Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

    2. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā

    . ทุติเยปิ วุตฺตนเยเนว สุตฺตนิเกฺขโป เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – ปฐมํ อุคฺฆฎิตญฺญูปุคฺคลานํ วเสน สเงฺขปโต ทสฺสิตํ, อิทํ วิปญฺจิตญฺญูนํ วเสน วิตฺถารโตติฯ อิมสฺมิญฺจ ปน สุเตฺต จตโสฺส วลฺลิหารกปุริสูปมา วตฺตพฺพา, ตา วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตา เอวฯ ยถา หิ วลฺลิหารโก ปุริโส วลฺลิยา อคฺคํ ทิสฺวา ตทนุสาเรน มูลํ ปริเยสโนฺต ตํ ทิสฺวา วลฺลิํ มูเล เฉตฺวา อาทาย กเมฺม อุปเนยฺย, เอวํ ภควา วิตฺถารเทสนํ เทเสโนฺต ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส อคฺคภูตา ชรามรณา ปฎฺฐาย ยาว มูลภูตํ อวิชฺชาปทํ, ตาว เทสนํ อาหริตฺวา ปุน วฎฺฎวิวฎฺฎํ เทเสโนฺต นิฎฺฐเปสิฯ

    2. Dutiyepi vuttanayeneva suttanikkhepo veditabbo. Ayaṃ pana viseso – paṭhamaṃ ugghaṭitaññūpuggalānaṃ vasena saṅkhepato dassitaṃ, idaṃ vipañcitaññūnaṃ vasena vitthāratoti. Imasmiñca pana sutte catasso vallihārakapurisūpamā vattabbā, tā visuddhimagge vuttā eva. Yathā hi vallihārako puriso valliyā aggaṃ disvā tadanusārena mūlaṃ pariyesanto taṃ disvā valliṃ mūle chetvā ādāya kamme upaneyya, evaṃ bhagavā vitthāradesanaṃ desento paṭiccasamuppādassa aggabhūtā jarāmaraṇā paṭṭhāya yāva mūlabhūtaṃ avijjāpadaṃ, tāva desanaṃ āharitvā puna vaṭṭavivaṭṭaṃ desento niṭṭhapesi.

    ตตฺรายํ ชรามรณาทีนํ วิตฺถารเทสนาย อตฺถนิจฺฉโย – ชรามรณนิเทฺทเส ตาว เตสํ เตสนฺติ อยํ สเงฺขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิเทฺทโสติ วิญฺญาตโพฺพฯ ยา เทวทตฺตสฺส ชรา, ยา โสมทตฺตสฺสาติ เอวญฺหิ ทิวสมฺปิ กเถนฺตสฺส เนว สตฺตา ปริยาทานํ คจฺฉนฺติฯ อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ น โกจิ สโตฺต อปริยาทิโนฺน โหติฯ ตสฺมา วุตฺตํ, ‘‘อยํ สเงฺขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิเทฺทโส’’ติฯ ตมฺหิ ตมฺหีติ อยํ คติชาติวเสน อเนเกสํ สตฺตนิกายานํ สาธารณนิเทฺทโสฯ สตฺตนิกาเยติ สาธารณนิเทฺทเสน นิทฺทิฎฺฐสฺส สรูปนิทสฺสนํฯ ชรา ชีรณตาติอาทีสุ ปน ชราติ สภาวนิเทฺทโสฯ ชีรณตาติ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสา, ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาฯ อยญฺหิ ชราติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา, เตนสฺสายํ สภาวนิเทฺทโส ฯ ชีรณตาติ อิมินา อาการโต, เตนสฺสายํ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโตฯ ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโตฯ วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ มิลาเปตฺวา ตจวลิภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตาฯ เตนสฺสา อิเม ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาฯ เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ปากฎีภูตา ปากฎชรา ทสฺสิตาฯ ยเถว หิ อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อคฺคิโน วา ติณรุกฺขาทีนํ สํภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมโคฺค ปากโฎ โหติ, น จ โส คตมโคฺค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมโคฺค ปากโฎ, จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติ น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราฯ น หิ ชรา จกฺขุวิเญฺญยฺยา โหติฯ

    Tatrāyaṃ jarāmaraṇādīnaṃ vitthāradesanāya atthanicchayo – jarāmaraṇaniddese tāva tesaṃ tesanti ayaṃ saṅkhepato anekesaṃ sattānaṃ sādhāraṇaniddesoti viññātabbo. Yā devadattassa jarā, yā somadattassāti evañhi divasampi kathentassa neva sattā pariyādānaṃ gacchanti. Imehi pana dvīhi padehi na koci satto apariyādinno hoti. Tasmā vuttaṃ, ‘‘ayaṃ saṅkhepato anekesaṃ sattānaṃ sādhāraṇaniddeso’’ti. Tamhi tamhīti ayaṃ gatijātivasena anekesaṃ sattanikāyānaṃ sādhāraṇaniddeso. Sattanikāyeti sādhāraṇaniddesena niddiṭṭhassa sarūpanidassanaṃ. Jarā jīraṇatātiādīsu pana jarāti sabhāvaniddeso. Jīraṇatāti ākāraniddeso. Khaṇḍiccantiādayo tayo kālātikkame kiccaniddesā, pacchimā dve pakatiniddesā. Ayañhi jarāti iminā padena sabhāvato dīpitā, tenassāyaṃ sabhāvaniddeso . Jīraṇatāti iminā ākārato, tenassāyaṃ ākāraniddeso. Khaṇḍiccanti iminā kālātikkame dantanakhānaṃ khaṇḍitabhāvakaraṇakiccato. Pāliccanti iminā kesalomānaṃ palitabhāvakaraṇakiccato. Valittacatāti iminā maṃsaṃ milāpetvā tacavalibhāvakaraṇakiccato dīpitā. Tenassā ime khaṇḍiccantiādayo tayo kālātikkame kiccaniddesā. Tehi imesaṃ vikārānaṃ dassanavasena pākaṭībhūtā pākaṭajarā dassitā. Yatheva hi udakassa vā vātassa vā aggino vā tiṇarukkhādīnaṃ saṃbhaggapalibhaggatāya vā jhāmatāya vā gatamaggo pākaṭo hoti, na ca so gatamaggo tāneva udakādīni, evameva jarāya dantādīsu khaṇḍiccādivasena gatamaggo pākaṭo, cakkhuṃ ummīletvāpi gayhati na ca khaṇḍiccādīneva jarā. Na hi jarā cakkhuviññeyyā hoti.

    อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตาย อายุกฺขย-จกฺขาทิอินฺทฺริย-ปริปากสญฺญิตาย ปกติยา ทีปิตาฯ เตนสฺสิเม ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตาฯ ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ, โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติ ผลูปจาเรเนว วุตฺตาฯ

    Āyuno saṃhāni indriyānaṃ paripākoti imehi pana padehi kālātikkameyeva abhibyattāya āyukkhaya-cakkhādiindriya-paripākasaññitāya pakatiyā dīpitā. Tenassime pacchimā dve pakatiniddesāti veditabbā. Tattha yasmā jaraṃ pattassa āyu hāyati, tasmā jarā ‘‘āyuno saṃhānī’’ti phalūpacārena vuttā. Yasmā ca daharakāle suppasannāni sukhumampi attano visayaṃ sukheneva gaṇhanasamatthāni cakkhādīni indriyāni jaraṃ pattassa paripakkāni āluḷitāni avisadāni, oḷārikampi attano visayaṃ gahetuṃ asamatthāni honti, tasmā ‘‘indriyānaṃ paripāko’’ti phalūpacāreneva vuttā.

    สา ปนายํ เอวํ นิทฺทิฎฺฐา สพฺพาปิ ชรา ปากฎา ปฎิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑาทิภาวทสฺสนโต รูปธเมฺมสุ ชรา ปากฎชรา นาม, อรูปธเมฺมสุ ปน ชรา ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฎิจฺฉนฺนชรา นามฯ ตตฺถ ยฺวายํ ขณฺฑาทิภาโว ทิสฺสติ, โส ตาทิสานํ ทนฺตาทีนํ สุวิเญฺญยฺยตฺตา วโณฺณเยว, ตํ จกฺขุนา ทิสฺวา มโนทฺวาเรน จิเนฺตตฺวา ‘‘อิเม ทนฺตา ชราย ปหฎา’’ติ ชรํ ชานาติ อุทกฎฺฐาเน พทฺธานิ โคสีสาทีนิ โอโลเกตฺวา เหฎฺฐา อุทกสฺส อตฺถิภาวํ ชานนํ วิยฯ ปุน อวีจิ สวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ มณิ-กนก-รชต-ปวาฬจนฺทสูริยาทีนํ วิย มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย จ ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ จ อปาณีนํ วิย อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม, นิรนฺตรชราติ อโตฺถฯ ตโต อเญฺญสุ ปน ยถาวุเตฺตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามาติ เวทิตพฺพาฯ

    Sā panāyaṃ evaṃ niddiṭṭhā sabbāpi jarā pākaṭā paṭicchannāti duvidhā hoti. Tattha dantādīsu khaṇḍādibhāvadassanato rūpadhammesu jarā pākaṭajarā nāma, arūpadhammesu pana jarā tādisassa vikārassa adassanato paṭicchannajarā nāma. Tattha yvāyaṃ khaṇḍādibhāvo dissati, so tādisānaṃ dantādīnaṃ suviññeyyattā vaṇṇoyeva, taṃ cakkhunā disvā manodvārena cintetvā ‘‘ime dantā jarāya pahaṭā’’ti jaraṃ jānāti udakaṭṭhāne baddhāni gosīsādīni oloketvā heṭṭhā udakassa atthibhāvaṃ jānanaṃ viya. Puna avīci savīcīti evampi duvidhā hoti. Tattha maṇi-kanaka-rajata-pavāḷacandasūriyādīnaṃ viya mandadasakādīsu pāṇīnaṃ viya ca pupphaphalapallavādīsu ca apāṇīnaṃ viya antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ duviññeyyattā jarā avīcijarā nāma, nirantarajarāti attho. Tato aññesu pana yathāvuttesu antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ suviññeyyattā jarā savīcijarā nāmāti veditabbā.

    อิโต ปรํ เตสํ เตสนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ จุติ จวนตาติอาทีสุ ปน จุตีติ จวนกวเสน วุจฺจติ, เอกจตุปญฺจกฺขนฺธสามญฺญวจนเมตํฯ จวนตาติ ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสนํ ฯ เภโทติ จุติกฺขนฺธานํ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปนํฯ อนฺตรธานนฺติ ฆฎเสฺสว ภินฺนสฺส ภินฺนานํ จุติกฺขนฺธานํ เยน เกนจิ ปริยาเยน ฐานาภาวปริทีปนํฯ มจฺจุ มรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ มรณํ, เตน สมุเจฺฉทมรณาทีนิ นิเสเธติฯ กาโล นาม อนฺตโก, ตสฺส กิริยา กาลกิริยาฯ เอวํ เตน โลกสมฺมุติยา มรณํ ทีเปติฯ

    Ito paraṃ tesaṃ tesantiādi vuttanayeneva veditabbaṃ. Cuti cavanatātiādīsu pana cutīti cavanakavasena vuccati, ekacatupañcakkhandhasāmaññavacanametaṃ. Cavanatāti bhāvavacanena lakkhaṇanidassanaṃ . Bhedoti cutikkhandhānaṃ bhaṅguppattiparidīpanaṃ. Antaradhānanti ghaṭasseva bhinnassa bhinnānaṃ cutikkhandhānaṃ yena kenaci pariyāyena ṭhānābhāvaparidīpanaṃ. Maccu maraṇanti maccusaṅkhātaṃ maraṇaṃ, tena samucchedamaraṇādīni nisedheti. Kālo nāma antako, tassa kiriyā kālakiriyā. Evaṃ tena lokasammutiyā maraṇaṃ dīpeti.

    อิทานิ ปรมเตฺถน ทีเปตุํ ขนฺธานํ เภโทติอาทิมาหฯ ปรมเตฺถน หิ ขนฺธาเยว ภิชฺชนฺติ, น สโตฺต นาม โกจิ มรติฯ ขเนฺธสุ ปน ภิชฺชมาเนสุ สโตฺต มรติ, ภิเนฺนสุ มโตติ โวหาโร โหติฯ เอตฺถ จ จตุปญฺจโวการวเสน ขนฺธานํ เภโท, เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ จตุโวการวเสน จ ขนฺธานํ เภโท, เสสทฺวยวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโป เวทิตโพฺพฯ กสฺมา? ภวทฺวเยปิ รูปกายสงฺขาตสฺส กเฬวรสฺส สพฺภาวโตฯ อถ วา ยสฺมา จาตุมหาราชิกาทีสุ ขนฺธา ภิชฺชเนฺตว, น กิญฺจิ นิกฺขิปติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ขนฺธานํ เภโท, มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ เอตฺถ จ กเฬวรสฺส นิเกฺขปการณโต มรณํ ‘‘กเฬวรสฺส นิเกฺขโป’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิติ อยญฺจ ชรา อิทญฺจ มรณํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเวติ อิทํ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ชรามรณนฺติ กถียติฯ

    Idāni paramatthena dīpetuṃ khandhānaṃ bhedotiādimāha. Paramatthena hi khandhāyeva bhijjanti, na satto nāma koci marati. Khandhesu pana bhijjamānesu satto marati, bhinnesu matoti vohāro hoti. Ettha ca catupañcavokāravasena khandhānaṃ bhedo, ekavokāravasena kaḷevarassa nikkhepo. Catuvokāravasena ca khandhānaṃ bhedo, sesadvayavasena kaḷevarassa nikkhepo veditabbo. Kasmā? Bhavadvayepi rūpakāyasaṅkhātassa kaḷevarassa sabbhāvato. Atha vā yasmā cātumahārājikādīsu khandhā bhijjanteva, na kiñci nikkhipati, tasmā tesaṃ vasena khandhānaṃ bhedo, manussādīsu kaḷevarassa nikkhepo. Ettha ca kaḷevarassa nikkhepakāraṇato maraṇaṃ ‘‘kaḷevarassa nikkhepo’’ti vuttanti evamattho daṭṭhabbo. Iti ayañca jarā idañca maraṇaṃ, idaṃ vuccati, bhikkhaveti idaṃ ubhayampi ekato katvā jarāmaraṇanti kathīyati.

    ชาตินิเทฺทเส ชาติ สญฺชาตีติอาทีสุ ชายนเฎฺฐน ชาติ, สา อปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตาฯ สญฺชายนเฎฺฐน สญฺชาติ, สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตาฯ โอกฺกมนเฎฺฐน โอกฺกนฺติ, สา อณฺฑชชลาพุชวเสน ยุตฺตาฯ เต หิ อณฺฑโกสญฺจ วตฺถิโกสญฺจ โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺติฯ อภินิพฺพตฺตนเฎฺฐน อภินิพฺพตฺติ, สา สํเสทชโอปปาติกวเสน ยุตฺตาฯ เต หิ ปากฎาเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติฯ อยํ ตาว โวหารเทสนาฯ

    Jātiniddese jāti sañjātītiādīsu jāyanaṭṭhena jāti, sā aparipuṇṇāyatanavasena yuttā. Sañjāyanaṭṭhena sañjāti, sā paripuṇṇāyatanavasena yuttā. Okkamanaṭṭhena okkanti, sā aṇḍajajalābujavasena yuttā. Te hi aṇḍakosañca vatthikosañca okkamantā pavisantā viya paṭisandhiṃ gaṇhanti. Abhinibbattanaṭṭhena abhinibbatti, sā saṃsedajaopapātikavasena yuttā. Te hi pākaṭāyeva hutvā nibbattanti. Ayaṃ tāva vohāradesanā.

    อิทานิ ปรมตฺถเทสนา โหติฯ ขนฺธาเยว หิ ปรมตฺถโต ปาตุภวนฺติ, น สโตฺตฯ ตตฺถ จ ขนฺธานนฺติ เอกโวการภเว เอกสฺส, จตุโวการภเว จตุนฺนํ, ปญฺจโวการภเว ปญฺจนฺนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํฯ ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติฯ อายตนานนฺติ เอตฺถ ตตฺร ตตฺร อุปฺปชฺชมานายตนวเสน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ปฎิลาโภติ สนฺตติยํ ปาตุภาโวเยวฯ ปาตุภวนฺตาเนว หิ ตานิ ปฎิลทฺธานิ นาม โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ชาตีติ อิมินา ปเทน โวหารโต ปรมตฺถโต จ เทสิตาย ชาติยา นิคมนํ กโรตีติฯ

    Idāni paramatthadesanā hoti. Khandhāyeva hi paramatthato pātubhavanti, na satto. Tattha ca khandhānanti ekavokārabhave ekassa, catuvokārabhave catunnaṃ, pañcavokārabhave pañcannampi gahaṇaṃ veditabbaṃ. Pātubhāvoti uppatti. Āyatanānanti ettha tatra tatra uppajjamānāyatanavasena saṅgaho veditabbo. Paṭilābhoti santatiyaṃ pātubhāvoyeva. Pātubhavantāneva hi tāni paṭiladdhāni nāma honti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, jātīti iminā padena vohārato paramatthato ca desitāya jātiyā nigamanaṃ karotīti.

    ภวนิเทฺทเส กามภโวติ กมฺมภโว จ อุปปตฺติภโว จฯ ตตฺถ กมฺมภโว นาม กามภวูปคกมฺมเมวฯ ตญฺหิ ตตฺถ อุปปตฺติภวสฺส การณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท (ธ. ป. ๑๙๔) ทุโกฺข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๑๑๗) วิย ผลโวหาเรน ภโวติ วุตฺตํฯ อุปปตฺติภโว นาม เตน กเมฺมน นิพฺพตฺตํ อุปาทิณฺณกฺขนฺธปญฺจกํฯ ตญฺหิ ตตฺถ ภวตีติ กตฺวา ภโวติ วุตฺตํฯ สพฺพถาปิ อิทํ กมฺมญฺจ อุปปตฺติญฺจ อุภยเมฺปตมิธ ‘‘กามภโว’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย รูปารูปภเวสูติฯ

    Bhavaniddese kāmabhavoti kammabhavo ca upapattibhavo ca. Tattha kammabhavo nāma kāmabhavūpagakammameva. Tañhi tattha upapattibhavassa kāraṇattā ‘‘sukho buddhānaṃ uppādo (dha. pa. 194) dukkho pāpassa uccayo’’tiādīni (dha. pa. 117) viya phalavohārena bhavoti vuttaṃ. Upapattibhavo nāma tena kammena nibbattaṃ upādiṇṇakkhandhapañcakaṃ. Tañhi tattha bhavatīti katvā bhavoti vuttaṃ. Sabbathāpi idaṃ kammañca upapattiñca ubhayampetamidha ‘‘kāmabhavo’’ti vuttaṃ. Esa nayo rūpārūpabhavesūti.

    อุปาทานนิเทฺทเส กามุปาทานนฺติอาทีสุ วตฺถุกามํ อุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ, กาโม จ โส อุปาทานญฺจาติ กามุปาทานํฯ อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ วุจฺจติฯ ทฬฺหโตฺถ หิ เอตฺถ อุปสโทฺท อุปายาสอุปกฎฺฐาทีสุ วิยฯ ปญฺจกามคุณิกราคเสฺสตํ อธิวจนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Upādānaniddese kāmupādānantiādīsu vatthukāmaṃ upādiyanti etena, sayaṃ vā taṃ upādiyatīti kāmupādānaṃ, kāmo ca so upādānañcāti kāmupādānaṃ. Upādānanti daḷhaggahaṇaṃ vuccati. Daḷhattho hi ettha upasaddo upāyāsaupakaṭṭhādīsu viya. Pañcakāmaguṇikarāgassetaṃ adhivacanaṃ. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panetaṃ, ‘‘tattha katamaṃ kāmupādānaṃ? Yo kāmesu kāmacchando’’ti (dha. sa. 1220; vibha. 938) vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ตถา ทิฎฺฐิ จ สา อุปาทานญฺจาติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ อถ วา ทิฎฺฐิํ อุปาทิยติ, อุปาทิยนฺติ วา เอเตน ทิฎฺฐินฺติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ อุปาทิยติ หิ ปุริมทิฎฺฐิํ อุตฺตรทิฎฺฐิ, อุปาทิยนฺติ จ ตาย ทิฎฺฐิํฯ ยถาห – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๗)ฯ สีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานวชฺชสฺส สพฺพทิฎฺฐิคตเสฺสตํ อธิวจนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฎฺฐุปาทานํ? นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Tathā diṭṭhi ca sā upādānañcāti diṭṭhupādānaṃ. Atha vā diṭṭhiṃ upādiyati, upādiyanti vā etena diṭṭhinti diṭṭhupādānaṃ. Upādiyati hi purimadiṭṭhiṃ uttaradiṭṭhi, upādiyanti ca tāya diṭṭhiṃ. Yathāha – ‘‘sassato attā ca loko ca idameva saccaṃ moghamañña’’ntiādi (ma. ni. 3.27). Sīlabbatupādānaattavādupādānavajjassa sabbadiṭṭhigatassetaṃ adhivacanaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panetaṃ, ‘‘tattha katamaṃ diṭṭhupādānaṃ? Natthi dinna’’nti (dha. sa. 1221) vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ตถา สีลพฺพตมุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยติ, สีลพฺพตญฺจ ตํ อุปาทานญฺจาติ วา สีลพฺพตุปาทานํฯ โคสีลโควตาทีนิ หิ ‘‘เอวํ สุทฺธี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานีติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ? อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธี’’ติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Tathā sīlabbatamupādiyanti etena, sayaṃ vā taṃ upādiyati, sīlabbatañca taṃ upādānañcāti vā sīlabbatupādānaṃ. Gosīlagovatādīni hi ‘‘evaṃ suddhī’’ti (dha. sa. 1222; vibha. 938) abhinivesato sayameva upādānānīti. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panetaṃ, ‘‘tattha katamaṃ sīlabbatupādānaṃ? Ito bahiddhā samaṇabrāhmaṇānaṃ sīlena suddhī’’ti vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อิทานิ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อุปาทานํ, กิํ วทนฺติ อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํฯ อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํฯ อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํฯ วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฎฺฐิยา เอตํ อธิวจนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ? อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Idāni vadanti etenāti vādo, upādiyanti etenāti upādānaṃ, kiṃ vadanti upādiyanti vā? Attānaṃ. Attano vādupādānaṃ attavādupādānaṃ. Attavādamattameva vā attāti upādiyanti etenāti attavādupādānaṃ. Vīsativatthukāya sakkāyadiṭṭhiyā etaṃ adhivacanaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panetaṃ, ‘‘tattha katamaṃ attavādupādānaṃ? Idha assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī’’ti vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ตณฺหานิเทฺทเส รูปตณฺหา…เป.… ธมฺมตณฺหาติ เอตํ จกฺขุทฺวาราทีสุ ชวนวีถิยา ปวตฺตาย ตณฺหาย ‘‘เสฎฺฐิปุโตฺต พฺราหฺมณปุโตฺต’’ติ เอวมาทีสุ ปิติโต นามํ วิย ปิติสทิสารมฺมณโต นามํฯ เอตฺถ จ รูปารมฺมณา ตณฺหา, รูเป ตณฺหาติ รูปตณฺหาฯ สา กามราคภาเวน รูปํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา กามตณฺหา, สสฺสตทิฎฺฐิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสต’’นฺติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา ภวตณฺหา, อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ เปจฺจ น ภวตี’’ติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา วิภวตณฺหาติ รูปตณฺหา เอวํ ติวิธา โหติฯ ยถา จ รูปตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหาทโยปีติ เอวํ ตานิ อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ ตานิ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฎฺฐารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฎฺฐารสาติ ฉตฺติํสฯ อิติ อตีตานิ ฉตฺติํส, อนาคตานิ ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺติํสาติ เอวํ อฎฺฐสตํ ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย อสฺมีติ โหติ, อิตฺถสฺมีติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๓) วา เอวมาทีนิ อชฺฌตฺติกรูปาทินิสฺสิตานิ อฎฺฐารส, ‘‘พาหิรสฺส อุปาทาย อิมินา อสฺมีติ โหติ, อิมินา อิตฺถสฺมีติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๕) วา เอวมาทีนิ พาหิรรูปาทินิสฺสิตานิ อฎฺฐารสาติ ฉตฺติํส, อิติ อตีตานิ ฉตฺติํส, อนาคตานิ ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺติํสาติ เอวมฺปิ อฎฺฐสตํ ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ ปุน สงฺคเห กริยมาเน รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ฉเฬว ตณฺหากายา ติโสฺสเยว กามตณฺหาทโย โหนฺตีติฯ เอวํ –

    Taṇhāniddese rūpataṇhā…pe… dhammataṇhāti etaṃ cakkhudvārādīsu javanavīthiyā pavattāya taṇhāya ‘‘seṭṭhiputto brāhmaṇaputto’’ti evamādīsu pitito nāmaṃ viya pitisadisārammaṇato nāmaṃ. Ettha ca rūpārammaṇā taṇhā, rūpe taṇhāti rūpataṇhā. Sā kāmarāgabhāvena rūpaṃ assādentī pavattamānā kāmataṇhā, sassatadiṭṭhisahagatarāgabhāvena ‘‘rūpaṃ niccaṃ dhuvaṃ sassata’’nti evaṃ assādentī pavattamānā bhavataṇhā, ucchedadiṭṭhisahagatarāgabhāvena ‘‘rūpaṃ ucchijjati vinassati pecca na bhavatī’’ti evaṃ assādentī pavattamānā vibhavataṇhāti rūpataṇhā evaṃ tividhā hoti. Yathā ca rūpataṇhā, tathā saddataṇhādayopīti evaṃ tāni aṭṭhārasa taṇhāvicaritāni honti. Tāni ajjhattarūpādīsu aṭṭhārasa, bahiddhārūpādīsu aṭṭhārasāti chattiṃsa. Iti atītāni chattiṃsa, anāgatāni chattiṃsa, paccuppannāni chattiṃsāti evaṃ aṭṭhasataṃ taṇhāvicaritāni honti. ‘‘Ajjhattikassa upādāya asmīti hoti, itthasmīti hotī’’ti (vibha. 973) vā evamādīni ajjhattikarūpādinissitāni aṭṭhārasa, ‘‘bāhirassa upādāya iminā asmīti hoti, iminā itthasmīti hotī’’ti (vibha. 975) vā evamādīni bāhirarūpādinissitāni aṭṭhārasāti chattiṃsa, iti atītāni chattiṃsa, anāgatāni chattiṃsa, paccuppannāni chattiṃsāti evampi aṭṭhasataṃ taṇhāvicaritāni honti. Puna saṅgahe kariyamāne rūpādīsu ārammaṇesu chaḷeva taṇhākāyā tissoyeva kāmataṇhādayo hontīti. Evaṃ –

    ‘‘นิเทฺทสเตฺถน นิเทฺทส, วิตฺถารา วิตฺถารสฺส จ;

    ‘‘Niddesatthena niddesa, vitthārā vitthārassa ca;

    ปุน สงฺคหโต ตณฺหา, วิญฺญาตพฺพา วิภาวินา’’ติฯ

    Puna saṅgahato taṇhā, viññātabbā vibhāvinā’’ti.

    เวทนานิเทฺทเส เวทนากายาติ เวทนาสมูหาฯ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป.… มโนสมฺผสฺสชาเวทนาติ เอตํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชาเวทนา อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อกุสลา, อตฺถิ อพฺยากตา’’ติ เอวํ วิภเงฺค (วิภ. ๓๔) อาคตตฺตา จกฺขุทฺวาราทีสุ ปวตฺตานํ กุสลากุสลาพฺยากตเวทนานํ ‘‘สาริปุโตฺต มนฺตาณิปุโตฺต’’ติ เอวมาทีสุ มาติโต นามํ วิย มาติสทิสโต วตฺถุโต นามํฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ – จกฺขุสมฺผสฺสเหตุ ชาตา เวทนา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาติฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถฯ อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกา กถาฯ วิปากวเสน ปน จกฺขุทฺวาเร เทฺว จกฺขุวิญฺญาณานิ, เทฺว มโนธาตุโย, ติโสฺส มโนวิญฺญาณธาตุโยติ เอตาหิ สมฺปยุตฺตวเสน เวทนา เวทิตพฺพาฯ เอเสว นโย โสตทฺวาราทีสุฯ มโนทฺวาเร มโนวิญฺญาณธาตุสมฺปยุตฺตาวฯ

    Vedanāniddese vedanākāyāti vedanāsamūhā. Cakkhusamphassajā vedanā…pe… manosamphassajāvedanāti etaṃ ‘‘cakkhusamphassajāvedanā atthi kusalā, atthi akusalā, atthi abyākatā’’ti evaṃ vibhaṅge (vibha. 34) āgatattā cakkhudvārādīsu pavattānaṃ kusalākusalābyākatavedanānaṃ ‘‘sāriputto mantāṇiputto’’ti evamādīsu mātito nāmaṃ viya mātisadisato vatthuto nāmaṃ. Vacanattho panettha – cakkhusamphassahetu jātā vedanā cakkhusamphassajā vedanāti. Eseva nayo sabbattha. Ayaṃ tāvettha sabbasaṅgāhikā kathā. Vipākavasena pana cakkhudvāre dve cakkhuviññāṇāni, dve manodhātuyo, tisso manoviññāṇadhātuyoti etāhi sampayuttavasena vedanā veditabbā. Eseva nayo sotadvārādīsu. Manodvāre manoviññāṇadhātusampayuttāva.

    ผสฺสนิเทฺทเส จกฺขุสมฺผโสฺสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผโสฺสฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ จกฺขุสมฺผโสฺส…เป.… กายสมฺผโสฺสติ เอตฺตาวตา จ กุสลากุสลวิปากา ปญฺจวตฺถุกา ทส ผสฺสา วุตฺตา โหนฺติฯ มโนสมฺผโสฺสติ อิมินา เสสพาวีสติโลกิยวิปากมนสมฺปยุตฺตา ผสฺสาฯ

    Phassaniddese cakkhusamphassoti cakkhumhi samphasso. Esa nayo sabbattha. Cakkhusamphasso…pe… kāyasamphassoti ettāvatā ca kusalākusalavipākā pañcavatthukā dasa phassā vuttā honti. Manosamphassoti iminā sesabāvīsatilokiyavipākamanasampayuttā phassā.

    สฬายตนนิเทฺทเส จกฺขายตนนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค ขนฺธนิเทฺทเส เจว อายตนนิเทฺทเส จ วุตฺตเมวฯ

    Saḷāyatananiddese cakkhāyatanantiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimagge khandhaniddese ceva āyatananiddese ca vuttameva.

    นามรูปนิเทฺทเส นมนลกฺขณํ นามํฯ รุปฺปนลกฺขณํ รูปํฯ วิภชเน ปนสฺส เวทนาติ เวทนากฺขโนฺธ, สญฺญาติ สญฺญากฺขโนฺธ, เจตนา ผโสฺส มนสิกาโรติ สงฺขารกฺขโนฺธ เวทิตโพฺพฯ กามญฺจ อเญฺญปิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ธมฺมา สนฺติ, อิเม ปน ตโย สพฺพทุพฺพเลสุปิ จิเตฺตสุ สนฺติ, ตสฺมา เอเตสํเยว วเสเนตฺถ สงฺขารกฺขโนฺธ ทสฺสิโตฯ จตฺตาโร จ มหาภูตาติ เอตฺถ จตฺตาโรติ คณนปริเจฺฉโทฯ มหาภูตาติ ปถวีอาปเตชวายานเมตํ อธิวจนํฯ เยน ปน การเณน ตานิ มหาภูตานีติ วุจฺจนฺติ, โย เจตฺถ อโญฺญ วินิจฺฉยนโย, โส สโพฺพ วิสุทฺธิมเคฺค รูปกฺขนฺธนิเทฺทเส วุโตฺตฯ จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายาติ เอตฺถ ปน จตุนฺนนฺติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํ, จตฺตาริ มหาภูตานีติ วุตฺตํ โหติฯ อุปาทายาติ อุปาทิยิตฺวา, คเหตฺวาติ อโตฺถฯ นิสฺสายาติปิ เอเกฯ ‘‘วตฺตมาน’’นฺติ อยเญฺจตฺถ ปาฐเสโสฯ สมูหเตฺถ วา เอตํ สามิวจนํ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ สมูหํ อุปาทาย วตฺตมานํ รูปนฺติ เอตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวํ สพฺพถาปิ ยานิ จ จตฺตาริ ปถวีอาทีนิ มหาภูตานิ, ยญฺจ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วตฺตมานํ จกฺขายตนาทิเภเทน อภิธมฺมปาฬิยเมว วุตฺตํ เตวีสติวิธํ รูปํ, ตํ สพฺพมฺปิ รูปนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Nāmarūpaniddese namanalakkhaṇaṃ nāmaṃ. Ruppanalakkhaṇaṃ rūpaṃ. Vibhajane panassa vedanāti vedanākkhandho, saññāti saññākkhandho, cetanā phasso manasikāroti saṅkhārakkhandho veditabbo. Kāmañca aññepi saṅkhārakkhandhasaṅgahitā dhammā santi, ime pana tayo sabbadubbalesupi cittesu santi, tasmā etesaṃyeva vasenettha saṅkhārakkhandho dassito. Cattāro ca mahābhūtāti ettha cattāroti gaṇanaparicchedo. Mahābhūtāti pathavīāpatejavāyānametaṃ adhivacanaṃ. Yena pana kāraṇena tāni mahābhūtānīti vuccanti, yo cettha añño vinicchayanayo, so sabbo visuddhimagge rūpakkhandhaniddese vutto. Catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyāti ettha pana catunnanti upayogatthe sāmivacanaṃ, cattāri mahābhūtānīti vuttaṃ hoti. Upādāyāti upādiyitvā, gahetvāti attho. Nissāyātipi eke. ‘‘Vattamāna’’nti ayañcettha pāṭhaseso. Samūhatthe vā etaṃ sāmivacanaṃ, catunnaṃ mahābhūtānaṃ samūhaṃ upādāya vattamānaṃ rūpanti ettha attho veditabbo. Evaṃ sabbathāpi yāni ca cattāri pathavīādīni mahābhūtāni, yañca catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya vattamānaṃ cakkhāyatanādibhedena abhidhammapāḷiyameva vuttaṃ tevīsatividhaṃ rūpaṃ, taṃ sabbampi rūpanti veditabbaṃ.

    วิญฺญาณนิเทฺทเส จกฺขุวิญฺญาณนฺติ จกฺขุมฺหิ วิญฺญาณํ, จกฺขุโต วา ชาตํ วิญฺญาณนฺติ จกฺขุวิญฺญาณํฯ เอวํ โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณานิฯ อิตรํ ปน มโนเยว วิญฺญาณนฺติ มโนวิญฺญาณํฯ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณวชฺชิตเตภูมกวิปากจิตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ

    Viññāṇaniddese cakkhuviññāṇanti cakkhumhi viññāṇaṃ, cakkhuto vā jātaṃ viññāṇanti cakkhuviññāṇaṃ. Evaṃ sotaghānajivhākāyaviññāṇāni. Itaraṃ pana manoyeva viññāṇanti manoviññāṇaṃ. Dvipañcaviññāṇavajjitatebhūmakavipākacittassetaṃ adhivacanaṃ.

    สงฺขารนิเทฺทเส อภิสงฺขรณลกฺขโณ สงฺขาโรฯ วิภชเน ปนสฺส กายสงฺขาโรติ กายโต ปวตฺตสงฺขาโรฯ กายทฺวาเร โจปนวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรกุสลโต อฎฺฐนฺนํ, อกุสลโต ทฺวาทสนฺนนฺติ วีสติยา กายสเญฺจตนานเมตํ อธิวจนํฯ วจีสงฺขาโรติ วจนโต ปวตฺตสงฺขาโร, วจีทฺวาเร วจนเภทวเสน ปวตฺตานํ วีสติยา เอว วจีสเญฺจตนานเมตํ อธิวจนํฯ จิตฺตสงฺขาโรติ จิตฺตโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายวจีทฺวาเร โจปนํ อกตฺวา รโห นิสีทิตฺวา จิเนฺตนฺตสฺส ปวตฺตานํ โลกิยกุสลากุสลวเสน เอกูนติํสมโนสเญฺจตนานเมตํ อธิวจนํฯ

    Saṅkhāraniddese abhisaṅkharaṇalakkhaṇo saṅkhāro. Vibhajane panassa kāyasaṅkhāroti kāyato pavattasaṅkhāro. Kāyadvāre copanavasena pavattānaṃ kāmāvacarakusalato aṭṭhannaṃ, akusalato dvādasannanti vīsatiyā kāyasañcetanānametaṃ adhivacanaṃ. Vacīsaṅkhāroti vacanato pavattasaṅkhāro, vacīdvāre vacanabhedavasena pavattānaṃ vīsatiyā eva vacīsañcetanānametaṃ adhivacanaṃ. Cittasaṅkhāroti cittato pavattasaṅkhāro, kāyavacīdvāre copanaṃ akatvā raho nisīditvā cintentassa pavattānaṃ lokiyakusalākusalavasena ekūnatiṃsamanosañcetanānametaṃ adhivacanaṃ.

    อวิชฺชานิเทฺทเส ทุเกฺข อญฺญาณนฺติ ทุกฺขสเจฺจ อญฺญาณํ, โมหเสฺสตํ อธิวจนํฯ เอส นโย ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณนฺติอาทีสุฯ ตตฺถ จตูหิ การเณหิ ทุเกฺข อญฺญาณํ เวทิตพฺพํ อโนฺตคธโต วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฎิจฺฉาทนโต จฯ ตถา หิ ตํ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนตฺตา ทุเกฺข อโนฺตคธํ, ทุกฺขสจฺจญฺจสฺส นิสฺสยปจฺจยภาเวน วตฺถุ, อารมฺมณปจฺจยภาเวน อารมฺมณํ, ทุกฺขสจฺจํ เอตํ ปฎิจฺฉาเทติ ตสฺส ยาถาวลกฺขณปฎิเวธนิวารเณน ญาณปฺปวตฺติยา เจตฺถ อปฺปทาเนนฯ

    Avijjāniddese dukkhe aññāṇanti dukkhasacce aññāṇaṃ, mohassetaṃ adhivacanaṃ. Esa nayo dukkhasamudaye aññāṇantiādīsu. Tattha catūhi kāraṇehi dukkhe aññāṇaṃ veditabbaṃ antogadhato vatthuto ārammaṇato paṭicchādanato ca. Tathā hi taṃ dukkhasaccapariyāpannattā dukkhe antogadhaṃ, dukkhasaccañcassa nissayapaccayabhāvena vatthu, ārammaṇapaccayabhāvena ārammaṇaṃ, dukkhasaccaṃ etaṃ paṭicchādeti tassa yāthāvalakkhaṇapaṭivedhanivāraṇena ñāṇappavattiyā cettha appadānena.

    ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณํ ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฎิจฺฉาทนโต จฯ นิโรเธ ปฎิปทาย จ อญฺญาณํ เอเกเนว การเณน เวทิตพฺพํ ปฎิจฺฉาทนโตฯ นิโรธปฎิปทานญฺหิ ปฎิจฺฉาทกเมว อญฺญาณํ เตสํ ยาถาวลกฺขณปฎิเวธนิวารเณน เตสุ จ ญาณปฺปวตฺติยา อปฺปทาเนนฯ น ปน ตํ ตตฺถ อโนฺตคธํ ตสฺมิํ สจฺจทฺวเย อปริยาปนฺนตฺตา, น ตสฺส ตํ สจฺจทฺวยํ วตฺถุ อสหชาตตฺตา, นารมฺมณํ, ตทารพฺภ อปฺปวตฺตนโตฯ ปจฺฉิมญฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, น ตตฺถ อนฺธภูตํ อญฺญาณํ ปวตฺตติฯ ปุริมํ ปน วจนียเตฺตน สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, ตตฺถ วิปลฺลาสคาหวเสน ปวตฺตติฯ

    Dukkhasamudaye aññāṇaṃ tīhi kāraṇehi veditabbaṃ vatthuto ārammaṇato paṭicchādanato ca. Nirodhe paṭipadāya ca aññāṇaṃ ekeneva kāraṇena veditabbaṃ paṭicchādanato. Nirodhapaṭipadānañhi paṭicchādakameva aññāṇaṃ tesaṃ yāthāvalakkhaṇapaṭivedhanivāraṇena tesu ca ñāṇappavattiyā appadānena. Na pana taṃ tattha antogadhaṃ tasmiṃ saccadvaye apariyāpannattā, na tassa taṃ saccadvayaṃ vatthu asahajātattā, nārammaṇaṃ, tadārabbha appavattanato. Pacchimañhi saccadvayaṃ gambhīrattā duddasaṃ, na tattha andhabhūtaṃ aññāṇaṃ pavattati. Purimaṃ pana vacanīyattena sabhāvalakkhaṇassa duddasattā gambhīraṃ, tattha vipallāsagāhavasena pavattati.

    อปิจ ‘‘ทุเกฺข’’ติ เอตฺตาวตา สงฺคหโต วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ อวิชฺชา ทีปิตาฯ ‘‘ทุกฺขสมุทเย’’ติ เอตฺตาวตา วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จฯ ‘‘ทุกฺขนิโรเธ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทายา’’ติ เอตฺตาวตา กิจฺจโตฯ อวิเสสโต ปน ‘‘อญฺญาณ’’นฺติ เอเตน สภาวโต นิทฺทิฎฺฐาติ ญาตพฺพาฯ

    Apica ‘‘dukkhe’’ti ettāvatā saṅgahato vatthuto ārammaṇato kiccato ca avijjā dīpitā. ‘‘Dukkhasamudaye’’ti ettāvatā vatthuto ārammaṇato kiccato ca. ‘‘Dukkhanirodhe dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāyā’’ti ettāvatā kiccato. Avisesato pana ‘‘aññāṇa’’nti etena sabhāvato niddiṭṭhāti ñātabbā.

    อิติ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเวฯ นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติฯ อปิเจตฺถ สเพฺพเหว เตหิ นิโรธปเทหิ นิพฺพานํ เทสิตํฯ นิพฺพานญฺหิ อาคมฺม เต เต ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา ตํ เตสํ เตสํ นิโรโธติ วุจฺจติฯ อิติ ภควา อิมสฺมิํ สุเตฺต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฎฺฎวิวฎฺฎํ เทเสโนฺต อรหตฺตนิกูเฎเนว เทสนํ นิฎฺฐเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน วุตฺตนเยเนว ปญฺจสตา ภิกฺขู อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสูติฯ

    Iti kho, bhikkhaveti evaṃ kho, bhikkhave. Nirodho hotīti anuppādo hoti. Apicettha sabbeheva tehi nirodhapadehi nibbānaṃ desitaṃ. Nibbānañhi āgamma te te dhammā nirujjhanti, tasmā taṃ tesaṃ tesaṃ nirodhoti vuccati. Iti bhagavā imasmiṃ sutte dvādasahi padehi vaṭṭavivaṭṭaṃ desento arahattanikūṭeneva desanaṃ niṭṭhapesi. Desanāpariyosāne vuttanayeneva pañcasatā bhikkhū arahatte patiṭṭhahiṃsūti.

    วิภงฺคสุตฺตํ ทุติยํฯ

    Vibhaṅgasuttaṃ dutiyaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. วิภงฺคสุตฺตํ • 2. Vibhaṅgasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 2. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact