Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา
3. Venāgapurasuttavaṇṇanā
๖๔. ตติเย เอวํนามเก ชนปเทติ ยตฺถ นามคฺคหเณน โกสลสทฺทสฺส รุฬฺหีสทฺทตํ ทเสฺสติฯ ตถา หิ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสเทฺทน ‘‘โกสลา’’ติ วุจฺจติฯ อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ ยุเตฺต วิย สลิงฺควจนานิ (ปาณินิ ๑.๒.๕๑) อิจฺฉนฺติฯ อยเมตฺถ รุฬฺหี ยถา อญฺญตฺถาปิ ‘‘กุรูสุ วิหรติ, อเงฺคสุ วิหรตี’’ติ จฯ ตพฺพิเสสเน ปน ชนปทสเทฺท ชาติสเทฺท เอกวจนเมว ยถา ‘‘โกสเลสุ ชนปเท’’ติฯ จาริกนฺติ จรณํฯ จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกาฯ ตยิทํ มคฺคคมนํ อิธาธิเปฺปตํ, น จุณฺณิกคมนมตฺตนฺติ อาห ‘‘อทฺธานคมนํ คจฺฉโนฺต’’ติฯ ตํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘จาริกา จ นาเมสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทูเรปีติ ทูเรปิ นาติทูเรปิฯ สหสา คมนนฺติ สีฆคมนํฯ มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน อาฬวกาทีนํ อตฺถาย คมนํ สงฺคณฺหาติฯ ภควา หิ มหากสฺสปเตฺถรํ ปจฺจุคฺคจฺฉโนฺต มุหุเตฺตน ติคาวุตมคฺคมคมาสิฯ อาฬวกสฺสตฺถาย ติํสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺส, ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปญฺจจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺต โยชนสตานิ, ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส วนวาสิสฺส ติสฺสสามเณรสฺส ติคาวุตาธิกํ วีสโยชนสตํ อคมาสิฯ อิมํ สนฺธายาติ อิมํ อตุริตจาริกํ สนฺธายฯ
64. Tatiye evaṃnāmake janapadeti yattha nāmaggahaṇena kosalasaddassa ruḷhīsaddataṃ dasseti. Tathā hi kosalā nāma jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīsaddena ‘‘kosalā’’ti vuccati. Akkharacintakā hi īdisesu ṭhānesu yutte viya saliṅgavacanāni (pāṇini 1.2.51) icchanti. Ayamettha ruḷhī yathā aññatthāpi ‘‘kurūsu viharati, aṅgesu viharatī’’ti ca. Tabbisesane pana janapadasadde jātisadde ekavacanameva yathā ‘‘kosalesu janapade’’ti. Cārikanti caraṇaṃ. Caraṇaṃ vā cāro, so eva cārikā. Tayidaṃ maggagamanaṃ idhādhippetaṃ, na cuṇṇikagamanamattanti āha ‘‘addhānagamanaṃ gacchanto’’ti. Taṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘cārikā ca nāmesā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dūrepīti dūrepi nātidūrepi. Sahasā gamananti sīghagamanaṃ. Mahākassapapaccuggamanādīsūti ādi-saddena āḷavakādīnaṃ atthāya gamanaṃ saṅgaṇhāti. Bhagavā hi mahākassapattheraṃ paccuggacchanto muhuttena tigāvutamaggamagamāsi. Āḷavakassatthāya tiṃsayojanaṃ, tathā aṅgulimālassa, pukkusātissa pana pañcacattālīsayojanaṃ, mahākappinassa vīsayojanasataṃ, dhaniyassatthāya satta yojanasatāni, dhammasenāpatino saddhivihārikassa vanavāsissa tissasāmaṇerassa tigāvutādhikaṃ vīsayojanasataṃ agamāsi. Imaṃ sandhāyāti imaṃ aturitacārikaṃ sandhāya.
อุปลภิํสูติ เอตฺถ สวนวเสน อุปลภิํสูติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โสตทฺวาร…เป.… ชานิํสู’’ติ อาหฯ สพฺพมฺปิ วากฺยํ อวธารณผลตฺตา อโนฺตคธาวธารณนฺติ อาห ‘‘ปทปูรณมเตฺต วา นิปาโต’’ติฯ อวธารณเตฺถนาติ ปน อิมินา อิฎฺฐตฺถโตวธารณตฺถํ โข-สทฺทคฺคหณนฺติ ทเสฺสติฯ อโสฺสสีติ ปทํ โข-สเทฺท คหิเต เตน ผุลฺลิตมณฺฑิตวิภูสิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สํสิลิฎฺฐานิ นาม โหนฺติ, น ตสฺมิํ อคฺคหิเตติ อาห ‘‘ปทปูรเณน พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตามตฺตเมวา’’ติฯ มตฺตสโทฺท วิเสสนิวตฺติอโตฺถฯ เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตา ทสฺสิตา โหติ, เอวสเทฺทน ปน พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตาย เอกนฺติกตาฯ
Upalabhiṃsūti ettha savanavasena upalabhiṃsūti imamatthaṃ dassento ‘‘sotadvāra…pe… jāniṃsū’’ti āha. Sabbampi vākyaṃ avadhāraṇaphalattā antogadhāvadhāraṇanti āha ‘‘padapūraṇamatte vā nipāto’’ti. Avadhāraṇatthenāti pana iminā iṭṭhatthatovadhāraṇatthaṃ kho-saddaggahaṇanti dasseti. Assosīti padaṃ kho-sadde gahite tena phullitamaṇḍitavibhūsitaṃ viya hontaṃ pūritaṃ nāma hoti, tena ca purimapacchimapadāni saṃsiliṭṭhāni nāma honti, na tasmiṃ aggahiteti āha ‘‘padapūraṇena byañjanasiliṭṭhatāmattamevā’’ti. Mattasaddo visesanivattiattho. Tenassa anatthantaradīpanatā dassitā hoti, evasaddena pana byañjanasiliṭṭhatāya ekantikatā.
สมิตปาปตฺตาติ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตาฯ เอวญฺหิ พาหิรกวีตราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมนโต ภควโต ปาปสมนํ วิเสสิตํ โหติฯ เตนสฺส ยถาภูตคุณาธิคตเมตํ นามํ ยทิทํ สมโณติ ทีเปติฯ อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ อิธ อนุสฺสวโตฺถ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ขลูติ อนุสฺสวเตฺถ นิปาโต’’ติฯ อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลาปวจนมตฺตํฯ ปิยสมุทาหารา เหเต ‘‘โภ’’ติ วา ‘‘อาวุโส’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วาฯ โคตฺตวเสนาติ เอตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํฯ โคตโมติ หิ ปวตฺตมานํ วจนํ พุทฺธิญฺจ ตายติ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ โคตฺตํฯ ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อเตฺถน วินา น วตฺตติ, ตถา อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา โส โคตฺตสงฺขาโต อโตฺถ ตานิ ตายติ รกฺขตีติ วุจฺจติฯ โก ปน โสติ? อญฺญกุลปรมฺปราสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามญฺญรูปนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ สมโณติ อิมินา ปริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต สมิตปาปตากิตฺตนโตฯ โคตโมติ อิมินา โลกิยชเนหิ อุจฺจากุลสมฺภูตตา ทีปิตา เตน อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลวิภาวนโตฯ สพฺพขตฺติยานญฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฎฺฐาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํฯ
Samitapāpattāti accantaṃ anavasesato savāsanaṃ samitapāpattā. Evañhi bāhirakavītarāgasekkhāsekkhapāpasamanato bhagavato pāpasamanaṃ visesitaṃ hoti. Tenassa yathābhūtaguṇādhigatametaṃ nāmaṃ yadidaṃ samaṇoti dīpeti. Anekatthattā nipātānaṃ idha anussavattho adhippetoti āha ‘‘khalūti anussavatthe nipāto’’ti. Ālapanamattanti piyālāpavacanamattaṃ. Piyasamudāhārā hete ‘‘bho’’ti vā ‘‘āvuso’’ti vā ‘‘devānaṃ piyā’’ti vā. Gottavasenāti ettha gaṃ tāyatīti gottaṃ. Gotamoti hi pavattamānaṃ vacanaṃ buddhiñca tāyati ekaṃsikavisayatāya rakkhatīti gottaṃ. Yathā hi buddhi ārammaṇabhūtena atthena vinā na vattati, tathā abhidhānaṃ abhidheyyabhūtena, tasmā so gottasaṅkhāto attho tāni tāyati rakkhatīti vuccati. Ko pana soti? Aññakulaparamparāsādhāraṇaṃ tassa kulassa ādipurisasamudāgataṃ taṃkulapariyāpannasādhāraṇaṃ sāmaññarūpanti daṭṭhabbaṃ. Ettha ca samaṇoti iminā parikkhakajanehi bhagavato bahumatabhāvo dassito samitapāpatākittanato. Gotamoti iminā lokiyajanehi uccākulasambhūtatā dīpitā tena uditoditavipulakhattiyakulavibhāvanato. Sabbakhattiyānañhi ādibhūtamahāsammatamahārājato paṭṭhāya asambhinnaṃ uḷāratamaṃ sakyarājakulaṃ.
เกนจิ ปาริชุเญฺญนาติ ญาติปาริชุญฺญโภคปาริชุญฺญาทินา เกนจิปิ ปาริชุเญฺญน ปริหานิยา อนภิภูโต อนโชฺฌตฺถโฎฯ ตถา หิ ตสฺส กุลสฺส น กิญฺจิ ปาริชุญฺญํ โลกนาถสฺส อภิชาติยํ, อถ โข วฑฺฒิเยวฯ อภินิกฺขมเน จ ตโตปิ สมิทฺธตมภาโว โลเก ปากโฎ ปญฺญาโตติฯ สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ อิทํ วจนํ ภควโต สทฺธาปพฺพชิตภาวทีปนํ วุตฺตํ มหนฺตํ ญาติปริวฎฺฎํ มหนฺตญฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตภาวสิทฺธิโตฯ
Kenaci pārijuññenāti ñātipārijuññabhogapārijuññādinā kenacipi pārijuññena parihāniyā anabhibhūto anajjhotthaṭo. Tathā hi tassa kulassa na kiñci pārijuññaṃ lokanāthassa abhijātiyaṃ, atha kho vaḍḍhiyeva. Abhinikkhamane ca tatopi samiddhatamabhāvo loke pākaṭo paññātoti. Sakyakulā pabbajitoti idaṃ vacanaṃ bhagavato saddhāpabbajitabhāvadīpanaṃ vuttaṃ mahantaṃ ñātiparivaṭṭaṃ mahantañca bhogakkhandhaṃ pahāya pabbajitabhāvasiddhito.
อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถติ อิตฺถํ เอวํปกาโร ภูโต ชาโตติ เอวํ กถนเตฺถฯ อุปโยควจนนฺติ ‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ เอตฺถ อภิ-สโทฺท อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก, เตน โยคโต ‘‘ตํ โข ปน ภวนฺต’’นฺติ อิทํ สามิอเตฺถ อุปโยควจนํฯ เตนาห ‘‘ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อโตฺถ’’ติฯ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโตติ กลฺยาเณหิ คุเณหิ ยุโตฺต, ตนฺนิสฺสิโต ตพฺพิสยตายาติ อธิปฺปาโยฯ เสโฎฺฐติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ กิเตฺตตพฺพโต กิตฺติ, สา เอว สทฺทนียโต สโทฺทติ อาห ‘‘กิตฺติสโทฺทติ กิตฺติเยวา’’ติฯ อภิตฺถวนวเสน ปวโตฺต สโทฺท ถุติโฆโสฯ สเทวกํ โลกํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อุคฺคโตติ อนญฺญสาธารเณ คุเณ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา สเทวกํ โลกํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา อุคฺคโตฯ
Itthambhūtākhyānattheti itthaṃ evaṃpakāro bhūto jātoti evaṃ kathanatthe. Upayogavacananti ‘‘abbhuggato’’ti ettha abhi-saddo itthambhūtākhyānatthajotako, tena yogato ‘‘taṃ kho pana bhavanta’’nti idaṃ sāmiatthe upayogavacanaṃ. Tenāha ‘‘tassa kho pana bhoto gotamassāti attho’’ti. Kalyāṇaguṇasamannāgatoti kalyāṇehi guṇehi yutto, tannissito tabbisayatāyāti adhippāyo. Seṭṭhoti etthāpi eseva nayo. Kittetabbato kitti, sā eva saddanīyato saddoti āha ‘‘kittisaddoti kittiyevā’’ti. Abhitthavanavasena pavatto saddo thutighoso. Sadevakaṃ lokaṃ ajjhottharitvā uggatoti anaññasādhāraṇe guṇe ārabbha pavattattā sadevakaṃ lokaṃ ajjhottharitvā abhibhavitvā uggato.
โส ภควาติ โย โส สมติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภญฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสโกฺก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ ปตฺถฎกิตฺติสโทฺท, โส ภควาฯ ‘‘ภควา’’ติ จ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํฯ เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๘๔)ฯ ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนํฯ ยถา กมฺมฎฺฐานิเกน ‘‘อรห’’นฺติอาทีสุ นวสุ ฐาเนสุ ปเจฺจกํ อิติ-สทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสริยนฺติ, เอวํ พุทฺธคุณสํกิตฺตเนนปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติปิ อรหํ อิติปิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… อิติปิ ภควา’’ติ อาหฯ ‘‘อิติเปตํ ภูตํ อิติเปตํ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย อิธ อิติสโทฺท อาสนฺนปจฺจกฺขกรณโตฺถ, ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, เตน จ เตสํ คุณานํ พหุภาโว ทีปิโต, ตานิ จ สํกิเตฺตเนฺตน วิญฺญุนา จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตาเนว กตฺวา สํกิเตฺตตพฺพานีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาหฯ เอวํ นิรูเปตฺวา กิเตฺตโนฺต โย กิเตฺตติ, ตสฺส ภควติ อติวิย อภิปฺปสาโท โหติฯ
So bhagavāti yo so samatiṃsa pāramiyo pūretvā sabbakilese bhañjitvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho devānaṃ atidevo sakkānaṃ atisakko brahmānaṃ atibrahmā lokanātho bhāgyavantatādīhi kāraṇehi sadevake loke ‘‘bhagavā’’ti patthaṭakittisaddo, so bhagavā. ‘‘Bhagavā’’ti ca idaṃ satthu nāmakittanaṃ. Tenāha āyasmā dhammasenāpati ‘‘bhagavāti netaṃ nāmaṃ mātarā kata’’ntiādi (mahāni. 84). Parato pana bhagavāti guṇakittanaṃ. Yathā kammaṭṭhānikena ‘‘araha’’ntiādīsu navasu ṭhānesu paccekaṃ iti-saddaṃ yojetvā buddhaguṇā anussariyanti, evaṃ buddhaguṇasaṃkittanenapīti dassento ‘‘itipi arahaṃ itipi sammāsambuddho…pe… itipi bhagavā’’ti āha. ‘‘Itipetaṃ bhūtaṃ itipetaṃ taccha’’ntiādīsu (dī. ni. 1.6) viya idha itisaddo āsannapaccakkhakaraṇattho, pi-saddo sampiṇḍanattho, tena ca tesaṃ guṇānaṃ bahubhāvo dīpito, tāni ca saṃkittentena viññunā cittassa sammukhībhūtāneva katvā saṃkittetabbānīti dassento ‘‘iminā ca iminā ca kāraṇenāti vuttaṃ hotī’’ti āha. Evaṃ nirūpetvā kittento yo kitteti, tassa bhagavati ativiya abhippasādo hoti.
อารกตฺตาติ สุวิทูรตฺตาฯ อรีนนฺติ กิเลสารีนํฯ อรานนฺติ สํสารจกฺกสฺส อรานํฯ หตตฺตาติ วิทฺธํสิตตฺตาฯ ปจฺจยาทีนนฺติ จีวราทิปจฺจยานเญฺจว ปูชาวิเสสานญฺจฯ ตโตติ วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕-๑๒๗)ฯ ยถา จ วิสุทฺธิมคฺคโต, เอวํ ตํสํวณฺณนาโตปิ เนสํ วิตฺถาโร คเหตโพฺพฯ
Ārakattāti suvidūrattā. Arīnanti kilesārīnaṃ. Arānanti saṃsāracakkassa arānaṃ. Hatattāti viddhaṃsitattā. Paccayādīnanti cīvarādipaccayānañceva pūjāvisesānañca. Tatoti visuddhimaggato (visuddhi. 1.125-127). Yathā ca visuddhimaggato, evaṃ taṃsaṃvaṇṇanātopi nesaṃ vitthāro gahetabbo.
อิมํ โลกนฺติ นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข อนวเสสํ ปริยาทายาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทเสฺสตี’’ติฯ ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺตตฺตาฯ ปญฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสนเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรน คหิตตฺตาฯ สเทวกนฺติ จ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสโตฺถฯ ฉฎฺฐกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺตินเยนฯ ตตฺถ หิ โส ชาโต ตนฺนิวาสี จฯ สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปจฺจตฺถิกสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อปจฺจตฺถิกานํ สมิตพาหิตปาปานญฺจ สมณพฺราหฺมณานํ สมณพฺราหฺมณวจเนน คหิตตฺตาฯ กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิวิเสสนานํ วเสน สตฺตวิสโย โลกสโทฺทติ วิญฺญายติ ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน อตุลฺยโยเคปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติฯ
Imaṃlokanti nayidaṃ mahājanassa sammukhamattaṃ sandhāya vuttaṃ, atha kho anavasesaṃ pariyādāyāti dassetuṃ ‘‘sadevaka’’ntiādi vuttaṃ. Tenāha ‘‘idāni vattabbaṃ nidassetī’’ti. Pajātattāti yathāsakaṃ kammakilesehi nibbattattā. Pañcakāmāvacaradevaggahaṇaṃ pārisesanayena itaresaṃ padantarena gahitattā. Sadevakanti ca avayavena viggaho samudāyo samāsattho. Chaṭṭhakāmāvacaradevaggahaṇaṃ paccāsattinayena. Tattha hi so jāto tannivāsī ca. Sabrahmakavacanena brahmakāyikādibrahmaggahaṇanti etthāpi eseva nayo. Paccatthikasamaṇabrāhmaṇaggahaṇanti nidassanamattametaṃ apaccatthikānaṃ samitabāhitapāpānañca samaṇabrāhmaṇānaṃ samaṇabrāhmaṇavacanena gahitattā. Kāmaṃ ‘‘sadevaka’’ntiādivisesanānaṃ vasena sattavisayo lokasaddoti viññāyati tulyayogavisayattā tesaṃ, ‘‘salomako sapakkhako’’tiādīsu pana atulyayogepi ayaṃ samāso labbhatīti byabhicāradassanato pajāgahaṇanti āha ‘‘pajāvacanena sattalokaggahaṇa’’nti.
อรูปิโน สตฺตา อตฺตโน อาเนญฺชวิหาเรน วิหรนฺตา ทิพฺพนฺตีติ เทวาติ อิมํ นิพฺพจนํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต’’ติฯ เตนาห ‘‘อากาสานญฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๑๑๗)ฯ สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก คหิโต ตสฺส สวิเสสํ มารสฺส วเส วตฺตนโตฯ สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปีพฺรหฺมโลโก คหิโต อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส คหิตตฺตาฯ จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสนฯ อิตรา ปน จตโสฺส ปริสา สมารกาทิคฺคหเณน คหิตา เอวาติฯ อวเสสสตฺตโลโก นาคครุฬาทิเภโทฯ ตีหากาเรหีติ เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ ปกาเรหิฯ ตีสุ ปเทสูติ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุฯ เตน เตนากาเรนาติ สเทวกตฺตาทินา เตน เตน ปกาเรนฯ เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ โปราณา อาหูติ โยชนาฯ
Arūpino sattā attano āneñjavihārena viharantā dibbantīti devāti imaṃ nibbacanaṃ labhantīti āha ‘‘sadevakaggahaṇena arūpāvacaraloko gahito’’ti. Tenāha ‘‘ākāsānañcāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyata’’nti (a. ni. 3.117). Samārakaggahaṇena chakāmāvacaradevaloko gahito tassa savisesaṃ mārassa vase vattanato. Sabrahmakaggahaṇena rūpībrahmaloko gahito arūpībrahmalokassa gahitattā. Catuparisavasenāti khattiyādicatuparisavasena. Itarā pana catasso parisā samārakādiggahaṇena gahitā evāti. Avasesasattaloko nāgagaruḷādibhedo. Tīhākārehīti devamārabrahmasahitatāsaṅkhātehi tīhi pakārehi. Tīsu padesūti ‘‘sadevaka’’ntiādīsu tīsu padesu. Tena tenākārenāti sadevakattādinā tena tena pakārena. Tedhātukameva pariyādinnanti porāṇā āhūti yojanā.
อภิญฺญาติ ยการโลเปนายํ นิเทฺทโส, อภิชานิตฺวาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อภิญฺญาย อธิเกน ญาเณน ญตฺวา’’ติฯ อนุมานาทิปฎิเกฺขโปติ อนุมานอตฺถาปตฺติอาทิปฺปฎิเกฺขโป เอกปฺปมาณตฺตาฯ สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาณจารตาย หิ สพฺพปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควโนฺตฯ
Abhiññāti yakāralopenāyaṃ niddeso, abhijānitvāti ayamettha atthoti āha ‘‘abhiññāya adhikena ñāṇena ñatvā’’ti. Anumānādipaṭikkhepoti anumānaatthāpattiādippaṭikkhepo ekappamāṇattā. Sabbattha appaṭihatañāṇacāratāya hi sabbapaccakkhā buddhā bhagavanto.
อนุตฺตรํ วิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํฯ เตน วิมิสฺสาปิ กทาจิ ภควโต ธมฺมเทสนา โหตีติ ‘‘หิตฺวาปี’’ติ ปิ-สทฺทคฺคหณํฯ ภควา หิ ธมฺมํ เทเสโนฺต ยสฺมิํ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณํ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, ยถาปริเจฺฉทญฺจ สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย ฐิตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ธมฺมํ เทเสติฯ อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสโนฺตติ อุคฺฆฎิตญฺญุสฺส วเสน อปฺปํ วา, วิปญฺจิตญฺญุสฺส เนยฺยสฺส วา วเสน พหุํ วา เทเสโนฺตฯ ธมฺมสฺส กลฺยาณตา จ นิยฺยานิกตา จ สพฺพโส อนวชฺชภาเวเนวาติ อาห ‘‘อนวชฺชเมว กตฺวา’’ติฯ
Anuttaraṃ vivekasukhanti phalasamāpattisukhaṃ. Tena vimissāpi kadāci bhagavato dhammadesanā hotīti ‘‘hitvāpī’’ti pi-saddaggahaṇaṃ. Bhagavā hi dhammaṃ desento yasmiṃ khaṇe parisā sādhukāraṃ vā deti, yathāsutaṃ vā dhammaṃ paccavekkhati, taṃ khaṇaṃ pubbabhāgena paricchinditvā phalasamāpattiṃ samāpajjati, yathāparicchedañca samāpattito vuṭṭhāya ṭhitaṭṭhānato paṭṭhāya dhammaṃ deseti. Appaṃ vā bahuṃ vā desentoti ugghaṭitaññussa vasena appaṃ vā, vipañcitaññussa neyyassa vā vasena bahuṃ vā desento. Dhammassa kalyāṇatā ca niyyānikatā ca sabbaso anavajjabhāvenevāti āha ‘‘anavajjameva katvā’’ti.
เทสกายเตฺตน อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาติ สา ปริยตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เทสนาย ตาว จาตุปฺปทิกคาถายปี’’ติอาทิฯ นิทานนิคมานิปิ สตฺถุ เทสนาย อนุวิธานโต ตทโนฺตคธานิ เอวาติ อาห ‘‘นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสาน’’นฺติฯ
Desakāyattena āṇādividhinā atisajjanaṃ pabodhanaṃ desanāti sā pariyattidhammavasena veditabbāti āha ‘‘desanāya tāva cātuppadikagāthāyapī’’tiādi. Nidānanigamānipi satthu desanāya anuvidhānato tadantogadhāni evāti āha ‘‘nidānaṃ ādi, idamavocāti pariyosāna’’nti.
สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ ตทงฺควินยาทิวเสน วินยนํ สาสนนฺติ ตํ ปฎิปตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา’’ติอาทิฯ กุสลานนฺติ อนวชฺชธมฺมานํ สีลสมถวิปสฺสนานํ สีลทิฎฺฐีนญฺจ อาทิภาโว ตํมูลิกตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํฯ อริยมคฺคสฺส อนฺตทฺวยวิคเมน มชฺฌิมาปฎิปทาภาโว วิย สมฺมาปฎิปตฺติยา อารพฺภ นิพฺพตฺตีนํ เวมชฺฌตาปิ มชฺฌภาโวติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว…เป.… มชฺฌิมํ นามา’’ติฯ ผลํ ปริโยสานํ นาม สอุปาทิเสสตาวเสนฯ นิพฺพานํ ปริโยสานํ นาม อนุปาทิเสสตาวเสนฯ อิทานิ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ สาสนสฺส ปริโยสานตํ อาคเมน ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺมาติห ตฺว’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สาตฺถํ สพฺยญฺชน’’นฺติอาทิวจนโต ธมฺมเทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘อิธ…เป.… อธิเปฺปต’’นฺติฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อเตฺถ กถาวธิสทฺทปฺปพโนฺธ คาถาวเสน สุตฺตวเสน จ ววตฺถิโต ปริยตฺติธโมฺม, โส อิธ เทสนาติ วุโตฺต, ตสฺส ปน อโตฺถ วิเสสโต สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘ภควา หิ ธมฺมํ เทเสโนฺต…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ ตตฺถ สีลํ ทเสฺสตฺวาติ สีลคฺคหเณน สสมฺภารํ สีลํ คหิตํ, ตถา มคฺคคฺคหเณน สสมฺภาโร มโคฺคติ ตทุภยวเสน อนวเสสโต ปริยตฺติอตฺถํ ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ เตนาติ สีลาทิทสฺสเนนฯ อตฺถวเสน หิ อิธ เทสนาย อาทิกลฺยาณาทิภาโว อธิเปฺปโตฯ กถิกสณฺฐิตีติ กถิกสฺส สณฺฐานํ กถนวเสน สมวฎฺฐานํฯ
Sāsitabbapuggalagatena yathāparādhādisāsitabbabhāvena anusāsanaṃ tadaṅgavinayādivasena vinayanaṃ sāsananti taṃ paṭipattidhammavasena veditabbanti āha ‘‘sīlasamādhivipassanā’’tiādi. Kusalānanti anavajjadhammānaṃ sīlasamathavipassanānaṃ sīladiṭṭhīnañca ādibhāvo taṃmūlikattā uttarimanussadhammānaṃ. Ariyamaggassa antadvayavigamena majjhimāpaṭipadābhāvo viya sammāpaṭipattiyā ārabbha nibbattīnaṃ vemajjhatāpi majjhabhāvoti vuttaṃ ‘‘atthi, bhikkhave…pe… majjhimaṃ nāmā’’ti. Phalaṃ pariyosānaṃ nāma saupādisesatāvasena. Nibbānaṃ pariyosānaṃ nāma anupādisesatāvasena. Idāni tesaṃ dvinnampi sāsanassa pariyosānataṃ āgamena dassetuṃ ‘‘tasmātiha tva’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Sātthaṃ sabyañjana’’ntiādivacanato dhammadesanāya ādimajjhapariyosānaṃ adhippetanti āha ‘‘idha…pe… adhippeta’’nti. Tasmiṃ tasmiṃ atthe kathāvadhisaddappabandho gāthāvasena suttavasena ca vavatthito pariyattidhammo, so idha desanāti vutto, tassa pana attho visesato sīlādi evāti āha ‘‘bhagavā hi dhammaṃ desento…pe… dassetī’’ti. Tattha sīlaṃ dassetvāti sīlaggahaṇena sasambhāraṃ sīlaṃ gahitaṃ, tathā maggaggahaṇena sasambhāro maggoti tadubhayavasena anavasesato pariyattiatthaṃ pariyādāya tiṭṭhati. Tenāti sīlādidassanena. Atthavasena hi idha desanāya ādikalyāṇādibhāvo adhippeto. Kathikasaṇṭhitīti kathikassa saṇṭhānaṃ kathanavasena samavaṭṭhānaṃ.
น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนายฯ เอกพฺยญฺชนาทิยุตฺตา วาติ สิถิลาทิเภเทสุ พฺยญฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเนว ทฺวิปฺปกาเรเนว วา พฺยญฺชเนน ยุตฺตา ทมิฬภาสา วิยฯ วิวฎกรณตาย โอเฎฺฐ อผุสาเปตฺวา อุจฺจาเรตพฺพโต สพฺพนิโรฎฺฐพฺยญฺชนา วา กิราตภาสา วิยฯ สพฺพเสฺสว วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย สพฺพวิสฺสฎฺฐพฺยญฺชนา วา ยวนภาสา วิยฯ สพฺพเสฺสว สานุสารตาย สพฺพนิคฺคหิตพฺยญฺชนา วา ปารสิกาทิมิลกฺขภาสา วิยฯ สพฺพาเปสา พฺยญฺชเนกเทสวเสเนว ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยญฺชนาติ กตฺวา ‘‘อพฺยญฺชนา’’ติ วุตฺตาฯ
Na so sātthaṃ deseti niyyānatthavirahato tassā desanāya. Ekabyañjanādiyuttā vāti sithilādibhedesu byañjanesu ekappakāreneva dvippakāreneva vā byañjanena yuttā damiḷabhāsā viya. Vivaṭakaraṇatāya oṭṭhe aphusāpetvā uccāretabbato sabbaniroṭṭhabyañjanā vā kirātabhāsā viya. Sabbasseva vissajjanīyayuttatāya sabbavissaṭṭhabyañjanāvā yavanabhāsā viya. Sabbasseva sānusāratāya sabbaniggahitabyañjanā vā pārasikādimilakkhabhāsā viya. Sabbāpesā byañjanekadesavaseneva pavattiyā aparipuṇṇabyañjanāti katvā ‘‘abyañjanā’’ti vuttā.
ฐานกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ ปญฺจสุ วเคฺคสุ ปฐมตติยนฺติ เอวมาทิ สิถิลํฯ ตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ วเคฺคสุ ทุติยจตุตฺถนฺติ เอวมาทิ ธนิตํฯ ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํฯ เอกมตฺตกาลํ รสฺสํฯ ตเทว ลหุกํ ลหุกเมวฯ สํโยคปรํ ทีฆญฺจ ครุกํฯ ฐานกรณานิ นิคฺคเหตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ นิคฺคหิตํฯ ปเรน สมฺพนฺธํ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ สมฺพนฺธํฯ ตถา น สมฺพนฺธํ ววตฺถิตํฯ ฐานกรณานิ วิสฺสฎฺฐานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ วิมุตฺตํฯ ทสธา พฺยญฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยญฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสปฺปกาเรน ปเภโทฯ สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฎฺฐานานิ ยถาธิเปฺปตตฺถพฺยญฺชนโต พฺยญฺชนานิ จฯ
Ṭhānakaraṇāni sithilāni katvā uccāretabbaṃ akkharaṃ pañcasu vaggesu paṭhamatatiyanti evamādi sithilaṃ. Tāni asithilāni katvā uccāretabbaṃ akkharaṃ vaggesu dutiyacatutthanti evamādi dhanitaṃ. Dvimattakālaṃ dīghaṃ. Ekamattakālaṃ rassaṃ. Tadeva lahukaṃ lahukameva. Saṃyogaparaṃ dīghañca garukaṃ. Ṭhānakaraṇāni niggahetvā uccāretabbaṃ niggahitaṃ. Parena sambandhaṃ katvā uccāretabbaṃ sambandhaṃ. Tathā na sambandhaṃ vavatthitaṃ. Ṭhānakaraṇāni vissaṭṭhāni katvā uccāretabbaṃ vimuttaṃ. Dasadhā byañjanabuddhiyā pabhedoti evaṃ sithilādivasena byañjanabuddhiyā akkharuppādakacittassa dasappakārena pabhedo. Sabbāni hi akkharāni cittasamuṭṭhānāni yathādhippetatthabyañjanato byañjanāni ca.
อมเกฺขตฺวาติ อมิเลเจฺฉตฺวา, อวินาเสตฺวา, อหาเปตฺวาติ อโตฺถฯ ภควา ยมตฺถํ ญาเปตุํ เอกคาถํ เอกวากฺยมฺปิ เทเสติ, ตมตฺถํ ตาย เทสนาย ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนาย เอว เทเสตีติ อาห ‘‘ปริปุณฺณพฺยญฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสตี’’ติฯ อิธ เกวลสโทฺท อนวเสสวาจโก, น อโวมิสฺสตาทิวาจโกติ อาห ‘‘สกลาธิวจน’’นฺติฯ ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณํฯ ตํ ปน กิญฺจิ อูนํ วา อธิกํ วา น โหตีติ ‘‘อนูนาธิกวจน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยทตฺถํ เทสิตํ, ตสฺส สาธกตฺตา อนูนตา เวทิตพฺพา, ตพฺพิธุรสฺส ปน อสาธกตฺตา อนธิกตาฯ สกลนฺติ สพฺพภาควนฺตํฯ ปริปุณฺณเมวาติ สพฺพโส ปริปุณฺณเมวฯ เตนาห ‘‘เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติฯ อปริสุทฺธา เทสนา นาม โหติ ตณฺหาสํกิเลสตฺตาฯ โลกามิสํ จีวราทโย ปจฺจยา, ตตฺถ อคธิตจิตฺตตาย โลกามิสนิรเปโกฺขฯ หิตผรเณนาติ หิตูปสํหรเณนฯ เมตฺตาภาวนาย มุทุหทโยติ เมตฺตาภาวนาย กรุณาย วา มุทุหทโยฯ อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺฐิเตนาติ สกลสํกิเลสโต วฎฺฎทุกฺขโต จ อุทฺธรณาการาวฎฺฐิเตน จิเตฺตน, กรุณาธิปฺปาเยนาติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลํ สาสนํ อิธ พฺรหฺมจริยนฺติ อธิเปฺปตํ, ตสฺมาฯ พฺรหฺมจริยนฺติ อิมินา สมานาธิกรณานิ สพฺพปทานิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป.… ปกาเสตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ อาหฯ
Amakkhetvāti amilecchetvā, avināsetvā, ahāpetvāti attho. Bhagavā yamatthaṃ ñāpetuṃ ekagāthaṃ ekavākyampi deseti, tamatthaṃ tāya desanāya parimaṇḍalapadabyañjanāya eva desetīti āha ‘‘paripuṇṇabyañjanameva katvā dhammaṃ desetī’’ti. Idha kevalasaddo anavasesavācako, na avomissatādivācakoti āha ‘‘sakalādhivacana’’nti. Paripuṇṇanti sabbaso puṇṇaṃ. Taṃ pana kiñci ūnaṃ vā adhikaṃ vā na hotīti ‘‘anūnādhikavacana’’nti vuttaṃ. Tattha yadatthaṃ desitaṃ, tassa sādhakattā anūnatā veditabbā, tabbidhurassa pana asādhakattā anadhikatā. Sakalanti sabbabhāgavantaṃ. Paripuṇṇamevāti sabbaso paripuṇṇameva. Tenāha ‘‘ekadesanāpi aparipuṇṇā natthī’’ti. Aparisuddhā desanā nāma hoti taṇhāsaṃkilesattā. Lokāmisaṃ cīvarādayo paccayā, tattha agadhitacittatāya lokāmisanirapekkho. Hitapharaṇenāti hitūpasaṃharaṇena. Mettābhāvanāya muduhadayoti mettābhāvanāya karuṇāya vā muduhadayo. Ullumpanasabhāvasaṇṭhitenāti sakalasaṃkilesato vaṭṭadukkhato ca uddharaṇākārāvaṭṭhitena cittena, karuṇādhippāyenāti attho. Tasmāti yasmā sikkhattayasaṅgahaṃ sakalaṃ sāsanaṃ idha brahmacariyanti adhippetaṃ, tasmā. Brahmacariyanti iminā samānādhikaraṇāni sabbapadāni yojetvā atthaṃ dassento ‘‘so dhammaṃ deseti…pe… pakāsetīti evamettha attho daṭṭhabbo’’ti āha.
สุนฺทรนฺติ ภทฺทกํฯ ภทฺทกตา จ ปสฺสนฺตสฺส หิตสุขาวหภาเวน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อตฺถาวหํ สุขาวห’’นฺติฯ ตตฺถ อตฺถาวหนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถสํหิตหิตาวหํฯ สุขาวหนฺติ ยถาวุตฺตติวิธสุขาวหํฯ ตถานุรูปานนฺติ ตาทิสานํฯ ยาทิเสหิ ปน คุเณหิ ภควา สมนฺนาคโต, เตหิ จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพถาปิ อจฺจนฺตปฺปสาทนีโย เตสํ ยถาภูตสภาวตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถารูโป’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถาภูต…เป.… อรหตนฺติ อิมินา ธมฺมปฺปมาณลูขปฺปมาณานํ สตฺตานํ ภควโต ปสาทาวหตา ทสฺสิตา, อิตเรน อิตเรสํฯ ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอตฺถ โกสิยวตฺถุ กเถตพฺพํฯ อุภโตปกฺขิกาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิสมฺมาทิฎฺฐิวเสน อุภยปกฺขิกาฯ เกราฎิกาติ สฐาฯ
Sundaranti bhaddakaṃ. Bhaddakatā ca passantassa hitasukhāvahabhāvena veditabbāti āha ‘‘atthāvahaṃ sukhāvaha’’nti. Tattha atthāvahanti diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthasaṃhitahitāvahaṃ. Sukhāvahanti yathāvuttatividhasukhāvahaṃ. Tathānurūpānanti tādisānaṃ. Yādisehi pana guṇehi bhagavā samannāgato, tehi catuppamāṇikassa lokassa sabbathāpi accantappasādanīyo tesaṃ yathābhūtasabhāvattāti dassento ‘‘yathārūpo’’tiādimāha. Tattha yathābhūta…pe… arahatanti iminā dhammappamāṇalūkhappamāṇānaṃ sattānaṃ bhagavato pasādāvahatā dassitā, itarena itaresaṃ. Dassanamattampi sādhu hotīti ettha kosiyavatthu kathetabbaṃ. Ubhatopakkhikāti micchādiṭṭhisammādiṭṭhivasena ubhayapakkhikā. Kerāṭikāti saṭhā.
อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ ยาวญฺจิทนฺติ นิปาตสมุทาโย อธิมตฺตปฺปมาณปริเจฺฉทํ ทีเปตีติ อาห ‘‘อธิมตฺตปฺปมาณปริเจฺฉทวจนเมต’’นฺติฯ อธิมตฺตวิปฺปสนฺนานีติ อธิกปฺปมาเณน วิปฺปสนฺนานิฯ วิปฺปสนฺนานีติ จ ปกติอาการํ อติกฺกมิตฺวา วิปฺปสนฺนานีติ อโตฺถฯ นนุ จ จกฺขาทีนํ อินฺทฺริยานํ มโนวิเญฺญยฺยตฺตา กถํ เตน เตสํ วิปฺปสนฺนตา วิญฺญายตีติ อาห ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิฯ ตสฺสาติ พฺราหฺมณสฺสฯ เตสนฺติ จกฺขาทีนํ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํฯ เอวมฺปิ มนินฺทฺริเยน ปติฎฺฐิโตกาสสฺส อทิฎฺฐตฺตา กถํ มนินฺทฺริยสฺส วิปฺปสนฺนตา เตน วิญฺญายตีติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ นยคฺคาหปญฺญา เหสา ตสฺส พฺราหฺมณสฺสฯ มเน วิปฺปสเนฺนเยว โหติ ปสนฺนจิตฺตสมุฎฺฐิตรูปสมฺปทาหิ เอว จกฺขาทีนํ ปติฎฺฐิโตกาสสฺส ปสนฺนตาสมฺภวโตฯ
Anekatthattā nipātānaṃ yāvañcidanti nipātasamudāyo adhimattappamāṇaparicchedaṃ dīpetīti āha ‘‘adhimattappamāṇaparicchedavacanameta’’nti. Adhimattavippasannānīti adhikappamāṇena vippasannāni. Vippasannānīti ca pakatiākāraṃ atikkamitvā vippasannānīti attho. Nanu ca cakkhādīnaṃ indriyānaṃ manoviññeyyattā kathaṃ tena tesaṃ vippasannatā viññāyatīti āha ‘‘tassa hī’’tiādi. Tassāti brāhmaṇassa. Tesanti cakkhādīnaṃ pañcannaṃ indriyānaṃ. Evampi manindriyena patiṭṭhitokāsassa adiṭṭhattā kathaṃ manindriyassa vippasannatā tena viññāyatīti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Nayaggāhapaññā hesā tassa brāhmaṇassa. Mane vippasanneyeva hoti pasannacittasamuṭṭhitarūpasampadāhi eva cakkhādīnaṃ patiṭṭhitokāsassa pasannatāsambhavato.
ชโมฺพนทสุวณฺณํ รตฺตวณฺณเมว โหตีติ อาห ‘‘สุรตฺตวณฺณสฺสา’’ติฯ ชโมฺพนทสุวณฺณสฺส ฆฎิกาติ ชโมฺพนทสุวณฺณปิณฺฑํฯ อิมินา เนกฺขนฺติ เนกฺขปฺปมาณชโมฺพนทสุวเณฺณน กตํ อกตภณฺฑํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ เนกฺขนฺติ วา อติเรกปญฺจสุวเณฺณน กตปิลนฺธนํ กตภณฺฑํ วุตฺตํฯ ตญฺหิ ฆฎฺฎนมชฺชนกฺขมํ โหตีติฯ สุวณฺณนฺติ จ ปญฺจธรณสฺส สมญฺญา, ตสฺมา ปญฺจวีสติธรณหิรญฺญวิจิตํ อาภรณํ อิธ เนกฺขนฺติ อธิเปฺปตํฯ ชโมฺพนทนฺติ มหาชมฺพุสาขาย ปวตฺตนทิยํ นิพฺพตฺตํฯ ตํ กิร รตนํ รตฺตํฯ สุวณฺณากาเร มหาชมฺพุผลรเส วา ปถวิยํ ปวิเฎฺฐ สุวณฺณงฺกุรา อุฎฺฐหนฺติ, เตน สุวเณฺณน กตปิลนฺธนนฺติปิ อโตฺถฯ สุปริกมฺมกตนฺติ สุฎฺฐุ กตปริกมฺมํฯ สมฺปหฎฺฐนฺติ สมฺมา ปหฎฺฐํ ฆฎฺฎนาทิวเสน สุกตปริกมฺมํฯ เตนาห ‘‘สุวณฺณการ…เป.… สุปริมชฺชิตนฺติ อโตฺถ’’ติฯ
Jambonadasuvaṇṇaṃ rattavaṇṇameva hotīti āha ‘‘surattavaṇṇassā’’ti. Jambonadasuvaṇṇassa ghaṭikāti jambonadasuvaṇṇapiṇḍaṃ. Iminā nekkhanti nekkhappamāṇajambonadasuvaṇṇena kataṃ akatabhaṇḍaṃ vuttanti dasseti. Nekkhanti vā atirekapañcasuvaṇṇena katapilandhanaṃ katabhaṇḍaṃ vuttaṃ. Tañhi ghaṭṭanamajjanakkhamaṃ hotīti. Suvaṇṇanti ca pañcadharaṇassa samaññā, tasmā pañcavīsatidharaṇahiraññavicitaṃ ābharaṇaṃ idha nekkhanti adhippetaṃ. Jambonadanti mahājambusākhāya pavattanadiyaṃ nibbattaṃ. Taṃ kira ratanaṃ rattaṃ. Suvaṇṇākāre mahājambuphalarase vā pathaviyaṃ paviṭṭhe suvaṇṇaṅkurā uṭṭhahanti, tena suvaṇṇena katapilandhanantipi attho. Suparikammakatanti suṭṭhu kataparikammaṃ. Sampahaṭṭhanti sammā pahaṭṭhaṃ ghaṭṭanādivasena sukataparikammaṃ. Tenāha ‘‘suvaṇṇakāra…pe… suparimajjitanti attho’’ti.
วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิฯ ‘‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมโญฺจ ปลฺลโงฺกติ สารสมาเสฯ รตนจิตฺรนฺติ ภิตฺติเจฺฉทาทิวเสน รตนจิตฺรํฯ รุกฺขตูลลตาตูลโปฎกิตูลานํ วเสน ติณฺณํ ตูลานํฯ อุทฺทโลมิยํ เกจีติ สารสมาสาจริยา อุตฺตรวิหาริโน จฯ ตถา เอกนฺตโลมิยํฯ โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฎมยํฯ อชินจเมฺมหีติ อชินมิคจเมฺมหิฯ ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิฯ ตสฺมา ทุปฎฺฎติปฎฺฎานิ กตฺวา สิพฺพนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติอาทิฯ
Vāḷarūpānīti āharimāni vāḷarūpāni. ‘‘Akappiyarūpākulo akappiyamañco pallaṅkoti sārasamāse. Ratanacitranti bhitticchedādivasena ratanacitraṃ. Rukkhatūlalatātūlapoṭakitūlānaṃ vasena tiṇṇaṃ tūlānaṃ. Uddalomiyaṃ kecīti sārasamāsācariyā uttaravihārino ca. Tathā ekantalomiyaṃ. Koseyyakaṭṭissamayanti koseyyakasaṭamayaṃ. Ajinacammehīti ajinamigacammehi. Tāni kira cammāni sukhumatarāni. Tasmā dupaṭṭatipaṭṭāni katvā sibbanti. Tena vuttaṃ ‘‘ajinappaveṇī’’tiādi.
นิกามลาภีติ ยถิจฺฉิตลาภีฯ เตนาห ‘‘อิจฺฉิติจฺฉิตลาภี’’ติฯ วิปุลลาภีติ อุฬารลาภีฯ กสิรนฺติ หิ ปริตฺตํ วุจฺจติ, ตปฺปฎิเกฺขเปน อกสิรํ อุฬารํฯ เตนาห ‘‘มหนฺตลาภี’’ติอาทิฯ
Nikāmalābhīti yathicchitalābhī. Tenāha ‘‘icchiticchitalābhī’’ti. Vipulalābhīti uḷāralābhī. Kasiranti hi parittaṃ vuccati, tappaṭikkhepena akasiraṃ uḷāraṃ. Tenāha ‘‘mahantalābhī’’tiādi.
ลทฺธา จ น กปฺปนฺตีติ สามเญฺญน ปฎิสิทฺธตฺตา สพฺพถา น กปฺปตีติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยา, ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘กิญฺจิ กิญฺจิ กปฺปตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํฯ เอตฺถ จ ‘‘สุทฺธโกเสยฺยํ ปน วฎฺฎตี’’ติ วินเย (มหาว. อฎฺฐ. ๒๕๔) วุตฺตตฺตา อิธาปิ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕) ปน ‘‘ฐเปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฎฺฎนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘ฐเปตฺวา ตูลิก’’นฺติ เอเตน รตนสิพฺพนรหิตาปี ตูลิกา น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ วจนโตติ เอเตน วินเย (จูฬว. ๒๙๗) วุตฺตภาวํ ทเสฺสติฯ เอเกน วิธาเนนาติ ยถาวุตฺตเมว วิธานํ สนฺธาย วทติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ภควตา ‘‘ลทฺธา จ น กปฺปนฺตี’’ติ สามเญฺญน ปฎิเสโธ กโตติ อาห ‘‘อกปฺปิยํ ปน อุปาทายา’’ติอาทิฯ
Laddhā ca na kappantīti sāmaññena paṭisiddhattā sabbathā na kappatīti kassaci āsaṅkā siyā, tannivattanatthaṃ ‘‘kiñci kiñci kappatī’’tiādimāha. Tattha suddhakoseyyanti ratanaparisibbanarahitaṃ. Ettha ca ‘‘suddhakoseyyaṃ pana vaṭṭatī’’ti vinaye (mahāva. aṭṭha. 254) vuttattā idhāpi ettakameva vuttaṃ. Dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.15) pana ‘‘ṭhapetvā tūlikaṃ sabbāneva gonakādīni ratanaparisibbitāni na vaṭṭantī’’ti vuttaṃ. Tattha ‘‘ṭhapetvā tūlika’’nti etena ratanasibbanarahitāpī tūlikā na vaṭṭatīti dīpeti. Vacanatoti etena vinaye (cūḷava. 297) vuttabhāvaṃ dasseti. Ekena vidhānenāti yathāvuttameva vidhānaṃ sandhāya vadati. Yadi evaṃ kasmā bhagavatā ‘‘laddhā ca na kappantī’’ti sāmaññena paṭisedho katoti āha ‘‘akappiyaṃ pana upādāyā’’tiādi.
ปลฺลงฺกนฺติ เอตฺถ ปริ-สโทฺท สมนฺตโตติ เอตสฺมิํ อเตฺถ วตฺตติ, ตสฺมา วามูรุํ ทกฺขิณูรุญฺจ สมํ ฐเปตฺวา อุโภ ปาเท อญฺญมญฺญสมฺพเนฺธ กตฺวา นิสชฺชา ปลฺลงฺกนฺติ อาห ‘‘สมนฺตโต อูรุพทฺธาสน’’นฺติฯ อูรูนํ พนฺธนวเสน นิสชฺชาฯ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาติ จ ยถา ปลฺลงฺกวเสน นิสชฺชา โหติ, เอวํ อุโภ ปาเท อาภุเช สมิญฺชิเต กตฺวาติ อโตฺถฯ ตํ ปน อุภินฺนํ ปาทานํ ตถา สมฺพนฺธตากรณนฺติ อาห ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติฯ อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ ฐเปตฺวา อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎเก โกฎิยา โกฎิํ ปฎิปาเทตฺวาฯ เอวญฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น ปณมนฺติฯ อถสฺส ยา เตสํ ปณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปเชฺชยฺยุํ, ตา น อุปฺปชฺชนฺติฯ ตาสุ อนุปฺปชฺชมานาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฎฺฐานํ น ปริปตติ, วุทฺธิํ ผาติํ คจฺฉติฯ เตนาห ‘‘อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎเก’’ติอาทิฯ อุชุํ กายํ ฐเปตฺวาติ อุปริมํ กายํ อุชุกํ ฐเปตฺวา, อยเมว วา ปาโฐฯ เหฎฺฐิมกายสฺส หิ อนุชุกฎฺฐปนํ นิสชฺชาวจเนเนว โพธิตนฺติฯ อุชุํ กายนฺติ เอตฺถ กาย-สโทฺท อุปริมกายวิสโยฯ
Pallaṅkanti ettha pari-saddo samantatoti etasmiṃ atthe vattati, tasmā vāmūruṃ dakkhiṇūruñca samaṃ ṭhapetvā ubho pāde aññamaññasambandhe katvā nisajjā pallaṅkanti āha ‘‘samantato ūrubaddhāsana’’nti. Ūrūnaṃ bandhanavasena nisajjā. Pallaṅkaṃ ābhujitvāti ca yathā pallaṅkavasena nisajjā hoti, evaṃ ubho pāde ābhuje samiñjite katvāti attho. Taṃ pana ubhinnaṃ pādānaṃ tathā sambandhatākaraṇanti āha ‘‘bandhitvā’’ti. Ujuṃ kāyaṃ paṇidhāyāti uparimaṃ sarīraṃ ujukaṃ ṭhapetvā aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭake koṭiyā koṭiṃ paṭipādetvā. Evañhi nisinnassa cammamaṃsanhārūni na paṇamanti. Athassa yā tesaṃ paṇamanapaccayā khaṇe khaṇe vedanā uppajjeyyuṃ, tā na uppajjanti. Tāsu anuppajjamānāsu cittaṃ ekaggaṃ hoti, kammaṭṭhānaṃ na paripatati, vuddhiṃ phātiṃ gacchati. Tenāha ‘‘aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭake’’tiādi. Ujuṃ kāyaṃ ṭhapetvāti uparimaṃ kāyaṃ ujukaṃ ṭhapetvā, ayameva vā pāṭho. Heṭṭhimakāyassa hi anujukaṭṭhapanaṃ nisajjāvacaneneva bodhitanti. Ujuṃ kāyanti ettha kāya-saddo uparimakāyavisayo.
ปริมุขนฺติ เอตฺถ ปริ-สโทฺท อภิสเทฺทน สมานโตฺถติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฎฺฐานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อโตฺถฯ เอตฺถ ยถา ‘‘วนนฺตเญฺญว ปวิสามี’’ติอาทินา ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ ทสฺสิตํ, เอวํ ‘‘นิสีทามี’’ติ อิมินา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิโย สโนฺต อิริยาปโถ ทสฺสิโต, ‘‘ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ อิมินา นิสชฺชาย ทฬฺหภาโว, ‘‘ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปาโยฯ ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสโมฺมสํ ปริจฺจตฺตสโมฺมสํ สติํ กตฺวา, ปรมสติเนปกฺกํ อุปฎฺฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ปรีติ ปริคฺคหโฎฺฐ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖.๒๐) วิยฯ มุขนฺติ นิยฺยานโฎฺฐ ‘‘สุญฺญตวิโมกฺข’’นฺติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๒๐๙-๒๑๐) วิยฯ ปฎิปกฺขโต นิคฺคมนโฎฺฐ หิ นิยฺยานโฎฺฐฯ
Parimukhanti ettha pari-saddo abhisaddena samānatthoti āha ‘‘kammaṭṭhānābhimukha’’nti, bahiddhā puthuttārammaṇato nivāretvā kammaṭṭhānaṃyeva purakkhatvāti attho. Ettha yathā ‘‘vanantaññeva pavisāmī’’tiādinā bhāvanānurūpaṃ senāsanaṃ dassitaṃ, evaṃ ‘‘nisīdāmī’’ti iminā alīnānuddhaccapakkhiyo santo iriyāpatho dassito, ‘‘pallaṅkaṃ ābhujitvā’’ti iminā nisajjāya daḷhabhāvo, ‘‘parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti iminā ārammaṇapariggahūpāyo. Pariggahitaniyyānanti sabbathā gahitāsammosaṃ pariccattasammosaṃ satiṃ katvā, paramasatinepakkaṃ upaṭṭhapetvāti attho. Parīti pariggahaṭṭho ‘‘pariṇāyikā’’tiādīsu (dha. sa. 16.20) viya. Mukhanti niyyānaṭṭho ‘‘suññatavimokkha’’ntiādīsu (paṭi. ma. 1.209-210) viya. Paṭipakkhato niggamanaṭṭho hi niyyānaṭṭho.
จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ ทิพฺพภาวาวหตฺตา ทิพฺพวิหารา นาม โหนฺตีติ ตทาสนฺนปฺปวตฺตจงฺกโมปิ ตทุปจารโต ทิโพฺพ นาม โหตีติ อาห ‘‘จตฺตาริ หิ รูปชฺฌานานี’’ติอาทิฯ สมาปชฺชิตฺวา จงฺกมนฺตสฺสาติ อิทญฺจ จงฺกมนฺตสฺส อนฺตรนฺตรา สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา อุฎฺฐายุฎฺฐาย จงฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ น หิ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา อวุฎฺฐิเตน สกฺกา จงฺกมิตุํฯ สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย จงฺกมนฺตสฺสปิ จงฺกโมติ อิทํ ปน สมาปตฺติโต วุฎฺฐหิตฺวา อนฺตรนฺตรา สมาปชฺชิตฺวา จงฺกมนฺตสฺส วเสน วุตฺตํฯ ทฺวีสุ วิหาเรสูติ พฺรหฺมวิหาเร, อริยวิหาเร จฯ เมตฺตาฌานาทโย หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา พฺรหฺมภูตา เสฎฺฐภูตา วิหาราติ พฺรหฺมวิหาราฯ อนญฺญสาธารณตฺตา ปน อริยานํ วิหาราติ อริยวิหารา, จตโสฺสปิ ผลสมาปตฺติโยฯ อิธ ปน อรหตฺตผลสมาปตฺติเยว อาคตาฯ
Cattāri rūpāvacarajjhānāni dibbabhāvāvahattā dibbavihārā nāma hontīti tadāsannappavattacaṅkamopi tadupacārato dibbo nāma hotīti āha ‘‘cattāri hi rūpajjhānānī’’tiādi. Samāpajjitvā caṅkamantassāti idañca caṅkamantassa antarantarā samāpattiṃ samāpajjitvā uṭṭhāyuṭṭhāya caṅkamanaṃ sandhāya vuttaṃ. Na hi samāpattiṃ samāpajjitvā avuṭṭhitena sakkā caṅkamituṃ. Samāpattito vuṭṭhāya caṅkamantassapi caṅkamoti idaṃ pana samāpattito vuṭṭhahitvā antarantarā samāpajjitvā caṅkamantassa vasena vuttaṃ. Dvīsuvihāresūti brahmavihāre, ariyavihāre ca. Mettājhānādayo hitūpasaṃhārādivasena pavattiyā brahmabhūtā seṭṭhabhūtā vihārāti brahmavihārā. Anaññasādhāraṇattā pana ariyānaṃ vihārāti ariyavihārā, catassopi phalasamāpattiyo. Idha pana arahattaphalasamāpattiyeva āgatā.
ปจฺจเวกฺขณาย ผลสมาปตฺติ กถิตา สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐิตสฺส ปจฺจเวกฺขณาสมฺภวโตฯ จงฺกมาทโยติ ผลสมาปตฺติํ สมาปนฺนสฺสปิ สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺสปิ จงฺกมฎฺฐานนิสชฺชาทโยฯ อริยจงฺกมาทโย โหนฺติ น ปน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ
Paccavekkhaṇāya phalasamāpatti kathitā samāpattiṃ samāpajjitvā vuṭṭhitassa paccavekkhaṇāsambhavato. Caṅkamādayoti phalasamāpattiṃ samāpannassapi samāpattito vuṭṭhitassapi caṅkamaṭṭhānanisajjādayo. Ariyacaṅkamādayo honti na pana paccavekkhantassāti adhippāyo.
เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Venāgapurasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. เวนาคปุรสุตฺตํ • 3. Venāgapurasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา • 3. Venāgapurasuttavaṇṇanā