Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๒. มหาวโคฺค

    2. Mahāvaggo

    ๑. เวรญฺชสุตฺตวณฺณนา

    1. Verañjasuttavaṇṇanā

    ๑๑. ทุติยสฺส ปฐเม เวรญฺชายํ วิหรตีติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑) เอตฺถ เวรญฺชาติ ตสฺส นครเสฺสตํ อธิวจนํ, ตสฺสํ เวรญฺชายํฯ สมีปเตฺถ ภุมฺมวจนํฯ นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ เอตฺถ นเฬรุ นาม ยโกฺขฯ ปุจิมโนฺทติ นิมฺพรุโกฺขฯ มูลนฺติ สมีปํฯ อยญฺหิ มูล-สโทฺท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติฯ ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; ปริ. ๓๒๓) อสาธารณเหตุมฺหิฯ ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๙๔) สมีเปฯ อิธ ปน สมีเป อธิเปฺปโต, ตสฺมา นเฬรุยเกฺขน อธิคฺคหิตสฺส ปุจิมนฺทสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ โส กิร ปุจิมโนฺท รมณีโย ปาสาทิโก อเนเกสํ รุกฺขานํ อาธิปจฺจํ วิย กุรุมาโน ตสฺส นครสฺส อวิทูเร คมนาคมนสมฺปเนฺน ฐาเน อโหสิฯ อถ ภควา เวรญฺชํ คนฺตฺวา ปติรูเป ฐาเน วิหรโนฺต ตสฺส รุกฺขสฺส สมีเป เหฎฺฐาภาเค วิหาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เวรญฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติฯ

    11. Dutiyassa paṭhame verañjāyaṃ viharatīti (pārā. aṭṭha. 1.1) ettha verañjāti tassa nagarassetaṃ adhivacanaṃ, tassaṃ verañjāyaṃ. Samīpatthe bhummavacanaṃ. Naḷerupucimandamūleti ettha naḷeru nāma yakkho. Pucimandoti nimbarukkho. Mūlanti samīpaṃ. Ayañhi mūla-saddo ‘‘mūlāni uddhareyya antamaso usīranāḷimattānipī’’tiādīsu (a. ni. 4.195) mūlamūle dissati. ‘‘Lobho akusalamūla’’ntiādīsu (dī. ni. 3.305; pari. 323) asādhāraṇahetumhi. ‘‘Yāva majjhanhike kāle chāyā pharati, nivāte paṇṇāni patanti, ettāvatā rukkhamūla’’ntiādīsu (pārā. 494) samīpe. Idha pana samīpe adhippeto, tasmā naḷeruyakkhena adhiggahitassa pucimandassa samīpeti evamettha attho daṭṭhabbo. So kira pucimando ramaṇīyo pāsādiko anekesaṃ rukkhānaṃ ādhipaccaṃ viya kurumāno tassa nagarassa avidūre gamanāgamanasampanne ṭhāne ahosi. Atha bhagavā verañjaṃ gantvā patirūpe ṭhāne viharanto tassa rukkhassa samīpe heṭṭhābhāge vihāsi. Tena vuttaṃ ‘‘verañjāyaṃ viharati naḷerupucimandamūle’’ti.

    ปจฺจุฎฺฐานํ (สารตฺถ. ฎี. ๑.๒) นาม อาสนา วุฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘นาสนา วุฎฺฐาตี’’ติฯ นิสินฺนาสนโต น วุฎฺฐหตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ชิเณฺณ…เป.… วโยอนุปฺปเตฺตติ อุปโยควจนํ อาสนา วุฎฺฐานกิริยาเปกฺขํ น โหติฯ ตสฺมา ‘‘ชิเณฺณ…เป.… วโยอนุปฺปเตฺต ทิสฺวา’’ติ อชฺฌาหารํ กตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อถ วา ปจฺจุคฺคมนกิริยาเปกฺขํ อุปโยควจนํ, ตสฺมา น ปจฺจุฎฺฐาตีติ อุฎฺฐาย ปจฺจุคฺคมนํ น กโรตีติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปจฺจุคฺคมนมฺปิ หิ ปจฺจุฎฺฐานนฺติ วุจฺจติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อาจริยํ ปน ทูรโตว ทิสฺวา ปจฺจุฎฺฐาย ปจฺจุคฺคมนกรณํ ปจฺจุฎฺฐานํ นามา’’ติฯ นาสนา วุฎฺฐาตีติ อิมินา ปน ปจฺจุคฺคมนาภาวสฺส อุปลกฺขณมตฺตํ ทสฺสิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิภาวเน นาม อเตฺถติ ปกติวิภาวนสงฺขาเต อเตฺถฯ น อภิวาเทติ วาติ น อภิวาเทตพฺพนฺติ วา สลฺลเกฺขตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Paccuṭṭhānaṃ (sārattha. ṭī. 1.2) nāma āsanā vuṭṭhānanti āha ‘‘nāsanā vuṭṭhātī’’ti. Nisinnāsanato na vuṭṭhahatīti attho. Ettha ca jiṇṇe…pe… vayoanuppatteti upayogavacanaṃ āsanā vuṭṭhānakiriyāpekkhaṃ na hoti. Tasmā ‘‘jiṇṇe…pe… vayoanuppatte disvā’’ti ajjhāhāraṃ katvā attho veditabbo. Atha vā paccuggamanakiriyāpekkhaṃ upayogavacanaṃ, tasmā na paccuṭṭhātīti uṭṭhāya paccuggamanaṃ na karotīti attho veditabbo. Paccuggamanampi hi paccuṭṭhānanti vuccati. Vuttañhetaṃ ‘‘ācariyaṃ pana dūratova disvā paccuṭṭhāya paccuggamanakaraṇaṃ paccuṭṭhānaṃ nāmā’’ti. Nāsanā vuṭṭhātīti iminā pana paccuggamanābhāvassa upalakkhaṇamattaṃ dassitanti daṭṭhabbaṃ. Vibhāvane nāma attheti pakativibhāvanasaṅkhāte atthe. Na abhivādeti vāti na abhivādetabbanti vā sallakkhetīti vuttaṃ hoti.

    ตํ อญฺญาณนฺติ ‘‘อยํ มม อภิวาทนาทีนิ กาตุํ อรหรูโป น โหตี’’ติ อชานนวเสน ปวตฺตํ อญฺญาณํฯ โอโลเกโนฺตติ ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, กิํ นุ โข อหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกเรยฺยํ ครุํ กเรยฺย’’นฺติอาทิสุตฺตวเสเนว (อ. นิ. ๔.๒๑) ญาณจกฺขุนา โอโลเกโนฺตฯ นิปจฺจการารหนฺติ ปณิปาตารหํฯ สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต, ชาตสมนนฺตรเมวาติ วุตฺตํ โหติฯ อุตฺตเรน มุโขติ อุตฺตรทิสาภิมุโขฯ ‘‘สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสิ’’นฺติ อิทํ –

    Taṃ aññāṇanti ‘‘ayaṃ mama abhivādanādīni kātuṃ araharūpo na hotī’’ti ajānanavasena pavattaṃ aññāṇaṃ. Olokentoti ‘‘dukkhaṃ kho agāravo viharati appatisso, kiṃ nu kho ahaṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā sakkareyyaṃ garuṃ kareyya’’ntiādisuttavaseneva (a. ni. 4.21) ñāṇacakkhunā olokento. Nipaccakārārahanti paṇipātārahaṃ. Sampatijātoti muhuttajāto, jātasamanantaramevāti vuttaṃ hoti. Uttarena mukhoti uttaradisābhimukho. ‘‘Sattapadavītihārena gantvā sakalaṃ dasasahassilokadhātuṃ olokesi’’nti idaṃ –

    ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, สมฺปติชาโต โพธิสโตฺต สเมหิ ปาเทหิ ปติฎฺฐหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ, เสตมฺหิ ฉเตฺต อนุธาริยมาเน สพฺพา ทิสา วิโลเกติ, อาสภิญฺจ วาจํ ภาสตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑) –

    ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, sampatijāto bodhisatto samehi pādehi patiṭṭhahitvā uttarābhimukho sattapadavītihārena gacchati, setamhi chatte anudhāriyamāne sabbā disā viloketi, āsabhiñca vācaṃ bhāsatī’’ti (dī. ni. 2.31) –

    เอวํ ปาฬิยํ สตฺตปทวีติหารุปริ ฐิตสฺส วิย สพฺพาทิสานุโลกนสฺส กถิตตฺตา วุตฺตํ, น ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํ สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตาฯ มหาสโตฺต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํฯ ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา, ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุเมฺหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุฯ เอวํ จตโสฺส ทิสา, จตโสฺส อนุทิสา, เหฎฺฐา, อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตโน สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ เวทิตพฺพาฯ โอโลเกสินฺติ มม ปุญฺญานุภาเวน โลกวิวรณปาฎิหาริเย ชาเต ปญฺญายมานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ มํสจกฺขุนาว โอโลเกสินฺติ อโตฺถฯ

    Evaṃ pāḷiyaṃ sattapadavītihārupari ṭhitassa viya sabbādisānulokanassa kathitattā vuttaṃ, na panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ sattapadavītihārato pageva disāvilokanassa katattā. Mahāsatto hi manussānaṃ hatthato muccitvā puratthimaṃ disaṃ olokesi, anekāni cakkavāḷasahassāni ekaṅgaṇāni ahesuṃ. Tattha devamanussā gandhamālādīhi pūjayamānā, ‘‘mahāpurisa, idha tumhehi sadisopi natthi, kuto uttaritaro’’ti āhaṃsu. Evaṃ catasso disā, catasso anudisā, heṭṭhā, uparīti dasapi disā anuviloketvā attano sadisaṃ adisvā ‘‘ayaṃ uttaradisā’’ti sattapadavītihārena agamāsīti veditabbā. Olokesinti mama puññānubhāvena lokavivaraṇapāṭihāriye jāte paññāyamānaṃ dasasahassilokadhātuṃ maṃsacakkhunāva olokesinti attho.

    มหาปุริโสติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสาทิวเสน มหนฺตปุริโสฯ อโคฺคติ คุเณหิ สพฺพปฺปธาโนฯ เชโฎฺฐติ คุณวเสเนว สเพฺพสํ วุทฺธตโม, คุเณหิ มหลฺลกตโมติ วุตฺตํ โหติฯ เสโฎฺฐติ คุณวเสเนว สเพฺพสํ ปสตฺถตโมฯ อตฺถโต ปน ปจฺฉิมานิ เทฺว ปุริมเสฺสว เววจนานีติ เวทิตพฺพํฯ ตยาติ นิสฺสเกฺก กรณวจนํฯ อุตฺตริตโรติ อธิกตโรฯ ปติมาเนสีติ ปูเชสิฯ อาสภินฺติ อุตฺตมํฯ มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโลติ มยฺหํ อภิวาทนาทิกิริยาย อรโห อนุจฺฉวิโก ปุคฺคโลฯ นิจฺจสาเปกฺขตาย ปเนตฺถ สมาโส ทฎฺฐโพฺพฯ ตถาคตาติ ตถาคตโต, ตถาคตสฺส สนฺติกาติ วุตฺตํ โหติฯ เอวรูปนฺติ อภิวาทนาทิสภาวํฯ ปริปากสิถิลพนฺธนนฺติ ปริปาเกน สิถิลพนฺธนํฯ

    Mahāpurisoti jātigottakulappadesādivasena mahantapuriso. Aggoti guṇehi sabbappadhāno. Jeṭṭhoti guṇavaseneva sabbesaṃ vuddhatamo, guṇehi mahallakatamoti vuttaṃ hoti. Seṭṭhoti guṇavaseneva sabbesaṃ pasatthatamo. Atthato pana pacchimāni dve purimasseva vevacanānīti veditabbaṃ. Tayāti nissakke karaṇavacanaṃ. Uttaritaroti adhikataro. Patimānesīti pūjesi. Āsabhinti uttamaṃ. Mayhaṃ abhivādanādiraho puggaloti mayhaṃ abhivādanādikiriyāya araho anucchaviko puggalo. Niccasāpekkhatāya panettha samāso daṭṭhabbo. Tathāgatāti tathāgatato, tathāgatassa santikāti vuttaṃ hoti. Evarūpanti abhivādanādisabhāvaṃ. Paripākasithilabandhananti paripākena sithilabandhanaṃ.

    ตํ วจนนฺติ ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิวจนํฯ ‘‘นาหํ อรสรูโป, มาทิสา วา อรสรูปา’’ติ วุเตฺต พฺราหฺมโณ ถโทฺธ ภเวยฺยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถ’’นฺติฯ

    Taṃ vacananti ‘‘nāhaṃ taṃ brāhmaṇā’’tiādivacanaṃ. ‘‘Nāhaṃ arasarūpo, mādisā vā arasarūpā’’ti vutte brāhmaṇo thaddho bhaveyya. Tena vuttaṃ ‘‘cittamudubhāvajananattha’’nti.

    กตโม ปน โสติ ปริยายาเปโกฺข ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโส, กตโม โส ปริยาโยติ อโตฺถ? ชาติวเสนาติ ขตฺติยาทิชาติวเสนฯ อุปปตฺติวเสนาติ เทเวสุ อุปปตฺติวเสนฯ เสฎฺฐสมฺมตานมฺปีติ อปิ-สเทฺทน ปเคว อเสฎฺฐสมฺมตานนฺติ ทเสฺสติฯ อภินนฺทนฺตานนฺติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน ปโมทมานานํฯ รชฺชนฺตานนฺติ พลวราควเสน รชฺชนฺตานํฯ รูปปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหาสมฺปยุตฺตโสมนสฺสเวทนา รูปโต นิพฺพตฺติตฺวา หทยตปฺปนโต อมฺพรสาทโย วิย รูปรสาติ วุจฺจนฺติฯ อาวิญฺจนฺตีติ อากฑฺฒนฺติฯ วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยนฺติ วตฺถุอารมฺมณาทิการณสามคฺคิยํฯ อนุกฺขิปโนฺตติ อตฺตุกฺกํสนวเสน กถิเต พฺราหฺมณสฺส อสปฺปายภาวโต อตฺตานํ อนุกฺขิปโนฺต อนุกฺกํเสโนฺตฯ

    Katamo pana soti pariyāyāpekkho pulliṅganiddeso, katamo so pariyāyoti attho? Jātivasenāti khattiyādijātivasena. Upapattivasenāti devesu upapattivasena. Seṭṭhasammatānampīti api-saddena pageva aseṭṭhasammatānanti dasseti. Abhinandantānanti sappītikataṇhāvasena pamodamānānaṃ. Rajjantānanti balavarāgavasena rajjantānaṃ. Rūpaparibhogena uppannataṇhāsampayuttasomanassavedanā rūpato nibbattitvā hadayatappanato ambarasādayo viya rūparasāti vuccanti. Āviñcantīti ākaḍḍhanti. Vatthārammaṇādisāmaggiyanti vatthuārammaṇādikāraṇasāmaggiyaṃ. Anukkhipantoti attukkaṃsanavasena kathite brāhmaṇassa asappāyabhāvato attānaṃ anukkhipanto anukkaṃsento.

    เอตสฺมิํ ปนเตฺถ กรเณ สามิวจนนฺติ ‘‘ชหิตา’’ติ เอตสฺมิํ อเตฺถ ตถาคตสฺสาติ กรเณ สามิวจนํ, ตถาคเตน ชหิตาติ อโตฺถฯ มูลนฺติ ภวมูลํฯ ‘‘ตาลวตฺถุกตา’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘โอฎฺฐมุโข’’ติอาทีสุ วิย มเชฺฌปทโลปํ กตฺวา อ-การญฺจ ทีฆํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติฯ ตตฺถ ตาลสฺส วตฺถุ ตาลวตฺถุฯ ยถา อารามสฺส วตฺถุภูตปุโพฺพ ปเทโส อารามสฺส อภาเว ‘‘อารามวตฺถู’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตาลสฺส ปติฎฺฐิโตกาโส สมูลํ อุทฺธริเต ตาเล ปเทสมเตฺต ฐิเต ตาลสฺส วตฺถุภูตปุพฺพตฺตา ‘‘ตาลวตฺถู’’ติ วุจฺจติฯ เนสนฺติ รูปรสาทีนํฯ กถํ ปน ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ รูปาทิปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหายุตฺตโสมนสฺสเวทนาสงฺขาตรูปรสาทีนํ จิตฺตสนฺตานสฺส อธิฎฺฐานภาวโต วุตฺตํ ‘‘เตสํ ปุเพฺพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมเตฺต จิตฺตสนฺตาเน กเต’’ติฯ ตตฺถ ปุเพฺพติ ปุเร, สราคกาเลติ วุตฺตํ โหติฯ ตาลาวตฺถุกตาติ วุจฺจนฺตีติ ตาลวตฺถุ วิย อตฺตโน วตฺถุสฺส กตตฺตา รูปรสาทโย ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เอเตน ปหีนกิเลสานํ ปุน อุปฺปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโตฯ

    Etasmiṃ panatthe karaṇe sāmivacananti ‘‘jahitā’’ti etasmiṃ atthe tathāgatassāti karaṇe sāmivacanaṃ, tathāgatena jahitāti attho. Mūlanti bhavamūlaṃ. ‘‘Tālavatthukatā’’ti vattabbe ‘‘oṭṭhamukho’’tiādīsu viya majjhepadalopaṃ katvā a-kārañca dīghaṃ katvā ‘‘tālāvatthukatā’’ti vuttanti āha ‘‘tālavatthu viya nesaṃ vatthu katanti tālāvatthukatā’’ti. Tattha tālassa vatthu tālavatthu. Yathā ārāmassa vatthubhūtapubbo padeso ārāmassa abhāve ‘‘ārāmavatthū’’ti vuccati, evaṃ tālassa patiṭṭhitokāso samūlaṃ uddharite tāle padesamatte ṭhite tālassa vatthubhūtapubbattā ‘‘tālavatthū’’ti vuccati. Nesanti rūparasādīnaṃ. Kathaṃ pana tālavatthu viya nesaṃ vatthu katanti āha ‘‘yathā hī’’tiādi. Rūpādiparibhogena uppannataṇhāyuttasomanassavedanāsaṅkhātarūparasādīnaṃ cittasantānassa adhiṭṭhānabhāvato vuttaṃ ‘‘tesaṃ pubbe uppannapubbabhāvena vatthumatte cittasantāne kate’’ti. Tattha pubbeti pure, sarāgakāleti vuttaṃ hoti. Tālāvatthukatāti vuccantīti tālavatthu viya attano vatthussa katattā rūparasādayo ‘‘tālāvatthukatā’’ti vuccanti. Etena pahīnakilesānaṃ puna uppattiyā abhāvo dassito.

    อวิรุฬฺหิธมฺมตฺตาติ อวิรุฬฺหิสภาวตายฯ มตฺถกจฺฉิโนฺน ตาโล ปตฺตผลาทีนํ อวตฺถุภูโต ตาลาวตฺถูติ อาห ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา’’ติฯ เอเตน ‘‘ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ อยํ วิคฺคโห ทสฺสิโตฯ เอตฺถ ปน ‘‘อวตฺถุภูโต ตาโล วิย กตาติ อวตฺถุตาลกตา’’ติ วตฺตเพฺพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิมินา ปนเตฺถน อิทํ ทเสฺสติ – รูปรสาทิวจเนน วิปากธมฺมธมฺมา หุตฺวา ปุเพฺพ อุปฺปนฺนกุสลากุสลา ธมฺมา คหิตา, เต อุปฺปนฺนาปิ มตฺถกสทิสานํ ตณฺหาวิชฺชานํ มคฺคสเตฺถน ฉินฺนตฺตา อายติํ ตาลปตฺตสทิเส วิปากกฺขเนฺธ นิพฺพเตฺตตุํ อสมตฺถา ชาตา, ตสฺมา ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา รูปรสาทโยติ ฯ อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘‘อภินนฺทนฺตาน’’นฺติ อิมินา ปเทน กุสลโสมนสฺสมฺปิ สงฺคหิตนฺติ วทนฺติฯ อนภาวํ กตาติ เอตฺถ อนุ-สโทฺท ปจฺฉาสเทฺทน สมานโตฺถติ อาห ‘‘ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหตี’’ติอาทิฯ

    Aviruḷhidhammattāti aviruḷhisabhāvatāya. Matthakacchinno tālo pattaphalādīnaṃ avatthubhūto tālāvatthūti āha ‘‘matthakacchinnatālo viya katā’’ti. Etena ‘‘tālāvatthu viya katāti tālāvatthukatā’’ti ayaṃ viggaho dassito. Ettha pana ‘‘avatthubhūto tālo viya katāti avatthutālakatā’’ti vattabbe visesanassa paranipātaṃ katvā ‘‘tālāvatthukatā’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Iminā panatthena idaṃ dasseti – rūparasādivacanena vipākadhammadhammā hutvā pubbe uppannakusalākusalā dhammā gahitā, te uppannāpi matthakasadisānaṃ taṇhāvijjānaṃ maggasatthena chinnattā āyatiṃ tālapattasadise vipākakkhandhe nibbattetuṃ asamatthā jātā, tasmā tālāvatthu viya katāti tālāvatthukatā rūparasādayoti . Imasmiṃ atthe ‘‘abhinandantāna’’nti iminā padena kusalasomanassampi saṅgahitanti vadanti. Anabhāvaṃ katāti ettha anu-saddo pacchāsaddena samānatthoti āha ‘‘yathā nesaṃ pacchābhāvo na hotī’’tiādi.

    ยญฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหตีติ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตํ การณํ อรสรูปตาย วเทสิ, ตํ การณํ น โหติ, น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ นนุ จายํ พฺราหฺมโณ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตปริยายํ สนฺธาย ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ อาห, ‘‘โส ปริยาโย นตฺถี’’ติ วุเตฺต วนฺทนาทีนิ ภควา กโรตีติ อาปชฺชตีติ อิมํ อนิฎฺฐปฺปสงฺคํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘นนุ จา’’ติอาทิฯ

    Yañca kho tvaṃ sandhāya vadesi, so pariyāyo na hotīti yaṃ vandanādisāmaggirasābhāvasaṅkhātaṃ kāraṇaṃ arasarūpatāya vadesi, taṃ kāraṇaṃ na hoti, na vijjatīti attho. Nanu cāyaṃ brāhmaṇo yaṃ vandanādisāmaggirasābhāvasaṅkhātapariyāyaṃ sandhāya ‘‘arasarūpo bhavaṃ gotamo’’ti āha, ‘‘so pariyāyo natthī’’ti vutte vandanādīni bhagavā karotīti āpajjatīti imaṃ aniṭṭhappasaṅgaṃ dassento āha ‘‘nanu cā’’tiādi.

    สพฺพปริยาเยสูติ สพฺพวาเรสุฯ สนฺธายภาสิตมตฺตนฺติ ยํ สนฺธาย พฺราหฺมโณ ‘‘นิโพฺภโค ภวํ โคตโม’’ติอาทิมาหฯ ภควา จ ยํ สนฺธาย นิโพฺภคตาทิํ อตฺตนิ อนุชานาติ, ตํ สนฺธายภาสิตมตฺตํฯ ฉนฺทราคปริโภโคติ ฉนฺทราควเสน ปริโภโคฯ อปรํ ปริยายนฺติ อญฺญํ การณํฯ

    Sabbapariyāyesūti sabbavāresu. Sandhāyabhāsitamattanti yaṃ sandhāya brāhmaṇo ‘‘nibbhogo bhavaṃ gotamo’’tiādimāha. Bhagavā ca yaṃ sandhāya nibbhogatādiṃ attani anujānāti, taṃ sandhāyabhāsitamattaṃ. Chandarāgaparibhogoti chandarāgavasena paribhogo. Aparaṃ pariyāyanti aññaṃ kāraṇaṃ.

    กุลสมุทาจารกมฺมนฺติ กุลาจารสงฺขาตํ กมฺมํ, กุลจาริตฺตนฺติ อโตฺถฯ อกิริยนฺติ อกรณภาวํ ฯ ‘‘อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมาน’’นฺติ สามญฺญวจเนปิ ปาริเสสญายโต วุตฺตาวเสสา อกุสลธมฺมา คเหตพฺพาติ อาห ‘‘ฐเปตฺวา เต ธเมฺม’’ติอาทิ, เต ยถาวุตฺตกายทุจฺจริตาทิเก อกุสลธเมฺม ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ อเนกวิหิตาติ อเนกปฺปการาฯ

    Kulasamudācārakammanti kulācārasaṅkhātaṃ kammaṃ, kulacārittanti attho. Akiriyanti akaraṇabhāvaṃ . ‘‘Anekavihitānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammāna’’nti sāmaññavacanepi pārisesañāyato vuttāvasesā akusaladhammā gahetabbāti āha ‘‘ṭhapetvā te dhamme’’tiādi, te yathāvuttakāyaduccaritādike akusaladhamme ṭhapetvāti attho. Anekavihitāti anekappakārā.

    อยํ โลกตนฺตีติ อยํ วุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกิริยลกฺขณา โลกปฺปเวณีฯ อนาคามิพฺรหฺมานํ อลงฺการาทีสุ อนาคามิภิกฺขูนญฺจ จีวราทีสุ นิกนฺติวเสน ราคุปฺปตฺติ โหตีติ อนาคามิมเคฺคน ปญฺจกามคุณิกราคเสฺสว ปหานํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปญฺจกามคุณิกราคสฺสา’’ติฯ รูปาทีสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ วตฺถุกามโกฎฺฐาเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ราโค ‘‘ปญฺจกามคุณิกราโค’’ติ เวทิตโพฺพฯ โกฎฺฐาสวจโน เหตฺถ คุณ-สโทฺท ‘‘วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔) วิยฯ อกุสลจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺสาติ โทมนสฺสสหคตจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺสฯ โมหสฺส สพฺพากุสลสาธารณตฺตา อาห ‘‘สพฺพากุสลสมฺภวสฺสา’’ติฯ อวเสสานนฺติ สกฺกายทิฎฺฐิอาทีนํฯ

    Ayaṃ lokatantīti ayaṃ vuḍḍhānaṃ abhivādanādikiriyalakkhaṇā lokappaveṇī. Anāgāmibrahmānaṃ alaṅkārādīsu anāgāmibhikkhūnañca cīvarādīsu nikantivasena rāguppatti hotīti anāgāmimaggena pañcakāmaguṇikarāgasseva pahānaṃ veditabbanti āha ‘‘pañcakāmaguṇikarāgassā’’ti. Rūpādīsu pañcasu kāmaguṇesu vatthukāmakoṭṭhāsesu uppajjamāno rāgo ‘‘pañcakāmaguṇikarāgo’’ti veditabbo. Koṭṭhāsavacano hettha guṇa-saddo ‘‘vayoguṇā anupubbaṃ jahantī’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.4) viya. Akusalacittadvayasampayuttassāti domanassasahagatacittadvayasampayuttassa. Mohassa sabbākusalasādhāraṇattā āha ‘‘sabbākusalasambhavassā’’ti. Avasesānanti sakkāyadiṭṭhiādīnaṃ.

    ชิคุจฺฉติ มเญฺญติ อหมภิชาโต รูปวา ปญฺญวา กถํ นาม อเญฺญสํ อภิวาทนาทิํ กเรยฺยนฺติ ชิคุจฺฉติ วิย, ชิคุจฺฉตีติ วา สลฺลเกฺขมิฯ อกุสลธเมฺม ชิคุจฺฉมาโน เตสํ สมงฺคิภาวมฺปิ ชิคุจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา ชิคุจฺฉตี’’ติฯ สมาปตฺตีติ เอตเสฺสว เววจนํ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโวติฯ มณฺฑนชาติโกติ มณฺฑนกสภาโว, มณฺฑนกสีโลติ อโตฺถฯ เชคุจฺฉิตนฺติ ชิคุจฺฉนสีลตํฯ

    Jigucchati maññeti ahamabhijāto rūpavā paññavā kathaṃ nāma aññesaṃ abhivādanādiṃ kareyyanti jigucchati viya, jigucchatīti vā sallakkhemi. Akusaladhamme jigucchamāno tesaṃ samaṅgibhāvampi jigucchatīti vuttaṃ ‘‘akusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā jigucchatī’’ti. Samāpattīti etasseva vevacanaṃ samāpajjanā samaṅgibhāvoti. Maṇḍanajātikoti maṇḍanakasabhāvo, maṇḍanakasīloti attho. Jegucchitanti jigucchanasīlataṃ.

    โลกเชฎฺฐกกมฺมนฺติ โลกเชฎฺฐกานํ กตฺตพฺพกมฺมํ, โลเก วา เสฎฺฐสมฺมตํ กมฺมํฯ ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกเปฺปสุฯ ปทาภิหิโต อโตฺถ ปทโตฺถ, พฺยญฺชนโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ วินยํ วา อรหตีติ เอตฺถ วินยนํ วินโย, นิคฺคณฺหนนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ นนุ จ ปฐมํ วุเตฺตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกเปฺปสุ สกเตฺถ อรหเตฺถ จ ตทฺธิตปจฺจโย สทฺทลกฺขณโต ทิสฺสติ, น ปน ‘‘วินยาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ อิมสฺมิํ อเตฺถฯ ตสฺมา กถเมตฺถ ตทฺธิตปจฺจโยติ อาห ‘‘วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตี’’ติฯ วิจิตฺรตา เจตฺถ โลกปฺปมาณโต เวทิตพฺพาฯ ตถา หิ ยสฺมิํ ยสฺมิํ อเตฺถ ตทฺธิตปฺปโยโค โลกสฺส, ตตฺถ ตตฺถ ตทฺธิตวุตฺติ โลกโต สิทฺธาติ วิจิตฺรา ตทฺธิตวุตฺติ, ตสฺมา ยถา ‘‘มา สทฺทมกาสี’’ติ วทโนฺต ‘‘มาสทฺทิโก’’ติ วุจฺจติ, เอวํ วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโกติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Lokajeṭṭhakakammanti lokajeṭṭhakānaṃ kattabbakammaṃ, loke vā seṭṭhasammataṃ kammaṃ. Tatrāti tesu dvīsupi atthavikappesu. Padābhihito attho padattho, byañjanatthoti vuttaṃ hoti. Vinayaṃ vā arahatīti ettha vinayanaṃ vinayo, niggaṇhananti attho. Tenāha ‘‘niggahaṃ arahatīti vuttaṃ hotī’’ti. Nanu ca paṭhamaṃ vuttesu dvīsupi atthavikappesu sakatthe arahatthe ca taddhitapaccayo saddalakkhaṇato dissati, na pana ‘‘vinayāya dhammaṃ desetī’’ti imasmiṃ atthe. Tasmā kathamettha taddhitapaccayoti āha ‘‘vicitrā hi taddhitavuttī’’ti. Vicitratā cettha lokappamāṇato veditabbā. Tathā hi yasmiṃ yasmiṃ atthe taddhitappayogo lokassa, tattha tattha taddhitavutti lokato siddhāti vicitrā taddhitavutti, tasmā yathā ‘‘mā saddamakāsī’’ti vadanto ‘‘māsaddiko’’ti vuccati, evaṃ vinayāya dhammaṃ desetīti venayikoti vuccatīti adhippāyo.

    กปณปุริโสติ คุณวิรหิตตาย ทีนมนุโสฺสฯ พฺยญฺชนานิ อวิจาเรตฺวาติ ติสฺสทตฺตาทิสเทฺทสุ วิย ‘‘อิมสฺมิํ อเตฺถ อยํ นาม ปจฺจโย’’ติ เอวํ พฺยญฺชนวิจารํ อกตฺวา, อนิปฺผนฺนปาฎิปทิกวเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Kapaṇapurisoti guṇavirahitatāya dīnamanusso. Byañjanāni avicāretvāti tissadattādisaddesu viya ‘‘imasmiṃ atthe ayaṃ nāma paccayo’’ti evaṃ byañjanavicāraṃ akatvā, anipphannapāṭipadikavasenāti vuttaṃ hoti.

    ‘‘เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา’’ติ วตฺวาปิ ฐเปตฺวา ภุมฺมเทเว เสสเทเวสุ คพฺภคฺคหณสฺส อภาวโต ปฎิสนฺธิเยเวตฺถ คพฺภสมฺปตฺตีติ เวทิตพฺพาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เทวโลกปฎิสนฺธิปฎิลาภาย สํวตฺตตี’’ติฯ อสฺสาติ อภิวาทนาทิสามีจิกมฺมสฺสฯ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทเสฺสโนฺตติ มาติโต อปริสุทฺธภาวํ ทเสฺสโนฺต, อโกฺกสิตุกามสฺส ทาสิยา ปุโตฺตติ ทาสิกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตภาเว โทสํ ทเสฺสตฺวา อโกฺกสนํ วิย ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทเสฺสตฺวา อโกฺกสโนฺตปิ เอวมาหาติ อธิปฺปาโยฯ คพฺภโตติ เทวโลกปฺปฎิสนฺธิโตฯ เตเนวาห ‘‘อภโพฺพ เทวโลกูปปตฺติํ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโย’’ติฯ ‘‘หีโน วา คโพฺภ อสฺสาติ อปคโพฺภ’’ติ อิมสฺส วิคฺคหสฺส เอเกน ปริยาเยน อธิปฺปายํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายติํ หีนคพฺภปฎิลาภภาคี’’ติฯ อิติ-สโทฺท เหตุอโตฺถฯ ยสฺมา อายติมฺปิ หีนคพฺภปฎิลาภภาคี, ตสฺมา หีโน วา คโพฺภ อสฺสาติ อปคโพฺภติ อธิปฺปาโยฯ ปุน ตเสฺสว วิคฺคหสฺส ‘‘โกธวเสน…เป.… ทเสฺสโนฺต’’ติ เหฎฺฐา วุตฺตนยสฺส อนุรูปํ กตฺวา อธิปฺปายํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมิํ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย’’ติฯ คพฺภ-สโทฺท อตฺถิ มาตุกุจฺฉิปริยาโย ‘‘คเพฺภ วสติ มาณโว’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) วิยฯ อตฺถิ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺตสตฺตปริยาโย ‘‘อนฺตมโส คพฺภปาตนํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๙) วิยฯ ตตฺถ มาตุกุจฺฉิปริยายํ คเหตฺวา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อนาคเต คพฺภเสยฺยา’’ติฯ คเพฺภ เสยฺยา คพฺภเสยฺยาฯ อนุตฺตเรน มเคฺคนาติ อคฺคมเคฺคนฯ กมฺมกิเลสานํ มเคฺคน วิหตตฺตา อาห ‘‘วิหตการณตฺตา’’ติฯ อิตรา ติโสฺสปีติ อณฺฑชสํเสทชโอปปาติกาฯ เอตฺถ จ ยทิปิ ‘‘อปคโพฺภ’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต คพฺภเสยฺยา เอว วตฺตพฺพา, ปสงฺคโต ปน ลพฺภมานํ สพฺพมฺปิ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติปิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    ‘‘Devalokagabbhasampattiyā’’ti vatvāpi ṭhapetvā bhummadeve sesadevesu gabbhaggahaṇassa abhāvato paṭisandhiyevettha gabbhasampattīti veditabbāti vuttamevatthaṃ vivaritvā dassento āha ‘‘devalokapaṭisandhipaṭilābhāya saṃvattatī’’ti. Assāti abhivādanādisāmīcikammassa. Mātukucchismiṃpaṭisandhiggahaṇe dosaṃ dassentoti mātito aparisuddhabhāvaṃ dassento, akkositukāmassa dāsiyā puttoti dāsikucchimhi nibbattabhāve dosaṃ dassetvā akkosanaṃ viya bhagavato mātukucchismiṃ paṭisandhiggahaṇe dosaṃ dassetvā akkosantopi evamāhāti adhippāyo. Gabbhatoti devalokappaṭisandhito. Tenevāha ‘‘abhabbo devalokūpapattiṃ pāpuṇitunti adhippāyo’’ti. ‘‘Hīno vā gabbho assāti apagabbho’’ti imassa viggahassa ekena pariyāyena adhippāyaṃ dassento āha ‘‘devalokagabbhaparibāhirattā āyatiṃ hīnagabbhapaṭilābhabhāgī’’ti. Iti-saddo hetuattho. Yasmā āyatimpi hīnagabbhapaṭilābhabhāgī, tasmā hīno vā gabbho assāti apagabbhoti adhippāyo. Puna tasseva viggahassa ‘‘kodhavasena…pe… dassento’’ti heṭṭhā vuttanayassa anurūpaṃ katvā adhippāyaṃ dassento āha ‘‘hīno vāssa mātukucchismiṃ gabbhavāso ahosīti adhippāyo’’ti. Gabbha-saddo atthi mātukucchipariyāyo ‘‘gabbhe vasati māṇavo’’tiādīsu (jā. 1.15.363) viya. Atthi mātukucchismiṃ nibbattasattapariyāyo ‘‘antamaso gabbhapātanaṃ upādāyā’’tiādīsu (mahāva. 129) viya. Tattha mātukucchipariyāyaṃ gahetvā atthaṃ dassento āha ‘‘anāgate gabbhaseyyā’’ti. Gabbhe seyyā gabbhaseyyā. Anuttarena maggenāti aggamaggena. Kammakilesānaṃ maggena vihatattā āha ‘‘vihatakāraṇattā’’ti. Itarā tissopīti aṇḍajasaṃsedajaopapātikā. Ettha ca yadipi ‘‘apagabbho’’ti imassa anurūpato gabbhaseyyā eva vattabbā, pasaṅgato pana labbhamānaṃ sabbampi vattuṃ vaṭṭatīti punabbhavābhinibbattipi vuttāti veditabbā.

    อิทานิ สตฺตปริยายสฺส คพฺภ-สทฺทสฺส วเสน วิคฺคหนานตฺตํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิฯ อิมสฺมิํ ปน วิกเปฺป คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ อุภยมฺปิ คพฺภเสยฺยวเสเนว วุตฺตนฺติปิ วทนฺติฯ นนุ จ ‘‘อายติํ คพฺภเสยฺยา ปหีนา’’ติ วุตฺตตฺตา คพฺภสฺส เสยฺยา เอว ปหีนา, น ปน คโพฺภติ อาปชฺชตีติ อาห ‘‘ยถา จา’’ติอาทิฯ อถ ‘‘อภินิพฺพตฺตี’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ปุนพฺภวคฺคหณํ กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘อภินิพฺพตฺติ จ นามา’’ติอาทิฯ อปุนพฺภวภูตาติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติฯ

    Idāni sattapariyāyassa gabbha-saddassa vasena viggahanānattaṃ dassento āha ‘‘apicā’’tiādi. Imasmiṃ pana vikappe gabbhaseyyā punabbhavābhinibbattīti ubhayampi gabbhaseyyavaseneva vuttantipi vadanti. Nanu ca ‘‘āyatiṃ gabbhaseyyā pahīnā’’ti vuttattā gabbhassa seyyā eva pahīnā, na pana gabbhoti āpajjatīti āha ‘‘yathā cā’’tiādi. Atha ‘‘abhinibbattī’’ti ettakameva avatvā punabbhavaggahaṇaṃ kimatthanti āha ‘‘abhinibbatti ca nāmā’’tiādi. Apunabbhavabhūtāti khaṇe khaṇe uppajjamānānaṃ dhammānaṃ abhinibbatti.

    ธมฺมธาตุนฺติ เอตฺถ ธเมฺม อนวเสเส ธาเรติ ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโว, สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปฎิวิชฺฌิตฺวาติ สจฺฉิกตฺวา, ปฎิลภิตฺวาติ อโตฺถ, ปฎิลาภเหตูติ วุตฺตํ โหติฯ เทสนาวิลาสปฺปโตฺต โหตีติ รุจิวเสน ปริวเตฺตตฺวา ทเสฺสตุํ สมตฺถตา เทสนาวิลาโส, ตํ ปโตฺต อธิคโตติ อโตฺถฯ กรุณาวิปฺผารนฺติ สพฺพสเตฺตสุ มหากรุณาย ผรณํฯ ตาทิลกฺขณเมว ปุน อุปมาย วิภาเวตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปถวีสมจิตฺตต’’นฺติฯ ยถา ปถวี สุจิอสุจินิเกฺขปเจฺฉทนเภทนาทีสุ น วิกมฺปติ, อนุโรธวิโรธํ น ปาปุณาติ, เอวํ อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ ลาภาลาภาทีสุ อนุโรธวิโรธปฺปหานโต อวิกมฺปิตจิตฺตตาย ปถวีสมจิตฺตตนฺติ อโตฺถฯ อกุปฺปธมฺมตนฺติ เอตฺถ อกุปฺปธโมฺม นาม ผลสมาปตฺตีติ เกจิ วทนฺติฯ ‘‘ปเรสุ ปน อโกฺกสเนฺตสุปิ อตฺตโน ปถวีสมจิตฺตตาย อกุปฺปนสภาวตนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ คเหตโพฺพ’’ติ อมฺหากํ ขนฺติฯ ชราย อนุสฎนฺติ ชราย ปลิเวฐิตํฯ พฺราหฺมณสฺส วุทฺธตาย อาสนฺนวุตฺติมรณนฺติ สมฺภาวนวเสน ‘‘อชฺช มริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘มหเนฺตน โข ปน อุสฺสาเหนา’’ติ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ เอวํ สญฺชาตมหุสฺสาเหนฯ อปฺปฎิสมํ ปุเรชาตภาวนฺติ อนญฺญสาธารณํ ปุเรชาตภาวํฯ นตฺถิ เอตสฺส ปฎิสโมติ อปฺปฎิสโม, ปุเรชาตภาโวฯ

    Dhammadhātunti ettha dhamme anavasese dhāreti yāthāvato upadhāretīti dhammadhātu, dhammānaṃ yathāsabhāvato avabujjhanasabhāvo, sabbaññutaññāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Paṭivijjhitvāti sacchikatvā, paṭilabhitvāti attho, paṭilābhahetūti vuttaṃ hoti. Desanāvilāsappatto hotīti rucivasena parivattetvā dassetuṃ samatthatā desanāvilāso, taṃ patto adhigatoti attho. Karuṇāvipphāranti sabbasattesu mahākaruṇāya pharaṇaṃ. Tādilakkhaṇameva puna upamāya vibhāvetvā dassento āha ‘‘pathavīsamacittata’’nti. Yathā pathavī suciasucinikkhepacchedanabhedanādīsu na vikampati, anurodhavirodhaṃ na pāpuṇāti, evaṃ iṭṭhāniṭṭhesu lābhālābhādīsu anurodhavirodhappahānato avikampitacittatāya pathavīsamacittatanti attho. Akuppadhammatanti ettha akuppadhammo nāma phalasamāpattīti keci vadanti. ‘‘Paresu pana akkosantesupi attano pathavīsamacittatāya akuppanasabhāvatanti evamettha attho gahetabbo’’ti amhākaṃ khanti. Jarāya anusaṭanti jarāya paliveṭhitaṃ. Brāhmaṇassa vuddhatāya āsannavuttimaraṇanti sambhāvanavasena ‘‘ajja maritvā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Mahantena kho pana ussāhenā’’ti sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti evaṃ sañjātamahussāhena. Appaṭisamaṃ purejātabhāvanti anaññasādhāraṇaṃ purejātabhāvaṃ. Natthi etassa paṭisamoti appaṭisamo, purejātabhāvo.

    ปเกฺข วิธุนนฺตาติ ปเตฺต จาเลนฺตาฯ นิกฺขมนฺตานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, นิกฺขเนฺตสูติ อโตฺถฯ

    Pakkhe vidhunantāti patte cālentā. Nikkhamantānanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ, nikkhantesūti attho.

    โส เชโฎฺฐ อิติ อสฺส วจนีโยติ โย ปฐมตรํ อณฺฑโกสโต นิกฺขโนฺต กุกฺกุฎโปตโก, โส เชโฎฺฐติ วจนีโย อสฺส, ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ สมฺปฎิปาเทโนฺตติ สํสเนฺทโนฺตฯ ติภูมปริยาปนฺนาปิ สตฺตา อวิชฺชาโกสสฺส อโนฺต ปวิฎฺฐา ตตฺถ ตตฺถ อปฺปหีนาย อวิชฺชาย เวฐิตตฺตาติ อาห ‘‘อวิชฺชาโกสสฺส อโนฺต ปวิเฎฺฐสุ สเตฺตสู’’ติ อณฺฑโกสนฺติ พีชกปาลํฯ โลกสนฺนิวาเสติ โลโกเยว สงฺคมฺม สมาคมฺม นิวาสนเฎฺฐน โลกสนฺนิวาโส, สตฺตนิกาโยฯ สมฺมาสโมฺพธินฺติ เอตฺถ สมฺมาติ อวิปรีตโตฺถ, สํ-สโทฺท สามนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ ตสฺมา สมฺมา อวิปรีเตนากาเรน สยเมว จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌติ ปฎิวิชฺฌตีติ สมฺมาสโมฺพธีติ มโคฺค วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘สมฺมา สามญฺจ โพธิ’’นฺติ, สมฺมา สยเมว จ พุชฺฌนกนฺติ อโตฺถฯ สมฺมาติ วา ปสตฺถวจโน, สํ-สโทฺท สุนฺทรวจโนติ อาห ‘‘อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรญฺจ โพธิ’’นฺติฯ

    So jeṭṭho iti assa vacanīyoti yo paṭhamataraṃ aṇḍakosato nikkhanto kukkuṭapotako, so jeṭṭhoti vacanīyo assa, bhaveyyāti attho. Sampaṭipādentoti saṃsandento. Tibhūmapariyāpannāpi sattā avijjākosassa anto paviṭṭhā tattha tattha appahīnāya avijjāya veṭhitattāti āha ‘‘avijjākosassa anto paviṭṭhesu sattesū’’ti aṇḍakosanti bījakapālaṃ. Lokasannivāseti lokoyeva saṅgamma samāgamma nivāsanaṭṭhena lokasannivāso, sattanikāyo. Sammāsambodhinti ettha sammāti aviparītattho, saṃ-saddo sāmanti imamatthaṃ dīpeti. Tasmā sammā aviparītenākārena sayameva cattāri saccāni bujjhati paṭivijjhatīti sammāsambodhīti maggo vuccati. Tenāha ‘‘sammā sāmañca bodhi’’nti, sammā sayameva ca bujjhanakanti attho. Sammāti vā pasatthavacano, saṃ-saddo sundaravacanoti āha ‘‘atha vā pasatthaṃ sundarañca bodhi’’nti.

    อสพฺพคุณทายกตฺตาติ สพฺพคุณานํ อทายกตฺตาฯ สพฺพคุเณ น ททาตีติ หิ อสพฺพคุณทายโก , อสมตฺถสมาโสยํ คมกตฺตา ยถา ‘‘อสูริยปสฺสานิ มุขานี’’ติฯ ติโสฺส วิชฺชาติ อุปนิสฺสยวโต สเหว อรหตฺตผเลน ติโสฺส วิชฺชา เทติฯ นนุ เจตฺถ ตีสุ วิชฺชาสุ อาสวกฺขยญาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนตฺตา กถเมตํ ยุชฺชติ ‘‘มโคฺค ติโสฺส วิชฺชา เทตี’’ติ? นายํ โทโสฯ สติปิ อาสวกฺขยญาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนภาเว อฎฺฐงฺคิเก มเคฺค สติ มคฺคญาเณน สทฺธิํ ติโสฺส วิชฺชา ปริปุณฺณา โหนฺตีติ ‘‘มโคฺค ติโสฺส วิชฺชา เทตี’’ติ วุจฺจติฯ ฉ อภิญฺญาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สาวกปารมิญาณนฺติ อคฺคสาวเกหิ ปฎิลภิตพฺพเมว โลกิยโลกุตฺตรญาณํฯ ปเจฺจกโพธิญาณนฺติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อพฺภญฺญาสินฺติ ชานิํฯ ชานนญฺจ น อนุสฺสวาทิวเสนาติ อาห ‘‘ปฎิวิชฺฌิ’’นฺติ, ปจฺจกฺขมกาสินฺติ อโตฺถฯ ปฎิเวโธปิ น ทูเร ฐิตสฺส ลกฺขณปฺปฎิเวโธ วิยาติ อาห ‘‘ปโตฺตมฺหี’’ติ, ปาปุณินฺติ อโตฺถฯ ปาปุณนญฺจ น สยํ คนฺตฺวาติ อาห ‘‘อธิคโตมฺหี’’ติ, สนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน ปฎิลภินฺติ อโตฺถฯ

    Asabbaguṇadāyakattāti sabbaguṇānaṃ adāyakattā. Sabbaguṇe na dadātīti hi asabbaguṇadāyako, asamatthasamāsoyaṃ gamakattā yathā ‘‘asūriyapassāni mukhānī’’ti. Tisso vijjāti upanissayavato saheva arahattaphalena tisso vijjā deti. Nanu cettha tīsu vijjāsu āsavakkhayañāṇassa maggapariyāpannattā kathametaṃ yujjati ‘‘maggo tisso vijjā detī’’ti? Nāyaṃ doso. Satipi āsavakkhayañāṇassa maggapariyāpannabhāve aṭṭhaṅgike magge sati maggañāṇena saddhiṃ tisso vijjā paripuṇṇā hontīti ‘‘maggo tisso vijjā detī’’ti vuccati. Cha abhiññāti etthāpi eseva nayo. Sāvakapāramiñāṇanti aggasāvakehi paṭilabhitabbameva lokiyalokuttarañāṇaṃ. Paccekabodhiñāṇanti etthāpi imināva nayena attho veditabbo. Abbhaññāsinti jāniṃ. Jānanañca na anussavādivasenāti āha ‘‘paṭivijjhi’’nti, paccakkhamakāsinti attho. Paṭivedhopi na dūre ṭhitassa lakkhaṇappaṭivedho viyāti āha ‘‘pattomhī’’ti, pāpuṇinti attho. Pāpuṇanañca na sayaṃ gantvāti āha ‘‘adhigatomhī’’ti, santāne uppādanavasena paṭilabhinti attho.

    โอปมฺมสมฺปฎิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมเยฺยน สมฺมเทว ปฎิปาทนํฯ อเตฺถนาติ อุปเมยฺยเตฺถนฯ ยถา กุกฺกุฎิยา อเณฺฑสุ ติวิธกิริยากรณํ กุกฺกุฎจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนากรณํ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฎิยา…เป.… ติวิธานุปสฺสนากรณ’’นฺติฯ ‘‘สนฺตาเน’’ติ วุตฺตตฺตา อณฺฑสทิสตา สนฺตานสฺส, พหิ นิกฺขนฺตกุกฺกุฎจฺฉาปกสทิสตา พุทฺธคุณานํ, พุทฺธคุณาติ จ อตฺถโต พุโทฺธเยว ‘‘ตถาคตสฺส โข เอตํ, วาเสฎฺฐ, อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ วจนโตฯ อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโวติ พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, ปฎิจฺฉาทนสามเญฺญน จ อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตาฯ มุทุภูตสฺสปิ ขรภาวาปตฺติ โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ถทฺธขรภาโว’’ติ วุตฺตํฯ ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวติ เอตฺถ ปริคฺคยฺหมาเนสุ สงฺขาเรสุ วิปสฺสนาญาณสฺส สมาธินฺทฺริยวเสน สุขานุปฺปเวโส ติกฺขตา, อนุปวิสิตฺวาปิ สตินฺทฺริยวเสน อนติกฺกมนโต อกุณฺฐตา ขรภาโวฯ ติโกฺขปิ หิ เอกโจฺจ สโร ลกฺขํ ปตฺวา กุโณฺฐ โหติ, น ตถา อิทํฯ สติปิ ขรภาเว สุขุมปฺปวตฺติวเสน กิเลสสมุทาจารสโงฺขภรหิตตาย สทฺธินฺทฺริยวเสน ปสนฺนภาโว, สติปิ ปสนฺนภาเว อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กิเลสปจฺจตฺถิกานํ สุฎฺฐุ อภิภวนโต วีริยินฺทฺริยวเสน สูรภาโว เวทิตโพฺพฯ เอวมิเมหิ ปกาเรหิ สงฺขารุเปกฺขาญาณเมว คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิปสฺสนาญาณสฺส ปริณามกาโลติ วิปสฺสนาย วุฎฺฐานคามินิภาวาปตฺติฯ ตทา จ สา มคฺคญาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติฯ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวาติ สงฺขารุเปกฺขาย อนนฺตรํ สิขาปฺปตฺตอนุโลมวิปสฺสนาวเสน มคฺควิชายนตฺถํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวาฯ อภิญฺญาปเกฺขติ โลกิยาภิญฺญาปเกฺขฯ โลกุตฺตราภิญฺญา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิตาฯ โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ฉาภิญฺญาปเกฺข’’ติ ลิขนฺติ, โส อปาโฐติ เวทิตโพฺพฯ

    Opammasampaṭipādananti opammatthassa upameyyena sammadeva paṭipādanaṃ. Atthenāti upameyyatthena. Yathā kukkuṭiyā aṇḍesu tividhakiriyākaraṇaṃ kukkuṭacchāpakānaṃ aṇḍakosato nikkhamanassa mūlakāraṇaṃ, evaṃ bodhisattabhūtassa bhagavato tividhānupassanākaraṇaṃ avijjaṇḍakosato nikkhamanassa mūlakāraṇanti āha ‘‘yathā hi tassā kukkuṭiyā…pe… tividhānupassanākaraṇa’’nti. ‘‘Santāne’’ti vuttattā aṇḍasadisatā santānassa, bahi nikkhantakukkuṭacchāpakasadisatā buddhaguṇānaṃ, buddhaguṇāti ca atthato buddhoyeva ‘‘tathāgatassa kho etaṃ, vāseṭṭha, adhivacanaṃ dhammakāyo itipī’’ti vacanato. Avijjaṇḍakosassa tanubhāvoti balavavipassanāvasena avijjaṇḍakosassa tanubhāvo, paṭicchādanasāmaññena ca avijjāya aṇḍakosasadisatā. Mudubhūtassapi kharabhāvāpatti hotīti tannivattanatthaṃ ‘‘thaddhakharabhāvo’’ti vuttaṃ. Tikkhakharavippasannasūrabhāvoti ettha pariggayhamānesu saṅkhāresu vipassanāñāṇassa samādhindriyavasena sukhānuppaveso tikkhatā, anupavisitvāpi satindriyavasena anatikkamanato akuṇṭhatā kharabhāvo. Tikkhopi hi ekacco saro lakkhaṃ patvā kuṇṭho hoti, na tathā idaṃ. Satipi kharabhāve sukhumappavattivasena kilesasamudācārasaṅkhobharahitatāya saddhindriyavasena pasannabhāvo, satipi pasannabhāve antarā anosakkitvā kilesapaccatthikānaṃ suṭṭhu abhibhavanato vīriyindriyavasena sūrabhāvo veditabbo. Evamimehi pakārehi saṅkhārupekkhāñāṇameva gahitanti daṭṭhabbaṃ. Vipassanāñāṇassa pariṇāmakāloti vipassanāya vuṭṭhānagāminibhāvāpatti. Tadā ca sā maggañāṇagabbhaṃ dhārentī viya hotīti āha ‘‘gabbhaggahaṇakālo’’ti. Gabbhaṃ gaṇhāpetvāti saṅkhārupekkhāya anantaraṃ sikhāppattaanulomavipassanāvasena maggavijāyanatthaṃ gabbhaṃ gaṇhāpetvā. Abhiññāpakkheti lokiyābhiññāpakkhe. Lokuttarābhiññā hi avijjaṇḍakosaṃ padālitā. Potthakesu pana katthaci ‘‘chābhiññāpakkhe’’ti likhanti, so apāṭhoti veditabbo.

    เชโฎฺฐ เสโฎฺฐติ วุทฺธตมตฺตา เชโฎฺฐ, สพฺพคุเณหิ อุตฺตมตฺตา ปสตฺถตโมติ เสโฎฺฐฯ

    Jeṭṭho seṭṭhoti vuddhatamattā jeṭṭho, sabbaguṇehi uttamattā pasatthatamoti seṭṭho.

    อิทานิ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริย’’นฺติอาทิกาย เทสนาย อนุสนฺธิํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปุพฺพภาคโต ปภุตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาคียวีริยารมฺภาทิโต ปฎฺฐายฯ มุฎฺฐสฺสตินาติ วินฎฺฐสฺสตินา, สติวิรหิเตนาติ อโตฺถฯ สารทฺธกาเยนาติ สทรถกาเยนฯ โพธิมเณฺฑติ โพธิสงฺขาตสฺส ญาณสฺส มณฺฑภาวปฺปเตฺต ฐาเนฯ โพธีติ หิ ปญฺญา วุจฺจติฯ สา เอตฺถ มณฺฑา ปสนฺนา ชาตาติ โส ปเทโส ‘‘โพธิมโณฺฑ’’ติ ปญฺญาโตฯ ปคฺคหิตนฺติ อารมฺภํ สิถิลํ อกตฺวา ทฬฺหปรกฺกมสงฺขาตุสฺสหนภาเวน คหิตํฯ เตนาห ‘‘อสิถิลปฺปวตฺติต’’นฺติฯ อสลฺลีนนฺติ อสงฺกุจิตํ โกสชฺชวเสน สโงฺกจํ อนาปนฺนํฯ อุปฎฺฐิตาติ โอคาหนสงฺขาเตน อปิลาปนภาเวน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ฐิตาฯ เตนาห ‘‘อารมฺมณาภิมุขีภาเวนา’’ติฯ สโมฺมสสฺส วิทฺธํสนวเสน ปวตฺติยา น สมฺมุฎฺฐาติ อสมฺมุฎฺฐาฯ กิญฺจาปิ จิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตเมว ปสฺสทฺธํ, กายปฺปสฺสทฺธิวเสเนว จ กาโย ปสฺสโทฺธ โหติ , ตถาปิ ยสฺมา กายปฺปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตปฺปสฺสทฺธิยา สเหว อุปฺปชฺชติ, น วินา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสนา’’ติฯ กายปฺปสฺสทฺธิยา อุภเยสมฺปิ กายานํ ปสฺสมฺภนาวหตฺตา วุตฺตํ ‘‘รูปกาโยปิ ปสฺสโทฺธเยว โหตี’’ติฯ

    Idāni ‘‘āraddhaṃ kho pana me, brāhmaṇa, vīriya’’ntiādikāya desanāya anusandhiṃ dassento āha ‘‘evaṃ bhagavā’’tiādi. Tattha pubbabhāgato pabhutīti bhāvanāya pubbabhāgīyavīriyārambhādito paṭṭhāya. Muṭṭhassatināti vinaṭṭhassatinā, sativirahitenāti attho. Sāraddhakāyenāti sadarathakāyena. Bodhimaṇḍeti bodhisaṅkhātassa ñāṇassa maṇḍabhāvappatte ṭhāne. Bodhīti hi paññā vuccati. Sā ettha maṇḍā pasannā jātāti so padeso ‘‘bodhimaṇḍo’’ti paññāto. Paggahitanti ārambhaṃ sithilaṃ akatvā daḷhaparakkamasaṅkhātussahanabhāvena gahitaṃ. Tenāha ‘‘asithilappavattita’’nti. Asallīnanti asaṅkucitaṃ kosajjavasena saṅkocaṃ anāpannaṃ. Upaṭṭhitāti ogāhanasaṅkhātena apilāpanabhāvena ārammaṇaṃ upagantvā ṭhitā. Tenāha ‘‘ārammaṇābhimukhībhāvenā’’ti. Sammosassa viddhaṃsanavasena pavattiyā na sammuṭṭhāti asammuṭṭhā. Kiñcāpi cittappassaddhivasena cittameva passaddhaṃ, kāyappassaddhivaseneva ca kāyo passaddho hoti , tathāpi yasmā kāyappassaddhi uppajjamānā cittappassaddhiyā saheva uppajjati, na vinā, tasmā vuttaṃ ‘‘kāyacittappassaddhivasenā’’ti. Kāyappassaddhiyā ubhayesampi kāyānaṃ passambhanāvahattā vuttaṃ ‘‘rūpakāyopi passaddhoyeva hotī’’ti.

    โส จ โขติ โส จ โข กาโยฯ วิคตทรโถติ วิคตกิเลสทรโถฯ นามกาเย หิ วิคตทรเถ รูปกาโยปิ วูปสนฺตทรถปริฬาโห โหติฯ สมฺมา อาหิตนฺติ นานารมฺมเณสุ วิธาวนสงฺขาตํ วิเกฺขปํ วิจฺฉินฺทิตฺวา เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ อวิกฺขิตฺตภาวาปาทเนน สมฺมเทว อาหิตํ ฐปิตํฯ เตนาห ‘‘สุฎฺฐุ ฐปิต’’นฺติอาทิฯ จิตฺตสฺส อเนกคฺคภาโว วิเกฺขปวเสน จญฺจลตา, สา สติ เอกคฺคตาย น โหตีติ อาห ‘‘เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทน’’นฺติฯ เอตฺตาวตาติ ‘‘อารทฺธํ โข ปนา’’ติอาทินา วีริยสติปสฺสทฺธิสมาธีนํ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนนฯ นนุ จ สทฺธาปญฺญานมฺปิ กิจฺจสิทฺธิ ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฎิปทาย อิจฺฉิตพฺพาติ? สจฺจํ, สา ปน นานนฺตริกภาเวน อวุตฺตสิทฺธาติ น คหิตาฯ อสติ หิ สทฺธาย วีริยารมฺภาทีนํ อสมฺภโวเยว, ปญฺญาปริคฺคเห จ เนสํ อสติ ญายารมฺภาทิภาโว น สิยา, ตถา อสลฺลีนาสโมฺมสตาทโย วีริยาทีนนฺติ อสลฺลีนตาทิคฺคหเณเนเวตฺถ ปญฺญากิจฺจสิทฺธิ คหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ฌานภาวนายํ วา สมาธิกิจฺจํ อธิกํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ สมาธิปริโยสานาว ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฎิปทา กถิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    So ca khoti so ca kho kāyo. Vigatadarathoti vigatakilesadaratho. Nāmakāye hi vigatadarathe rūpakāyopi vūpasantadarathapariḷāho hoti. Sammā āhitanti nānārammaṇesu vidhāvanasaṅkhātaṃ vikkhepaṃ vicchinditvā ekasmiṃyeva ārammaṇe avikkhittabhāvāpādanena sammadeva āhitaṃ ṭhapitaṃ. Tenāha ‘‘suṭṭhu ṭhapita’’ntiādi. Cittassa anekaggabhāvo vikkhepavasena cañcalatā, sā sati ekaggatāya na hotīti āha ‘‘ekaggaṃ acalaṃ nipphandana’’nti. Ettāvatāti ‘‘āraddhaṃ kho panā’’tiādinā vīriyasatipassaddhisamādhīnaṃ kiccasiddhidassanena. Nanu ca saddhāpaññānampi kiccasiddhi jhānassa pubbabhāgappaṭipadāya icchitabbāti? Saccaṃ, sā pana nānantarikabhāvena avuttasiddhāti na gahitā. Asati hi saddhāya vīriyārambhādīnaṃ asambhavoyeva, paññāpariggahe ca nesaṃ asati ñāyārambhādibhāvo na siyā, tathā asallīnāsammosatādayo vīriyādīnanti asallīnatādiggahaṇenevettha paññākiccasiddhi gahitāti daṭṭhabbaṃ. Jhānabhāvanāyaṃ vā samādhikiccaṃ adhikaṃ icchitabbanti dassetuṃ samādhipariyosānāva jhānassa pubbabhāgappaṭipadā kathitāti daṭṭhabbaṃ.

    อตีตภเว ขนฺธา ตปฺปฎิพทฺธานิ นามโคตฺตานิ จ สพฺพํ ปุเพฺพนิวาสํเตฺวว คหิตนฺติ อาห ‘‘กิํ วิทิตํ กโรติ? ปุเพฺพนิวาส’’นฺติฯ โมโห ปฎิจฺฉาทกเฎฺฐน ตโม วิย ตโมติ อาห ‘‘เสฺวว โมโห’’ติฯ โอภาสกรณเฎฺฐนาติ กาตพฺพโต กรณํฯ โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํฯ อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพเตฺตตพฺพเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ เสสํ ปสํสาวจนนฺติ ปฎิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต วุตฺตํฯ อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชานนเฎฺฐน วิชฺชาติ อยมฺปิ อโตฺถ ทีปิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน วิชฺชาปฎิปกฺขา อวิชฺชาฯ ปฎิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทเสฺสติฯ เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ อิมินา ‘‘ตโม วิหโต วินโฎฺฐฯ กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปโนฺน’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนเฎฺฐน วีริยํ อาตาโปติ อาห ‘‘วีริยาตาเปน อาตาปิโน’’ติ, วีริยวโตติ อโตฺถฯ เปสิตตฺตสฺสาติ ยถาธิเปฺปตตฺถสิทฺธิํ ปติ วิสฺสฎฺฐจิตฺตสฺสฯ ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตติ อญฺญสฺสปิ กสฺสจิ มาทิสสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ ปธานานุโยคสฺสาติ สมฺมปฺปธานมนุยุตฺตสฺสฯ

    Atītabhave khandhā tappaṭibaddhāni nāmagottāni ca sabbaṃ pubbenivāsaṃtveva gahitanti āha ‘‘kiṃ viditaṃ karoti? Pubbenivāsa’’nti. Moho paṭicchādakaṭṭhena tamo viya tamoti āha ‘‘sveva moho’’ti. Obhāsakaraṇaṭṭhenāti kātabbato karaṇaṃ. Obhāsova karaṇaṃ obhāsakaraṇaṃ. Attano paccayehi obhāsabhāvena nibbattetabbaṭṭhenāti attho. Sesaṃ pasaṃsāvacananti paṭipakkhavidhamanapavattivisesānaṃ bodhanato vuttaṃ. Avijjā vihatāti etena vijānanaṭṭhena vijjāti ayampi attho dīpitoti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Kasmā? Yasmā vijjā uppannā’’ti etena vijjāpaṭipakkhā avijjā. Paṭipakkhatā cassā pahātabbabhāvena vijjāya ca pahāyakabhāvenāti dasseti. Esa nayo itarasmimpi padadvayeti iminā ‘‘tamo vihato vinaṭṭho. Kasmā? Yasmā āloko uppanno’’ti imamatthaṃ atidisati. Kilesānaṃ ātāpanaparitāpanaṭṭhena vīriyaṃ ātāpoti āha ‘‘vīriyātāpena ātāpino’’ti, vīriyavatoti attho. Pesitattassāti yathādhippetatthasiddhiṃ pati vissaṭṭhacittassa. Yathā appamattassa ātāpino pahitattassa viharatoti aññassapi kassaci mādisassāti adhippāyo. Padhānānuyogassāti sammappadhānamanuyuttassa.

    ปจฺจเวกฺขณญาณปริคฺคหิตนฺติ น ปฐมทุติยญาณทฺวยาธิคมํ วิย เกวลนฺติ อธิปฺปาโยฯ ทเสฺสโนฺตติ นิคมนวเสน ทเสฺสโนฺตฯ สรูปโต หิ ปุเพฺพ ทสฺสิตเมวาติฯ

    Paccavekkhaṇañāṇapariggahitanti na paṭhamadutiyañāṇadvayādhigamaṃ viya kevalanti adhippāyo. Dassentoti nigamanavasena dassento. Sarūpato hi pubbe dassitamevāti.

    ติกฺขตฺตุํ ชาโตติ อิมินา ปน อิทํ ทเสฺสติ – ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, ปฐมวิชฺชาย ชาโตเยว ปุเรชาตสฺส สหชาตสฺส วา อภาวโต สเพฺพสํ วุโทฺธ มหลฺลโก, กิมงฺคํ ปน ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโต’’ติฯ ปุเพฺพนิวาสญาเณน อตีตํสญาณนฺติ อตีตารมฺมณสภาคตาย ตพฺภาวิภาวโต จ ปุเพฺพนิวาสญาเณน อตีตํสญาณํ ปกาเสตฺวาติ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ อตีตํสญาณนฺติ อตีตกฺขนฺธายตนธาตุสงฺขาเต อตีเต โกฎฺฐาเส อปฺปฎิหตญาณํฯ ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา ยถากมฺมูปคญาณสฺส อนาคตํสญาณสฺส จ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว อิชฺฌนโต ทิพฺพจกฺขุโน ปริภณฺฑญาณตฺตา ทิพฺพจกฺขุมฺหิเยว จ ฐิตสฺส เจโตปริยญาณสิทฺธิโต วุตฺตํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสญาณ’’นฺติฯ ตตฺถ ทิพฺพจกฺขุนาติ สปริภเณฺฑน ทิพฺพจกฺขุญาเณนฯ ปจฺจุปฺปนฺนํโส จ อนาคตํโส จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสํ, ตตฺถ ญาณํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสญาณํฯ อาสวกฺขยญาณาธิคเมเนว สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส วิย เสสาสาธารณฉญาณทสพลญาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมาทีนมฺปิ อนญฺญสาธารณานํ พุทฺธคุณานํ อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณ’’นฺติฯ เตนาห ‘‘สเพฺพปิ สพฺพญฺญุคุเณ ปกาเสตฺวา’’ติฯ

    Tikkhattuṃ jātoti iminā pana idaṃ dasseti – ‘‘ahaṃ, brāhmaṇa, paṭhamavijjāya jātoyeva purejātassa sahajātassa vā abhāvato sabbesaṃ vuddho mahallako, kimaṅgaṃ pana tīhi vijjāhi tikkhattuṃ jāto’’ti. Pubbenivāsañāṇena atītaṃsañāṇanti atītārammaṇasabhāgatāya tabbhāvibhāvato ca pubbenivāsañāṇena atītaṃsañāṇaṃ pakāsetvāti yojetabbaṃ. Tattha atītaṃsañāṇanti atītakkhandhāyatanadhātusaṅkhāte atīte koṭṭhāse appaṭihatañāṇaṃ. Dibbacakkhuñāṇassa paccuppannārammaṇattā yathākammūpagañāṇassa anāgataṃsañāṇassa ca dibbacakkhuvaseneva ijjhanato dibbacakkhuno paribhaṇḍañāṇattā dibbacakkhumhiyeva ca ṭhitassa cetopariyañāṇasiddhito vuttaṃ ‘‘dibbacakkhunā paccuppannānāgataṃsañāṇa’’nti. Tattha dibbacakkhunāti saparibhaṇḍena dibbacakkhuñāṇena. Paccuppannaṃso ca anāgataṃso ca paccuppannānāgataṃsaṃ, tattha ñāṇaṃ paccuppannānāgataṃsañāṇaṃ. Āsavakkhayañāṇādhigameneva sabbaññutaññāṇassa viya sesāsādhāraṇachañāṇadasabalañāṇaāveṇikabuddhadhammādīnampi anaññasādhāraṇānaṃ buddhaguṇānaṃ ijjhanato vuttaṃ ‘‘āsavakkhayena sakalalokiyalokuttaraguṇa’’nti. Tenāha ‘‘sabbepi sabbaññuguṇe pakāsetvā’’ti.

    ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิโตฺตติ ปีติผรเณน ปริปุณฺณกายจิโตฺตฯ อญฺญาณนฺติ อญฺญาณสฺสาติ อโตฺถฯ ธิ-สทฺทโยคโต หิ สามิอเตฺถ เอตํ อุปโยควจนํฯ เสสเมตฺถ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Pītivipphāraparipuṇṇagattacittoti pītipharaṇena paripuṇṇakāyacitto. Aññāṇanti aññāṇassāti attho. Dhi-saddayogato hi sāmiatthe etaṃ upayogavacanaṃ. Sesamettha suviññeyyameva.

    เวรญฺชสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Verañjasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. เวรญฺชสุตฺตํ • 1. Verañjasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เวรญฺชสุตฺตวณฺณนา • 1. Verañjasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact