Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๗. เวฬุทฺวาเรยฺยสุตฺตํ
7. Veḷudvāreyyasuttaṃ
๑๐๐๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน เวฬุทฺวารํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เวฬุทฺวารํ อนุปฺปโตฺตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา 1ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ’ฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
1003. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena veḷudvāraṃ nāma kosalānaṃ brāhmaṇagāmo tadavasari. Assosuṃ kho te veḷudvāreyyakā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ veḷudvāraṃ anuppatto. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā 2. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti’. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti.
อถ โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ; สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มยํ, โภ โคตม, เอวํกามา เอวํฉนฺทา เอวํอธิปฺปายา – ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวเสยฺยาม, กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุภเวยฺยาม, มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรยฺยาม, ชาตรูปรชตํ สาทิเยยฺยาม, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺยามฯ เตสํ โน ภวํ โคตโม อมฺหากํ เอวํกามานํ เอวํฉนฺทานํ เอวํอธิปฺปายานํ ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา มยํ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวเสยฺยาม…เป.… สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺยามา’’ติฯ
Atha kho te veḷudvāreyyakā brāhmaṇagahapatikā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu; sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce bhagavato santike nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te veḷudvāreyyakā brāhmaṇagahapatikā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘mayaṃ, bho gotama, evaṃkāmā evaṃchandā evaṃadhippāyā – puttasambādhasayanaṃ ajjhāvaseyyāma, kāsikacandanaṃ paccanubhaveyyāma, mālāgandhavilepanaṃ dhāreyyāma, jātarūparajataṃ sādiyeyyāma, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyyāma. Tesaṃ no bhavaṃ gotamo amhākaṃ evaṃkāmānaṃ evaṃchandānaṃ evaṃadhippāyānaṃ tathā dhammaṃ desetu yathā mayaṃ puttasambādhasayanaṃ ajjhāvaseyyāma…pe… sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyyāmā’’ti.
‘‘อตฺตูปนายิกํ โว, คหปตโย, ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข เต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Attūpanāyikaṃ vo, gahapatayo, dhammapariyāyaṃ desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho te veḷudvāreyyakā brāhmaṇagahapatikā bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘กตโม จ, คหปตโย, อตฺตุปนายิโก ธมฺมปริยาโย? อิธ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขสฺมิ ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกูโลฯ โย โข มํ ชีวิตุกามํ อมริตุกามํ สุขกามํ ทุกฺขปฺปฎิกูลํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรํ ชีวิตุกามํ อมริตุกามํ สุขกามํ ทุกฺขปฺปฎิกูลํ ชีวิตา โวโรเปยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺย’นฺติ! โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, ปรญฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิยา สมาทเปติ, ปาณาติปาตา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ กายสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Katamo ca, gahapatayo, attupanāyiko dhammapariyāyo? Idha, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khosmi jīvitukāmo amaritukāmo sukhakāmo dukkhappaṭikūlo. Yo kho maṃ jīvitukāmaṃ amaritukāmaṃ sukhakāmaṃ dukkhappaṭikūlaṃ jīvitā voropeyya, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana paraṃ jīvitukāmaṃ amaritukāmaṃ sukhakāmaṃ dukkhappaṭikūlaṃ jīvitā voropeyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, parassa peso dhammo appiyo amanāpo. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, kathāhaṃ paraṃ tena saṃyojeyya’nti! So iti paṭisaṅkhāya attanā ca pāṇātipātā paṭivirato hoti, parañca pāṇātipātā veramaṇiyā samādapeti, pāṇātipātā veramaṇiyā ca vaṇṇaṃ bhāsati. Evamassāyaṃ kāyasamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘โย โข เม อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรสฺส อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺย’นฺติ ! โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตฺตนา จ อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, ปรญฺจ อทินฺนาทานา เวรมณิยา สมาทเปติ, อทินฺนาทานา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ กายสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yo kho me adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyeyya, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana parassa adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyeyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, parassa peso dhammo appiyo amanāpo. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, kathāhaṃ paraṃ tena saṃyojeyya’nti ! So iti paṭisaṅkhāya attanā ca adinnādānā paṭivirato hoti, parañca adinnādānā veramaṇiyā samādapeti, adinnādānā veramaṇiyā ca vaṇṇaṃ bhāsati. Evamassāyaṃ kāyasamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘โย โข เม ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปเชฺชยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรสฺส ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปเชฺชยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺย’นฺติ! โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตฺตนา จ กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, ปรญฺจ กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิยา สมาทเปติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ กายสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yo kho me dāresu cārittaṃ āpajjeyya, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana parassa dāresu cārittaṃ āpajjeyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, parassa peso dhammo appiyo amanāpo. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, kathāhaṃ paraṃ tena saṃyojeyya’nti! So iti paṭisaṅkhāya attanā ca kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, parañca kāmesumicchācārā veramaṇiyā samādapeti, kāmesumicchācārā veramaṇiyā ca vaṇṇaṃ bhāsati. Evamassāyaṃ kāyasamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘โย โข เม มุสาวาเทน อตฺถํ ภเญฺชยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรสฺส มุสาวาเทน อตฺถํ ภเญฺชยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺย’นฺติ! โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตฺตนา จ มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปรญฺจ มุสาวาทา เวรมณิยา สมาทเปติ, มุสาวาทา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yo kho me musāvādena atthaṃ bhañjeyya, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana parassa musāvādena atthaṃ bhañjeyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, parassa peso dhammo appiyo amanāpo. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, kathāhaṃ paraṃ tena saṃyojeyya’nti! So iti paṭisaṅkhāya attanā ca musāvādā paṭivirato hoti, parañca musāvādā veramaṇiyā samādapeti, musāvādā veramaṇiyā ca vaṇṇaṃ bhāsati. Evamassāyaṃ vacīsamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – โย โข มํ ปิสุณาย วาจาย มิเตฺต ภิเนฺทยฺย 3, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรํ ปิสุณาย วาจาย มิเตฺต ภิเนฺทยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํ…เป.… เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – yo kho maṃ pisuṇāya vācāya mitte bhindeyya 4, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana paraṃ pisuṇāya vācāya mitte bhindeyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ…pe… evamassāyaṃ vacīsamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – โย โข มํ ผรุสาย วาจาย สมุทาจเรยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรํ ผรุสาย วาจาย สมุทาจเรยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม…เป.… เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – yo kho maṃ pharusāya vācāya samudācareyya, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana paraṃ pharusāya vācāya samudācareyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ. Yo kho myāyaṃ dhammo…pe… evamassāyaṃ vacīsamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘โย โข มํ สมฺผภาเสน สมฺผปฺปลาปภาเสน สมุทาจเรยฺย, น เมตํ อสฺส ปิยํ มนาปํฯ อหเญฺจว โข ปน ปรํ สมฺผภาเสน สมฺผปฺปลาปภาเสน สมุทาจเรยฺยํ, ปรสฺสปิ ตํ อสฺส อปฺปิยํ อมนาปํฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, ปรสฺส เปโส ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโปฯ โย โข มฺยายํ ธโมฺม อปฺปิโย อมนาโป, กถาหํ ปรํ เตน สํโยเชยฺย’นฺติ! โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตฺตนา จ สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ , ปรญฺจ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิยา สมาทเปติ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณิยา จ วณฺณํ ภาสติฯ เอวมสฺสายํ วจีสมาจาโร ติโกฎิปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yo kho maṃ samphabhāsena samphappalāpabhāsena samudācareyya, na metaṃ assa piyaṃ manāpaṃ. Ahañceva kho pana paraṃ samphabhāsena samphappalāpabhāsena samudācareyyaṃ, parassapi taṃ assa appiyaṃ amanāpaṃ. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, parassa peso dhammo appiyo amanāpo. Yo kho myāyaṃ dhammo appiyo amanāpo, kathāhaṃ paraṃ tena saṃyojeyya’nti! So iti paṭisaṅkhāya attanā ca samphappalāpā paṭivirato hoti , parañca samphappalāpā veramaṇiyā samādapeti, samphappalāpā veramaṇiyā ca vaṇṇaṃ bhāsati. Evamassāyaṃ vacīsamācāro tikoṭiparisuddho hoti.
‘‘โส พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – อิติปิ โส ภควา…เป.… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาติ; ธเมฺม …เป.… สเงฺฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ…เป.… อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสาติฯ อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขเณฺฑหิ…เป.… สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ ยโต โข, คหปตโย, อริยสาวโก อิเมหิ สตฺตหิ สทฺธเมฺมหิ 5 สมนฺนาคโต โหติ อิเมหิ จตูหิ อากงฺขิเยหิ ฐาเนหิ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ 6 ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’’ติฯ
‘‘So buddhe aveccappasādena samannāgato hoti – itipi so bhagavā…pe… satthā devamanussānaṃ buddho bhagavāti; dhamme …pe… saṅghe aveccappasādena samannāgato hoti suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho…pe… anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassāti. Ariyakantehi sīlehi samannāgato hoti akhaṇḍehi…pe… samādhisaṃvattanikehi. Yato kho, gahapatayo, ariyasāvako imehi sattahi saddhammehi 7 samannāgato hoti imehi catūhi ākaṅkhiyehi ṭhānehi, so ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya – ‘khīṇanirayomhi khīṇatiracchānayoni 8 khīṇapettivisayo khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’’’ti.
เอวํ วุเตฺต เวฬุทฺวาเรยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปเต 9 สรณํ คเต’’ติฯ สตฺตมํฯ
Evaṃ vutte veḷudvāreyyakā brāhmaṇagahapatikā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama…pe… ete mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsake no bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupete 10 saraṇaṃ gate’’ti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. เวฬุทฺวาเรยฺยสุตฺตวณฺณนา • 7. Veḷudvāreyyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. เวฬุทฺวาเรยฺยสุตฺตวณฺณนา • 7. Veḷudvāreyyasuttavaṇṇanā