Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา
3. Venāgapurasuttavaṇṇanā
๖๔. ตติเย โกสเลสูติ เอวํนามเก ชนปเทฯ จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ คจฺฉโนฺตฯ จาริกา จ นาเมสา ภควโต ทุวิธา โหติ ตุริตจาริกา จ อตุริตจาริกา จาติฯ ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถาย สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม ฯ สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฎฺฐพฺพาฯ ยํ ปน คามนิคมปฎิปาฎิยา เทวสิกํ โยชนอทฺธโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นามฯ อิมํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘จาริกํ จรมาโน’’ติฯ วิตฺถาเรน ปน จาริกากถา สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย อมฺพฎฺฐสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๕๔) วุตฺตาฯ พฺราหฺมณคาโมติ พฺราหฺมณานํ สโมสรณคาโมปิ พฺราหฺมณคาโมติ วุจฺจติ, พฺราหฺมณานํ โภคคาโมปิฯ อิธ สโมสรณคาโม พฺราหฺมณวสนคาโมติ อธิเปฺปโตฯ ตทวสรีติ ตตฺถ อวสริ, สมฺปโตฺตติ อโตฺถฯ วิหาโร ปเนตฺถ อนิยามิโตฯ ตสฺมา ตสฺส อวิทูเร พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เอโก วนสโณฺฑ อตฺถิ, สตฺถา ตํ วนสณฺฑํ คโตติ เวทิตโพฺพฯ
64. Tatiye kosalesūti evaṃnāmake janapade. Cārikaṃ caramānoti addhānagamanaṃ gacchanto. Cārikā ca nāmesā bhagavato duvidhā hoti turitacārikā ca aturitacārikā cāti. Tattha dūrepi bodhaneyyapuggalaṃ disvā tassa bodhanatthāya sahasā gamanaṃ turitacārikā nāma . Sā mahākassapapaccuggamanādīsu daṭṭhabbā. Yaṃ pana gāmanigamapaṭipāṭiyā devasikaṃ yojanaaddhayojanavasena piṇḍapātacariyādīhi lokaṃ anuggaṇhantassa gamanaṃ, ayaṃ aturitacārikā nāma. Imaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ – ‘‘cārikaṃ caramāno’’ti. Vitthārena pana cārikākathā sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya ambaṭṭhasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.254) vuttā. Brāhmaṇagāmoti brāhmaṇānaṃ samosaraṇagāmopi brāhmaṇagāmoti vuccati, brāhmaṇānaṃ bhogagāmopi. Idha samosaraṇagāmo brāhmaṇavasanagāmoti adhippeto. Tadavasarīti tattha avasari, sampattoti attho. Vihāro panettha aniyāmito. Tasmā tassa avidūre buddhānaṃ anucchaviko eko vanasaṇḍo atthi, satthā taṃ vanasaṇḍaṃ gatoti veditabbo.
อโสฺสสุนฺติ สุณิํสุ อุปลภิํสุ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิโคฺฆสานุสาเรน ชานิํสุฯ โขติ อวธารณเตฺถ, ปทปูรณมเตฺต วา นิปาโตฯ ตตฺถ อวธารณเตฺถน ‘‘อโสฺสสุํ เอว, น เตสํ โกจิ สวนนฺตราโย อโหสี’’ติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปทปูรเณน พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตามตฺตเมวฯ
Assosunti suṇiṃsu upalabhiṃsu, sotadvārasampattavacananigghosānusārena jāniṃsu. Khoti avadhāraṇatthe, padapūraṇamatte vā nipāto. Tattha avadhāraṇatthena ‘‘assosuṃ eva, na tesaṃ koci savanantarāyo ahosī’’ti ayamattho veditabbo. Padapūraṇena byañjanasiliṭṭhatāmattameva.
อิทานิ ยมตฺถํ อโสฺสสุํ, ตํ ปกาเสตุํ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโมติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สมิตปาปตฺตา สมโณติ เวทิตโพฺพฯ ขลูติ อนุสฺสวเตฺถ นิปาโตฯ โภติ เตสํ อญฺญมญฺญํ อาลปนมตฺตํฯ โคตโมติ ภควโต โคตฺตวเสน ปริทีปนํ, ตสฺมา ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติ เอตฺถ สมโณ กิร, โภ, โคตมโคโตฺตติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ สกฺยปุโตฺตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํฯ สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ, เกนจิ ปาริชุเญฺญน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติฯ ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อโตฺถฯ กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสโฎฺฐติ วุตฺตํ โหติฯ กิตฺติสโทฺทติ กิตฺติเยว, ถุติโฆโส วาฯ อพฺภุคฺคโตติ สเทวกํ โลกํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อุคฺคโตฯ กินฺติ? อิติปิ โส ภควา…เป.… พุโทฺธ ภควาติฯ ตตฺรายํ ปทสมฺพโนฺธ – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… อิติปิ ภควาติฯ อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติฯ
Idāni yamatthaṃ assosuṃ, taṃ pakāsetuṃ samaṇo khalu, bho, gotamotiādi vuttaṃ. Tattha samitapāpattā samaṇoti veditabbo. Khalūti anussavatthe nipāto. Bhoti tesaṃ aññamaññaṃ ālapanamattaṃ. Gotamoti bhagavato gottavasena paridīpanaṃ, tasmā ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo’’ti ettha samaṇo kira, bho, gotamagottoti evamattho daṭṭhabbo. Sakyaputtoti idaṃ pana bhagavato uccākulaparidīpanaṃ. Sakyakulā pabbajitoti saddhāpabbajitabhāvaparidīpanaṃ, kenaci pārijuññena anabhibhūto aparikkhīṇaṃyeva taṃ kulaṃ pahāya saddhāya pabbajitoti vuttaṃ hoti. Taṃ kho panāti itthambhūtākhyānatthe upayogavacanaṃ, tassa kho pana bhoto gotamassāti attho. Kalyāṇoti kalyāṇaguṇasamannāgato, seṭṭhoti vuttaṃ hoti. Kittisaddoti kittiyeva, thutighoso vā. Abbhuggatoti sadevakaṃ lokaṃ ajjhottharitvā uggato. Kinti? Itipi so bhagavā…pe… buddho bhagavāti. Tatrāyaṃ padasambandho – so bhagavā itipi arahaṃ, itipi sammāsambuddho…pe… itipi bhagavāti. Iminā ca iminā ca kāraṇenāti vuttaṃ hoti.
ตตฺถ ‘‘อารกตฺตา, อรีนํ อรานญฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตโพฺพ’’ติอาทินา นเยน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา สพฺพาเนว เอตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕-๑๒๗) พุทฺธานุสฺสตินิเทฺทเส วิตฺถาริตานีติ ตโต เนสํ วิตฺถาโร คเหตโพฺพฯ
Tattha ‘‘ārakattā, arīnaṃ arānañca hatattā, paccayādīnaṃ arahattā, pāpakaraṇe rahābhāvāti imehi kāraṇehi so bhagavā arahanti veditabbo’’tiādinā nayena mātikaṃ nikkhipitvā sabbāneva etāni padāni visuddhimagge (visuddhi. 1.125-127) buddhānussatiniddese vitthāritānīti tato nesaṃ vitthāro gahetabbo.
โส อิมํ โลกนฺติ โส ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ, อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทเสฺสติฯ สเทวกนฺติ สห เทเวหิ สเทวกํฯ เอวํ สห มาเรน สมารกํฯ สห พฺรหฺมุนา สพฺรหฺมกํฯ สห สมณพฺราหฺมเณหิ สสฺสมณพฺราหฺมณิํฯ ปชาตตฺตา ปชา, ตํ ปชํฯ สห เทวมนุเสฺสหิ สเทวมนุสฺสํฯ ตตฺถ สเทวกวจเนน ปญฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, สมารกวจเนน ฉฎฺฐกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ, สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ, สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณญฺจ, ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํฯ เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลเกน สทฺธิํ สตฺตโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโกว คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Soimaṃ lokanti so bhavaṃ gotamo imaṃ lokaṃ, idāni vattabbaṃ nidasseti. Sadevakanti saha devehi sadevakaṃ. Evaṃ saha mārena samārakaṃ. Saha brahmunā sabrahmakaṃ. Saha samaṇabrāhmaṇehi sassamaṇabrāhmaṇiṃ. Pajātattā pajā, taṃ pajaṃ. Saha devamanussehi sadevamanussaṃ. Tattha sadevakavacanena pañcakāmāvacaradevaggahaṇaṃ veditabbaṃ, samārakavacanena chaṭṭhakāmāvacaradevaggahaṇaṃ, sabrahmakavacanena brahmakāyikādibrahmaggahaṇaṃ, sassamaṇabrāhmaṇivacanena sāsanassa paccatthikapaccāmittasamaṇabrāhmaṇaggahaṇaṃ, samitapāpabāhitapāpasamaṇabrāhmaṇaggahaṇañca, pajāvacanena sattalokaggahaṇaṃ, sadevamanussavacanena sammutidevaavasesamanussaggahaṇaṃ. Evamettha tīhi padehi okāsalokena saddhiṃ sattaloko, dvīhi pajāvasena sattalokova gahitoti veditabbo.
อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต, สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก, สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปีพฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณาทิคฺคหเณน จตุปริสวเสน, สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก, อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วาฯ โปราณา ปนาหุ – สเทวกนฺติ เทวตาหิ สทฺธิํ อวเสสโลกํฯ สมารกนฺติ มาเรน สทฺธิํ อวเสสโลกํฯ สพฺรหฺมกนฺติ พฺรเหฺมหิ สทฺธิํ อวเสสโลกํฯ เอวํ สเพฺพปิ ติภวูปเค สเตฺต ตีหากาเรหิ ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทาตุํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสนฺติ วุตฺตํฯ เอวํ ปญฺจหิ ปเทหิ เตน เตนากาเรน เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติฯ
Aparo nayo – sadevakaggahaṇena arūpāvacaraloko gahito, samārakaggahaṇena chakāmāvacaradevaloko, sabrahmakaggahaṇena rūpībrahmaloko, sassamaṇabrāhmaṇādiggahaṇena catuparisavasena, sammutidevehi vā saha manussaloko, avasesasabbasattaloko vā. Porāṇā panāhu – sadevakanti devatāhi saddhiṃ avasesalokaṃ. Samārakanti mārena saddhiṃ avasesalokaṃ. Sabrahmakanti brahmehi saddhiṃ avasesalokaṃ. Evaṃ sabbepi tibhavūpage satte tīhākārehi tīsu padesu pakkhipitvā puna dvīhi padehi pariyādātuṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussanti vuttaṃ. Evaṃ pañcahi padehi tena tenākārena tedhātukameva pariyādinnanti.
สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ สยนฺติ สามํ, อปรเนโยฺย หุตฺวาฯ อภิญฺญาติ อภิญฺญาย, อธิเกน ญาเณน ญตฺวาติ อโตฺถฯ สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา , เอเตน อนุมานาทิปฎิเกฺขโป กโตฯ ปเวเทตีติ โพเธติ ญาเปติ ปกาเสติฯ
Sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedetīti sayanti sāmaṃ, aparaneyyo hutvā. Abhiññāti abhiññāya, adhikena ñāṇena ñatvāti attho. Sacchikatvāti paccakkhaṃ katvā , etena anumānādipaṭikkhepo kato. Pavedetīti bodheti ñāpeti pakāseti.
โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สเตฺตสุ การุญฺญตํ ปฎิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตญฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสโนฺต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ, อาทิมฺหิปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสติ, มเชฺฌปิ, ปริโยสาเนปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสตีติ วุตฺตํ โหติฯ
So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… pariyosānakalyāṇanti so bhagavā sattesu kāruññataṃ paṭicca hitvāpi anuttaraṃ vivekasukhaṃ dhammaṃ deseti. Tañca kho appaṃ vā bahuṃ vā desento ādikalyāṇādippakārameva deseti, ādimhipi kalyāṇaṃ bhaddakaṃ anavajjameva katvā deseti, majjhepi, pariyosānepi kalyāṇaṃ bhaddakaṃ anavajjameva katvā desetīti vuttaṃ hoti.
ตตฺถ อตฺถิ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ, อตฺถิ สาสนสฺสฯ เทสนาย ตาว จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปฐมปาโท อาทิ นาม, ตโต เทฺว มชฺฌํ นาม, อเนฺต เอโก ปริโยสานํ นามฯ เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, อุภินฺนํ อนฺตรา มชฺฌํฯ อเนกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ปฐมานุสนฺธิ อาทิ, อเนฺต อนุสนฺธิ ปริโยสานํ, มเชฺฌ เอโก วา เทฺว วา พหู วา มชฺฌเมวฯ
Tattha atthi desanāya ādimajjhapariyosānaṃ, atthi sāsanassa. Desanāya tāva catuppadikāyapi gāthāya paṭhamapādo ādi nāma, tato dve majjhaṃ nāma, ante eko pariyosānaṃ nāma. Ekānusandhikassa suttassa nidānaṃ ādi, idamavocāti pariyosānaṃ, ubhinnaṃ antarā majjhaṃ. Anekānusandhikassa suttassa paṭhamānusandhi ādi, ante anusandhi pariyosānaṃ, majjhe eko vā dve vā bahū vā majjhameva.
สาสนสฺส สีลสมาธิวิปสฺสนา อาทิ นามฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ, สีลญฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฎฺฐิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙)ฯ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฎิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา’’ติ เอวํ วุโตฺต ปน อริยมโคฺค มชฺฌํ นามฯ ผลเญฺจว นิพฺพานญฺจ ปริโยสานํ นามฯ ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยํ เอตํปารํ เอตํปริโยสาน’’นฺติ เอตฺถ ผลํ ปริโยสนนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘นิพฺพาโนคธญฺหิ, อาวุโส วิสาข, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ นิพฺพานปรายณํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) เอตฺถ นิพฺพานํ ปริโยสานนฺติ วุตฺตํฯ อิธ ปน เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิเปฺปตํฯ ภควา หิ ธมฺมํ เทเสโนฺต อาทิมฺหิ สีลํ ทเสฺสตฺวา มเชฺฌ มคฺคํ ปริโยสาเน นิพฺพานํ ทเสฺสติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติฯ ตสฺมา อโญฺญปิ ธมฺมกถิโก ธมฺมํ กเถโนฺต –
Sāsanassa sīlasamādhivipassanā ādi nāma. Vuttampi cetaṃ – ‘‘ko cādi kusalānaṃ dhammānaṃ, sīlañca suvisuddhaṃ diṭṭhi ca ujukā’’ti (saṃ. ni. 5.369). ‘‘Atthi, bhikkhave, majjhimā paṭipadā tathāgatena abhisambuddhā’’ti evaṃ vutto pana ariyamaggo majjhaṃ nāma. Phalañceva nibbānañca pariyosānaṃ nāma. ‘‘Tasmātiha tvaṃ, brāhmaṇa, brahmacariyaṃ etaṃpāraṃ etaṃpariyosāna’’nti ettha phalaṃ pariyosananti vuttaṃ. ‘‘Nibbānogadhañhi, āvuso visākha, brahmacariyaṃ vussati nibbānaparāyaṇaṃ nibbānapariyosāna’’nti (ma. ni. 1.466) ettha nibbānaṃ pariyosānanti vuttaṃ. Idha pana desanāya ādimajjhapariyosānaṃ adhippetaṃ. Bhagavā hi dhammaṃ desento ādimhi sīlaṃ dassetvā majjhe maggaṃ pariyosāne nibbānaṃ dasseti. Tena vuttaṃ – ‘‘so dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇa’’nti. Tasmā aññopi dhammakathiko dhammaṃ kathento –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ ทเสฺสยฺย, มเชฺฌ มคฺคํ วิภาวเย;
‘‘Ādimhi sīlaṃ dasseyya, majjhe maggaṃ vibhāvaye;
ปริโยสานมฺหิ นิพฺพานํ, เอสา กถิกสณฺฐิตี’’ติฯ
Pariyosānamhi nibbānaṃ, esā kathikasaṇṭhitī’’ti.
สาตฺถํ สพฺยญฺชนนฺติ ยสฺส หิ ยาคุภตฺตอิตฺถิปุริสาทิวณฺณนานิสฺสิตา เทสนา โหติ, น โส สาตฺถํ เทเสติฯ ภควา ปน ตถารูปํ เทสนํ ปหาย จตุสติปฎฺฐานาทินิสฺสิตํ เทสนํ เทเสติฯ ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ เทเสตี’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺส ปน เทสนา เอกพฺยญฺชนาทิยุตฺตา วา สพฺพนิโรฎฺฐพฺยญฺชนา วา สพฺพวิสฺสฎฺฐพฺยญฺชนา วา สพฺพนิคฺคหิตพฺยญฺชนา วา, ตสฺส ทมิฬกิราตยวนาทิมิลกฺขานํ ภาสา วิย พฺยญฺชนปาริปูริยา อภาวโต อพฺยญฺชนา นาม เทสนา โหติฯ ภควา ปน –
Sātthaṃ sabyañjananti yassa hi yāgubhattaitthipurisādivaṇṇanānissitā desanā hoti, na so sātthaṃ deseti. Bhagavā pana tathārūpaṃ desanaṃ pahāya catusatipaṭṭhānādinissitaṃ desanaṃ deseti. Tasmā ‘‘sātthaṃ desetī’’ti vuccati. Yassa pana desanā ekabyañjanādiyuttā vā sabbaniroṭṭhabyañjanā vā sabbavissaṭṭhabyañjanā vā sabbaniggahitabyañjanā vā, tassa damiḷakirātayavanādimilakkhānaṃ bhāsā viya byañjanapāripūriyā abhāvato abyañjanā nāma desanā hoti. Bhagavā pana –
‘‘สิถิลํ ธนิตญฺจ ทีฆรสฺสํ, ลหุกํ ครุกญฺจ นิคฺคหีตํ;
‘‘Sithilaṃ dhanitañca dīgharassaṃ, lahukaṃ garukañca niggahītaṃ;
สมฺพนฺธํ ววตฺถิตํ วิมุตฺตํ, ทสธา พฺยญฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติฯ –
Sambandhaṃ vavatthitaṃ vimuttaṃ, dasadhā byañjanabuddhiyā pabhedo’’ti. –
เอวํ วุตฺตํ ทสวิธํ พฺยญฺชนํ อมเกฺขตฺวา ปริปุณฺณพฺยญฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺมา ‘‘สพฺยญฺชนํ กตฺวา เทเสตี’’ติ วุจฺจติฯ เกวลปริปุณฺณนฺติ เอตฺถ เกวลนฺติ สกลาธิวจนํฯ ปริปุณฺณนฺติ อนูนาธิกวจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สกลปริปุณฺณเมว เทเสติ, เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถีติฯ ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํฯ โย หิ ‘‘อิมํ ธมฺมเทสนํ นิสฺสาย ลาภํ วา สกฺการํ วา ลภิสฺสามี’’ติ เทเสติ, ตสฺส อปริสุทฺธา เทสนา นาม โหติฯ ภควา ปน โลกามิสนิรเปโกฺข หิตผรเณเนว เมตฺตาภาวนาย มุทุหทโย อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺฐิเตน จิเตฺตน เทเสติฯ ตสฺมา ปริสุทฺธํ เทเสตีติ วุจฺจติฯ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ เอตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนํฯ ตสฺมา พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… ปริสุทฺธํ, เอวํ เทเสโนฺต จ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลสาสนพฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ พฺรหฺมจริยนฺติ เสฎฺฐเฎฺฐน พฺรหฺมภูตํ จริยํ, พฺรหฺมภูตานํ วา พุทฺธาทีนํ จริยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Evaṃ vuttaṃ dasavidhaṃ byañjanaṃ amakkhetvā paripuṇṇabyañjanameva katvā dhammaṃ deseti. Tasmā ‘‘sabyañjanaṃ katvā desetī’’ti vuccati. Kevalaparipuṇṇanti ettha kevalanti sakalādhivacanaṃ. Paripuṇṇanti anūnādhikavacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – sakalaparipuṇṇameva deseti, ekadesanāpi aparipuṇṇā natthīti. Parisuddhanti nirupakkilesaṃ. Yo hi ‘‘imaṃ dhammadesanaṃ nissāya lābhaṃ vā sakkāraṃ vā labhissāmī’’ti deseti, tassa aparisuddhā desanā nāma hoti. Bhagavā pana lokāmisanirapekkho hitapharaṇeneva mettābhāvanāya muduhadayo ullumpanasabhāvasaṇṭhitena cittena deseti. Tasmā parisuddhaṃ desetīti vuccati. Brahmacariyaṃ pakāsetīti ettha brahmacariyanti sikkhattayasaṅgahitaṃ sakalaṃ sāsanaṃ. Tasmā brahmacariyaṃ pakāsetīti so dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… parisuddhaṃ, evaṃ desento ca sikkhattayasaṅgahitaṃ sakalasāsanabrahmacariyaṃ pakāsetīti evamettha attho daṭṭhabbo. Brahmacariyanti seṭṭhaṭṭhena brahmabhūtaṃ cariyaṃ, brahmabhūtānaṃ vā buddhādīnaṃ cariyanti vuttaṃ hoti.
สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน, อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตถารูปานํ อรหตนฺติ ยถารูโป โส ภวํ โคตโม, เอวรูปานํ อเนเกหิปิ กปฺปโกฎิสตสหเสฺสหิ ทุลฺลภทสฺสนานํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิเตฺตหิ อสีติอนุพฺยญฺชนปฎิมณฺฑิเตหิ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณวเรหิ สมากิณฺณมโนรมสรีรานํ อนปฺปกทสฺสนานํ อติมธุรธมฺมนิโคฺฆสานํ ยถาภูตคุณาธิคเมน โลเก อรหโนฺตติ ลทฺธสทฺทานํ อรหตํฯ ทสฺสนํ โหตีติ ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหติฯ สเจ ปน อฎฺฐงฺคสมนฺนาคเตน พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส เอกปทมฺปิ โสตุํ ลภิสฺสาม, สาธุตรํเยว ภวิสฺสตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวาฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ สพฺพกิจฺจานิ ปหาย ตุฎฺฐมานสา อคมํสุฯ อญฺชลิํ ปณาเมตฺวาติ เอเต อุภโตปกฺขิกา, เต เอวํ จิเนฺตสุํ – ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ตุเมฺห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ, เตสํ ‘กิํ อญฺชลิกรณมเตฺตนาปิ วนฺทิตํ โหตี’ติ วกฺขาม ฯ สเจ โน สมฺมาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ, ‘กิํ สีเสน ภูมิํ ปหรเนฺตเนว วนฺทิตํ โหติฯ นนุ อญฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนา เอวา’ติ วกฺขามา’’ติฯ
Sādhu kho panāti sundaraṃ kho pana, atthāvahaṃ sukhāvahanti vuttaṃ hoti. Tathārūpānaṃ arahatanti yathārūpo so bhavaṃ gotamo, evarūpānaṃ anekehipi kappakoṭisatasahassehi dullabhadassanānaṃ byāmappabhāparikkhittehi asītianubyañjanapaṭimaṇḍitehi dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇavarehi samākiṇṇamanoramasarīrānaṃ anappakadassanānaṃ atimadhuradhammanigghosānaṃ yathābhūtaguṇādhigamena loke arahantoti laddhasaddānaṃ arahataṃ. Dassanaṃ hotīti pasādasommāni akkhīni ummīletvā dassanamattampi sādhu hoti. Sace pana aṭṭhaṅgasamannāgatena brahmassarena dhammaṃ desentassa ekapadampi sotuṃ labhissāma, sādhutaraṃyeva bhavissatīti evaṃ ajjhāsayaṃ katvā. Yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsūti sabbakiccāni pahāya tuṭṭhamānasā agamaṃsu. Añjaliṃ paṇāmetvāti ete ubhatopakkhikā, te evaṃ cintesuṃ – ‘‘sace no micchādiṭṭhikā codessanti ‘kasmā tumhe samaṇaṃ gotamaṃ vanditthā’ti, tesaṃ ‘kiṃ añjalikaraṇamattenāpi vanditaṃ hotī’ti vakkhāma . Sace no sammādiṭṭhikā codessanti ‘kasmā bhagavantaṃ na vanditthā’ti, ‘kiṃ sīsena bhūmiṃ paharanteneva vanditaṃ hoti. Nanu añjalikammampi vandanā evā’ti vakkhāmā’’ti.
นามโคตฺตนฺติ , ‘‘โภ โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุโตฺต ทโตฺต นาม มิโตฺต นาม อิธาคโต’’ติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นามฯ ‘‘โภ โคตม, อหํ วาเสโฎฺฐ นาม กจฺจาโน นาม อิธาคโต’’ติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นามฯ เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณกุลปุตฺตา ‘‘ปริสมเชฺฌ นามโคตฺตวเสน ปากฎา ภวิสฺสามา’’ติ เอวํ อกํสุฯ เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทิํสุ, เต เกราฎิกา เจว อนฺธพาลา จฯ ตตฺถ เกราฎิกา ‘‘เอกํ เทฺว กถาสลฺลาเป กโรเนฺต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ เทฺว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจนฺตา ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติฯ อนฺธพาลา อญฺญาณตาเยว อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺฑา วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติฯ
Nāmagottanti , ‘‘bho gotama, ahaṃ asukassa putto datto nāma mitto nāma idhāgato’’ti vadantā nāmaṃ sāventi nāma. ‘‘Bho gotama, ahaṃ vāseṭṭho nāma kaccāno nāma idhāgato’’ti vadantā gottaṃ sāventi nāma. Ete kira daliddā jiṇṇakulaputtā ‘‘parisamajjhe nāmagottavasena pākaṭā bhavissāmā’’ti evaṃ akaṃsu. Ye pana tuṇhībhūtā nisīdiṃsu, te kerāṭikā ceva andhabālā ca. Tattha kerāṭikā ‘‘ekaṃ dve kathāsallāpe karonte vissāsiko hoti, atha vissāse sati ekaṃ dve bhikkhā adātuṃ na yutta’’nti tato attānaṃ mocentā tuṇhībhūtā nisīdanti. Andhabālā aññāṇatāyeva avakkhittamattikāpiṇḍā viya yattha katthaci tuṇhībhūtā nisīdanti.
เวนาคปุริโกติ เวนาคปุรวาสีฯ เอตทโวจาติ ปาทนฺตโต ปฎฺฐาย ยาว เกสคฺคา ตถาคตสฺส สรีรํ โอโลเกโนฺต อสีติอนุพฺยญฺชนสมุชฺชเลหิ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปฎิมณฺฑิตํ สรีรา นิกฺขมิตฺวา สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปเทสํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตาหิ ฉพฺพณฺณาหิ ฆนพุทฺธรํสีหิ สมฺปริวาริตํ ตถาคตสฺส สรีรํ ทิสฺวา สญฺชาตวิมฺหโย วณฺณํ ภณโนฺต เอตํ ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตมา’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ
Venāgapurikoti venāgapuravāsī. Etadavocāti pādantato paṭṭhāya yāva kesaggā tathāgatassa sarīraṃ olokento asītianubyañjanasamujjalehi dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi paṭimaṇḍitaṃ sarīrā nikkhamitvā samantato asītihatthappadesaṃ ajjhottharitvā ṭhitāhi chabbaṇṇāhi ghanabuddharaṃsīhi samparivāritaṃ tathāgatassa sarīraṃ disvā sañjātavimhayo vaṇṇaṃ bhaṇanto etaṃ ‘‘acchariyaṃ, bho gotamā’’tiādivacanaṃ avoca.
ตตฺถ ยาวญฺจิทนฺติ อธิมตฺตปฺปมาณปริเจฺฉทวจนเมตํฯ ตสฺส วิปฺปสนฺนปเทน สทฺธิํ สมฺพโนฺธฯ ยาวญฺจ วิปฺปสนฺนานิ อธิมตฺตวิปฺปสนฺนานีติ อโตฺถฯ อินฺทฺริยานีติ จกฺขาทีนิ ฉ อินฺทฺริยานิฯ ตสฺส หิ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ปติฎฺฐิโตกาสสฺส วิปฺปสนฺนตํ ทิสฺวา เตสํ วิปฺปสนฺนตา ปากฎา อโหสิฯ ยสฺมา ปน สา มเน วิปฺปสเนฺนเยว โหติ, อวิปฺปสนฺนจิตฺตานญฺหิ อินฺทฺริยปฺปสาโท นาม นตฺถิ, ตสฺมาสฺส มนินฺทฺริยปฺปสาโทปิ ปากโฎ อโหสิฯ ตํ เอส วิปฺปสนฺนตํ คเหตฺวา ‘‘วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานี’’ติ อาหฯ ปริสุโทฺธติ นิมฺมโลฯ ปริโยทาโตติ ปภสฺสโรฯ สารทํ พทรปณฺฑุนฺติ สรทกาเล ชาตํ นาติสุปริปกฺกํ พทรํฯ ตญฺหิ ปริสุทฺธเญฺจว โหติ ปริโยทาตญฺจฯ ตาลปกฺกนฺติ สุปริปกฺกตาลผลํฯ สมฺปติ พนฺธนา ปมุตฺตนฺติ ตํขณเญฺญว พนฺธนา ปมุตฺตํฯ ตสฺส หิ พนฺธนมูลํ อปเนตฺวา ปรมุขํ กตฺวา ผลเก ฐปิตสฺส จตุรงฺคุลมตฺตํ ฐานํ โอโลเกนฺตานํ ปริสุทฺธํ ปริโยทาตํ หุตฺวา ขายติฯ ตํ สนฺธาเยวมาห ฯ เนกฺขํ ชโมฺพนทนฺติ สุรตฺตวณฺณสฺส ชโมฺพนทสุวณฺณสฺส ฆฎิกาฯ ทกฺขกมฺมารปุตฺตสุปริกมฺมกตนฺติ ทเกฺขน สุวณฺณการปุเตฺตน สุฎฺฐุ กตปริกมฺมํฯ อุกฺกามุเข สุกุสลสมฺปหฎฺฐนฺติ สุวณฺณการอุทฺธเน ปจิตฺวา สุกุสเลน สุวณฺณกาเรน ฆฎฺฎนปริมชฺชนหํสเนน สุฎฺฐุ ปหฎฺฐํ สุปริมทฺทิตนฺติ อโตฺถฯ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตนฺติ อคฺคินา ปจิตฺวา ทีปิทาฐาย ฆํสิตฺวา เครุกปริกมฺมํ กตฺวา รตฺตกมฺพเล ฐปิตํฯ ภาสเตติ สญฺชาตโอภาสตาย ภาสเตฯ ตปเตติ อนฺธการวิทฺธํสนตาย ตปเตฯ วิโรจตีติ วิโชฺชตมานํ หุตฺวา วิโรจติ, โสภตีติ อโตฺถฯ
Tattha yāvañcidanti adhimattappamāṇaparicchedavacanametaṃ. Tassa vippasannapadena saddhiṃ sambandho. Yāvañca vippasannāni adhimattavippasannānīti attho. Indriyānīti cakkhādīni cha indriyāni. Tassa hi pañcannaṃ indriyānaṃ patiṭṭhitokāsassa vippasannataṃ disvā tesaṃ vippasannatā pākaṭā ahosi. Yasmā pana sā mane vippasanneyeva hoti, avippasannacittānañhi indriyappasādo nāma natthi, tasmāssa manindriyappasādopi pākaṭo ahosi. Taṃ esa vippasannataṃ gahetvā ‘‘vippasannāni indriyānī’’ti āha. Parisuddhoti nimmalo. Pariyodātoti pabhassaro. Sāradaṃbadarapaṇḍunti saradakāle jātaṃ nātisuparipakkaṃ badaraṃ. Tañhi parisuddhañceva hoti pariyodātañca. Tālapakkanti suparipakkatālaphalaṃ. Sampati bandhanā pamuttanti taṃkhaṇaññeva bandhanā pamuttaṃ. Tassa hi bandhanamūlaṃ apanetvā paramukhaṃ katvā phalake ṭhapitassa caturaṅgulamattaṃ ṭhānaṃ olokentānaṃ parisuddhaṃ pariyodātaṃ hutvā khāyati. Taṃ sandhāyevamāha . Nekkhaṃ jambonadanti surattavaṇṇassa jambonadasuvaṇṇassa ghaṭikā. Dakkhakammāraputtasuparikammakatanti dakkhena suvaṇṇakāraputtena suṭṭhu kataparikammaṃ. Ukkāmukhe sukusalasampahaṭṭhanti suvaṇṇakārauddhane pacitvā sukusalena suvaṇṇakārena ghaṭṭanaparimajjanahaṃsanena suṭṭhu pahaṭṭhaṃ suparimadditanti attho. Paṇḍukambale nikkhittanti agginā pacitvā dīpidāṭhāya ghaṃsitvā gerukaparikammaṃ katvā rattakambale ṭhapitaṃ. Bhāsateti sañjātaobhāsatāya bhāsate. Tapateti andhakāraviddhaṃsanatāya tapate. Virocatīti vijjotamānaṃ hutvā virocati, sobhatīti attho.
อุจฺจาสยนมหาสยนานีติ เอตฺถ อติกฺกนฺตปฺปมาณํ อุจฺจาสยนํ นาม, อายตวิตฺถตํ อกปฺปิยภณฺฑํ มหาสยนํ นามฯ อิทานิ ตานิ ทเสฺสโนฺต เสยฺยถิทํ, อาสนฺทีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาสนฺทีติ อติกฺกนฺตปฺปมาณํ อาสนํฯ ปลฺลโงฺกติ ปาเทสุ วาฬรูปานิ ฐเปตฺวา กโตฯ โคนโกติ ทีฆโลมโก มหาโกชโวฯ จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานิฯ จิตฺตโกติ วานจิตฺตํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ ปฎิกาติ อุณฺณามโย เสตตฺถรโกฯ ปฎลิกาติ ฆนปุโปฺผ อุณฺณามยตฺถรโก, โย อามลกปโฎฺฎติปิ วุจฺจติฯ ตูลิกาติ ติณฺณํ ตูลานํ อญฺญตรปุณฺณา ตูลิกาฯ วิกติกาติ สีหพฺยคฺฆาทิรูปวิจิโตฺร อุณฺณามยตฺถรโกฯ อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ เกจิ เอกโต อุคฺคตปุปฺผนฺติ วทนฺติฯ เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ เกจิ อุภโต อุคฺคตปุปฺผนฺติ วทนฺติฯ กฎฺฎิสฺสนฺติ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยํ ปจฺจตฺถรณํฯ โกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพิตเมว โกสิยสุตฺตมยํ ปจฺจตฺถรณํฯ กุตฺตกนฺติ โสฬสนฺนํ นาฎกิตฺถีนํ ฐตฺวา นจฺจนโยคฺคํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ หตฺถตฺถราทโย หตฺถิปิฎฺฐาทีสุ อตฺถรณกอตฺถรกา เจว หตฺถิรูปาทีนิ ทเสฺสตฺวา กตอตฺถรกา จฯ อชินปฺปเวณีติ อชินจเมฺมหิ มญฺจปฺปมาเณน สิพฺพิตฺวา กตปฺปเวณีฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ
Uccāsayanamahāsayanānīti ettha atikkantappamāṇaṃ uccāsayanaṃ nāma, āyatavitthataṃ akappiyabhaṇḍaṃ mahāsayanaṃ nāma. Idāni tāni dassento seyyathidaṃ, āsandītiādimāha. Tattha āsandīti atikkantappamāṇaṃ āsanaṃ. Pallaṅkoti pādesu vāḷarūpāni ṭhapetvā kato. Gonakoti dīghalomako mahākojavo. Caturaṅgulādhikāni kira tassa lomāni. Cittakoti vānacittaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Paṭikāti uṇṇāmayo setattharako. Paṭalikāti ghanapuppho uṇṇāmayattharako, yo āmalakapaṭṭotipi vuccati. Tūlikāti tiṇṇaṃ tūlānaṃ aññatarapuṇṇā tūlikā. Vikatikāti sīhabyagghādirūpavicitro uṇṇāmayattharako. Uddalomīti ubhatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Keci ekato uggatapupphanti vadanti. Ekantalomīti ekatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Keci ubhato uggatapupphanti vadanti. Kaṭṭissanti ratanaparisibbitaṃ koseyyakaṭṭissamayaṃ paccattharaṇaṃ. Koseyyanti ratanaparisibbitameva kosiyasuttamayaṃ paccattharaṇaṃ. Kuttakanti soḷasannaṃ nāṭakitthīnaṃ ṭhatvā naccanayoggaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Hatthattharādayo hatthipiṭṭhādīsu attharaṇakaattharakā ceva hatthirūpādīni dassetvā kataattharakā ca. Ajinappaveṇīti ajinacammehi mañcappamāṇena sibbitvā katappaveṇī. Sesaṃ heṭṭhā vuttatthameva.
นิกามลาภีติ อติกามลาภี อิจฺฉิติจฺฉิตลาภีฯ อกิจฺฉลาภีติ อทุกฺขลาภีฯ อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี มหนฺตลาภี, อุฬารุฬาราเนว ลภติ มเญฺญติ สนฺธาย วทติฯ อยํ กิร พฺราหฺมโณ สยนครุโก, โส ภควโต วิปฺปสนฺนินฺทฺริยาทิตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา เอส เอวรูเปสุ อุจฺจาสยนมหาสยเนสุ นิสีทติ เจว นิปชฺชติ จฯ เตนสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโต’’ติ มญฺญมาโน อิมํ เสนาสนวณฺณํ กเถสิฯ
Nikāmalābhīti atikāmalābhī icchiticchitalābhī. Akicchalābhīti adukkhalābhī. Akasiralābhīti vipulalābhī mahantalābhī, uḷāruḷārāneva labhati maññeti sandhāya vadati. Ayaṃ kira brāhmaṇo sayanagaruko, so bhagavato vippasannindriyāditaṃ disvā ‘‘addhā esa evarūpesu uccāsayanamahāsayanesu nisīdati ceva nipajjati ca. Tenassa vippasannāni indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto’’ti maññamāno imaṃ senāsanavaṇṇaṃ kathesi.
ลทฺธา จ ปน น กปฺปนฺตีติ เอตฺถ กิญฺจิ กิญฺจิ กปฺปติฯ สุทฺธโกเสยฺยญฺหิ มเญฺจปิ อตฺถริตุํ วฎฺฎติ, โคนกาทโย จ ภูมตฺถรณปริโภเคน, อาสนฺทิยา ปาเท ฉินฺทิตฺวา, ปลฺลงฺกสฺส วาเฬ ภินฺทิตฺวา, ตูลิกํ วิชเฎตฺวา ‘‘พิโมฺพหนญฺจ กาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) วจนโต อิมานิปิ เอเกน วิธาเนน กปฺปนฺติฯ อกปฺปิยํ ปน อุปาทาย สพฺพาเนว น กปฺปนฺตีติ วุตฺตานิฯ
Laddhāca pana na kappantīti ettha kiñci kiñci kappati. Suddhakoseyyañhi mañcepi attharituṃ vaṭṭati, gonakādayo ca bhūmattharaṇaparibhogena, āsandiyā pāde chinditvā, pallaṅkassa vāḷe bhinditvā, tūlikaṃ vijaṭetvā ‘‘bimbohanañca kātu’’nti (cūḷava. 297) vacanato imānipi ekena vidhānena kappanti. Akappiyaṃ pana upādāya sabbāneva na kappantīti vuttāni.
วนนฺตเญฺญว ปวิสามีติ อรญฺญํเยว ปวิสามิฯ ยเทวาติ ยานิเยวฯ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ พนฺธิตฺวาฯ อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎเก โกฎิยา โกฎิํ ปฎิปาเทโนฺต อุชุํ กายํ ฐเปตฺวาฯ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาติ กมฺมฎฺฐานาภิมุขํ สติํ ฐเปตฺวา, ปริคฺคหิตนิยฺยานํ วา กตฺวาติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ปรีติ ปริคฺคหโฎฺฐฯ มุขนฺติ นิยฺยานโฎฺฐฯ สตีติ อุปฎฺฐานโฎฺฐฯ เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๔)ฯ อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปฎิลภิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา วิหรามิฯ เอวํภูโตติ เอวํ ปฐมชฺฌานาทีสุ อญฺญตรสมงฺคี หุตฺวาฯ ทิโพฺพ เม เอโส ตสฺมิํ สมเย จงฺกโม โหตีติ จตฺตาริ หิ รูปชฺฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา จงฺกมนฺตสฺส จงฺกโม ทิพฺพจงฺกโม นาม โหติ, สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย จงฺกมนฺตสฺสาปิ จงฺกโม ทิพฺพจงฺกโมเยวฯ ฐานาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ตถา อิตเรสุ ทฺวีสุ วิหาเรสุฯ
Vanantaññeva pavisāmīti araññaṃyeva pavisāmi. Yadevāti yāniyeva. Pallaṅkaṃ ābhujitvāti samantato ūrubaddhāsanaṃ bandhitvā. Ujuṃ kāyaṃ paṇidhāyāti aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭake koṭiyā koṭiṃ paṭipādento ujuṃ kāyaṃ ṭhapetvā. Parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvāti kammaṭṭhānābhimukhaṃ satiṃ ṭhapetvā, pariggahitaniyyānaṃ vā katvāti attho. Vuttañhetaṃ – ‘‘parīti pariggahaṭṭho. Mukhanti niyyānaṭṭho. Satīti upaṭṭhānaṭṭho. Tena vuccati parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti (paṭi. ma. 1.164). Upasampajja viharāmīti paṭilabhitvā paccakkhaṃ katvā viharāmi. Evaṃbhūtoti evaṃ paṭhamajjhānādīsu aññatarasamaṅgī hutvā. Dibbo me eso tasmiṃ samaye caṅkamo hotīti cattāri hi rūpajjhānāni samāpajjitvā caṅkamantassa caṅkamo dibbacaṅkamo nāma hoti, samāpattito vuṭṭhāya caṅkamantassāpi caṅkamo dibbacaṅkamoyeva. Ṭhānādīsupi eseva nayo. Tathā itaresu dvīsu vihāresu.
โส เอวํ ปชานามิ ‘‘ราโค เม ปหีโน’’ติ มหาโพธิปลฺลเงฺก อรหตฺตมเคฺคน ปหีนราคเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘โส เอวํ ปชานามิ ราโค เม ปหีโน’’ติ อาหฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อิมินา ปน กิํ กถิตํ โหตีติ? ปจฺจเวกฺขณา กถิตา, ปจฺจเวกฺขณาย ผลสมาปตฺติ กถิตาฯ ผลสมาปตฺติญฺหิ สมาปนฺนสฺสปิ สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺสาปิ จงฺกมาทโย อริยจงฺกมาทโย โหนฺติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Soevaṃ pajānāmi ‘‘rāgo me pahīno’’ti mahābodhipallaṅke arahattamaggena pahīnarāgameva dassento ‘‘so evaṃ pajānāmi rāgo me pahīno’’ti āha. Sesapadesupi eseva nayo. Iminā pana kiṃ kathitaṃ hotīti? Paccavekkhaṇā kathitā, paccavekkhaṇāya phalasamāpatti kathitā. Phalasamāpattiñhi samāpannassapi samāpattito vuṭṭhitassāpi caṅkamādayo ariyacaṅkamādayo honti. Sesamettha uttānatthamevāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. เวนาคปุรสุตฺตํ • 3. Venāgapurasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา • 3. Venāgapurasuttavaṇṇanā