Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๑๐. เวขนสสุตฺตํ
10. Vekhanasasuttaṃ
๒๗๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข เวขนโส 1 ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข เวขนโส ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อยํ ปรโม วโณฺณ, อยํ ปรโม วโณฺณ’’ติฯ
278. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho vekhanaso 2 paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho vekhanaso paribbājako bhagavato santike udānaṃ udānesi – ‘‘ayaṃ paramo vaṇṇo, ayaṃ paramo vaṇṇo’’ti.
‘‘กิํ ปน ตฺวํ, กจฺจาน, เอวํ วเทสิ – ‘อยํ ปรโม วโณฺณ, อยํ ปรโม วโณฺณ’ติ? กตโม, กจฺจาน, โส ปรโม วโณฺณ’’ติ?
‘‘Kiṃ pana tvaṃ, kaccāna, evaṃ vadesi – ‘ayaṃ paramo vaṇṇo, ayaṃ paramo vaṇṇo’ti? Katamo, kaccāna, so paramo vaṇṇo’’ti?
‘‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อโญฺญ วโณฺณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วโณฺณ’’ติฯ
‘‘Yasmā, bho gotama, vaṇṇā añño vaṇṇo uttaritaro vā paṇītataro vā natthi so paramo vaṇṇo’’ti.
‘‘กตโม ปน โส, กจฺจาน, วโณฺณ ยสฺมา วณฺณา อโญฺญ วโณฺณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถี’’ติ?
‘‘Katamo pana so, kaccāna, vaṇṇo yasmā vaṇṇā añño vaṇṇo uttaritaro vā paṇītataro vā natthī’’ti?
‘‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อโญฺญ วโณฺณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วโณฺณ’’ติฯ
‘‘Yasmā, bho gotama, vaṇṇā añño vaṇṇo uttaritaro vā paṇītataro vā natthi so paramo vaṇṇo’’ti.
‘‘ทีฆาปิ โข เต เอสา, กจฺจาน, ผเรยฺย – ‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อโญฺญ วโณฺณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วโณฺณ’ติ วเทสิ, ตญฺจ วณฺณํ น ปญฺญเปสิฯ เสยฺยถาปิ, กจฺจาน, ปุริโส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยา อิมสฺมิํ ชนปเท ชนปทกลฺยาณี, ตํ อิจฺฉามิ ตํ กาเมมี’ติฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณิํ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณิํ – ขตฺติยี วา พฺราหฺมณี วา เวสฺสี วา สุทฺที วา’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘โน’ติ วเทยฺยฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณิํ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณิํ ‘เอวํนามา เอวํโคตฺตาติ วาติ…เป.… ทีฆา วา รสฺสา วา มชฺฌิมา วา กาฬี วา สามา วา มงฺคุรจฺฉวี วาติ… อมุกสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘โน’ติ วเทยฺยฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อโมฺภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ, ตํ ตฺวํ อิจฺฉสิ กาเมสี’’’ติ? อิติ ปุโฎฺฐ ‘อามา’ติ วเทยฺยฯ
‘‘Dīghāpi kho te esā, kaccāna, phareyya – ‘yasmā, bho gotama, vaṇṇā añño vaṇṇo uttaritaro vā paṇītataro vā natthi so paramo vaṇṇo’ti vadesi, tañca vaṇṇaṃ na paññapesi. Seyyathāpi, kaccāna, puriso evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ yā imasmiṃ janapade janapadakalyāṇī, taṃ icchāmi taṃ kāmemī’ti. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yaṃ tvaṃ janapadakalyāṇiṃ icchasi kāmesi, jānāsi taṃ janapadakalyāṇiṃ – khattiyī vā brāhmaṇī vā vessī vā suddī vā’ti? Iti puṭṭho ‘no’ti vadeyya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yaṃ tvaṃ janapadakalyāṇiṃ icchasi kāmesi, jānāsi taṃ janapadakalyāṇiṃ ‘evaṃnāmā evaṃgottāti vāti…pe… dīghā vā rassā vā majjhimā vā kāḷī vā sāmā vā maṅguracchavī vāti… amukasmiṃ gāme vā nigame vā nagare vā’ti? Iti puṭṭho ‘no’ti vadeyya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ambho purisa, yaṃ tvaṃ na jānāsi na passasi, taṃ tvaṃ icchasi kāmesī’’’ti? Iti puṭṭho ‘āmā’ti vadeyya.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, นนุ เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สเนฺต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฎิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, กจฺจาน, ‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อโญฺญ วโณฺณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วโณฺณ’ติ วเทสิ; ตญฺจ วณฺณํ น ปญฺญเปสี’’ติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิโตฺต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ, เอวํ วโณฺณ อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, nanu evaṃ sante tassa purisassa appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti? ‘‘Addhā kho, bho gotama, evaṃ sante tassa purisassa appāṭihīrakataṃ bhāsitaṃ sampajjatī’’ti. ‘‘Evameva kho tvaṃ, kaccāna, ‘yasmā, bho gotama, vaṇṇā añño vaṇṇo uttaritaro vā paṇītataro vā natthi so paramo vaṇṇo’ti vadesi; tañca vaṇṇaṃ na paññapesī’’ti. ‘‘Seyyathāpi, bho gotama, maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato paṇḍukambale nikkhitto bhāsate ca tapate ca virocati ca, evaṃ vaṇṇo attā hoti arogo paraṃ maraṇā’’ti.
๒๗๙. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, โย วา มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิโตฺต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขโชฺชปนโก อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วโณฺณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขโชฺชปนโก, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ
279. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, yo vā maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato paṇḍukambale nikkhitto bhāsate ca tapate ca virocati ca, yo vā rattandhakāratimisāya kimi khajjopanako imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ katamo vaṇṇo abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bho gotama, rattandhakāratimisāya kimi khajjopanako, ayaṃ imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขโชฺชปนโก, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วโณฺณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, yo vā rattandhakāratimisāya kimi khajjopanako, yo vā rattandhakāratimisāya telappadīpo, imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ katamo vaṇṇo abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bho gotama, rattandhakāratimisāya telappadīpo, ayaṃ imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขโนฺธ, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วโณฺณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขโนฺธ, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, yo vā rattandhakāratimisāya telappadīpo, yo vā rattandhakāratimisāya mahāaggikkhandho, imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ katamo vaṇṇo abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bho gotama, rattandhakāratimisāya mahāaggikkhandho, ayaṃ imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขโนฺธ, ยา วา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วโณฺณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, ยา วา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, โย วา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จโนฺท, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วโณฺณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จโนฺท, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, กจฺจาน, โย วา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จโนฺท, โย วา วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท มชฺฌนฺหิกสมยํ สูริโย, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วโณฺณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิเทฺธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท มชฺฌนฺหิกสมยํ สูริโย – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ ‘‘อโต โข เต, กจฺจาน, พหู หิ พหุตรา เทวา เย อิเมสํ จนฺทิมสูริยานํ อาภา นานุโภนฺติ, ตฺยาหํ ปชานามิฯ อถ จ ปนาหํ น วทามิ – ‘ยสฺมา วณฺณา อโญฺญ วโณฺณ อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ นตฺถี’ติฯ อถ จ ปน ตฺวํ, กจฺจาน, ‘ยฺวายํ วโณฺณ กิมินา ขโชฺชปนเกน นิหีนตโร จ ปติกิฎฺฐตโร จ โส ปรโม วโณฺณ’ติ วเทสิ; ตญฺจ วณฺณํ น ปญฺญเปสิ’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, yo vā rattandhakāratimisāya mahāaggikkhandho, yā vā rattiyā paccūsasamayaṃ viddhe vigatavalāhake deve osadhitārakā, imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ katamo vaṇṇo abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bho gotama, rattiyā paccūsasamayaṃ viddhe vigatavalāhake deve osadhitārakā, ayaṃ imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, yā vā rattiyā paccūsasamayaṃ viddhe vigatavalāhake deve osadhitārakā, yo vā tadahuposathe pannarase viddhe vigatavalāhake deve abhido aḍḍharattasamayaṃ cando, imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ katamo vaṇṇo abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bho gotama, tadahuposathe pannarase viddhe vigatavalāhake deve abhido aḍḍharattasamayaṃ cando, ayaṃ imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kaccāna, yo vā tadahuposathe pannarase viddhe vigatavalāhake deve abhido aḍḍharattasamayaṃ cando, yo vā vassānaṃ pacchime māse saradasamaye viddhe vigatavalāhake deve abhido majjhanhikasamayaṃ sūriyo, imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ katamo vaṇṇo abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bho gotama, vassānaṃ pacchime māse saradasamaye viddhe vigatavalāhake deve abhido majjhanhikasamayaṃ sūriyo – ayaṃ imesaṃ ubhinnaṃ vaṇṇānaṃ abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti. ‘‘Ato kho te, kaccāna, bahū hi bahutarā devā ye imesaṃ candimasūriyānaṃ ābhā nānubhonti, tyāhaṃ pajānāmi. Atha ca panāhaṃ na vadāmi – ‘yasmā vaṇṇā añño vaṇṇo uttaritaro ca paṇītataro ca natthī’ti. Atha ca pana tvaṃ, kaccāna, ‘yvāyaṃ vaṇṇo kiminā khajjopanakena nihīnataro ca patikiṭṭhataro ca so paramo vaṇṇo’ti vadesi; tañca vaṇṇaṃ na paññapesi’’.
๒๘๐. ‘‘ปญฺจ โข อิเม, กจฺจาน, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, กจฺจาน, ปญฺจ กามคุณาฯ ยํ โข, กจฺจาน, อิเม ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ กามสุขํฯ อิติ กาเมหิ กามสุขํ, กามสุขา กามคฺคสุขํ ตตฺถ อคฺคมกฺขายตี’’ติฯ
280. ‘‘Pañca kho ime, kaccāna, kāmaguṇā. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, sotaviññeyyā saddā…pe… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā – ime kho, kaccāna, pañca kāmaguṇā. Yaṃ kho, kaccāna, ime pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati kāmasukhaṃ. Iti kāmehi kāmasukhaṃ, kāmasukhā kāmaggasukhaṃ tattha aggamakkhāyatī’’ti.
เอวํ วุเตฺต, เวขนโส ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาว สุภาสิตํ จิทํ โภตา โคตเมน – ‘กาเมหิ กามสุขํ, กามสุขา กามคฺคสุขํ ตตฺถ อคฺคมกฺขายตี’ติฯ (‘กาเมหิ, โภ โคตม, กามสุขํ, กามสุขา กามคฺคสุขํ, ตตฺถ อคฺคมกฺขายตี’ติ) 3 – ‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, กจฺจาน, ตยา อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺรโยเคน อญฺญตฺราจริยเกน – กามา 4 วา กามสุขํ วา กามคฺคสุขํ วาฯ เย โข เต, กจฺจาน, ภิกฺขู อรหโนฺต ขีณาสวา วุสิตวโนฺต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทญฺญา วิมุตฺตา เต โข เอตํ ชาเนยฺยุํ – กามา วา กามสุขํ วา กามคฺคสุขํ วา’’ติฯ
Evaṃ vutte, vekhanaso paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ bhotā gotamena – ‘kāmehi kāmasukhaṃ, kāmasukhā kāmaggasukhaṃ tattha aggamakkhāyatī’ti. (‘Kāmehi, bho gotama, kāmasukhaṃ, kāmasukhā kāmaggasukhaṃ, tattha aggamakkhāyatī’ti) 5 – ‘‘dujjānaṃ kho etaṃ, kaccāna, tayā aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrayogena aññatrācariyakena – kāmā 6 vā kāmasukhaṃ vā kāmaggasukhaṃ vā. Ye kho te, kaccāna, bhikkhū arahanto khīṇāsavā vusitavanto katakaraṇīyā ohitabhārā anuppattasadatthā parikkhīṇabhavasaṃyojanā sammadaññā vimuttā te kho etaṃ jāneyyuṃ – kāmā vā kāmasukhaṃ vā kāmaggasukhaṃ vā’’ti.
๒๘๑. เอวํ วุเตฺต, เวขนโส ปริพฺพาชโก กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํเยว ขุํเสโนฺต ภควนฺตํเยว วเมฺภโนฺต ภควนฺตํเยว วทมาโน ‘‘สมโณ 7 โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตี’’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมว ปนิเธกเจฺจ 8 สมณพฺราหฺมณา อชานนฺตา ปุพฺพนฺตํ, อปสฺสนฺตา อปรนฺตํ อถ จ ปน ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ – ปชานามา’ติ – ปฎิชานนฺติ 9ฯ เตสมิทํ ภาสิตํ หสฺสกํเยว สมฺปชฺชติ, นามกํเยว สมฺปชฺชติ, ริตฺตกํเยว สมฺปชฺชติ, ตุจฺฉกํเยว สมฺปชฺชตี’’ติฯ ‘‘เย โข เต, กจฺจาน, สมณพฺราหฺมณา อชานนฺตา ปุพฺพนฺตํ , อปสฺสนฺตา อปรนฺตํ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ – ปชานามา’ติ – ปฎิชานนฺติ; เตสํ โสเยว 10 สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติฯ อปิ จ, กจฺจาน, ติฎฺฐตุ ปุพฺพโนฺต, ติฎฺฐตุ อปรโนฺตฯ เอตุ วิญฺญู ปุริโส อสโฐ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ อหํ ธมฺมํ เทเสมิฯ ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน 11 นจิรเสฺสว สามเญฺญว ญสฺสติ สามํ ทกฺขิติ – เอวํ กิร สมฺมา 12 พนฺธนา วิปฺปโมโกฺข โหติ, ยทิทํ อวิชฺชา พนฺธนาฯ เสยฺยถาปิ, กจฺจาน, ทหโร กุมาโร มโนฺท อุตฺตานเสยฺยโก กณฺฐปญฺจเมหิ พนฺธเนหิ พโทฺธ อสฺส สุตฺตพนฺธเนหิ; ตสฺส วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ตานิ พนฺธนานิ มุเจฺจยฺยุํ; โส โมโกฺขมฺหีติ โข ชาเนยฺย โน จ พนฺธนํ ฯ เอวเมว โข, กจฺจาน, เอตุ วิญฺญู ปุริโส อสโฐ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ; ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน นจิรเสฺสว สามเญฺญ ญสฺสติ , สามํ ทกฺขิติ – ‘เอวํ กิร สมฺมา พนฺธนา วิปฺปโมโกฺข โหติ, ยทิทํ อวิชฺชา พนฺธนา’’’ติฯ
281. Evaṃ vutte, vekhanaso paribbājako kupito anattamano bhagavantaṃyeva khuṃsento bhagavantaṃyeva vambhento bhagavantaṃyeva vadamāno ‘‘samaṇo 13 gotamo pāpito bhavissatī’’ti bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘evameva panidhekacce 14 samaṇabrāhmaṇā ajānantā pubbantaṃ, apassantā aparantaṃ atha ca pana ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti – pajānāmā’ti – paṭijānanti 15. Tesamidaṃ bhāsitaṃ hassakaṃyeva sampajjati, nāmakaṃyeva sampajjati, rittakaṃyeva sampajjati, tucchakaṃyeva sampajjatī’’ti. ‘‘Ye kho te, kaccāna, samaṇabrāhmaṇā ajānantā pubbantaṃ , apassantā aparantaṃ, ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyāti – pajānāmā’ti – paṭijānanti; tesaṃ soyeva 16 sahadhammiko niggaho hoti. Api ca, kaccāna, tiṭṭhatu pubbanto, tiṭṭhatu aparanto. Etu viññū puriso asaṭho amāyāvī ujujātiko, ahamanusāsāmi ahaṃ dhammaṃ desemi. Yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno 17 nacirasseva sāmaññeva ñassati sāmaṃ dakkhiti – evaṃ kira sammā 18 bandhanā vippamokkho hoti, yadidaṃ avijjā bandhanā. Seyyathāpi, kaccāna, daharo kumāro mando uttānaseyyako kaṇṭhapañcamehi bandhanehi baddho assa suttabandhanehi; tassa vuddhimanvāya indriyānaṃ paripākamanvāya tāni bandhanāni mucceyyuṃ; so mokkhomhīti kho jāneyya no ca bandhanaṃ . Evameva kho, kaccāna, etu viññū puriso asaṭho amāyāvī ujujātiko, ahamanusāsāmi, ahaṃ dhammaṃ desemi; yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno nacirasseva sāmaññe ñassati , sāmaṃ dakkhiti – ‘evaṃ kira sammā bandhanā vippamokkho hoti, yadidaṃ avijjā bandhanā’’’ti.
เอวํ วุเตฺต, เวขนโส ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
Evaṃ vutte, vekhanaso paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
เวขนสสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ
Vekhanasasuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.
ปริพฺพาชกวโคฺค นิฎฺฐิโต ตติโยฯ
Paribbājakavaggo niṭṭhito tatiyo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ปุณฺฑรี-อคฺคิสห-กถินาโม, ทีฆนโข ปุน ภารทฺวาชโคโตฺต;
Puṇḍarī-aggisaha-kathināmo, dīghanakho puna bhāradvājagotto;
สนฺทกอุทายิมุณฺฑิกปุโตฺต, มณิโก ตถากจฺจาโน วรวโคฺคฯ
Sandakaudāyimuṇḍikaputto, maṇiko tathākaccāno varavaggo.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. เวขนสสุตฺตวณฺณนา • 10. Vekhanasasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. เวขนสสุตฺตวณฺณนา • 10. Vekhanasasuttavaṇṇanā