Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๓. เวสฺสนฺตรวโคฺค

    3. Vessantaravaggo

    ๑. เวสฺสนฺตรปโญฺห

    1. Vessantarapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, สเพฺพว โพธิสตฺตา ปุตฺตทารํ เทนฺติ, อุทาหุ เวสฺสนฺตเรเนว รญฺญา ปุตฺตทารํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘สเพฺพปิ, มหาราช, โพธิสตฺตา ปุตฺตทารํ เทนฺติ, น เวสฺสนฺตเรเนว รญฺญา ปุตฺตทารํ ทินฺน’’นฺติฯ ‘‘อปิ จ โข, ภเนฺต นาคเสน, เตสํ อนุมเตน เทนฺตี’’ติฯ ‘‘ภริยา, มหาราช, อนุมตา, ทารกา ปน พาลตาย วิลปิํสุ 1, ยทิ เต อตฺถโต ชาเนยฺยุํ, เตปิ อนุโมเทยฺยุํ, น เต วิลเปยฺยุ’’นฺติฯ

    1. ‘‘Bhante nāgasena, sabbeva bodhisattā puttadāraṃ denti, udāhu vessantareneva raññā puttadāraṃ dinna’’nti? ‘‘Sabbepi, mahārāja, bodhisattā puttadāraṃ denti, na vessantareneva raññā puttadāraṃ dinna’’nti. ‘‘Api ca kho, bhante nāgasena, tesaṃ anumatena dentī’’ti. ‘‘Bhariyā, mahārāja, anumatā, dārakā pana bālatāya vilapiṃsu 2, yadi te atthato jāneyyuṃ, tepi anumodeyyuṃ, na te vilapeyyu’’nti.

    ‘‘ทุกฺกรํ, ภเนฺต นาคเสน, โพธิสเตฺตน กตํ, ยํ โส อตฺตโน โอรเส ปิเย ปุเตฺต พฺราหฺมณสฺส ทาสตฺถาย อทาสิฯ

    ‘‘Dukkaraṃ, bhante nāgasena, bodhisattena kataṃ, yaṃ so attano orase piye putte brāhmaṇassa dāsatthāya adāsi.

    ‘‘อิทมฺปิ ทุติยํ ทุกฺกรโต ทุกฺกรตรํ, ยํ โส อตฺตโน โอรเส ปิเย ปุเตฺต พาลเก ตรุณเก ลตาย พนฺธิตฺวา เตน พฺราหฺมเณน ลตาย อนุมชฺชียเนฺต ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขิฯ

    ‘‘Idampi dutiyaṃ dukkarato dukkarataraṃ, yaṃ so attano orase piye putte bālake taruṇake latāya bandhitvā tena brāhmaṇena latāya anumajjīyante disvā ajjhupekkhi.

    ‘‘อิทมฺปิ ตติยํ ทุกฺกรโต ทุกฺกรตรํ, ยํ โส สเกน พเลน พนฺธนา มุจฺจิตฺวา อาคเต ทารเก สารชฺชมุปคเต ปุนเทว ลตาย พนฺธิตฺวา อทาสิฯ

    ‘‘Idampi tatiyaṃ dukkarato dukkarataraṃ, yaṃ so sakena balena bandhanā muccitvā āgate dārake sārajjamupagate punadeva latāya bandhitvā adāsi.

    ‘‘อิทมฺปิ จตุตฺถํ ทุกฺกรโต ทุกฺกรตรํ, ยํ โส ทารเก ‘อยํ โข, ตาต, ยโกฺข ขาทิตุํ เนติ อเมฺห’ติ วิลปเนฺต ‘มา ภายิตฺถา’ติ น อสฺสาเสสิฯ

    ‘‘Idampi catutthaṃ dukkarato dukkarataraṃ, yaṃ so dārake ‘ayaṃ kho, tāta, yakkho khādituṃ neti amhe’ti vilapante ‘mā bhāyitthā’ti na assāsesi.

    ‘‘อิทมฺปิ ปญฺจมํ ทุกฺกรโต ทุกฺกรตรํ, ยํ โส ชาลิสฺส กุมารสฺส รุทมานสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘อลํ, ตาต, กณฺหาชินํ นิวเตฺตหิ, อหเมว คจฺฉามิ ยเกฺขน สห, ขาทตุ มํ ยโกฺข’ติ ยาจมานสฺส เอวํ น สมฺปฎิจฺฉิฯ

    ‘‘Idampi pañcamaṃ dukkarato dukkarataraṃ, yaṃ so jālissa kumārassa rudamānassa pādesu nipatitvā ‘alaṃ, tāta, kaṇhājinaṃ nivattehi, ahameva gacchāmi yakkhena saha, khādatu maṃ yakkho’ti yācamānassa evaṃ na sampaṭicchi.

    ‘‘อิทมฺปิ ฉฎฺฐํ ทุกฺกรโต ทุกฺกรตรํ, ยํ โส ชาลิสฺส กุมารสฺส ‘ปาสาณสมํ นูน เต, ตาต, หทยํ, ยํ ตฺวํ อมฺหากํ ทุกฺขิตานํ เปกฺขมาโน นิมฺมนุสฺสเก พฺรหารเญฺญ ยเกฺขน นียมาเน น นิวาเรสี’ติ วิลปมานสฺส การุญฺญํ นากาสิฯ

    ‘‘Idampi chaṭṭhaṃ dukkarato dukkarataraṃ, yaṃ so jālissa kumārassa ‘pāsāṇasamaṃ nūna te, tāta, hadayaṃ, yaṃ tvaṃ amhākaṃ dukkhitānaṃ pekkhamāno nimmanussake brahāraññe yakkhena nīyamāne na nivāresī’ti vilapamānassa kāruññaṃ nākāsi.

    ‘‘อิทมฺปิ สตฺตมํ ทุกฺกรโต ทุกฺกรตรํ, ยํ ตสฺส รุฬรุฬสฺส ภีมภีมสฺส นีเต ทารเก อทสฺสนํ คมิเต น ผลิ หทยํ สตธา วา สหสฺสธา วา, ปุญฺญกาเมน มนุเชน กิํ ปรทุกฺขาปเนน, นนุ นาม สกทานํ ทาตพฺพํ โหตี’’ติ?

    ‘‘Idampi sattamaṃ dukkarato dukkarataraṃ, yaṃ tassa ruḷaruḷassa bhīmabhīmassa nīte dārake adassanaṃ gamite na phali hadayaṃ satadhā vā sahassadhā vā, puññakāmena manujena kiṃ paradukkhāpanena, nanu nāma sakadānaṃ dātabbaṃ hotī’’ti?

    ‘‘ทุกฺกรสฺส, มหาราช, กตตฺตา โพธิสตฺตสฺส กิตฺติสโทฺท ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา สเทวมนุเสฺสสุ อพฺภุคฺคโต, เทวา เทวภวเน ปกิเตฺตนฺติ, อสุรา อสุรภวเน ปกิเตฺตนฺติ, ครุฬา ครุฬภวเน ปกิเตฺตนฺติ, นาคา นาคภวเน ปกิเตฺตนฺติ, ยกฺขา ยกฺขภวเน ปกิเตฺตนฺติ, อนุปุเพฺพน ตสฺส กิตฺติสโทฺท ปรมฺปราย อเชฺชตรหิ อิธ อมฺหากํ สมยํ อนุปฺปโตฺต, ตํ มยํ ทานํ ปกิเตฺตนฺตา วิโกเปนฺตา นิสินฺนา สุทินฺนํ, อุทาหุ ทุทฺทินฺนนฺติฯ โส โข ปนายํ, มหาราช, กิตฺติสโทฺท นิปุณานํ วิญฺญูนํ วิทูนํ วิภาวีนํ โพธิสตฺตานํ ทส คุเณ อนุทสฺสติฯ กตเม ทส? อเคธตา นิราลยตา จาโค ปหานํ อปุนราวตฺติตา สุขุมตา มหนฺตตา ทุรนุโพธตา ทุลฺลภตา อสทิสตา พุทฺธธมฺมสฺส, โส โข ปนายํ, มหาราช, กิตฺติสโทฺท นิปุณานํ วิญฺญูนํ วิทูนํ วิภาวีนํ โพธิสตฺตานํ อิเม ทส คุเณ อนุทสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Dukkarassa, mahārāja, katattā bodhisattassa kittisaddo dasasahassiyā lokadhātuyā sadevamanussesu abbhuggato, devā devabhavane pakittenti, asurā asurabhavane pakittenti, garuḷā garuḷabhavane pakittenti, nāgā nāgabhavane pakittenti, yakkhā yakkhabhavane pakittenti, anupubbena tassa kittisaddo paramparāya ajjetarahi idha amhākaṃ samayaṃ anuppatto, taṃ mayaṃ dānaṃ pakittentā vikopentā nisinnā sudinnaṃ, udāhu duddinnanti. So kho panāyaṃ, mahārāja, kittisaddo nipuṇānaṃ viññūnaṃ vidūnaṃ vibhāvīnaṃ bodhisattānaṃ dasa guṇe anudassati. Katame dasa? Agedhatā nirālayatā cāgo pahānaṃ apunarāvattitā sukhumatā mahantatā duranubodhatā dullabhatā asadisatā buddhadhammassa, so kho panāyaṃ, mahārāja, kittisaddo nipuṇānaṃ viññūnaṃ vidūnaṃ vibhāvīnaṃ bodhisattānaṃ ime dasa guṇe anudassatī’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, โย ปรํ ทุกฺขาเปตฺวา ทานํ เทติ, อปิ นุ ตํ ทานํ สุขวิปากํ โหติ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, กิํ วตฺตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘อิงฺฆ, ภเนฺต นาคเสน, การณํ อุปทเสฺสหี’’ติฯ ‘‘อิธ, มหาราช, โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สีลวา โหติ กลฺยาณธโมฺม, โส ภเวยฺย ปกฺขหโต วา ปีฐสปฺปี วา อญฺญตรํ วา พฺยาธิํ อาปโนฺน, ตเมนํ โย โกจิ ปุญฺญกาโม ยานํ อาโรเปตฺวา ปตฺถิตํ เทสมนุปาเปยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส ปุริสสฺส ตโตนิทานํ กิญฺจิ สุขํ นิพฺพเตฺตยฺย สคฺคสํวตฺตนิกํ ตํ กมฺม’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, กิํ วตฺตพฺพํ? หตฺถิยานํ วา โส, ภเนฺต, ปุริโส ลเภยฺย อสฺสยานํ วา รถยานํ วา, ถเล ถลยานํ ชเล ชลยานํ เทเวสุ เทวยานํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสยานํ, ตทนุจฺฉวิกํ ตทนุโลมิกํ ภเว ภเว นิพฺพเตฺตยฺย, ตทนุจฺฉวิกานิ ตทนุโลมิกานิ จสฺส สุขานิ นิพฺพเตฺตยฺยุํ, สุคติโต สุคติํ คเจฺฉยฺย, เตเนว กมฺมาภิสเนฺทน อิทฺธิยานํ อภิรุยฺห ปตฺถิตํ นิพฺพานนครํ ปาปุเณยฺยา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ปรทุกฺขาปเนน ทินฺนทานํ สุขวิปากํ โหติ สคฺคสํวตฺตนิกํ , ยํ โส ปุริโส พลีพเทฺท ทุกฺขาเปตฺวา เอวรูปํ สุขํ อนุภวติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, yo paraṃ dukkhāpetvā dānaṃ deti, api nu taṃ dānaṃ sukhavipākaṃ hoti saggasaṃvattanika’’nti? ‘‘Āma, mahārāja, kiṃ vattabba’’nti. ‘‘Iṅgha, bhante nāgasena, kāraṇaṃ upadassehī’’ti. ‘‘Idha, mahārāja, koci samaṇo vā brāhmaṇo vā sīlavā hoti kalyāṇadhammo, so bhaveyya pakkhahato vā pīṭhasappī vā aññataraṃ vā byādhiṃ āpanno, tamenaṃ yo koci puññakāmo yānaṃ āropetvā patthitaṃ desamanupāpeyya, api nu kho, mahārāja, tassa purisassa tatonidānaṃ kiñci sukhaṃ nibbatteyya saggasaṃvattanikaṃ taṃ kamma’’nti? ‘‘Āma, bhante, kiṃ vattabbaṃ? Hatthiyānaṃ vā so, bhante, puriso labheyya assayānaṃ vā rathayānaṃ vā, thale thalayānaṃ jale jalayānaṃ devesu devayānaṃ manussesu manussayānaṃ, tadanucchavikaṃ tadanulomikaṃ bhave bhave nibbatteyya, tadanucchavikāni tadanulomikāni cassa sukhāni nibbatteyyuṃ, sugatito sugatiṃ gaccheyya, teneva kammābhisandena iddhiyānaṃ abhiruyha patthitaṃ nibbānanagaraṃ pāpuṇeyyā’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, paradukkhāpanena dinnadānaṃ sukhavipākaṃ hoti saggasaṃvattanikaṃ , yaṃ so puriso balībadde dukkhāpetvā evarūpaṃ sukhaṃ anubhavati.

    ‘‘อปรมฺปิ , มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, ยถา ปรทุกฺขาปเนน ทินฺนทานํ สุขวิปากํ โหติ สคฺคสํวตฺตนิกํฯ อิธ, มหาราช, โย โกจิ ราชา ชนปทโต ธมฺมิกํ พลิํ อุทฺธราเปตฺวา อาณาปวตฺตเนน ทานํ ทเทยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, ราชา ตโตนิทานํ กิญฺจิ สุขํ อนุภเวยฺย สคฺคสํวตฺตนิกํ ตํ ทาน’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, กิํ วตฺตพฺพํ, ตโตนิทานํ โส, ภเนฺต, ราชา อุตฺตริํ อเนกสตสหสฺสคุณํ ลเภยฺยฯ ราชูนํ อติราชา ภเวยฺย, เทวานํ อติเทโว ภเวยฺย, พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา ภเวยฺย, สมณานํ อติสมโณ ภเวยฺย, พฺราหฺมณานํ อติพฺราหฺมโณ ภเวยฺย, อรหนฺตานํ อติอรหา 3 ภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ปรทุกฺขาปเนน ทินฺนทานํ สุขวิปากํ โหติ สคฺคสํวตฺตนิกํ, ยํ โส ราชา พลินา ชนํ ปีเฬตฺวา ทินฺนทาเนน เอวรูปํ อุตฺตริํ ยสสุขํ อนุภวตี’’ติฯ

    ‘‘Aparampi , mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yathā paradukkhāpanena dinnadānaṃ sukhavipākaṃ hoti saggasaṃvattanikaṃ. Idha, mahārāja, yo koci rājā janapadato dhammikaṃ baliṃ uddharāpetvā āṇāpavattanena dānaṃ dadeyya, api nu kho so, mahārāja, rājā tatonidānaṃ kiñci sukhaṃ anubhaveyya saggasaṃvattanikaṃ taṃ dāna’’nti? ‘‘Āma, bhante, kiṃ vattabbaṃ, tatonidānaṃ so, bhante, rājā uttariṃ anekasatasahassaguṇaṃ labheyya. Rājūnaṃ atirājā bhaveyya, devānaṃ atidevo bhaveyya, brahmānaṃ atibrahmā bhaveyya, samaṇānaṃ atisamaṇo bhaveyya, brāhmaṇānaṃ atibrāhmaṇo bhaveyya, arahantānaṃ atiarahā 4 bhaveyyā’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, paradukkhāpanena dinnadānaṃ sukhavipākaṃ hoti saggasaṃvattanikaṃ, yaṃ so rājā balinā janaṃ pīḷetvā dinnadānena evarūpaṃ uttariṃ yasasukhaṃ anubhavatī’’ti.

    ‘‘อติทานํ, ภเนฺต นาคเสน, เวสฺสนฺตเรน รญฺญา ทินฺนํ, ยํ โส สกํ ภริยํ ปรสฺส ภริยตฺถาย อทาสิ, สเก โอรเส ปุเตฺต พฺราหฺมณสฺส ทาสตฺถาย อทาสิ, อติทานํ นาม, ภเนฺต นาคเสน, โลเก วิทูหิ นินฺทิตํ ครหิตํ, ยถา นาม, ภเนฺต นาคเสน, อติภาเรน สกฎสฺส อโกฺข ภิชฺชติ, อติภาเรน นาวา โอสีทติ, อติภุเตฺตน โภชนํ วิสมํ ปริณมติ, อติวเสฺสน ธญฺญํ วินสฺสติ, อติทาเนน โภคกฺขยํ อุเปติ, อติตาเปน ปถวี อุปฑยฺหติ, อติราเคน อุมฺมตฺตโก โหติ, อติโทเสน วโชฺฌ โหติ, อติโมเหน อนยํ อาปชฺชติ, อติโลเภน โจรคฺคหณมุปคจฺฉติ, อติภเยน นิรุชฺฌติ, อติปูเรน นที อุตฺตรติ, อติวาเตน อสนิ ปตติ, อติอคฺคินา โอทนํ อุตฺตรติ, อติสญฺจรเณน น จิรํ ชีวติฯ เอวเมว โข, ภเนฺต นาคเสน, อติทานํ นาม โลเก วิทูหิ นินฺทิตํ ครหิตํ, อติทานํ, ภเนฺต นาคเสน, เวสฺสนฺตเรน รญฺญา ทินฺนํ, น ตตฺถ กิญฺจิ ผลํ อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Atidānaṃ, bhante nāgasena, vessantarena raññā dinnaṃ, yaṃ so sakaṃ bhariyaṃ parassa bhariyatthāya adāsi, sake orase putte brāhmaṇassa dāsatthāya adāsi, atidānaṃ nāma, bhante nāgasena, loke vidūhi ninditaṃ garahitaṃ, yathā nāma, bhante nāgasena, atibhārena sakaṭassa akkho bhijjati, atibhārena nāvā osīdati, atibhuttena bhojanaṃ visamaṃ pariṇamati, ativassena dhaññaṃ vinassati, atidānena bhogakkhayaṃ upeti, atitāpena pathavī upaḍayhati, atirāgena ummattako hoti, atidosena vajjho hoti, atimohena anayaṃ āpajjati, atilobhena coraggahaṇamupagacchati, atibhayena nirujjhati, atipūrena nadī uttarati, ativātena asani patati, atiagginā odanaṃ uttarati, atisañcaraṇena na ciraṃ jīvati. Evameva kho, bhante nāgasena, atidānaṃ nāma loke vidūhi ninditaṃ garahitaṃ, atidānaṃ, bhante nāgasena, vessantarena raññā dinnaṃ, na tattha kiñci phalaṃ icchitabba’’nti.

    ‘‘อติทานํ, มหาราช, โลเก วิทูหิ วณฺณิตํ ถุตํ ปสตฺถํ, เย เกจิ ยาทิสํ กีทิสํ ทานํ เทนฺติ 5, อติทานทายี โลเก กิตฺติํ ปาปุณาติฯ ยถา , มหาราช, อติปวรตาย ทิพฺพํ วนมูลํ คหิตมฺปิ หตฺถปาเส ฐิตานํ ปรชนานํ น ทสฺสยติ, อคโท อติชจฺจตาย 6 ปีฬาย สมุคฺฆาตโก โรคานํ อนฺตกโร, อคฺคิ อติโชติตาย ฑหติ, อุทกํ อติสีตตาย นิพฺพาเปติ, ปทุมํ ปริสุทฺธตาย น อุปลิมฺปติ วาริกทฺทเมน, มณิ อติคุณตาย กามทโท, วชิรํ อติติขิณตาย วิชฺฌติ มณิมุตฺตาผลิกํ, ปถวี อติมหนฺตตาย นโรรคมิคปกฺขิชลเสลปพฺพตทุเม ธาเรติ, สมุโทฺท อติมหนฺตตาย อปริปูรโณ, สิเนรุ อติภารตาย อจโล, อากาโส อติวิตฺถารตาย อนโนฺต, สูริโย อติปฺปภตาย ติมิรํ ฆาเตติ, สีโห อติชาติตาย วิคตภโย, มโลฺล อติพลวตาย ปฎิมลฺลํ ขิปฺปํ อุกฺขิปติ , ราชา อติปุญฺญตาย อธิปติ, ภิกฺขุ อติสีลวนฺตตาย นาคยกฺขนรมรูหิ นมสฺสนีโย, พุโทฺธ อติอคฺคตาย 7 อนุปโมฯ เอวเมว โข, มหาราช, อติทานํ นาม โลเก วิทูหิ วณฺณิตํ ถุตํ ปสตฺถํ, เย เกจิ ยาทิสํ กีทิสํ ทานํ เทนฺติ, อติทานทายี โลเก กิตฺติํ ปาปุณาติ, อติทาเนน เวสฺสนฺตโร ราชา ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา วณฺณิโต ถุโต ปสโตฺถ มหิโต กิตฺติโต, เตเนว อติทาเนน เวสฺสนฺตโร ราชา อเชฺชตรหิ พุโทฺธ ชาโต อโคฺค สเทวเก โลเกฯ

    ‘‘Atidānaṃ, mahārāja, loke vidūhi vaṇṇitaṃ thutaṃ pasatthaṃ, ye keci yādisaṃ kīdisaṃ dānaṃ denti 8, atidānadāyī loke kittiṃ pāpuṇāti. Yathā , mahārāja, atipavaratāya dibbaṃ vanamūlaṃ gahitampi hatthapāse ṭhitānaṃ parajanānaṃ na dassayati, agado atijaccatāya 9 pīḷāya samugghātako rogānaṃ antakaro, aggi atijotitāya ḍahati, udakaṃ atisītatāya nibbāpeti, padumaṃ parisuddhatāya na upalimpati vārikaddamena, maṇi atiguṇatāya kāmadado, vajiraṃ atitikhiṇatāya vijjhati maṇimuttāphalikaṃ, pathavī atimahantatāya naroragamigapakkhijalaselapabbatadume dhāreti, samuddo atimahantatāya aparipūraṇo, sineru atibhāratāya acalo, ākāso ativitthāratāya ananto, sūriyo atippabhatāya timiraṃ ghāteti, sīho atijātitāya vigatabhayo, mallo atibalavatāya paṭimallaṃ khippaṃ ukkhipati , rājā atipuññatāya adhipati, bhikkhu atisīlavantatāya nāgayakkhanaramarūhi namassanīyo, buddho atiaggatāya 10 anupamo. Evameva kho, mahārāja, atidānaṃ nāma loke vidūhi vaṇṇitaṃ thutaṃ pasatthaṃ, ye keci yādisaṃ kīdisaṃ dānaṃ denti, atidānadāyī loke kittiṃ pāpuṇāti, atidānena vessantaro rājā dasasahassiyā lokadhātuyā vaṇṇito thuto pasattho mahito kittito, teneva atidānena vessantaro rājā ajjetarahi buddho jāto aggo sadevake loke.

    ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, โลเก ฐปนียํ ทานํ, ยํ ทกฺขิเณเยฺย อนุปฺปเตฺต น ทาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ทส โข ปนิมานิ, ภเนฺต นาคเสน, ทานานิ, ยานิ โลเก อทานสมฺมตานิ, โย ตานิ ทานานิ เทติ, โส อปายคามี โหติฯ กตมานิ ทส? มชฺชทานํ, ภเนฺต นาคเสน, โลเก อทานสมฺมตํ, โย ตํ ทานํ เทติ, โส อปายคามี โหติฯ สมชฺชทานํ…เป.… อิตฺถิทานํ…เป.… อุสภทานํ…เป.… จิตฺตกมฺมทานํ…เป.… สตฺถทานํ …เป.… วิสทานํ…เป.… สงฺขลิกทานํ…เป.… กุกฺกุฎสูกรทานํ…เป.… ตุลากูฎมานกูฎทานํ, ภเนฺต นาคเสน, โลเก อทานสมฺมตํ โหติ, โย ตํ ทานํ เทติ, โส อปายคามี โหติฯ อิมานิ โข, ภเนฺต นาคเสน, ทส ทานานิ โลเก อทานสมฺมตานิ, โย ตานิ ทานานิ เทติ, โส อปายคามี โหตี’’ติฯ

    ‘‘Atthi pana, mahārāja, loke ṭhapanīyaṃ dānaṃ, yaṃ dakkhiṇeyye anuppatte na dātabba’’nti? ‘‘Dasa kho panimāni, bhante nāgasena, dānāni, yāni loke adānasammatāni, yo tāni dānāni deti, so apāyagāmī hoti. Katamāni dasa? Majjadānaṃ, bhante nāgasena, loke adānasammataṃ, yo taṃ dānaṃ deti, so apāyagāmī hoti. Samajjadānaṃ…pe… itthidānaṃ…pe… usabhadānaṃ…pe… cittakammadānaṃ…pe… satthadānaṃ …pe… visadānaṃ…pe… saṅkhalikadānaṃ…pe… kukkuṭasūkaradānaṃ…pe… tulākūṭamānakūṭadānaṃ, bhante nāgasena, loke adānasammataṃ hoti, yo taṃ dānaṃ deti, so apāyagāmī hoti. Imāni kho, bhante nāgasena, dasa dānāni loke adānasammatāni, yo tāni dānāni deti, so apāyagāmī hotī’’ti.

    ‘‘นาหํ ตํ, มหาราช, อทานสมฺมตํ ปุจฺฉามิ, อิมํ ขฺวาหํ, มหาราช, ตํ ปุจฺฉามิ ‘อตฺถิ ปน, มหาราช, โลเก ฐปนียํ ทานํ, ยํ ทกฺขิเณเยฺย อนุปฺปเตฺต น ทาตพฺพ’นฺติฯ ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต นาคเสน, โลเก ฐปนียํ ทานํฯ ยํ ทกฺขิเณเยฺย อนุปฺปเตฺต น ทาตพฺพํ, จิตฺตปฺปสาเท อุปฺปเนฺน เกจิ ทกฺขิเณยฺยานํ โภชนํ เทนฺติ, เกจิ อจฺฉาทนํ, เกจิ สยนํ, เกจิ อาวสถํ, เกจิ อตฺถรณปาวุรณํ, เกจิ ทาสิทาสํ, เกจิ เขตฺตวตฺถุํ, เกจิ ทฺวิปทจตุปฺปทํ, เกจิ สตํ สหสฺสํ สตสหสฺสํ, เกจิ มหารชฺชํ, เกจิ ชีวิตมฺปิ เทนฺตี’’ติฯ ‘‘ยทิ ปน, มหาราช, เกจิ ชีวิตมฺปิ เทนฺติ, กิํ การณา เวสฺสนฺตรํ ทานปติํ อติพาฬฺหํ ปริปาเตสิ สุทิเนฺน ปุเตฺต จ ทาเร จ?

    ‘‘Nāhaṃ taṃ, mahārāja, adānasammataṃ pucchāmi, imaṃ khvāhaṃ, mahārāja, taṃ pucchāmi ‘atthi pana, mahārāja, loke ṭhapanīyaṃ dānaṃ, yaṃ dakkhiṇeyye anuppatte na dātabba’nti. ‘‘Natthi, bhante nāgasena, loke ṭhapanīyaṃ dānaṃ. Yaṃ dakkhiṇeyye anuppatte na dātabbaṃ, cittappasāde uppanne keci dakkhiṇeyyānaṃ bhojanaṃ denti, keci acchādanaṃ, keci sayanaṃ, keci āvasathaṃ, keci attharaṇapāvuraṇaṃ, keci dāsidāsaṃ, keci khettavatthuṃ, keci dvipadacatuppadaṃ, keci sataṃ sahassaṃ satasahassaṃ, keci mahārajjaṃ, keci jīvitampi dentī’’ti. ‘‘Yadi pana, mahārāja, keci jīvitampi denti, kiṃ kāraṇā vessantaraṃ dānapatiṃ atibāḷhaṃ paripātesi sudinne putte ca dāre ca?

    ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ โลกปกติ โลกาจิณฺณํ, ลภติ ปิตา ปุตฺตํ อิณโฎฺฎ วา อาชีวิกปกโต วา อาวปิตุํ วา 11 วิกฺกิณิตุํ วา’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, ลภติ ปิตา ปุตฺตํ อิณโฎฺฎ วา อาชีวิกปกโต วา อาวปิตุํ วา วิกฺกิณิตุํ วา’’ติฯ ‘‘ยทิ, มหาราช, ลภติ ปิตา ปุตฺตํ อิณโฎฺฎ วา อาชีวิกปกโต วา อาวปิตุํ วา วิกฺกิณิตุํ วา , เวสฺสนฺตโรปิ, มหาราช, ราชา อลภมาโน สพฺพญฺญุตญาณํ อุปทฺทุโต ทุกฺขิโต ตสฺส ธมฺมธนสฺส ปฎิลาภาย ปุตฺตทารํ อาวเปสิ จ วิกฺกิณิ จฯ อิติ, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รญฺญา อเญฺญสํ ทินฺนํ เยว ทินฺนํ, กตํ เยว กตํฯ กิสฺส ปน ตฺวํ, มหาราช, เตน ทาเนน เวสฺสนฺตรํ ทานปติํ อติพาฬฺหํ อปสาเทสี’’ติ?

    ‘‘Api nu kho, mahārāja, atthi lokapakati lokāciṇṇaṃ, labhati pitā puttaṃ iṇaṭṭo vā ājīvikapakato vā āvapituṃ vā 12 vikkiṇituṃ vā’’ti? ‘‘Āma, bhante, labhati pitā puttaṃ iṇaṭṭo vā ājīvikapakato vā āvapituṃ vā vikkiṇituṃ vā’’ti. ‘‘Yadi, mahārāja, labhati pitā puttaṃ iṇaṭṭo vā ājīvikapakato vā āvapituṃ vā vikkiṇituṃ vā , vessantaropi, mahārāja, rājā alabhamāno sabbaññutañāṇaṃ upadduto dukkhito tassa dhammadhanassa paṭilābhāya puttadāraṃ āvapesi ca vikkiṇi ca. Iti, mahārāja, vessantarena raññā aññesaṃ dinnaṃ yeva dinnaṃ, kataṃ yeva kataṃ. Kissa pana tvaṃ, mahārāja, tena dānena vessantaraṃ dānapatiṃ atibāḷhaṃ apasādesī’’ti?

    ‘‘นาหํ, ภเนฺต นาคเสน, เวสฺสนฺตรสฺส ทานปติโน ทานํ ครหามิ, อปิ จ ปุตฺตทารํ ยาจเนฺต นิมินิตฺวา อตฺตานํ ทาตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘เอตํ โข, มหาราช, อสพฺภิการณํ, ยํ ปุตฺตทารํ ยาจเนฺต อตฺตานํ ทเทยฺย, ยํ ยํ หิ ยาจเนฺต ตํ ตเทว ทาตพฺพํ, เอตํ สปฺปุริสานํ กมฺมํฯ ยถา, มหาราช, โกจิ ปุริโส ปานียํ อาหราเปยฺย, ตสฺส โย โภชนํ ทเทยฺย, อปิ นุ โส, มหาราช, ปุริโส ตสฺส กิจฺจการี อสฺสา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ยํ โส อาหราเปติ, ตเมว ตสฺส เทโนฺต กิจฺจการี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา พฺราหฺมเณ ปุตฺตทารํ ยาจเนฺต ปุตฺตทารํ เยว อทาสิฯ สเจ, มหาราช, พฺราหฺมโณ เวสฺสนฺตรสฺส สรีรํ ยาเจยฺย, น โส, มหาราช, อตฺตานํ รเกฺขยฺย น กเมฺปยฺย น รเชฺชยฺย, ตสฺส ทินฺนํ ปริจฺจตฺตํ เยว สรีรํ ภเวยฺยฯ สเจ, มหาราช, โกจิ เวสฺสนฺตรํ ทานปติํ อุปคนฺตฺวา ยาเจยฺย ‘ทาสตฺตํ เม อุเปหี’ติ, ทินฺนํ ปริจฺจตฺตํ เยวสฺส สรีรํ ภเวยฺย, น โส ทตฺวา ตเปยฺย 13, รโญฺญ, มหาราช, เวสฺสนฺตรสฺส กาโย พหุสาธารโณฯ

    ‘‘Nāhaṃ, bhante nāgasena, vessantarassa dānapatino dānaṃ garahāmi, api ca puttadāraṃ yācante niminitvā attānaṃ dātabba’’nti. ‘‘Etaṃ kho, mahārāja, asabbhikāraṇaṃ, yaṃ puttadāraṃ yācante attānaṃ dadeyya, yaṃ yaṃ hi yācante taṃ tadeva dātabbaṃ, etaṃ sappurisānaṃ kammaṃ. Yathā, mahārāja, koci puriso pānīyaṃ āharāpeyya, tassa yo bhojanaṃ dadeyya, api nu so, mahārāja, puriso tassa kiccakārī assā’’ti? ‘‘Na hi, bhante, yaṃ so āharāpeti, tameva tassa dento kiccakārī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, vessantaro rājā brāhmaṇe puttadāraṃ yācante puttadāraṃ yeva adāsi. Sace, mahārāja, brāhmaṇo vessantarassa sarīraṃ yāceyya, na so, mahārāja, attānaṃ rakkheyya na kampeyya na rajjeyya, tassa dinnaṃ pariccattaṃ yeva sarīraṃ bhaveyya. Sace, mahārāja, koci vessantaraṃ dānapatiṃ upagantvā yāceyya ‘dāsattaṃ me upehī’ti, dinnaṃ pariccattaṃ yevassa sarīraṃ bhaveyya, na so datvā tapeyya 14, rañño, mahārāja, vessantarassa kāyo bahusādhāraṇo.

    ‘‘ยถา, มหาราช, ปกฺกา มํสเปสิ พหุสาธารณา, เอวเมว โข, มหาราช, รโญฺญ เวสฺสนฺตรสฺส กาโย พหุสาธารโณฯ ยถา วา ปน, มหาราช, ผลิโต 15 รุโกฺข นานาทิชคณสาธารโณ, เอวเมว โข, มหาราช, รโญฺญ เวสฺสนฺตรสฺส กาโย พหุสาธารโณฯ กิํ การณา? ‘เอวาหํ ปฎิปชฺชโนฺต สมฺมาสโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสามี’ติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, pakkā maṃsapesi bahusādhāraṇā, evameva kho, mahārāja, rañño vessantarassa kāyo bahusādhāraṇo. Yathā vā pana, mahārāja, phalito 16 rukkho nānādijagaṇasādhāraṇo, evameva kho, mahārāja, rañño vessantarassa kāyo bahusādhāraṇo. Kiṃ kāraṇā? ‘Evāhaṃ paṭipajjanto sammāsambodhiṃ pāpuṇissāmī’ti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส อธโน ธนตฺถิโก ธนปริเยสนํ จรมาโน อชปถํ สงฺกุปถํ เวตฺตปถํ คจฺฉติ, ชลถลวาณิชฺชํ กโรติ, กาเยน วาจาย มนสา ธนํ อาราเธติ, ธนปฺปฎิลาภาย วายมติฯ เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ทานปติ อธโน พุทฺธธเนน สพฺพญฺญุตญาณรตนปฺปฎิลาภาย ยาจกานํ ธนธญฺญํ ทาสิทาสํ ยานวาหนํ สกลสาปเตยฺยํ สกํ ปุตฺตทารํ อตฺตานญฺจ จชิตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ เยว ปริเยสติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, puriso adhano dhanatthiko dhanapariyesanaṃ caramāno ajapathaṃ saṅkupathaṃ vettapathaṃ gacchati, jalathalavāṇijjaṃ karoti, kāyena vācāya manasā dhanaṃ ārādheti, dhanappaṭilābhāya vāyamati. Evameva kho, mahārāja, vessantaro dānapati adhano buddhadhanena sabbaññutañāṇaratanappaṭilābhāya yācakānaṃ dhanadhaññaṃ dāsidāsaṃ yānavāhanaṃ sakalasāpateyyaṃ sakaṃ puttadāraṃ attānañca cajitvā sammāsambodhiṃ yeva pariyesati.

    ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อมโจฺจ มุทฺทกาโม มุทฺทาธิกรณํ ยํ กิญฺจิ เคเห ธนธญฺญํ หิรญฺญสุวณฺณํ, ตํ สพฺพํ ทตฺวาปิ มุทฺทปฺปฎิลาภาย วายมติฯ เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ทานปติ สพฺพํ ตํ พาหิรพฺภนฺตรธนํ ทตฺวา ชีวิตมฺปิ ปเรสํ ทตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ เยว ปริเยสติฯ

    ‘‘Yathā vā pana, mahārāja, amacco muddakāmo muddādhikaraṇaṃ yaṃ kiñci gehe dhanadhaññaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ, taṃ sabbaṃ datvāpi muddappaṭilābhāya vāyamati. Evameva kho, mahārāja, vessantaro dānapati sabbaṃ taṃ bāhirabbhantaradhanaṃ datvā jīvitampi paresaṃ datvā sammāsambodhiṃ yeva pariyesati.

    ‘‘อปิ จ, มหาราช, เวสฺสนฺตรสฺส ทานปติโน เอวํ อโหสิ ‘ยํ โส พฺราหฺมโณ ยาจติ, ตเมวาหํ ตสฺส เทโนฺต กิจฺจการี นาม โหมี’ติ, เอวํ โส ตสฺส ปุตฺตทารมทาสิฯ น โข, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ทานปติ เทสฺสตาย พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตทารมทาสิ, น อทสฺสนกามตาย ปุตฺตทารมทาสิ, น อติพหุกา เม ปุตฺตทารา, ‘น สโกฺกมิ เต โปเสตุ’นฺติ ปุตฺตทารมทาสิ, น อุกฺกณฺฐิโต ‘อปฺปิยา เม’ติ นีหริตุกามตาย ปุตฺตทารมทาสิฯ อถ โข สพฺพญฺญุตญาณรตนเสฺสว ปิยตฺตา สพฺพญฺญุตญาณสฺส การณา เวสฺสนฺตโร ราชา เอวรูปํ อตุลํ วิปุลมนุตฺตรํ ปิยํ มนาปํ ทยิตํ ปาณสมํ ปุตฺตทารทานวรํ พฺราหฺมณสฺส อทาสิฯ

    ‘‘Api ca, mahārāja, vessantarassa dānapatino evaṃ ahosi ‘yaṃ so brāhmaṇo yācati, tamevāhaṃ tassa dento kiccakārī nāma homī’ti, evaṃ so tassa puttadāramadāsi. Na kho, mahārāja, vessantaro dānapati dessatāya brāhmaṇassa puttadāramadāsi, na adassanakāmatāya puttadāramadāsi, na atibahukā me puttadārā, ‘na sakkomi te posetu’nti puttadāramadāsi, na ukkaṇṭhito ‘appiyā me’ti nīharitukāmatāya puttadāramadāsi. Atha kho sabbaññutañāṇaratanasseva piyattā sabbaññutañāṇassa kāraṇā vessantaro rājā evarūpaṃ atulaṃ vipulamanuttaraṃ piyaṃ manāpaṃ dayitaṃ pāṇasamaṃ puttadāradānavaraṃ brāhmaṇassa adāsi.

    ‘‘ภาสิตเมฺปตํ , มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน จริยาปิฎเก

    ‘‘Bhāsitampetaṃ , mahārāja, bhagavatā devātidevena cariyāpiṭake

    ‘‘‘น เม เทสฺสา อุโภ ปุตฺตา, มทฺที เทวี น เทสฺสิยา;

    ‘‘‘Na me dessā ubho puttā, maddī devī na dessiyā;

    สพฺพญฺญุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา ปิเย อทาสห’นฺติฯ

    Sabbaññutaṃ piyaṃ mayhaṃ, tasmā piye adāsaha’nti.

    ‘‘ตสฺมา, มหาราช, เวสฺสตโร ราชา ปุตฺตทานํ 17 ทตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิฯ ตสฺส อติเปเมน ทุกฺขิตสฺส พลวโสโก อุปฺปชฺชิ, หทยวตฺถุ อุณฺหมโหสิฯ นาสิกาย อปฺปโหนฺติยา มุเขน อุเณฺห อสฺสาสปสฺสาเส วิสฺสเชฺชสิ, อสฺสูนิ ปริวตฺติตฺวา โลหิตพินฺทูนิ หุตฺวา เนเตฺตหิ นิกฺขมิํสุฯ เอวเมว โข, มหาราช, ทุเกฺขน เวสฺสนฺตโร ราชา พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตทารมทาสิ ‘มา เม ทานปโถ ปริหายี’ติฯ

    ‘‘Tasmā, mahārāja, vessataro rājā puttadānaṃ 18 datvā paṇṇasālaṃ pavisitvā nipajji. Tassa atipemena dukkhitassa balavasoko uppajji, hadayavatthu uṇhamahosi. Nāsikāya appahontiyā mukhena uṇhe assāsapassāse vissajjesi, assūni parivattitvā lohitabindūni hutvā nettehi nikkhamiṃsu. Evameva kho, mahārāja, dukkhena vessantaro rājā brāhmaṇassa puttadāramadāsi ‘mā me dānapatho parihāyī’ti.

    ‘‘อปิ จ, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ พฺราหฺมณสฺส เทฺว ทารเก อทาสิฯ กตเม เทฺว? ทานปโถ จ เม อปริหีโน ภวิสฺสติ, ทุกฺขิเต จ เม ปุตฺตเก วนมูลผเลหิ อิโตนิทานํ อยฺยโก โมเจสฺสตีติฯ ชานาติ หิ, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา ‘น เม ทารกา สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํ, อิเม จ ทารเก อยฺยโก นิกฺกิณิสฺสติ, เอวํ อมฺหากมฺปิ คมนํ ภวิสฺสตี’ติฯ อิเม โข, มหาราช, เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ พฺราหฺมณสฺส เทฺว ทารเก อทาสิฯ

    ‘‘Api ca, mahārāja, vessantaro rājā dve atthavase paṭicca brāhmaṇassa dve dārake adāsi. Katame dve? Dānapatho ca me aparihīno bhavissati, dukkhite ca me puttake vanamūlaphalehi itonidānaṃ ayyako mocessatīti. Jānāti hi, mahārāja, vessantaro rājā ‘na me dārakā sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ, ime ca dārake ayyako nikkiṇissati, evaṃ amhākampi gamanaṃ bhavissatī’ti. Ime kho, mahārāja, dve atthavase paṭicca brāhmaṇassa dve dārake adāsi.

    ‘‘อปิ จ, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา ชานาติ ‘อยํ โข พฺราหฺมโณ ชิโณฺณ วุโฑฺฒ มหลฺลโก ทุพฺพโล ภโคฺค ทณฺฑปรายโณ ขีณายุโก ปริตฺตปุโญฺญ, เนโส สมโตฺถ อิเม ทารเก ทาสโภเคน ภุญฺชิตุ’นฺติฯ สกฺกุเณยฺย ปน, มหาราช, ปุริโส ปากติเกน พเลน อิเม จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว คเหตฺวา เปฬาย วา สมุเคฺค วา ปกฺขิปิตฺวา นิปฺปเภ กตฺวา ถาลกปริโภเคน 19 ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมสฺมิํ โลเก จนฺทิมสูริยปฺปฎิภาคสฺส เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุนฺติฯ

    ‘‘Api ca, mahārāja, vessantaro rājā jānāti ‘ayaṃ kho brāhmaṇo jiṇṇo vuḍḍho mahallako dubbalo bhaggo daṇḍaparāyaṇo khīṇāyuko parittapuñño, neso samattho ime dārake dāsabhogena bhuñjitu’nti. Sakkuṇeyya pana, mahārāja, puriso pākatikena balena ime candimasūriye evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve gahetvā peḷāya vā samugge vā pakkhipitvā nippabhe katvā thālakaparibhogena 20 paribhuñjitu’’nti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, imasmiṃ loke candimasūriyappaṭibhāgassa vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjitunti.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ ยถา, มหาราช, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส มณิรตนํ สุภํ ชาติมนฺตํ อฎฺฐํสํ สุปริกมฺมกตํ จตุหตฺถายามํ สกฎนาภิปริณาหํ น สกฺกา เกนจิ ปิโลติกาย เวเฐตฺวา เปฬาย ปกฺขิปิตฺวา สตฺถกนิสานปริโภเคน ปริภุญฺชิตุํ, เอวเมว โข, มหาราช, โลเก จกฺกวตฺติรโญฺญ มณิรตนปฺปฎิภาคสฺส เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Yathā, mahārāja, rañño cakkavattissa maṇiratanaṃ subhaṃ jātimantaṃ aṭṭhaṃsaṃ suparikammakataṃ catuhatthāyāmaṃ sakaṭanābhipariṇāhaṃ na sakkā kenaci pilotikāya veṭhetvā peḷāya pakkhipitvā satthakanisānaparibhogena paribhuñjituṃ, evameva kho, mahārāja, loke cakkavattirañño maṇiratanappaṭibhāgassa vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ ยถา, มหาราช, ติธา ปภิโนฺน สพฺพเสโต สตฺตปฺปติฎฺฐิโต อฎฺฐรตนุเพฺพโธ นวรตนายามปริณาโห ปาสาทิโก ทสฺสนีโย อุโปสโถ นาคราชา น สกฺกา เกนจิ สุเปฺปน วา สราเวน วา ปิทหิตุํ, โควจฺฉโก วิย วจฺฉกสาลาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ วา, เอวเมว โข, มหาราช, โลเก อุโปสถนาคราชปฺปฎิภาคสฺส เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Yathā, mahārāja, tidhā pabhinno sabbaseto sattappatiṭṭhito aṭṭharatanubbedho navaratanāyāmapariṇāho pāsādiko dassanīyo uposatho nāgarājā na sakkā kenaci suppena vā sarāvena vā pidahituṃ, govacchako viya vacchakasālāya pakkhipitvā pariharituṃ vā, evameva kho, mahārāja, loke uposathanāgarājappaṭibhāgassa vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ ยถา, มหาราช, มหาสมุโทฺท ทีฆปุถุลวิตฺถิโณฺณ คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย ทุรุตฺตโร อปริโยคาโฬฺห อนาวโฎ น สกฺกา เกนจิ สพฺพตฺถ ปิทหิตฺวา เอกติเตฺถน ปริโภคํ กาตุํ, เอวเมว โข, มหาราช, โลเก มหาสมุทฺทปฺปฎิภาคสฺส เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Yathā, mahārāja, mahāsamuddo dīghaputhulavitthiṇṇo gambhīro appameyyo duruttaro apariyogāḷho anāvaṭo na sakkā kenaci sabbattha pidahitvā ekatitthena paribhogaṃ kātuṃ, evameva kho, mahārāja, loke mahāsamuddappaṭibhāgassa vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ ยถา, มหาราช, หิมวโนฺต ปพฺพตราชา ปญฺจโยชนสตํ อจฺจุคฺคโต นเภ ติสหสฺสโยชนายามวิตฺถาโร จตุราสีติกูฎสหสฺสปฺปฎิมณฺฑิโต ปญฺจนฺนํ มหานทีสตานํ ปภโว มหาภูตคณาลโย นานาวิธคนฺธธโร ทิโพฺพสธสตสมลงฺกโต นเภ วลาหโก วิย อจฺจุคฺคโต ทิสฺสติ, เอวเมว โข, มหาราช, โลเก หิมวนฺตปพฺพตราชปฺปฎิภาคสฺส เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Yathā, mahārāja, himavanto pabbatarājā pañcayojanasataṃ accuggato nabhe tisahassayojanāyāmavitthāro caturāsītikūṭasahassappaṭimaṇḍito pañcannaṃ mahānadīsatānaṃ pabhavo mahābhūtagaṇālayo nānāvidhagandhadharo dibbosadhasatasamalaṅkato nabhe valāhako viya accuggato dissati, evameva kho, mahārāja, loke himavantapabbatarājappaṭibhāgassa vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ ยถา, มหาราช, รตฺตนฺธการติมิสายํ อุปริปพฺพตเคฺค ชลมาโน มหาอคฺคิกฺขโนฺธ สุวิทูเรปิ ปญฺญายติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา ปพฺพตเคฺค ชลมาโน มหาอคฺคิกฺขโนฺธ วิย สุวิทูเรปิ ปากโฎ ปญฺญายติ, ตสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Yathā, mahārāja, rattandhakāratimisāyaṃ uparipabbatagge jalamāno mahāaggikkhandho suvidūrepi paññāyati, evameva kho, mahārāja, vessantaro rājā pabbatagge jalamāno mahāaggikkhandho viya suvidūrepi pākaṭo paññāyati, tassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เวสฺสนฺตรสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ ยถา, มหาราช, หิมวเนฺต ปพฺพเต นาคปุปฺผสมเย อุชุวาเต วายเนฺต ทส ทฺวาทส โยชนานิ ปุปฺผคโนฺธ วายติ, เอวเมว โข , มหาราช, เวสฺสนฺตรสฺส รโญฺญ อปิ โยชนสหเสฺสหิปิ ยาว อกนิฎฺฐภวนํ เอตฺถนฺตเร สุราสุรครุฬคนฺธพฺพยกฺขรกฺขสมโหรคกินฺนรอินฺทภวเนสุ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต, สีลวรคโนฺธ จสฺส สมฺปวายติ, เตน ตสฺส ทารกา น สกฺกา เกนจิ ทาสโภเคน ภุญฺชิตุํฯ อนุสิโฎฺฐ, มหาราช, ชาลี กุมาโร ปิตรา เวสฺสนฺตเรน รญฺญา ‘อยฺยโก เต, ตาต, ตุเมฺห พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา นิกฺกิณโนฺต ตํ นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา นิกฺกิณาตุ, กณฺหาชินํ นิกฺกิณโนฺต ทาสสตํ ทาสิสตํ หตฺถิสตํ อสฺสสตํ เธนุสตํ อุสภสตํ นิกฺขสตนฺติ สพฺพสตํ ทตฺวา นิกฺกิณาตุ, ยทิ เต, ตาต, อยฺยโก ตุเมฺห พฺราหฺมณสฺส หตฺถโต อาณาย พลสา มุธา คณฺหาติ, มา ตุเมฺห อยฺยกสฺส วจนํ กริตฺถ, พฺราหฺมณเสฺสว อนุยายิโน โหถา’ติ, เอวมนุสาสิตฺวา ปุเตฺต เปเสสิ, ตโต ชาลีกุมาโร คนฺตฺวา อยฺยเกน ปุโฎฺฐ กเถสิ –

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena vessantarassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Yathā, mahārāja, himavante pabbate nāgapupphasamaye ujuvāte vāyante dasa dvādasa yojanāni pupphagandho vāyati, evameva kho , mahārāja, vessantarassa rañño api yojanasahassehipi yāva akaniṭṭhabhavanaṃ etthantare surāsuragaruḷagandhabbayakkharakkhasamahoragakinnaraindabhavanesu kittisaddo abbhuggato, sīlavaragandho cassa sampavāyati, tena tassa dārakā na sakkā kenaci dāsabhogena bhuñjituṃ. Anusiṭṭho, mahārāja, jālī kumāro pitarā vessantarena raññā ‘ayyako te, tāta, tumhe brāhmaṇassa dhanaṃ datvā nikkiṇanto taṃ nikkhasahassaṃ datvā nikkiṇātu, kaṇhājinaṃ nikkiṇanto dāsasataṃ dāsisataṃ hatthisataṃ assasataṃ dhenusataṃ usabhasataṃ nikkhasatanti sabbasataṃ datvā nikkiṇātu, yadi te, tāta, ayyako tumhe brāhmaṇassa hatthato āṇāya balasā mudhā gaṇhāti, mā tumhe ayyakassa vacanaṃ karittha, brāhmaṇasseva anuyāyino hothā’ti, evamanusāsitvā putte pesesi, tato jālīkumāro gantvā ayyakena puṭṭho kathesi –

    ‘‘‘สหสฺสคฺฆํ หิ มํ ตาต, พฺราหฺมณสฺส ปิตา อทา;

    ‘‘‘Sahassagghaṃ hi maṃ tāta, brāhmaṇassa pitā adā;

    อโถ กณฺหาชินํ กญฺญํ, หตฺถีนญฺจ สเตน จา’’’ติฯ

    Atho kaṇhājinaṃ kaññaṃ, hatthīnañca satena cā’’’ti.

    ‘‘สุนิเพฺพฐิโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห; สุภินฺนํ ทิฎฺฐิชาลํ; สุมทฺทิโต ปรวาโท; สกสมโย สุทีปิโต; พฺยญฺชนํ สุปริโสธิตํ; สุวิภโตฺต อโตฺถ; เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Sunibbeṭhito, bhante nāgasena, pañho; subhinnaṃ diṭṭhijālaṃ; sumaddito paravādo; sakasamayo sudīpito; byañjanaṃ suparisodhitaṃ; suvibhatto attho; evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    เวสฺสนฺตรปโญฺห ปฐโมฯ

    Vessantarapañho paṭhamo.







    Footnotes:
    1. ลาลปิํสุ (สี. ปี.)
    2. lālapiṃsu (sī. pī.)
    3. อติอรหโนฺต (สฺยา. ก.)
    4. atiarahanto (syā. ka.)
    5. เกจิ ยาทิสํ ตาทิสํ ทานํ เทนฺติ (สฺยา.)
    6. อติอุสภตาย (ก.)
    7. อติวิสิฎฺฐตาย (สฺยา.)
    8. keci yādisaṃ tādisaṃ dānaṃ denti (syā.)
    9. atiusabhatāya (ka.)
    10. ativisiṭṭhatāya (syā.)
    11. อาธาเปตุํ วา (สฺยา.), อาธปิตุํ วา (ก.)
    12. ādhāpetuṃ vā (syā.), ādhapituṃ vā (ka.)
    13. ฐเปยฺย (สี.)
    14. ṭhapeyya (sī.)
    15. ผลิโน (?)
    16. phalino (?)
    17. ปุตฺตทารํ (ก.)
    18. puttadāraṃ (ka.)
    19. ปทีปปริโภเคน (สฺยา.)
    20. padīpaparibhogena (syā.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact