Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๒. เวรญฺชกสุตฺตํ
2. Verañjakasuttaṃ
๔๔๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน เวรญฺชกา พฺราหฺมณคหปติกา สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อโสฺสสุํ โข เวรญฺชกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ’ฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ
444. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena verañjakā brāhmaṇagahapatikā sāvatthiyaṃ paṭivasanti kenacideva karaṇīyena. Assosuṃ kho verañjakā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ; kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti’. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti.
อถ โข เวรญฺชกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เวรญฺชกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน มิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ? โก ปน, โภ โคตม, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน มิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ?
Atha kho verañjakā brāhmaṇagahapatikā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce bhagavato santike nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho verañjakā brāhmaṇagahapatikā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘ko nu kho, bho gotama, hetu, ko paccayo yena midhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti? Ko pana, bho gotama, hetu, ko paccayo yena midhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjantī’’ti?
‘‘อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย, เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย , เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติฯ
‘‘Adhammacariyāvisamacariyāhetu kho, gahapatayo, evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti. Dhammacariyāsamacariyāhetu kho, gahapatayo , evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjantī’’ti.
‘‘น โข มยํ อิมสฺส โภโต โคตมสฺส สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามฯ สาธุ โน ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา มยํ อิมสฺส โภโต โคตมสฺส สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส, วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชาเนยฺยามา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, คหปตโย, สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข เวรญฺชกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Na kho mayaṃ imassa bhoto gotamassa saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, vitthārena atthaṃ ājānāma. Sādhu no bhavaṃ gotamo tathā dhammaṃ desetu yathā mayaṃ imassa bhoto gotamassa saṃkhittena bhāsitassa, vitthārena atthaṃ avibhattassa, vitthārena atthaṃ ājāneyyāmā’’ti. ‘‘Tena hi, gahapatayo, suṇātha sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ bho’’ti kho verañjakā brāhmaṇagahapatikā bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๔๔๕. ‘‘ติวิธํ โข, คหปตโย, กาเยน อธมฺมจารี วิสมจารี โหติ, จตุพฺพิธํ วาจาย อธมฺมจารี วิสมจารี โหติ, ติวิธํ มนสา อธมฺมจารี วิสมจารี โหติฯ
445. ‘‘Tividhaṃ kho, gahapatayo, kāyena adhammacārī visamacārī hoti, catubbidhaṃ vācāya adhammacārī visamacārī hoti, tividhaṃ manasā adhammacārī visamacārī hoti.
‘‘กถญฺจ, คหปตโย , ติวิธํ กาเยน อธมฺมจารี วิสมจารี โหติ? อิธ, คหปตโย, เอกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติฯ ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปฺปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุฯ อทินฺนาทายี โข ปน โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ… ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติฯ กาเมสุมิจฺฉาจารี โข ปน โหติฯ ยา ตา มาตุรกฺขิตา… ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติฯ เอวํ โข, คหปตโย, ติวิธํ กาเยน อธมฺมจารี วิสมจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, gahapatayo , tividhaṃ kāyena adhammacārī visamacārī hoti? Idha, gahapatayo, ekacco pāṇātipātī hoti. Luddo lohitapāṇi hatappahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu. Adinnādāyī kho pana hoti. Yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ… taṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti. Kāmesumicchācārī kho pana hoti. Yā tā māturakkhitā… tathārūpāsu cārittaṃ āpajjitā hoti. Evaṃ kho, gahapatayo, tividhaṃ kāyena adhammacārī visamacārī hoti.
‘‘กถญฺจ, คหปตโย, จตุพฺพิธํ วาจาย อธมฺมจารี วิสมจารี โหติ? อิธ, คหปตโย, เอกโจฺจ มุสาวาที โหติฯ สภาคโต วา… สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติฯ ปิสุณวาโจ โข ปน โหติฯ อิโต สุตฺวา อมุตฺร อกฺขาตา… วคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ ผรุสวาโจ โข ปน โหติฯ ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา… ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ สมฺผปฺปลาปี โข ปน โหติฯ อกาลวาที… อปริยนฺตวติํ อนตฺถสํหิตํฯ เอวํ โข, คหปตโย, จตุพฺพิธํ วาจาย อธมฺมจารี วิสมจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, gahapatayo, catubbidhaṃ vācāya adhammacārī visamacārī hoti? Idha, gahapatayo, ekacco musāvādī hoti. Sabhāgato vā… sampajānamusā bhāsitā hoti. Pisuṇavāco kho pana hoti. Ito sutvā amutra akkhātā… vaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā hoti. Pharusavāco kho pana hoti. Yā sā vācā aṇḍakā kakkasā… tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti. Samphappalāpī kho pana hoti. Akālavādī… apariyantavatiṃ anatthasaṃhitaṃ. Evaṃ kho, gahapatayo, catubbidhaṃ vācāya adhammacārī visamacārī hoti.
‘‘กถญฺจ, คหปตโย, ติวิธํ มนสา อธมฺมจารี วิสมจารี โหติ? อิธ, คหปตโย, เอกโจฺจ อภิชฺฌาลุ โหติ…เป.… ตํ มมสฺสา’ติฯ พฺยาปนฺนจิโตฺต โข ปน โหติ ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป – อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา… มา วา อเหสุ’นฺติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โข ปน โหติ วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฎฺฐํ… สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ เอวํ โข, คหปตโย, ติวิธํ มนสา อธมฺมจารี วิสมจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, gahapatayo, tividhaṃ manasā adhammacārī visamacārī hoti? Idha, gahapatayo, ekacco abhijjhālu hoti…pe… taṃ mamassā’ti. Byāpannacitto kho pana hoti paduṭṭhamanasaṅkappo – ime sattā haññantu vā… mā vā ahesu’nti. Micchādiṭṭhiko kho pana hoti viparītadassano – ‘natthi dinnaṃ, natthi yiṭṭhaṃ… sacchikatvā pavedentī’ti. Evaṃ kho, gahapatayo, tividhaṃ manasā adhammacārī visamacārī hoti.
‘‘เอวํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย, เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ
‘‘Evaṃ adhammacariyāvisamacariyāhetu kho, gahapatayo, evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjanti.
๔๔๖. ‘‘ติวิธํ โข, คหปตโย, กาเยน ธมฺมจารี สมจารี โหติ, จตุพฺพิธํ วาจาย ธมฺมจารี สมจารี โหติ, ติวิธํ มนสา ธมฺมจารี สมจารี โหติฯ
446. ‘‘Tividhaṃ kho, gahapatayo, kāyena dhammacārī samacārī hoti, catubbidhaṃ vācāya dhammacārī samacārī hoti, tividhaṃ manasā dhammacārī samacārī hoti.
‘‘กถญฺจ, คหปตโย, ติวิธํ กาเยน ธมฺมจารี สมจารี โหติ? อิธ, คหปตโย, เอกโจฺจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ ลชฺชี ทยาปโนฺน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติฯ อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, ยํ ตํ ปรสฺส… ตํ นาทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติฯ กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย… ตถารูปาสุ น จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติฯ เอวํ โข, คหปตโย, ติวิธํ กาเยน ธมฺมจารี สมจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, gahapatayo, tividhaṃ kāyena dhammacārī samacārī hoti? Idha, gahapatayo, ekacco pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato hoti, nihitadaṇḍo nihitasattho lajjī dayāpanno sabbapāṇabhūtahitānukampī viharati. Adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato hoti, yaṃ taṃ parassa… taṃ nādinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādātā hoti. Kāmesumicchācāraṃ pahāya… tathārūpāsu na cārittaṃ āpajjitā hoti. Evaṃ kho, gahapatayo, tividhaṃ kāyena dhammacārī samacārī hoti.
‘‘กถญฺจ, คหปตโย, จตุพฺพิธํ วาจาย ธมฺมจารี สมจารี โหติ? อิธ, คหปตโย, เอกโจฺจ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติฯ สภาคโต วา…เป.… น สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติฯ ปิสุณํ วาจํ ปหาย… สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ ผรุสํ วาจํ ปหาย… ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ สมฺผปฺปลาปํ ปหาย… กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวติํ อตฺถสํหิตํ ฯ เอวํ โข, คหปตโย, จตุพฺพิธํ วาจาย ธมฺมจารี สมจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, gahapatayo, catubbidhaṃ vācāya dhammacārī samacārī hoti? Idha, gahapatayo, ekacco musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato hoti. Sabhāgato vā…pe… na sampajānamusā bhāsitā hoti. Pisuṇaṃ vācaṃ pahāya… samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā hoti. Pharusaṃ vācaṃ pahāya… tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti. Samphappalāpaṃ pahāya… kālena sāpadesaṃ pariyantavatiṃ atthasaṃhitaṃ . Evaṃ kho, gahapatayo, catubbidhaṃ vācāya dhammacārī samacārī hoti.
‘‘กถญฺจ, คหปตโย, ติวิธํ มนสา ธมฺมจารี สมจารี โหติ? อิธ, คหปตโย, เอกโจฺจ อนภิชฺฌาลุ โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ นาภิชฺฌาตา โหติ ‘อโห วต ยํ ปรสฺส, ตํ มมสฺสา’ติฯ อพฺยาปนฺนจิโตฺต โข ปน โหติ อปฺปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป – ‘อิเม สตฺตา อเวรา อพฺยาพชฺฌา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’ติฯ สมฺมาทิฎฺฐิโก โข ปน โหติ อวิปรีตทสฺสโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฎฺฐํ… สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ เอวํ โข, คหปตโย, ติวิธํ มนสา ธมฺมจารี สมจารี โหติฯ
‘‘Kathañca, gahapatayo, tividhaṃ manasā dhammacārī samacārī hoti? Idha, gahapatayo, ekacco anabhijjhālu hoti. Yaṃ taṃ parassa paravittūpakaraṇaṃ taṃ nābhijjhātā hoti ‘aho vata yaṃ parassa, taṃ mamassā’ti. Abyāpannacitto kho pana hoti appaduṭṭhamanasaṅkappo – ‘ime sattā averā abyābajjhā anīghā sukhī attānaṃ pariharantū’ti. Sammādiṭṭhiko kho pana hoti aviparītadassano – ‘atthi dinnaṃ, atthi yiṭṭhaṃ… sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. Evaṃ kho, gahapatayo, tividhaṃ manasā dhammacārī samacārī hoti.
‘‘เอวํ ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย, เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ
‘‘Evaṃ dhammacariyāsamacariyāhetu kho, gahapatayo, evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti.
๔๔๗. ‘‘อากเงฺขยฺย เจ, คหปตโย, ธมฺมจารี สมจารี – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารีฯ
447. ‘‘Ākaṅkheyya ce, gahapatayo, dhammacārī samacārī – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā khattiyamahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti ; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā khattiyamahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so dhammacārī samacārī.
‘‘อากเงฺขยฺย เจ, คหปตโย, ธมฺมจารี สมจารี – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺราหฺมณมหาสาลานํ คหปติมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา คหปติมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารีฯ
‘‘Ākaṅkheyya ce, gahapatayo, dhammacārī samacārī – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā brāhmaṇamahāsālānaṃ gahapatimahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā gahapatimahāsālānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Taṃ kissa hetu ? Tathā hi so dhammacārī samacārī.
‘‘อากเงฺกยฺย เจ, คหปตโย, ธมฺมจารี สมจารี – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารีฯ
‘‘Ākaṅkeyya ce, gahapatayo, dhammacārī samacārī – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā cātumahārājikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so dhammacārī samacārī.
‘‘อากเงฺขยฺย เจ, คหปตโย, ธมฺมจารี สมจารี – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตาวติํสานํ เทวานํ… ยามานํ เทวานํ… ตุสิตานํ เทวานํ… นิมฺมานรตีนํ เทวานํ… ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ… พฺรหฺมกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารีฯ
‘‘Ākaṅkheyya ce, gahapatayo, dhammacārī samacārī – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tāvatiṃsānaṃ devānaṃ… yāmānaṃ devānaṃ… tusitānaṃ devānaṃ… nimmānaratīnaṃ devānaṃ… paranimmitavasavattīnaṃ devānaṃ… brahmakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā brahmakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so dhammacārī samacārī.
‘‘อากเงฺขยฺย เจ, คหปตโย, ธมฺมจารี สมจารี – ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารีฯ
‘‘Ākaṅkheyya ce, gahapatayo, dhammacārī samacārī – ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā ābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā ābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so dhammacārī samacārī.
‘‘อากเงฺขยฺย เจ, คหปตโย, ธมฺมจารี สมจารี ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริตฺตาภานํ เทวานํ…เป.… อปฺปมาณาภานํ เทวานํ… อาภสฺสรานํ เทวานํ… ปริตฺตสุภานํ เทวานํ… อปฺปมาณสุภานํ เทวานํ… สุภกิณฺหานํ เทวานํ … เวหปฺผลานํ เทวานํ… อวิหานํ เทวานํ… อตปฺปานํ เทวานํ… สุทสฺสานํ เทวานํ… สุทสฺสีนํ เทวานํ… อกนิฎฺฐานํ เทวานํ… อากาสานญฺจายตนูปคานํ เทวานํ… วิญฺญาณญฺจายตนูปคานํ เทวานํ… อากิญฺจญฺญายตนูปคานํ เทวานํ… เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺย’นฺติ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปเชฺชยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารีฯ
‘‘Ākaṅkheyya ce, gahapatayo, dhammacārī samacārī ‘aho vatāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parittābhānaṃ devānaṃ…pe… appamāṇābhānaṃ devānaṃ… ābhassarānaṃ devānaṃ… parittasubhānaṃ devānaṃ… appamāṇasubhānaṃ devānaṃ… subhakiṇhānaṃ devānaṃ … vehapphalānaṃ devānaṃ… avihānaṃ devānaṃ… atappānaṃ devānaṃ… sudassānaṃ devānaṃ… sudassīnaṃ devānaṃ… akaniṭṭhānaṃ devānaṃ… ākāsānañcāyatanūpagānaṃ devānaṃ… viññāṇañcāyatanūpagānaṃ devānaṃ… ākiñcaññāyatanūpagānaṃ devānaṃ… nevasaññānāsaññāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya’nti; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā nevasaññānāsaññāyatanūpagānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjeyya. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so dhammacārī samacārī.
‘‘อากเงฺขยฺย เจ คหปตโย ธมฺมจารี สมจารี – ‘อโห วตาหํ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ; ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ‘ยํ โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารี’’’ติฯ
‘‘Ākaṅkheyya ce gahapatayo dhammacārī samacārī – ‘aho vatāhaṃ āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyya’nti; ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, ‘yaṃ so āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyya. Taṃ kissa hetu? Tathā hi so dhammacārī samacārī’’’ti.
๔๔๘. เอวํ วุเตฺต, เวรญฺชกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติฯ
448. Evaṃ vutte, verañjakā brāhmaṇagahapatikā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya, cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Ete mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsake no bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupete saraṇaṃ gate’’ti.
เวรญฺชกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Verañjakasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. เวรญฺชกสุตฺตวณฺณนา • 2. Verañjakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. เวรญฺชกสุตฺตวณฺณนา • 2. Verañjakasuttavaṇṇanā