Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๒๓. เวสฺสภูพุทฺธวํสวณฺณนา

    23. Vessabhūbuddhavaṃsavaṇṇanā

    สิขิสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อปรภาเค อนฺตรหิเต ตสฺส สาสเน สตฺตติวสฺสสหสฺสายุกา มนุสฺสา อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา ทสวสฺสายุกา อเหสุํฯ ปุน วฑฺฒิตฺวา อปริมิตายุกา หุตฺวา อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา สฎฺฐิวสฺสสหสฺสายุกา อเหสุํฯ ตทา วิชิตมโนภู สพฺพโลกาภิภู สยมฺภู เวสฺสภู นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิฯ โส ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา อโนมนคเร สุปฺปตีตสฺส สุปฺปตีตสฺส นาม รโญฺญ อคฺคมเหสิยา สีลวติยา ยสวติยา นาม กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อนุปมุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ ชายมาโนว ชนํ โตเสโนฺต วสภนาทํ นทิฯ ตสฺมา วสภนาทเหตุตฺตา ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘เวสฺสภู’’ติ นามมกํสุ ฯ โส ฉพฺพสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ รุจิ-สุรุจิ-รติวฑฺฒนนามกา ตโย ปาสาทา ตสฺส อเหสุํฯ สุจิตฺตาเทวิปฺปมุขานิ ติํส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ

    Sikhissa pana sammāsambuddhassa aparabhāge antarahite tassa sāsane sattativassasahassāyukā manussā anukkamena parihāyitvā dasavassāyukā ahesuṃ. Puna vaḍḍhitvā aparimitāyukā hutvā anukkamena parihāyitvā saṭṭhivassasahassāyukā ahesuṃ. Tadā vijitamanobhū sabbalokābhibhū sayambhū vessabhū nāma satthā loke udapādi. So pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā anomanagare suppatītassa suppatītassa nāma rañño aggamahesiyā sīlavatiyā yasavatiyā nāma kucchismiṃ paṭisandhiṃ aggahesi. So dasannaṃ māsānaṃ accayena anupamuyyāne mātukucchito nikkhami. Jāyamānova janaṃ tosento vasabhanādaṃ nadi. Tasmā vasabhanādahetuttā tassa nāmaggahaṇadivase ‘‘vessabhū’’ti nāmamakaṃsu . So chabbassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Ruci-suruci-rativaḍḍhananāmakā tayo pāsādā tassa ahesuṃ. Sucittādevippamukhāni tiṃsa itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.

    โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สุจิตฺตาย นาม เทวิยา สุปฺปพุเทฺธ นาม กุมาเร อุปฺปเนฺน สุวณฺณสิวิกาย อุยฺยานทสฺสนตฺถาย คนฺตฺวา เทวทตฺตานิ กาสายานิ คเหตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ สตฺตตฺติํสสหสฺสานิ อนุปพฺพชิํสุฯ อถ โส เตหิ ปริวุโต ฉ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย สุจิตฺตนิคเม สนฺทิสฺสมานสรีราย สิริวฑฺฒนาย นาม ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย นรินฺทนาคราเชน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา สาลโพธิํ ปทกฺขิณโต อุปาคมิฯ ตสฺสาปิ สาลสฺส ตเทว ปาฎลิยา ปมาณเมว ปมาณํ อโหสิฯ ตเถว ปุปฺผผลสิริวิภโว เวทิตโพฺพฯ โส สาลมูลมุปคนฺตฺวา จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา วิคตนีวรณํ สพฺพกามมทาวรณํ อนาวรณญาณํ ปฎิลภิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ ตเตฺถว วีตินาเมตฺวา อตฺตโน กนิฎฺฐภาติกสฺส โสณกุมารสฺส อุตฺตรกุมารสฺส จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา เทวปเถน คนฺตฺวา อโนมนครสมีเป อรุณุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาเลน กุมาเร ปโกฺกสาเปตฺวา เตสํ สปริวารานํ มเชฺฌ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา อสีติยา โกฎิสหสฺสานํ ปฐโม อภิสมโย อโหสิฯ

    So cattāri nimittāni disvā sucittāya nāma deviyā suppabuddhe nāma kumāre uppanne suvaṇṇasivikāya uyyānadassanatthāya gantvā devadattāni kāsāyāni gahetvā pabbaji. Taṃ sattattiṃsasahassāni anupabbajiṃsu. Atha so tehi parivuto cha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya sucittanigame sandissamānasarīrāya sirivaḍḍhanāya nāma dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sāyanhasamaye narindanāgarājena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā sālabodhiṃ padakkhiṇato upāgami. Tassāpi sālassa tadeva pāṭaliyā pamāṇameva pamāṇaṃ ahosi. Tatheva pupphaphalasirivibhavo veditabbo. So sālamūlamupagantvā cattālīsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā vigatanīvaraṇaṃ sabbakāmamadāvaraṇaṃ anāvaraṇañāṇaṃ paṭilabhitvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ tattheva vītināmetvā attano kaniṭṭhabhātikassa soṇakumārassa uttarakumārassa ca upanissayasampattiṃ disvā devapathena gantvā anomanagarasamīpe aruṇuyyāne otaritvā uyyānapālena kumāre pakkosāpetvā tesaṃ saparivārānaṃ majjhe dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā asītiyā koṭisahassānaṃ paṭhamo abhisamayo ahosi.

    ปุน ชนปทจาริกํ จรโนฺต ภควา ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมํ เทเสโนฺต สตฺตติยา โกฎิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ อโนมนคเรเยว ทิฎฺฐิชาลํ ภินฺทโนฺต ติตฺถิยมานทฺธชํ ปาเตโนฺต มานมทํ วิทฺธํเสโนฺต ธมฺมทฺธชํ สมุสฺสยโนฺต นวุติโยชนวิตฺถตาย มนุสฺสปริสาย ปริมาณรหิตาย เทวปริสาย ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา เทวมนุเสฺส ปสาเทตฺวา สฎฺฐิโกฎิโย ธมฺมามเตน ตเปฺปสิ, โส ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Puna janapadacārikaṃ caranto bhagavā tattha tattha dhammaṃ desento sattatiyā koṭisahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi, so dutiyo abhisamayo ahosi. Anomanagareyeva diṭṭhijālaṃ bhindanto titthiyamānaddhajaṃ pātento mānamadaṃ viddhaṃsento dhammaddhajaṃ samussayanto navutiyojanavitthatāya manussaparisāya parimāṇarahitāya devaparisāya yamakapāṭihāriyaṃ katvā devamanusse pasādetvā saṭṭhikoṭiyo dhammāmatena tappesi, so tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘ตเตฺถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อสโม อปฺปฎิปุคฺคโล;

    ‘‘Tattheva maṇḍakappamhi, asamo appaṭipuggalo;

    เวสฺสภู นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Vessabhū nāma nāmena, loke uppajji nāyako.

    .

    2.

    ‘‘อาทิตฺตํ วต ราคคฺคิ, ตณฺหานํ วิชิตํ ตทา;

    ‘‘Ādittaṃ vata rāgaggi, taṇhānaṃ vijitaṃ tadā;

    นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํฯ

    Nāgova bandhanaṃ chetvā, patto sambodhimuttamaṃ.

    .

    3.

    ‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตเนฺต, เวสฺสภูโลกนายเก;

    ‘‘Dhammacakkaṃ pavattente, vessabhūlokanāyake;

    อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหุฯ

    Asītikoṭisahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahu.

    .

    4.

    ‘‘ปกฺกเนฺต จาริกํ รเฎฺฐ, โลกเชเฎฺฐ นราสเภ;

    ‘‘Pakkante cārikaṃ raṭṭhe, lokajeṭṭhe narāsabhe;

    สตฺตติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุฯ

    Sattatikoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahu.

    .

    5.

    ‘‘มหาทิฎฺฐิํ วิโนเทโนฺต, ปาฎิเหรํ กโรติ โส;

    ‘‘Mahādiṭṭhiṃ vinodento, pāṭiheraṃ karoti so;

    สมาคตา นรมรู, ทสสหสฺสี สเทวเกฯ

    Samāgatā naramarū, dasasahassī sadevake.

    .

    6.

    ‘‘มหาอจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

    ‘‘Mahāacchariyaṃ disvā, abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ;

    เทวา เจว มนุสฺสา จ, พุชฺฌเร สฎฺฐิโกฎิโย’’ติฯ

    Devā ceva manussā ca, bujjhare saṭṭhikoṭiyo’’ti.

    ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ สกลมิทํ โลกตฺตยํ สมฺปทิตฺตํฯ ราคคฺคีติ ราเคนฯ ตณฺหานํ วิชิตนฺติ ตณฺหานํ วิชิตํ รฎฺฐํ วสวตฺติฎฺฐานนฺติ เอวํ ญตฺวาติ อโตฺถฯ นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวาติ หตฺถี วิย ปูติลตาพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา สโมฺพธิํ ปโตฺต อธิคโตฯ ทสสหสฺสีติ ทสสหสฺสิยํฯ สเทวเกติ สเทวเก โลเกฯ พุชฺฌเรติ พุชฺฌิํสุฯ

    Tattha ādittanti sakalamidaṃ lokattayaṃ sampadittaṃ. Rāgaggīti rāgena. Taṇhānaṃ vijitanti taṇhānaṃ vijitaṃ raṭṭhaṃ vasavattiṭṭhānanti evaṃ ñatvāti attho. Nāgova bandhanaṃ chetvāti hatthī viya pūtilatābandhanaṃ chinditvā sambodhiṃ patto adhigato. Dasasahassīti dasasahassiyaṃ. Sadevaketi sadevake loke. Bujjhareti bujjhiṃsu.

    โสณุตฺตรานํ ปน ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สมาคเม ปพฺพชิตานํ อสีติยา อรหนฺตสหสฺสานํ มเชฺฌ มาฆปุณฺณมายํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ ยทา ปน เวสฺสภุนา สพฺพโลกาภิภุนา สห ปพฺพชิตา สตฺตตฺติํสสหสฺสสงฺขา ภิกฺขู คณโต โอหีนสมเย ปกฺกนฺตา, เต เวสฺสภุสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติํ สุตฺวา โสเรยฺยํ นาม นครํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อทฺทสํสุฯ เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา สเพฺพว เต เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ

    Soṇuttarānaṃ pana dvinnaṃ aggasāvakānaṃ samāgame pabbajitānaṃ asītiyā arahantasahassānaṃ majjhe māghapuṇṇamāyaṃ pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi. Yadā pana vessabhunā sabbalokābhibhunā saha pabbajitā sattattiṃsasahassasaṅkhā bhikkhū gaṇato ohīnasamaye pakkantā, te vessabhussa sammāsambuddhassa dhammacakkappavattiṃ sutvā soreyyaṃ nāma nagaraṃ āgantvā bhagavantaṃ addasaṃsu. Tesaṃ bhagavā dhammaṃ desetvā sabbeva te ehibhikkhupabbajjāya pabbājetvā caturaṅgasamannāgatāya parisāya pātimokkhaṃ uddisi, so dutiyo sannipāto ahosi.

    ยทา ปน นาริวาหนนคเร อุปสโนฺต นาม ราชปุโตฺต รชฺชํ กาเรสิ, ตสฺสานุกมฺปาย ภควา ตตฺถ อคมาสิ, โสปิ ภควโต อาคมนํ สุตฺวา สปริวาโร ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา นิมเนฺตตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนหทโย ปพฺพชิฯ ตํ สฎฺฐิสหสฺสสงฺขา ปุริสา อนุปพฺพชิํสุฯ เต เตน สทฺธิํ อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ โส เตหิ ปริวุโต เวสฺสภู ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana nārivāhananagare upasanto nāma rājaputto rajjaṃ kāresi, tassānukampāya bhagavā tattha agamāsi, sopi bhagavato āgamanaṃ sutvā saparivāro bhagavato paccuggamanaṃ katvā nimantetvā mahādānaṃ datvā tassa dhammaṃ sutvā pasannahadayo pabbaji. Taṃ saṭṭhisahassasaṅkhā purisā anupabbajiṃsu. Te tena saddhiṃ arahattaṃ pāpuṇiṃsu. So tehi parivuto vessabhū bhagavā pātimokkhaṃ uddisi, so tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    7.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, เวสฺสภุสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, vessabhussa mahesino;

    ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ

    Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.

    .

    8.

    ‘‘อสีติภิกฺขุสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Asītibhikkhusahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo;

    สตฺตติภิกฺขุสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ

    Sattatibhikkhusahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo.

    .

    9.

    ‘‘สฎฺฐิภิกฺขุสหสฺสานํ , ตติโย อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Saṭṭhibhikkhusahassānaṃ , tatiyo āsi samāgamo;

    ชราทิภยตีตานํ, โอรสานํ มเหสิโน’’ติฯ

    Jarādibhayatītānaṃ, orasānaṃ mahesino’’ti.

    ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต สรภวตีนคเร ปรมปิยทสฺสโน สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา เวสฺสภุมฺหิ โลกนายเก สรภนครมุปคเต ตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนหทโย ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ ชลชามลาวิกลกมลมกุลสทิสมญฺชลิํ สิรสิ กตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา ตเตฺถว ภควโต นิวาสตฺถาย คนฺธกุฎิํ กตฺวา ตํ ปริกฺขิปิตฺวา วิหารสหสฺสํ กาเรตฺวา สพฺพญฺจ วิภวชาตํ ภควโต สาสเน ปริจฺจชิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปโนฺน เตรสธุตคุเณสุ นิรโต โพธิสมฺภารปริเยสนาย รโต พุทฺธสาสนาภิรโต วิหาสิฯ โสปิ ตํ ภควา พฺยากาสิ – ‘‘อนาคเต อิโต เอกตฺติํสกเปฺป อยํ โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā amhākaṃ bodhisatto sarabhavatīnagare paramapiyadassano sudassano nāma rājā hutvā vessabhumhi lokanāyake sarabhanagaramupagate tassa dhammaṃ sutvā pasannahadayo dasanakhasamodhānasamujjalaṃ jalajāmalāvikalakamalamakulasadisamañjaliṃ sirasi katvā buddhappamukhassa saṅghassa sacīvaraṃ mahādānaṃ datvā tattheva bhagavato nivāsatthāya gandhakuṭiṃ katvā taṃ parikkhipitvā vihārasahassaṃ kāretvā sabbañca vibhavajātaṃ bhagavato sāsane pariccajitvā tassa santike pabbajitvā ācāraguṇasampanno terasadhutaguṇesu nirato bodhisambhārapariyesanāya rato buddhasāsanābhirato vihāsi. Sopi taṃ bhagavā byākāsi – ‘‘anāgate ito ekattiṃsakappe ayaṃ gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti. Tena vuttaṃ –

    ๑๐.

    10.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, สุทสฺสโน นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, sudassano nāma khattiyo;

    นิมเนฺตตฺวา มหาวีรํ, ทานํ ทตฺวา มหารหํ;

    Nimantetvā mahāvīraṃ, dānaṃ datvā mahārahaṃ;

    อนฺนปาเนน วเตฺถน, สสงฺฆํ ชินปูชยิํฯ

    Annapānena vatthena, sasaṅghaṃ jinapūjayiṃ.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘ตสฺส พุทฺธสฺส อสมสฺส, จกฺกํ วตฺติตมุตฺตมํ;

    ‘‘Tassa buddhassa asamassa, cakkaṃ vattitamuttamaṃ;

    สุตฺวาน ปณิตํ ธมฺมํ, ปพฺพชฺชมภิโรจยิํฯ

    Sutvāna paṇitaṃ dhammaṃ, pabbajjamabhirocayiṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต;

    ‘‘Mahādānaṃ pavattetvā, rattindivamatandito;

    ปพฺพชฺชํ คุณสมฺปนฺนํ, ปพฺพชิํ ชินสนฺติเกฯ

    Pabbajjaṃ guṇasampannaṃ, pabbajiṃ jinasantike.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘อาจารคุณสมฺปโนฺน, วตฺตสีลสมาหิโต;

    ‘‘Ācāraguṇasampanno, vattasīlasamāhito;

    สพฺพญฺญุตํ คเวสโนฺต, รมามิ ชินสาสเนฯ

    Sabbaññutaṃ gavesanto, ramāmi jinasāsane.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘สทฺธาปีติํ อุปคนฺตฺวา, พุทฺธํ วนฺทามิ สตฺถรํ;

    ‘‘Saddhāpītiṃ upagantvā, buddhaṃ vandāmi sattharaṃ;

    ปีติ อุปฺปชฺชติ มยฺหํ, โพธิยาเยว การณาฯ

    Pīti uppajjati mayhaṃ, bodhiyāyeva kāraṇā.

    ๑๕.

    15.

    ‘‘อนิวตฺตมานสํ ญตฺวา, สมฺพุโทฺธ เอตทพฺรวิ;

    ‘‘Anivattamānasaṃ ñatvā, sambuddho etadabravi;

    เอกตฺติํเส อิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Ekattiṃse ito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขํ อิมํฯ

    ‘‘Ahu kapilavhayā rammā…pe… hessāma sammukhaṃ imaṃ.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตตฺถ จกฺกํ วตฺติตนฺติ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํฯ ปณีตํ ธมฺมนฺติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํฯ ปพฺพชฺชํ คุณสมฺปนฺนนฺติ ญตฺวา ปพฺพชินฺติ อโตฺถฯ วตฺตสีลสมาหิโตติ วเตฺตสุ จ สีเลสุ จ สมาหิโตฯ เตสํ เตสํ ปูรเณ สมาหิโตติ อโตฺถฯ รมามีติ อภิรมิํฯ สทฺธาปีตินฺติ สทฺธญฺจ ปีติญฺจ อุปคนฺตฺวาฯ วนฺทามีติ อภิวนฺทิํ, อตีตเตฺถ วตฺตมานวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สตฺถรนฺติ สตฺถารํฯ อนิวตฺตมานสนฺติ อโนสกฺกิยมานมานสํฯ

    Tattha cakkaṃ vattitanti dhammacakkaṃ pavattitaṃ. Paṇītaṃ dhammanti uttarimanussadhammaṃ. Pabbajjaṃ guṇasampannanti ñatvā pabbajinti attho. Vattasīlasamāhitoti vattesu ca sīlesu ca samāhito. Tesaṃ tesaṃ pūraṇe samāhitoti attho. Ramāmīti abhiramiṃ. Saddhāpītinti saddhañca pītiñca upagantvā. Vandāmīti abhivandiṃ, atītatthe vattamānavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sattharanti satthāraṃ. Anivattamānasanti anosakkiyamānamānasaṃ.

    ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิฯ สุปฺปตีโต นามสฺส ปิตา ขตฺติโย, ยสวตี นาม มาตา, โสโณ จ อุตฺตโร จ เทฺว อคฺคสาวกา, อุปสโนฺต นามุปฎฺฐาโก, รามา จ สมาลา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, สาลรุโกฺข โพธิ, สรีรํ สฎฺฐิหตฺถุเพฺพธํ อโหสิฯ สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ อายุ, สุจิตฺตา นามสฺส ภริยา, สุปฺปพุโทฺธ นามสฺส ปุโตฺต, สุวณฺณสิวิกาย นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana bhagavato anomaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Suppatīto nāmassa pitā khattiyo, yasavatī nāma mātā, soṇo ca uttaro ca dve aggasāvakā, upasanto nāmupaṭṭhāko, rāmā ca samālā ca dve aggasāvikā, sālarukkho bodhi, sarīraṃ saṭṭhihatthubbedhaṃ ahosi. Saṭṭhivassasahassāni āyu, sucittā nāmassa bhariyā, suppabuddho nāmassa putto, suvaṇṇasivikāya nikkhami. Tena vuttaṃ –

    ๑๘.

    18.

    ‘‘อโนมํ นาม นครํ, สุปฺปตีโต นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Anomaṃ nāma nagaraṃ, suppatīto nāma khattiyo;

    มาตา ยสวตี นาม, เวสฺสภุสฺส มเหสิโนฯ

    Mātā yasavatī nāma, vessabhussa mahesino.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘โสโณ จ อุตฺตโร เจว, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Soṇo ca uttaro ceva, ahesuṃ aggasāvakā;

    อุปสโนฺต นามุปฎฺฐาโก, เวสฺสภุสฺส มเหสิโนฯ

    Upasanto nāmupaṭṭhāko, vessabhussa mahesino.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘รามา เจว สมาลา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Rāmā ceva samālā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, มหาสาโลติ วุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, mahāsāloti vuccati.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘โสตฺถิโก เจว รโมฺม จ, อเหสุํ อคฺคุปฎฺฐกา;

    ‘‘Sotthiko ceva rammo ca, ahesuṃ aggupaṭṭhakā;

    โคตมี สิริมา เจว, อเหสุํ อคฺคุปฎฺฐิกาฯ

    Gotamī sirimā ceva, ahesuṃ aggupaṭṭhikā.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘สฎฺฐิรตนมุเพฺพโธ, เหมยูปสมูปโม;

    ‘‘Saṭṭhiratanamubbedho, hemayūpasamūpamo;

    กายา นิจฺฉรตี รสฺมิ, รตฺติํว ปพฺพเต สิขีฯ

    Kāyā niccharatī rasmi, rattiṃva pabbate sikhī.

    ๒๗.

    27.

    ‘‘สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Saṭṭhivassasahassāni, āyu tassa mahesino;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ, ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi, janataṃ bahuṃ.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘ธมฺมํ วิตฺถาริกํ กตฺวา, วิภชิตฺวา มหาชนํ;

    ‘‘Dhammaṃ vitthārikaṃ katvā, vibhajitvā mahājanaṃ;

    ธมฺมนาวํ ฐเปตฺวาน, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ

    Dhammanāvaṃ ṭhapetvāna, nibbuto so sasāvako.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘ทสฺสเนยฺยํ สพฺพชนํ, วิหารํ อิริยาปถํ;

    ‘‘Dassaneyyaṃ sabbajanaṃ, vihāraṃ iriyāpathaṃ;

    สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ

    Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.

    ตตฺถ เหมยูปสมูปโมติ สุวณฺณตฺถมฺภสทิโสติ อโตฺถฯ นิจฺฉรตีติ อิโต จิโต จ สนฺธาวติฯ รสฺมีติ ปภารสฺมิฯ รตฺติํว ปพฺพเต สิขีติ รตฺติยํ ปพฺพตมตฺถเก อคฺคิ วิยฯ รํสิวิโชฺชตา ตสฺส กาเยติ อโตฺถฯ วิภชิตฺวาติ วิภาคํ กตฺวา, อุคฺฆฎิตาทิวเสน โสตาปนฺนาทิวเสน จาติ อโตฺถฯ ธมฺมนาวนฺติ อฎฺฐงฺคมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมนาวํ, จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ทสฺสเนยฺยนฺติ ทสฺสนีโยฯ สพฺพชนนฺติ สโพฺพ ชโน, สสาวกสโงฺฆ สมฺมาสมฺพุโทฺธติ อโตฺถฯ วิหารนฺติ วิหาโร, สพฺพตฺถ ปจฺจเตฺต อุปโยควจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Tattha hemayūpasamūpamoti suvaṇṇatthambhasadisoti attho. Niccharatīti ito cito ca sandhāvati. Rasmīti pabhārasmi. Rattiṃva pabbate sikhīti rattiyaṃ pabbatamatthake aggi viya. Raṃsivijjotā tassa kāyeti attho. Vibhajitvāti vibhāgaṃ katvā, ugghaṭitādivasena sotāpannādivasena cāti attho. Dhammanāvanti aṭṭhaṅgamaggasaṅkhātaṃ dhammanāvaṃ, caturoghanittharaṇatthāya ṭhapetvāti attho. Dassaneyyanti dassanīyo. Sabbajananti sabbo jano, sasāvakasaṅgho sammāsambuddhoti attho. Vihāranti vihāro, sabbattha paccatte upayogavacanaṃ daṭṭhabbaṃ.

    เวสฺสภู กิร ภควา อุสภวตีนคเร เขเม มิคทาเย ปรินิพฺพายิฯ ธาตุโย ปนสฺส วิปฺปกิริํสุฯ

    Vessabhū kira bhagavā usabhavatīnagare kheme migadāye parinibbāyi. Dhātuyo panassa vippakiriṃsu.

    ‘‘อุสภวติปุเร ปุรุตฺตเม, ชินวสโภ ภควา หิ เวสฺสภู;

    ‘‘Usabhavatipure puruttame, jinavasabho bhagavā hi vessabhū;

    อุปวนวิหเร มโนรเม, นิรุปธิเสสมุปาคโต กิรา’’ติฯ

    Upavanavihare manorame, nirupadhisesamupāgato kirā’’ti.

    เสสํ สพฺพตฺถ คาถาสุ ปากฎเมวาติฯ

    Sesaṃ sabbattha gāthāsu pākaṭamevāti.

    เวสฺสภูพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vessabhūbuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต เอกวีสติโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito ekavīsatimo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒๓. เวสฺสภูพุทฺธวํโส • 23. Vessabhūbuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact