Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
8. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā
๘. อฎฺฐเม กตมา จ ภิกฺขเว สมฺมาทิฎฺฐีติ เอเกน ปริยาเยน อฎฺฐงฺคิกมคฺคํ วิภชิตฺวา ปุน อปเรน ปริยาเยน วิภชิตุกาโม อิทํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ ทุเกฺข ญาณนฺติ สวนสมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณวเสน จตูหากาเรหิ อุปฺปนฺนํ ญาณํฯ สมุทเยปิ เอเสว นโยฯ เสเสสุ ปน ทฺวีสุ สมฺมสนสฺส อภาวา ติวิธเมว วฎฺฎติฯ เอวเมตํ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทินา จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ ทสฺสิตํฯ
8. Aṭṭhame katamā ca bhikkhave sammādiṭṭhīti ekena pariyāyena aṭṭhaṅgikamaggaṃ vibhajitvā puna aparena pariyāyena vibhajitukāmo idaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha dukkhe ñāṇanti savanasammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇavasena catūhākārehi uppannaṃ ñāṇaṃ. Samudayepi eseva nayo. Sesesu pana dvīsu sammasanassa abhāvā tividhameva vaṭṭati. Evametaṃ ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādinā catusaccakammaṭṭhānaṃ dassitaṃ.
ตตฺถ ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ วฎฺฎํ, ปจฺฉิมานิ วิวฎฺฎํฯ เตสุ ภิกฺขุโน วเฎฺฎ กมฺมฎฺฐานาภินิเวโส โหติ, วิวเฎฺฎ นตฺถิ อภินิเวโสฯ ปุริมานิ หิ เทฺว สจฺจานิ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา สมุทโย’’ติ เอวํ สเงฺขเปน จ, ‘‘กตเม ปญฺจกฺขนฺธา รูปกฺขโนฺธ’’ติอาทินา นเยน วิตฺถาเรน จ อาจริยสนฺติเก อุคฺคณฺหิตฺวา วาจาย ปุนปฺปุนํ ปริวเตฺตโนฺต โยคาวจโร กมฺมํ กโรติฯ อิตเรสุ ปน ทฺวีสุ สเจฺจสุ – ‘‘นิโรธสจฺจํ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาปํ, มคฺคสจฺจํ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาป’’นฺติ เอวํ สวเนเนว กมฺมํ กโรติฯ โส เอวํ กโรโนฺต จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติ ฯ ทุกฺขํ ปริญฺญาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, สมุทยํ ปหานปฎิเวเธน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยปฎิเวเธน, มคฺคํ ภาวนาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติฯ ทุกฺขํ ปริญฺญาภิสมเยน…เป.… มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติฯ
Tattha purimāni dve saccāni vaṭṭaṃ, pacchimāni vivaṭṭaṃ. Tesu bhikkhuno vaṭṭe kammaṭṭhānābhiniveso hoti, vivaṭṭe natthi abhiniveso. Purimāni hi dve saccāni ‘‘pañcakkhandhā dukkhaṃ, taṇhā samudayo’’ti evaṃ saṅkhepena ca, ‘‘katame pañcakkhandhā rūpakkhandho’’tiādinā nayena vitthārena ca ācariyasantike uggaṇhitvā vācāya punappunaṃ parivattento yogāvacaro kammaṃ karoti. Itaresu pana dvīsu saccesu – ‘‘nirodhasaccaṃ iṭṭhaṃ kantaṃ manāpaṃ, maggasaccaṃ iṭṭhaṃ kantaṃ manāpa’’nti evaṃ savaneneva kammaṃ karoti. So evaṃ karonto cattāri saccāni ekapaṭivedhena paṭivijjhati, ekābhisamayena abhisameti . Dukkhaṃ pariññāpaṭivedhena paṭivijjhati, samudayaṃ pahānapaṭivedhena, nirodhaṃ sacchikiriyapaṭivedhena, maggaṃ bhāvanāpaṭivedhena paṭivijjhati. Dukkhaṃ pariññābhisamayena…pe… maggaṃ bhāvanābhisamayena abhisameti.
เอวมสฺส ปุพฺพภาเค ทฺวีสุ สเจฺจสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาสวนธารณสมฺมสนปฎิเวโธ โหติ, ทฺวีสุ สวนปฎิเวโธเยวฯ อปรภาเค ตีสุ กิจฺจโต ปฎิเวโธ โหติ, นิโรเธ อารมฺมณปฎิเวโธฯ ปจฺจเวกฺขณา ปน ปตฺตสจฺจสฺส โหติฯ อิมสฺส ภิกฺขุโน ปุเพฺพ ปริคฺคหโต – ‘‘ทุกฺขํ ปริชานามิ, สมุทยํ ปชหามิ, นิโรธํ สจฺฉิกโรมิ, มคฺคํ ภาเวมี’’ติ อาโภคสมนฺนาหารมนสิการปจฺจเวกฺขณา นตฺถิ, ปริคฺคหโต ปฎฺฐาย โหติฯ อปรภาเค ปน ทุกฺขํ ปริญฺญาตเมว โหติ…เป.… มโคฺค ภาวิโตว โหติฯ
Evamassa pubbabhāge dvīsu saccesu uggahaparipucchāsavanadhāraṇasammasanapaṭivedho hoti, dvīsu savanapaṭivedhoyeva. Aparabhāge tīsu kiccato paṭivedho hoti, nirodhe ārammaṇapaṭivedho. Paccavekkhaṇā pana pattasaccassa hoti. Imassa bhikkhuno pubbe pariggahato – ‘‘dukkhaṃ parijānāmi, samudayaṃ pajahāmi, nirodhaṃ sacchikaromi, maggaṃ bhāvemī’’ti ābhogasamannāhāramanasikārapaccavekkhaṇā natthi, pariggahato paṭṭhāya hoti. Aparabhāge pana dukkhaṃ pariññātameva hoti…pe… maggo bhāvitova hoti.
ตตฺถ เทฺว สจฺจานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิ, เทฺว คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิฯ ทุกฺขสจฺจญฺหิ อุปฺปตฺติโต ปากฎํ, ขาณุกณฺฎกปหาราทีสุ ‘‘อโห ทุกฺข’’นฺติ วตฺตพฺพตมฺปิ อาปชฺชติฯ สมุทยมฺปิ ขาทิตุกามตาภุญฺชิตุกามตาทิวเสน อุปฺปตฺติโต ปากฎํฯ ลกฺขณปฎิเวธโต ปน อุภยมฺปิ คมฺภีรํฯ อิติ ตานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิฯ อิตเรสํ ทฺวินฺนํ ทสฺสนตฺถาย ปโยโค ภวคฺคคฺคหณตฺถํ หตฺถปสารณํ วิย อวีจิผุสนตฺถํ ปาทปสารณํ วิย สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิยา โกฎิํ ปฎิปาทนํ วิย จ โหติฯ อิติ ตานิ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิฯ เอวํ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีเรสุ คมฺภีรตฺตา จ ทุทฺทเสสุ จตูสุ สเจฺจสุ อุคฺคหาทิวเสน อิทํ ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิเวธกฺขเณ ปน เอกเมว ตํ ญาณํ โหติฯ
Tattha dve saccāni duddasattā gambhīrāni, dve gambhīrattā duddasāni. Dukkhasaccañhi uppattito pākaṭaṃ, khāṇukaṇṭakapahārādīsu ‘‘aho dukkha’’nti vattabbatampi āpajjati. Samudayampi khāditukāmatābhuñjitukāmatādivasena uppattito pākaṭaṃ. Lakkhaṇapaṭivedhato pana ubhayampi gambhīraṃ. Iti tāni duddasattā gambhīrāni. Itaresaṃ dvinnaṃ dassanatthāya payogo bhavaggaggahaṇatthaṃ hatthapasāraṇaṃ viya avīciphusanatthaṃ pādapasāraṇaṃ viya satadhā bhinnassa vālassa koṭiyā koṭiṃ paṭipādanaṃ viya ca hoti. Iti tāni gambhīrattā duddasāni. Evaṃ duddasattā gambhīresu gambhīrattā ca duddasesu catūsu saccesu uggahādivasena idaṃ ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Paṭivedhakkhaṇe pana ekameva taṃ ñāṇaṃ hoti.
เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีสุ กามปจฺจนีกเฎฺฐน กามโต นิสฺสฎภาเวน วา, กามํ สมฺมสนฺตสฺส อุปฺปโนฺนติ วา, กามปทฆาตํ กามวูปสมํ กโรโนฺต อุปฺปโนฺนติ วา , กามวิวิตฺตเนฺต อุปฺปโนฺนติ วา เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ สเพฺพปิ จ เต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย กามพฺยาปาทวิหิํสาวิรมณสญฺญานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ อุปฺปนฺนสฺส อกุสลสงฺกปฺปสฺส ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมาโน เอโกว กุสลสงฺกโปฺป อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาสงฺกโปฺป นามฯ
Nekkhammasaṅkappādīsu kāmapaccanīkaṭṭhena kāmato nissaṭabhāvena vā, kāmaṃ sammasantassa uppannoti vā, kāmapadaghātaṃ kāmavūpasamaṃ karonto uppannoti vā , kāmavivittante uppannoti vā nekkhammasaṅkappo. Sesapadadvayepi eseva nayo. Sabbepi ca te nekkhammasaṅkappādayo kāmabyāpādavihiṃsāviramaṇasaññānaṃ nānattā pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana imesu tīsu ṭhānesu uppannassa akusalasaṅkappassa padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamāno ekova kusalasaṅkappo uppajjati. Ayaṃ sammāsaṅkappo nāma.
มุสาวาทา เวรมณีอาทโยปิ มุสาวาทาทีหิ วิรมณสญฺญานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ จตูสุ ฐาเนสุ อุปฺปนฺนาย อกุสลทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว กุสลเวรมณี อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาวาจา นามฯ
Musāvādā veramaṇīādayopi musāvādādīhi viramaṇasaññānaṃ nānattā pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana imesu catūsu ṭhānesu uppannāya akusaladussīlyacetanāya padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva kusalaveramaṇī uppajjati. Ayaṃ sammāvācā nāma.
ปาณาติปาตา เวรมณี อาทโยปิ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมณสญฺญานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ อุปฺปนฺนาย อกุสลทุสฺสีลฺยเจตนาย อกิริยโต ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว กุสลเวรมณี อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมากมฺมโนฺต นามฯ
Pāṇātipātā veramaṇī ādayopi pāṇātipātādīhi viramaṇasaññānaṃ nānattā pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana imesu tīsu ṭhānesu uppannāya akusaladussīlyacetanāya akiriyato padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva kusalaveramaṇī uppajjati. Ayaṃ sammākammanto nāma.
มิจฺฉาอาชีวนฺติ ขาทนียโภชนียาทีนํ อตฺถาย ปวตฺติตํ กายวจีทุจฺจริตํฯ ปหายาติ วเชฺชตฺวาฯ สมฺมาอาชีเวนาติ พุทฺธปสเตฺถน อาชีเวนฯ ชีวิกํ กเปฺปตีติ ชีวิตวุตฺติํ ปวเตฺตติฯ สมฺมาชีโวปิ กุหนาทีหิ วิรมณสญฺญานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานาฯ มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุเยว สตฺตสุ ฐาเนสุ อุปฺปนฺนาย มิจฺฉาชีวทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทเจฺฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว กุสลเวรมณี อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาอาชีโว นามฯ
Micchāājīvanti khādanīyabhojanīyādīnaṃ atthāya pavattitaṃ kāyavacīduccaritaṃ. Pahāyāti vajjetvā. Sammāājīvenāti buddhapasatthena ājīvena. Jīvikaṃ kappetīti jīvitavuttiṃ pavatteti. Sammājīvopi kuhanādīhi viramaṇasaññānaṃ nānattā pubbabhāge nānā. Maggakkhaṇe pana imesuyeva sattasu ṭhānesu uppannāya micchājīvadussīlyacetanāya padacchedato anuppattisādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekāva kusalaveramaṇī uppajjati. Ayaṃ sammāājīvo nāma.
อนุปฺปนฺนานนฺติ เอกสฺมิํ ภเว ตถารูเป วา อารมฺมเณ อตฺตโน น อุปฺปนฺนานํ, ปรสฺส ปน อุปฺปชฺชมาเน ทิสฺวา – ‘‘อโห วต เม เอวรูปา ปาปกา ธมฺมา น อุปฺปเชฺชยฺยุ’’นฺติ เอวํ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทายฯ ฉนฺทนฺติ เตสํ อกุสลานํ อนุปฺปาทกปฎิปตฺติสาธกํ วีริยจฺฉนฺทํ ชเนติฯ วายมตีติ วายามํ กโรติฯ วีริยํ อารภตีติ วีริยํ ปวเตฺตติฯ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาตีติ วีริเยน จิตฺตํ ปคฺคหิตํ กโรติฯ ปทหตีติ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตู’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔) ปธานํ ปวเตฺตติ ฯ อุปฺปนฺนานนฺติ สมุทาจารวเสน อตฺตโน อุปฺปนฺนปุพฺพานํฯ อิทานิ ตาทิเส น อุปฺปาเทสฺสามีติ เตสํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติฯ
Anuppannānanti ekasmiṃ bhave tathārūpe vā ārammaṇe attano na uppannānaṃ, parassa pana uppajjamāne disvā – ‘‘aho vata me evarūpā pāpakā dhammā na uppajjeyyu’’nti evaṃ anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya. Chandanti tesaṃ akusalānaṃ anuppādakapaṭipattisādhakaṃ vīriyacchandaṃ janeti. Vāyamatīti vāyāmaṃ karoti. Vīriyaṃ ārabhatīti vīriyaṃ pavatteti. Cittaṃ paggaṇhātīti vīriyena cittaṃ paggahitaṃ karoti. Padahatīti ‘‘kāmaṃ taco ca nhāru ca aṭṭhi ca avasissatū’’ti (ma. ni. 2.184) padhānaṃ pavatteti . Uppannānanti samudācāravasena attano uppannapubbānaṃ. Idāni tādise na uppādessāmīti tesaṃ pahānāya chandaṃ janeti.
อนุปฺปนฺนานํ กุสลานนฺติ อปฎิลทฺธานํ ปฐมชฺฌานาทีนํฯ อุปฺปนฺนานนฺติ เตสํเยว ปฎิลทฺธานํฯ ฐิติยาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติปพนฺธวเสน ฐิตตฺถํฯ อสโมฺมสายาติ อวินาสตฺถํฯ ภิโยฺยภาวายาติ อุปริภาวายฯ เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวายฯ ปาริปูริยาติ ภาวนาย ปริปูรณตฺถํฯ อยมฺปิ สมฺมาวายาโม อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนาทิจิตฺตนานตฺตา ปุพฺพภาเค นานาฯ มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุเยว จตูสุ ฐาเนสุ กิจฺจสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานํ เอกเมว กุสลวีริยํ อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาวายาโม นามฯ
Anuppannānaṃ kusalānanti apaṭiladdhānaṃ paṭhamajjhānādīnaṃ. Uppannānanti tesaṃyeva paṭiladdhānaṃ. Ṭhitiyāti punappunaṃ uppattipabandhavasena ṭhitatthaṃ. Asammosāyāti avināsatthaṃ. Bhiyyobhāvāyāti uparibhāvāya. Vepullāyāti vipulabhāvāya. Pāripūriyāti bhāvanāya paripūraṇatthaṃ. Ayampi sammāvāyāmo anuppannānaṃ akusalānaṃ anuppādanādicittanānattā pubbabhāge nānā. Maggakkhaṇe pana imesuyeva catūsu ṭhānesu kiccasādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānaṃ ekameva kusalavīriyaṃ uppajjati. Ayaṃ sammāvāyāmo nāma.
สมฺมาสติปิ กายาทิปริคฺคาหกจิตฺตานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ จตูสุ ฐาเนสุ กิจฺจสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกา สติ อุปฺปชฺชติฯ อยํ สมฺมาสติ นามฯ
Sammāsatipi kāyādipariggāhakacittānaṃ nānattā pubbabhāge nānā, maggakkhaṇe pana imesu catūsu ṭhānesu kiccasādhanavasena maggaṅgaṃ pūrayamānā ekā sati uppajjati. Ayaṃ sammāsati nāma.
ฌานาทีนิ ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ นานา, ปุพฺพภาเค สมาปตฺติวเสน นานา, มคฺคกฺขเณ นานามคฺควเสนฯ เอกสฺส หิ ปฐมมโคฺค ปฐมชฺฌานิโก โหติ, ทุติยมคฺคาทโยปิ ปฐมชฺฌานิกา วา ทุติยาทีสุ อญฺญตรชฺฌานิกา วาฯ เอกสฺส ปฐมมโคฺค ทุติยาทีนํ อญฺญตรชฺฌานิโก โหติ, ทุติยาทโยปิ ทุติยาทีนํ อญฺญตรชฺฌานิกา วา ปฐมชฺฌานิกา วาฯ เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา ฌานวเสน สทิสา วา อสทิสา วา เอกจฺจสทิสา วา โหนฺติฯ
Jhānādīni pubbabhāgepi maggakkhaṇepi nānā, pubbabhāge samāpattivasena nānā, maggakkhaṇe nānāmaggavasena. Ekassa hi paṭhamamaggo paṭhamajjhāniko hoti, dutiyamaggādayopi paṭhamajjhānikā vā dutiyādīsu aññatarajjhānikā vā. Ekassa paṭhamamaggo dutiyādīnaṃ aññatarajjhāniko hoti, dutiyādayopi dutiyādīnaṃ aññatarajjhānikā vā paṭhamajjhānikā vā. Evaṃ cattāropi maggā jhānavasena sadisā vā asadisā vā ekaccasadisā vā honti.
อยํ ปนสฺส วิเสโส ปาทกชฺฌานนิยเมน โหติฯ ปาทกชฺฌานนิยเมน หิ ปฐมชฺฌานลาภิโน ปฐมชฺฌานา วุฎฺฐาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺนมโคฺค ปฐมชฺฌานิโก โหติ, มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคานิ ปเนตฺถ ปริปุณฺณาเนว โหนฺติฯ ทุติยชฺฌานโต วุฎฺฐาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน ทุติยชฺฌานิโก โหติ, มคฺคงฺคานิ ปเนตฺถ สตฺต โหนฺติฯ ตติยชฺฌานโต วุฎฺฐาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน ตติยชฺฌานิโก, มคฺคงฺคานิ ปเนตฺถ สตฺต, โพชฺฌงฺคานิ ฉ โหนฺติฯ เอส นโย จตุตฺถชฺฌานโต ปฎฺฐาย ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนา ฯ
Ayaṃ panassa viseso pādakajjhānaniyamena hoti. Pādakajjhānaniyamena hi paṭhamajjhānalābhino paṭhamajjhānā vuṭṭhāya vipassantassa uppannamaggo paṭhamajjhāniko hoti, maggaṅgabojjhaṅgāni panettha paripuṇṇāneva honti. Dutiyajjhānato vuṭṭhāya vipassantassa uppanno dutiyajjhāniko hoti, maggaṅgāni panettha satta honti. Tatiyajjhānato vuṭṭhāya vipassantassa uppanno tatiyajjhāniko, maggaṅgāni panettha satta, bojjhaṅgāni cha honti. Esa nayo catutthajjhānato paṭṭhāya yāva nevasaññānāsaññāyatanā .
อารุเปฺป จตุกฺกปญฺจกชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ, ตญฺจ โลกุตฺตรํ, โน โลกิยนฺติ วุตฺตํฯ เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ปฐมชฺฌานาทีสุ ยโต วุฎฺฐาย โสตาปตฺติมคฺคํ ปฎิลภิตฺวา อรูปสมาปตฺติํ ภาเวตฺวา โส อารุเปฺป อุปฺปโนฺน, ตํฌานิกาวสฺส ตตฺถ ตโย มคฺคา อุปฺปชฺชนฺติฯ เอวํ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติฯ เกจิ ปน เถรา – ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ วทนฺติ ฯ เกจิ ‘‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตี’’ติ วทนฺติฯ เกจิ ‘‘วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนา นิยเมตี’’ติ วทนฺติฯ เตสํ วาทวินิจฺฉโย วิสุทฺธิมเคฺค วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนาธิกาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธีติ อยํ ปุพฺพภาเค โลกิโย, อปรภาเค โลกุตฺตโร สมฺมาสมาธีติ วุจฺจติฯ
Āruppe catukkapañcakajjhānaṃ uppajjati, tañca lokuttaraṃ, no lokiyanti vuttaṃ. Ettha kathanti? Etthāpi paṭhamajjhānādīsu yato vuṭṭhāya sotāpattimaggaṃ paṭilabhitvā arūpasamāpattiṃ bhāvetvā so āruppe uppanno, taṃjhānikāvassa tattha tayo maggā uppajjanti. Evaṃ pādakajjhānameva niyameti. Keci pana therā – ‘‘vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamentī’’ti vadanti . Keci ‘‘puggalajjhāsayo niyametī’’ti vadanti. Keci ‘‘vuṭṭhānagāminīvipassanā niyametī’’ti vadanti. Tesaṃ vādavinicchayo visuddhimagge vuṭṭhānagāminīvipassanādhikāre vuttanayeneva veditabbo. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, sammāsamādhīti ayaṃ pubbabhāge lokiyo, aparabhāge lokuttaro sammāsamādhīti vuccati.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. วิภงฺคสุตฺตํ • 8. Vibhaṅgasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๘. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 8. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā