Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา

    7. Vatthasuttavaṇṇanā

    ๗๐. ฉาเทตพฺพํ ฐานํ วสติ ปฎิจฺฉาเทตีติ วตฺถํฯ ยํ สมานํ วิย น สพฺพโส มิโนติ, มานสฺส ปน สมีเป, ตํ อุปมานํฯ อุปมียติ เอตายาติ อุปมา, อุปมาย โพธกวจนํ อุปมาวจนํกตฺถจิ สุเตฺตฯ อตฺถนฺติ อุปมิยตฺถํฯ ปฐมํ อุปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺถํ วตฺวา ปุน อุปมํ วทโนฺต ‘‘อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทเสฺสตี’’ติ วุโตฺตฯ อเตฺถน อุปมํ ปริวาเรตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อิทานิ เต จตฺตาโรปิ ปกาเร สุเตฺต อาคตนเยเนว ทเสฺสโนฺต ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เทฺว อคาราติ เทฺว ปฎิวิสฺสกฆราฯ สทฺวาราติ สมฺมุขทฺวาราฯ

    70. Chādetabbaṃ ṭhānaṃ vasati paṭicchādetīti vatthaṃ. Yaṃ samānaṃ viya na sabbaso minoti, mānassa pana samīpe, taṃ upamānaṃ. Upamīyati etāyāti upamā, upamāya bodhakavacanaṃ upamāvacanaṃ. Katthaci sutte. Atthanti upamiyatthaṃ. Paṭhamaṃ upamaṃ vatvā tadanantaraṃ atthaṃ vatvā puna upamaṃ vadanto ‘‘upamāya atthaṃ parivāretvā dassetī’’ti vutto. Atthena upamaṃ parivāretvāti etthāpi eseva nayo. Idāni te cattāropi pakāre sutte āgatanayeneva dassento ‘‘seyyathāpissu, bhikkhave’’tiādimāha. Tattha dve agārāti dve paṭivissakagharā. Sadvārāti sammukhadvārā.

    สฺวายนฺติ โส อยํ เอวํ อุปมาทสฺสนวเสนปิ นานานเยนปิ ธมฺมเทสโก ภควาฯ เอกจฺจานํ เวเนยฺยานํ อตฺถสฺส สุขาวโพโธ ปฐมํ อุปมาทสฺสเน เหตุ, เอวํ ปฐมํ อตฺถทสฺสเน, อุปมาย อตฺถปริวารเณ, อเตฺถน อุปมาปริวารเณ จา’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อิมินาฯ ธมฺมธาตุยาติ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺสฯ ตญฺหิ ธมฺมธาตุปริยาปนฺนตฺตา ยถาวุตฺตธเมฺม จ สเพฺพปิ เญยฺยธเมฺม จ ปทหติ ยถาสภาวโต พุชฺฌติ โพเธติ จาติ ธาตุ, ธียนฺติ วา ธมฺมา เอตาย สพฺพาการโต ญายนฺติ ญาปิยนฺติ จาติ ธมฺมธาตุฯ ตสฺสา ปน สุฎฺฐุ สจฺจสมฺปฎิเวธวเสน ลทฺธตฺตา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตาติ, ยทเคฺคน วา เญยฺยํ ตาย สุปฺปฎิวิทฺธํ, ตทเคฺคน สาปิสฺส สุปฺปฎิวิทฺธา เอวาติ อาห ‘‘สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา’’ติฯ

    Svāyanti so ayaṃ evaṃ upamādassanavasenapi nānānayenapi dhammadesako bhagavā. Ekaccānaṃ veneyyānaṃ atthassa sukhāvabodho paṭhamaṃ upamādassane hetu, evaṃ paṭhamaṃ atthadassane, upamāya atthaparivāraṇe, atthena upamāparivāraṇe cā’’ti imamatthaṃ dasseti ‘‘esa nayo sabbatthā’’ti iminā. Dhammadhātuyāti sabbaññutaññāṇassa. Tañhi dhammadhātupariyāpannattā yathāvuttadhamme ca sabbepi ñeyyadhamme ca padahati yathāsabhāvato bujjhati bodheti cāti dhātu, dhīyanti vā dhammā etāya sabbākārato ñāyanti ñāpiyanti cāti dhammadhātu. Tassā pana suṭṭhu saccasampaṭivedhavasena laddhattā suppaṭividdhattāti, yadaggena vā ñeyyaṃ tāya suppaṭividdhaṃ, tadaggena sāpissa suppaṭividdhā evāti āha ‘‘suppaṭividdhattā’’ti.

    ปกติปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฎฺฐภาวทสฺสนตฺถํ สํกิลิฎฺฐวตฺถทสฺสนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปกติปริสุทฺธํ วตฺถ’’นฺติฯ รชาทินาติ เอตฺถรโช นาม เรณุฯ อาทิ-สเทฺทน อณุตชฺชาริธูมาทิกํ วตฺถสฺส อปริสุทฺธิการณํ สงฺคณฺหาติฯ สพฺพโส กิลิสฺสติ วินสฺสติ วิสุทฺธิ เอเตนาติ สํกิเลโส, เตน สํกิเลเสน ปํสุรชาทินา สํกิลิฎฺฐํ วณฺณวินาสเนน วิทูสิตํฯ มลํ มสิฯ ชลฺลิกา วุจฺจติ โลณปฎลาทิ ฉวิยา อุปริ ฐิตํ สรีรมลํฯ อาทิสเทฺทน สรีรชลฺลเมว อสฺสุเขฬสิงฺฆาณิกาทิกํ ตทญฺญมลํ สงฺคณฺหาติฯ คหิตตฺตาติ ปริโยนนฺธนวเสน คหิตตฺตาฯ รชนฺติ สตฺตา เตนาติ รงฺคํ, รงฺคเมว รงฺคชาตํ ยถา โกปเมว โกปชาตํฯ อุปนาเมยฺยาติ ปกฺขิเปยฺยฯ นีลกตฺถายาติ นีลวณฺณตฺถายฯ ปลาสนีลาทิเกติ อาทิ-สเทฺทน กาฬสามาทิํ สงฺคณฺหาติฯ หลิทฺทิกกุธเสลาทิเก ปีตกรเงฺคฯ ลาขาปตฺตงฺครสาทิเก โลหิตกรเงฺคฯ มหารชนโลทฺทกนฺทุลาทิเก มนฺทรตฺตรเงฺคฯ ทุฎฺฐุ รชิตวณฺณํ อปภสฺสรํฯ เตนาห ‘‘อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสา’’ติฯ อีทิสนฺติ ทุรตฺตวณฺณํฯ ตสฺมิํ วเตฺถ รงฺคชาตํ สยํ สุปริสุทฺธํ สมานํ กิสฺส เหตุ เกน รตฺตวณฺณํ อปริสุทฺธํ โหตีติ รงฺคชาตสฺส นิโทฺทสตํ วทติฯ เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ

    Pakatipariyodātassa cittassa āgantukehi upakkilesehi upakkiliṭṭhabhāvadassanatthaṃ saṃkiliṭṭhavatthadassananti katvā vuttaṃ ‘‘pakatiparisuddhaṃ vattha’’nti. Rajādināti ettharajo nāma reṇu. Ādi-saddena aṇutajjāridhūmādikaṃ vatthassa aparisuddhikāraṇaṃ saṅgaṇhāti. Sabbaso kilissati vinassati visuddhi etenāti saṃkileso, tena saṃkilesena paṃsurajādinā saṃkiliṭṭhaṃ vaṇṇavināsanena vidūsitaṃ. Malaṃ masi. Jallikā vuccati loṇapaṭalādi chaviyā upari ṭhitaṃ sarīramalaṃ. Ādisaddena sarīrajallameva assukheḷasiṅghāṇikādikaṃ tadaññamalaṃ saṅgaṇhāti. Gahitattāti pariyonandhanavasena gahitattā. Rajanti sattā tenāti raṅgaṃ, raṅgameva raṅgajātaṃ yathā kopameva kopajātaṃ. Upanāmeyyāti pakkhipeyya. Nīlakatthāyāti nīlavaṇṇatthāya. Palāsanīlādiketi ādi-saddena kāḷasāmādiṃ saṅgaṇhāti. Haliddikakudhaselādike pītakaraṅge. Lākhāpattaṅgarasādike lohitakaraṅge. Mahārajanaloddakandulādike mandarattaraṅge. Duṭṭhu rajitavaṇṇaṃ apabhassaraṃ. Tenāha ‘‘aparisuddhavaṇṇamevassā’’ti. Īdisanti durattavaṇṇaṃ. Tasmiṃ vatthe raṅgajātaṃ sayaṃ suparisuddhaṃ samānaṃ kissa hetu kena rattavaṇṇaṃ aparisuddhaṃ hotīti raṅgajātassa niddosataṃ vadati. Tenāha ‘‘yasmā panā’’tiādi.

    สํกิเลสปกฺขํ ทเสฺสเนฺตน อสํกิลิฎฺฐเมว วตฺถํ อุทาหริตพฺพนฺติ ปากโฎยมโตฺถ, สํกิลิฎฺฐวตฺถนิทสฺสเนน ปน ‘‘สิยา นุ โข อโญฺญปิ โกจิ วิเสโส’’ติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินาฯ อิตโร อตฺถวิเสโสติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ สํกิลิฎฺฐจิตฺตวิโสธนวิธาเน สํกิลิฎฺฐวตฺถํ นิทสฺสตพฺพนฺติ ปฎิญฺญา, วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถนฺติ เหตุอโตฺถฯ ยถา หีติอาทิ อนฺวยโตฺถฯ น ตตฺถ ชาติกาฬเก วิยาติอาทิ พฺยติเรกโตฺถฯ สทิสูทาหรณํ ปน มลคฺคหิตกํสปาติอาทิ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ จิตฺตมฺปีติอาทิ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺยอุปนยนํฯ ตตฺถ ปกติยาติ อกิตฺติเมน สภาเวนฯ ตนฺติ จิตฺตํฯ สามญฺญคฺคหณเญฺจตํ จิตฺตภาวาวิเสสโตฯ เตนาห ‘‘สกเลปี’’ติฯ ปณฺฑรเมว น สํกิลิฎฺฐํ สํกิเลเสหิ อสมนฺนาคตภาวโตฯ นนุ กิริยามยจิเตฺตหิ วิปากสนฺตาเน วิเสสาธานํ ลพฺภติ, อญฺญถา กตวินาสา กตพฺภาคมา อาปเชฺชยฺยุํ? กิญฺจาปิ ลพฺภติ, ตสฺส สํกิเลโส วฎฺฎุปนิสฺสโย, อสุทฺธิ วา น โหติ, อสํกิเลโส วิวฎฺฎุปนิสฺสโย, วิสุทฺธิ วา น โหติ เอวฯ อุปกฺกิลิฎฺฐนฺติ ปเนตํ อุปกฺกิเลสนารหสฺส จิตฺตสฺส วเสน วุตฺตํ, น วิปากปพนฺธสฺสฯ เตนาห ‘‘ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺต’’นฺติ, ‘‘ปณฺฑรเมวา’’ติ จฯ ตญฺจ โขติ ปน สกสนฺตติปริยาปนฺนตาย เนสํ เกวลํ เอกตฺตนยวเสน วุตฺตํ, น วิปากธมฺมานํ กิเลสาสมงฺคิภาวโตฯ อถ วา อุปกฺกิลิฎฺฐนฺติ อิมินา อุปกฺกิเลสเหตุ ตตฺถ วิชฺชมานํ วิเสสาธานมาห, น ‘‘สํกิลิฎฺฐา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๗๗.ทุกมาติกา) วิย ตํสมงฺคิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิโสธิยมานนฺติ วิปสฺสนาปญฺญาย อนุกฺกเมน สพฺพุปกฺกิเลเสหิ วิโมจิยมานํฯ สกฺกา อคฺคมคฺคกฺขเณ ปภสฺสรตรํ กาตุํ, ยโต น ปุน อุปกฺกิลิสฺสติฯ เอวนฺติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส นิคมนํฯ

    Saṃkilesapakkhaṃ dassentena asaṃkiliṭṭhameva vatthaṃ udāharitabbanti pākaṭoyamattho, saṃkiliṭṭhavatthanidassanena pana ‘‘siyā nu kho aññopi koci viseso’’ti adhippāyena pucchati ‘‘kasmā panā’’tiādinā. Itaro atthavisesoti dassento ‘‘vāyāmamahapphaladassanattha’’ntiādimāha. Ettha ca saṃkiliṭṭhacittavisodhanavidhāne saṃkiliṭṭhavatthaṃ nidassatabbanti paṭiññā, vāyāmamahapphaladassanatthanti hetuattho. Yathā hītiādi anvayattho. Na tattha jātikāḷake viyātiādi byatirekattho. Sadisūdāharaṇaṃ pana malaggahitakaṃsapātiādi daṭṭhabbaṃ. Evaṃ cittampītiādi opammatthassa upameyyaupanayanaṃ. Tattha pakatiyāti akittimena sabhāvena. Tanti cittaṃ. Sāmaññaggahaṇañcetaṃ cittabhāvāvisesato. Tenāha ‘‘sakalepī’’ti. Paṇḍarameva na saṃkiliṭṭhaṃ saṃkilesehi asamannāgatabhāvato. Nanu kiriyāmayacittehi vipākasantāne visesādhānaṃ labbhati, aññathā katavināsā katabbhāgamā āpajjeyyuṃ? Kiñcāpi labbhati, tassa saṃkileso vaṭṭupanissayo, asuddhi vā na hoti, asaṃkileso vivaṭṭupanissayo, visuddhi vā na hoti eva. Upakkiliṭṭhanti panetaṃ upakkilesanārahassa cittassa vasena vuttaṃ, na vipākapabandhassa. Tenāha ‘‘pabhassaramidaṃ bhikkhave citta’’nti, ‘‘paṇḍaramevā’’ti ca. Tañca khoti pana sakasantatipariyāpannatāya nesaṃ kevalaṃ ekattanayavasena vuttaṃ, na vipākadhammānaṃ kilesāsamaṅgibhāvato. Atha vā upakkiliṭṭhanti iminā upakkilesahetu tattha vijjamānaṃ visesādhānamāha, na ‘‘saṃkiliṭṭhā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. 77.dukamātikā) viya taṃsamaṅgitanti daṭṭhabbaṃ. Visodhiyamānanti vipassanāpaññāya anukkamena sabbupakkilesehi vimociyamānaṃ. Sakkā aggamaggakkhaṇe pabhassarataraṃ kātuṃ, yato na puna upakkilissati. Evantiādi vuttassevatthassa nigamanaṃ.

    ทุฎฺฐคติปริปูรณวเสน ปฎิปชฺชนํ ปฎิปตฺติฯ สา เอว กิเลสทรถปริฬาหาทิวเสน อุปายาสทุกฺขา, กุจฺฉิตา วา คติ ปวตฺติ, ทุคฺคติเหตูติ วา ทุคฺคติ, ทุคฺคติยา ปน ปฎิปตฺติยา คนฺธพฺพโต, ตสฺสา วา นิปฺผนฺนภาวโต กุจฺฉิโต, ทุกฺขา จ คตีติ ทุคฺคติสํกิลิฎฺฐจิโตฺตติ อิทํ ตสฺสา ปฎิปตฺติยา ทุคฺคติภาวทสฺสนตฺถํ, น วิเสสนตฺถํฯ น หิ อสํกิลิฎฺฐจิตฺตสฺส ปาณฆาตาทิวเสน ปวตฺติฯ สํกิลิฎฺฐจิโตฺตติ ลาภาสาย สพฺพโส กิลิฎฺฐจิโตฺต ฯ ทูเตยฺยปหิณคมนนฺติ ทูเตยฺยํ วุจฺจติ ทุตกมฺมํ, คิหีนํ ปณฺณํ วา สาสนํ วา คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คมนํ, ปหิณคมนํ ฆราฆรํ เปสิตสฺส ขุทฺทกคมนํ, ทูเตยฺยคมนํ ปหิณคมนญฺจ คจฺฉติฯ เวชฺชกมฺมนฺติ อนนุญฺญาเต ฐาเน ลาภาสาย คหฎฺฐานํ เภสชฺชํ กโรติฯ สงฺฆเภทกถา ปรโต อาคมิสฺสติฯ เวฬุทานาทีหีติ เวฬุทานปตฺตทานปุปฺผทานาทีหิ มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กเปฺปติสกลมฺปีติ ‘‘อตฺถิ อนาจาโร, อตฺถิ อโคจโร’’ติอาทินา วิภเงฺค (วิภ. ๕๑๓, ๕๑๔) อาคตํ สพฺพมฺปิ อนาจารํ อโคจรญฺจ จรณวเสน ปริปูเรติฯ

    Duṭṭhagatiparipūraṇavasena paṭipajjanaṃ paṭipatti. Sā eva kilesadarathapariḷāhādivasena upāyāsadukkhā, kucchitā vā gati pavatti, duggatihetūti vā duggati, duggatiyā pana paṭipattiyā gandhabbato, tassā vā nipphannabhāvato kucchito, dukkhā ca gatīti duggati. Saṃkiliṭṭhacittoti idaṃ tassā paṭipattiyā duggatibhāvadassanatthaṃ, na visesanatthaṃ. Na hi asaṃkiliṭṭhacittassa pāṇaghātādivasena pavatti. Saṃkiliṭṭhacittoti lābhāsāya sabbaso kiliṭṭhacitto . Dūteyyapahiṇagamananti dūteyyaṃ vuccati dutakammaṃ, gihīnaṃ paṇṇaṃ vā sāsanaṃ vā gahetvā tattha tattha gamanaṃ, pahiṇagamanaṃ gharāgharaṃ pesitassa khuddakagamanaṃ, dūteyyagamanaṃ pahiṇagamanañca gacchati. Vejjakammanti ananuññāte ṭhāne lābhāsāya gahaṭṭhānaṃ bhesajjaṃ karoti. Saṅghabhedakathā parato āgamissati. Veḷudānādīhīti veḷudānapattadānapupphadānādīhi micchājīvena jīvikaṃ kappeti. Sakalampīti ‘‘atthi anācāro, atthi agocaro’’tiādinā vibhaṅge (vibha. 513, 514) āgataṃ sabbampi anācāraṃ agocarañca caraṇavasena paripūreti.

    ‘‘นิรยมฺปิ …เป.… เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ เปตฺติวิสยคมนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สมณยโกฺข นาม โหตี’’ติอาทิมาหฯ

    ‘‘Nirayampi…pe… pettivisayampi gacchatī’’ti vatvā tattha pettivisayagamanaṃ dassento ‘‘samaṇayakkho nāma hotī’’tiādimāha.

    สุกฺกปเกฺข ปริสุทฺธนฺติ สพฺพโส วิสุทฺธํ อสํกิลิฎฺฐํฯ ปริสุทฺธตฺตา เอว ปริโยทาตํ, ปภสฺสรนฺติ อโตฺถฯ สุรตฺตวณฺณเมวสฺสาติ สุฎฺฐุ รตฺตวณฺณเมว อสฺสฯ ปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสาติ นีลวโณฺณปิสฺส ปริสุโทฺธ จ ภเวยฺยาติ เอวมาทิํ สนฺธายาห ‘‘กณฺหปเกฺข วุตฺตปจฺจนีเกเนว เวทิตพฺพา’’ติฯ รงฺคชาตนฺติอาทิ ปน ตตฺถ วุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพํฯ ปฎิปตฺติสุคติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปฎิปตฺติทุคฺคติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํฯ ปริสุทฺธจิโตฺตติ สุทฺธาสโยฯ ทส กุสลกมฺมปเถ ปริปูเรตีติ อิทํ กณฺหปเกฺข ‘‘ทส อกุสลกมฺมปเถ ปริปูเรตี’’ติ วุตฺตสฺส ปฎิปกฺขทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ ยถา หิ ตตฺถ อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฎฺฐิคฺคหเณน กมฺมปถสํสนฺทนนเยน กมฺมปถํ อปฺปตฺตาย จ อคาริยสฺส ตถารูปาย มิจฺฉาปฎิปตฺติยา สงฺคโห อิจฺฉิโต, เอวํ อิธาปิ อนภิชฺฌาอพฺยาปาทสมฺมาทิฎฺฐิคฺคหเณน อโลภาโทสาโมหวเสน ปวตฺตา อคาริยสฺส สมฺมาปฎิปตฺติ สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํ, น กมฺมปถปฺปตฺตาวาติฯ มนุสฺสมหนฺตตนฺติ ชาติรูปโภคาธิปเตยฺยาทิวเสน มนุเสฺสสุ มหนฺตภาวํฯ ทสหิ ฐาเนหิ อเญฺญสํ เทวานํ อภิภโว เทวมหนฺตตาฯ ปฎิปตฺติ สุคติยา ภาชิยมานตฺตา ‘‘อนาคามิมคฺคํ ภาเวตี’’ติ ตถา อนาคามิภาวนํ ปาเปตฺวา ฐปิตาฯ คหิตคฺคหเณน สุขานุภวฎฺฐานสฺส อธิเปฺปตตฺตา ตทภาวโต อสญฺญิภวํ อนาทิยโนฺต ‘‘ทสสุ วา พฺรหฺมภวเนสู’’ติอาทิมาหฯ

    Sukkapakkhe parisuddhanti sabbaso visuddhaṃ asaṃkiliṭṭhaṃ. Parisuddhattā eva pariyodātaṃ, pabhassaranti attho. Surattavaṇṇamevassāti suṭṭhu rattavaṇṇameva assa. Parisuddhavaṇṇamevassāti nīlavaṇṇopissa parisuddho ca bhaveyyāti evamādiṃ sandhāyāha ‘‘kaṇhapakkhe vuttapaccanīkeneva veditabbā’’ti. Raṅgajātantiādi pana tattha vuttavaseneva veditabbaṃ. Paṭipattisugatiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ paṭipattiduggatiādīsu vuttavipariyāyena veditabbaṃ. Parisuddhacittoti suddhāsayo. Dasa kusalakammapathe paripūretīti idaṃ kaṇhapakkhe ‘‘dasa akusalakammapathe paripūretī’’ti vuttassa paṭipakkhadassanavasena vuttaṃ. Yathā hi tattha abhijjhābyāpādamicchādiṭṭhiggahaṇena kammapathasaṃsandananayena kammapathaṃ appattāya ca agāriyassa tathārūpāya micchāpaṭipattiyā saṅgaho icchito, evaṃ idhāpi anabhijjhāabyāpādasammādiṭṭhiggahaṇena alobhādosāmohavasena pavattā agāriyassa sammāpaṭipatti saṅgahitāti daṭṭhabbaṃ, na kammapathappattāvāti. Manussamahantatanti jātirūpabhogādhipateyyādivasena manussesu mahantabhāvaṃ. Dasahi ṭhānehi aññesaṃ devānaṃ abhibhavo devamahantatā. Paṭipatti sugatiyā bhājiyamānattā ‘‘anāgāmimaggaṃ bhāvetī’’ti tathā anāgāmibhāvanaṃ pāpetvā ṭhapitā. Gahitaggahaṇena sukhānubhavaṭṭhānassa adhippetattā tadabhāvato asaññibhavaṃ anādiyanto ‘‘dasasu vā brahmabhavanesū’’tiādimāha.

    ๗๑. สกภเณฺฑ ฉนฺทราโค อภิชฺฌายนเฎฺฐน อภิชฺฌา, อภิชฺฌายนาติ อโตฺถฯ ปรภเณฺฑ ฉนฺทราโค วิสมํ ลุพฺภตีติ วิสมโลโภฯ เอวมฺปิ อภิชฺฌาวิสมโลภานํ วิเสโส โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺตโน สนฺตกํ ตํสทิสญฺจ ยุตฺตฎฺฐานํฯ ยํ ยาจิตํ, อปฺปกสิเรน วา สกฺกา ลทฺธุํ, ตํ ปตฺตฎฺฐานํฯ ปรทารครุทาราติ อยุตฺตฎฺฐานํฯ ยํ อปตฺถนิยํ, ยสฺส วา ปตฺถนาย พฺยสนํ อาปชฺชติ, ตํ อปฺปตฺตฎฺฐานํเถโรติ มหาสงฺฆรกฺขิตเตฺถโร, เยน อฎฺฐกถา โปตฺถกํ อาโรปิตาฯ โส หิ อเนฺตวาสิเกสุ สากจฺฉเนฺตสุ เอวมาหฯ โสปิ อิมสฺมิํเยว สุเตฺต วินิโพฺภโค น ลพฺภติ จิตฺตสํกิเลสสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เตนาห ‘‘ยุเตฺต วา’’ติอาทิฯ อโยนิโสมนสิการวเสน อุปฺปชฺชนโต สมฺปตฺติ อายติญฺจ ทุกฺขเสฺสว อุปฺปาทนโต น โกจิ โลโภ อวิสโม นามอภิชฺฌายนเฎฺฐนาติ ยสฺส กสฺสจิ อารมฺมณสฺส ยุตฺตสฺส อยุตฺตสฺส อปฺปตฺตสฺส จ อภิชฺชายนวเสน อภิปตฺถนาวเสน จ ปวตฺตา ตณฺหา อภิชฺฌาติ โลภโต นิพฺพิเสสนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘เอกตฺถเมตํ พฺยญฺชนเมว นาน’’นฺติฯ ทูเสตีติ สภาวสนฺตํ อสํกิเลสํ วินาเสติ อวิสุทฺธํ กโรติฯ เตนาห ‘‘โอภาสิตุํ น เทตี’’ติฯ ‘‘อิเม สตฺตา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วินสฺสนฺตู’’ติ สเตฺตสุ พฺยาปชฺชนาการปฺปวตฺติยา พฺยาปาโท นววิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว วุโตฺตฯ โกโธ ปน สงฺขาเรสุปิ ปวตฺตนโต ทสวิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว วุโตฺตฯ อุภยมฺปิ ปฎิฆเมว, ปวตฺตนานตฺตโต ภินฺทิตฺวา วุโตฺตฯ กุชฺฌนวเสเนว จิตฺตปริโยนนฺธโน ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ อวธิ ม’’นฺติอาทินาฯ

    71.Sakabhaṇḍe chandarāgo abhijjhāyanaṭṭhena abhijjhā, abhijjhāyanāti attho. Parabhaṇḍe chandarāgo visamaṃ lubbhatīti visamalobho. Evampi abhijjhāvisamalobhānaṃ viseso hotīti dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tattha attano santakaṃ taṃsadisañca yuttaṭṭhānaṃ. Yaṃ yācitaṃ, appakasirena vā sakkā laddhuṃ, taṃ pattaṭṭhānaṃ. Paradāragarudārāti ayuttaṭṭhānaṃ. Yaṃ apatthaniyaṃ, yassa vā patthanāya byasanaṃ āpajjati, taṃ appattaṭṭhānaṃ. Theroti mahāsaṅgharakkhitatthero, yena aṭṭhakathā potthakaṃ āropitā. So hi antevāsikesu sākacchantesu evamāha. Sopi imasmiṃyeva sutte vinibbhogo na labbhati cittasaṃkilesassa adhippetattā. Tenāha ‘‘yutte vā’’tiādi. Ayonisomanasikāravasena uppajjanato sampatti āyatiñca dukkhasseva uppādanato na koci lobho avisamo nāma. Abhijjhāyanaṭṭhenāti yassa kassaci ārammaṇassa yuttassa ayuttassa appattassa ca abhijjāyanavasena abhipatthanāvasena ca pavattā taṇhā abhijjhāti lobhato nibbisesanti dasseti. Tenāha ‘‘ekatthametaṃ byañjanameva nāna’’nti. Dūsetīti sabhāvasantaṃ asaṃkilesaṃ vināseti avisuddhaṃ karoti. Tenāha ‘‘obhāsituṃ na detī’’ti. ‘‘Ime sattā ucchijjantu vinassantū’’ti sattesu byāpajjanākārappavattiyā byāpādo navavidhaāghātavatthusambhavo vutto. Kodho pana saṅkhāresupi pavattanato dasavidhaāghātavatthusambhavo vutto. Ubhayampi paṭighameva, pavattanānattato bhinditvā vutto. Kujjhanavaseneva cittapariyonandhano ‘‘akkocchi maṃ avadhi ma’’ntiādinā.

    สุฎฺฐุ กตํ กรณํ สุกตํ, ตสฺส ปุพฺพการิตาลกฺขณสฺส คุณสฺส วินาสโน อุทกปุญฺฉนิยา วิย สรีรานุคตํ อุทกํ ปุญฺฉโนฺต มโกฺขฯ ตถา หิ โส ปเรสํ คุณานํ มกฺขนเฎฺฐน ‘‘มโกฺข’’ติ วุจฺจติฯ อิทานิ อนคาริยสฺส วาติอาทินา สเงฺขเปน วุตฺตตฺถํ วิตฺถาเรน ทเสฺสตุํ ‘‘อนคาริโยปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิสินฺนกถาปริกถาทิวเสน ธมฺมสฺส กถา ธมฺมกถานโย, เอกตฺตาทิธมฺมนีติ เอว วาฯ ปกรณํ สตฺต ปกรณานิ, ตตฺถ โกสลฺลํ ธมฺมกถานยปกรณโกสลฺลํอาทิ-สเทฺทน วินยกฺกเม จตูสุ มหานิกาเยสุ จ โกสลฺลํ สงฺคณฺหาติฯ อจิตฺตีกโตติ จิตฺตีการรหิโตฯ ยถา จายนฺติ อิมินา ยถายํ มโกฺข จิตฺตํ ทูเสติ, เอวํ ปฬาโสปิ จิตฺตํ ทูเสติ, ตสฺมา อุปกฺกิเลโสติ ทเสฺสติฯ อนิยตา คติ นิยาโมกฺกมนาภาวโตฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิเต ปุคฺคเล อโชฺฌตฺถริตฺวา ‘ตฺวมฺปิ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิโต, อหมฺปิ ปพฺพชิโต, ตฺวมฺปิ สีลมเตฺต ฐิโต อหมฺปี’ติ’’ เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ ยุคคฺคาหคาหีติ ‘‘ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติ อสมมฺปิ สมํ กตฺวา สมธุรคฺคาหคณฺหนโกฯ ขียนา อุสูยนาฯ อตฺตโน สมฺปตฺติยา นิคูหนํ ตสฺส ปเรหิ สาธารณภาวาสหเนน โหตีติ ‘‘ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหมานํ’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ การเณ หิ คหิเต ผลมฺปิ คหิตเมว โหตีติฯ อญฺญถา อตฺตโน ปเวทนกปุคฺคโล เกราฎิโก, ‘‘เนกติกวาณิโช’’ติปิ วทนฺติฯ สปฺปมุขา มจฺฉวาลา เอกา มจฺฉชาติ อายตนมโจฺฉฯ เตนาห ‘‘อายตนมโจฺฉ นามา’’ติอาทิฯ พทฺธจโรติ อเนฺตวาสีฯ

    Suṭṭhu kataṃ karaṇaṃ sukataṃ, tassa pubbakāritālakkhaṇassa guṇassa vināsano udakapuñchaniyā viya sarīrānugataṃ udakaṃ puñchanto makkho. Tathā hi so paresaṃ guṇānaṃ makkhanaṭṭhena ‘‘makkho’’ti vuccati. Idāni anagāriyassa vātiādinā saṅkhepena vuttatthaṃ vitthārena dassetuṃ ‘‘anagāriyopī’’tiādi vuttaṃ. Nisinnakathāparikathādivasena dhammassa kathā dhammakathānayo, ekattādidhammanīti eva vā. Pakaraṇaṃ satta pakaraṇāni, tattha kosallaṃ dhammakathānayapakaraṇakosallaṃ. Ādi-saddena vinayakkame catūsu mahānikāyesu ca kosallaṃ saṅgaṇhāti. Acittīkatoti cittīkārarahito. Yathā cāyanti iminā yathāyaṃ makkho cittaṃ dūseti, evaṃ paḷāsopi cittaṃ dūseti, tasmā upakkilesoti dasseti. Aniyatā gati niyāmokkamanābhāvato. Ādi-saddena ‘‘rattaññū cirapabbajite puggale ajjhottharitvā ‘tvampi imasmiṃ sāsane pabbajito, ahampi pabbajito, tvampi sīlamatte ṭhito ahampī’ti’’ evamādīnaṃ saṅgaho. Yugaggāhagāhīti ‘‘tava vā mama vā ko viseso’’ti asamampi samaṃ katvā samadhuraggāhagaṇhanako. Khīyanā usūyanā. Attano sampattiyā nigūhanaṃ tassa parehi sādhāraṇabhāvāsahanena hotīti ‘‘parehi sādhāraṇabhāvaṃ asahamānaṃ’’icceva vuttaṃ. Kāraṇe hi gahite phalampi gahitameva hotīti. Aññathā attano pavedanakapuggalo kerāṭiko, ‘‘nekatikavāṇijo’’tipi vadanti. Sappamukhā macchavālā ekā macchajāti āyatanamaccho. Tenāha ‘‘āyatanamaccho nāmā’’tiādi. Baddhacaroti antevāsī.

    สพฺพโส อมทฺทิตสภาเวน วา ตภริตภตฺตสทิสสฺส ถทฺธภาวสฺส อโนนมิตทณฺฑสทิสตาย ปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติการสฺส จ กรณโต วา ตภริต…เป.… กรโณฯ ตทุตฺตริกรโณติ ยํ เยน กตํ ทุจฺจริตํ วา สุจริตํ วา, ตทุตฺตริ, ตสฺส ทฺวิคุณํ วา กรโณฯ อตฺตโน มณฺฑนาทิอตฺถํ ปเรน กตํ อลงฺการาทิํปริยาปุณาติ วา กเถติ วา อตฺตโน พลานุรูปํฯ กามํ นิกายทฺวยคฺคหณาทิวเสน ปวโตฺต เสวิตพฺพมาโน เอว, ตถาปิสฺส สํกิเลสปกฺขตฺตา วุตฺตํ ‘‘มานํ อนิสฺสายา’’ติฯ

    Sabbaso amadditasabhāvena vā tabharitabhattasadisassa thaddhabhāvassa anonamitadaṇḍasadisatāya paggahitasiraanivātavuttikārassa ca karaṇato vā tabharita…pe… karaṇo. Taduttarikaraṇoti yaṃ yena kataṃ duccaritaṃ vā sucaritaṃ vā, taduttari, tassa dviguṇaṃ vā karaṇo. Attano maṇḍanādiatthaṃ parena kataṃ alaṅkārādiṃ. Pariyāpuṇāti vā katheti vā attano balānurūpaṃ. Kāmaṃ nikāyadvayaggahaṇādivasena pavatto sevitabbamāno eva, tathāpissa saṃkilesapakkhattā vuttaṃ ‘‘mānaṃ anissāyā’’ti.

    อุณฺณติวเสนาติ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา จิตฺตสฺส ปคฺคหณวเสนฯ ปุเพฺพ เกนจิ อตฺตานํ สทิสํ กตฺวา ปจฺฉา ตโต อธิกโต ทหนโต อุปฺปชฺชนโก อติมาโนมทคฺคหณากาโร ชาติอาทิํ ปฎิจฺจ มชฺชนากาโร, โสปิ อตฺถโต มาโน เอวฯ ปมาโท ตถาปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโทฯ

    Uṇṇativasenāti ‘‘seyyohamasmī’’tiādinā cittassa paggahaṇavasena. Pubbe kenaci attānaṃ sadisaṃ katvā pacchā tato adhikato dahanato uppajjanako atimāno. Madaggahaṇākāro jātiādiṃ paṭicca majjanākāro, sopi atthato māno eva. Pamādo tathāpavatto cittuppādo.

    ตสฺมา โลภมาทิํ กตฺวา ทเสฺสตีติ โลภสฺส อาทิโต คหเณ การณํ วิภาเวตุกาโม ปุจฺฉติฯ ปฐมุปฺปตฺติโตติ ตตฺถ ตตฺถ ภเว สพฺพปฐมํ อุปฺปชฺชนโตฯ สตฺตานญฺหิ ยถาธิคตํ ฌานาทิวิเสสํ อารพฺภ ปจฺจเวกฺขณา วิย ยถาลทฺธํ อุปปติภวํ อารพฺภ นิกนฺติ เอวฯ เตนาห ‘‘สพฺพสตฺตาน’’นฺติอาทิฯ ยถาสมฺภวํ อิตเรติ อิตเร พฺยาปาทาทโย ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชนฺติ, โลภสฺส วิย อาทิโต อสุกสฺส อนนฺตรํ อสุโกติ วา น เนสํ นิยโม อตฺถีติ อโตฺถฯ กิํ ปน เอเต โสฬเสว จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, อุทาหุ อเญฺญปิ สนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย อเญฺญปิ สนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น จ เอเต’’ติอาทิมาหฯ ยทิ เอวํ กสฺมา เอตฺตกา เอว อิธ วุตฺตาติฯ นยทสฺสนวเสนาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอเตน ปน…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ เตน ถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจ-วิจิกิจฺฉา-อตฺตุกฺกํสน-ปรวพฺภนฉมฺภิตตฺตา- ภีรุกตา-อหิริกาโนตฺตปฺป-อตฺติจฺฉตา-ปาปิจฺฉตา-มหิจฺฉตาทโย สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํฯ

    Tasmā lobhamādiṃ katvā dassetīti lobhassa ādito gahaṇe kāraṇaṃ vibhāvetukāmo pucchati. Paṭhamuppattitoti tattha tattha bhave sabbapaṭhamaṃ uppajjanato. Sattānañhi yathādhigataṃ jhānādivisesaṃ ārabbha paccavekkhaṇā viya yathāladdhaṃ upapatibhavaṃ ārabbha nikanti eva. Tenāha ‘‘sabbasattāna’’ntiādi. Yathāsambhavaṃ itareti itare byāpādādayo yathāpaccayaṃ uppajjanti, lobhassa viya ādito asukassa anantaraṃ asukoti vā na nesaṃ niyamo atthīti attho. Kiṃ pana ete soḷaseva cittassa upakkilesā, udāhu aññepi santīti anuyogaṃ sandhāya aññepi santīti dassento ‘‘na ca ete’’tiādimāha. Yadi evaṃ kasmā ettakā eva idha vuttāti. Nayadassanavasenāti dassento āha ‘‘etena pana…pe… veditabbā’’ti. Tena thinamiddhauddhaccakukkucca-vicikicchā-attukkaṃsana-paravabbhanachambhitattā- bhīrukatā-ahirikānottappa-atticchatā-pāpicchatā-mahicchatādayo saṅgahitāti veditabbaṃ.

    ๗๒. สํกิเลสํ ทเสฺสตฺวาติ สํกิลิฎฺฐวตฺตนิทสฺสเนน สเงฺขเปน วุตฺตํ สํกิเลสํ วิภาเคน ทเสฺสตฺวาฯ โวทานํ ทเสฺสโนฺตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ชานิตฺวาติ ‘‘อภิชฺฌา วิสมโลโภ เอกเนฺตเนว จิตฺตสฺส อุปฺปกฺกิเลโส’’ติ สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโต จ ปุพฺพภาคปญฺญาย เจว เหฎฺฐิมมคฺคทฺวยปญฺญาย จ ชานิตฺวาฯ ปชหตีติ เอตฺถ อจฺจนฺตปฺปหานเมว อธิเปฺปตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สมุเจฺฉทปฺปหานวเสน อริยมเคฺคน ปชหตี’’ติ อาหฯ อริยมเคฺคนาติ อนาคามิมเคฺคนฯ เตน หิ ปหานํ อิธ สพฺพวาเรสุ อธิเปฺปตํฯ กิเลสปฎิปาฎิ อิธ กิเลสานํ เทสนากฺกโมฯ มคฺคปฎิปาฎิปน จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ เทสนากฺกโมปิ ตาย เทสนาย ปฎิปชฺชนกฺกโมปิ ตาย ปฎิปตฺติยา อุปฺปตฺติกฺกโมปิฯ ตตฺถ เย เย กิเลสา เยน เยน มเคฺคน ปหียนฺติ, มคฺคปฎิปาฎิํ อโนโลเกตฺวา เตสํ เตสํ กิเลสานํ เตน เตน มเคฺคน ปหานทสฺสนํ กิเลสปฎิปาฎิ น กิเลสานํ อุปฺปตฺติกฺกโม อิธ เทสนากฺกโม จาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิชฺฌา วิสมโลโภ’’ติอาทิมาหฯ เยน เยน ปน มเคฺคน เย เย กิเลสา ปหียนฺติ มคฺคานุปุพฺพิยา, เตน เตน มเคฺคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ ปหานทสฺสนํ มคฺคปฎิปาฎิยา ปหานทสฺสนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสตาปตฺติมเคฺคนา’’ติอาทิมาหฯ

    72.Saṃkilesaṃdassetvāti saṃkiliṭṭhavattanidassanena saṅkhepena vuttaṃ saṃkilesaṃ vibhāgena dassetvā. Vodānaṃ dassentoti etthāpi eseva nayo. Evaṃ jānitvāti ‘‘abhijjhā visamalobho ekanteneva cittassa uppakkileso’’ti sabhāvato samudayato nirodhato nirodhūpāyato ca pubbabhāgapaññāya ceva heṭṭhimamaggadvayapaññāya ca jānitvā. Pajahatīti ettha accantappahānameva adhippetanti dassento ‘‘samucchedappahānavasena ariyamaggena pajahatī’’ti āha. Ariyamaggenāti anāgāmimaggena. Tena hi pahānaṃ idha sabbavāresu adhippetaṃ. Kilesapaṭipāṭi idha kilesānaṃ desanākkamo. Maggapaṭipāṭipana catunnaṃ ariyamaggānaṃ desanākkamopi tāya desanāya paṭipajjanakkamopi tāya paṭipattiyā uppattikkamopi. Tattha ye ye kilesā yena yena maggena pahīyanti, maggapaṭipāṭiṃ anoloketvā tesaṃ tesaṃ kilesānaṃ tena tena maggena pahānadassanaṃ kilesapaṭipāṭi na kilesānaṃ uppattikkamo idha desanākkamo cāti dassento ‘‘abhijjhā visamalobho’’tiādimāha. Yena yena pana maggena ye ye kilesā pahīyanti maggānupubbiyā, tena tena maggena tesaṃ tesaṃ kilesānaṃ pahānadassanaṃ maggapaṭipāṭiyā pahānadassananti dassento ‘‘sotāpattimaggenā’’tiādimāha.

    อิมสฺมิํ ปน ฐาเนติ ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทินา อาคโต อิมสฺมิํ ปหานวาเรฯ อิเม กิเลสาติ อิเม ยถาวุตฺตา กิเลสาฯ โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา วา โหนฺตุ เสสมคฺควชฺฌา วาเหฎฺฐา ทสฺสิตมคฺคปฎิปาฎิวเสนฯ ตตฺถ ปน เย ตติยมคฺควชฺฌา, เตสํ อนาคามิมเคฺคเนว ปหาเน วตฺตพฺพํ นตฺถิ, เยสํ ปเนตฺถ เหฎฺฐิมมคฺควชฺฌานํ อิธ สงฺคเห การณํ ปจฺฉา วตฺตุกาเมน อคฺคมคฺควชฺฌานํ อนาทิยิตฺวา กสฺมา ตติยมคฺควชฺฌานเมว คหณํ กตนฺติ อาห ‘‘อยเมตฺถ ปเวณิมคฺคาคโต สมฺภโว’’ติ, อยํ อิมสฺส สุตฺตสฺส เอตสฺมิํ ฐาเน อาจริยปเวณิยา กถามโคฺค ตโต อาคโต อตฺถสมฺภโว อตฺถตตฺวนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ เหฎฺฐิมมคฺควชฺฌานํ อิธ สงฺคเห การณํ ปจฺฉา วตฺตุกาโม อคฺคมคฺควชฺฌานํ อคฺคหเณ ยุตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส จา’’ติอาทิมาหฯ เตนาติ จตุตฺถมเคฺคนฯ เสสานนฺติ พฺยาปาทาทีนํ ฯ เยปีติ มกฺขาทิเก สนฺธายาหฯ ตํสมุฎฺฐาปกจิตฺตานนฺติ เตสํ มกฺขาทีนํ สมุฎฺฐาปกจิตฺตุปฺปาทานํฯ ตตฺถ มกฺข-ปฬาส-อิสฺสา-มจฺฉริย-สมุฎฺฐาปกํ ปฎิฆทฺวยจิตฺตํ, วิเสสโต ปญฺจกามคุณโลเภน สโฐ มายาวี จ โหติ, ปญฺจกามคุณิกราโค จ อนาคามิมเคฺคเนว นิรวเสสโต ปหียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตํสมุฎฺฐาปกจิตฺตานํ อปฺปหีนตฺตา’’ติฯ เตปิ สุปฺปหีนา โหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ นฺติ ปฐมมเคฺคเนว ปหานํ ปุพฺพาปเรน น สนฺธิยติ ‘‘ยโถธิ โข’’ติ เอตฺถ โอธิวจนสฺส มคฺคตฺตยวาจกตฺตาฯ รตนตฺตเย อเวจฺจปฺปสาโท นาม อริยกนฺตสีลํ วิย โสตาปนฺนสฺส องฺคานิ, เต จ ปหานโต ปจฺฉา นิทฺทิฎฺฐา, ตสฺมา อิธ วุตฺตปฺปหานํ วิกฺขมฺภนปหานเมวาติ เกจิ วทนฺติฯ เตสํ อิจฺฉามตฺตเมว ยถาวุตฺตปหานเสฺสว วเสน อเวจฺจปฺปสาทานํ โอธิโส ปหานสฺส วิภาวิตตฺตา, สฺวายมโตฺถ เหฎฺฐา ยุตฺติโตปิ ปกาสิโตเยวฯ

    Imasmiṃ pana ṭhāneti ‘‘sa kho so, bhikkhave, bhikkhū’’tiādinā āgato imasmiṃ pahānavāre. Ime kilesāti ime yathāvuttā kilesā. Sotāpattimaggavajjhā vā hontu sesamaggavajjhā vāheṭṭhā dassitamaggapaṭipāṭivasena. Tattha pana ye tatiyamaggavajjhā, tesaṃ anāgāmimaggeneva pahāne vattabbaṃ natthi, yesaṃ panettha heṭṭhimamaggavajjhānaṃ idha saṅgahe kāraṇaṃ pacchā vattukāmena aggamaggavajjhānaṃ anādiyitvā kasmā tatiyamaggavajjhānameva gahaṇaṃ katanti āha ‘‘ayamettha paveṇimaggāgato sambhavo’’ti, ayaṃ imassa suttassa etasmiṃ ṭhāne ācariyapaveṇiyā kathāmaggo tato āgato atthasambhavo atthatatvanti attho. Tattha heṭṭhimamaggavajjhānaṃ idha saṅgahe kāraṇaṃ pacchā vattukāmo aggamaggavajjhānaṃ aggahaṇe yuttiṃ dassento ‘‘so cā’’tiādimāha. Tenāti catutthamaggena. Sesānanti byāpādādīnaṃ . Yepīti makkhādike sandhāyāha. Taṃsamuṭṭhāpakacittānanti tesaṃ makkhādīnaṃ samuṭṭhāpakacittuppādānaṃ. Tattha makkha-paḷāsa-issā-macchariya-samuṭṭhāpakaṃ paṭighadvayacittaṃ, visesato pañcakāmaguṇalobhena saṭho māyāvī ca hoti, pañcakāmaguṇikarāgo ca anāgāmimaggeneva niravasesato pahīyati, tasmā vuttaṃ ‘‘taṃsamuṭṭhāpakacittānaṃ appahīnattā’’ti. Tepi suppahīnā hontīti sambandho. Tanti paṭhamamaggeneva pahānaṃ pubbāparena na sandhiyati ‘‘yathodhi kho’’ti ettha odhivacanassa maggattayavācakattā. Ratanattaye aveccappasādo nāma ariyakantasīlaṃ viya sotāpannassa aṅgāni, te ca pahānato pacchā niddiṭṭhā, tasmā idha vuttappahānaṃ vikkhambhanapahānamevāti keci vadanti. Tesaṃ icchāmattameva yathāvuttapahānasseva vasena aveccappasādānaṃ odhiso pahānassa vibhāvitattā, svāyamattho heṭṭhā yuttitopi pakāsitoyeva.

    ๗๔. เอกเมเกน ปเทน โยเชตพฺพํ, ยโต เอกเมกสฺสปิ อุปกฺกิเลสสฺส สภาวาทิโต ทสฺสนํ นิยฺยานมุขํ โหติ, ตถา เจว เหฎฺฐา สํวณฺณิตํฯ อนาคามิมคฺควเสน ปหานํ วตฺวา ปสาทสฺส อุทฺธฎตฺตา วุตฺตํ ‘‘อนาคามิมเคฺคน โลกุตฺตรปฺปสาโท อาคโต’’ติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘โลกิโย อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส โลกิยตฺตาฯ นิพฺพานารมฺมโณ เอว หิ โลกุตฺตโร ปสาโทฯ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิวจเนน โลกิยํ, อเวจฺจปฺปสาทวจเนน โลกุตฺตรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปสาทํ ทเสฺสโนฺตฯ อเวจฺจ รตนตฺตยคุเณ ยาถาวโต ญตฺวา ปสาโท อเวจฺจปฺปสาโทฯ โส ปน ยสฺมา มเคฺคนาคตตฺตา เกนจิ อกมฺปนิโย อปฺปธํสิโย จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อจเลน อจฺจุเตนา’’ติฯ ตตฺถ โลกุตฺตโร สพฺพโส พุทฺธคุณาทีสุ สโมฺมหํ วิทฺธํเสโนฺต ตตฺถ กิจฺจโต ปวตฺตติ, อิตโร อารมฺมณวเสน เต อารพฺภฯ ตํ วิธินฺติ ตํ ตสฺส อุปฺปนฺนปฺปการํฯ อนุสฺสติฎฺฐานานีติ อนุสฺสติกมฺมฎฺฐานานิฯ

    74.Ekamekena padena yojetabbaṃ, yato ekamekassapi upakkilesassa sabhāvādito dassanaṃ niyyānamukhaṃ hoti, tathā ceva heṭṭhā saṃvaṇṇitaṃ. Anāgāmimaggavasena pahānaṃ vatvā pasādassa uddhaṭattā vuttaṃ ‘‘anāgāmimaggena lokuttarappasādo āgato’’ti. Yadi evaṃ kasmā ‘‘lokiyo uppajjatī’’ti vuttanti? ‘‘Itipi so bhagavā’’tiādinayappavattassa lokiyattā. Nibbānārammaṇo eva hi lokuttaro pasādo. ‘‘Itipi so bhagavā’’tiādivacanena lokiyaṃ, aveccappasādavacanena lokuttaranti lokiyalokuttaramissakaṃ pasādaṃ dassento. Avecca ratanattayaguṇe yāthāvato ñatvā pasādo aveccappasādo. So pana yasmā maggenāgatattā kenaci akampaniyo appadhaṃsiyo ca hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘acalena accutenā’’ti. Tattha lokuttaro sabbaso buddhaguṇādīsu sammohaṃ viddhaṃsento tattha kiccato pavattati, itaro ārammaṇavasena te ārabbha. Taṃ vidhinti taṃ tassa uppannappakāraṃ. Anussatiṭṭhānānīti anussatikammaṭṭhānāni.

    ๗๕. โสมนสฺสาทีติ อาทิ-สเทฺทน ญาณาทีนิ สงฺคณฺหาติฯ โจรานํ อภิณฺหํ สญฺจรณฎฺฐานตาย ปจฺจนฺตคฺคหณํฯ ปจฺจเวกฺขโตติ ‘‘อสุกสฺมิญฺจ ฐาเน อิเม จิเม โจรา เอวญฺจ เอวญฺจ วินาสิตา’’ติ ปจฺจเวกฺขโต รโญฺญ วิย

    75.Somanassādīti ādi-saddena ñāṇādīni saṅgaṇhāti. Corānaṃ abhiṇhaṃ sañcaraṇaṭṭhānatāya paccantaggahaṇaṃ. Paccavekkhatoti ‘‘asukasmiñca ṭhāne ime cime corā evañca evañca vināsitā’’ti paccavekkhato rañño viya.

    โย โย โอธิ ยโถธิฯ ยถา-สโทฺท พฺยาปนิจฺฉายํ, โข สโทฺท อวธารเณติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สกสกโอธิวเสน จตฺตเมว โหตี’’ติอาทิมาหฯ เตน ‘‘วนฺต’’นฺติอาทีสุปิ อวธาเรตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ สกสกโอธิวเสนาติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เทฺว โอธี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยํมคฺควชฺฌาติ เยน มเคฺคน อนวเสสโต ปหาตพฺพาฯ อนวเสสปฺปหานวเสน หิ ตํตํมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ตทญฺญมคฺควเชฺฌหิ อสมฺมิสฺสตา, อญฺญถา เย สกสกโอธิวเสน อุปริมคฺควชฺฌา, เต เหฎฺฐิมมเคฺคหิ ปหีนาปายคมนียาทิสภาวา เอว เตหิ ปหียนฺตีติ ปหานวเสน สมฺมิสฺสา สิยุํฯ เตน เตเยว ปหีนา โหนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตตุตฺตริปีติ ตโต ปหานนิมิตฺตโสมนสฺสุปฺปตฺติโต อุทฺธมฺปิฯ ปฎิปเกฺขสุ โอธิโส ปวตฺติกิจฺจตฺตา โอธีติ เหฎฺฐา ตโย มคฺคา วุจฺจนฺติเต หีติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส วิวรณํฯ อิมสฺส ภิกฺขุโนติ อนาคามิํ สนฺธายาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เหฎฺฐามคฺคตฺตเยน จตฺต’’นฺติฯ

    Yo yo odhi yathodhi. Yathā-saddo byāpanicchāyaṃ, kho saddo avadhāraṇeti dassento ‘‘sakasakaodhivasena cattameva hotī’’tiādimāha. Tena ‘‘vanta’’ntiādīsupi avadhāretabbanti dasseti. Sakasakaodhivasenāti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘dve odhī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha yaṃmaggavajjhāti yena maggena anavasesato pahātabbā. Anavasesappahānavasena hi taṃtaṃmaggavajjhānaṃ kilesānaṃ tadaññamaggavajjhehi asammissatā, aññathā ye sakasakaodhivasena uparimaggavajjhā, te heṭṭhimamaggehi pahīnāpāyagamanīyādisabhāvā eva tehi pahīyantīti pahānavasena sammissā siyuṃ. Tena teyeva pahīnā hontīti etthāpi eseva nayo. Tatuttaripīti tato pahānanimittasomanassuppattito uddhampi. Paṭipakkhesu odhiso pavattikiccattā odhīti heṭṭhā tayo maggā vuccanti. Te hītiādi vuttassevatthassa vivaraṇaṃ. Imassa bhikkhunoti anāgāmiṃ sandhāyāha. Tena vuttaṃ ‘‘heṭṭhāmaggattayena catta’’nti.

    เกจิ จตฺตมฺปิ คณฺหนฺติ, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วนฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ น หิ ยํ เยน วนฺตํ, โส ปุน ตํ อาทิยติฯ เตนาห ‘‘อนาทิยนภาวทสฺสนวเสนา’’ติฯ วนฺตมฺปิ กิญฺจิ สสนฺตติลคฺคํ สิยา, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘สนฺตติโต วินิโมจนวเสนา’’ติฯ มุตฺตมฺปิ กิญฺจิ มุตฺตพนฺธนา วิย ผลํ กุหิญฺจิ ติฎฺฐติ, น เอวมิทนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปหีน’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘กฺวจิ อนวฎฺฐานทสฺสนวเสนา’’ติฯ ยถา กิญฺจิ ทุนฺนิสฺสฎฺฐํ ปุน อาทาย สมฺมเทว นิสฺสฎฺฐํ ปฎินิสฺสฎฺฐนฺติ วุจฺจติ, เอวํ วิปสฺสนาย นิสฺสฎฺฐํ อาทินฺนสทิสํ มเคฺคน ปหีนํ ปฎินิสฺสฎฺฐํ นาม โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฎินิสฺสฎฺฐ’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อาทินฺนปุพฺพสฺส ปฎินิสฺสคฺคทสฺสนวเสนา’’ติฯ น กาปุริเสน วิย ปรมฺมุเขน นิสฺสฎฺฐํ , อถ โข อภิมุเขเนว นิสฺสฎฺฐนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฎินิสฺสฎฺฐ’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ปฎิมุขํ วา’’ติอาทิฯ อุปคนฺตพฺพโตติ อตฺตโน หิตสุขํ ปจฺจาสีสเนฺตน เอกเนฺตน อธิคนฺตพฺพโตฯ ธารณโตติ ตํสมงฺคีนํ อปายปาตโต สนฺธารเณนฯ คโนฺถ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ ‘‘วิทนฺติ เอเตนา’’ติ, เวเทหิ ญาเณหิ คโต ปฎิปโนฺนติ เวทคูอภิชญฺญาติ ชาเนยฺยฯ เวทชาตาติ อุปฺปนฺนโสมนสฺสาฯ ญาณํ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ ‘‘เวทิตพฺพํ เวเทตี’’ติฯ โสมนสฺสํ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ อารมฺมณรสํ วินฺทติ อนุภวตีติฯ

    Keci cattampi gaṇhanti, nayidamevanti dassanatthaṃ ‘‘vanta’’nti vuttaṃ. Na hi yaṃ yena vantaṃ, so puna taṃ ādiyati. Tenāha ‘‘anādiyanabhāvadassanavasenā’’ti. Vantampi kiñci sasantatilaggaṃ siyā, nayidamevanti dassanatthaṃ ‘‘mutta’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘santatito vinimocanavasenā’’ti. Muttampi kiñci muttabandhanā viya phalaṃ kuhiñci tiṭṭhati, na evamidanti dassanatthaṃ ‘‘pahīna’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘kvaci anavaṭṭhānadassanavasenā’’ti. Yathā kiñci dunnissaṭṭhaṃ puna ādāya sammadeva nissaṭṭhaṃ paṭinissaṭṭhanti vuccati, evaṃ vipassanāya nissaṭṭhaṃ ādinnasadisaṃ maggena pahīnaṃ paṭinissaṭṭhaṃ nāma hotīti dassanatthaṃ ‘‘paṭinissaṭṭha’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘ādinnapubbassa paṭinissaggadassanavasenā’’ti. Na kāpurisena viya parammukhena nissaṭṭhaṃ , atha kho abhimukheneva nissaṭṭhanti dassanatthaṃ ‘‘paṭinissaṭṭha’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘paṭimukhaṃ vā’’tiādi. Upagantabbatoti attano hitasukhaṃ paccāsīsantena ekantena adhigantabbato. Dhāraṇatoti taṃsamaṅgīnaṃ apāyapātato sandhāraṇena. Gantho‘‘vedo’’ti vuccati ‘‘vidanti etenā’’ti, vedehi ñāṇehi gato paṭipannoti vedagū. Abhijaññāti jāneyya. Vedajātāti uppannasomanassā. Ñāṇaṃ ‘‘vedo’’ti vuccati ‘‘veditabbaṃ vedetī’’ti. Somanassaṃ ‘‘vedo’’ti vuccati ārammaṇarasaṃ vindati anubhavatīti.

    อุปฺปนฺนนฺติ อเวจฺจปฺปสาทํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํฯ วุตฺตปฺปการเมว เวทนฺติ ‘‘โสมนสฺสํ โสมนสฺสมยญาณญฺจา’’ติ เอวํ วุตฺตปฺปการเมวฯ อตฺถเวทนฺติ อเตฺถ เหตุผเล เวทํฯ ธมฺมเวทนฺติ ธเมฺม เหตุมฺหิ เวทํฯ เตนาห ‘‘อเวจฺจปฺปสาทสฺส เหตุ’’นฺติอาทิฯ อิธ ธมฺมตฺถสทฺทา เหตุผลปริยายาติ อิมมตฺถํ ปาฬิยา เอว ทเสฺสตุํ ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตเมว อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจาติ อโตฺถ ธโมฺมติ จ วุตฺตํ อเวจฺจปฺปสาทนิมิตฺตํ ยถาวุตฺตํ กิเลสปฺปหานญฺจฯ อตฺถธมฺมานิสํสภูตํ เวทนฺติ ยถาวุตฺตอตฺถธมฺมานิสํสภูตํ โสมนสฺสมยญาณสงฺขาตํ เวทญฺจฯ ปาโมชฺชนฺติ ตรุณปีติํ อาหฯ ปจฺจเวกฺขณาการปฺปวเตฺตนาติ เอเตน ปจฺจเวกฺขณา เอเวตฺถ อนวชฺชสภาวตาย ธโมฺมติ วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปีติ ชายตีติ ปรปฺปจฺจยํ พลวปีติมาหฯ ปีณิตมนสฺสาติ ปสฺสทฺธิอาวเหหิ อุฬาเรหิ ปีติเวเคหิ ติตฺตจิตฺตสฺสฯ กาโยติ นามกาโยฯ วูปสนฺตทรโถติ กิเลสปริฬาหานํ ทูรีภาเวน สุฎฺฐุ อุปสนฺตทรโถฯ ปจฺจเวกฺขณเหตุกํ จิตฺตสฺส สมาธานํ อิธ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘อปฺปิตํ วิย อจลํ ติฎฺฐตี’’ติฯ

    Uppannanti aveccappasādaṃ nissāya uppannaṃ. Vuttappakārameva vedanti ‘‘somanassaṃ somanassamayañāṇañcā’’ti evaṃ vuttappakārameva. Atthavedanti atthe hetuphale vedaṃ. Dhammavedanti dhamme hetumhi vedaṃ. Tenāha ‘‘aveccappasādassa hetu’’ntiādi. Idha dhammatthasaddā hetuphalapariyāyāti imamatthaṃ pāḷiyā eva dassetuṃ ‘‘vuttañheta’’ntiādi vuttaṃ. Tameva atthañca dhammañcāti attho dhammoti ca vuttaṃ aveccappasādanimittaṃ yathāvuttaṃ kilesappahānañca. Atthadhammānisaṃsabhūtaṃ vedanti yathāvuttaatthadhammānisaṃsabhūtaṃ somanassamayañāṇasaṅkhātaṃ vedañca. Pāmojjanti taruṇapītiṃ āha. Paccavekkhaṇākārappavattenāti etena paccavekkhaṇā evettha anavajjasabhāvatāya dhammoti vuttoti daṭṭhabbaṃ. Pīti jāyatīti parappaccayaṃ balavapītimāha. Pīṇitamanassāti passaddhiāvahehi uḷārehi pītivegehi tittacittassa. Kāyoti nāmakāyo. Vūpasantadarathoti kilesapariḷāhānaṃ dūrībhāvena suṭṭhu upasantadaratho. Paccavekkhaṇahetukaṃ cittassa samādhānaṃ idha adhippetanti āha ‘‘appitaṃ viya acalaṃ tiṭṭhatī’’ti.

    ๗๖. กามํ ‘‘พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหิ, ธเมฺม สเงฺฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ อิทมฺปิ ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาย ปวตฺติอาการปกาสนเมว, อิทํ ปน วิเสสโต รตนตฺตเย อุปฺปนฺนโสมนสฺสาทิปฺปกาสนปทํฯ ‘‘ยโถธิ โข ปนา’’ติ อิทมฺปิ สวิเสสํ ปจฺจเวกฺขณาการปฺปกาสนปทนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อิทานิ ยโถธิ…เป.… ปกาเสตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ จตฺตาโรปิ ปน วารา ปจฺจเวกฺขณาการปฺปกาสนวเสน เจว โสมนสฺสาทิอานิสํสทสฺสนวเสน จ วุตฺตาติ สกฺกา วิญฺญาตุํ อุภยตฺถาปิ อุภยสฺส วุตฺตตฺตาฯ ยทิปิ อริยมโคฺค เอกจิตฺตกฺขณิโก น ปุน อุปฺปชฺชติ, ปฎิปกฺขสฺส ปน เตน สุปฺปหีนตฺตา ตํสมงฺคี อปริหานธโมฺม ตํสีลาทิภาเวเนว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ตสฺส อนาคามิมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลกฺขนฺธํ ทเสฺสตี’’ติอาทิฯ ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควโนฺต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓; ม. นิ. ๓.๑๙๗-๑๙๘; สํ. นิ. ๕.๓๗๘) วิย อิธ ธมฺม-สโทฺท สมาธิปริยาโยติ อาห ‘‘สมาธิกฺขนฺธํ ปญฺญากฺขนฺธญฺจ ทเสฺสตี’’ติฯ ตถา หิ โส สมฺปยุตฺตธเมฺม เอการมฺมเณ อวิกฺขิปมาเน อวิปฺปกิเณฺณ อวิสเฎ กตฺวา สมํ, สมฺมา จ อาทหโนฺต ตถา เต ธาเรตีติ จ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ธโมฺมติ จ วุจฺจติฯ อเนกรูปานนฺติ อเนกปฺปการานํฯ อนฺตราโย นาม อปฺปฎิลทฺธสฺส วา อลพฺภนวเสน, ปฎิลทฺธสฺส วา ปริหานวเสน, ตทุภยมฺปิ อิธ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มคฺคสฺส วา’’ติอาทิมาหฯ เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายาติ ตสฺส อนาคามิโน ปิณฺฑปาตโภชนํ เนว โหติ อนฺตรายาย อุกฺกํสคตาย ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชนโตฯ ตญฺจสฺสา อุกฺกํสคมนํ หตปฎิปกฺขตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มเคฺคน วิสุทฺธจิตฺตตฺตา’’ติ อาหฯ

    76. Kāmaṃ ‘‘buddhe aveccappasādena samannāgatomhi, dhamme saṅghe aveccappasādena samannāgatomhī’’ti idampi tassā paccavekkhaṇāya pavattiākārapakāsanameva, idaṃ pana visesato ratanattaye uppannasomanassādippakāsanapadaṃ. ‘‘Yathodhi kho panā’’ti idampi savisesaṃ paccavekkhaṇākārappakāsanapadanti adhippāyena ‘‘idāni yathodhi…pe… pakāsetvā’’ti vuttaṃ. Cattāropi pana vārā paccavekkhaṇākārappakāsanavasena ceva somanassādiānisaṃsadassanavasena ca vuttāti sakkā viññātuṃ ubhayatthāpi ubhayassa vuttattā. Yadipi ariyamaggo ekacittakkhaṇiko na puna uppajjati, paṭipakkhassa pana tena suppahīnattā taṃsamaṅgī aparihānadhammo taṃsīlādibhāveneva vuccatīti āha ‘‘tassa anāgāmimaggasampayuttaṃ sīlakkhandhaṃ dassetī’’tiādi. ‘‘Evaṃdhammā te bhagavanto ahesu’’ntiādīsu (dī. ni. 2.13; ma. ni. 3.197-198; saṃ. ni. 5.378) viya idha dhamma-saddo samādhipariyāyoti āha ‘‘samādhikkhandhaṃ paññākkhandhañca dassetī’’ti. Tathā hi so sampayuttadhamme ekārammaṇe avikkhipamāne avippakiṇṇe avisaṭe katvā samaṃ, sammā ca ādahanto tathā te dhāretīti ca vattabbataṃ arahatīti dhammoti ca vuccati. Anekarūpānanti anekappakārānaṃ. Antarāyo nāma appaṭiladdhassa vā alabbhanavasena, paṭiladdhassa vā parihānavasena, tadubhayampi idha natthīti dassento ‘‘maggassa vā’’tiādimāha. Nevassa taṃ hoti antarāyāyāti tassa anāgāmino piṇḍapātabhojanaṃ neva hoti antarāyāya ukkaṃsagatāya paccavekkhaṇāya paccavekkhitvā paribhuñjanato. Tañcassā ukkaṃsagamanaṃ hatapaṭipakkhattāti dassento ‘‘maggena visuddhacittattā’’ti āha.

    เอตฺถาติ เอตสฺมิํ อนฺตรายาภาเวฯ เอตเทว วิสุทฺธจิตฺตตฺตเมว การณํฯ เอตฺถ จ ‘‘เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายา’’ติ อิมินา เหฎฺฐา วุตฺตปฺปหานํ อนาคามิมเคฺคเนวาติ สิทฺธํ โหติฯ อนาคามิโน หิ สพฺพโส กามราโค ปหีโน โหติ, รสตณฺหาย อภาวโต ตาทิสปิณฺฑปาตปริโภโค อคฺคมคฺคาธิคเม กถญฺจิปิ อนฺตรายาย น โหตีติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถ’’นฺติ วทโนฺต ภควาอาทิมฺหิ อตฺตนา อุปนีตวตฺถูปมํ อนุสเนฺธติฯ อุทกสฺส อจฺฉภาโว ปงฺกเสวาลปณกาทิมลาภาเวน ปสนฺนตาย, ตพฺพิปริยายโต พหลตาติ อาห ‘‘อจฺฉนฺติ วิปฺปสนฺน’’นฺติฯ วณฺณนิภาย วิคตสํกิเลสตาย สมุชฺชลนํ ปภสฺสรตาย วตฺถสฺส, ตํ ปริโยทาตนฺติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห ‘‘ปริโยทาตํ ปภสฺสรตายา’’ติฯ อุกฺกํ พเนฺธยฺยาติ องฺคารกปลฺลํ ยถา ทารุฆฎิกงฺคาราทิเกน น ภิชฺชติ, เอวํ ตนุมตฺติกาเลปาทินา พเนฺธยฺยฯ เมฆปฎลโต เวรมฺภวาตธาราสงฺฆฎฺฎนโต วิชฺชุตา วิย เกวลํ วาตธาราสงฺฆฎฺฎนชนิตา ปภา อุกฺกาปภา, สา ปน ยสฺมา ทฺวินฺนํ วาตธารานํ เวคสมฺภูตสงฺฆฎฺฎนเหตุกา, ตสฺมา การณวเสน ‘‘วาตเวโค อุกฺกา’’ติ วุตฺตํฯ

    Etthāti etasmiṃ antarāyābhāve. Etadeva visuddhacittattameva kāraṇaṃ. Ettha ca ‘‘nevassa taṃ hoti antarāyāyā’’ti iminā heṭṭhā vuttappahānaṃ anāgāmimaggenevāti siddhaṃ hoti. Anāgāmino hi sabbaso kāmarāgo pahīno hoti, rasataṇhāya abhāvato tādisapiṇḍapātaparibhogo aggamaggādhigame kathañcipi antarāyāya na hotīti. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, vattha’’nti vadanto bhagavāādimhi attanā upanītavatthūpamaṃ anusandheti. Udakassa acchabhāvo paṅkasevālapaṇakādimalābhāvena pasannatāya, tabbipariyāyato bahalatāti āha ‘‘acchanti vippasanna’’nti. Vaṇṇanibhāya vigatasaṃkilesatāya samujjalanaṃ pabhassaratāya vatthassa, taṃ pariyodātanti vattabbataṃ labhatīti āha ‘‘pariyodātaṃ pabhassaratāyā’’ti. Ukkaṃ bandheyyāti aṅgārakapallaṃ yathā dārughaṭikaṅgārādikena na bhijjati, evaṃ tanumattikālepādinā bandheyya. Meghapaṭalato verambhavātadhārāsaṅghaṭṭanato vijjutā viya kevalaṃ vātadhārāsaṅghaṭṭanajanitā pabhā ukkāpabhā, sā pana yasmā dvinnaṃ vātadhārānaṃ vegasambhūtasaṅghaṭṭanahetukā, tasmā kāraṇavasena ‘‘vātavego ukkā’’ti vuttaṃ.

    ๗๗. ยถานุสนฺธิวเสนาติอาทิมฺหิ อุฎฺฐิตเทสนาย อนุรูปา อนุสนฺธิ ยถานุสนฺธิ, ตสฺสา วเสนฯ พฺยติเรกทสฺสนํ วิย หิ สาเธตพฺพสฺส อาทิมฺหิ อุฎฺฐิตเทสนาย ปฎิปกฺขทสฺสนมฺปิ อนุรูปเทสนาว สมฺมเทว ปติฎฺฐาปนภาวโต, ยถา ตํ อาวตฺตหารโยชนายํ วิสภาคธมฺมาวตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรโนฺต ตปฺปสเงฺคน อิตเรปิ อนุสนฺธี ทเสฺสตุํ ‘‘ตโย หี’’ติอาทิมาหฯ พหิทฺธาติ พาหิเรสุ วตฺถูสุฯ อสติ ปริตสฺสนาติ ตณฺหาทิฎฺฐิปริตสฺสนาภาโวฯ วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสนาติ ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอกจฺจสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๒) วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสนฯ เยน ธเมฺมนาติ สีลาทิโวทานธเมฺมสุ อกฺขนฺติยาทิสํกิเลสธเมฺมสุ จ เยน เยน ธเมฺมนฯ ฉ อภิญฺญา อาคตาติ อิมินา ‘‘อนุรูปธมฺมวเสน วา’’ติ วุตฺตวิกปฺปํ ทเสฺสติ, เสเสหิ ‘‘ปฎิปกฺขวเสน วา’’ติ วุตฺตวิกปฺปํฯ อกฺขนฺติยา หิ กกจูปโมวาโท (ม. นิ. ๑.๒๒๒) ปฎิปโกฺข, ตถา ทิฎฺฐิยา ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ เอวํ ปฎิภาคา สุญฺญตากาเรนฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ‘‘จิเตฺต สํกิลิเฎฺฐ ทุคฺคติ ปาฎิกงฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๐) เหฎฺฐา กิเลสเทสนา อาคตาฯ สโพฺพติ อนวเสโสฯ สพฺพากาเรนาติ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณปุคฺคลโทสชานนาทินา สพฺพปฺปกาเรนฯ

    77.Yathānusandhivasenātiādimhi uṭṭhitadesanāya anurūpā anusandhi yathānusandhi, tassā vasena. Byatirekadassanaṃ viya hi sādhetabbassa ādimhi uṭṭhitadesanāya paṭipakkhadassanampi anurūpadesanāva sammadeva patiṭṭhāpanabhāvato, yathā taṃ āvattahārayojanāyaṃ visabhāgadhammāvattanti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Yathānusandhivasena desanā āgatā’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārento tappasaṅgena itarepi anusandhī dassetuṃ ‘‘tayo hī’’tiādimāha. Bahiddhāti bāhiresu vatthūsu. Asati paritassanāti taṇhādiṭṭhiparitassanābhāvo. Vissajjitasuttavasenāti ‘‘idha bhikkhu ekaccassā’’tiādinā (ma. ni. 1.242) vissajjitasuttavasena. Yena dhammenāti sīlādivodānadhammesu akkhantiyādisaṃkilesadhammesu ca yena yena dhammena. Cha abhiññā āgatāti iminā ‘‘anurūpadhammavasena vā’’ti vuttavikappaṃ dasseti, sesehi ‘‘paṭipakkhavasena vā’’ti vuttavikappaṃ. Akkhantiyā hi kakacūpamovādo (ma. ni. 1.222) paṭipakkho, tathā diṭṭhiyā ‘‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’’ti evaṃ paṭibhāgā suññatākārena. Sesadvayepi eseva nayo. ‘‘Citte saṃkiliṭṭhe duggati pāṭikaṅkhā’’ti (ma. ni. 1.70) heṭṭhā kilesadesanā āgatā. Sabboti anavaseso. Sabbākārenāti ādīnavānisaṃsapaccavekkhaṇapuggaladosajānanādinā sabbappakārena.

    ๗๘. ‘‘เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๙.๑) เมตฺตาทโย พฺยาปาทวิเหสารติราคานํ ปฎิปกฺขาฯ ยสฺมา ‘‘โส อตฺถี’’ติอาทินา ภควตา อนาคามิโน อคฺคมคฺคาธิคมนํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา กถิตํ, ตสฺมา ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทานิสฺสา’’ติอาทิมาหฯ

    78. ‘‘Mettā bhāvetabbā byāpādassa pahānāyā’’tiādivacanato (a. ni. 9.1) mettādayo byāpādavihesāratirāgānaṃ paṭipakkhā. Yasmā ‘‘so atthī’’tiādinā bhagavatā anāgāmino aggamaggādhigamanaṃ catusaccakammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetvā kathitaṃ, tasmā taṃ dassento ‘‘idānissā’’tiādimāha.

    พฺรหฺมวิหารธเมฺมติ พฺรหฺมวิหาเร เจว พฺรหฺมวิหารสหคตธเมฺม จฯ เตนาห ‘‘นามวเสนา’’ติฯ ววตฺถเปตฺวาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ นามนฺติปิ หิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา วุจฺจนฺติฯ อิมินา นเยนาติ เอเตน ภูตนิสฺสิตานํ เสสุปาทายธมฺมานํ สเพฺพสมฺปิ ปหาตพฺพตณฺหาวชฺชานํ เตภูมกธมฺมานํ ปริคฺคหวิธิํ อุลฺลิเงฺคติฯ สภาวโต วิชฺชมานํ ตํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา ญาเณน ยาถาวโต ปฎิวิชฺฌิยมานตํ อุปาทาย ‘‘อตฺถิ อิท’’นฺติ ยถาววตฺถาปิตํ นามรูปํฯ เตเนวาห ‘‘เอตฺตาวตาเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหตี’’ติฯ สาวธารณเญฺจตํ วจนํ, โลกสมญฺญาสิทฺธํ สตฺตอิตฺถิปุริสาทิ วิย, อิโต พาหิรกปริกปฺปิตํ ปกติอาทิ ทฺรพฺยาทิ ชีวาทิ กายาทิ วิย จ น ปรมตฺถโต นตฺถิ, อเตฺถวาติ วุตฺตํ โหติฯ ปชานาตีติ ปุพฺพภาเค ตาว ลกฺขณรสาทิวเสน เจว ปฎิคฺคหวิภาควเสน จ ปการโต ชานาติ, อปรภาเค ปน ปริญฺญาภิสมยวเสน ปฎิวิชฺฌโนฺต ชานาติฯ เอกนฺตหีนา นาม อกุสลธมฺมา สมฺปติ อายติญฺจ ทุกฺขมูลตฺตา, ตตฺถาปิ วิเสสโต ตณฺหาติ อาห ‘‘ทุกฺขสฺส สมุทยํ ปฎิวิชฺฌโนฺต อตฺถิ หีนนฺติ ปชานาตี’’ติฯ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตตฺตา ปณีตนฺติ อิมินา อเตฺถน อริยมโคฺคว ‘‘ปณีต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปหานุปายํ วิจินโนฺต อตฺถิ ปณีตนฺติ ปชานาตี’’ติฯ ‘‘อุตฺตมเฎฺฐน จ ปณีต’’นฺติ วุจฺจมาเน นิโรธสจฺจสฺสปิ สงฺคโห สิยา, ตสฺส ปน ปทนฺตเรน สงฺคหิตตฺตา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อปฺปมญฺญามุเขน วิปสฺสนาภินิเวสเสฺสว กตตฺตา ‘‘พฺรหฺมวิหารสญฺญาคตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สพฺพสฺสปิ เตภูมกสฺส สญฺญาคตสฺสา’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติเยวฯ น เจตฺถ อสงฺคโห ตสฺสาปิ สญฺญาย อาคตภาวโตฯ โลกํ อุตฺตริตฺวา สมติกฺกมิตฺวา นิสฺสริตฺวา วิสํยุตฺตํ หุตฺวา ฐิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริ นิสฺสรณํ นิพฺพาน’’นฺติฯ

    Brahmavihāradhammeti brahmavihāre ceva brahmavihārasahagatadhamme ca. Tenāha ‘‘nāmavasenā’’ti. Vavatthapetvāti ānetvā sambandhitabbaṃ. Nāmantipi hi īdisesu ṭhānesu cattāro arūpino khandhā vuccanti. Iminā nayenāti etena bhūtanissitānaṃ sesupādāyadhammānaṃ sabbesampi pahātabbataṇhāvajjānaṃ tebhūmakadhammānaṃ pariggahavidhiṃ ulliṅgeti. Sabhāvato vijjamānaṃ taṃ attapaccakkhaṃ katvā ñāṇena yāthāvato paṭivijjhiyamānataṃ upādāya ‘‘atthi ida’’nti yathāvavatthāpitaṃ nāmarūpaṃ. Tenevāha ‘‘ettāvatānena dukkhasaccavavatthānaṃ kataṃ hotī’’ti. Sāvadhāraṇañcetaṃ vacanaṃ, lokasamaññāsiddhaṃ sattaitthipurisādi viya, ito bāhirakaparikappitaṃ pakatiādi drabyādi jīvādi kāyādi viya ca na paramatthato natthi, atthevāti vuttaṃ hoti. Pajānātīti pubbabhāge tāva lakkhaṇarasādivasena ceva paṭiggahavibhāgavasena ca pakārato jānāti, aparabhāge pana pariññābhisamayavasena paṭivijjhanto jānāti. Ekantahīnā nāma akusaladhammā sampati āyatiñca dukkhamūlattā, tatthāpi visesato taṇhāti āha ‘‘dukkhassa samudayaṃ paṭivijjhanto atthi hīnantipajānātī’’ti. Attano paccayehi padhānabhāvaṃ nītattā paṇītanti iminā atthena ariyamaggova ‘‘paṇīta’’nti vuccatīti āha ‘‘pahānupāyaṃ vicinanto atthi paṇītanti pajānātī’’ti. ‘‘Uttamaṭṭhena ca paṇīta’’nti vuccamāne nirodhasaccassapi saṅgaho siyā, tassa pana padantarena saṅgahitattā vuttanayenevettha attho veditabbo. Appamaññāmukhena vipassanābhinivesasseva katattā ‘‘brahmavihārasaññāgatassā’’ti vuttaṃ. ‘‘Sabbassapi tebhūmakassa saññāgatassā’’ti vattuṃ vaṭṭatiyeva. Na cettha asaṅgaho tassāpi saññāya āgatabhāvato. Lokaṃ uttaritvā samatikkamitvā nissaritvā visaṃyuttaṃ hutvā ṭhitattā vuttaṃ ‘‘uttari nissaraṇaṃ nibbāna’’nti.

    จตูหิ อากาเรหีติ ‘‘อตฺถิ หีน’’นฺติอาทีหิ จตูหิ ปกาเรหิฯ อนฺวยญาณตาย อนุโพธภูตาย วิปสฺสนาปญฺญาย ชานนโตฺถ ธมฺมญาณตาย ปฎิเวธภูตาย มคฺคปญฺญาย ทสฺสนโตฺถ สภาวสิโทฺธติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิปสฺสนาปญฺญาย จตฺตาริ สจฺจานิ ชานนโต มคฺคปญฺญาย ปสฺสโต’’ติ วุตฺตํฯ ภยเภรเว วุตฺตนเยเนวาติ ภยเภรวสุตฺตวณฺณนายํ อตฺตนา วุตฺตอตฺถวจนตฺถปาเฐน อิธ ปาฐสฺส สทิสตฺตา อติทิสโนฺต ‘‘กามาสวาปิ…เป.… ปชานาตี’’ติ อาหฯ เอตฺถ จ ยสฺมา ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ…เป.… อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ วทตา ภควตา จตุตฺถมโคฺค นิทฺทิโฎฺฐ, ตสฺมา ยํ เหฎฺฐา อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ‘‘โส จ อุปริ จตุตฺถมคฺคเสฺสว นิทฺทิฎฺฐตฺตา ยุชฺชตี’’ติ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Catūhiākārehīti ‘‘atthi hīna’’ntiādīhi catūhi pakārehi. Anvayañāṇatāya anubodhabhūtāya vipassanāpaññāya jānanattho dhammañāṇatāya paṭivedhabhūtāya maggapaññāya dassanattho sabhāvasiddhoti dassento ‘‘vipassanāpaññāya cattāri saccāni jānanato maggapaññāya passato’’ti vuttaṃ. Bhayabherave vuttanayenevāti bhayabheravasuttavaṇṇanāyaṃ attanā vuttaatthavacanatthapāṭhena idha pāṭhassa sadisattā atidisanto ‘‘kāmāsavāpi…pe… pajānātī’’ti āha. Ettha ca yasmā ‘‘kāmāsavāpi cittaṃ vimuccati…pe… avijjāsavāpi cittaṃ vimuccatī’’ti ‘‘khīṇā jātī’’tiādīni vadatā bhagavatā catutthamaggo niddiṭṭho, tasmā yaṃ heṭṭhā aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ ‘‘so ca upari catutthamaggasseva niddiṭṭhattā yujjatī’’ti, taṃ suvuttamevāti daṭṭhabbaṃ.

    ตสฺส โจทนตฺถายาติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ภควา อตฺตโน โจทนตฺถาย ‘‘ปุจฺฉ มํ ตฺวํ พฺราหฺมณ ยเทตฺถ ตยา มนสาภิสมีหิต’’นฺติ โจทนาย, โอกาสทานตฺถายาติ อธิปฺปาโยฯ เทสนาสนฺนิสฺสโย พฺราหฺมณสฺส ตถารูโป เอตฺถ อชฺฌาสโยปิ นตฺถีติ ยถาวุตฺตอนุสนฺธิตฺตยวินิมุตฺตตฺตา ‘‘ปาฎิเยกฺกํ อนุสนฺธิํ อาหา’’ติ วุตฺตํฯ จิตฺตคตตฺตา อพฺภนฺตเรนกิเลสวุฎฺฐานสินาเนนาติ กิเลสมลปวาหเนน ราคปริฬาหาทิวูปสมกเรน จ อฎฺฐงฺคิกอริยมคฺคสลิลสินาเนนฯ

    Tassa codanatthāyāti tassa brāhmaṇassa bhagavā attano codanatthāya ‘‘puccha maṃ tvaṃ brāhmaṇa yadettha tayā manasābhisamīhita’’nti codanāya, okāsadānatthāyāti adhippāyo. Desanāsannissayo brāhmaṇassa tathārūpo ettha ajjhāsayopi natthīti yathāvuttaanusandhittayavinimuttattā ‘‘pāṭiyekkaṃ anusandhiṃ āhā’’ti vuttaṃ. Cittagatattā abbhantarena. Kilesavuṭṭhānasinānenāti kilesamalapavāhanena rāgapariḷāhādivūpasamakarena ca aṭṭhaṅgikaariyamaggasalilasinānena.

    ๗๙. ธมฺมสภามณฺฑปํ ตาวเทว อุปคตตฺตา พาหุกา นทิโต อาคตํ วิย มญฺญมาโนฯ อริยผลมทฺทนจุณฺณาทโย เตลสิเนหสฺส วิเวจเนน ฯ ลูขภาโว โลกํ, ตํ เอติสฺสา อตฺถีติ โลกาติ สมฺมตาฯ โลกฺขสมฺมตคฺคหเณน ‘‘ตถา สา นที โลเก ปากฎา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ อตฺตโน มิจฺฉาคาหํ ทีเปติฯ เตนาห ‘‘วิสุทฺธภาวํ เทตีติ เอวํ สมฺมตา’’ติฯ ปาปปวาหเนน สมฺปรายิกาทิสมฺปตฺติอาวหโต โลกสฺส หิตา โลกฺยาฯ โลกฺยาติ สมฺมตาติ สพฺพํ ปุริมสทิสํฯ เตนาห ‘‘เสฎฺฐํ โลกํ คมยตีติ เอวํ สมฺมตา’’ติฯ ปุญฺญสมฺมตาติ ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตเนน สตฺตานํ ปุนเนน วิโสธเนน ปุญฺญาติ สมฺมตาฯ ตทตฺถทีปนตฺถเมวาติ ตสฺสา ปุเพฺพ อาคตเทสนาย อตฺถทีปนตฺถเมวฯ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปุน ทีปนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘คาถารุจิกาน’’นฺติฯ จุณฺณิกวจนํ อสมฺภาเวนฺตา ตถา จ วุเตฺต อตฺถมพุชฺฌนกา ปชฺชวจนํ สมฺภาเวนฺตา ตถา จ วุเตฺต พุชฺฌนกา คาถารุจิกาฯ วิเสสตฺถทีปนตฺถนฺติ วิสิฎฺฐทีปนตฺถํ, ปุริมเทสนาย อญฺญทีปนตฺถนฺติ อโตฺถฯ

    79. Dhammasabhāmaṇḍapaṃ tāvadeva upagatattā bāhukā nadito āgataṃ viya maññamāno. Ariyaphalamaddanacuṇṇādayo telasinehassa vivecanena . Lūkhabhāvo lokaṃ, taṃ etissā atthīti lokāti sammatā. Lokkhasammataggahaṇena ‘‘tathā sā nadī loke pākaṭā’’ti evaṃ pavattaṃ attano micchāgāhaṃ dīpeti. Tenāha ‘‘visuddhabhāvaṃ detīti evaṃ sammatā’’ti. Pāpapavāhanena samparāyikādisampattiāvahato lokassa hitā lokyā. Lokyāti sammatāti sabbaṃ purimasadisaṃ. Tenāha ‘‘seṭṭhaṃ lokaṃ gamayatīti evaṃ sammatā’’ti. Puññasammatāti pujjabhavaphalanibbattanena sattānaṃ punanena visodhanena puññāti sammatā. Tadatthadīpanatthamevāti tassā pubbe āgatadesanāya atthadīpanatthameva. Vuttassevatthassa puna dīpanaṃ kimatthiyanti āha ‘‘gāthārucikāna’’nti. Cuṇṇikavacanaṃ asambhāventā tathā ca vutte atthamabujjhanakā pajjavacanaṃ sambhāventā tathā ca vutte bujjhanakā gāthārucikā. Visesatthadīpanatthanti visiṭṭhadīpanatthaṃ, purimadesanāya aññadīpanatthanti attho.

    ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทิํ สินายิตุ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๗๘) เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา พาหุกนฺติ อิทเมว เอตฺถ ตทตฺถทีปกํเสสานิ อธิกกฺกาทิวจนานิ ตโต วิสิฎฺฐสฺส อตฺถสฺส โพธนโต วิเสสตฺถทีปกานิฯ กสฺมา ปเนตฺถ ภควตา พฺราหฺมเณน อวุตฺตานิ อธิกกฺกาทีนิ คหิตานีติ อาห ‘‘ยเถว หี’’ติอาทิฯ กกฺกนฺติ นฺหานปิณฺฑํ อธิเปฺปตํ, นฺหายิตฺวา อธิกํ กกฺกํ เอตฺถ คณฺหนฺตีติ อธิกกฺกํฯ เตนาห ‘‘นฺหานสมฺภารวเสนา’’ติอาทิฯ มณฺฑลวาปิสณฺฐานนฺติ วฎฺฎโปกฺขรณีสณฺฐานํฯ นทิโยติ วิสุํ นทิโย, น อธิกกฺกาทีนิ วิย ติตฺถมตฺตํฯ

    ‘‘Gacchati pana bhavaṃ gotamo bāhukaṃ nadiṃ sināyitu’’nti (ma. ni. 1.78) heṭṭhā vuttattā bāhukanti idameva ettha tadatthadīpakaṃ. Sesāni adhikakkādivacanāni tato visiṭṭhassa atthassa bodhanato visesatthadīpakāni. Kasmā panettha bhagavatā brāhmaṇena avuttāni adhikakkādīni gahitānīti āha ‘‘yatheva hī’’tiādi. Kakkanti nhānapiṇḍaṃ adhippetaṃ, nhāyitvā adhikaṃ kakkaṃ ettha gaṇhantīti adhikakkaṃ. Tenāha ‘‘nhānasambhāravasenā’’tiādi. Maṇḍalavāpisaṇṭhānanti vaṭṭapokkharaṇīsaṇṭhānaṃ. Nadiyoti visuṃ nadiyo, na adhikakkādīni viya titthamattaṃ.

    ตีหิ ปเทหีติ สุนฺทริกาปยาคพาหุกาปเทหิฯ จตฺตารีติ อธิกกฺกาทีนิ จตฺตาริฯ วุตฺตาเนว โหนฺตีติ โลกสมฺมตาลกฺขเณน เอกลกฺขณตา พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปาเยน, ปรมตฺถโต ปน ปาปปวาหลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตาฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ กิญฺจิ ปาปสุทฺธิํ น กโรนฺติเยวฯ น หิ นํ โสธเยติ นํ ปุคฺคลํ น โสธเยฯ เวรกิพฺพิสภาวํ อปฺปตฺตา นาม กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตาฯ เตนาห ‘‘ขุทฺทเกหี’’ติฯ

    Tīhi padehīti sundarikāpayāgabāhukāpadehi. Cattārīti adhikakkādīni cattāri. Vuttāneva hontīti lokasammatālakkhaṇena ekalakkhaṇatā brāhmaṇassa adhippāyena, paramatthato pana pāpapavāhalakkhaṇena ekalakkhaṇattā. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. Kiñci pāpasuddhiṃ na karontiyeva. Na hi naṃ sodhayeti naṃ puggalaṃ na sodhaye. Verakibbisabhāvaṃ appattā nāma kammapathabhāvaṃ appattā. Tenāha ‘‘khuddakehī’’ti.

    ปฎิหนโนฺตติ อยุตฺตภาวทสฺสเนน ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎิพาหโนฺตฯ ตตฺถายํ ปฎิพาหนวิธิ ยถา ยํ กิญฺจิ อุทโกโรหนํ น ปาปปวาหนํ, เอวํ โย โกจิ นกฺขตฺตโยโค ปาปเหตูนํ ปฎิปกฺขาภาวโตฯ ยญฺหิ วินาเสติ, โส ตสฺส ปฎิปโกฺขฯ ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส วิชฺชา จ อวิชฺชาย, น เอวํ อุทโกโรหนํ นกฺขตฺตโยโค วา ปาปเหตูนํ โลภาทีนํ ปฎิปโกฺข, ตสฺมา นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘น อุทโกโรหนาทิ ปาปปวาหน’’นฺติฯ นิจฺจํ ผคฺคุนีนกฺขตฺตนฺติ สุทฺธสีลาทิกสฺส สพฺพกาลํ มงฺคลทิวโส เอวาติ อธิปฺปาโยฯ อิตโรติ สีลาทิวเสน อสุโทฺธฯ นิจฺจเมว อุโปสโถ อริยุโปสเถน อุปวุตฺถภาวโตฯ สุทฺธสฺสาติ ปริสุทฺธมโนสมาจารสฺสฯ สุจิกมฺมสฺสาติ ปริสุทฺธกายวจีสมาจารสฺสฯ เตนาห ‘‘นิกฺกิเลสตายา’’ติอาทิฯ กุสลูปสญฺหิตนฺติ อนวชฺชภาวูปคตํฯ วตสมาทานนฺติ ธุตธมฺมสมาทานาทิ สมฺปนฺนเมว โหติ, นาสฺส วิปตฺติ อตฺถีติ อโตฺถฯ มม สาสเนเยว สินาหิ, ยทิ อจฺจนฺตเมว สุทฺธิํ อิจฺฉสีติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิฯ เขมตนฺติ เขมภาวํฯ ยถา สพฺพภูตานิ ตปวเสน เขมปฺปตฺตานิ อภยปฺปตฺตานิ โหนฺติ, เอวํ กโรหีติ ตํ เหฎฺฐา ทสฺสิตํ เมตฺตาทิภาวนํ พฺราหฺมณสฺส สเงฺขเปน อุปทิสเนฺตนสฺส เอกจฺจสมาธิสมฺปทา ตทวินาภาวินี ปญฺญาสมฺปทา จ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘มโนทฺวารสุทฺธิ ทสฺสิตา’’ติฯ

    Paṭihanantoti ayuttabhāvadassanena taṃ diṭṭhiṃ paṭibāhanto. Tatthāyaṃ paṭibāhanavidhi yathā yaṃ kiñci udakorohanaṃ na pāpapavāhanaṃ, evaṃ yo koci nakkhattayogo pāpahetūnaṃ paṭipakkhābhāvato. Yañhi vināseti, so tassa paṭipakkho. Yathā āloko andhakārassa vijjā ca avijjāya, na evaṃ udakorohanaṃ nakkhattayogo vā pāpahetūnaṃ lobhādīnaṃ paṭipakkho, tasmā niṭṭhamettha gantabbaṃ ‘‘na udakorohanādi pāpapavāhana’’nti. Niccaṃ phaggunīnakkhattanti suddhasīlādikassa sabbakālaṃ maṅgaladivaso evāti adhippāyo. Itaroti sīlādivasena asuddho. Niccameva uposatho ariyuposathena upavutthabhāvato. Suddhassāti parisuddhamanosamācārassa. Sucikammassāti parisuddhakāyavacīsamācārassa. Tenāha ‘‘nikkilesatāyā’’tiādi. Kusalūpasañhitanti anavajjabhāvūpagataṃ. Vatasamādānanti dhutadhammasamādānādi sampannameva hoti, nāssa vipatti atthīti attho. Mama sāsaneyeva sināhi, yadi accantameva suddhiṃ icchasīti adhippāyo. Tenāha ‘‘sace’’tiādi. Khematanti khemabhāvaṃ. Yathā sabbabhūtāni tapavasena khemappattāni abhayappattāni honti, evaṃ karohīti taṃ heṭṭhā dassitaṃ mettādibhāvanaṃ brāhmaṇassa saṅkhepena upadisantenassa ekaccasamādhisampadā tadavinābhāvinī paññāsampadā ca dassitāti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘manodvārasuddhi dassitā’’ti.

    ตสฺส ปน สมฺปทาทฺวยสฺส นิสฺสยภูตํ สีลสมฺปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ มุสา น ภณสี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ยถา ‘‘สเจ มุสา น ภณสี’’ติอาทินา มุสาวาท-ปาณาติปาต-อทินฺนาทาน-ปฎิวิรติวจเนน อวเสสกายวจีทุจฺจริตวิรตีปิ วุตฺตา เอว โหติ ลกฺขณหารนเยน, เอวํ ‘‘สทฺทหาโน อมจฺฉรี’’ติ สทฺธาทิธนสมฺปทานิโยชเนเนว อวเสสอริยธนสมฺปทานิโยชนมฺปิ สิทฺธเมว โหตีติ สทฺธาทโย วิมุตฺติปริปาจนียธมฺมา พฺราหฺมณสฺส ปกาสิตา เอวาติ เวทิตพฺพาฯ เตเนวาห ‘‘อิมาย เอว ปฎิปตฺติยา กิเลสสุทฺธี’’ติฯ คยา สมฺมตตรา พาหุกาทีหิปีติ อธิปฺปาโยฯ

    Tassa pana sampadādvayassa nissayabhūtaṃ sīlasampadaṃ dassetuṃ ‘‘sace musā na bhaṇasī’’tiādi vuttaṃ. Ettha ca yathā ‘‘sace musā na bhaṇasī’’tiādinā musāvāda-pāṇātipāta-adinnādāna-paṭivirativacanena avasesakāyavacīduccaritaviratīpi vuttā eva hoti lakkhaṇahāranayena, evaṃ ‘‘saddahāno amaccharī’’ti saddhādidhanasampadāniyojaneneva avasesaariyadhanasampadāniyojanampi siddhameva hotīti saddhādayo vimuttiparipācanīyadhammā brāhmaṇassa pakāsitā evāti veditabbā. Tenevāha ‘‘imāya eva paṭipattiyā kilesasuddhī’’ti. Gayā sammatatarā bāhukādīhipīti adhippāyo.

    ๘๐. เอโกติ อสหาโย, เอสา ปนสฺส อสหายตา เอกีภาเวนาติฯ น หิสฺส ตาว ตณฺหาทุติยตา วิคตาฯ เตเนวาห ‘‘น จิรเสฺสวา’’ติอาทิฯ เอกคฺคหเณเนว กาเยน วูปกฎฺฐตา วุตฺตาติ อาห ‘‘วุปกโฎฺฐ จิตฺตวิเวเกนา’’ติฯ เตน ‘‘ทิวา จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๓.๗๕; วิภ. ๕๑๙; มหานิ. ๑๖๑) อาคตํ ชาคริยานุโยคมาหฯ ตถาภูตสฺส จสฺส เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิเตฺต ตโย ภเว ปสฺสโต ยถา ปมาทสฺส เลโสปิ นาโหสิ, เอวํ กมฺมฎฺฐานํ พฺรูเหโนฺต สมฺมเทว ปทหติฯ กตฺถจิ สงฺขารคเต อนเปกฺขจิโตฺต นิพฺพานาธิมุโตฺต เอว วิหาสีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปฺปมโตฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ขีณา ชาตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    80.Ekoti asahāyo, esā panassa asahāyatā ekībhāvenāti. Na hissa tāva taṇhādutiyatā vigatā. Tenevāha ‘‘na cirassevā’’tiādi. Ekaggahaṇeneva kāyena vūpakaṭṭhatā vuttāti āha ‘‘vupakaṭṭho cittavivekenā’’ti. Tena ‘‘divā caṅkamena nisajjāyā’’tiādinā (ma. ni. 1.423; 3.75; vibha. 519; mahāni. 161) āgataṃ jāgariyānuyogamāha. Tathābhūtassa cassa ekādasahi aggīhi āditte tayo bhave passato yathā pamādassa lesopi nāhosi, evaṃ kammaṭṭhānaṃ brūhento sammadeva padahati. Katthaci saṅkhāragate anapekkhacitto nibbānādhimutto eva vihāsīti dassetuṃ ‘‘appamatto’’tiādi vuttaṃ. Khīṇā jātītiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Sesaṃ suviññeyyameva.

    วตฺถสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Vatthasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. วตฺถสุตฺตํ • 7. Vatthasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา • 7. Vatthasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact