Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. เวลามสุตฺตวณฺณนา
10. Velāmasuttavaṇṇanā
๒๐. ทสเม อปิ นุ เต, คหปติ, กุเล ทานํ ทียตีติ นยิทํ ภควา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ สนฺธาย ปุจฺฉติฯ เสฎฺฐิสฺส หิ ฆเร ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ ปณีตทานํ ทียติ, น ตํ สตฺถา น ชานาติฯ โลกิยมหาชนสฺส ปน ทิยฺยมานทานํ อตฺถิ, ตํ ลูขํ โหติ, เสฎฺฐิสฺส จิตฺตํ น ปีเณติฯ ตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติฯ กณาชกนฺติ สกุณฺฑกภตฺตํ, สกุณฺฑเกหิปิ กณิกตณฺฑุเลเหว ปกฺกํฯ พิฬงฺคทุติยนฺติ กญฺชิยทุติยํฯ อสกฺกจฺจํ เทตีติ อสกฺกริตฺวา เทติฯ อจิตฺตีกตฺวาติ อจิตฺตีกาเรน ทกฺขิเณยฺย อคารเวน เทติฯ อสหตฺถา เทตีติ สหเตฺถน อทตฺวา ปรหเตฺถน เทติ, อาณตฺติมตฺตเมว กโรตีติ อโตฺถฯ อปวิทฺธํ เทตีติ น นิรนฺตรํ เทติ, สํวจฺฉริกํ โสณฺฑพลิ วิย โหติฯ อนาคมนทิฎฺฐิโก เทตีติ น กมฺมญฺจ ผลญฺจ สทฺทหิตฺวา เทติฯ
20. Dasame api nu te, gahapati, kule dānaṃ dīyatīti nayidaṃ bhagavā bhikkhusaṅghassa dānaṃ sandhāya pucchati. Seṭṭhissa hi ghare bhikkhusaṅghassa niccaṃ paṇītadānaṃ dīyati, na taṃ satthā na jānāti. Lokiyamahājanassa pana diyyamānadānaṃ atthi, taṃ lūkhaṃ hoti, seṭṭhissa cittaṃ na pīṇeti. Taṃ pucchāmīti pucchati. Kaṇājakanti sakuṇḍakabhattaṃ, sakuṇḍakehipi kaṇikataṇḍuleheva pakkaṃ. Biḷaṅgadutiyanti kañjiyadutiyaṃ. Asakkaccaṃ detīti asakkaritvā deti. Acittīkatvāti acittīkārena dakkhiṇeyya agāravena deti. Asahatthā detīti sahatthena adatvā parahatthena deti, āṇattimattameva karotīti attho. Apaviddhaṃ detīti na nirantaraṃ deti, saṃvaccharikaṃ soṇḍabali viya hoti. Anāgamanadiṭṭhiko detīti na kammañca phalañca saddahitvā deti.
ยตฺถ ยตฺถาติ ตีสุ กุลสมฺปทาสุ ยสฺมิํ ยสฺมิํ กุเลฯ น อุฬาราย ภตฺตโภคายาติอาทีสุ นานคฺครสสุคนฺธสาลิโภชเน อุปนีเต จิตฺตํ น นมติ, ‘‘หรเถตํ โรควฑฺฒน’’นฺติ วตฺวา เยน วา เตน วา ฑาเกน สทฺธิํ สกุณฺฑกภตฺตํ อมตํ วิย สมฺปิยายมาโน ภุญฺชติฯ กาสิกาทีสุ วรวเตฺถสุ อุปนีเตสุ ‘‘หรเถตานิ นิวาเสนฺตสฺส ปฎิจฺฉาเทตุมฺปิ น สโกฺกนฺติ, คเตฺตสุปิ น สณฺฐหนฺตี’’ติ วตฺวา นาฬิเกรสาฎกมูลตจสทิสานิ ปน ถูลวตฺถานิ ‘‘อิมานิ นิวาเสโนฺต นิวตฺถภาวมฺปิ ชานาติ, ปฎิจฺฉาเทตพฺพมฺปิ ปฎิจฺฉาเทนฺตี’’ติ สมฺปิยายมาโน นิวาเสติฯ หตฺถิยานอสฺสยานรถยานสุวณฺณสิวิกาทีสุ อุปนีเตสุ ‘‘หรเถตานิ จลาจลานิ, น สกฺกา เอตฺถ นิสีทิตุ’’นฺติ วตฺวา ชชฺชรรถเก อุปนีเต ‘‘อยํ นิจฺจโล, เอตฺถ สุขํ นิสีทิตุ’’นฺติ ตํ สาทิยติฯ น อุฬาเรสุ ปญฺจสุ กามคุเณสูติ อลงฺกตปฎิยตฺตา รูปวติโย อิตฺถิโย ทิสฺวา ‘‘ยกฺขินิโย มเญฺญ, เอตา ขาทิตุกามา, กิํ เอตาหี’’ติ ยถาผาสุเกเนว วีตินาเมติฯ น สุสฺสูสนฺตีติ โสตุํ น อิจฺฉนฺติ, น สทฺทหนฺตีติ อโตฺถฯ น โสตํ โอทหนฺตีติ กถิตสฺส สวนตฺถํ น โสตปสาทํ โอทหนฺติฯ สกฺกจฺจนฺติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิฯ
Yattha yatthāti tīsu kulasampadāsu yasmiṃ yasmiṃ kule. Na uḷārāya bhattabhogāyātiādīsu nānaggarasasugandhasālibhojane upanīte cittaṃ na namati, ‘‘harathetaṃ rogavaḍḍhana’’nti vatvā yena vā tena vā ḍākena saddhiṃ sakuṇḍakabhattaṃ amataṃ viya sampiyāyamāno bhuñjati. Kāsikādīsu varavatthesu upanītesu ‘‘harathetāni nivāsentassa paṭicchādetumpi na sakkonti, gattesupi na saṇṭhahantī’’ti vatvā nāḷikerasāṭakamūlatacasadisāni pana thūlavatthāni ‘‘imāni nivāsento nivatthabhāvampi jānāti, paṭicchādetabbampi paṭicchādentī’’ti sampiyāyamāno nivāseti. Hatthiyānaassayānarathayānasuvaṇṇasivikādīsu upanītesu ‘‘harathetāni calācalāni, na sakkā ettha nisīditu’’nti vatvā jajjararathake upanīte ‘‘ayaṃ niccalo, ettha sukhaṃ nisīditu’’nti taṃ sādiyati. Na uḷāresu pañcasu kāmaguṇesūti alaṅkatapaṭiyattā rūpavatiyo itthiyo disvā ‘‘yakkhiniyo maññe, etā khāditukāmā, kiṃ etāhī’’ti yathāphāsukeneva vītināmeti. Na sussūsantīti sotuṃ na icchanti, na saddahantīti attho. Na sotaṃ odahantīti kathitassa savanatthaṃ na sotapasādaṃ odahanti. Sakkaccantiādīni vuttavipariyāyena veditabbāni.
เวลาโมติ ชาติโคตฺตรูปโภคสทฺธาปญฺญาทีหิ มริยาทเวลํ อติกฺกเนฺตหิ อุฬาเรหิ คุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เอวํลทฺธนาโมฯ โส เอวรูปํ ทานํ อทาสิ มหาทานนฺติ เอตฺถ อยํ อนุปุพฺพีกถา – โส กิร อตีเต พาราณสิยํ ปุโรหิตเคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, เวลามกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุฯ โส โสฬสวสฺสกาเล พาราณสิราชกุมาเรน สทฺธิํ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ ตกฺกสิลํ อคมาสิฯ เต อุโภปิ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ ปฎฺฐปยิํสุฯ ยถา จ เต, เอวํ อเญฺญปิ ชมฺพุทีเป จตุราสีติสหสฺสราชกุมาราฯ โพธิสโตฺต อตฺตนา คหิตฎฺฐาเน ปิฎฺฐิอาจริโย หุตฺวา จตุราสีติ ราชกุมารสหสฺสานิ สิกฺขาเปติ, สยมฺปิ โสฬสวเสฺสหิ คเหตพฺพสิปฺปํ ตีหิ วเสฺสหิ อุคฺคณฺหิฯ อาจริโย ‘‘เวลามกุมารสฺส สิปฺปํ ปคุณ’’นฺติ ญตฺวา, ‘‘ตาตา, เวลาโม มยา ญาตํ สพฺพํ ชานาติ, ตุเมฺห สเพฺพปิ สมคฺคา คนฺตฺวา เอตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหถา’’ติ จตุราสีติ กุมารสหสฺสานิ โพธิสตฺตสฺส นิยฺยาเทสิฯ
Velāmoti jātigottarūpabhogasaddhāpaññādīhi mariyādavelaṃ atikkantehi uḷārehi guṇehi samannāgatattā evaṃladdhanāmo. So evarūpaṃ dānaṃ adāsi mahādānanti ettha ayaṃ anupubbīkathā – so kira atīte bārāṇasiyaṃ purohitagehe paṭisandhiṃ gaṇhi, velāmakumārotissa nāmaṃ akaṃsu. So soḷasavassakāle bārāṇasirājakumārena saddhiṃ sippuggahaṇatthaṃ takkasilaṃ agamāsi. Te ubhopi disāpāmokkhassa ācariyassa santike sippaṃ paṭṭhapayiṃsu. Yathā ca te, evaṃ aññepi jambudīpe caturāsītisahassarājakumārā. Bodhisatto attanā gahitaṭṭhāne piṭṭhiācariyo hutvā caturāsīti rājakumārasahassāni sikkhāpeti, sayampi soḷasavassehi gahetabbasippaṃ tīhi vassehi uggaṇhi. Ācariyo ‘‘velāmakumārassa sippaṃ paguṇa’’nti ñatvā, ‘‘tātā, velāmo mayā ñātaṃ sabbaṃ jānāti, tumhe sabbepi samaggā gantvā etassa santike sippaṃ uggaṇhathā’’ti caturāsīti kumārasahassāni bodhisattassa niyyādesi.
โพธิสโตฺต อาจริยํ วนฺทิตฺวา จตุราสีติ กุมารสหสฺสปริวาโร นิกฺขมิตฺวา เอกํ อาสนฺนนครํ ปตฺวา นครสามิกํ ราชกุมารํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ตสฺส สิเปฺป ปคุเณ ชาเต ตํ ตเตฺถว นิวเตฺตสิฯ เอเตนุปาเยน จตุราสีติ นครสหสฺสานิ คนฺตฺวา จตุราสีติยา ราชกุมารานํ สิปฺปํ ปคุณํ กาเรตฺวา ตสฺมิํ ตสฺมิํ นคเร ตํ ตํ นิวเตฺตตฺวา พาราณสิราชกุมารํ อาทาย พาราณสิํ ปจฺจาคญฺฉิฯ มนุสฺสา กุมารํ ปริโยสิตสิปฺปํ รเชฺช อภิสิญฺจิํสุ, เวลามสฺส ปุโรหิตฎฺฐานํ อทํสุฯ เตปิ จตุราสีติสหสฺสราชกุมารา สเกสุ สเกสุ รเชฺชสุ อภิเสกํ ปตฺวา อนุสํวจฺฉรํ พาราณสิรโญฺญ อุปฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติฯ เต ราชานํ ทิสฺวา เวลามสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อาจริย, อเมฺห รเชฺชสุ ปติฎฺฐิตา, วเทยฺยาถ เยนโตฺถ’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติฯ เตสํ คมนาคมนกาเล สกฎสนฺทมานิกคาวิโคณกุกฺกุฎสูกราทโย คณฺหนฺตานํ ชนปโท อติวิย อุอุปทฺทุโต โหติ, มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ราชงฺคเณ กนฺทติฯ
Bodhisatto ācariyaṃ vanditvā caturāsīti kumārasahassaparivāro nikkhamitvā ekaṃ āsannanagaraṃ patvā nagarasāmikaṃ rājakumāraṃ uggaṇhāpetvā tassa sippe paguṇe jāte taṃ tattheva nivattesi. Etenupāyena caturāsīti nagarasahassāni gantvā caturāsītiyā rājakumārānaṃ sippaṃ paguṇaṃ kāretvā tasmiṃ tasmiṃ nagare taṃ taṃ nivattetvā bārāṇasirājakumāraṃ ādāya bārāṇasiṃ paccāgañchi. Manussā kumāraṃ pariyositasippaṃ rajje abhisiñciṃsu, velāmassa purohitaṭṭhānaṃ adaṃsu. Tepi caturāsītisahassarājakumārā sakesu sakesu rajjesu abhisekaṃ patvā anusaṃvaccharaṃ bārāṇasirañño upaṭṭhānaṃ āgacchanti. Te rājānaṃ disvā velāmassa santikaṃ gantvā, ‘‘ācariya, amhe rajjesu patiṭṭhitā, vadeyyātha yenattho’’ti vatvā gacchanti. Tesaṃ gamanāgamanakāle sakaṭasandamānikagāvigoṇakukkuṭasūkarādayo gaṇhantānaṃ janapado ativiya uupadduto hoti, mahājano sannipatitvā rājaṅgaṇe kandati.
ราชา เวลามํ ปโกฺกสิตฺวา, ‘‘อาจริย, อุปทฺทุโต ชนปโท, ราชาโน คมนาคมนกาเล มหาวิโลปํ กโรนฺติ, มนุสฺสา สนฺธาเรตุํ น สโกฺกนฺติ, ชนปทปีฬาย อุปสมํ เอกํ อุปายํ กโรถา’’ติ ฯ สาธุ มหาราช, อุปายํ กริสฺสามิ, ตุมฺหากํ ยตฺตเกน ชนปเทน อโตฺถ, ตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหถาติฯ ราชา ตถา อกาสิฯ เวลาโม จตุราสีติยา ราชสหสฺสานํ ชนปเท วิจาเรตฺวา จกฺกนาภิยํ อเร วิย รโญฺญ ชนปทสฺมิํ โอโรเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย เต ราชาโน อาคจฺฉนฺตาปิ คจฺฉนฺตาปิ อตฺตโน อตฺตโน ชนปเทเนว สญฺจรนฺติ, อมฺหากํ ชนปโทติ วิโลปํ น กโรนฺติฯ ราชคารเวน รโญฺญ ชนปทมฺปิ น ปีเฬนฺติฯ ชนปทา สนฺนิสินฺนา นิสฺสทฺทา นิรวา อเหสุํฯ สเพฺพ ราชาโน หฎฺฐตุฎฺฐา ‘‘เยน โว, อาจริย, อโตฺถ, ตํ อมฺหากํ วเทถา’’ติ ปวารยิํสุฯ
Rājā velāmaṃ pakkositvā, ‘‘ācariya, upadduto janapado, rājāno gamanāgamanakāle mahāvilopaṃ karonti, manussā sandhāretuṃ na sakkonti, janapadapīḷāya upasamaṃ ekaṃ upāyaṃ karothā’’ti . Sādhu mahārāja, upāyaṃ karissāmi, tumhākaṃ yattakena janapadena attho, taṃ paricchinditvā gaṇhathāti. Rājā tathā akāsi. Velāmo caturāsītiyā rājasahassānaṃ janapade vicāretvā cakkanābhiyaṃ are viya rañño janapadasmiṃ oropesi. Tato paṭṭhāya te rājāno āgacchantāpi gacchantāpi attano attano janapadeneva sañcaranti, amhākaṃ janapadoti vilopaṃ na karonti. Rājagāravena rañño janapadampi na pīḷenti. Janapadā sannisinnā nissaddā niravā ahesuṃ. Sabbe rājāno haṭṭhatuṭṭhā ‘‘yena vo, ācariya, attho, taṃ amhākaṃ vadethā’’ti pavārayiṃsu.
เวลาโม สีสํนฺหาโต อตฺตโน อโนฺตนิเวสเน สตฺตรตนปริปูรานํ คพฺภานํ ทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ฐปิตํ ธนํ โอโลเกตฺวา อายวยํ อุปธาเรตฺวา ‘‘มยา สกลชมฺพุทีปํ โขเภเนฺตน ทานํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ รโญฺญ อาโรเจตฺวา คงฺคาตีเร ทฺวาทสโยชนิกา อุทฺธนปนฺติโย กาเรตฺวา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน สปฺปิมธุผาณิตเตลติลตณฺฑุลาทีนํ ฐปนตฺถาย มหาโกฎฺฐาคารานิ ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘เอเกกสฺมิํ ฐาเน เอตฺตกา เอตฺตกา ชนา สํวิทหถ, ยํกิญฺจิ มนุสฺสานํ ลทฺธพฺพํ นาม อตฺถิ, ตโต เอกสฺมิมฺปิ อสติ มยฺหํ อาโรเจยฺยาถา’’ติ มนุเสฺส สํวิธาย ‘‘อสุกทิวสโต ปฎฺฐาย เวลามพฺราหฺมณสฺส ทานํ ภุญฺชนฺตู’’ติ นคเร เภริํ จราเปตฺวา ‘‘ทานคฺคํ ปรินิฎฺฐิต’’นฺติ ทานยุเตฺตหิ อาโรจิเต สหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา ปญฺจสตคฺฆนกํ เอกํสํ กตฺวา สพฺพาลงฺการภูสิโต ทานวีมํสนตฺถาย ผลิกวณฺณสฺส อุทกสฺส สุวณฺณภิงฺคารํ ปูเรตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ โลเก สเจ อิมํ ทานํ ปฎิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปา ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลา อตฺถิ, อิทํ อุทกํ นิกฺขมิตฺวา ปถวิํ คณฺหาตุฯ สเจ นตฺถิ, เอวเมว ติฎฺฐตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา ภิงฺคารํ อโธมุขํ อกาสิฯ อุทกํ ธมกรเณน คหิตํ วิย อโหสิฯ โพธิสโตฺต ‘‘สุโญฺญ วต, โภ, ชมฺพุทีโป, เอกปุคฺคโลปิ ทกฺขิณํ ปฎิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถี’’ติ วิปฺปฎิสารํ อกตฺวา ‘‘สเจ ทายกสฺส วเสนายํ ทกฺขิณา วิสุชฺฌิสฺสติ, อุทกํ นิกฺขมิตฺวา ปถวิํ คณฺหาตู’’ติ จิเนฺตสิฯ ผลิกวณฺณสทิสํ อุทกํ นิกฺขมิตฺวา ปถวิํ คณฺหิ ฯ ‘‘อิทานิ ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทานคฺคํ ปตฺวา ทานํ โอโลเกตฺวา ยาคุเวลาย ยาคุํ, ขชฺชกเวลาย ขชฺชกํ, โภชนเวลาย โภชนํ ทาเปสิฯ เอเตเนว นีหาเรน ทิวเส ทิวเส ทานํ ทียติฯ
Velāmo sīsaṃnhāto attano antonivesane sattaratanaparipūrānaṃ gabbhānaṃ dvārāni vivarāpetvā yāva sattamā kulaparivaṭṭā ṭhapitaṃ dhanaṃ oloketvā āyavayaṃ upadhāretvā ‘‘mayā sakalajambudīpaṃ khobhentena dānaṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti rañño ārocetvā gaṅgātīre dvādasayojanikā uddhanapantiyo kāretvā tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne sappimadhuphāṇitatelatilataṇḍulādīnaṃ ṭhapanatthāya mahākoṭṭhāgārāni patiṭṭhāpetvā ‘‘ekekasmiṃ ṭhāne ettakā ettakā janā saṃvidahatha, yaṃkiñci manussānaṃ laddhabbaṃ nāma atthi, tato ekasmimpi asati mayhaṃ āroceyyāthā’’ti manusse saṃvidhāya ‘‘asukadivasato paṭṭhāya velāmabrāhmaṇassa dānaṃ bhuñjantū’’ti nagare bheriṃ carāpetvā ‘‘dānaggaṃ pariniṭṭhita’’nti dānayuttehi ārocite sahassagghanakaṃ vatthaṃ nivāsetvā pañcasatagghanakaṃ ekaṃsaṃ katvā sabbālaṅkārabhūsito dānavīmaṃsanatthāya phalikavaṇṇassa udakassa suvaṇṇabhiṅgāraṃ pūretvā ‘‘imasmiṃ loke sace imaṃ dānaṃ paṭiggahetuṃ yuttarūpā dakkhiṇeyyapuggalā atthi, idaṃ udakaṃ nikkhamitvā pathaviṃ gaṇhātu. Sace natthi, evameva tiṭṭhatū’’ti saccakiriyaṃ katvā bhiṅgāraṃ adhomukhaṃ akāsi. Udakaṃ dhamakaraṇena gahitaṃ viya ahosi. Bodhisatto ‘‘suñño vata, bho, jambudīpo, ekapuggalopi dakkhiṇaṃ paṭiggahetuṃ yuttarūpo natthī’’ti vippaṭisāraṃ akatvā ‘‘sace dāyakassa vasenāyaṃ dakkhiṇā visujjhissati, udakaṃ nikkhamitvā pathaviṃ gaṇhātū’’ti cintesi. Phalikavaṇṇasadisaṃ udakaṃ nikkhamitvā pathaviṃ gaṇhi . ‘‘Idāni dānaṃ dassāmī’’ti dānaggaṃ patvā dānaṃ oloketvā yāguvelāya yāguṃ, khajjakavelāya khajjakaṃ, bhojanavelāya bhojanaṃ dāpesi. Eteneva nīhārena divase divase dānaṃ dīyati.
ตสฺมิํ โข ปน ทานเคฺค ‘‘อิทํ นาม อตฺถิ, อิทํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํ นตฺถิฯ อิทานิ ตํ ทานํ เอตฺตกมเตฺตเนว น นิฎฺฐํ คมิสฺสตีติ รตฺตสุวณฺณํ นีหราเปตฺวา สุวณฺณปาติโย กาเรตฺวา จตุราสีติสุวณฺณปาติสหสฺสาทีนํ อตฺถาย จตุราสีติราชสหสฺสานํ สาสนํ ปหิณิฯ ราชาโน ‘‘จิรสฺสํ วต มยํ อาจริเยน อนุคฺคหิตา’’ติ สพฺพํ สมฺปาเทตฺวา เปเสสุํฯ ทาเน ทิยฺยมาเนเยว สตฺต วสฺสานิ สตฺต มาสา อติกฺกนฺตาฯ อถ พฺราหฺมโณ ‘‘หิรญฺญํ ภาเชตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ มหเนฺต โอกาเส ทานํ สชฺชาเปสิฯ สชฺชาเปตฺวา จตุราสีติ สุวณฺณปาติสหสฺสานิ อาทิํ กตฺวา โกฎิโต ปฎฺฐาย อทาสิฯ
Tasmiṃ kho pana dānagge ‘‘idaṃ nāma atthi, idaṃ nāma natthī’’ti vattabbaṃ natthi. Idāni taṃ dānaṃ ettakamatteneva na niṭṭhaṃ gamissatīti rattasuvaṇṇaṃ nīharāpetvā suvaṇṇapātiyo kāretvā caturāsītisuvaṇṇapātisahassādīnaṃ atthāya caturāsītirājasahassānaṃ sāsanaṃ pahiṇi. Rājāno ‘‘cirassaṃ vata mayaṃ ācariyena anuggahitā’’ti sabbaṃ sampādetvā pesesuṃ. Dāne diyyamāneyeva satta vassāni satta māsā atikkantā. Atha brāhmaṇo ‘‘hiraññaṃ bhājetvā dānaṃ dassāmī’’ti mahante okāse dānaṃ sajjāpesi. Sajjāpetvā caturāsīti suvaṇṇapātisahassāni ādiṃ katvā koṭito paṭṭhāya adāsi.
ตตฺถ รูปิยปูรานีติ รชตตฎฺฎิรชตผาลรชตมาสเกหิ ปูรานิฯ ปาติโย ปน ขุทฺทิกาติ น สลฺลเกฺขตพฺพา, เอกกรีสปฺปมาเณ ภูมิภาเค จตโสฺสว ปาติโย ฐปยิํสุฯ ปาติมกุฬํ นวรตนํ โหติ, มุขวฎฺฎิโต ปฎฺฐาย อฎฺฐรตนํ, ปาติมุขวฎฺฎิยา ฉยุโตฺต อาชญฺญรโถ อนุปริยายติ, ททมาโน ปาติยา พาหิรเนฺตน วคฺควเคฺค ปฎิคฺคาหเก ฐเปตฺวา ปฐมํ ปาติยา ปกฺขิตฺตํ ทตฺวา ปจฺฉา สนฺธิสนฺธิโต วิโยเชตฺวา ปาตินฺติ เอวํ จตุราสีติ ปาติสหสฺสานิ อทาสิฯ รูปิยปาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถปิ จ สุวณฺณปูรานีติ สุวณฺณตฎฺฎิสุวณฺณผาลสุวณฺณมาสเกหิ ปูรานิฯ หิรญฺญปูรานีติ สตฺตวิธรตนปูรานิฯ โสวณฺณาลงฺการานีติ สุวณฺณาลงฺการานิฯ กํสูปธารณานีติ รชตมยขีรปฎิจฺฉกานิฯ ตาสํ ปน เธนูนํ สิงฺคานิ สุวณฺณโกสกปริโยนทฺธานิ อเหสุํ, คีวาย สุมนทามํ ปิฬนฺธิํสุ, จตูสุ ปาเทสุ นุปูรานิ, ปิฎฺฐิยํ วรทุกูลํ ปารุตํ, กเณฺฐ สุวณฺณฆณฺฎํ พนฺธิํสุฯ วตฺถโกฎิสหสฺสานีติ โลกโวหารโต วีสติวตฺถยุคานิ เอกา โกฎิ , อิธ ปน ทส สาฎกาติ วุตฺตํฯ โขมสุขุมานนฺติอาทิมฺหิ โขมาทีสุ ยํ ยํ สุขุมํ, ตํ ตเทว อทาสิฯ ยานิ ปเนตานิ อิตฺถิทานํ อุสภทานํ มชฺชทานํ สมชฺชาทานนฺติ อทานสมฺมตานิ, ตานิปิ เอส ‘‘เวลามสฺส ทานมุเข อิทํ นาม นตฺถี’’ติ วจนปถํ ปจฺฉินฺทิตุํ ปริวารตฺถาย อทาสิฯ นโชฺช มเญฺญ วิสฺสนฺทนฺตีติ นทิโย วิย วิสฺสนฺทนฺติฯ
Tattha rūpiyapūrānīti rajatataṭṭirajataphālarajatamāsakehi pūrāni. Pātiyo pana khuddikāti na sallakkhetabbā, ekakarīsappamāṇe bhūmibhāge catassova pātiyo ṭhapayiṃsu. Pātimakuḷaṃ navaratanaṃ hoti, mukhavaṭṭito paṭṭhāya aṭṭharatanaṃ, pātimukhavaṭṭiyā chayutto ājaññaratho anupariyāyati, dadamāno pātiyā bāhirantena vaggavagge paṭiggāhake ṭhapetvā paṭhamaṃ pātiyā pakkhittaṃ datvā pacchā sandhisandhito viyojetvā pātinti evaṃ caturāsīti pātisahassāni adāsi. Rūpiyapātiādīsupi eseva nayo. Etthapi ca suvaṇṇapūrānīti suvaṇṇataṭṭisuvaṇṇaphālasuvaṇṇamāsakehi pūrāni. Hiraññapūrānīti sattavidharatanapūrāni. Sovaṇṇālaṅkārānīti suvaṇṇālaṅkārāni. Kaṃsūpadhāraṇānīti rajatamayakhīrapaṭicchakāni. Tāsaṃ pana dhenūnaṃ siṅgāni suvaṇṇakosakapariyonaddhāni ahesuṃ, gīvāya sumanadāmaṃ piḷandhiṃsu, catūsu pādesu nupūrāni, piṭṭhiyaṃ varadukūlaṃ pārutaṃ, kaṇṭhe suvaṇṇaghaṇṭaṃ bandhiṃsu. Vatthakoṭisahassānīti lokavohārato vīsativatthayugāni ekā koṭi , idha pana dasa sāṭakāti vuttaṃ. Khomasukhumānantiādimhi khomādīsu yaṃ yaṃ sukhumaṃ, taṃ tadeva adāsi. Yāni panetāni itthidānaṃ usabhadānaṃ majjadānaṃ samajjādānanti adānasammatāni, tānipi esa ‘‘velāmassa dānamukhe idaṃ nāma natthī’’ti vacanapathaṃ pacchindituṃ parivāratthāya adāsi. Najjo maññe vissandantīti nadiyo viya vissandanti.
อิมินา สตฺถา เวลามสฺส ทานํ กเถตฺวา, ‘‘คหปติ, เอตํ มหาทานํ นาโญฺญ อทาสิ, อหํ อทาสิํฯ เอวรูปํ ปน ทานํ ททโนฺตปิ อหํ ปฎิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปํ ปุคฺคลํ นาลตฺถํ, ตฺวํ มาทิเส พุเทฺธ โลกสฺมิํ ทิฎฺฐมาเน ทานํ ททมาโน กสฺมา จิเนฺตสี’’ติ เสฎฺฐิสฺส เทสนํ วเฑฺฒโนฺต สิยา โข ปน เตติอาทิมาหฯ นนุ จ ยานิ ตทา อเหสุํ รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณานิ, ตานิ นิรุทฺธานิ? กสฺมา ‘‘อหํ เตน สมเยน เวลาโม พฺราหฺมโณ’’ติ อาหาติ? ปเวณิยา อวิจฺฉินฺนตฺตาฯ ตานิ หิ รูปาทีนิ นิรุชฺฌมานานิ อิเมสํ ปจฺจเย ทตฺวา นิรุทฺธานิ อปราปรํ อวิจฺฉินฺนํ ปเวณิํ คเหตฺวา เอวมาหฯ น ตํ โกจิ ทกฺขิณํ โสเธตีติ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา อุฎฺฐาย ตํ ทกฺขิณํ โสเธตีติ วตฺตโพฺพ นาโหสิฯ ตญฺหิ ทกฺขิณํ โสเธโนฺต อุตฺตมโกฎิยา พุโทฺธ, เหฎฺฐิมโกฎิยา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรสทิโส สาวโก โสเธยฺยฯ
Iminā satthā velāmassa dānaṃ kathetvā, ‘‘gahapati, etaṃ mahādānaṃ nāñño adāsi, ahaṃ adāsiṃ. Evarūpaṃ pana dānaṃ dadantopi ahaṃ paṭiggahetuṃ yuttarūpaṃ puggalaṃ nālatthaṃ, tvaṃ mādise buddhe lokasmiṃ diṭṭhamāne dānaṃ dadamāno kasmā cintesī’’ti seṭṭhissa desanaṃ vaḍḍhento siyā kho pana tetiādimāha. Nanu ca yāni tadā ahesuṃ rūpavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇāni, tāni niruddhāni? Kasmā ‘‘ahaṃ tena samayena velāmo brāhmaṇo’’ti āhāti? Paveṇiyā avicchinnattā. Tāni hi rūpādīni nirujjhamānāni imesaṃ paccaye datvā niruddhāni aparāparaṃ avicchinnaṃ paveṇiṃ gahetvā evamāha. Na taṃ koci dakkhiṇaṃ sodhetīti koci samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā uṭṭhāya taṃ dakkhiṇaṃ sodhetīti vattabbo nāhosi. Tañhi dakkhiṇaṃ sodhento uttamakoṭiyā buddho, heṭṭhimakoṭiyā dhammasenāpatisāriputtattherasadiso sāvako sodheyya.
ทิฎฺฐิสมฺปนฺนนฺติ ทสฺสนสมฺปนฺนํ โสตาปนฺนํฯ อิทํ ตโต มหปฺผลตรนฺติ อิทํ โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ โลกิยมหาชนสฺส สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ เอตฺตกํ หิรญฺญสุวณฺณํ ปริจฺจชเนฺตน ทินฺนทานโต มหปฺผลํฯ
Diṭṭhisampannanti dassanasampannaṃ sotāpannaṃ. Idaṃ tato mahapphalataranti idaṃ sotāpannassa dinnadānaṃ lokiyamahājanassa sattamāsādhikāni satta saṃvaccharāni ettakaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ pariccajantena dinnadānato mahapphalaṃ.
โย จ สตํ ทิฎฺฐิสมฺปนฺนานนฺติ เอตฺถ เอกสฺส สกทาคามิสฺส วเสน เอกุตฺตรสตํ โสตาปเนฺน กตฺวา โสตาปนฺนคณนา เวทิตพฺพาฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพวาเรสุ เหฎฺฐา เหฎฺฐา อาคเต อนนฺตเรน สตคุณํ กตฺวา ปุคฺคลคณนา เวทิตพฺพาฯ
Yo ca sataṃ diṭṭhisampannānanti ettha ekassa sakadāgāmissa vasena ekuttarasataṃ sotāpanne katvā sotāpannagaṇanā veditabbā. Iminā upāyena sabbavāresu heṭṭhā heṭṭhā āgate anantarena sataguṇaṃ katvā puggalagaṇanā veditabbā.
พุทฺธปฺปมุขนฺติ เอตฺถ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สงฺฆเตฺถรํ กตฺวา นิสิโนฺน สโงฺฆ พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆติ เวทิตโพฺพฯ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺสาติ เอตฺถ จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร นาม ยตฺถ เจติยํ ปติฎฺฐิตํ โหติ, ธมฺมสฺสวนํ กรียติ, จตูหิ ทิสาหิ อนุทิสาหิ จ ภิกฺขู อาคนฺตฺวา อปฺปฎิปุจฺฉิตฺวาเยว ปาเท โธวิตฺวา กุญฺจิกาย ทฺวารํ วิวริตฺวา เสนาสนํ ปฎิชคฺคิตฺวา วสิตฺวา ยถาผาสุกํ คจฺฉนฺติฯ โส อนฺตมโส จตุรตนิยา ปณฺณสาลาปิ โหตุ, จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโรเตฺวว วุจฺจติฯ
Buddhappamukhanti ettha sammāsambuddhaṃ saṅghattheraṃ katvā nisinno saṅgho buddhappamukho saṅghoti veditabbo. Cātuddisaṃ saṅghaṃ uddissāti ettha cātuddisaṃ saṅghaṃ uddissa katavihāro nāma yattha cetiyaṃ patiṭṭhitaṃ hoti, dhammassavanaṃ karīyati, catūhi disāhi anudisāhi ca bhikkhū āgantvā appaṭipucchitvāyeva pāde dhovitvā kuñcikāya dvāraṃ vivaritvā senāsanaṃ paṭijaggitvā vasitvā yathāphāsukaṃ gacchanti. So antamaso caturataniyā paṇṇasālāpi hotu, cātuddisaṃ saṅghaṃ uddissa katavihārotveva vuccati.
สรณํ คเจฺฉยฺยาติ เอตฺถ มเคฺคนาคตํ อนิวตฺตนสรณํ อธิเปฺปตํฯ อปเร ปนาหุ – อตฺตานํ นิยฺยาเทตฺวา ทินฺนตฺตา สรณาคมนํ ตโต มหปฺผลตรนฺติ วุตฺตํฯ สิกฺขาปทานิ สมาทิเยยฺยาติ ปญฺจ สีลานิ คเณฺหยฺยฯ สีลมฺปิ มเคฺคน อาคตํ อนิวตฺตนสีลเมว กถิตํฯ อปเร ปนาหุ – สพฺพสตฺตานํ อภยทานสฺส ทินฺนตฺตา สีลํ ตโต มหปฺผลตรนฺติ วุตฺตํฯ คโนฺธหนมตฺตนฺติ คนฺธอูหนมตฺตํ, ทฺวีหงฺคุลีหิ คณฺฑปิณฺฑํ คเหตฺวา อุปสิงฺฆนมตฺตํฯ อปเร ปน ‘‘คโทฺทหนมตฺต’’นฺติ ปาฬิํ วตฺวา คาวิยา เอกวารํ ถนอญฺฉนมตฺตนฺติ อตฺถํ วทนฺติฯ เมตฺตจิตฺตนฺติ สพฺพสตฺตานํ หิตานุผรณจิตฺตํฯ ตํ ปน อปฺปนาวเสเนว คหิตํฯ อนิจฺจสญฺญนฺติ มคฺคสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวน สิขาปตฺตพลววิปสฺสนํฯ
Saraṇaṃ gaccheyyāti ettha maggenāgataṃ anivattanasaraṇaṃ adhippetaṃ. Apare panāhu – attānaṃ niyyādetvā dinnattā saraṇāgamanaṃ tato mahapphalataranti vuttaṃ. Sikkhāpadāni samādiyeyyāti pañca sīlāni gaṇheyya. Sīlampi maggena āgataṃ anivattanasīlameva kathitaṃ. Apare panāhu – sabbasattānaṃ abhayadānassa dinnattā sīlaṃ tato mahapphalataranti vuttaṃ. Gandhohanamattanti gandhaūhanamattaṃ, dvīhaṅgulīhi gaṇḍapiṇḍaṃ gahetvā upasiṅghanamattaṃ. Apare pana ‘‘gaddohanamatta’’nti pāḷiṃ vatvā gāviyā ekavāraṃ thanaañchanamattanti atthaṃ vadanti. Mettacittanti sabbasattānaṃ hitānupharaṇacittaṃ. Taṃ pana appanāvaseneva gahitaṃ. Aniccasaññanti maggassa anantarapaccayabhāvena sikhāpattabalavavipassanaṃ.
อุปมาโต ปน อิมานิ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ เอวํ เวทิตพฺพานิ – สเจปิ หิ ชมฺพุทีปํ เภริตลสทิสํ สมตลํ กตฺวา โกฎิโต ปฎฺฐาย ปลฺลเงฺก อตฺถริตฺวา อริยปุคฺคเล นิสีทาเปยฺย, ตตฺถ โสตาปนฺนานํ ทส ปนฺติโย อสฺสุ, สกทาคามีนํ ปญฺจ, อนาคามีนํ อฑฺฒเตยฺยา, ขิณาสวานํ ทิยฑฺฒา, ปเจฺจกพุทฺธานํ เอกา ปนฺติ ภเวยฺย, สมฺมาสมฺพุโทฺธ เอกโกวฯ เอตฺตกสฺส ชนสฺส ทินฺนทานโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทินฺนเมว มหปฺผลํฯ อิตรํ ปน –
Upamāto pana imāni dānādīni puññāni evaṃ veditabbāni – sacepi hi jambudīpaṃ bheritalasadisaṃ samatalaṃ katvā koṭito paṭṭhāya pallaṅke attharitvā ariyapuggale nisīdāpeyya, tattha sotāpannānaṃ dasa pantiyo assu, sakadāgāmīnaṃ pañca, anāgāmīnaṃ aḍḍhateyyā, khiṇāsavānaṃ diyaḍḍhā, paccekabuddhānaṃ ekā panti bhaveyya, sammāsambuddho ekakova. Ettakassa janassa dinnadānato sammāsambuddhassa dinnameva mahapphalaṃ. Itaraṃ pana –
‘‘วิหารทานํ ปณิปาโต, สิกฺขา เมตฺตาย ภาวนา;
‘‘Vihāradānaṃ paṇipāto, sikkhā mettāya bhāvanā;
ขยโต สมฺมสนฺตสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสิํ’’ฯ
Khayato sammasantassa, kalaṃ nāgghati soḷasiṃ’’.
เตเนว ภควา ปรินิพฺพานสมเย ‘‘ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺติ อนุตฺตรา ปูชา’’ติ อาหฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Teneva bhagavā parinibbānasamaye ‘‘dhammānudhammappaṭipatti anuttarā pūjā’’ti āha. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
สีหนาทวโคฺค ทุติโยฯ
Sīhanādavaggo dutiyo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. เวลามสุตฺตํ • 10. Velāmasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. เวลามสุตฺตวณฺณนา • 10. Velāmasuttavaṇṇanā