Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๙. เวสาลีสุตฺตํ

    9. Vesālīsuttaṃ

    ๙๘๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ, อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสติฯ

    985. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Tena kho pana samayena bhagavā bhikkhūnaṃ anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati, asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsati.

    อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อฑฺฒมาสํ ปฎิสลฺลียิตุํฯ นามฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา นาสฺสุธ โกจิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนฯ

    Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘icchāmahaṃ, bhikkhave, aḍḍhamāsaṃ paṭisallīyituṃ. Nāmhi kenaci upasaṅkamitabbo, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakenā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paṭissutvā nāssudha koci bhagavantaṃ upasaṅkamati, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakena.

    อถ โข เต ภิกฺขู – ‘‘ภควา อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ , อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสตี’’ติ อเนกาการโวการํ อสุภภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เต อิมินา กาเยน อฎฺฎียมานา 1 หรายมานา ชิคุจฺฉมานา สตฺถหารกํ ปริเยสนฺติฯ ทสปิ ภิกฺขู เอกาเหน สตฺถํ อาหรนฺติ, วีสมฺปิ…เป.… ติํสมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน สตฺถํ อาหรนฺติฯ

    Atha kho te bhikkhū – ‘‘bhagavā anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati , asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsatī’’ti anekākāravokāraṃ asubhabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti. Te iminā kāyena aṭṭīyamānā 2 harāyamānā jigucchamānā satthahārakaṃ pariyesanti. Dasapi bhikkhū ekāhena satthaṃ āharanti, vīsampi…pe… tiṃsampi bhikkhū ekāhena satthaṃ āharanti.

    อถ โข ภควา ตสฺส อฑฺฒมาสสฺส อจฺจเยน ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข, อานนฺท, ตนุภูโต วิย ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติ? ‘‘ตถา หิ ปน, ภเนฺต, ‘ภควา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ , อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสตี’ติ อเนกาการโวการํ อสุภภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เต อิมินา กาเยน อฎฺฎียมานา หรายมานา ชิคุจฺฉมานา สตฺถหารกํ ปริเยสนฺติฯ ทสปิ ภิกฺขู เอกาเหน สตฺถํ อาหรนฺติ, วีสมฺปิ ภิกฺขู… ติํสมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน สตฺถํ อาหรนฺติฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา อญฺญํ ปริยายํ อาจิกฺขตุ ยถายํ ภิกฺขุสโงฺฆ อญฺญาย สณฺฐเหยฺยา’’ติฯ

    Atha kho bhagavā tassa aḍḍhamāsassa accayena paṭisallānā vuṭṭhito āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho, ānanda, tanubhūto viya bhikkhusaṅgho’’ti? ‘‘Tathā hi pana, bhante, ‘bhagavā bhikkhūnaṃ anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati , asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsatī’ti anekākāravokāraṃ asubhabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti. Te iminā kāyena aṭṭīyamānā harāyamānā jigucchamānā satthahārakaṃ pariyesanti. Dasapi bhikkhū ekāhena satthaṃ āharanti, vīsampi bhikkhū… tiṃsampi bhikkhū ekāhena satthaṃ āharanti. Sādhu, bhante, bhagavā aññaṃ pariyāyaṃ ācikkhatu yathāyaṃ bhikkhusaṅgho aññāya saṇṭhaheyyā’’ti.

    ‘‘เตนหานนฺท, ยาวติกา ภิกฺขู เวสาลิํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ยาวติกา ภิกฺขู เวสาลิํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺนิปติโต 3, ภเนฺต, ภิกฺขุสโงฺฆฯ ยสฺส ทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ

    ‘‘Tenahānanda, yāvatikā bhikkhū vesāliṃ upanissāya viharanti te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā yāvatikā bhikkhū vesāliṃ upanissāya viharanti te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sannipatito 4, bhante, bhikkhusaṅgho. Yassa dāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti.

    อถ โข ภควา เยน อุปฎฺฐานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ’’ฯ

    Atha kho bhagavā yena upaṭṭhānasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘ayampi kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi bhāvito bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti’’.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส อูหตํ รโชชลฺลํ, ตเมนํ มหาอกาลเมโฆ ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติฯ กถํ ภาวิโต จ, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ กถํ พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ?

    ‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, gimhānaṃ pacchime māse ūhataṃ rajojallaṃ, tamenaṃ mahāakālamegho ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti; evameva kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi bhāvito bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti. Kathaṃ bhāvito ca, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi kathaṃ bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti?

    ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส สโตว อสฺสสติ, สโตว ปสฺสสติ…เป.… ‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติฯ เอวํ ภาวิโต โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ เอวํ พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมตี’’ติฯ นวมํฯ

    ‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So satova assasati, satova passasati…pe… ‘paṭinissaggānupassī assasissāmī’ti sikkhati, ‘paṭinissaggānupassī passasissāmī’ti sikkhati. Evaṃ bhāvito kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi evaṃ bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasametī’’ti. Navamaṃ.







    Footnotes:
    1. อฎฺฎิยมานา (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    2. aṭṭiyamānā (sī. syā. kaṃ. pī. ka.)
    3. สนฺนิปาติโต (สี.)
    4. sannipātito (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. เวสาลีสุตฺตวณฺณนา • 9. Vesālīsuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. เวสาลีสุตฺตวณฺณนา • 9. Vesālīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact