Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๘] ๘. เวทพฺพชาตกวณฺณนา
[48] 8. Vedabbajātakavaṇṇanā
อนุปาเยน โย อตฺถนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุเพฺพปิ ทุพฺพโจเยว, เตเนว จ การเณน ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา ติเณฺหน อสินา ทฺวิธา กตฺวา ฉิโนฺน หุตฺวา มเคฺค นิปติตฺถ, ตญฺจ เอกกํ นิสฺสาย ปุริสสหสฺสํ ชีวิตกฺขยํ ปตฺต’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Anupāyena yo atthanti idaṃ satthā jetavane viharanto dubbacabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tañhi bhikkhuṃ satthā ‘‘na tvaṃ bhikkhu idāneva dubbaco, pubbepi dubbacoyeva, teneva ca kāraṇena paṇḍitānaṃ vacanaṃ akatvā tiṇhena asinā dvidhā katvā chinno hutvā magge nipatittha, tañca ekakaṃ nissāya purisasahassaṃ jīvitakkhayaṃ patta’’nti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เอกสฺมิํ คามเก อญฺญตโร พฺราหฺมโณ เวทพฺพํ นาม มนฺตํ ชานาติฯ โส กิร มโนฺต อนโคฺฆ มหารโห, นกฺขตฺตโยเค ลเทฺธ ตํ มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา อากาเส อุโลฺลกิเต อากาสโต สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสติฯ ตทา โพธิสโตฺต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหาติฯ อเถกทิวสํ พฺราหฺมโณ โพธิสตฺตํ อาทาย เกนจิเทว กรณีเยน อตฺตโน คามา นิกฺขมิตฺวา เจตรฎฺฐํ อคมาสิ, อนฺตรามเคฺค จ เอกสฺมิํ อรญฺญฎฺฐาเน ปญฺจสตา เปสนกโจรา นาม ปนฺถฆาตํ กโรนฺติฯ เต โพธิสตฺตญฺจ เวทพฺพพฺราหฺมณญฺจ คณฺหิํสุฯ กสฺมา ปเนเต ‘‘เปสนกโจรา’’ติ วุจฺจนฺติ? เต กิร เทฺว ชเน คเหตฺวา เอกํ ธนาหรณตฺถาย เปเสนฺติ, ตสฺมา ‘‘เปสนกโจรา’’เตฺวว วุจฺจนฺติฯ เตปิ จ ปิตาปุเตฺต คเหตฺวา ปิตรํ ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ ธนํ อาหริตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา ยาหี’’ติ วทนฺติฯ เอเตนุปาเยน มาตุธีตโร คเหตฺวา มาตรํ วิสฺสเชฺชนฺติ, เชฎฺฐกนิเฎฺฐ คเหตฺวา เชฎฺฐภาติกํ วิสฺสเชฺชนฺติ, อาจริยเนฺตวาสิเก คเหตฺวา อเนฺตวาสิกํ วิสฺสเชฺชนฺติฯ เต ตสฺมิํ กาเล เวทพฺพพฺราหฺมณํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ วิสฺสเชฺชสุํฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente ekasmiṃ gāmake aññataro brāhmaṇo vedabbaṃ nāma mantaṃ jānāti. So kira manto anaggho mahāraho, nakkhattayoge laddhe taṃ mantaṃ parivattetvā ākāse ullokite ākāsato sattaratanavassaṃ vassati. Tadā bodhisatto tassa brāhmaṇassa santike sippaṃ uggaṇhāti. Athekadivasaṃ brāhmaṇo bodhisattaṃ ādāya kenacideva karaṇīyena attano gāmā nikkhamitvā cetaraṭṭhaṃ agamāsi, antarāmagge ca ekasmiṃ araññaṭṭhāne pañcasatā pesanakacorā nāma panthaghātaṃ karonti. Te bodhisattañca vedabbabrāhmaṇañca gaṇhiṃsu. Kasmā panete ‘‘pesanakacorā’’ti vuccanti? Te kira dve jane gahetvā ekaṃ dhanāharaṇatthāya pesenti, tasmā ‘‘pesanakacorā’’tveva vuccanti. Tepi ca pitāputte gahetvā pitaraṃ ‘‘tvaṃ amhākaṃ dhanaṃ āharitvā puttaṃ gahetvā yāhī’’ti vadanti. Etenupāyena mātudhītaro gahetvā mātaraṃ vissajjenti, jeṭṭhakaniṭṭhe gahetvā jeṭṭhabhātikaṃ vissajjenti, ācariyantevāsike gahetvā antevāsikaṃ vissajjenti. Te tasmiṃ kāle vedabbabrāhmaṇaṃ gahetvā bodhisattaṃ vissajjesuṃ.
โพธิสโตฺต อาจริยํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ เอกาหทฺวีหจฺจเยน อาคมิสฺสามิ, ตุเมฺห มา ภายิตฺถ, อปิจ โข ปน มม วจนํ กโรถ, อชฺช ธนวสฺสาปนกนกฺขตฺตโยโค ภวิสฺสติ, มา โข ตุเมฺห ทุกฺขํ อสหนฺตา มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา ธนํ วสฺสาปยิตฺถฯ สเจ วสฺสาเปสฺสถ, ตุเมฺห จ วินาสํ ปาปุณิสฺสถ, อิเม จ ปญฺจสตา โจรา’’ติ เอวํ อาจริยํ โอวทิตฺวา ธนตฺถาย อคมาสิฯ โจราปิ สูริเย อตฺถงฺคเต พฺราหฺมณํ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปสุํฯ ตงฺขณเญฺญว ปาจีนโลกธาตุโต ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลํ อุฎฺฐหิฯ พฺราหฺมโณ นกฺขตฺตํ โอโลเกโนฺต ‘‘ธนวสฺสาปนกนกฺขตฺตโยโค ลโทฺธ, กิํ เม ทุเกฺขน อนุภูเตน, มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา รตนวสฺสํ วสฺสาเปตฺวา โจรานํ ธนํ ทตฺวา ยถาสุขํ คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา โจเร อามเนฺตสิ ‘‘โภโนฺต โจรา, ตุเมฺห มํ กิมตฺถาย คณฺหถา’’ติ? ‘‘ธนตฺถาย, อยฺยา’’ติฯ ‘‘สเจ โว, ธเนน อโตฺถ, ขิปฺปํ มํ พนฺธนา โมเจตฺวา สีสํ นฺหาเปตฺวา อหตวตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา คเนฺธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ปุปฺผานิ ปิลนฺธาเปตฺวา ฐเปถา’’ติฯ ‘‘โจรา ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา อกํสุ’’ฯ
Bodhisatto ācariyaṃ vanditvā ‘‘ahaṃ ekāhadvīhaccayena āgamissāmi, tumhe mā bhāyittha, apica kho pana mama vacanaṃ karotha, ajja dhanavassāpanakanakkhattayogo bhavissati, mā kho tumhe dukkhaṃ asahantā mantaṃ parivattetvā dhanaṃ vassāpayittha. Sace vassāpessatha, tumhe ca vināsaṃ pāpuṇissatha, ime ca pañcasatā corā’’ti evaṃ ācariyaṃ ovaditvā dhanatthāya agamāsi. Corāpi sūriye atthaṅgate brāhmaṇaṃ bandhitvā nipajjāpesuṃ. Taṅkhaṇaññeva pācīnalokadhātuto paripuṇṇacandamaṇḍalaṃ uṭṭhahi. Brāhmaṇo nakkhattaṃ olokento ‘‘dhanavassāpanakanakkhattayogo laddho, kiṃ me dukkhena anubhūtena, mantaṃ parivattetvā ratanavassaṃ vassāpetvā corānaṃ dhanaṃ datvā yathāsukhaṃ gamissāmī’’ti cintetvā core āmantesi ‘‘bhonto corā, tumhe maṃ kimatthāya gaṇhathā’’ti? ‘‘Dhanatthāya, ayyā’’ti. ‘‘Sace vo, dhanena attho, khippaṃ maṃ bandhanā mocetvā sīsaṃ nhāpetvā ahatavatthāni acchādetvā gandhehi vilimpāpetvā pupphāni pilandhāpetvā ṭhapethā’’ti. ‘‘Corā tassa kathaṃ sutvā tathā akaṃsu’’.
พฺราหฺมโณ นกฺขตฺตโยคํ ญตฺวา มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา อากาสํ อุโลฺลเกสิ, ตาวเทว อากาสโต รตนานิ ปติํสุฯ โจรา ตํ ธนํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อุตฺตราสเงฺคสุ ภณฺฑิกํ กตฺวา ปายิํสุฯ พฺราหฺมโณปิ เตสํ ปจฺฉโตว อคมาสิฯ อถ เต โจเร อเญฺญ ปญฺจสตา โจรา คณฺหิํสุฯ ‘‘กิมตฺถํ อเมฺห คณฺหถา’’ติ จ วุตฺตา ‘‘ธนตฺถายา’’ติ อาหํสุฯ ‘‘ยทิ โว ธเนน อโตฺถ, เอตํ พฺราหฺมณํ คณฺหถ, เอโส อากาสํ อุโลฺลเกตฺวา ธนํ วสฺสาเปสิ, อมฺหากเมฺปตํ เอเตเนว ทินฺน’’นฺติฯ โจรา โจเร วิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ธนํ เทหี’’ติ พฺราหฺมณํ คณฺหิํสุฯ พฺราหฺมโณ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ธนํ ทเทยฺยํ, ธนวสฺสาปนกนกฺขตฺตโยโค ปน อิโต สํวจฺฉรมตฺถเก ภวิสฺสติฯ ยทิ โว ธเนนโตฺถ, อธิวาเสถ, ตทา ธนวสฺสํ วสฺสาเปสฺสามี’’ติ อาหฯ โจรา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อโมฺภ, ทุฎฺฐพฺราหฺมณ, อเญฺญสํ อิทาเนว ธนํ วสฺสาเปตฺวา อเมฺห อญฺญํ สํวจฺฉรํ อธิวาสาเปสี’’ติ ติเณฺหน อสินา พฺราหฺมณํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา มเคฺค ฉเฑฺฑตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา เตหิ โจเรหิ สทฺธิํ ยุชฺฌิตฺวา เต สเพฺพปิ มาเรตฺวา ธนํ อาทาย ปุน เทฺว โกฎฺฐาสา หุตฺวา อญฺญมญฺญํ ยุชฺฌิตฺวา อฑฺฒเตยฺยานิ ปุริสสตานิ ฆาเตตฺวา เอเตน อุปาเยน ยาว เทฺว ชนา อวสิฎฺฐา อเหสุํ, ตาว อญฺญมญฺญํ ฆาตยิํสุฯ เอวํ ตํ ปุริสสหสฺสํ วินาสํ ปตฺตํฯ
Brāhmaṇo nakkhattayogaṃ ñatvā mantaṃ parivattetvā ākāsaṃ ullokesi, tāvadeva ākāsato ratanāni patiṃsu. Corā taṃ dhanaṃ saṅkaḍḍhitvā uttarāsaṅgesu bhaṇḍikaṃ katvā pāyiṃsu. Brāhmaṇopi tesaṃ pacchatova agamāsi. Atha te core aññe pañcasatā corā gaṇhiṃsu. ‘‘Kimatthaṃ amhe gaṇhathā’’ti ca vuttā ‘‘dhanatthāyā’’ti āhaṃsu. ‘‘Yadi vo dhanena attho, etaṃ brāhmaṇaṃ gaṇhatha, eso ākāsaṃ ulloketvā dhanaṃ vassāpesi, amhākampetaṃ eteneva dinna’’nti. Corā core vissajjetvā ‘‘amhākampi dhanaṃ dehī’’ti brāhmaṇaṃ gaṇhiṃsu. Brāhmaṇo ‘‘ahaṃ tumhākaṃ dhanaṃ dadeyyaṃ, dhanavassāpanakanakkhattayogo pana ito saṃvaccharamatthake bhavissati. Yadi vo dhanenattho, adhivāsetha, tadā dhanavassaṃ vassāpessāmī’’ti āha. Corā kujjhitvā ‘‘ambho, duṭṭhabrāhmaṇa, aññesaṃ idāneva dhanaṃ vassāpetvā amhe aññaṃ saṃvaccharaṃ adhivāsāpesī’’ti tiṇhena asinā brāhmaṇaṃ dvidhā chinditvā magge chaḍḍetvā vegena anubandhitvā tehi corehi saddhiṃ yujjhitvā te sabbepi māretvā dhanaṃ ādāya puna dve koṭṭhāsā hutvā aññamaññaṃ yujjhitvā aḍḍhateyyāni purisasatāni ghātetvā etena upāyena yāva dve janā avasiṭṭhā ahesuṃ, tāva aññamaññaṃ ghātayiṃsu. Evaṃ taṃ purisasahassaṃ vināsaṃ pattaṃ.
เต ปน เทฺว ชนา อุปาเยน ตํ ธนํ อาหริตฺวา เอกสฺมิํ คามสมีเป คหนฎฺฐาเน ธนํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา เอโก ขคฺคํ คเหตฺวา รกฺขโนฺต นิสีทิ, เอโก ตณฺฑุเล คเหตฺวา ภตฺตํ ปจาเปตุํ คามํ ปาวิสิฯ โลโภ จ นาเมส วินาสมูลเมวาติ ธนสนฺติเก นิสิโนฺน จิเนฺตสิ ‘‘ตสฺมิํ อาคเต อิทํ ธนํ เทฺว โกฎฺฐาสา ภวิสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ ตํ อาคตมตฺตเมว ขเคฺคน ปหริตฺวา ฆาเตยฺย’’นฺติฯ โส ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ตสฺส อาคมนํ โอโลเกโนฺต นิสีทิฯ อิตโรปิ จิเนฺตสิ ‘‘ตํ ธนํ เทฺว โกฎฺฐาสา ภวิสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ ภเตฺต วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ตํ ปุริสํ โภเชตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา เอกโกว ธนํ คเณฺหยฺย’’นฺติฯ โส นิฎฺฐิเต ภเตฺต สยํ ภุญฺชิตฺวา เสสเก วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ตํ อาทาย ตตฺถ อคมาสิฯ ตํ ภตฺตํ โอตาเรตฺวา ฐิตมตฺตเมว อิตโร ขเคฺคน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา ตํ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ฉเฑฺฑตฺวา ตญฺจ ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา สยมฺปิ ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ เอวญฺจ ตํ ธนํ นิสฺสาย สเพฺพว วินาสํ ปาปุณิํสุฯ
Te pana dve janā upāyena taṃ dhanaṃ āharitvā ekasmiṃ gāmasamīpe gahanaṭṭhāne dhanaṃ paṭicchādetvā eko khaggaṃ gahetvā rakkhanto nisīdi, eko taṇḍule gahetvā bhattaṃ pacāpetuṃ gāmaṃ pāvisi. Lobho ca nāmesa vināsamūlamevāti dhanasantike nisinno cintesi ‘‘tasmiṃ āgate idaṃ dhanaṃ dve koṭṭhāsā bhavissanti, yaṃnūnāhaṃ taṃ āgatamattameva khaggena paharitvā ghāteyya’’nti. So khaggaṃ sannayhitvā tassa āgamanaṃ olokento nisīdi. Itaropi cintesi ‘‘taṃ dhanaṃ dve koṭṭhāsā bhavissanti, yaṃnūnāhaṃ bhatte visaṃ pakkhipitvā taṃ purisaṃ bhojetvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā ekakova dhanaṃ gaṇheyya’’nti. So niṭṭhite bhatte sayaṃ bhuñjitvā sesake visaṃ pakkhipitvā taṃ ādāya tattha agamāsi. Taṃ bhattaṃ otāretvā ṭhitamattameva itaro khaggena dvidhā chinditvā taṃ paṭicchannaṭṭhāne chaḍḍetvā tañca bhattaṃ bhuñjitvā sayampi tattheva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi. Evañca taṃ dhanaṃ nissāya sabbeva vināsaṃ pāpuṇiṃsu.
โพธิสโตฺตปิ โข เอกาหทฺวีหจฺจเยน ธนํ อาทาย อาคโต ตสฺมิํ ฐาเน อาจริยํ อทิสฺวา วิปฺปกิณฺณํ ปน ธนํ ทิสฺวา ‘‘อาจริเยน มม วจนํ อกตฺวา ธนํ วสฺสาปิตํ ภวิสฺสติ, สเพฺพหิ วินาสํ ปเตฺตหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ มหามเคฺคน ปายาสิฯ คจฺฉโนฺต อาจริยํ มหามเคฺค ทฺวิธา ฉินฺนํ ทิสฺวา ‘‘มม วจนํ อกตฺวา มโต’’ติ ทารูนิ อุทฺธริตฺวา จิตกํ กตฺวา อาจริยํ ฌาเปตฺวา วนปุเปฺผหิ ปูเชตฺวา ปุรโต คจฺฉโนฺต ชีวิตกฺขยํ ปเตฺต ปญฺจสเต, ปุรโต อฑฺฒเตยฺยสเตติ อนุกฺกเมน อวสาเน เทฺว ชเน ชีวิตกฺขยํ ปเตฺต ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อิมํ ทฺวีหิ อูนํ ปุริสสหสฺสํ วินาสํ ปตฺตํ, อเญฺญหิ ทฺวีหิ โจเรหิ ภวิตพฺพํ, เตปิ สนฺถมฺภิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, กหํ นุ โข เต คตา’’ติ คจฺฉโนฺต เตสํ ธนํ อาทาย คหนฎฺฐานํ ปวิฎฺฐมคฺคํ ทิสฺวา คจฺฉโนฺต ภณฺฑิกพทฺธสฺส ธนสฺส ราสิํ ทิสฺวา เอกํ ภตฺตปาติํ อวตฺถริตฺวา มตํ อทฺทสฯ ตโต ‘‘อิทํ นาม เตหิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺพํ ญตฺวา ‘‘กหํ นุ โข โส ปุริโส’’ติ วิจินโนฺต ตมฺปิ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน อปวิทฺธํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย มม วจนํ อกตฺวา อตฺตโน ทุพฺพจภาเวน อตฺตนาปิ วินาสํ ปโตฺต, อปรมฺปิ เตน ปุริสสหสฺสํ วินาสิตํ, อนุปาเยน วต อการเณน อตฺตโน วุฑฺฒิํ ปตฺถยมานา อมฺหากํ อาจริโย วิย มหาวินาสเมว ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อิมํ คาถมาห –
Bodhisattopi kho ekāhadvīhaccayena dhanaṃ ādāya āgato tasmiṃ ṭhāne ācariyaṃ adisvā vippakiṇṇaṃ pana dhanaṃ disvā ‘‘ācariyena mama vacanaṃ akatvā dhanaṃ vassāpitaṃ bhavissati, sabbehi vināsaṃ pattehi bhavitabba’’nti mahāmaggena pāyāsi. Gacchanto ācariyaṃ mahāmagge dvidhā chinnaṃ disvā ‘‘mama vacanaṃ akatvā mato’’ti dārūni uddharitvā citakaṃ katvā ācariyaṃ jhāpetvā vanapupphehi pūjetvā purato gacchanto jīvitakkhayaṃ patte pañcasate, purato aḍḍhateyyasateti anukkamena avasāne dve jane jīvitakkhayaṃ patte disvā cintesi ‘‘imaṃ dvīhi ūnaṃ purisasahassaṃ vināsaṃ pattaṃ, aññehi dvīhi corehi bhavitabbaṃ, tepi santhambhituṃ na sakkhissanti, kahaṃ nu kho te gatā’’ti gacchanto tesaṃ dhanaṃ ādāya gahanaṭṭhānaṃ paviṭṭhamaggaṃ disvā gacchanto bhaṇḍikabaddhassa dhanassa rāsiṃ disvā ekaṃ bhattapātiṃ avattharitvā mataṃ addasa. Tato ‘‘idaṃ nāma tehi kataṃ bhavissatī’’ti sabbaṃ ñatvā ‘‘kahaṃ nu kho so puriso’’ti vicinanto tampi paṭicchannaṭṭhāne apaviddhaṃ disvā ‘‘amhākaṃ ācariyo mama vacanaṃ akatvā attano dubbacabhāvena attanāpi vināsaṃ patto, aparampi tena purisasahassaṃ vināsitaṃ, anupāyena vata akāraṇena attano vuḍḍhiṃ patthayamānā amhākaṃ ācariyo viya mahāvināsameva pāpuṇissantī’’ti cintetvā imaṃ gāthamāha –
๔๘.
48.
‘‘อนุปาเยน โย อตฺถํ, อิจฺฉติ โส วิหญฺญติ;
‘‘Anupāyena yo atthaṃ, icchati so vihaññati;
เจตา หนิํสุ เวทพฺพํ, สเพฺพ เต พฺยสนมชฺฌคู’’ติฯ
Cetā haniṃsu vedabbaṃ, sabbe te byasanamajjhagū’’ti.
ตตฺถ โส วิหญฺญตีติ โส อนุปาเยน ‘‘อตฺตโน อตฺถํ วุฑฺฒิํ สุขํ อิจฺฉามี’’ติ อกาเล วายามํ กโรโนฺต ปุคฺคโล วิหญฺญติ กิลมติ มหาวินาสํ ปาปุณาติฯ เจตาติ เจตรฎฺฐวาสิโน โจราฯ หนิํสุ เวทพฺพนฺติ เวทพฺพมนฺตวเสน ‘‘เวทโพฺพ’’ติ ลทฺธนามํ พฺราหฺมณํ หนิํสุฯ สเพฺพ เต พฺยสนมชฺฌคูติ เตปิ จ อนวเสสา อญฺญมญฺญํ ฆาตยมานา พฺยสนํ อธิคจฺฉิํสุ ปฎิลภิํสูติฯ
Tattha so vihaññatīti so anupāyena ‘‘attano atthaṃ vuḍḍhiṃ sukhaṃ icchāmī’’ti akāle vāyāmaṃ karonto puggalo vihaññati kilamati mahāvināsaṃ pāpuṇāti. Cetāti cetaraṭṭhavāsino corā. Haniṃsu vedabbanti vedabbamantavasena ‘‘vedabbo’’ti laddhanāmaṃ brāhmaṇaṃ haniṃsu. Sabbe te byasanamajjhagūti tepi ca anavasesā aññamaññaṃ ghātayamānā byasanaṃ adhigacchiṃsu paṭilabhiṃsūti.
เอวํ โพธิสโตฺต ‘‘ยถา อมฺหากํ อาจริโย อนุปาเยน อฎฺฐาเน ปรกฺกมํ กโรโนฺต ธนํ วสฺสาเปตฺวา อตฺตนาปิ ชีวิตกฺขยํ ปโตฺต, อเญฺญสญฺจ วินาสปจฺจโย ชาโต, เอวเมว โย อโญฺญปิ อนุปาเยน อตฺตโน อตฺถํ อิจฺฉโนฺต วายามํ กริสฺสติ, สโพฺพ โส อตฺตนา จ วินสฺสิสฺสติ, ปเรสญฺจ วินาสปจฺจโย ภวิสฺสตี’’ติ วนํ อุนฺนาเทโนฺต เทวตาสุ สาธุการํ ททมานาสุ อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ ธนํ อุปาเยน อตฺตโน เคหํ อาหริตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรโนฺต ยาวตายุกํ ฐตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปถํ ปูรยมาโน อคมาสิฯ
Evaṃ bodhisatto ‘‘yathā amhākaṃ ācariyo anupāyena aṭṭhāne parakkamaṃ karonto dhanaṃ vassāpetvā attanāpi jīvitakkhayaṃ patto, aññesañca vināsapaccayo jāto, evameva yo aññopi anupāyena attano atthaṃ icchanto vāyāmaṃ karissati, sabbo so attanā ca vinassissati, paresañca vināsapaccayo bhavissatī’’ti vanaṃ unnādento devatāsu sādhukāraṃ dadamānāsu imāya gāthāya dhammaṃ desetvā taṃ dhanaṃ upāyena attano gehaṃ āharitvā dānādīni puññāni karonto yāvatāyukaṃ ṭhatvā jīvitapariyosāne saggapathaṃ pūrayamāno agamāsi.
สตฺถาปิ ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุเพฺพปิ ทุพฺพโจว, ทุพฺพจตฺตา ปน มหาวินาสํ ปโตฺต’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เวทพฺพพฺราหฺมโณ ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, อเนฺตวาสิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthāpi ‘‘na tvaṃ bhikkhu idāneva dubbaco, pubbepi dubbacova, dubbacattā pana mahāvināsaṃ patto’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā vedabbabrāhmaṇo dubbacabhikkhu ahosi, antevāsiko pana ahameva ahosi’’nti.
เวทพฺพชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Vedabbajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๘. เวทพฺพชาตกํ • 48. Vedabbajātakaṃ