Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๘. เวสารชฺชสุตฺตวณฺณนา
8. Vesārajjasuttavaṇṇanā
๘. อฎฺฐเม พฺยาโมหวเสน สรณปริเยสนํ สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํฯ วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท, ตสฺส ภาโว เวสารชฺชํฯ ตํ ปน ญาณสมฺปทํ, ปหานสมฺปทํ, เทสนาวิเสสสมฺปทํ เขมญฺจ นิสฺสาย ปวตฺตํ จตุพฺพิธปจฺจเวกฺขณญาณํฯ เตนาห ‘‘จตูสุ ฐาเนสู’’ติอาทิฯ อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, เสฎฺฐฎฺฐานํฯ สพฺพญฺญุตปฎิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฎฺฐ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธาฯ อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ ฐานํ สพฺพญฺญุตเมว วทติฯ ติฎฺฐมาโนวาติ อวทโนฺตปิ ติฎฺฐมาโนว ปฎิชานาติ นามาติ อโตฺถฯ อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติฯ
8. Aṭṭhame byāmohavasena saraṇapariyesanaṃ sārajjanaṃ sārado, byāmohabhayaṃ. Vigato sārado etassāti visārado, tassa bhāvo vesārajjaṃ. Taṃ pana ñāṇasampadaṃ, pahānasampadaṃ, desanāvisesasampadaṃ khemañca nissāya pavattaṃ catubbidhapaccavekkhaṇañāṇaṃ. Tenāha ‘‘catūsu ṭhānesū’’tiādi. Usabhassa idanti āsabhaṃ, seṭṭhaṭṭhānaṃ. Sabbaññutapaṭijānanavasena abhimukhaṃ gacchanti, aṭṭha vā parisā upasaṅkamantīti āsabhā, pubbabuddhā. Idaṃ panāti buddhānaṃ ṭhānaṃ sabbaññutameva vadati. Tiṭṭhamānovāti avadantopi tiṭṭhamānova paṭijānāti nāmāti attho. Upagacchatīti anujānāti.
อฎฺฐสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ อุปสงฺกมิตา…เป.… พฺราหฺมณปริสํ คหปติปริสํ, สมณปริสํ, จาตุมหาราชิกปริสํ, ตาวติํสปริสํ, มารปริสํ, พฺรหฺมปริสํ อุปสงฺกมิตา, ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพเญฺจว สลฺลปิตปุพฺพญฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพาฯ ตตฺร วต มํ ‘ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตี’ติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) เอวํ วุตฺตปริสาสุฯ อภีตนาทํ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตญาณโยเคน วิสารโท อหนฺติ อภีตนาทํ นทติฯ สีหนาทสุเตฺตนาติ ขนฺธวเคฺค อาคเตน สีหนาทสุเตฺตนฯ
Aṭṭhasu parisāsūti ‘‘abhijānāmi kho panāhaṃ, sāriputta, anekasataṃ khattiyaparisaṃ upasaṅkamitā…pe… brāhmaṇaparisaṃ gahapatiparisaṃ, samaṇaparisaṃ, cātumahārājikaparisaṃ, tāvatiṃsaparisaṃ, māraparisaṃ, brahmaparisaṃ upasaṅkamitā, tatrapi mayā sannisinnapubbañceva sallapitapubbañca sākacchā ca samāpajjitapubbā. Tatra vata maṃ ‘bhayaṃ vā sārajjaṃ vā okkamissatī’ti nimittametaṃ, sāriputta, na samanupassāmī’’ti (ma. ni. 1.151) evaṃ vuttaparisāsu. Abhītanādaṃ nadatīti parato dassitañāṇayogena visārado ahanti abhītanādaṃ nadati. Sīhanādasuttenāti khandhavagge āgatena sīhanādasuttena.
‘‘เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) สุตฺตเสเสน สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิผลสมฺปตฺติปวตฺติ วุตฺตา, ปุริมสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิอุปนิสฺสยา ปจฺฉิมสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิสมฺปตฺติปวตฺติ วา วุตฺตาฯ อาทิ-สเทฺทน ตตฺถ จ จกฺกสทฺทสฺส คหณํ เวทิตพฺพํฯ วิจกฺกสณฺฐานา อสนิ เอว อสนิวิจกฺกํฯ อุรจกฺกาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน อาณาสมูหาทีสุปิ จกฺกสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) หิ อาณา ‘‘จกฺก’’นฺติ วุตฺตาฯ ‘‘เทวจกฺกํ อสุรจกฺก’’นฺติอาทีสุ สมูโหติฯ
‘‘Devamanussānaṃ catucakkaṃ vattatī’’ti (a. ni. 4.31) suttasesena sappurisūpanissayādiphalasampattipavatti vuttā, purimasappurisūpanissayādiupanissayā pacchimasappurisūpanissayādisampattipavatti vā vuttā. Ādi-saddena tattha ca cakkasaddassa gahaṇaṃ veditabbaṃ. Vicakkasaṇṭhānā asani eva asanivicakkaṃ. Uracakkādīsūti ādi-saddena āṇāsamūhādīsupi cakkasaddassa pavatti veditabbā. ‘‘Saṅghabhedaṃ karissāma cakkabheda’’ntiādīsu (pārā. 409; cūḷava. 343) hi āṇā ‘‘cakka’’nti vuttā. ‘‘Devacakkaṃ asuracakka’’ntiādīsu samūhoti.
ปฎิเวธนิฎฺฐตฺตา อรหตฺตมคฺคญาณํ ปฎิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปฎิลทฺธสฺสปิ เทสนาญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส พุชฺฌนมเตฺตน โหตีติ ‘‘อญฺญาสิโกณฺฑญฺญสฺส โสตาปตฺติ…เป.… ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาญาณปฺปวตฺติ ตเสฺสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ฐานนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Paṭivedhaniṭṭhattā arahattamaggañāṇaṃ paṭivedhoti ‘‘phalakkhaṇe uppannaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tena paṭiladdhassapi desanāñāṇassa kiccanipphatti parassa bujjhanamattena hotīti ‘‘aññāsikoṇḍaññassa sotāpatti…pe… phalakkhaṇe pavattaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tato paraṃ pana yāva parinibbānā desanāñāṇappavatti tasseva pavattitassa dhammacakkassa ṭhānanti veditabbaṃ.
ทสฺสิตธเมฺมสูติ วุตฺตธเมฺมสุฯ วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสเสฺสว ธมฺมสฺส อภาวโตฯ ภควโต เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุโทฺธ’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธเมฺมสุฯ ‘‘ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑) วิย ธมฺม-สโทฺท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘สหธเมฺมนาติ สเหตุนา’’ติฯ เหตูติ จ อุปปตฺติสาธนเหตุ เวทิตโพฺพ, น การโก, สมฺปาปโก วาฯ นิมิตฺตนฺติ โจทนาย การณํฯ ตตฺถ โจทโก โจทนํ กโรตีติ การณํ, ธโมฺม โจทนํ กโรติ เอเตนาติ การณํฯ เตนาห ‘‘ปุคฺคโลปี’’ติอาทิฯ เขมนฺติ เกนจิ อปฺปฎิพาหิยภาเวน อนุปทฺทุตํฯ
Dassitadhammesūti vuttadhammesu. Vacanamattameva hi tesaṃ, na pana dassanaṃ tādisasseva dhammassa abhāvato. Bhagavato eva vā ‘‘ime dhammā anabhisambuddho’’ti parassa vacanavasena dassitadhammesu. ‘‘Dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 718-721) viya dhamma-saddo hetupariyāyoti āha ‘‘sahadhammenāti sahetunā’’ti. Hetūti ca upapattisādhanahetu veditabbo, na kārako, sampāpako vā. Nimittanti codanāya kāraṇaṃ. Tattha codako codanaṃ karotīti kāraṇaṃ, dhammo codanaṃ karoti etenāti kāraṇaṃ. Tenāha ‘‘puggalopī’’tiādi. Khemanti kenaci appaṭibāhiyabhāvena anupaddutaṃ.
อนฺตราโย เอเตสํ อตฺถิ, อนฺตราเย วา นิยุตฺตาติ อนฺตรายิกาฯ เอวํภูตา ปน เต ยสฺมา อนฺตรายกรา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติฯ อสญฺจิจฺจ วีติกฺกเม นาติสาวชฺชาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สญฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา’’ติฯ สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธาติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ ตพฺภาเว พฺยภิจาราภาวโตฯ อิธ ปน เมถุนธโมฺม อธิเปฺปโตติ อิทํ อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน วุตฺตํ อริฎฺฐสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๑๗) วิยฯ ยสฺมา ตํขณมฺปิ กามานํ อาทีนวํ ทิสฺวา วิรโต โหติ เจ, วิเสสํ อธิคจฺฉติ, น กาเมสุ อาสโตฺต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมถุน…เป.…อนฺตราโย โหตี’’ติฯ ตตฺถ ยสฺส กสฺสจีติ น เกวลํ ปพฺพชิตเสฺสว, อถ โข ยสฺส กสฺสจิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เมถุนมนุยุตฺตสฺส, มุสฺสเตวาปิ สาสน’’นฺติ (สุ. นิ. ๘๒๐)ฯ
Antarāyo etesaṃ atthi, antarāye vā niyuttāti antarāyikā. Evaṃbhūtā pana te yasmā antarāyakarā nāma honti, tasmā āha ‘‘antarāyaṃ karontīti antarāyikā’’ti. Asañcicca vītikkame nātisāvajjāti katvā vuttaṃ ‘‘sañcicca vītikkantā’’ti. Satta āpattikkhandhātiādi nidassanamattaṃ itaresampi catunnaṃ ‘‘antarāyikā’’ti vuttadhammānaṃ tabbhāve byabhicārābhāvato. Idha pana methunadhammo adhippetoti idaṃ aṭṭhuppattivasena vuttaṃ ariṭṭhasikkhāpadaṃ (pāci. 417) viya. Yasmā taṃkhaṇampi kāmānaṃ ādīnavaṃ disvā virato hoti ce, visesaṃ adhigacchati, na kāmesu āsatto, tasmā vuttaṃ ‘‘methuna…pe…antarāyo hotī’’ti. Tattha yassa kassacīti na kevalaṃ pabbajitasseva, atha kho yassa kassaci. Tathā hi vuttaṃ ‘‘methunamanuyuttassa, mussatevāpi sāsana’’nti (su. ni. 820).
ตสฺมิํ อนิยฺยานิกธเมฺมติ ตสฺมิํ ปเรหิ ปริกปฺปิตอนิยฺยานิกธมฺมนิมิตฺตํฯ นิมิตฺตเตฺถ หิ อิทํ กมฺมสํโยเค ภุมฺมํฯ
Tasmiṃ aniyyānikadhammeti tasmiṃ parehi parikappitaaniyyānikadhammanimittaṃ. Nimittatthe hi idaṃ kammasaṃyoge bhummaṃ.
อุปนิพทฺธาติ วิรจิตาฯ เตนาห ‘‘อภิสงฺขตา’’ติฯ ปุถุภาวนฺติ พหุภาวํฯ ปุถูหิ วา สิตาติ พหูหิ สมณพฺราหฺมเณหิ สิตา อุปนิพทฺธาฯ
Upanibaddhāti viracitā. Tenāha ‘‘abhisaṅkhatā’’ti. Puthubhāvanti bahubhāvaṃ. Puthūhi vā sitāti bahūhi samaṇabrāhmaṇehi sitā upanibaddhā.
เวสารชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vesārajjasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. เวสารชฺชสุตฺตํ • 8. Vesārajjasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. เวสารชฺชสุตฺตวณฺณนา • 8. Vesārajjasuttavaṇṇanā