Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. มหาวโคฺค

    2. Mahāvaggo

    ๑. เวรญฺชสุตฺตวณฺณนา

    1. Verañjasuttavaṇṇanā

    ๑๑. ทุติยสฺส ปฐเม อภิวาเทตีติ เอวมาทีนิ น สมโณ โคตโมติ เอตฺถ วุตฺตนกาเรน โยเชตฺวา เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพ ‘‘น วนฺทติ นาสนา วุฎฺฐาติ, นาปิ ‘อิธ โภโนฺต นิสีทนฺตู’ติ เอวํ อาสเนน วา นิมเนฺตตี’’ติฯ เอตฺถ หิ วา-สโทฺท วิภาวเน นาม อเตฺถ ‘‘รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติอาทีสุ วิยฯ เอวํ วตฺวา อถ อตฺตโน อภิวาทนาทีนิ อกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาห – ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถวาติฯ ยํ ตํ มยา สุตํ, ตํ ตเถว, ตํ สวนญฺจ เม ทสฺสนญฺจ สํสนฺทติ สเมติ, อตฺถโต เอกีภาวํ คจฺฉติฯ น หิ ภวํ โคตโม…เป.… อาสเนน วา นิมเนฺตตีติฯ เอวํ อตฺตนา สุตํ ทิเฎฺฐน นิคเมตฺวา นินฺทโนฺต อาห – ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวาติ ตํ อภิวาทนาทีนํ อกรณํ อยุตฺตเมวาติฯ

    11. Dutiyassa paṭhame abhivādetīti evamādīni na samaṇo gotamoti ettha vuttanakārena yojetvā evamettha attho veditabbo ‘‘na vandati nāsanā vuṭṭhāti, nāpi ‘idha bhonto nisīdantū’ti evaṃ āsanena vā nimantetī’’ti. Ettha hi vā-saddo vibhāvane nāma atthe ‘‘rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’tiādīsu viya. Evaṃ vatvā atha attano abhivādanādīni akarontaṃ bhagavantaṃ disvā āha – tayidaṃ, bho gotama, tathevāti. Yaṃ taṃ mayā sutaṃ, taṃ tatheva, taṃ savanañca me dassanañca saṃsandati sameti, atthato ekībhāvaṃ gacchati. Na hi bhavaṃ gotamo…pe… āsanena vā nimantetīti. Evaṃ attanā sutaṃ diṭṭhena nigametvā nindanto āha – tayidaṃ, bho gotama, na sampannamevāti taṃ abhivādanādīnaṃ akaraṇaṃ ayuttamevāti.

    อถสฺส ภควา อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนโทสํ อนุปคมฺม กรุณาสีตเลน หทเยน ตํ อญฺญาณํ วิธมิตฺวา ยุตฺตภาวํ ทเสฺสตุกาโม นาหํ ตํ พฺราหฺมณาติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – อหํ, พฺราหฺมณ, อปฺปฎิหเตน สพฺพญฺญุตญฺญาณจกฺขุนา โอโลเกโนฺตปิ ตํ ปุคฺคลํ เอตสฺมิํ สเทวกาทิเภเท โลเก น ปสฺสามิ, ยมหํ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุเฎฺฐยฺยํ วา อาสเนน วา นิมเนฺตยฺยํฯ อนจฺฉริยํ วา เอตํ, สฺวาหํ อชฺช สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต เอวรูปํ นิปจฺจาการารหํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิฯ อปิจ โข ยทาปาหํ สมฺปติชาโตว อุตฺตเรน มุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสิํ, ตทาปิ เอตสฺมิํ สเทวกาทิเภเท โลเก ตํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ, ยมหํ เอวรูปํ นิปจฺจการํ กเรยฺยํฯ อถ โข มํ โสฬสกปฺปสหสฺสายุโก ขีณาสวมหาพฺรหฺมาปิ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ตฺวํ โลเก มหาปุริโส, ตฺวํ สเทวกสฺส โลกสฺส อโคฺค จ เชโฎฺฐ จ เสโฎฺฐ จ, นตฺถิ ตยา อุตฺตริตโร’’ติ สญฺชาตโสมนโสฺส ปติมาเนสิฯ ตทาปิ จาหํ อตฺตนา อุตฺตริตรํ อปสฺสโนฺต อาสภิํ วาจํ นิจฺฉาเรสิํ – ‘‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺส, เชโฎฺฐหมสฺมิ โลกสฺส, เสโฎฺฐหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติฯ เอวํ สมฺปติชาตสฺสาปิ มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโล นตฺถิ, สฺวาหํ อิทานิ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต กํ อภิวาเทยฺยํฯ ตสฺมา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, มา ตถาคตา เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ ปตฺถยิฯ ยญฺหิ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อภิวาเทยฺย วา…เป.… อาสเนน วา นิมเนฺตยฺย, มุทฺธาปิ ตสฺส ปุคฺคลสฺส รตฺติปริโยสาเน ปริปากสิถิลพนฺธนํ วณฺฎา มุตฺตตาลผลํ วิย คีวโต ฉิชฺชิตฺวา สหสาว ภูมิยํ นิปเตยฺยฯ

    Athassa bhagavā attukkaṃsanaparavambhanadosaṃ anupagamma karuṇāsītalena hadayena taṃ aññāṇaṃ vidhamitvā yuttabhāvaṃ dassetukāmo nāhaṃ taṃ brāhmaṇātiādimāha. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – ahaṃ, brāhmaṇa, appaṭihatena sabbaññutaññāṇacakkhunā olokentopi taṃ puggalaṃ etasmiṃ sadevakādibhede loke na passāmi, yamahaṃ abhivādeyyaṃ vā paccuṭṭheyyaṃ vā āsanena vā nimanteyyaṃ. Anacchariyaṃ vā etaṃ, svāhaṃ ajja sabbaññutaṃ patto evarūpaṃ nipaccākārārahaṃ puggalaṃ na passāmi. Apica kho yadāpāhaṃ sampatijātova uttarena mukho sattapadavītihārena gantvā sakalaṃ dasasahassilokadhātuṃ olokesiṃ, tadāpi etasmiṃ sadevakādibhede loke taṃ puggalaṃ na passāmi, yamahaṃ evarūpaṃ nipaccakāraṃ kareyyaṃ. Atha kho maṃ soḷasakappasahassāyuko khīṇāsavamahābrahmāpi añjaliṃ paggahetvā ‘‘tvaṃ loke mahāpuriso, tvaṃ sadevakassa lokassa aggo ca jeṭṭho ca seṭṭho ca, natthi tayā uttaritaro’’ti sañjātasomanasso patimānesi. Tadāpi cāhaṃ attanā uttaritaraṃ apassanto āsabhiṃ vācaṃ nicchāresiṃ – ‘‘aggohamasmi lokassa, jeṭṭhohamasmi lokassa, seṭṭhohamasmi lokassā’’ti. Evaṃ sampatijātassāpi mayhaṃ abhivādanādiraho puggalo natthi, svāhaṃ idāni sabbaññutaṃ patto kaṃ abhivādeyyaṃ. Tasmā tvaṃ, brāhmaṇa, mā tathāgatā evarūpaṃ paramanipaccakāraṃ patthayi. Yañhi, brāhmaṇa, tathāgato abhivādeyya vā…pe… āsanena vā nimanteyya, muddhāpi tassa puggalassa rattipariyosāne paripākasithilabandhanaṃ vaṇṭā muttatālaphalaṃ viya gīvato chijjitvā sahasāva bhūmiyaṃ nipateyya.

    เอวํ วุเตฺตปิ พฺราหฺมโณ ทุปฺปญฺญตาย ตถาคตสฺส โลกเชฎฺฐภาวํ อสลฺลเกฺขโนฺต เกวลํ ตํ วจนํ อสหมาโน อาห – อรสรูโป ภวํ โคตโมติฯ อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – ยํ โลเก อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานอญฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ ‘‘สามคฺคิรโส’’ติ วุจฺจติ, ตํ โภโต โคตมสฺส นตฺถิฯ ตสฺมา อรสรูโป ภวํ โคตโม, อรสชาติโก อรสสภาโวติฯ อถสฺส ภควา จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถํ อุชุวิปจฺจนีกภาวํ ปริหรโนฺต อญฺญถา ตสฺส วจนสฺส อตฺถํ อตฺตนิ สนฺทเสฺสโนฺต อตฺถิ เขฺวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโยติอาทิมาหฯ

    Evaṃ vuttepi brāhmaṇo duppaññatāya tathāgatassa lokajeṭṭhabhāvaṃ asallakkhento kevalaṃ taṃ vacanaṃ asahamāno āha – arasarūpo bhavaṃ gotamoti. Ayaṃ kirassa adhippāyo – yaṃ loke abhivādanapaccuṭṭhānaañjalikammasāmīcikammaṃ ‘‘sāmaggiraso’’ti vuccati, taṃ bhoto gotamassa natthi. Tasmā arasarūpo bhavaṃ gotamo, arasajātiko arasasabhāvoti. Athassa bhagavā cittamudubhāvajananatthaṃ ujuvipaccanīkabhāvaṃ pariharanto aññathā tassa vacanassa atthaṃ attani sandassento atthi khvesa, brāhmaṇa, pariyāyotiādimāha.

    ตตฺถ อตฺถิ เขฺวสาติ อตฺถิ โข เอสฯ ปริยาโยติ การณํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตฺถิ โข, พฺราหฺมณ, เอตํ การณํ, เยน การเณน มํ ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ วทมาโน ปุคฺคโล สมฺมา วเทยฺย, อวิตถวาทีติ สงฺขํ คเจฺฉยฺยฯ กตโม ปน โสติ? เย เต, พฺราหฺมณ, รูปรสา…เป.… โผฎฺฐพฺพรสา, เต ตถาคตสฺส ปหีนาติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เย เต ชาติวเสน วา อุปปตฺติวเสน วา เสฎฺฐสมฺมตานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ รูปารมฺมณาทีนิ อสฺสาเทนฺตานํ อภินนฺทนฺตานํ รชฺชนฺตานํ อุปฺปชฺชนฺติ กามสุขสฺสาทสงฺขาตา รูปรสา, สทฺทรสา, คนฺธรสา, รสรสา, โผฎฺฐพฺพรสา, เย อิมํ โลกํ คีวาย พนฺธิตฺวา วิย อาวิญฺฉนฺติ, วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยญฺจ อุปฺปนฺนตฺตา สามคฺคิรสาติ วุจฺจนฺติฯ เต สเพฺพปิ ตถาคตสฺส ปหีนาฯ ‘‘มยฺหํ ปหีนา’’ติ วตฺตเพฺพปิ มมากาเรน อตฺตานํ อนุกฺขิปโนฺต ธมฺมํ เทเสติ, เทสนาวิลาโส วา เอส ตถาคตสฺสฯ

    Tattha atthi khvesāti atthi kho esa. Pariyāyoti kāraṇaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – atthi kho, brāhmaṇa, etaṃ kāraṇaṃ, yena kāraṇena maṃ ‘‘arasarūpo bhavaṃ gotamo’’ti vadamāno puggalo sammā vadeyya, avitathavādīti saṅkhaṃ gaccheyya. Katamo pana soti? Ye te, brāhmaṇa, rūparasā…pe… phoṭṭhabbarasā, te tathāgatassa pahīnāti. Kiṃ vuttaṃ hoti? Ye te jātivasena vā upapattivasena vā seṭṭhasammatānampi puthujjanānaṃ rūpārammaṇādīni assādentānaṃ abhinandantānaṃ rajjantānaṃ uppajjanti kāmasukhassādasaṅkhātā rūparasā, saddarasā, gandharasā, rasarasā, phoṭṭhabbarasā, ye imaṃ lokaṃ gīvāya bandhitvā viya āviñchanti, vatthārammaṇādisāmaggiyañca uppannattā sāmaggirasāti vuccanti. Te sabbepi tathāgatassa pahīnā. ‘‘Mayhaṃ pahīnā’’ti vattabbepi mamākārena attānaṃ anukkhipanto dhammaṃ deseti, desanāvilāso vā esa tathāgatassa.

    ตตฺถ ปหีนาติ จิตฺตสนฺตานโต วิคตา, ปชหิตา วาฯ เอตสฺมิํ ปนเตฺถ กรเณ สามิวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ อริยมคฺคสเตฺถน อุจฺฉินฺนํ ตณฺหาวิชฺชามยํ มูลํ เอเตสนฺติ อุจฺฉินฺนมูลาฯ ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตาฯ ยถา หิ ตาลรุกฺขํ สมูลํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วตฺถุมเตฺต ตสฺมิํ ปเทเส กเต น ปุน ตสฺส ตาลสฺส อุปฺปตฺติ ปญฺญายติ, เอวํ อริยมคฺคสเตฺถน สมูเล รูปาทิรเส อุทฺธริตฺวา เตสํ ปุเพฺพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมเตฺต จิตฺตสนฺตาเน กเต สเพฺพปิ เต ตาลาวตฺถุกตาติ วุจฺจนฺติฯ อวิรุฬฺหิธมฺมตฺตา วา มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตาฯ ยสฺมา ปน เอวํ ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา โหนฺติ , ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหติ, ตถา กตา โหนฺติฯ ตสฺมา อาห – อนภาวํกตาติฯ อายติํ อนุปฺปาทธมฺมาติ อนาคเต อนุปฺปชฺชนกสภาวาฯ

    Tattha pahīnāti cittasantānato vigatā, pajahitā vā. Etasmiṃ panatthe karaṇe sāmivacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Ariyamaggasatthena ucchinnaṃ taṇhāvijjāmayaṃ mūlaṃ etesanti ucchinnamūlā. Tālavatthu viya nesaṃ vatthu katanti tālāvatthukatā. Yathā hi tālarukkhaṃ samūlaṃ uddharitvā tassa vatthumatte tasmiṃ padese kate na puna tassa tālassa uppatti paññāyati, evaṃ ariyamaggasatthena samūle rūpādirase uddharitvā tesaṃ pubbe uppannapubbabhāvena vatthumatte cittasantāne kate sabbepi te tālāvatthukatāti vuccanti. Aviruḷhidhammattā vā matthakacchinnatālo viya katāti tālāvatthukatā. Yasmā pana evaṃ tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā honti , yathā nesaṃ pacchābhāvo na hoti, tathā katā honti. Tasmā āha – anabhāvaṃkatāti. Āyatiṃ anuppādadhammāti anāgate anuppajjanakasabhāvā.

    โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสีติ ยญฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหติฯ นนุ จ เอวํ วุเตฺต โย พฺราหฺมเณน วุโตฺต สามคฺคิรโส, ตสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตา อนุญฺญาตา โหตีติ? น โหติฯ โย หิ นํ สามคฺคิรสํ กาตุํ ภโพฺพ หุตฺวา น กโรติ, โส ตทภาเวน อรสรูโปติ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ ภควา ปน อภโพฺพว เอตํ กาตุํ, เตนสฺส การเณ อภพฺพตํ ปกาเสโนฺต อาห – ‘‘โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติฯ ยํ ปริยายํ สนฺธาย ตฺวํ มํ ‘‘อรสรูโป’’ติ วเทสิ, โส อเมฺหสุ เนว วตฺตโพฺพติฯ

    No ca kho yaṃ tvaṃ sandhāya vadesīti yañca kho tvaṃ sandhāya vadesi, so pariyāyo na hoti. Nanu ca evaṃ vutte yo brāhmaṇena vutto sāmaggiraso, tassa attani vijjamānatā anuññātā hotīti? Na hoti. Yo hi naṃ sāmaggirasaṃ kātuṃ bhabbo hutvā na karoti, so tadabhāvena arasarūpoti vattabbataṃ arahati. Bhagavā pana abhabbova etaṃ kātuṃ, tenassa kāraṇe abhabbataṃ pakāsento āha – ‘‘no ca kho yaṃ tvaṃ sandhāya vadesī’’ti. Yaṃ pariyāyaṃ sandhāya tvaṃ maṃ ‘‘arasarūpo’’ti vadesi, so amhesu neva vattabboti.

    เอวํ พฺราหฺมโณ อตฺตนา อธิเปฺปตํ อรสรูปตํ อาโรเปตุํ อสโกฺกโนฺต อถาปรํ นิโพฺภโค ภวนฺติอาทิมาหฯ สพฺพปริยาเยสุ เจตฺถ วุตฺตนเยเนว โยชนากฺกมํ วิทิตฺวา สนฺธายภาสิตมตฺถํ เอวํ เวทิตพฺพํ – พฺราหฺมโณ ตเทว วโยวุทฺธานํ อภิวาทนาทิกมฺมํ โลเก ‘‘สามคฺคิปริโภโค’’ติ มญฺญมาโน ตทภาเวน จ ภควนฺตํ ‘‘นิโพฺภโค’’ติอาทิมาหฯ ภควา จ ยฺวายํ รูปาทีสุ สตฺตานํ ฉนฺทราคปริโภโค, ตทภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ

    Evaṃ brāhmaṇo attanā adhippetaṃ arasarūpataṃ āropetuṃ asakkonto athāparaṃ nibbhogo bhavantiādimāha. Sabbapariyāyesu cettha vuttanayeneva yojanākkamaṃ viditvā sandhāyabhāsitamatthaṃ evaṃ veditabbaṃ – brāhmaṇo tadeva vayovuddhānaṃ abhivādanādikammaṃ loke ‘‘sāmaggiparibhogo’’ti maññamāno tadabhāvena ca bhagavantaṃ ‘‘nibbhogo’’tiādimāha. Bhagavā ca yvāyaṃ rūpādīsu sattānaṃ chandarāgaparibhogo, tadabhāvaṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni.

    ปุน พฺราหฺมโณ ยํ โลเก วโยวุทฺธานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ โลกิยา กโรนฺติ, ตสฺส อกิริยํ สมฺปสฺสมาโน ภควนฺตํ อกิริยวาโทติ อาหฯ ภควา ปน ยสฺมา กายทุจฺจริตาทีนํ อกิริยํ วทติ, ตสฺมา ตํ อกิริยวาทิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ ตตฺถ ฐเปตฺวา กายทุจฺจริตาทีนิ อวเสสา อกุสลา ธมฺมา อเนกวิหิตา ปาปกา อกุสลา ธมฺมาติ เวทิตพฺพาฯ

    Puna brāhmaṇo yaṃ loke vayovuddhānaṃ abhivādanādikulasamudācārakammaṃ lokiyā karonti, tassa akiriyaṃ sampassamāno bhagavantaṃ akiriyavādoti āha. Bhagavā pana yasmā kāyaduccaritādīnaṃ akiriyaṃ vadati, tasmā taṃ akiriyavāditaṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni. Tattha ṭhapetvā kāyaduccaritādīni avasesā akusalā dhammā anekavihitā pāpakā akusalā dhammāti veditabbā.

    ปุน พฺราหฺมโณ ตเทว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสโนฺต ‘‘อิมํ อาคมฺม อยํ โลกตนฺติ โลกปเวณี อุจฺฉิชฺชตี’’ติ มญฺญมาโน ภควนฺตํ อุเจฺฉทวาโทติ อาหฯ ภควา ปน ยสฺมา ปญฺจกามคุณิกราคสฺส เจว อกุสลจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺส จ โทสสฺส อนาคามิมเคฺคน อุเจฺฉทํ วทติ, สพฺพากุสลสมฺภวสฺส ปน โมหสฺส อรหตฺตมเคฺคน อุเจฺฉทํ วทติ, ฐเปตฺวา เต ตโย อวเสสานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ยถานุรูปํ จตูหิ มเคฺคหิ อุเจฺฉทํ วทติ, ตสฺมา ตํ อุเจฺฉทวาทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ

    Puna brāhmaṇo tadeva abhivādanādikammaṃ bhagavati apassanto ‘‘imaṃ āgamma ayaṃ lokatanti lokapaveṇī ucchijjatī’’ti maññamāno bhagavantaṃ ucchedavādoti āha. Bhagavā pana yasmā pañcakāmaguṇikarāgassa ceva akusalacittadvayasampayuttassa ca dosassa anāgāmimaggena ucchedaṃ vadati, sabbākusalasambhavassa pana mohassa arahattamaggena ucchedaṃ vadati, ṭhapetvā te tayo avasesānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ yathānurūpaṃ catūhi maggehi ucchedaṃ vadati, tasmā taṃ ucchedavādaṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni.

    ปุน พฺราหฺมโณ ‘‘ชิคุจฺฉติ มเญฺญ สมโณ โคตโม อิทํ วโยวุทฺธานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ, เตน ตํ น กโรตี’’ติ มญฺญมาโน ภควนฺตํ เชคุจฺฉีติ อาหฯ ภควา ปน ยสฺมา ชิคุจฺฉติ กายทุจฺจริตาทีหิ, ยานิ กายวจีมโนทุจฺจริตานิ เจว ยาว จ อกุสลานํ ลามกธมฺมานํ สมาปตฺติ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโว, ตํ สพฺพมฺปิ คูถํ วิย มณฺฑนกชาติโก ปุริโส ชิคุจฺฉติ หิรียติ, ตสฺมา ตํ เชคุจฺฉิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ ตตฺถ กายทุจฺจริเตนาติอาทิ กรณวจนํ อุปโยคเตฺถ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Puna brāhmaṇo ‘‘jigucchati maññe samaṇo gotamo idaṃ vayovuddhānaṃ abhivādanādikulasamudācārakammaṃ, tena taṃ na karotī’’ti maññamāno bhagavantaṃ jegucchīti āha. Bhagavā pana yasmā jigucchati kāyaduccaritādīhi, yāni kāyavacīmanoduccaritāni ceva yāva ca akusalānaṃ lāmakadhammānaṃ samāpatti samāpajjanā samaṅgibhāvo, taṃ sabbampi gūthaṃ viya maṇḍanakajātiko puriso jigucchati hirīyati, tasmā taṃ jegucchitaṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni. Tattha kāyaduccaritenātiādi karaṇavacanaṃ upayogatthe daṭṭhabbaṃ.

    ปุน พฺราหฺมโณ ตเทว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสโนฺต ‘‘อยํ อิทํ โลกเชฎฺฐกกมฺมํ วิเนติ วินาเสติ, อถ วา ยสฺมา เอตํ สามีจิกมฺมํ น กโรติ, ตสฺมา อยํ วิเนตโพฺพ นิคฺคณฺหิตโพฺพ’’ติ มญฺญมาโน ภควนฺตํ เวนยิโกติ อาหฯ ตตฺรายํ ปทโตฺถ – วินยตีติ วินโย, วินาเสตีติ วุตฺตํ โหติฯ วินโย เอว เวนยิโกฯ วินยํ วา อรหตีติ เวนยิโก, นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหติฯ ภควา ปน ยสฺมา ราคาทีนํ วินยาย วูปสมาย ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา เวนยิโก โหติฯ อยเมว เจตฺถ ปทโตฺถ – วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโกฯ วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติฯ สฺวายํ ตํ เวนยิกภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ

    Puna brāhmaṇo tadeva abhivādanādikammaṃ bhagavati apassanto ‘‘ayaṃ idaṃ lokajeṭṭhakakammaṃ vineti vināseti, atha vā yasmā etaṃ sāmīcikammaṃ na karoti, tasmā ayaṃ vinetabbo niggaṇhitabbo’’ti maññamāno bhagavantaṃ venayikoti āha. Tatrāyaṃ padattho – vinayatīti vinayo, vināsetīti vuttaṃ hoti. Vinayo eva venayiko. Vinayaṃ vā arahatīti venayiko, niggahaṃ arahatīti vuttaṃ hoti. Bhagavā pana yasmā rāgādīnaṃ vinayāya vūpasamāya dhammaṃ deseti, tasmā venayiko hoti. Ayameva cettha padattho – vinayāya dhammaṃ desetīti venayiko. Vicitrā hi taddhitavutti. Svāyaṃ taṃ venayikabhāvaṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni.

    ปุน พฺราหฺมโณ ยสฺมา อภิวาทนาทีนิ สามีจิกมฺมานิ กโรนฺตา วโยวุเทฺธ โตเสนฺติ หาเสนฺติ , อกโรนฺตา ปน ตาเปนฺติ วิเหเสนฺติ โทมนสฺสํ เนสํ อุปฺปาเทนฺติ, ภควา จ ตานิ น กโรติ, ตสฺมา ‘‘อยํ วโยวุเทฺธ ตปตี’’ติ มญฺญมาโน สปฺปุริสาจารวิรหิตตฺตา วา ‘‘กปณปุริโส อย’’นฺติ มญฺญมาโน ภควนฺตํ ตปสฺสีติ อาหฯ ตตฺรายํ ปทโตฺถ – ตปตีติ ตโป, โรเสติ วิเหเสตีติ อโตฺถฯ สามีจิกมฺมากรณเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตโป อสฺส อตฺถีติ ตปสฺสีฯ ทุติเย อตฺถวิกเปฺป พฺยญฺชนานิ อวิจาเรตฺวา โลเก กปณปุริโส ตปสฺสีติ วุจฺจติฯ ภควา ปน เย อกุสลา ธมฺมา โลกํ ตปนโต ตปนียานิ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปหีนตฺตา ยสฺมา ตปสฺสีติ สงฺขํ คโตฯ ตสฺมา ตํ ตปสฺสิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – ตปนฺตีติ ตปา, อกุสลธมฺมานเมตํ อธิวจนํฯ เต ตเป อสฺสิ นิรสฺสิ ปหาสิ วิทฺธํสีติ ตปสฺสีฯ

    Puna brāhmaṇo yasmā abhivādanādīni sāmīcikammāni karontā vayovuddhe tosenti hāsenti , akarontā pana tāpenti vihesenti domanassaṃ nesaṃ uppādenti, bhagavā ca tāni na karoti, tasmā ‘‘ayaṃ vayovuddhe tapatī’’ti maññamāno sappurisācāravirahitattā vā ‘‘kapaṇapuriso aya’’nti maññamāno bhagavantaṃ tapassīti āha. Tatrāyaṃ padattho – tapatīti tapo, roseti vihesetīti attho. Sāmīcikammākaraṇassetaṃ adhivacanaṃ. Tapo assa atthīti tapassī. Dutiye atthavikappe byañjanāni avicāretvā loke kapaṇapuriso tapassīti vuccati. Bhagavā pana ye akusalā dhammā lokaṃ tapanato tapanīyāni vuccanti, tesaṃ pahīnattā yasmā tapassīti saṅkhaṃ gato. Tasmā taṃ tapassitaṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni. Tatrāyaṃ vacanattho – tapantīti tapā, akusaladhammānametaṃ adhivacanaṃ. Te tape assi nirassi pahāsi viddhaṃsīti tapassī.

    ปุน พฺราหฺมโณ ตํ อภิวาทนาทิกมฺมํ เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา เทวโลกปฎิสนฺธิปฎิลาภาย สํวตฺตตีติ มญฺญมาโน ภควติ จสฺส อภาวํ ทิสฺวา ภควนฺตํ อปคโพฺภติ อาหฯ โกธวเสน วา ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทเสฺสโนฺตปิ เอวมาหฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – คพฺภโต อปคโตติ อปคโพฺภ, อภโพฺพ เทวโลกูปปตฺติํ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ หีโน วา คโพฺภ อสฺสาติ อปคโพฺภฯ เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายติํ หีนคพฺภปฎิลาภภาคีติฯ หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมิํ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโยฯ ภควโต ปน ยสฺมา อายติํ คพฺภเสยฺยา อปคตา, ตสฺมา โส ตํ อปคพฺภตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรํ ปริยายมนุชานิฯ ตตฺร จ ยสฺส โข, พฺราหฺมณ, อายติํ คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ปหีนาติ เอเตสํ ปทานํ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ – ‘‘พฺราหฺมณ, ยสฺส ปุคฺคลสฺส อนาคเต คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภเว จ อภินิพฺพตฺติ อนุตฺตเรน มเคฺคน วิหตการณตฺตา ปหีนาฯ คพฺภเสยฺยาคหเณน เจตฺถ ชลาพุชโยนิ คหิตา, ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติคฺคหเณน อิตรา ติโสฺส’’ปิฯ

    Puna brāhmaṇo taṃ abhivādanādikammaṃ devalokagabbhasampattiyā devalokapaṭisandhipaṭilābhāya saṃvattatīti maññamāno bhagavati cassa abhāvaṃ disvā bhagavantaṃ apagabbhoti āha. Kodhavasena vā bhagavato mātukucchismiṃ paṭisandhiggahaṇe dosaṃ dassentopi evamāha. Tatrāyaṃ vacanattho – gabbhato apagatoti apagabbho, abhabbo devalokūpapattiṃ pāpuṇitunti adhippāyo. Hīno vā gabbho assāti apagabbho. Devalokagabbhaparibāhirattā āyatiṃ hīnagabbhapaṭilābhabhāgīti. Hīno vāssa mātukucchismiṃ gabbhavāso ahosīti adhippāyo. Bhagavato pana yasmā āyatiṃ gabbhaseyyā apagatā, tasmā so taṃ apagabbhataṃ attani sampassamāno aparaṃ pariyāyamanujāni. Tatra ca yassa kho, brāhmaṇa, āyatiṃ gabbhaseyyā punabbhavābhinibbatti pahīnāti etesaṃ padānaṃ evamattho daṭṭhabbo – ‘‘brāhmaṇa, yassa puggalassa anāgate gabbhaseyyā punabbhave ca abhinibbatti anuttarena maggena vihatakāraṇattā pahīnā. Gabbhaseyyāgahaṇena cettha jalābujayoni gahitā, punabbhavābhinibbattiggahaṇena itarā tisso’’pi.

    อปิจ คพฺภสฺส เสยฺยา คพฺภเสยฺยาฯ ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา จ วิญฺญาณฎฺฐิตีติ วุเตฺตปิ น วิญฺญาณโต อญฺญา ฐิติ อตฺถิ, เอวมิธาปิ น คพฺภโต อญฺญา เสยฺยา เวทิตพฺพาฯ อภินิพฺพตฺติ จ นาม ยสฺมา ปุนพฺภวภูตาปิ อปุนพฺภวภูตาปิ อตฺถิ, อิธ จ ปุนพฺภวภูตา อธิเปฺปตา, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติฯ

    Apica gabbhassa seyyā gabbhaseyyā. Punabbhavo eva abhinibbatti punabbhavābhinibbattīti evamettha attho daṭṭhabbo. Yathā ca viññāṇaṭṭhitīti vuttepi na viññāṇato aññā ṭhiti atthi, evamidhāpi na gabbhato aññā seyyā veditabbā. Abhinibbatti ca nāma yasmā punabbhavabhūtāpi apunabbhavabhūtāpi atthi, idha ca punabbhavabhūtā adhippetā, tasmā vuttaṃ – ‘‘punabbhavo eva abhinibbatti punabbhavābhinibbattī’’ti.

    เอวํ อาคตกาลโต ปฎฺฐาย อรสรูปตาทีหิ อฎฺฐหิ อโกฺกสวตฺถูหิ อโกฺกสนฺตมฺปิ พฺราหฺมณํ ภควา ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา ธมฺมสามี ตถาคโต อนุกมฺปาย สีตเลเนว จกฺขุนา พฺราหฺมณํ โอเลเกโนฺต ยํ ธมฺมธาตุํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา เทสนาวิลาสปฺปตฺตา นาม โหติ, ตสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา วิคตวลาหเก นเภ ปุณฺณจโนฺท วิย จ สรทกาเล สูริโย วิย จ พฺราหฺมณสฺส หทยนฺธการํ วิธเมโนฺต ตานิเยว อโกฺกสวตฺถูนิ เตน เตน ปริยาเยน อญฺญถา ทเสฺสตฺวา ปุนปิ อตฺตโน กรุณาวิปฺผารํ อฎฺฐหิ โลกธเมฺมหิ อกมฺปิยภาเวน ปฎิลทฺธตาทิคุณลกฺขณํ ปถวิสมจิตฺตตํ อกุปฺปธมฺมตญฺจ ปกาเสโนฺต ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เกวลํ ปลิตสิรขณฺฑทนฺตวลิตฺตจตาทีหิ อตฺตโน วุทฺธภาวํ สลฺลเกฺขติ, โน จ โข ชานาติ อตฺตานํ ชาติยา อนุคตํ ชราย อนุสฎํ พฺยาธิโน อธิภูตํ มรเณน อพฺภาหตํ อชฺช มริตฺวา ปุน เสฺวว อุตฺตานเสยฺยทารกภาวคมนียํ ฯ มหเนฺตน โข ปน อุสฺสาเหน มม สนฺติกํ อาคโต, ตทสฺส อาคมนํ สาตฺถกํ โหตู’’ติ จิเนฺตตฺวา อิมสฺมิํ โลเก อตฺตโน อปฺปฎิสมํ ปุเรชาตภาวํ ทเสฺสโนฺต เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณาติอาทินา นเยน พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ วเฑฺฒสิฯ

    Evaṃ āgatakālato paṭṭhāya arasarūpatādīhi aṭṭhahi akkosavatthūhi akkosantampi brāhmaṇaṃ bhagavā dhammissaro dhammarājā dhammasāmī tathāgato anukampāya sītaleneva cakkhunā brāhmaṇaṃ olekento yaṃ dhammadhātuṃ paṭivijjhitvā desanāvilāsappattā nāma hoti, tassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā vigatavalāhake nabhe puṇṇacando viya ca saradakāle sūriyo viya ca brāhmaṇassa hadayandhakāraṃ vidhamento tāniyeva akkosavatthūni tena tena pariyāyena aññathā dassetvā punapi attano karuṇāvipphāraṃ aṭṭhahi lokadhammehi akampiyabhāvena paṭiladdhatādiguṇalakkhaṇaṃ pathavisamacittataṃ akuppadhammatañca pakāsento ‘‘ayaṃ brāhmaṇo kevalaṃ palitasirakhaṇḍadantavalittacatādīhi attano vuddhabhāvaṃ sallakkheti, no ca kho jānāti attānaṃ jātiyā anugataṃ jarāya anusaṭaṃ byādhino adhibhūtaṃ maraṇena abbhāhataṃ ajja maritvā puna sveva uttānaseyyadārakabhāvagamanīyaṃ . Mahantena kho pana ussāhena mama santikaṃ āgato, tadassa āgamanaṃ sātthakaṃ hotū’’ti cintetvā imasmiṃ loke attano appaṭisamaṃ purejātabhāvaṃ dassento seyyathāpi, brāhmaṇātiādinā nayena brāhmaṇassa dhammadesanaṃ vaḍḍhesi.

    ตตฺถ เสยฺยถาปีติอาทีนํ เหฎฺฐา วุตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว หิ เต กุกฺกุฎโปตกา ปเกฺข วิธุนนฺตา ตํขณานุรูปํ วิรวนฺตา นิกฺขมนฺติฯ เอวํ นิกฺขมนฺตานญฺจ เตสํ โย ปฐมตรํ นิกฺขมติ, โส เชโฎฺฐติ วุจฺจติฯ ตสฺมา ภควา ตาย อุปมาย อตฺตโน เชฎฺฐภาวํ สาเธตุกาโม พฺราหฺมณํ ปุจฺฉติ – โย นุ โข เตสํ กุกฺกุฎจฺฉาโปตกานํ…เป.… กินฺติ สฺวาสฺส วจนีโยติฯ ตตฺถ กุกฺกุฎจฺฉาปกานนฺติ กุกฺกุฎโปตกานํฯ กินฺติ สฺวาสฺส วจนีโยติ โส กินฺติ วจนีโย อสฺส, กิํ วตฺตโพฺพ ภเวยฺย เชโฎฺฐ วา กนิโฎฺฐ วาติฯ

    Tattha seyyathāpītiādīnaṃ heṭṭhā vutanayeneva attho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – heṭṭhā vuttanayeneva hi te kukkuṭapotakā pakkhe vidhunantā taṃkhaṇānurūpaṃ viravantā nikkhamanti. Evaṃ nikkhamantānañca tesaṃ yo paṭhamataraṃ nikkhamati, so jeṭṭhoti vuccati. Tasmā bhagavā tāya upamāya attano jeṭṭhabhāvaṃ sādhetukāmo brāhmaṇaṃ pucchati – yo nu kho tesaṃ kukkuṭacchāpotakānaṃ…pe… kinti svāssa vacanīyoti. Tattha kukkuṭacchāpakānanti kukkuṭapotakānaṃ. Kinti svāssa vacanīyoti so kinti vacanīyo assa, kiṃ vattabbo bhaveyya jeṭṭho vā kaniṭṭho vāti.

    ‘‘เชโฎฺฐ’’ติสฺส, โภ โคตม, วจนีโยติ, โภ โคตม, โส เชโฎฺฐ อิติ อสฺส วจนีโยฯ กสฺมาติ เจ? โส หิ เนสํ เชโฎฺฐติ, ยสฺมา โส เนสํ วุทฺธตโรติ อโตฺถฯ อถสฺส ภควา โอปมฺมํ สมฺปฎิปาเทโนฺต เอวเมว โขติ อาห, ยถา โส กุกฺกุฎโปตโก, เอวํ อหมฺปิฯ อวิชฺชาคตาย ปชายาติ อวิชฺชา วุจฺจติ อญฺญาณํ, ตตฺถ คตายฯ ปชายาติ สตฺตธิวจนเมตํ, อวิชฺชาโกสสฺส อโนฺต ปวิเฎฺฐสุ สเตฺตสูปิ วุตฺตํ โหติฯ อณฺฑภูตายาติ อเณฺฑ ภูตาย ปชาตาย สญฺชาตายฯ ยถา หิ อเณฺฑ นิพฺพตฺตา เอกเจฺจ สตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจนฺติ, เอวมยํ สพฺพาปิ ปชา อวิชฺชณฺฑโกเส นิพฺพตฺตตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจติฯ ปริโยนทฺธายาติ เตน อวิชฺชณฺฑโกเสน สมนฺตโต โอนทฺธาย พทฺธาย เวฐิตายฯ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวาติ ตํ อวิชฺชามยํ อณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวาฯ เอโกว โลเกติ สกเลปิ โลกสนฺนิวาเส อหเมว เอโก อทุติโยฯ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ อุตฺตรรหิตํ สพฺพเสฎฺฐํ สมฺมา สามญฺจ โพธิํ, อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรญฺจ โพธิํฯ อรหตฺตมคฺคญาณเสฺสตํ นามํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺสาปิ นามเมวฯ อุภยมฺปิ วฎฺฎติฯ อเญฺญสํ อรหตฺตมโคฺค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติฯ กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตาฯ เตสญฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมโคฺค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติโสฺส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิญฺญา, กสฺสจิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมิญาณํฯ ปเจฺจกพุทฺธานมฺปิ ปเจฺจกโพธิญาณเมว เทติ, พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺติํ เทติ อภิเสโก วิย รโญฺญ สพฺพโลกิสฺสรภาวํฯ ตสฺมา อญฺญสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติฯ อภิสมฺพุโทฺธติ อพฺภญฺญาสิํ ปฎิวิชฺฌิํ, ปโตฺตมฺหิ อธิคโตมฺหีติ วุตฺตํ โหติฯ

    ‘‘Jeṭṭho’’tissa, bho gotama, vacanīyoti, bho gotama, so jeṭṭho iti assa vacanīyo. Kasmāti ce? So hi nesaṃ jeṭṭhoti, yasmā so nesaṃ vuddhataroti attho. Athassa bhagavā opammaṃ sampaṭipādento evameva khoti āha, yathā so kukkuṭapotako, evaṃ ahampi. Avijjāgatāyapajāyāti avijjā vuccati aññāṇaṃ, tattha gatāya. Pajāyāti sattadhivacanametaṃ, avijjākosassa anto paviṭṭhesu sattesūpi vuttaṃ hoti. Aṇḍabhūtāyāti aṇḍe bhūtāya pajātāya sañjātāya. Yathā hi aṇḍe nibbattā ekacce sattā aṇḍabhūtāti vuccanti, evamayaṃ sabbāpi pajā avijjaṇḍakose nibbattattā aṇḍabhūtāti vuccati. Pariyonaddhāyāti tena avijjaṇḍakosena samantato onaddhāya baddhāya veṭhitāya. Avijjaṇḍakosaṃ padāletvāti taṃ avijjāmayaṃ aṇḍakosaṃ bhinditvā. Ekova loketi sakalepi lokasannivāse ahameva eko adutiyo. Anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti uttararahitaṃ sabbaseṭṭhaṃ sammā sāmañca bodhiṃ, atha vā pasatthaṃ sundarañca bodhiṃ. Arahattamaggañāṇassetaṃ nāmaṃ, sabbaññutaññāṇassāpi nāmameva. Ubhayampi vaṭṭati. Aññesaṃ arahattamaggo anuttarā bodhi hoti, na hotīti? Na hoti. Kasmā? Asabbaguṇadāyakattā. Tesañhi kassaci arahattamaggo arahattaphalameva deti, kassaci tisso vijjā, kassaci cha abhiññā, kassaci catasso paṭisambhidā, kassaci sāvakapāramiñāṇaṃ. Paccekabuddhānampi paccekabodhiñāṇameva deti, buddhānaṃ pana sabbaguṇasampattiṃ deti abhiseko viya rañño sabbalokissarabhāvaṃ. Tasmā aññassa kassacipi anuttarā bodhi na hotīti. Abhisambuddhoti abbhaññāsiṃ paṭivijjhiṃ, pattomhi adhigatomhīti vuttaṃ hoti.

    อิทานิ ยเทตํ ภควตา ‘‘เอวเมว โข’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ โอปมฺมสมฺปฎิปาทนํ, ตํ เอวํ อเตฺถน สํสนฺทิตฺวา เวทิตพฺพํ – ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฎิยา อตฺตโน อเณฺฑสุ อธิสยนาทิติวิธกิริยากรณํ, เอวํ โพธิปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต อตฺตโน สนฺตาเน อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตาติ ติวิธานุปสฺสนากรณํฯ กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยาสมฺปาทเนน อณฺฑานํ อปูติภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาญาณสฺส อปริหานิฯ กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑานํ อลฺลสิเนหปริยาทานํ วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน ภวตฺตยานุคตนิกนฺติสิเนหปริยาทานํฯ กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑกปาลานํ ตนุภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฎโปตกสฺส ปาทนขตุณฺฑกานํ ถทฺธขรภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาญาณสฺส ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวฯ กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฎโปตกสฺส ปริณามกาโล วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาญาณสฺส ปริณามกาโล วฑฺฒิกาโล คพฺภคฺคหณกาโลฯ กุกฺกุฎิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฎโปตกสฺส ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปเกฺข ปโปฺผเฎตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิทากาโล วิย ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาญาณคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา อนุปุพฺพาธิคเตน อรหตฺตมเคฺคน อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภิญฺญาปเกฺข ปโปฺผเฎตฺวา โสตฺถินา สกลพุทฺธคุณสจฺฉิกตกาโล เวทิตโพฺพฯ

    Idāni yadetaṃ bhagavatā ‘‘evameva kho’’tiādinā nayena vuttaṃ opammasampaṭipādanaṃ, taṃ evaṃ atthena saṃsanditvā veditabbaṃ – yathā hi tassā kukkuṭiyā attano aṇḍesu adhisayanāditividhakiriyākaraṇaṃ, evaṃ bodhipallaṅke nisinnassa bodhisattabhūtassa bhagavato attano santāne aniccaṃ, dukkhaṃ, anattāti tividhānupassanākaraṇaṃ. Kukkuṭiyā tividhakiriyāsampādanena aṇḍānaṃ apūtibhāvo viya bodhisattabhūtassa bhagavato tividhānupassanāsampādanena vipassanāñāṇassa aparihāni. Kukkuṭiyā tividhakiriyākaraṇena aṇḍānaṃ allasinehapariyādānaṃ viya bodhisattabhūtassa bhagavato tividhānupassanāsampādanena bhavattayānugatanikantisinehapariyādānaṃ. Kukkuṭiyā tividhakiriyākaraṇena aṇḍakapālānaṃ tanubhāvo viya bodhisattabhūtassa bhagavato tividhānupassanāsampādanena avijjaṇḍakosassa tanubhāvo, kukkuṭiyā tividhakiriyākaraṇena kukkuṭapotakassa pādanakhatuṇḍakānaṃ thaddhakharabhāvo viya bodhisattabhūtassa bhagavato tividhānupassanāsampādanena vipassanāñāṇassa tikkhakharavippasannasūrabhāvo. Kukkuṭiyā tividhakiriyākaraṇena kukkuṭapotakassa pariṇāmakālo viya bodhisattabhūtassa bhagavato tividhānupassanāsampādanena vipassanāñāṇassa pariṇāmakālo vaḍḍhikālo gabbhaggahaṇakālo. Kukkuṭiyā tividhakiriyākaraṇena kukkuṭapotakassa pādanakhasikhāya vā mukhatuṇḍakena vā aṇḍakosaṃ padāletvā pakkhe papphoṭetvā sotthinā abhinibbhidākālo viya bhagavato tividhānupassanāsampādanena vipassanāñāṇagabbhaṃ gaṇhāpetvā anupubbādhigatena arahattamaggena avijjaṇḍakosaṃ padāletvā abhiññāpakkhe papphoṭetvā sotthinā sakalabuddhaguṇasacchikatakālo veditabbo.

    อหญฺหิ, พฺราหฺมณ, เชโฎฺฐ เสโฎฺฐ โลกสฺสาติ, พฺราหฺมณ, ยถา เตสํ กุกฺกุฎโปตกานํ ปฐมตรํ อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภินิพฺพโตฺต กุกฺกุฎโปตโก เชโฎฺฐ โหติ, เอวํ อวิชฺชาคตาย ปชาย ตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปฐมตรํ อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา อหญฺหิ เชโฎฺฐ วุทฺธตโมติ สงฺขํ คโต, สพฺพคุเณหิ ปน อปฺปฎิสมตฺตา เสโฎฺฐติฯ

    Ahañhi, brāhmaṇa, jeṭṭho seṭṭho lokassāti, brāhmaṇa, yathā tesaṃ kukkuṭapotakānaṃ paṭhamataraṃ aṇḍakosaṃ padāletvā abhinibbatto kukkuṭapotako jeṭṭho hoti, evaṃ avijjāgatāya pajāya taṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā paṭhamataraṃ ariyāya jātiyā jātattā ahañhi jeṭṭho vuddhatamoti saṅkhaṃ gato, sabbaguṇehi pana appaṭisamattā seṭṭhoti.

    เอวํ ภควา อตฺตโน อนุตฺตรํ เชฎฺฐเสฎฺฐภาวํ พฺราหฺมณสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยาย ปฎิปทาย ตํ อธิคโต, ตํ ปฎิปทํ ปุพฺพภาคโต ปภุติ ทเสฺสตุํ อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ อโหสีติ, พฺราหฺมณ, น มยา อยํ อนุตฺตโร เชฎฺฐเสฎฺฐภาโว กุสีเตน มุฎฺฐสฺสตินา สารทฺธกาเยน วิกฺขิตฺตจิเตน อธิคโต, อปิจ โข ตทธิคมาย อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อโหสิฯ โพธิมเณฺฑ นิสิเนฺนน มยา จตุสมฺมปฺปธานเภทํ วีริยํ อารทฺธํ อโหสิ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺติตํฯ อารทฺธตฺตาเยว จ เม ตํ อสลฺลีนํ อโหสิ ฯ น เกวลญฺจ วีริยเมว, สติปิ เม อารมฺมณาภิมุขภาเวน อุปฎฺฐิตา อโหสิ, อุปฎฺฐิตตฺตาเยว จ อสมฺมุฎฺฐาฯ ปสฺสโทฺธ กาโย อสารโทฺธติ กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสน กาโยปิ เม ปสฺสโทฺธ อโหสิฯ ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสเทฺธ รูปกาโยปิ ปสฺสโทฺธเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย รูปกาโย’’ติ อวิเสเสตฺวาว ‘‘ปสฺสโทฺธ กาโย’’ติ วุตฺตํฯ อสารโทฺธติ โส จ โข ปสฺสทฺธตฺตาเยว อสารโทฺธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ ฯ สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิ เม สมฺมา อาหิตํ สุฎฺฐุ ฐปิตํ อปฺปิตํ วิย อโหสิ, สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนนฺติฯ เอตฺตาวตา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทา กถิตา โหติฯ

    Evaṃ bhagavā attano anuttaraṃ jeṭṭhaseṭṭhabhāvaṃ brāhmaṇassa pakāsetvā idāni yāya paṭipadāya taṃ adhigato, taṃ paṭipadaṃ pubbabhāgato pabhuti dassetuṃ āraddhaṃ kho pana me, brāhmaṇātiādimāha. Tattha āraddhaṃ kho pana me, brāhmaṇa, vīriyaṃ ahosīti, brāhmaṇa, na mayā ayaṃ anuttaro jeṭṭhaseṭṭhabhāvo kusītena muṭṭhassatinā sāraddhakāyena vikkhittacitena adhigato, apica kho tadadhigamāya āraddhaṃ kho pana me vīriyaṃ ahosi. Bodhimaṇḍe nisinnena mayā catusammappadhānabhedaṃ vīriyaṃ āraddhaṃ ahosi, paggahitaṃ asithilappavattitaṃ. Āraddhattāyeva ca me taṃ asallīnaṃ ahosi . Na kevalañca vīriyameva, satipi me ārammaṇābhimukhabhāvena upaṭṭhitā ahosi, upaṭṭhitattāyeva ca asammuṭṭhā. Passaddho kāyo asāraddhoti kāyacittappassaddhivasena kāyopi me passaddho ahosi. Tattha yasmā nāmakāye passaddhe rūpakāyopi passaddhoyeva hoti, tasmā ‘‘nāmakāyo rūpakāyo’’ti avisesetvāva ‘‘passaddho kāyo’’ti vuttaṃ. Asāraddhoti so ca kho passaddhattāyeva asāraddho, vigatadarathoti vuttaṃ hoti . Samāhitaṃ cittaṃ ekagganti cittampi me sammā āhitaṃ suṭṭhu ṭhapitaṃ appitaṃ viya ahosi, samāhitattā eva ca ekaggaṃ acalaṃ nipphandananti. Ettāvatā jhānassa pubbabhāgapaṭipadā kathitā hoti.

    อิทานิ อิมาย ปฎิปทาย อธิคตํ ปฐมชฺฌานํ อาทิํ กตฺวา วิชฺชาตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทเสฺสโนฺต โส โข อหนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ ยาว วินิจฺฉยนเยน วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๙) วุตฺตเมวฯ

    Idāni imāya paṭipadāya adhigataṃ paṭhamajjhānaṃ ādiṃ katvā vijjāttayapariyosānaṃ visesaṃ dassento so kho ahantiādimāha. Tattha yaṃ yāva vinicchayanayena vattabbaṃ siyā, taṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.69) vuttameva.

    อยํ โข เม, พฺราหฺมณาติอาทีสุ ปน วิชฺชาติ วิทิตกรณเฎฺฐน วิชฺชาฯ กิํ วิทิตํ กโรติ ? ปุเพฺพนิวาสํฯ อวิชฺชาติ ตเสฺสว ปุเพฺพนิวาสสฺส อวิทิตกรณเฎฺฐน ตปฺปฎิจฺฉาทกโมโหฯ ตโมติ เสฺวว โมโห ตปฺปฎิจฺฉาทกเฎฺฐน ตโม นามฯ อาโลโกติ สา เอว วิชฺชา โอภาสกรณเฎฺฐน อาโลโกติฯ เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อโตฺถ, เสสํ ปสํสาวจนํฯ โยชนา ปเนตฺถ – อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฎฺฐาติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาฯ เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยฯ ยถา ตนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํฯ สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส วีริยาตาเปน อาตาปิโน กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขาตาย ปหิตตฺตสฺส เปสิตตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหเญฺญยฺย, วิชฺชา อุปฺปเชฺชยฺย ตโม วิหเญฺญยฺย, อาโลโก อุปฺปเชฺชยฺย, เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺนฯ เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธนฺติฯ

    Ayaṃ kho me, brāhmaṇātiādīsu pana vijjāti viditakaraṇaṭṭhena vijjā. Kiṃ viditaṃ karoti ? Pubbenivāsaṃ. Avijjāti tasseva pubbenivāsassa aviditakaraṇaṭṭhena tappaṭicchādakamoho. Tamoti sveva moho tappaṭicchādakaṭṭhena tamo nāma. Ālokoti sā eva vijjā obhāsakaraṇaṭṭhena ālokoti. Ettha ca vijjā adhigatāti attho, sesaṃ pasaṃsāvacanaṃ. Yojanā panettha – ayaṃ kho me vijjā adhigatā, tassa me adhigatavijjassa avijjā vihatā, vinaṭṭhāti attho. Kasmā? Yasmā vijjā uppannā. Esa nayo itarasmimpi padadvaye. Yathā tanti ettha tanti nipātamattaṃ. Satiyā avippavāsena appamattassa vīriyātāpena ātāpino kāye ca jīvite ca anapekkhātāya pahitattassa pesitattassāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avijjā vihaññeyya, vijjā uppajjeyya tamo vihaññeyya, āloko uppajjeyya, evameva mama avijjā vihatā, vijjā uppannā, tamo vihato, āloko uppanno. Etassa me padhānānuyogassa anurūpameva phalaṃ laddhanti.

    อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ปฐมา อภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฎจฺฉาปกเสฺสว อณฺฑโกสมฺหาติ อยํ โข มม, พฺราหฺมณ, ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณมุขตุณฺฑเกน ปุเพฺพ นิวุตฺถขนฺธปฺปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปฐมา อภินิพฺภิทา ปฐมา นิกฺขนฺติ ปฐมา อริยาชาติ อโหสิ กุกฺกุฎจฺฉาปกเสฺสว มุขตุณฺฑเกน วา ํ ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฎนิกาเย ปจฺจาชาตีติฯ อยํ ตาว ปุเพฺพนิวาสกถายํ นโยฯ

    Ayaṃ kho me, brāhmaṇa, paṭhamā abhinibbhidā ahosi kukkuṭacchāpakasseva aṇḍakosamhāti ayaṃ kho mama, brāhmaṇa, pubbenivāsānussatiñāṇamukhatuṇḍakena pubbe nivutthakhandhappaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā paṭhamā abhinibbhidā paṭhamā nikkhanti paṭhamā ariyājāti ahosi kukkuṭacchāpakasseva mukhatuṇḍakena vā ṃ pādanakhasikhāya vā aṇḍakosaṃ padāletvā tamhā aṇḍakosamhā abhinibbhidā nikkhanti kukkuṭanikāye paccājātīti. Ayaṃ tāva pubbenivāsakathāyaṃ nayo.

    จุตุปปาตกถาย ปน วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุญาณวิชฺชาฯ อวิชฺชาติ จุตุปปาตปฺปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชาฯ ยถา ปน ปุเพฺพนิวาสกถายํ ‘‘ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณมุขตุณฺฑเกน ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘จุตุปปาตญาณมุขตุณฺฑเกน จุตุปปาตปฺปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Cutupapātakathāya pana vijjāti dibbacakkhuñāṇavijjā. Avijjāti cutupapātappaṭicchādikā avijjā. Yathā pana pubbenivāsakathāyaṃ ‘‘pubbenivāsānussatiñāṇamukhatuṇḍakena pubbe nivutthakkhandhappaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā’’ti vuttaṃ, evamidha ‘‘cutupapātañāṇamukhatuṇḍakena cutupapātappaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā’’ti vattabbaṃ.

    ยํ ปเนตํ ปจฺจเวกฺขณญาณปริคฺคหิตํ อาสวานํ ขยญาณาธิคมํ พฺราหฺมณสฺส ทเสฺสโนฺต อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ตติยา วิชฺชาติอาทิมาห, ตตฺถ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺควิชฺชาฯ อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฺปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชาฯ อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, ตติยา อภินิพฺภิทา อโหสีติ เอตฺถ อยํ โข มม, พฺราหฺมณ, อาสวานํ ขยญาณมุขตุณฺฑเกน จตุสจฺจปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยา อภินิพฺภิทา ตติยา นิกฺขนฺติ ตติยา อริยชาติ อโหสิ กุกฺกุฎจฺฉาปกเสฺสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฎนิกาเย ปจฺจาชาตีติฯ

    Yaṃ panetaṃ paccavekkhaṇañāṇapariggahitaṃ āsavānaṃ khayañāṇādhigamaṃ brāhmaṇassa dassento ayaṃ kho me, brāhmaṇa, tatiyā vijjātiādimāha, tattha vijjāti arahattamaggavijjā. Avijjāti catusaccappaṭicchādikā avijjā. Ayaṃ kho me, brāhmaṇa, tatiyā abhinibbhidā ahosīti ettha ayaṃ kho mama, brāhmaṇa, āsavānaṃ khayañāṇamukhatuṇḍakena catusaccapaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā tatiyā abhinibbhidā tatiyā nikkhanti tatiyā ariyajāti ahosi kukkuṭacchāpakasseva mukhatuṇḍakena vā pādanakhasikhāya vā aṇḍakosaṃ padāletvā tamhā aṇḍakosamhā abhinibbhidā nikkhanti kukkuṭanikāye paccājātīti.

    เอตฺตาวตา กิํ ทเสฺสสีติ? โส หิ, พฺราหฺมณ, กุกฺกุฎจฺฉาปโก อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตโต นิกฺขมโนฺต สกิเมว ชายติ, อหํ ปน ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา ปฐมํ ตาว ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณวิชฺชาย ชาโตฯ ตโต สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิปฺปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ทุติยํ ทิพฺพจกฺขุญาณวิชฺชาย ชาโต, ปุน จตุสจฺจปฺปฎิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยํ อาสวานํ ขยญาณวิชฺชาย ชาโตฯ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโตมฺหิฯ สา จ เม ชาติ อริยา สุปริสุทฺธาติ อิทํ ทเสฺสติฯ เอวํทเสฺสโนฺต จ ปุเพฺพนิวาสญาเณน อตีตํสญาณํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสญาณํ, อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ สเพฺพปิ สพฺพญฺญุคุเณ ปกาเสตฺวา อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฎฺฐเสฎฺฐภาวํ พฺราหฺมณสฺส ทเสฺสสิฯ

    Ettāvatā kiṃ dassesīti? So hi, brāhmaṇa, kukkuṭacchāpako aṇḍakosaṃ padāletvā tato nikkhamanto sakimeva jāyati, ahaṃ pana pubbenivutthakkhandhappaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ bhinditvā paṭhamaṃ tāva pubbenivāsānussatiñāṇavijjāya jāto. Tato sattānaṃ cutipaṭisandhippaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā dutiyaṃ dibbacakkhuñāṇavijjāya jāto, puna catusaccappaṭicchādakaṃ avijjaṇḍakosaṃ padāletvā tatiyaṃ āsavānaṃ khayañāṇavijjāya jāto. Evaṃ tīhi vijjāhi tikkhattuṃ jātomhi. Sā ca me jāti ariyā suparisuddhāti idaṃ dasseti. Evaṃdassento ca pubbenivāsañāṇena atītaṃsañāṇaṃ, dibbacakkhunā paccuppannānāgataṃsañāṇaṃ, āsavakkhayena sakalalokiyalokuttaraguṇanti evaṃ tīhi vijjāhi sabbepi sabbaññuguṇe pakāsetvā attano ariyāya jātiyā jeṭṭhaseṭṭhabhāvaṃ brāhmaṇassa dassesi.

    เอวํ วุเตฺต เวรโญฺช พฺราหฺมโณติ เอวํ ภควตา โลกานุกมฺปเกน พฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาเนน นิคุหิตเพฺพปิ อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฎฺฐเสฎฺฐภาเว วิชฺชาตฺตยปกาสิกาย ธมฺมเทสนาย วุเตฺต ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิโตฺต เวรโญฺช พฺราหฺมโณ ตํ ภควโต อริยาย ชาติยา เชฎฺฐเสฎฺฐภาวํ วิทิตฺวา ‘‘อีทิสํ นามาหํ สพฺพโลกเชฎฺฐํ สพฺพคุณสมนฺนาคตํ สพฺพญฺญุํ ‘อเญฺญสํ อภิวาทนาทิกมฺมํ น กโรตี’ติ อวจํ, ธิรตฺถุ วต, โภ, อญฺญาณ’’นฺติ อตฺตานํ ครหิตฺวา ‘‘อยํ ทานิ โลเก อริยาย ชาติยา ปุเรชาตเฎฺฐน เชโฎฺฐ, สพฺพคุเณหิ อปฺปฎิสมเฎฺฐน เสโฎฺฐ’’ติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – เชโฎฺฐ ภวํ โคตโม เสโฎฺฐ ภวํ โคตโมติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา ปุน ตํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมาติอาทิมาหฯ ตํ วุตฺตตฺถเมวาติฯ

    Evaṃ vutte verañjo brāhmaṇoti evaṃ bhagavatā lokānukampakena brāhmaṇaṃ anukampamānena niguhitabbepi attano ariyāya jātiyā jeṭṭhaseṭṭhabhāve vijjāttayapakāsikāya dhammadesanāya vutte pītivipphāraparipuṇṇagattacitto verañjo brāhmaṇo taṃ bhagavato ariyāya jātiyā jeṭṭhaseṭṭhabhāvaṃ viditvā ‘‘īdisaṃ nāmāhaṃ sabbalokajeṭṭhaṃ sabbaguṇasamannāgataṃ sabbaññuṃ ‘aññesaṃ abhivādanādikammaṃ na karotī’ti avacaṃ, dhiratthu vata, bho, aññāṇa’’nti attānaṃ garahitvā ‘‘ayaṃ dāni loke ariyāya jātiyā purejātaṭṭhena jeṭṭho, sabbaguṇehi appaṭisamaṭṭhena seṭṭho’’ti niṭṭhaṃ gantvā bhagavantaṃ etadavoca – jeṭṭho bhavaṃ gotamo seṭṭho bhavaṃ gotamoti. Evañca pana vatvā puna taṃ bhagavato dhammadesanaṃ abbhanumodamāno abhikkantaṃ bho gotamātiādimāha. Taṃ vuttatthamevāti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. เวรญฺชสุตฺตํ • 1. Verañjasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. เวรญฺชสุตฺตวณฺณนา • 1. Verañjasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact