Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๙. เวสาลีสุตฺตวณฺณนา
9. Vesālīsuttavaṇṇanā
๙๘๕. ปาการปริเกฺขปวฑฺฒเนนาติ ปาการปริเกฺขเปน ภูมิยา วฑฺฒเนนฯ ราชคหสาวตฺถิโย วิย อิทมฺปิ จ นครํ…เป.… สพฺพาการเวปุลฺลตํ ปตฺตํฯ อเนกปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยายสโทฺท การณวจโนติ อาห ‘‘อเนเกหิ การเณหี’’ติ, อยํ กาโย อวิญฺญาณโกปิ สวิญฺญาณโกปิ เอวมฺปิ อสุโภ เอวมฺปิ อสุโภติ นานาวิเธหิ การเณหีติ อโตฺถฯ อสุภาการสนฺทสฺสนปฺปวตฺตนฺติ เกสาทิวเสน ตตฺถาปิ วณฺณาทิโต อสุภาการสฺส สพฺพโส ทสฺสนวเสน ปวตฺตํฯ กายวิจฺฉนฺทนียกถนฺติ อตฺตโน ปรสฺส จ กรชกาเย วิจฺฉนฺทนุปฺปาทนกถํฯ มุตฺตํ วาติอาทินา พฺยติเรกมุเขน กายสฺส อมนุญฺญตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อาทิโต ตีหิ ปเทหิ อทสฺสนียตาย อสารกตาย จ, มเชฺฌ จตูหิ ทุคฺคนฺธตาย, อเนฺต เอเกน เลสมเตฺตนปิ มนุญฺญตาภาวมสฺส ทเสฺสติฯ อถ โขติอาทินา อนฺวยโต สรูเปเนว อมนุญฺญตาย ทสฺสนํฯ ‘‘เกสโลมาที’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘เยปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
985.Pākāraparikkhepavaḍḍhanenāti pākāraparikkhepena bhūmiyā vaḍḍhanena. Rājagahasāvatthiyo viya idampi ca nagaraṃ…pe… sabbākāravepullataṃ pattaṃ. Anekapariyāyenāti ettha pariyāyasaddo kāraṇavacanoti āha ‘‘anekehi kāraṇehī’’ti, ayaṃ kāyo aviññāṇakopi saviññāṇakopi evampi asubho evampi asubhoti nānāvidhehi kāraṇehīti attho. Asubhākārasandassanappavattanti kesādivasena tatthāpi vaṇṇādito asubhākārassa sabbaso dassanavasena pavattaṃ. Kāyavicchandanīyakathanti attano parassa ca karajakāye vicchandanuppādanakathaṃ. Muttaṃ vātiādinā byatirekamukhena kāyassa amanuññataṃ dasseti. Tattha ādito tīhi padehi adassanīyatāya asārakatāya ca, majjhe catūhi duggandhatāya, ante ekena lesamattenapi manuññatābhāvamassa dasseti. Atha khotiādinā anvayato sarūpeneva amanuññatāya dassanaṃ. ‘‘Kesalomādī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘yepī’’tiādi vuttaṃ.
วเณฺณโนฺตติ วิตฺถาเรโนฺตฯ อสุภายาติ อสุภมาติกายฯ ผาติกมฺมนฺติ พหุลีกาโรฯ กิเลสโจเรหิ อนภิภวนียตฺตา ฌานํ ‘‘จิตฺตมญฺชูส’’นฺติ วุตฺตํฯ นิสฺสายาติ ปาทกํ กตฺวาฯ
Vaṇṇentoti vitthārento. Asubhāyāti asubhamātikāya. Phātikammanti bahulīkāro. Kilesacorehi anabhibhavanīyattā jhānaṃ ‘‘cittamañjūsa’’nti vuttaṃ. Nissāyāti pādakaṃ katvā.
อปเร ปน ‘‘ตสฺมิํ กิร อทฺธมาเส น โกจิ พุทฺธเวเนโยฺย อโหสิ, ตสฺมา ภควา เอวมาห – ‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว’ติอาที’’ติ วทนฺติฯ ปเร กิราติ กิร-สโทฺท อรุจิสํสูจนโตฺถฯ เตนาห ‘‘อิทํ ปน อิจฺฉามตฺต’’นฺติฯ
Apare pana ‘‘tasmiṃ kira addhamāse na koci buddhaveneyyo ahosi, tasmā bhagavā evamāha – ‘icchāmahaṃ, bhikkhave’tiādī’’ti vadanti. Pare kirāti kira-saddo arucisaṃsūcanattho. Tenāha ‘‘idaṃ pana icchāmatta’’nti.
อเนกการณสมฺมิโสฺสติ เอตฺถ การณํ นาม กายสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฎิกูลตาวฯ สพฺพมกํสูติ ปุถุชฺชนา นาม สาวเชฺชปิ ตตฺถ อนวชฺชสญฺญิโน หุตฺวา กรณการาปนสมนุญฺญตาเภทํ สพฺพํ ปาปํ อกํสุ ฯ กามํ ทสานุสฺสติคฺคหเณเนว อานาปานสฺสติ คหิตา, สา ปน ตตฺถ สนฺนิปติตภิกฺขูสุ พหูนํ สปฺปายา สาตฺถิกา จ, ตสฺมา ปุน คหิตาฯ ตถา หิ ภควา ตเมว กมฺมฎฺฐานํ อิมสฺมิํ สุเตฺต กเถสิฯ อาหาเร ปฎิกูลสญฺญา อสุภกมฺมฎฺฐานสทิสา, จตฺตาโร ปน อารุปฺปา อาทิกมฺมิกานํ อโยคฺยาติ เตสํ อิธ อคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Anekakāraṇasammissoti ettha kāraṇaṃ nāma kāyassa asuciduggandhajegucchapaṭikūlatāva. Sabbamakaṃsūti puthujjanā nāma sāvajjepi tattha anavajjasaññino hutvā karaṇakārāpanasamanuññatābhedaṃ sabbaṃ pāpaṃ akaṃsu . Kāmaṃ dasānussatiggahaṇeneva ānāpānassati gahitā, sā pana tattha sannipatitabhikkhūsu bahūnaṃ sappāyā sātthikā ca, tasmā puna gahitā. Tathā hi bhagavā tameva kammaṭṭhānaṃ imasmiṃ sutte kathesi. Āhāre paṭikūlasaññā asubhakammaṭṭhānasadisā, cattāro pana āruppā ādikammikānaṃ ayogyāti tesaṃ idha aggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ.
เวสาลิํ อุปนิสฺสายาติ เวสาลีนครํ โคจรคามํ กตฺวาฯ มุหุเตฺตเนวาติ สตฺถริ สทฺธเมฺม จ คารเวน อุปคตภิกฺขูนํ วจนสมนนฺตรเมว อุฎฺฐหิํสูติ กตฺวา วุตฺตํฯ พุทฺธกาเล กิร ภิกฺขู ภควโต สเนฺทสํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตุํ โอหิตโสตา วิหรนฺติฯ
Vesāliṃ upanissāyāti vesālīnagaraṃ gocaragāmaṃ katvā. Muhuttenevāti satthari saddhamme ca gāravena upagatabhikkhūnaṃ vacanasamanantarameva uṭṭhahiṃsūti katvā vuttaṃ. Buddhakāle kira bhikkhū bhagavato sandesaṃ sirasā sampaṭicchituṃ ohitasotā viharanti.
อานาปานปริคฺคาหิกายาติ อสฺสาสปสฺสาเส ปริคฺคณฺหนวเสน ปวตฺตาย สติยาฯ สมฺปยุโตฺต สมาธีติ ตาย สมฺปยุตฺตอญฺญมญฺญปจฺจยภูตาย อุปฺปโนฺน สมาธิฯ อานาปานสฺสติยํ วา สมาธีติ อิมินา อุปนิสฺสยปจฺจยสภาวมฺปิ ทเสฺสติ, อุภยตฺถาปิ สหชาตาทีนํ สตฺตนฺนมฺปิ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจยภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘ยถาปฎิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ภาเวนฺตี’’ติอาทีสุ อุปฺปาทนวฑฺฒนเฎฺฐน ภาวนาติ วุจฺจตีติ ตทุภยวเสน อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภาวิโตติ อุปฺปาทิโต วฑฺฒิโต วา’’ติ อาหฯ ตตฺถ ภาวํ วิชฺชมานตํ อิโต คโตติ ภาวิโต, อุปฺปาทิโต ปฎิลทฺธมโตฺตติ อโตฺถฯ อุปฺปโนฺน ปน ลทฺธาเสวโน ภาวิโต, ปคุณภาวํ อาปาทิโต วฑฺฒิโตติ อโตฺถฯ พหุลีกโตติ พหุลํ ปวตฺติโตฯ เตน อาวชฺชนาทิวสีภาวปฺปตฺติมาหฯ โย หิ วสีภาวมาปาทิโต, โส อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตพฺพโต ปุนปฺปุนํ ปวตฺติสฺสติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ กโต’’ติฯ ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑), วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) จ เอวมาทีสุ ปฐมปเท วุโตฺต เอว-สโทฺท ทุติยาทีสุปิ วุโตฺตเยว โหติ, เอวมิธาปีติ อาห ‘‘อุภยตฺถ เอวสเทฺทน นิยโม เวทิตโพฺพ’’ติฯ อุภยตฺถ นิยเมน ลทฺธคุณํ ทเสฺสตุํ ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Ānāpānapariggāhikāyāti assāsapassāse pariggaṇhanavasena pavattāya satiyā. Sampayutto samādhīti tāya sampayuttaaññamaññapaccayabhūtāya uppanno samādhi. Ānāpānassatiyaṃ vā samādhīti iminā upanissayapaccayasabhāvampi dasseti, ubhayatthāpi sahajātādīnaṃ sattannampi paccayānaṃ vasena paccayabhāvaṃ dasseti. ‘‘Yathāpaṭipannā me sāvakā cattāro satipaṭṭhāne bhāventī’’tiādīsu uppādanavaḍḍhanaṭṭhena bhāvanāti vuccatīti tadubhayavasena atthaṃ dassento ‘‘bhāvitoti uppādito vaḍḍhito vā’’ti āha. Tattha bhāvaṃ vijjamānataṃ ito gatoti bhāvito, uppādito paṭiladdhamattoti attho. Uppanno pana laddhāsevano bhāvito, paguṇabhāvaṃ āpādito vaḍḍhitoti attho. Bahulīkatoti bahulaṃ pavattito. Tena āvajjanādivasībhāvappattimāha. Yo hi vasībhāvamāpādito, so icchiticchitakkhaṇe samāpajjitabbato punappunaṃ pavattissati. Tena vuttaṃ ‘‘punappunaṃ kato’’ti. Yathā ‘‘idheva, bhikkhave, samaṇo (ma. ni. 1.139; a. ni. 4.241), vivicceva kāmehī’’ti (dī. ni. 1.226; ma. ni. 1.271; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123) ca evamādīsu paṭhamapade vutto eva-saddo dutiyādīsupi vuttoyeva hoti, evamidhāpīti āha ‘‘ubhayattha evasaddena niyamo veditabbo’’ti. Ubhayattha niyamena laddhaguṇaṃ dassetuṃ ‘‘ayaṃ hī’’tiādi vuttaṃ.
อสุภกมฺมฎฺฐานนฺติ อสุภารมฺมณํ ฌานมาหฯ ตญฺหิ อสุเภสุ โยคกมฺมภาวโต โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต จ ‘‘อสุภกมฺมฎฺฐาน’’นฺติ วุจฺจติฯ เกวลนฺติ อิมินา อารมฺมณํ นิวเตฺตติฯ ปฎิเวธวเสนาติ ฌานปฎิเวธวเสนฯ ฌานญฺหิ ภาวนาวิเสเสน อิชฺฌนฺตํ อตฺตโน วิสยํ ปฎิวิชฺฌนฺตเมว ปวตฺตติ ยถาสภาวโต ปฎิวิชฺฌิยติ จาติ ปฎิเวโธติ วุจฺจติฯ โอฬาริการมฺมณตฺตาติ พีภจฺฉารมฺมณตฺตาฯ ปฎิกูลารมฺมณตฺตาติ ชิคุจฺฉิตพฺพารมฺมณตฺตาฯ ปริยาเยนาติ การเณน, เลสนฺตเรน วาฯ อารมฺมณสนฺตตายาติ อนุกฺกเมน วิจิตพฺพตํ ปตฺตารมฺมณสฺส ปรมสุขุมตํ สนฺธายาหฯ สเนฺตหิ สนฺนิสิเนฺน อารมฺมเณ ปวตฺตมาโน ธโมฺม สยมฺปิ สนฺนิสิโนฺนว โหติฯ เตนาห ‘‘สโนฺต วูปสโนฺต นิพฺพุโต’’ติ, นิพฺพุตสพฺพปริฬาโหติ อโตฺถฯ อารมฺมณสนฺตตาย ตทารมฺมณานํ ธมฺมานํ สนฺตตา โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณาหิ ปจฺจเวกฺขณาหิ เวทิตพฺพาฯ
Asubhakammaṭṭhānanti asubhārammaṇaṃ jhānamāha. Tañhi asubhesu yogakammabhāvato yogino sukhavisesānaṃ kāraṇabhāvato ca ‘‘asubhakammaṭṭhāna’’nti vuccati. Kevalanti iminā ārammaṇaṃ nivatteti. Paṭivedhavasenāti jhānapaṭivedhavasena. Jhānañhi bhāvanāvisesena ijjhantaṃ attano visayaṃ paṭivijjhantameva pavattati yathāsabhāvato paṭivijjhiyati cāti paṭivedhoti vuccati. Oḷārikārammaṇattāti bībhacchārammaṇattā. Paṭikūlārammaṇattāti jigucchitabbārammaṇattā. Pariyāyenāti kāraṇena, lesantarena vā. Ārammaṇasantatāyāti anukkamena vicitabbataṃ pattārammaṇassa paramasukhumataṃ sandhāyāha. Santehi sannisinne ārammaṇe pavattamāno dhammo sayampi sannisinnova hoti. Tenāha ‘‘santo vūpasanto nibbuto’’ti, nibbutasabbapariḷāhoti attho. Ārammaṇasantatāya tadārammaṇānaṃ dhammānaṃ santatā lokuttaradhammārammaṇāhi paccavekkhaṇāhi veditabbā.
นาสฺส สนฺตปณีตภาวาวหํ กิญฺจิ เสจนนฺติ อเสจนโกฯ อเสจนกตฺตา อนาสิตฺตโก, อนาสิตฺตกตฺตา เอว อโพฺพกิโณฺณ, อสมฺมิโสฺส ปริกมฺมาทินาฯ ตโต เอว ปาฎิเยโกฺก วิสุํเยเวโกฯ อาเวณิโก อสาธารโณฯ สพฺพเมตํ สรสโต เอว สนฺตภาวํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ, ปริกมฺมํ วา สนฺตภาวนิมิตฺตํฯ ปริกมฺมนฺติ จ กสิณกรณาทินิมิตฺตุปฺปาทปริโยสานํ, ตาทิสํ เอตฺถ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ ตทา หิ กมฺมฎฺฐานํ นิรสฺสาทตฺตา อสนฺตํ อปฺปณีตํ สิยาฯ อุปจาเร วา นตฺถิ เอตฺถ สนฺตตาติ โยชนาฯ ยถา อุปจารกฺขเณ นีวรณาทิวิคเมน องฺคปาตุภาเวน จ ปเรสํ สนฺตตา โหติ, น เอวมิมสฺสฯ อยํ ปน อาทิสมนฺนา…เป.… ปณีโต จาติ โยชนาฯ เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโนฯ อนาสิตฺตโกติ อุปเสจเนน อนาสิตฺตโกฯ เตนาห – ‘‘โอชวโนฺต’’ติ โอชวนฺตสทิโสติ อโตฺถฯ มธุโรติ อิโฎฺฐฯ เจตสิกสุขปฎิลาภสํวตฺตนํ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน, อุเปกฺขาย วา สนฺตภาเวน สุขคติกตฺตา สเพฺพสมฺปิ ฌานานํ วเสน เวทิตพฺพํฯ ฌานสมุฎฺฐานปณีตรูปผุฎฺฐสรีรตาวเสน ปน กายิกสุขปฎิลาภสํวตฺตนํ ทฎฺฐพฺพํ, ตญฺจ โข ฌานโต วุฎฺฐิตกาเลฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ’’ติ อิทํ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Nāssa santapaṇītabhāvāvahaṃ kiñci secananti asecanako. Asecanakattā anāsittako, anāsittakattā eva abbokiṇṇo, asammisso parikammādinā. Tato eva pāṭiyekko visuṃyeveko. Āveṇiko asādhāraṇo. Sabbametaṃ sarasato eva santabhāvaṃ dassetuṃ vuttaṃ, parikammaṃ vā santabhāvanimittaṃ. Parikammanti ca kasiṇakaraṇādinimittuppādapariyosānaṃ, tādisaṃ ettha natthīti adhippāyo. Tadā hi kammaṭṭhānaṃ nirassādattā asantaṃ appaṇītaṃ siyā. Upacāre vā natthi ettha santatāti yojanā. Yathā upacārakkhaṇe nīvaraṇādivigamena aṅgapātubhāvena ca paresaṃ santatā hoti, na evamimassa. Ayaṃ pana ādisamannā…pe… paṇīto cāti yojanā. Kecīti uttaravihāravāsino. Anāsittakoti upasecanena anāsittako. Tenāha – ‘‘ojavanto’’ti ojavantasadisoti attho. Madhuroti iṭṭho. Cetasikasukhapaṭilābhasaṃvattanaṃ tikacatukkajjhānavasena, upekkhāya vā santabhāvena sukhagatikattā sabbesampi jhānānaṃ vasena veditabbaṃ. Jhānasamuṭṭhānapaṇītarūpaphuṭṭhasarīratāvasena pana kāyikasukhapaṭilābhasaṃvattanaṃ daṭṭhabbaṃ, tañca kho jhānato vuṭṭhitakāle. Imasmiṃ pakkhe ‘‘appitappitakkhaṇe’’ti idaṃ hetumhi bhummavacanaṃ daṭṭhabbaṃ.
อวิกฺขมฺภิเตติ ฌาเนน สกสนฺตานโต อนีหเต อปฺปหีเนฯ อโกสลฺลสมฺภูเตติ อโกสลฺลํ วุจฺจติ อวิชฺชา, ตโต สมฺภูเตฯ อวิชฺชาปุพฺพงฺคมา หิ สเพฺพ ปาปธมฺมาฯ ขเณเนวาติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเนวฯ อนฺตรธาเปตีติ เอตฺถ อนฺตรธาปนํ วินาสนํ, ตํ ปน ฌานกตฺตุกํ อิธาธิเปฺปตนฺติ ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ โหตีติ อาห – ‘‘วิกฺขเมฺภตี’’ติฯ วูปสเมตีติ วิเสเสน อุปสเมติฯ วิเสเสน อุปสมนํ ปน สมฺมเทว อุปสมนํ โหตีติ อาห ‘‘สุฎฺฐุ อุปสเมตี’’ติฯ สาสนิกสฺส ฌานภาวนา เยภุเยฺยน นิเพฺพธภาคิยา โหตีติ อาห ‘‘นิเพฺพธภาคิยตฺตา’’ติฯ อริยมคฺคสฺส ปาทกภูโต อยํ สมาธิ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อริยมคฺคภาวํ อุปคโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อนุปุเพฺพน อริยมคฺควุฑฺฒิปฺปโตฺต’’ติฯ อยํ ปนโตฺถ วิราคนิโรธปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนานํ วเสน สมฺมเทว ยุชฺชติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Avikkhambhiteti jhānena sakasantānato anīhate appahīne. Akosallasambhūteti akosallaṃ vuccati avijjā, tato sambhūte. Avijjāpubbaṅgamā hi sabbe pāpadhammā. Khaṇenevāti attano pavattikkhaṇeneva. Antaradhāpetīti ettha antaradhāpanaṃ vināsanaṃ, taṃ pana jhānakattukaṃ idhādhippetanti pariyuṭṭhānappahānaṃ hotīti āha – ‘‘vikkhambhetī’’ti. Vūpasametīti visesena upasameti. Visesena upasamanaṃ pana sammadeva upasamanaṃ hotīti āha ‘‘suṭṭhu upasametī’’ti. Sāsanikassa jhānabhāvanā yebhuyyena nibbedhabhāgiyā hotīti āha ‘‘nibbedhabhāgiyattā’’ti. Ariyamaggassa pādakabhūto ayaṃ samādhi anukkamena vaḍḍhitvā ariyamaggabhāvaṃ upagato viya hotīti āha ‘‘anupubbena ariyamaggavuḍḍhippatto’’ti. Ayaṃ panattho virāganirodhapaṭinissaggānupassanānaṃ vasena sammadeva yujjati. Sesaṃ suviññeyyameva.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. เวสาลีสุตฺตํ • 9. Vesālīsuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. เวสาลีสุตฺตวณฺณนา • 9. Vesālīsuttavaṇṇanā