Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
๒. เวทนาตฺติกวณฺณนา
2. Vedanāttikavaṇṇanā
๑. เวทนารูปนิพฺพานานิ ปน ติกมุตฺตกานิ ปฎิจฺจาทินิยมํ ปจฺจยุปฺปนฺนวจนญฺจ น ลภนฺติฯ ปฎิจฺจวาราทีสุ ปน ฉสุ ยโต เหตุปจฺจยาทิโต ติกธมฺมานํ อุปฺปตฺติ วุตฺตา, ตตฺถ ยถานุรูปโต อารมฺมณาทิปจฺจยภาเวน ลพฺภนฺตีติ เวทิตพฺพานีติฯ
1. Vedanārūpanibbānāni pana tikamuttakāni paṭiccādiniyamaṃ paccayuppannavacanañca na labhanti. Paṭiccavārādīsu pana chasu yato hetupaccayādito tikadhammānaṃ uppatti vuttā, tattha yathānurūpato ārammaṇādipaccayabhāvena labbhantīti veditabbānīti.
๑๐. สพฺพอรูปธมฺมปริคฺคาหกา ปน สหชาตาทโย ปจฺจยาติ อิมินา กุสลตฺติเกปิ ปริหีนํ สหชาตํ รูปารูปธมฺมปริคฺคาหกตฺตา อาทิมฺหิ ฐเปตฺวา อาทิสเทฺทน สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหกวจเนน จ ปจฺจยุปฺปนฺนวเสน สพฺพอรูปธมฺมปริคฺคาหกานํ อารมฺมณาทีนํ ปริหานิํ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตน กุสลตฺติกปริหีนานํ สพฺพฎฺฐานิกานํ จตุนฺนํ สพฺพติกาทีสุ ปริหานิ ทสฺสิตา โหติฯ ปจฺฉาชาตปจฺจยญฺจ วินาว อุปฺปตฺติโตติ เอเตน ปน ปจฺฉาชาตปจฺจยสฺส อนุโลเม ปริหานิํ, ปจฺจนีเย จ ลาภํ ทเสฺสติฯ สหชาตาทโยติ วา สหชาตมูลกา สหชาตนิพนฺธนา ปฎิจฺจาทิํ ผรเนฺตหิ สหชาตธเมฺมหิ วินา ปจฺจยา อโหนฺตาติ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมา ปน สหชาตนิพนฺธนา สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหกา จ เย, เตว ปริหายนฺติ , น ปน โย สหชาตานิพนฺธโน สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหโก จ น โหติ, โส ปจฺฉาชาโตติ ตตฺถ การณํ วทโนฺต ‘‘สหชาตาทีหิ วินา อนุปฺปตฺติโต ปจฺฉาชาตปจฺจยญฺจ วินาว อุปฺปตฺติโต’’ติ อาหฯ ตตฺถ สหชาตาทีหิ วินาติ สหชาตนิพนฺธเนหิ สพฺพารูปธมฺมปริคฺคาหเกหิ จ วินาติ อโตฺถฯ อถ วา สหชาตนิพนฺธนานเมว ปริหานิ, น ปจฺฉาชาตสฺส สหชาตานิพนฺธนสฺสาติ เอเตฺถว การณํ วทโนฺต ‘‘สหชาตาทีหิ วินา อนุปฺปตฺติโต ปจฺฉาชาตปจฺจยญฺจ วินาว อุปฺปตฺติโต’’ติ อาหฯ สหชาตนิพนฺธนาปิ ปน สพฺพอรูปธมฺมปริคฺคาหกาเยว ปริหายนฺตีติ ทสฺสิตเมตนฺติฯ
10. Sabbaarūpadhammapariggāhakā pana sahajātādayo paccayāti iminā kusalattikepi parihīnaṃ sahajātaṃ rūpārūpadhammapariggāhakattā ādimhi ṭhapetvā ādisaddena sabbārūpadhammapariggāhakavacanena ca paccayuppannavasena sabbaarūpadhammapariggāhakānaṃ ārammaṇādīnaṃ parihāniṃ dassetīti daṭṭhabbaṃ. Tena kusalattikaparihīnānaṃ sabbaṭṭhānikānaṃ catunnaṃ sabbatikādīsu parihāni dassitā hoti. Pacchājātapaccayañca vināva uppattitoti etena pana pacchājātapaccayassa anulome parihāniṃ, paccanīye ca lābhaṃ dasseti. Sahajātādayoti vā sahajātamūlakā sahajātanibandhanā paṭiccādiṃ pharantehi sahajātadhammehi vinā paccayā ahontāti vuttaṃ hoti. Kasmā pana sahajātanibandhanā sabbārūpadhammapariggāhakā ca ye, teva parihāyanti , na pana yo sahajātānibandhano sabbārūpadhammapariggāhako ca na hoti, so pacchājātoti tattha kāraṇaṃ vadanto ‘‘sahajātādīhi vinā anuppattito pacchājātapaccayañca vināva uppattito’’ti āha. Tattha sahajātādīhi vināti sahajātanibandhanehi sabbārūpadhammapariggāhakehi ca vināti attho. Atha vā sahajātanibandhanānameva parihāni, na pacchājātassa sahajātānibandhanassāti ettheva kāraṇaṃ vadanto ‘‘sahajātādīhi vinā anuppattito pacchājātapaccayañca vināva uppattito’’ti āha. Sahajātanibandhanāpi pana sabbaarūpadhammapariggāhakāyeva parihāyantīti dassitametanti.
๑๗. นวิปาเกปิ เอเสว นโยติ นยทสฺสนเมว กโรติ, น จ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนสามญฺญทสฺสนํฯ สุขาย หิ อทุกฺขมสุขาย จ เวทนาย สมฺปยุเตฺต ธเมฺม ปฎิจฺจ ตาหิ เวทนาหิ สมฺปยุตฺตา อเหตุกกิริยธมฺมา วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหชาตโมโห จาติ อยเญฺหตฺถ นโยติฯ นวิปฺปยุเตฺต เอกนฺติ อารุเปฺป อาวชฺชนวเสน วุตฺตนฺติ อิทํ อาวชฺชนาเหตุกโมหานํ วเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
17. Navipākepi eseva nayoti nayadassanameva karoti, na ca paccayapaccayuppannasāmaññadassanaṃ. Sukhāya hi adukkhamasukhāya ca vedanāya sampayutte dhamme paṭicca tāhi vedanāhi sampayuttā ahetukakiriyadhammā vicikicchuddhaccasahajātamoho cāti ayañhettha nayoti. Navippayutte ekanti āruppe āvajjanavasena vuttanti idaṃ āvajjanāhetukamohānaṃ vasena vuttanti daṭṭhabbaṃ.
๒๕-๓๗. อนุโลมปจฺจนีเย ยถา กุสลตฺติกํ, เอวํ คเณตพฺพนฺติ เหตุมูลกาทีนํ นยานํ เอกมูลกทฺวิมูลกาทิวเสน จ โยเชตฺวา คเหตพฺพตาสามญฺญํ สนฺธาย วุตฺตํ, น คณนสามญฺญํฯ อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโยฯ อเหตุกสฺส ปน จิตฺตุปฺปาทสฺสาติอาทิ นเหตุมูลกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘อเหตุกสฺส ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส โมหสฺส จา’’ติ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํฯ โมหสฺส จาปิ หิ อเหตุกสฺส อธิปติอภาวโต อธิปติโน นเหตุมูลเก อนุโลมโต อฎฺฐานนฺติฯ ปริวเตฺตตฺวาปีติ นเหตุปจฺจยา นอธิปติปจฺจยา อารมฺมเณ ตีณีติ เอวํ ปุรโต ฐิตมฺปิ อารมฺมณาทิํ ปจฺฉโต โยเชตฺวาติ อโตฺถฯ
25-37. Anulomapaccanīye yathā kusalattikaṃ, evaṃ gaṇetabbanti hetumūlakādīnaṃ nayānaṃ ekamūlakadvimūlakādivasena ca yojetvā gahetabbatāsāmaññaṃ sandhāya vuttaṃ, na gaṇanasāmaññaṃ. Ito paresupi evarūpesu eseva nayo. Ahetukassa pana cittuppādassātiādi nahetumūlakaṃ sandhāya vuttaṃ, ‘‘ahetukassa pana cittuppādassa mohassa cā’’ti panettha vattabbaṃ. Mohassa cāpi hi ahetukassa adhipatiabhāvato adhipatino nahetumūlake anulomato aṭṭhānanti. Parivattetvāpīti nahetupaccayā naadhipatipaccayā ārammaṇe tīṇīti evaṃ purato ṭhitampi ārammaṇādiṃ pacchato yojetvāti attho.
๓๙. ปญฺหาวาเร โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ เอเตน ตํสมฺปยุเตฺต ทเสฺสติฯ อุปนิสฺสยวิภเงฺค ‘‘สทฺธาปญฺจเกสุ มานํ ชเปฺปติ ทิฎฺฐิํ คณฺหาตีติ กตฺตพฺพํ, อวเสเสสุ น กตฺตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปาฐคติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ราคาทีหิ มานทิฎฺฐีนํ อนุปฺปตฺติโตฯ กุสลตฺติเกปิ หิ ราคาทีสุ ‘‘มานํ ชเปฺปติ ทิฎฺฐิํ คณฺหาตี’’ติ ปาฬิ น วุตฺตา, ‘‘ราโค โทโส โมโห มาโน ทิฎฺฐิ ปตฺถนา ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส มานสฺส ทิฎฺฐิยา ปตฺถนาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๒.๕๓) ปน ราคาทีนํ มานทิฎฺฐิอุปนิสฺสยภาโว วุโตฺตฯ ตถา อิธาปิ ทฎฺฐพฺพนฺติ ฯ ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุเตฺตน ปน จิเตฺตน คามฆาตํ นิคมฆาตํ กโรตี’’ติ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตโลภสหคตจิเตฺตน คามนิคมวิลุปฺปนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
39. Pañhāvāre domanassaṃ uppajjatīti etena taṃsampayutte dasseti. Upanissayavibhaṅge ‘‘saddhāpañcakesu mānaṃ jappeti diṭṭhiṃ gaṇhātīti kattabbaṃ, avasesesu na kattabba’’nti idaṃ pāṭhagatidassanatthaṃ vuttaṃ, na pana rāgādīhi mānadiṭṭhīnaṃ anuppattito. Kusalattikepi hi rāgādīsu ‘‘mānaṃ jappeti diṭṭhiṃ gaṇhātī’’ti pāḷi na vuttā, ‘‘rāgo doso moho māno diṭṭhi patthanā rāgassa dosassa mohassa mānassa diṭṭhiyā patthanāya upanissayapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.2.53) pana rāgādīnaṃ mānadiṭṭhiupanissayabhāvo vutto. Tathā idhāpi daṭṭhabbanti . ‘‘Sukhāya vedanāya sampayuttena pana cittena gāmaghātaṃ nigamaghātaṃ karotī’’ti somanassasampayuttalobhasahagatacittena gāmanigamaviluppanaṃ sandhāya vuttaṃ.
๖๒. สุทฺธานนฺติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนปทานํ อนญฺญตฺตํ ทเสฺสติฯ ปุเรชาตปจฺฉาชาตา ปเนตฺถ น วิชฺชนฺติฯ น หิ ปุเรชาตา ปจฺฉาชาตา วา อรูปธมฺมา อรูปธมฺมานํ ปจฺจยา โหนฺตีติ เอตฺถ ปุเรชาตาติ อิมสฺมิํ ติเก วุจฺจมานา อธิการปฺปตฺตา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตาทโยว อรูปธมฺมานํ ปุเรชาตา หุตฺวา ปจฺจยา น โหนฺติ ปุเรชาตตฺตาภาวโตติ อธิปฺปาโย, ตถา ปจฺฉาชาตตฺตาภาวโต ปจฺฉาชาตา วา หุตฺวา น โหนฺตีติฯ
62. Suddhānanti paccayapaccayuppannapadānaṃ anaññattaṃ dasseti. Purejātapacchājātā panettha na vijjanti.Na hi purejātā pacchājātā vā arūpadhammā arūpadhammānaṃ paccayā hontīti ettha purejātāti imasmiṃ tike vuccamānā adhikārappattā sukhāya vedanāya sampayuttādayova arūpadhammānaṃ purejātā hutvā paccayā na honti purejātattābhāvatoti adhippāyo, tathā pacchājātattābhāvato pacchājātā vā hutvā na hontīti.
๖๓-๖๔. สาธิปติอโมหวเสนาติ อธิปติภาวสหิตาโมหวเสนาติ อโตฺถฯ
63-64. Sādhipatiamohavasenāti adhipatibhāvasahitāmohavasenāti attho.
๘๓-๘๗. นเหตุปจฺจยา…เป.… นอุปนิสฺสเย อฎฺฐาติ นเหตุปจฺจยา นารมฺมณปจฺจยา นอุปนิสฺสเย อฎฺฐาติ เอวํ สงฺขิปิตฺวา อุทฺธรติฯ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยวเสน เวทิตพฺพาติ อิทํ ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุโตฺต สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺสา’’ติ เอตํ วเชฺชตฺวา อวเสเสสุ อฎฺฐสุปิ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยสมฺภวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ น หิ สหชาตปจฺจโย อฎฺฐสุปิ ลพฺภติ, อถ โข ตีเสฺววาติฯ
83-87. Nahetupaccayā…pe… naupanissaye aṭṭhāti nahetupaccayā nārammaṇapaccayā naupanissaye aṭṭhāti evaṃ saṅkhipitvā uddharati. Nānākkhaṇikakammapaccayavasena veditabbāti idaṃ ‘‘dukkhāya vedanāya sampayutto sukhāya vedanāya sampayuttassā’’ti etaṃ vajjetvā avasesesu aṭṭhasupi nānākkhaṇikakammapaccayasambhavaṃ sandhāya vuttaṃ. Na hi sahajātapaccayo aṭṭhasupi labbhati, atha kho tīsvevāti.
เวทนาตฺติกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vedanāttikavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๒. เวทนาตฺติกวณฺณนา • 2. Vedanāttikavaṇṇanā