Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๕. วายามกรณปโญฺห
5. Vāyāmakaraṇapañho
๕. ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘กินฺติ อิมํ ทุกฺขํ นิรุเชฺฌยฺย, อญฺญญฺจ ทุกฺขํ นุปฺปเชฺชยฺยา’ติ ฯ เอตทตฺถา, มหาราช, อมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติฯ ‘‘กิํ ปฎิกเจฺจว วายมิเตน, นนุ สมฺปเตฺต กาเล วายมิตพฺพ’’นฺติ? เถโร อาห ‘‘สมฺปเตฺต กาเล, มหาราช, วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฎิกเจฺจว วายาโม กิจฺจกโร ภวตี’’ติฯ
5. Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘kinti imaṃ dukkhaṃ nirujjheyya, aññañca dukkhaṃ nuppajjeyyā’ti . Etadatthā, mahārāja, amhākaṃ pabbajjā’’ti. ‘‘Kiṃ paṭikacceva vāyamitena, nanu sampatte kāle vāyamitabba’’nti? Thero āha ‘‘sampatte kāle, mahārāja, vāyāmo akiccakaro bhavati, paṭikacceva vāyāmo kiccakaro bhavatī’’ti.
‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ ปิปาสิโต ภเวยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ อุทปานํ ขณาเปยฺยาสิ, ตฬากํ ขณาเปยฺยาสิ ‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปเตฺต กาเล วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฎิกเจฺจว วายาโม กิจฺจกโร ภวตี’’ติฯ
‘‘Opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, yadā tvaṃ pipāsito bhaveyyāsi, tadā tvaṃ udapānaṃ khaṇāpeyyāsi, taḷākaṃ khaṇāpeyyāsi ‘pānīyaṃ pivissāmī’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sampatte kāle vāyāmo akiccakaro bhavati, paṭikacceva vāyāmo kiccakaro bhavatī’’ti.
‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ พุภุกฺขิโต ภเวยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ เขตฺตํ กสาเปยฺยาสิ, สาลิํ โรปาเปยฺยาสิ, ธญฺญํ อติหราเปยฺยาสิ ‘ภตฺตํ ภุญฺชิสฺสามี’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปเตฺต กาเล วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฎิกเจฺจว วายาโม กิจฺจกโร ภวตีติฯ
‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, yadā tvaṃ bubhukkhito bhaveyyāsi, tadā tvaṃ khettaṃ kasāpeyyāsi, sāliṃ ropāpeyyāsi, dhaññaṃ atiharāpeyyāsi ‘bhattaṃ bhuñjissāmī’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sampatte kāle vāyāmo akiccakaro bhavati, paṭikacceva vāyāmo kiccakaro bhavatīti.
‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ยทา เต สงฺคาโม ปจฺจุปฎฺฐิโต ภเวยฺย, ตทา ตฺวํ ปริขํ ขณาเปยฺยาสิ, ปาการํ การาเปยฺยาสิ, โคปุรํ การาเปยฺยาสิ, อฎฺฎาลกํ การาเปยฺยาสิ, ธญฺญํ อติหราเปยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ หตฺถิสฺมิํ สิเกฺขยฺยาสิ, อสฺสสฺมิํ สิเกฺขยฺยาสิ, รถสฺมิํ สิเกฺขยฺยาสิ, ธนุสฺมิํ สิเกฺขยฺยาสิ, ถรุสฺมิํ สิเกฺขยฺยาสี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปเตฺต กาเล วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฎิกเจฺจว วายาโม กิจฺจกโร ภวติฯ ภาสิตเมฺปตํ มหาราช ภควตา –
‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, yadā te saṅgāmo paccupaṭṭhito bhaveyya, tadā tvaṃ parikhaṃ khaṇāpeyyāsi, pākāraṃ kārāpeyyāsi, gopuraṃ kārāpeyyāsi, aṭṭālakaṃ kārāpeyyāsi, dhaññaṃ atiharāpeyyāsi, tadā tvaṃ hatthismiṃ sikkheyyāsi, assasmiṃ sikkheyyāsi, rathasmiṃ sikkheyyāsi, dhanusmiṃ sikkheyyāsi, tharusmiṃ sikkheyyāsī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, sampatte kāle vāyāmo akiccakaro bhavati, paṭikacceva vāyāmo kiccakaro bhavati. Bhāsitampetaṃ mahārāja bhagavatā –
‘‘‘ปฎิกเจฺจว ตํ กยิรา, ยํ ชญฺญา หิตมตฺตโน;
‘‘‘Paṭikacceva taṃ kayirā, yaṃ jaññā hitamattano;
น สากฎิกจินฺตาย, มนฺตา ธีโร ปรกฺกเมฯ
Na sākaṭikacintāya, mantā dhīro parakkame.
วิสมํ มคฺคมารุยฺห, อกฺขจฺฉิโนฺนว ฌายติฯ
Visamaṃ maggamāruyha, akkhacchinnova jhāyati.
‘‘‘เอวํ ธมฺมา อปกฺกมฺม, อธมฺมมนุวตฺติย;
‘‘‘Evaṃ dhammā apakkamma, adhammamanuvattiya;
มโนฺท มจฺจุ มุขํ ปโตฺต, อกฺขจฺฉิโนฺนว ฌายตี’’’ติ 3ฯ
Mando maccu mukhaṃ patto, akkhacchinnova jhāyatī’’’ti 4.
‘‘กโลฺลสิ, ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ
‘‘Kallosi, bhante nāgasenā’’ti.
วายามกรณปโญฺห ปญฺจโมฯ
Vāyāmakaraṇapañho pañcamo.
Footnotes: