส อุณฺณติวเสน ปวตฺตมาโน มาโน, อจฺจุณฺณติวเสน อติมาโน, มทคฺคหณากาโร มโท, กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺควเสน อุปฺปชฺชมาโน ปมาโท อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติฯ ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติฯ

    Yathā cāyaṃ, evaṃ jātiādīni nissāya cittassa uṇṇativasena pavattamāno māno, accuṇṇativasena atimāno, madaggahaṇākāro mado, kāmaguṇesu cittavossaggavasena uppajjamāno pamādo uppajjitvā cittaṃ dūseti, obhāsituṃ na deti. Tasmā ‘‘cittassa upakkileso’’ti vuccati.

    กสฺมา ปน ภควา อุปกฺกิเลสํ ทเสฺสโนฺต โลภมาทิํ กตฺวา ทเสฺสตีติ? ตสฺส ปฐมุปฺปตฺติโตฯ สพฺพสตฺตานญฺหิ ยตฺถ กตฺถจิ อุปปนฺนานํ อนฺตมโส สุทฺธาวาสภูมิยมฺปิ สพฺพปฐมํ ภวนิกนฺติวเสน โลโภ อุปฺปชฺชติ, ตโต อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปปจฺจยํ ปฎิจฺจ ยถาสมฺภวํ อิตเร, น จ เอเต โสฬเสว จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เอเตน ปน นเยน สเพฺพปิ กิเลสา คหิตาเยว โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ

    Kasmā pana bhagavā upakkilesaṃ dassento lobhamādiṃ katvā dassetīti? Tassa paṭhamuppattito. Sabbasattānañhi yattha katthaci upapannānaṃ antamaso suddhāvāsabhūmiyampi sabbapaṭhamaṃ bhavanikantivasena lobho uppajjati, tato attano attano anurūpapaccayaṃ paṭicca yathāsambhavaṃ itare, na ca ete soḷaseva cittassa upakkilesā, etena pana nayena sabbepi kilesā gahitāyeva hontīti veditabbā.

    ๗๒. เอตฺตาวตา สํกิเลสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ โวทานํ ทเสฺสโนฺต ส โข โส, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิติ วิทิตฺวาติ เอวํ ชานิตฺวาฯ ปชหตีติ สมุเจฺฉทปฺปหานวเสน อริยมเคฺคน ปชหติฯ ตตฺถ กิเลสปฎิปาฎิยา มคฺคปฎิปาฎิยาติ ทฺวิธา ปหานํ เวทิตพฺพํฯ กิเลสปฎิปาฎิยา ตาว อภิชฺฌาวิสมโลโภ ถโมฺภ สารโมฺภ มาโน อติมาโน มโทติ อิเม ฉ กิเลสา อรหตฺตมเคฺคน ปหียนฺติฯ พฺยาปาโท โกโธ อุปนาโห ปมาโทติ อิเม จตฺตาโร กิเลสา อนาคามิมเคฺคน ปหียนฺติฯ มโกฺข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเฐยฺยนฺติ อิเม ฉ โสตาปตฺติมเคฺคน ปหียนฺตีติฯ มคฺคปฎิปาฎิยา ปน, โสตาปตฺติมเคฺคน มโกฺข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเฐยฺยนฺติ อิเม ฉ ปหียนฺติฯ อนาคามิมเคฺคน พฺยาปาโท โกโธ อุปนาโห ปมาโทติ อิเม จตฺตาโรฯ อรหตฺตมเคฺคน อภิชฺฌาวิสมโลโภ ถโมฺภ สารโมฺภ มาโน อติมาโน มโทติ อิเม ฉ ปหียนฺตีติฯ

    72. Ettāvatā saṃkilesaṃ dassetvā idāni vodānaṃ dassento sa kho so, bhikkhavetiādimāha. Tattha iti viditvāti evaṃ jānitvā. Pajahatīti samucchedappahānavasena ariyamaggena pajahati. Tattha kilesapaṭipāṭiyā maggapaṭipāṭiyāti dvidhā pahānaṃ veditabbaṃ. Kilesapaṭipāṭiyā tāva abhijjhāvisamalobho thambho sārambho māno atimāno madoti ime cha kilesā arahattamaggena pahīyanti. Byāpādo kodho upanāho pamādoti ime cattāro kilesā anāgāmimaggena pahīyanti. Makkho paḷāso issā macchariyaṃ māyā sāṭheyyanti ime cha sotāpattimaggena pahīyantīti. Maggapaṭipāṭiyā pana, sotāpattimaggena makkho paḷāso issā macchariyaṃ māyā sāṭheyyanti ime cha pahīyanti. Anāgāmimaggena byāpādo kodho upanāho pamādoti ime cattāro. Arahattamaggena abhijjhāvisamalobho thambho sārambho māno atimāno madoti ime cha pahīyantīti.

    อิมสฺมิํ ปน ฐาเน อิเม กิเลสา โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา วา โหนฺตุ, เสสมคฺควชฺฌา วา, อถ โข อนาคามิมเคฺคเนว ปหานํ สนฺธาย ‘‘อภิชฺฌาวิสมโลภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหตี’’ติอาทิมาหาติ เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถ ปเวณิมคฺคาคโต สมฺภโว, โส จ อุปริ จตุตฺถมคฺคเสฺสว นิทฺทิฎฺฐตฺตา ยุชฺชติ, ตติยมเคฺคน ปหีนาวเสสานญฺหิ วิสมโลภาทีนํ เตน ปหานํ โหติ, เสสานํ อิมินาวฯ เยปิ หิ โสตาปตฺติมเคฺคน ปหียนฺติ, เตปิ ตํสมุฎฺฐาปกจิตฺตานํ อปฺปหีนตฺตา อนาคามิมเคฺคเนว สุปฺปหีนา โหนฺตีติฯ เกจิ ปน ปฐมมเคฺคน เจตฺถ ปหานํ วณฺณยนฺติ, ตํ ปุพฺพาปเรน น สนฺธิยติฯ เกจิ วิกฺขมฺภนปฺปหานมฺปิ, ตํ เตสํ อิจฺฉามตฺตเมวฯ

    Imasmiṃ pana ṭhāne ime kilesā sotāpattimaggavajjhā vā hontu, sesamaggavajjhā vā, atha kho anāgāmimaggeneva pahānaṃ sandhāya ‘‘abhijjhāvisamalobhaṃ cittassa upakkilesaṃ pajahatī’’tiādimāhāti veditabbā. Ayamettha paveṇimaggāgato sambhavo, so ca upari catutthamaggasseva niddiṭṭhattā yujjati, tatiyamaggena pahīnāvasesānañhi visamalobhādīnaṃ tena pahānaṃ hoti, sesānaṃ imināva. Yepi hi sotāpattimaggena pahīyanti, tepi taṃsamuṭṭhāpakacittānaṃ appahīnattā anāgāmimaggeneva suppahīnā hontīti. Keci pana paṭhamamaggena cettha pahānaṃ vaṇṇayanti, taṃ pubbāparena na sandhiyati. Keci vikkhambhanappahānampi, taṃ tesaṃ icchāmattameva.

    ๗๓. ยโต โข, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ยโตติ ยมฺหิ กาเลฯ ปหีโน โหตีติ อนาคามิมคฺคกฺขเณ ปหานํ สนฺธาเยวาหฯ

    73.Yatokho, bhikkhaveti ettha yatoti yamhi kāle. Pahīno hotīti anāgāmimaggakkhaṇe pahānaṃ sandhāyevāha.

    ๗๔. โส พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ เอตํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, อภิชฺฌาวิสมโลโภ ปหีโน โหติ, โส พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติ เอวํ เอกเมเกน ปเทน โยเชตพฺพํฯ อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน อนาคามิมเคฺคน โลกุตฺตรปฺปสาโท อาคโต, อถสฺส อปเรน สมเยน พุทฺธคุเณ ธมฺมคุเณ สงฺฆคุเณ จ อนุสฺสรโต โลกิโย อุปฺปชฺชติ, ตมสฺส สพฺพมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปสาทํ ทเสฺสโนฺต ภควา ‘‘พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทนา’’ติอาทิมาหฯ

    74.So buddhe aveccappasādenāti etaṃ ‘‘yato kho, bhikkhave, abhijjhāvisamalobho pahīno hoti, so buddhe aveccappasādena samannāgato hotī’’ti evaṃ ekamekena padena yojetabbaṃ. Imassa hi bhikkhuno anāgāmimaggena lokuttarappasādo āgato, athassa aparena samayena buddhaguṇe dhammaguṇe saṅghaguṇe ca anussarato lokiyo uppajjati, tamassa sabbampi lokiyalokuttaramissakaṃ pasādaṃ dassento bhagavā ‘‘buddhe aveccappasādenā’’tiādimāha.

    ตตฺถ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณานํ ยาถาวโต ญาตตฺตา อจเลน อจฺจุเตน ปสาเทนฯ อิทานิ ยถา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุสฺสรโต โส อเวจฺจปฺปสาโท อุปฺปโนฺน, ตํ วิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา นเยน ตีณิ อนุสฺสติฎฺฐานานิ วิตฺถาเรสิฯ เตสํ อตฺถวณฺณนา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมเคฺค อนุสฺสติกถายํ วุตฺตาฯ

    Tattha aveccappasādenāti buddhadhammasaṅghaguṇānaṃ yāthāvato ñātattā acalena accutena pasādena. Idāni yathā tassa bhikkhuno anussarato so aveccappasādo uppanno, taṃ vidhiṃ dassento ‘‘itipi so bhagavā’’tiādinā nayena tīṇi anussatiṭṭhānāni vitthāresi. Tesaṃ atthavaṇṇanā sabbākārena visuddhimagge anussatikathāyaṃ vuttā.

    ๗๕. เอวมสฺส โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปสาทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ กิเลสปฺปหานํ อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคตญฺจ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปชฺชมานํ โสมนสฺสาทิอานิสํสํ ทเสฺสโนฺต ยโถธิ โข ปนสฺสาติอาทิมาหฯ อนาคามิสฺส หิ ปจฺจเนฺต วุฎฺฐิตํ โจรุปทฺทวํ วูปสเมตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขโต มหานคเร วสนฺตสฺส รโญฺญ วิย อิเม จิเม จ มม กิเลสา ปหีนาติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ ปจฺจเวกฺขโต พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ ตํ ทเสฺสโนฺต ภควา ‘‘ยโถธิ โข ปนสฺสา’’ติอาทิมาหฯ

    75. Evamassa lokiyalokuttaramissakaṃ pasādaṃ dassetvā idāni kilesappahānaṃ aveccappasādasamannāgatañca paccavekkhato uppajjamānaṃ somanassādiānisaṃsaṃ dassento yathodhi kho panassātiādimāha. Anāgāmissa hi paccante vuṭṭhitaṃ corupaddavaṃ vūpasametvā taṃ paccavekkhato mahānagare vasantassa rañño viya ime cime ca mama kilesā pahīnāti attano kilesappahānaṃ paccavekkhato balavasomanassaṃ uppajjati. Taṃ dassento bhagavā ‘‘yathodhi kho panassā’’tiādimāha.

    ตสฺสโตฺถ – ยฺวายํ อนาคามี ภิกฺขุ เอวํ ‘‘พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ…เป.… ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ, ตสฺส ยโถธิ โข จตฺตํ โหติ ปฎินิสฺสฎฺฐํ, สกสกโอธิวเสน จตฺตเมว โหติ, ตํ ตํ กิเลสชาตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฎินิสฺสฎฺฐํฯ สกสกโอธิวเสนาติ เทฺว โอธี กิเลโสธิ จ มโคฺคธิ จฯ ตตฺถ กิเลโสธิวเสนาปิ เย กิเลสา ยํ มคฺควชฺฌา, เต อญฺญมคฺควเชฺฌหิ อมิสฺสา หุตฺวา สเกเนว โอธินา ปหีนาฯ มโคฺคธิวเสนาปิ เย กิเลสา เยน มเคฺคน ปหาตพฺพา, เตน เตเยว ปหีนา โหนฺติฯ เอวํ สกสกโอธิวเสน ตํ ตํ กิเลสชาตํ จตฺตเมว โหติ ปฎินิสฺสฎฺฐํ, ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ ลทฺธโสมนโสฺส ตตุตฺตริปิ โส ‘‘พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ ลภติ อตฺถเวทนฺติ สมฺพโนฺธฯ

    Tassattho – yvāyaṃ anāgāmī bhikkhu evaṃ ‘‘buddhe aveccappasādena samannāgato hoti…pe… dhamme…pe… saṅghe…pe… anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’’ti, tassa yathodhi kho cattaṃ hoti paṭinissaṭṭhaṃ, sakasakaodhivasena cattameva hoti, taṃ taṃ kilesajātaṃ vantaṃ muttaṃ pahīnaṃ paṭinissaṭṭhaṃ. Sakasakaodhivasenāti dve odhī kilesodhi ca maggodhi ca. Tattha kilesodhivasenāpi ye kilesā yaṃ maggavajjhā, te aññamaggavajjhehi amissā hutvā sakeneva odhinā pahīnā. Maggodhivasenāpi ye kilesā yena maggena pahātabbā, tena teyeva pahīnā honti. Evaṃ sakasakaodhivasena taṃ taṃ kilesajātaṃ cattameva hoti paṭinissaṭṭhaṃ, taṃ paccavekkhitvā ca laddhasomanasso tatuttaripi so ‘‘buddhe aveccappasādena samannāgatomhī’’ti labhati atthavedanti sambandho.

    ยโตธิ โขติปิ ปาโฐฯ ตสฺส วเสน อยมโตฺถ, อสฺส ภิกฺขุโน ยโตธิ โข ปน จตฺตํ โหติ ปฎินิสฺสฎฺฐํฯ ตตฺถ ยโตติ การณวจนํ, ยสฺมาติ วุตฺตํ โหติฯ โอธีติ เหฎฺฐา ตโย มคฺคา วุจฺจนฺติฯ กสฺมา? เต หิ โอธิํ กตฺวา โกฎฺฐาสํ กตฺวา อุปริมเคฺคน ปหาตพฺพกิเลเส ฐเปตฺวา ปชหนฺติ, ตสฺมา โอธีติ วุจฺจนฺติฯ อรหตฺตมโคฺค ปน กิญฺจิ กิเลสํ อนวเสเสตฺวา ปชหติ, ตสฺมา อโนธีติ วุจฺจติฯ อิมสฺส จ ภิกฺขุโน เหฎฺฐามคฺคตฺตเยน จตฺตํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยโตธิ โข ปนสฺส จตฺตํ โหตี’’ติฯ ตตฺถ โข ปนาติ นิปาตมตฺตํฯ อยํ ปน ปิณฺฑโตฺถฯ ยสฺมา อสฺส โอธิ จตฺตํ โหติ ปฎินิสฺสฎฺฐํ, ตสฺมา ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ ลทฺธโสมนโสฺส ตตุตฺตริปิ โส ‘‘พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ ลภติ อตฺถเวทนฺติ ยถาปาฬิ เนตพฺพํฯ

    Yatodhi khotipi pāṭho. Tassa vasena ayamattho, assa bhikkhuno yatodhi kho pana cattaṃ hoti paṭinissaṭṭhaṃ. Tattha yatoti kāraṇavacanaṃ, yasmāti vuttaṃ hoti. Odhīti heṭṭhā tayo maggā vuccanti. Kasmā? Te hi odhiṃ katvā koṭṭhāsaṃ katvā uparimaggena pahātabbakilese ṭhapetvā pajahanti, tasmā odhīti vuccanti. Arahattamaggo pana kiñci kilesaṃ anavasesetvā pajahati, tasmā anodhīti vuccati. Imassa ca bhikkhuno heṭṭhāmaggattayena cattaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘yatodhi kho panassa cattaṃ hotī’’ti. Tattha kho panāti nipātamattaṃ. Ayaṃ pana piṇḍattho. Yasmā assa odhi cattaṃ hoti paṭinissaṭṭhaṃ, tasmā taṃ paccavekkhitvā ca laddhasomanasso tatuttaripi so ‘‘buddhe aveccappasādena samannāgatomhī’’ti labhati atthavedanti yathāpāḷi netabbaṃ.

    ตตฺถ จตฺตนฺติ อิทํ สกภาวปริจฺจชนวเสน วุตฺตํฯ วนฺตนฺติ อิทํ ปน อนาทิยนภาวทสฺสนวเสนฯ มุตฺตนฺติ อิทํ สนฺตติโต วินิโมจนวเสนฯ ปหีนนฺติ อิทํ มุตฺตสฺสปิ กฺวจิ อนวฎฺฐานทสฺสนวเสนฯ ปฎินิสฺสฎฺฐนฺติ อิทํ ปุเพฺพ อาทินฺนปุพฺพสฺส ปฎินิสฺสคฺคทสฺสนวเสน ปฎิมุขํ วา นิสฺสฎฺฐภาวทสฺสนวเสน ภาวนาพเลน อภิภุยฺย นิสฺสฎฺฐภาวทสฺสนวเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวทนฺติ เอตฺถ พุทฺธาทีสุ อเวจฺจปฺปสาโทเยว อรณียโต อโตฺถ, อุปคนฺตพฺพโตติ วุตฺตํ โหติฯ ธารณโต ธโมฺม, วินิปติตุํ อปฺปทานโตติ วุตฺตํ โหติฯ เวโทติ คโนฺถปิ ญาณมฺปิ โสมนสฺสมฺปิฯ ‘‘ติณฺณํ เวทานํ ปารคู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๖) หิ คโนฺถ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘ยํ พฺราหฺมณํ เวทคุมาภิชญฺญา, อกิญฺจนํ กามภาเว อสตฺต’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๖๕) ญาณํฯ ‘‘เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก’’ติอาทีสุ โสมนสฺสํฯ อิธ ปน โสมนสฺสญฺจ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตญาณญฺจ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา ‘‘ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทารมฺมณโสมนสฺสญฺจ โสมนสฺสมยญาณญฺจ ลภตี’’ติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tattha cattanti idaṃ sakabhāvapariccajanavasena vuttaṃ. Vantanti idaṃ pana anādiyanabhāvadassanavasena. Muttanti idaṃ santatito vinimocanavasena. Pahīnanti idaṃ muttassapi kvaci anavaṭṭhānadassanavasena. Paṭinissaṭṭhanti idaṃ pubbe ādinnapubbassa paṭinissaggadassanavasena paṭimukhaṃ vā nissaṭṭhabhāvadassanavasena bhāvanābalena abhibhuyya nissaṭṭhabhāvadassanavasenāti vuttaṃ hoti. Labhati atthavedaṃ labhati dhammavedanti ettha buddhādīsu aveccappasādoyeva araṇīyato attho, upagantabbatoti vuttaṃ hoti. Dhāraṇato dhammo, vinipatituṃ appadānatoti vuttaṃ hoti. Vedoti ganthopi ñāṇampi somanassampi. ‘‘Tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū’’tiādīsu (dī. ni. 1.256) hi gantho ‘‘vedo’’ti vuccati. ‘‘Yaṃ brāhmaṇaṃ vedagumābhijaññā, akiñcanaṃ kāmabhāve asatta’’ntiādīsu (su. ni. 1065) ñāṇaṃ. ‘‘Ye vedajātā vicaranti loke’’tiādīsu somanassaṃ. Idha pana somanassañca somanassasampayuttañāṇañca adhippetaṃ, tasmā ‘‘labhati atthavedaṃ labhati dhammavedanti aveccappasādārammaṇasomanassañca somanassamayañāṇañca labhatī’’ti evamettha attho veditabbo.

    อถ วา อตฺถเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ วุตฺตปฺปการเมว เวทํฯ ธมฺมเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทสฺส เหตุํ โอธิโส กิเลสปฺปหานํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ วุตฺตปฺปการเมว เวทนฺติ เอวมฺปิ เอตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา, เหตุผเล ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘-๗๑๙)ฯ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชนฺติ ตเมว อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ อตฺถธมฺมานิสํสภูตํ เวทญฺจ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ ปาโมชฺชํฯ ตญฺหิ อนวชฺชลกฺขเณน ปจฺจเวกฺขณาการปฺปวเตฺตน ธเมฺมน อุปสญฺหิตนฺติ วุจฺจติฯ ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตีติ อิมินา ปาโมเชฺชน ปมุทิตสฺส นิรามิสา ปีติ ชายติฯ ปีติมนสฺสาติ ตาย ปีติยา ปีณิตมนสฺสฯ กาโย ปสฺสมฺภตีติ กาโยปิ ปสฺสโทฺธ โหติ วูปสนฺตทรโถฯ ปสฺสทฺธกาโย สุขนฺติ เอวํ วูปสนฺตกายทรโถ เจตสิกํ สุขํ ปฎิสํเวเทติฯ จิตฺตํ สมาธิยตีติ จิตฺตํ สมฺมา อาธิยติ อปฺปิตํ วิย อจลํ ติฎฺฐติฯ

    Atha vā atthavedanti aveccappasādaṃ paccavekkhato uppannaṃ vuttappakārameva vedaṃ. Dhammavedanti aveccappasādassa hetuṃ odhiso kilesappahānaṃ paccavekkhato uppannaṃ vuttappakārameva vedanti evampi ettha attho veditabbo. Vuttañhetaṃ ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā, hetuphale ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti (vibha. 718-719). Dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjanti tameva atthañca dhammañca atthadhammānisaṃsabhūtaṃ vedañca paccavekkhato uppannaṃ pāmojjaṃ. Tañhi anavajjalakkhaṇena paccavekkhaṇākārappavattena dhammena upasañhitanti vuccati. Pamuditassa pīti jāyatīti iminā pāmojjena pamuditassa nirāmisā pīti jāyati. Pītimanassāti tāya pītiyā pīṇitamanassa. Kāyo passambhatīti kāyopi passaddho hoti vūpasantadaratho. Passaddhakāyo sukhanti evaṃ vūpasantakāyadaratho cetasikaṃ sukhaṃ paṭisaṃvedeti. Cittaṃ samādhiyatīti cittaṃ sammā ādhiyati appitaṃ viya acalaṃ tiṭṭhati.

    ๗๖. เอวมสฺส กิเลสปฺปหานํ อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคตํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปชฺชมานํ โสมนสฺสาทิอานิสํสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘ยโถธิ โข ปน เม’’ติ วาเรน ตสฺส ปจฺจเวกฺขณาย ปวตฺตาการํ ปกาเสตฺวา ตเสฺสว อนาคามิมคฺคานุภาวสูจกํ ผลํ ทเสฺสโนฺต ส โข โส, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ

    76. Evamassa kilesappahānaṃ aveccappasādasamannāgataṃ paccavekkhato uppajjamānaṃ somanassādiānisaṃsaṃ dassetvā idāni ‘‘yathodhi kho pana me’’ti vārena tassa paccavekkhaṇāya pavattākāraṃ pakāsetvā tasseva anāgāmimaggānubhāvasūcakaṃ phalaṃ dassento sa kho so, bhikkhavetiādimāha.

    ตตฺถ เอวํสีโลติ ตสฺส อนาคามิมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลกฺขนฺธํ ทเสฺสติฯ เอวํธโมฺม เอวํปโญฺญติ ตํสมฺปยุตฺตเมว สมาธิกฺขนฺธํ ปญฺญากฺขนฺธญฺจ ทเสฺสติฯ สาลีนนฺติ โลหิตสาลิคนฺธสาลิอาทีนํ อเนกรูปานํฯ ปิณฺฑปาตนฺติ โอทนํฯ วิจิตกาฬกนฺติ อปนีตกาฬกํฯ เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายาติ ตสฺส เอวํวิธสฺส ภิกฺขุโน ตํ วุตฺตปฺปการปิณฺฑปาตโภชนํ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา เนว อนฺตรายาย โหติ, ปฎิลทฺธคุณสฺส หิ ตํ กิมนฺตรายํ กริสฺสติ? โยปิสฺส อปฺปฎิลโทฺธ จตุตฺถมโคฺค จ ผลํ จ ตปฺปฎิลาภาย วิปสฺสนํ อารภโตปิ เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายาย, อนฺตรายํ กาตุํ อสมตฺถเมว โหติฯ กสฺมา? วุตฺตปฺปการสีลธมฺมปญฺญาสงฺคเหน มเคฺคน วิสุทฺธจิตฺตตฺตาฯ

    Tattha evaṃsīloti tassa anāgāmimaggasampayuttaṃ sīlakkhandhaṃ dasseti. Evaṃdhammo evaṃpaññoti taṃsampayuttameva samādhikkhandhaṃ paññākkhandhañca dasseti. Sālīnanti lohitasāligandhasāliādīnaṃ anekarūpānaṃ. Piṇḍapātanti odanaṃ. Vicitakāḷakanti apanītakāḷakaṃ. Nevassa taṃ hoti antarāyāyāti tassa evaṃvidhassa bhikkhuno taṃ vuttappakārapiṇḍapātabhojanaṃ maggassa vā phalassa vā neva antarāyāya hoti, paṭiladdhaguṇassa hi taṃ kimantarāyaṃ karissati? Yopissa appaṭiladdho catutthamaggo ca phalaṃ ca tappaṭilābhāya vipassanaṃ ārabhatopi nevassa taṃ hoti antarāyāya, antarāyaṃ kātuṃ asamatthameva hoti. Kasmā? Vuttappakārasīladhammapaññāsaṅgahena maggena visuddhacittattā.

    ยสฺมา เจตฺถ เอตเทว การณํ, ตสฺมา ตทนุรูปํ อุปมํ ทเสฺสโนฺต เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ

    Yasmā cettha etadeva kāraṇaṃ, tasmā tadanurūpaṃ upamaṃ dassento seyyathāpītiādimāha.

    ตตฺถ อจฺฉนฺติ วิปฺปสนฺนํฯ ปริสุทฺธํ มลวิคเมนฯ ปริโยทาตํ ปภสฺสรตายฯ อุกฺกามุขนฺติ สุวณฺณการานํ มูสามุขํฯ สุวณฺณการานํ มูสา หิ อิธ อุกฺกา, อญฺญตฺถ ปน ทีปิกาทโยปิ วุจฺจนฺติฯ ‘‘อุกฺกาสุ ธารียมานาสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙) หิ อาคตฎฺฐาเน ทีปิกา ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘อุกฺกํ พเนฺธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิเมฺปยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตฎฺฐาเน องฺคารกปลฺลํฯ ‘‘กมฺมารานํ ยถา อุกฺกา, อโนฺต ฌายติ โน พหี’’ติ (ชา. ๒.๒๒.๖๔๙) อาคตฎฺฐาเน กมฺมารุทฺธนํฯ ‘‘เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔) อาคตฎฺฐาเน วาตเวโค ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน อเญฺญสุ จ เอวรูเปสุ ‘‘สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิปตี’’ติ อาคตฎฺฐาเนสุ สุวณฺณการานํ มูสา ‘‘อุกฺกา’’ติ เวทิตพฺพาฯ

    Tattha acchanti vippasannaṃ. Parisuddhaṃ malavigamena. Pariyodātaṃ pabhassaratāya. Ukkāmukhanti suvaṇṇakārānaṃ mūsāmukhaṃ. Suvaṇṇakārānaṃ mūsā hi idha ukkā, aññattha pana dīpikādayopi vuccanti. ‘‘Ukkāsu dhārīyamānāsū’’ti (dī. ni. 1.159) hi āgataṭṭhāne dīpikā ‘‘ukkā’’ti vuccati. ‘‘Ukkaṃ bandheyya, ukkaṃ bandhitvā ukkāmukhaṃ ālimpeyyā’’ti (ma. ni. 3.360) āgataṭṭhāne aṅgārakapallaṃ. ‘‘Kammārānaṃ yathā ukkā, anto jhāyati no bahī’’ti (jā. 2.22.649) āgataṭṭhāne kammāruddhanaṃ. ‘‘Evaṃvipāko ukkāpāto bhavissatī’’ti (dī. ni. 1.24) āgataṭṭhāne vātavego ‘‘ukkā’’ti vuccati. Imasmiṃ pana ṭhāne aññesu ca evarūpesu ‘‘saṇḍāsena jātarūpaṃ gahetvā ukkāmukhe pakkhipatī’’ti āgataṭṭhānesu suvaṇṇakārānaṃ mūsā ‘‘ukkā’’ti veditabbā.

    ตตฺรายํ อุปมาสํสนฺทนา – สํกิลิฎฺฐวตฺถํ วิย หิ สํกิลิฎฺฐชาตรูปํ วิย จ อิมสฺส ภิกฺขุโน ปุถุชฺชนกาเล กามราคาทิมลานุคตํ จิตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อโจฺฉทกํ วิย อุกฺกามุขํ วิย จ อนาคามิมโคฺคฯ ตํ อุทกํ อุกฺกามุขญฺจ อาคมฺม วตฺถสุวณฺณานํ ปริสุทฺธตา วิย ตสฺส ภิกฺขุโน วุตฺตปฺปการสีลธมฺมปญฺญาสงฺคหํ อนาคามิมคฺคํ อาคมฺม วิสุทฺธจิตฺตตาติฯ

    Tatrāyaṃ upamāsaṃsandanā – saṃkiliṭṭhavatthaṃ viya hi saṃkiliṭṭhajātarūpaṃ viya ca imassa bhikkhuno puthujjanakāle kāmarāgādimalānugataṃ cittaṃ daṭṭhabbaṃ. Acchodakaṃ viya ukkāmukhaṃ viya ca anāgāmimaggo. Taṃ udakaṃ ukkāmukhañca āgamma vatthasuvaṇṇānaṃ parisuddhatā viya tassa bhikkhuno vuttappakārasīladhammapaññāsaṅgahaṃ anāgāmimaggaṃ āgamma visuddhacittatāti.

    ๗๗. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตาฯ ตโย หิ อนุสนฺธี ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธีติฯ ตตฺถ ‘‘เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘สิยา นุ โข, ภเนฺต, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา’ติ? ‘สิยา ภิกฺขู’ติ ภควา อโวจา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๒)ฯ เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉานุสนฺธิ เวทิตโพฺพฯ ‘‘สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณ เอวมสฺส, อชฺชาปิ นูน สมโณ โคตโม อวีตราโค’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๕) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา วุตฺตสฺส สุตฺตสฺส วเสน อชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตโพฺพฯ เยน ปน ธเมฺมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฎฺฐิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฎิปกฺขวเสน วา เยสุ สุเตฺตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตโพฺพ ฯ เสยฺยถิทํ, อากเงฺขยฺยสุเตฺต เหฎฺฐา สีเลน เทสนา อุฎฺฐิตา, อุปริ ฉ อภิญฺญา อาคตาฯ กกจูปเม เหฎฺฐา อกฺขนฺติยา อุฎฺฐิตา, อุปริ กกจูปโมวาโท อาคโตฯ อลคเทฺท เหฎฺฐา ทิฎฺฐิปริทีปเนน อุฎฺฐิตา, อุปริ ติปริวฎฺฎสุญฺญตาปกาสนา อาคตา, จูฬอสฺสปุเร เหฎฺฐา กิเลสปริทีปเนน อุฎฺฐิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตาฯ โกสมฺพิยสุเตฺต เหฎฺฐา ภณฺฑเนน อุฎฺฐิตา, อุปริ สารณียธมฺมา อาคตาฯ อิมสฺมิมฺปิ วตฺถสุเตฺต เหฎฺฐา กิเลสปริทีปเนน อุฎฺฐิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติฯ พฺรหฺมวิหาเรสุ ปน อนุปทวณฺณนา จ ภาวนานโย จ สโพฺพ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมเคฺค วุโตฺตฯ

    77.So mettāsahagatena cetasāti yathānusandhivasena desanā āgatā. Tayo hi anusandhī pucchānusandhi ajjhāsayānusandhi yathānusandhīti. Tattha ‘‘evaṃ vutte aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca ‘siyā nu kho, bhante, bahiddhā asati paritassanā’ti? ‘Siyā bhikkhū’ti bhagavā avocā’’ti (ma. ni. 1.242). Evaṃ pucchantānaṃ vissajjitasuttavasena pucchānusandhi veditabbo. ‘‘Siyā kho pana te brāhmaṇa evamassa, ajjāpi nūna samaṇo gotamo avītarāgo’’ti (ma. ni. 1.55) evaṃ paresaṃ ajjhāsayaṃ viditvā vuttassa suttassa vasena ajjhāsayānusandhi veditabbo. Yena pana dhammena ādimhi desanā uṭṭhitā, tassa dhammassa anurūpadhammavasena vā paṭipakkhavasena vā yesu suttesu upari desanā āgacchati, tesaṃ vasena yathānusandhi veditabbo . Seyyathidaṃ, ākaṅkheyyasutte heṭṭhā sīlena desanā uṭṭhitā, upari cha abhiññā āgatā. Kakacūpame heṭṭhā akkhantiyā uṭṭhitā, upari kakacūpamovādo āgato. Alagadde heṭṭhā diṭṭhiparidīpanena uṭṭhitā, upari tiparivaṭṭasuññatāpakāsanā āgatā, cūḷaassapure heṭṭhā kilesaparidīpanena uṭṭhitā, upari brahmavihārā āgatā. Kosambiyasutte heṭṭhā bhaṇḍanena uṭṭhitā, upari sāraṇīyadhammā āgatā. Imasmimpi vatthasutte heṭṭhā kilesaparidīpanena uṭṭhitā, upari brahmavihārā āgatā. Tena vuttaṃ ‘‘yathānusandhivasena desanā āgatā’’ti. Brahmavihāresu pana anupadavaṇṇanā ca bhāvanānayo ca sabbo sabbākārena visuddhimagge vutto.

    ๗๘. เอวํ ภควา อภิชฺฌาทีนํ อุปกฺกิเลสานํ ปฎิปกฺขภูตํ สพฺพโส จ กามราคพฺยาปาทปฺปหาเนน วิหตปจฺจตฺถิกตฺตา ลทฺธปทฎฺฐานํ ตสฺส อนาคามิโน พฺรหฺมวิหารภาวนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิสฺส อรหตฺตาย วิปสฺสนํ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตปฺปตฺติํ ทเสฺสตุํ โส อตฺถิ อิทนฺติอาทิมาหฯ

    78. Evaṃ bhagavā abhijjhādīnaṃ upakkilesānaṃ paṭipakkhabhūtaṃ sabbaso ca kāmarāgabyāpādappahānena vihatapaccatthikattā laddhapadaṭṭhānaṃ tassa anāgāmino brahmavihārabhāvanaṃ dassetvā idānissa arahattāya vipassanaṃ dassetvā arahattappattiṃ dassetuṃ so atthi idantiādimāha.

    ตสฺสโตฺถ – โส อนาคามี เอวํ ภาวิตพฺรหฺมวิหาโร เอเตสํ พฺรหฺมวิหารานํ ยโต กุโตจิ วุฎฺฐาย เต เอว พฺรหฺมวิหารธเมฺม นามวเสน เตสํ นิสฺสยํ หทยวตฺถุํ วตฺถุนิสฺสยานิ ภูตานีติ อิมินา นเยน ภูตุปาทายธเมฺม รูปวเสน จ ววตฺถเปตฺวา อตฺถิ อิทนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติฯ ตโต ตสฺส ทุกฺขสฺส สมุทยํ ปฎิวิชฺฌโนฺต อตฺถิ หีนนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน สมุทยสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติฯ ตโต ตสฺส ปหานุปายํ วิจินโนฺต อตฺถิ ปณีตนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน มคฺคสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติฯ ตโต เตน มเคฺคน อธิคนฺตพฺพฎฺฐานํ วิจินโนฺต อตฺถิ อุตฺตริ อิมสฺส สญฺญาคตสฺส นิสฺสรณนฺติ ปชานาติ, อิมสฺส มยา อธิคตสฺส พฺรหฺมวิหารสญฺญาคตสฺส อุตฺตริ นิสฺสรณํ นิพฺพานํ อตฺถีติ เอวํ ปชานาตีติ อธิปฺปาโย, เอตฺตาวตาเนน นิโรธสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส วิปสฺสนาปญฺญาย เอวํ จตูหิ อากาเรหิ จตฺตาริ สจฺจานิ ชานโต, มคฺคปญฺญาย เอวํ ปสฺสโต, ภยเภรเว วุตฺตนเยเนว กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ…เป.… อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติฯ

    Tassattho – so anāgāmī evaṃ bhāvitabrahmavihāro etesaṃ brahmavihārānaṃ yato kutoci vuṭṭhāya te eva brahmavihāradhamme nāmavasena tesaṃ nissayaṃ hadayavatthuṃ vatthunissayāni bhūtānīti iminā nayena bhūtupādāyadhamme rūpavasena ca vavatthapetvā atthi idanti pajānāti, ettāvatānena dukkhasaccavavatthānaṃ kataṃ hoti. Tato tassa dukkhassa samudayaṃ paṭivijjhanto atthi hīnanti pajānāti, ettāvatānena samudayasaccavavatthānaṃ kataṃ hoti. Tato tassa pahānupāyaṃ vicinanto atthi paṇītanti pajānāti, ettāvatānena maggasaccavavatthānaṃ kataṃ hoti. Tato tena maggena adhigantabbaṭṭhānaṃ vicinanto atthi uttari imassa saññāgatassa nissaraṇanti pajānāti, imassa mayā adhigatassa brahmavihārasaññāgatassa uttari nissaraṇaṃ nibbānaṃ atthīti evaṃ pajānātīti adhippāyo, ettāvatānena nirodhasaccavavatthānaṃ kataṃ hoti. Tassa evaṃ jānato evaṃ passatoti tassa vipassanāpaññāya evaṃ catūhi ākārehi cattāri saccāni jānato, maggapaññāya evaṃ passato, bhayabherave vuttanayeneva kāmāsavāpi cittaṃ vimuccati…pe… itthattāyāti pajānātīti.

    เอวํ ยาว อรหตฺตา เทสนํ ปาเปตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตสฺสํ ปริสติ นฺหานสุทฺธิโก พฺราหฺมโณ นิสิโนฺน, โส เอวํ นฺหานสุทฺธิยา วณฺณํ วุจฺจมานํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตีติ ภควตา วิทิโต, ตสฺมา ตสฺส โจทนตฺถาย ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สินาโต อนฺตเรน สินาเนนา’’ติ อิมํ ปาฎิเยกฺกํ อนุสนฺธิมาหฯ ตตฺถ อนฺตเรน สินาเนนาติ อพฺภนฺตเรน กิเลสวุฎฺฐานสินาเนนฯ

    Evaṃ yāva arahattā desanaṃ pāpetvā idāni yasmā tassaṃ parisati nhānasuddhiko brāhmaṇo nisinno, so evaṃ nhānasuddhiyā vaṇṇaṃ vuccamānaṃ sutvā pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇissatīti bhagavatā vidito, tasmā tassa codanatthāya ‘‘ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu sināto antarena sinānenā’’ti imaṃ pāṭiyekkaṃ anusandhimāha. Tattha antarena sinānenāti abbhantarena kilesavuṭṭhānasinānena.

    ๗๙. สุนฺทริกภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโช นาม โส พฺราหฺมโณ อตฺตโน โคตฺตวเสน, สุนฺทริกาย ปน นทิยา สินาตสฺส ปาปปฺปหานํ โหตีติ อยมสฺส ทิฎฺฐิ, ตสฺมา ‘‘สุนฺทริกภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติฯ โส ตํ ภควโต วจนํ สุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘มยํ สินานสุทฺธิํ วเณฺณม, สมโณปิ โคตโม ตเถว วเณฺณติ, สมานจฺฉโนฺท ทานิ เอส อเมฺหหี’’ติฯ อถ ภควนฺตํ พาหุกํ นทิํ คนฺตฺวา ตํ ตตฺถ ปาปํ ปวาเหตฺวา อาคตํ วิย มญฺญมาโน อาห ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทิํ สินายิตุ’’นฺติ? ภควา ตสฺส คจฺฉามีติ วา น คจฺฉามีติ วา อวตฺวาเยว พฺราหฺมณสฺส ทิฎฺฐิสมุคฺฆาตํ กตฺตุกาโม ‘‘กิํ พฺราหฺมณ พาหุกาย นทิยา , กิํ พาหุกา นที กริสฺสตี’’ติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ กิํ ปโยชนํ พาหุกาย, กิํ สา กริสฺสติ? อสมตฺถา สา กสฺสจิ อตฺถาย, กิํ ตตฺถ คมิสฺสามีติ?

    79.Sundarikabhāradvājoti bhāradvājo nāma so brāhmaṇo attano gottavasena, sundarikāya pana nadiyā sinātassa pāpappahānaṃ hotīti ayamassa diṭṭhi, tasmā ‘‘sundarikabhāradvājo’’ti vuccati. So taṃ bhagavato vacanaṃ sutvā cintesi ‘‘mayaṃ sinānasuddhiṃ vaṇṇema, samaṇopi gotamo tatheva vaṇṇeti, samānacchando dāni esa amhehī’’ti. Atha bhagavantaṃ bāhukaṃ nadiṃ gantvā taṃ tattha pāpaṃ pavāhetvā āgataṃ viya maññamāno āha ‘‘gacchati pana bhavaṃ gotamo bāhukaṃ nadiṃ sināyitu’’nti? Bhagavā tassa gacchāmīti vā na gacchāmīti vā avatvāyeva brāhmaṇassa diṭṭhisamugghātaṃ kattukāmo ‘‘kiṃ brāhmaṇa bāhukāya nadiyā , kiṃ bāhukā nadī karissatī’’ti āha. Tassattho kiṃ payojanaṃ bāhukāya, kiṃ sā karissati? Asamatthā sā kassaci atthāya, kiṃ tattha gamissāmīti?

    อถ พฺราหฺมโณ ตํ ปสํสโนฺต โลกฺขสมฺมตาติอาทิมาหฯ ตตฺถ โลกฺขสมฺมตาติ ลูขภาวสมฺมตา, ลูขภาวนฺติ โจกฺขภาวํ, วิสุทฺธิภาวํ เทตีติ เอวํ สมฺมตาติ วุตฺตํ โหติฯ โลกฺยสมฺมตาติปิ ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ, เสฎฺฐํ โลกํ คมยตีติ เอวํ สมฺมตาติฯ ปุญฺญสมฺมตาติ ปุญฺญนฺติ สมฺมตาฯ ปวาเหตีติ คมยติ วิโสเธติฯ คาถาหิ อชฺฌภาสีติ คาถาหิ อภาสิฯ คาถา จ วุจฺจมานา ตทตฺถทีปนตฺถเมว วา คาถารุจิกานํ วุจฺจติ, วิเสสตฺถทีปนตฺถํ วาฯ อิธ ปเนตา อุภยตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Atha brāhmaṇo taṃ pasaṃsanto lokkhasammatātiādimāha. Tattha lokkhasammatāti lūkhabhāvasammatā, lūkhabhāvanti cokkhabhāvaṃ, visuddhibhāvaṃ detīti evaṃ sammatāti vuttaṃ hoti. Lokyasammatātipi pāṭho. Tassattho, seṭṭhaṃ lokaṃ gamayatīti evaṃ sammatāti. Puññasammatāti puññanti sammatā. Pavāhetīti gamayati visodheti. Gāthāhi ajjhabhāsīti gāthāhi abhāsi. Gāthā ca vuccamānā tadatthadīpanatthameva vā gāthārucikānaṃ vuccati, visesatthadīpanatthaṃ vā. Idha panetā ubhayatthadīpanatthaṃ vuttāti veditabbā.

    พาหุกนฺติ อิทเมว หิ เอตฺถ วจนํ ตทตฺถทีปกํ, เสสานิ วิเสสตฺถทีปกานิฯ ยเถว หิ พาหุกํ, เอวํ อธิกกฺกาทีนิปิ โลโก คจฺฉติ นฺหาเนน ปาปํ ปวาเหตุํฯ ตตฺถ เย เตสํ ฐานานํ อาสนฺนา โหนฺติ, เต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นฺหายนฺติฯ เย ทูรา, เต ยถากฺกมํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกิํ เอกทิวสนฺตรํ, เอวํ ยาว สํวจฺฉรนฺตรํ นฺหายนฺติฯ เย ปน สพฺพถาปิ คนฺตุํ น สโกฺกนฺติ, เต ฆเฎหิปิ ตโต อุทกํ อาหราเปตฺวา นฺหายนฺติฯ สพฺพเญฺจตํ นิรตฺถกํ, ตสฺมา อิมํ วิเสสตฺถํ ทีเปตุํ อธิกกฺกาทีนิปีติ อาหฯ

    Bāhukanti idameva hi ettha vacanaṃ tadatthadīpakaṃ, sesāni visesatthadīpakāni. Yatheva hi bāhukaṃ, evaṃ adhikakkādīnipi loko gacchati nhānena pāpaṃ pavāhetuṃ. Tattha ye tesaṃ ṭhānānaṃ āsannā honti, te divasassa tikkhattuṃ nhāyanti. Ye dūrā, te yathākkamaṃ dvikkhattuṃ sakiṃ ekadivasantaraṃ, evaṃ yāva saṃvaccharantaraṃ nhāyanti. Ye pana sabbathāpi gantuṃ na sakkonti, te ghaṭehipi tato udakaṃ āharāpetvā nhāyanti. Sabbañcetaṃ niratthakaṃ, tasmā imaṃ visesatthaṃ dīpetuṃ adhikakkādīnipīti āha.

    ตตฺถ อธิกกฺกนฺติ นฺหานสมฺภารวเสน ลทฺธโวหารํ เอกํ ติตฺถํ วุจฺจติฯ คยาติปิ มณฺฑลวาปิสณฺฐานํ ติตฺถเมว วุจฺจติฯ ปยาคาติ เอตมฺปิ คงฺคาย เอกํ ติตฺถเมว มหาปนาทสฺส รโญฺญ คงฺคายํ นิมุคฺคปาสาทสฺส โสปานสมฺมุขฎฺฐานํ, พาหุกา สุนฺทริกา สรสฺสตี พาหุมตีติ อิมา ปน จตโสฺส นทิโยฯ พาโลติ ทุปฺปโญฺญฯ ปกฺขโนฺทติ ปวิสโนฺตฯ น สุชฺฌตีติ กิเลสสุทฺธิํ น ปาปุณาติ, เกวลํ รโชชลฺลเมว ปวาเหติฯ

    Tattha adhikakkanti nhānasambhāravasena laddhavohāraṃ ekaṃ titthaṃ vuccati. Gayātipi maṇḍalavāpisaṇṭhānaṃ titthameva vuccati. Payāgāti etampi gaṅgāya ekaṃ titthameva mahāpanādassa rañño gaṅgāyaṃ nimuggapāsādassa sopānasammukhaṭṭhānaṃ, bāhukā sundarikā sarassatī bāhumatīti imā pana catasso nadiyo. Bāloti duppañño. Pakkhandoti pavisanto. Na sujjhatīti kilesasuddhiṃ na pāpuṇāti, kevalaṃ rajojallameva pavāheti.

    กิํ สุนฺทริกา กริสฺสตีติ สุนฺทริกา กิเลสวิโสธเน กิํ กริสฺสติ? น กิญฺจิ กาตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโยฯ เอส นโย ปยาคพาหุกาสุฯ อิเมหิ จ ตีหิ ปเทหิ วุเตฺตหิ อิตรานิปิ จตฺตาริ ลกฺขณาหารนเยน วุตฺตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ยเถว สุนฺทริกา ปยาคา พาหุกา น กิญฺจิ กโรนฺติ, ตถา อธิกกฺกาทโยปีติ เวทิตพฺพาฯ

    Kiṃ sundarikā karissatīti sundarikā kilesavisodhane kiṃ karissati? Na kiñci kātuṃ samatthāti adhippāyo. Esa nayo payāgabāhukāsu. Imehi ca tīhi padehi vuttehi itarānipi cattāri lakkhaṇāhāranayena vuttāneva honti, tasmā yatheva sundarikā payāgā bāhukā na kiñci karonti, tathā adhikakkādayopīti veditabbā.

    เวรินฺติ ปาณาติปาตาทิปญฺจเวรสมนฺนาคตํฯ กตกิพฺพิสนฺติ กตลุทฺทกมฺมํฯ น หิ นํ โสธเยติ สุนฺทริกา วา ปยาคา วา พาหุกา วา น โสธเย, น โสเธตีติ วุตฺตํ โหติฯ ปาปกมฺมินนฺติ ปาปเกหิ เวรกิพฺพิสกเมฺมหิ ยุตฺตํ, ลามกกเมฺม ยุตฺตํ วา เวรกิพฺพิสภาวํ อปฺปเตฺตหิ ขุทฺทเกหิปิ ปาเปหิ ยุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Verinti pāṇātipātādipañcaverasamannāgataṃ. Katakibbisanti kataluddakammaṃ. Na hi naṃ sodhayeti sundarikā vā payāgā vā bāhukā vā na sodhaye, na sodhetīti vuttaṃ hoti. Pāpakamminanti pāpakehi verakibbisakammehi yuttaṃ, lāmakakamme yuttaṃ vā verakibbisabhāvaṃ appattehi khuddakehipi pāpehi yuttanti vuttaṃ hoti.

    สุทฺธสฺสาติ นิกฺกิเลสสฺสฯ สทา ผคฺคูติ นิจฺจมฺปิ ผคฺคุนีนกฺขตฺตเมวฯ ผคฺคุนมาเส กิร ‘‘อุตฺตรผคฺคุนทิวเส โย นฺหายติ, โส สํวจฺฉรํ กตปาปํ โสเธตี’’ติ เอวํ ทิฎฺฐิโก โส พฺราหฺมโณ, เตนสฺส ภควา ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎิหนโนฺต อาห ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคู’’ติฯ นิกฺกิเลสสฺส นิจฺจํ ผคฺคุนีนกฺขตฺตํ, อิตโร กิํ สุชฺฌตีติ? อุโปสโถ สทาติ สุทฺธสฺส จ จาตุทฺทสปนฺนรสาทีสุ อุโปสถงฺคานิ อสมาทิยโตปิ นิจฺจเมว อุโปสโถฯ สุทฺธสฺส สุจิกมฺมสฺสาติ นิกฺกิเลสตาย สุทฺธสฺส สุจีหิ จ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตสฺสฯ สทา สมฺปชฺชเต วตนฺติ อีทิสสฺส จ กุสลูปสญฺหิตํ วตสมาทานมฺปิ นิจฺจํ สมฺปนฺนเมว โหตีติฯ อิเธว สินาหีติ อิมสฺมิํเยว มม สาสเน สินาหิฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ‘‘สเจ อชฺฌตฺติกกิเลสมลปฺปวาหนํ อิจฺฉสิ, อิเธว มม สาสเน อฎฺฐงฺคิกมคฺคสลิเลน สินาหิ, อญฺญตฺร หิ อิทํ นตฺถี’’ติฯ

    Suddhassāti nikkilesassa. Sadā phaggūti niccampi phaggunīnakkhattameva. Phaggunamāse kira ‘‘uttaraphaggunadivase yo nhāyati, so saṃvaccharaṃ katapāpaṃ sodhetī’’ti evaṃ diṭṭhiko so brāhmaṇo, tenassa bhagavā taṃ diṭṭhiṃ paṭihananto āha ‘‘suddhassa ve sadā phaggū’’ti. Nikkilesassa niccaṃ phaggunīnakkhattaṃ, itaro kiṃ sujjhatīti? Uposatho sadāti suddhassa ca cātuddasapannarasādīsu uposathaṅgāni asamādiyatopi niccameva uposatho. Suddhassa sucikammassāti nikkilesatāya suddhassa sucīhi ca kāyakammādīhi samannāgatassa. Sadā sampajjate vatanti īdisassa ca kusalūpasañhitaṃ vatasamādānampi niccaṃ sampannameva hotīti. Idheva sināhīti imasmiṃyeva mama sāsane sināhi. Kiṃ vuttaṃ hoti? ‘‘Sace ajjhattikakilesamalappavāhanaṃ icchasi, idheva mama sāsane aṭṭhaṅgikamaggasalilena sināhi, aññatra hi idaṃ natthī’’ti.

    อิทานิสฺส สปฺปายเทสนาวเสน ตีสุปิ ทฺวาเรสุ สุทฺธิํ ทเสฺสโนฺต สพฺพภูเตสุ กโรหิ เขมตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เขมตนฺติ อภยํ หิตภาวํ, เมตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตนสฺส มโนทฺวารสุทฺธิ ทสฺสิตา โหติฯ

    Idānissa sappāyadesanāvasena tīsupi dvāresu suddhiṃ dassento sabbabhūtesu karohi khematantiādimāha. Tattha khematanti abhayaṃ hitabhāvaṃ, mettanti vuttaṃ hoti. Etenassa manodvārasuddhi dassitā hoti.

    สเจ มุสา น ภณสีติ เอเตนสฺส วจีทฺวารสุทฺธิฯ สเจ ปาณํ น หิํสสิ สเจ อทินฺนํ นาทิยสีติ เอเตหิ กายทฺวารสุทฺธิฯ สทฺทหาโน อมจฺฉรีติ เอเตหิ ปน นํ เอวํ ปริสุทฺธทฺวารํ สทฺธาสมฺปทาย จาคสมฺปทาย จ นิโยเชสิฯ กิํ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา, อุทปาโนปิ เต คยาติ อยํ ปน อุปฑฺฒคาถา, สเจ สพฺพภูเตสุ เขมตํ กริสฺสสิ, มุสา น ภณิสฺสสิ, ปาณํ น หนิสฺสสิ, อทินฺนํ นาทิยิสฺสสิ, สทฺธหาโน อมจฺฉรี ภวิสฺสสิ, กิํ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา อุทปาโนปิ เต คยา , คยายปิ หิ เต นฺหายนฺตสฺส อุทปาเนปิ อิมาย เอว ปฎิปตฺติยา กิเลสสุทฺธิ, สรีรมลสุทฺธิ ปน อุภยตฺถ สมาติ เอวํ โยเชตพฺพํฯ ยสฺมา จ โลเก คยา สมฺมตตรา, ตสฺมา ตสฺส ภควา ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุก’’นฺติ ปุโฎฺฐปิ ‘‘กิํ กาหสิ พาหุกํ คนฺตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘กิํ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา’’ติ อาหาติ เวทิตโพฺพฯ

    Sace musā na bhaṇasīti etenassa vacīdvārasuddhi. Sace pāṇaṃ na hiṃsasi sace adinnaṃ nādiyasīti etehi kāyadvārasuddhi. Saddahāno amaccharīti etehi pana naṃ evaṃ parisuddhadvāraṃ saddhāsampadāya cāgasampadāya ca niyojesi. Kiṃ kāhasi gayaṃ gantvā, udapānopi te gayāti ayaṃ pana upaḍḍhagāthā, sace sabbabhūtesu khemataṃ karissasi, musā na bhaṇissasi, pāṇaṃ na hanissasi, adinnaṃ nādiyissasi, saddhahāno amaccharī bhavissasi, kiṃ kāhasi gayaṃ gantvā udapānopi te gayā , gayāyapi hi te nhāyantassa udapānepi imāya eva paṭipattiyā kilesasuddhi, sarīramalasuddhi pana ubhayattha samāti evaṃ yojetabbaṃ. Yasmā ca loke gayā sammatatarā, tasmā tassa bhagavā ‘‘gacchati pana bhavaṃ gotamo bāhuka’’nti puṭṭhopi ‘‘kiṃ kāhasi bāhukaṃ gantvā’’ti avatvā ‘‘kiṃ kāhasi gayaṃ gantvā’’ti āhāti veditabbo.

    ๘๐. เอวํ วุเตฺตติ เอวมาทิ ภยเภรเว วุตฺตตฺตา ปากฎเมวฯ เอโก วูปกโฎฺฐติอาทีสุ ปน เอโก กายวิเวเกน ฯ วูปกโฎฺฐ จิตฺตวิเวเกนฯ อปฺปมโตฺต กมฺมฎฺฐาเน สติ อวิชหเนนฯ อาตาปี กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตน อาตาเปนฯ ปหิตโตฺต กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตายฯ วิหรโนฺต อญฺญตรอิริยาปถวิหาเรนฯ นจิรเสฺสวาติ ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติฯ กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ, อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุโตฺตฯ อคารสฺมาติ ฆราฯ อคารสฺส หิตํ อคาริยํ, กสิโครกฺขาทิกุฎุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ, นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํฯ ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติฯ ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํฯ พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ ตสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปญฺญาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสีติ, เอวํ วิหรโนฺต จ ขีณา ชาติ…เป.… อพฺภญฺญาสิฯ เอเตนสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมิํ ทเสฺสติฯ

    80.Evaṃ vutteti evamādi bhayabherave vuttattā pākaṭameva. Eko vūpakaṭṭhotiādīsu pana eko kāyavivekena . Vūpakaṭṭho cittavivekena. Appamatto kammaṭṭhāne sati avijahanena. Ātāpī kāyikacetasikavīriyasaṅkhātena ātāpena. Pahitatto kāye ca jīvite ca anapekkhatāya. Viharanto aññatarairiyāpathavihārena. Nacirassevāti pabbajjaṃ upādāya vuccati. Kulaputtāti duvidhā kulaputtā jātikulaputtā ca ācārakulaputtā ca, ayaṃ pana ubhayathāpi kulaputto. Agārasmāti gharā. Agārassa hitaṃ agāriyaṃ, kasigorakkhādikuṭumbaposanakammaṃ vuccati, natthi ettha agāriyanti anagāriyaṃ, pabbajjāyetaṃ adhivacanaṃ. Pabbajantīti upagacchanti upasaṅkamanti. Tadanuttaranti taṃ anuttaraṃ. Brahmacariyapariyosānanti maggabrahmacariyassa pariyosānaṃ, arahattaphalanti vuttaṃ hoti. Tassa hi atthāya kulaputtā pabbajanti. Diṭṭheva dhammeti tasmiṃyeva attabhāve. Sayaṃ abhiññā sacchikatvāti attanāyeva paññāya paccakkhaṃ katvā, aparappaccayaṃ katvāti attho. Upasampajja vihāsīti pāpuṇitvā sampādetvā vihāsīti, evaṃ viharanto ca khīṇā jāti…pe… abbhaññāsi. Etenassa paccavekkhaṇabhūmiṃ dasseti.

    กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา? กถญฺจ นํ อพฺภญฺญาสีติ? วุจฺจเต, กามเญฺจตํ ภยเภรเวปิ วุตฺตํ, ตถาปิ นํ อิธ ปฐมปุริสวเสน โยชนานยสฺส ทสฺสนตฺถํ ปุน สเงฺขปโต ภณามฯ น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุเพฺพว ขีณตฺตาฯ น อนาคตา, ตตฺถ วายามาภาวโตฯ น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตาฯ มคฺคสฺส ปน อภาวิตตฺตา ยา อุปฺปเชฺชยฺย เอกจตุปญฺจโวการภเวสุ เอกจตุปญฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายติํ อปฺปฎิสนฺธิกํ โหตีติ ชานโนฺต ชานาติฯ

    Katamā panassa jāti khīṇā? Kathañca naṃ abbhaññāsīti? Vuccate, kāmañcetaṃ bhayabheravepi vuttaṃ, tathāpi naṃ idha paṭhamapurisavasena yojanānayassa dassanatthaṃ puna saṅkhepato bhaṇāma. Na tāvassa atītā jāti khīṇā, pubbeva khīṇattā. Na anāgatā, tattha vāyāmābhāvato. Na paccuppannā, vijjamānattā. Maggassa pana abhāvitattā yā uppajjeyya ekacatupañcavokārabhavesu ekacatupañcakkhandhappabhedā jāti, sā maggassa bhāvitattā anuppādadhammataṃ āpajjanena khīṇā, taṃ so maggabhāvanāya pahīnakilese paccavekkhitvā kilesābhāve vijjamānampi kammaṃ āyatiṃ appaṭisandhikaṃ hotīti jānanto jānāti.

    วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฎฺฐาปิตนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํฯ กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สเจฺจสุ จตูหิ มเคฺคหิ ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฎฺฐาปิตนฺติ อโตฺถฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุนอิตฺถภาวาย เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนา นตฺถีติฯ อถ วา, อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ นตฺถิฯ อิเม ปน ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา ติฎฺฐนฺติ, ฉินฺนมูลโก รุโกฺข วิยาติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโรติ เอโกฯ อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหตํ อพฺภนฺตโร อโหสีติฯ

    Vusitanti vutthaṃ parivutthaṃ, kataṃ caritaṃ niṭṭhāpitanti attho. Brahmacariyanti maggabrahmacariyaṃ. Kataṃ karaṇīyanti catūsu saccesu catūhi maggehi pariññāpahānasacchikiriyabhāvanāvasena soḷasavidhampi kiccaṃ niṭṭhāpitanti attho. Nāparaṃ itthattāyāti idāni punaitthabhāvāya evaṃsoḷasakiccabhāvāya, kilesakkhayāya vā maggabhāvanā natthīti. Atha vā, itthattāyāti itthabhāvato imasmā evaṃpakārā idāni vattamānakkhandhasantānā aparaṃ khandhasantānaṃ natthi. Ime pana pañcakkhandhā pariññātā tiṭṭhanti, chinnamūlako rukkho viyāti abbhaññāsi. Aññataroti eko. Arahatanti arahantānaṃ, bhagavato sāvakānaṃ arahataṃ abbhantaro ahosīti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    วตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vatthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. วตฺถสุตฺตํ • 7. Vatthasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา • 7. Vatthasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact