Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
2. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā
๒. ทุติเยปีติ ทุติยสุเตฺตปิฯ ปิ-สเทฺทน ตทเญฺญสุ สุเตฺตสุปีติ อโตฺถฯ ‘‘วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตา เอวา’’ติ วตฺวาปิ ตเทกเทสํ อิธ วินิโยคกฺขมํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตนฺติ มูลํฯ วิตฺถารเทสนนฺติ ‘‘วิภชิสฺสามี’’ติ ปทสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนวเสน ปวตฺตํ วิภงฺคเทสนํฯ อุเทฺทสเทสนา ปฐมสุเตฺต อนุโลมเทสนาสทิสาวฯ ปุน วฎฺฎวิวฎฺฎํ ทเสฺสโนฺตติ ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว’’ติอาทินา ปวตฺติํ นิวตฺติญฺจ ทเสฺสโนฺตฯ ปฐมํ อุเทฺทสวเสน วิภชนวเสน วิวฎฺฎํ ทสฺสิตํ, ตโต เอว พฺยติเรกนเยน วิวฎฺฎมฺปิ ทสฺสิตเมว โหตีติ ปุนคฺคหณํฯ
2.Dutiyepīti dutiyasuttepi. Pi-saddena tadaññesu suttesupīti attho. ‘‘Visuddhimagge vuttā evā’’ti vatvāpi tadekadesaṃ idha viniyogakkhamaṃ dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tanti mūlaṃ. Vitthāradesananti ‘‘vibhajissāmī’’ti padassa atthassa dassanavasena pavattaṃ vibhaṅgadesanaṃ. Uddesadesanā paṭhamasutte anulomadesanāsadisāva. Puna vaṭṭavivaṭṭaṃ dassentoti ‘‘iti kho, bhikkhave’’tiādinā pavattiṃ nivattiñca dassento. Paṭhamaṃ uddesavasena vibhajanavasena vivaṭṭaṃ dassitaṃ, tato eva byatirekanayena vivaṭṭampi dassitameva hotīti punaggahaṇaṃ.
เตสํ เตสํ สตฺตานนฺติ อิทํ กิญฺจิ ปการโต อนามสิตฺวา สเพฺพปิ สเตฺต สามญฺญโต พฺยาเปตฺวา คหณนฺติ อาห ‘‘สเงฺขปโต…เป.… นิเทฺทโส’’ติฯ คติชาติวเสนาติ ปญฺจคติวเสน, ตตฺถาปิ เอเกกาย คติยา ขตฺติยาทิภุมฺมเทวาทิหตฺถิอาทิชาติวเสน จฯ ‘‘จิตฺตํ มโน’’ติอาทีสุ วิย กิจฺจวิเสสํ, ‘‘มานส’’นฺติอาทีสุ วิย สมาเน อเตฺถ สทฺทวิเสสํ, ‘‘ปณฺฑร’’นฺติอาทีสุ วิย คุณวิเสสํ, ‘‘เจตสิกํ หทย’’นฺติอาทีสุ วิย นิสฺสยวิเสสํ, ‘‘จิตฺตสฺส ฐิตี’’ติอาทีสุ วิย อญฺญสฺส อวตฺถาภาววิเสสํ, ‘‘อลุพฺภนา’’ติอาทีสุ วิย อญฺญสฺส กิริยาภาววิเสสํ, ‘‘อลุพฺภิตตฺต’’นฺติอาทีสุ วิย อญฺญสฺส อภาวตาวิเสสนฺติ เอวมาทิกํ อนเปกฺขิตฺวา ธมฺมมตฺตํ วา ทีปนา สภาวนิเทฺทโสฯ ชิณฺณสฺส ชีรณวเสน ปวตฺตนากาโร ชีรณตาติ อาห ‘‘อาการนิเทฺทโส’’ติฯ
Tesaṃtesaṃ sattānanti idaṃ kiñci pakārato anāmasitvā sabbepi satte sāmaññato byāpetvā gahaṇanti āha ‘‘saṅkhepato…pe… niddeso’’ti. Gatijātivasenāti pañcagativasena, tatthāpi ekekāya gatiyā khattiyādibhummadevādihatthiādijātivasena ca. ‘‘Cittaṃ mano’’tiādīsu viya kiccavisesaṃ, ‘‘mānasa’’ntiādīsu viya samāne atthe saddavisesaṃ, ‘‘paṇḍara’’ntiādīsu viya guṇavisesaṃ, ‘‘cetasikaṃ hadaya’’ntiādīsu viya nissayavisesaṃ, ‘‘cittassa ṭhitī’’tiādīsu viya aññassa avatthābhāvavisesaṃ, ‘‘alubbhanā’’tiādīsu viya aññassa kiriyābhāvavisesaṃ, ‘‘alubbhitatta’’ntiādīsu viya aññassa abhāvatāvisesanti evamādikaṃ anapekkhitvā dhammamattaṃ vā dīpanā sabhāvaniddeso. Jiṇṇassa jīraṇavasena pavattanākāro jīraṇatāti āha ‘‘ākāraniddeso’’ti.
กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาติ กลลกาลโต ปภุติ ปุริมรูปานํ ชราปตฺตกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานิ ปจฺฉิมรูปานิ ปริปกฺกรูปานุรูปานิ ปริณตปริณตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อนุกฺกเมน สุปริณตรูปานํ ปริปากกาเล อุปฺปชฺชมานานิ ขณฺฑิจฺจาทิสภาวานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ ‘‘ขณฺฑิจฺจ’’นฺติอาทโย กาลาติกฺกเม ชราย กิจฺจนิเทฺทสาฯ ปกตินิเทฺทสาติ ผลวิปจฺจนปกติยา นิเทฺทสา, ชราย วา ปาปุณิตพฺพผลเมว ปกติ, ตสฺสา นิเทฺทสา, น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราติ อุทกาทิคตมเคฺคสุ ติณรุกฺขสํภคฺคตาทโย วิย ปริปากคตมคฺคสงฺขาเตสุ ปริปุณฺณรูเปสุ ลพฺภมานา ขณฺฑิจฺจาทโย ชราย คตมคฺคาอิเจฺจว เวทิตพฺพา, น ชราติฯ
Kālātikkame kiccaniddesāti kalalakālato pabhuti purimarūpānaṃ jarāpattakkhaṇe uppajjamānāni pacchimarūpāni paripakkarūpānurūpāni pariṇatapariṇatāni uppajjantīti anukkamena supariṇatarūpānaṃ paripākakāle uppajjamānāni khaṇḍiccādisabhāvāni uppajjantīti ‘‘khaṇḍicca’’ntiādayo kālātikkame jarāya kiccaniddesā. Pakatiniddesāti phalavipaccanapakatiyā niddesā, jarāya vā pāpuṇitabbaphalameva pakati, tassā niddesā, na ca khaṇḍiccādīneva jarāti udakādigatamaggesu tiṇarukkhasaṃbhaggatādayo viya paripākagatamaggasaṅkhātesu paripuṇṇarūpesu labbhamānā khaṇḍiccādayo jarāya gatamaggāicceva veditabbā, na jarāti.
ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, อินฺทฺริยานิ ชชฺชรานิ โหนฺตีติ อายุหานาทโย ปกตินิเทฺทสา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสา’’ติฯ เตนาห ‘‘อิเมหิ ปนา’’ติอาทิฯ
Yasmā jaraṃ pattassa āyu hāyati, indriyāni jajjarāni hontīti āyuhānādayo pakatiniddesā, tasmā vuttaṃ ‘‘pacchimā dve pakatiniddesā’’ti. Tenāha ‘‘imehi panā’’tiādi.
อวิญฺญายมานนฺตรตฺตา อวีจิชรา มณิอาทีสุ มนฺททสกาทีสุ เอเกกทสเกสุ จ ขเณ ขเณ ชิณฺณวิการาทีนํ ทุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ ตโต อเญฺญสูติ มณิอาทิโต อเญฺญสุ อหิจฺฉตฺตกาทีสุ, ปาณีนํ เอกภวปริยาปเนฺน สกลอายุสฺมิํ คหิตตรุณยุวาชรากาเลสุ, เอกทฺวิตฺติทิวสาติกฺกเมสุ ปุปฺผาทีสุ วาติ อโตฺถฯ ตตฺถ หิ ชราวิเสสสฺส สุวิเญฺญยฺยตฺตา สวีจิชรา นามฯ
Aviññāyamānantarattā avīcijarā maṇiādīsu mandadasakādīsu ekekadasakesu ca khaṇe khaṇe jiṇṇavikārādīnaṃ duviññeyyattā. Tato aññesūti maṇiādito aññesu ahicchattakādīsu, pāṇīnaṃ ekabhavapariyāpanne sakalaāyusmiṃ gahitataruṇayuvājarākālesu, ekadvittidivasātikkamesu pupphādīsu vāti attho. Tattha hi jarāvisesassa suviññeyyattā savīcijarā nāma.
จวนกวเสนาติ จวนกานํ ขนฺธานํ วเสนฯ เอกจตุปญฺจกฺขนฺธาย จุติยา จวนเมว จวนตาติ อาห ‘‘ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสน’’นฺติ, ปาฬิยํ ‘‘จุตี’’ติ วุตฺตสฺส มรณสฺส สภาวทสฺสนนฺติ อโตฺถฯ ภงฺคุปฺปตฺติ ภิชฺชมานตาฯ เตน ‘‘เภโท’’ติ อิมินา ขนฺธานํ ภิชฺชมานตา เภทสมงฺคิตา วุตฺตาติ ทเสฺสติฯ ฐานาภาวปริทีปนนฺติ เกนจิปิ อากาเรน อวฎฺฐานาภาวทีปนํฯ ฆฎเสฺสวาติ หิ วิสทิสูทาหรณํฯ ยถา ฆเฎ ภิเนฺน กปาลาทิอวยวเสโส ลพฺภติ, น เอวํ จุติกฺขเนฺธสุ ภเงฺคสุ, น โกจิ วิเสโส ติฎฺฐตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อนฺตรธาน’’นฺติ วุตฺตํฯ มจฺจุสงฺขาตํ มรณนฺติ มจฺจุสญฺญิตํ มรณํฯ ‘‘กาลมรณ’’นฺติ วทนฺติฯ สนฺตานสฺส อจฺจนฺตสมุเจฺฉทภูตํ ขีณาสวานํ มรณํ สมุเจฺฉทมรณํฯ อาทิ-สเทฺทน ขณิกมรณํ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส กิริยาติ อนฺตกสฺส กิริยา, ยา โลเก วุจฺจติ ‘‘มจฺจู’’ติ, มรณนฺติ อโตฺถฯ จวนกาโล เอว วา อนติกฺกมนียตฺตา วิเสเสน กาโลติ วุโตฺตติ ตสฺส กิริยา อตฺถโต จุติกฺขนฺธานํ เภทปวตฺติเยวฯ ‘‘มจฺจุ มรณ’’นฺติ วา เอตฺถ สมาสํ อกตฺวา โย ‘‘มจฺจู’’ติ วุจฺจติ เภโท, ตเมว มรณํ ‘‘ปาณจาโค’’ติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Cavanakavasenāti cavanakānaṃ khandhānaṃ vasena. Ekacatupañcakkhandhāya cutiyā cavanameva cavanatāti āha ‘‘bhāvavacanena lakkhaṇanidassana’’nti, pāḷiyaṃ ‘‘cutī’’ti vuttassa maraṇassa sabhāvadassananti attho. Bhaṅguppatti bhijjamānatā. Tena ‘‘bhedo’’ti iminā khandhānaṃ bhijjamānatā bhedasamaṅgitā vuttāti dasseti. Ṭhānābhāvaparidīpananti kenacipi ākārena avaṭṭhānābhāvadīpanaṃ. Ghaṭassevāti hi visadisūdāharaṇaṃ. Yathā ghaṭe bhinne kapālādiavayavaseso labbhati, na evaṃ cutikkhandhesu bhaṅgesu, na koci viseso tiṭṭhatīti dassetuṃ ‘‘antaradhāna’’nti vuttaṃ. Maccusaṅkhātaṃ maraṇanti maccusaññitaṃ maraṇaṃ. ‘‘Kālamaraṇa’’nti vadanti. Santānassa accantasamucchedabhūtaṃ khīṇāsavānaṃ maraṇaṃ samucchedamaraṇaṃ. Ādi-saddena khaṇikamaraṇaṃ saṅgaṇhāti. Tassa kiriyāti antakassa kiriyā, yā loke vuccati ‘‘maccū’’ti, maraṇanti attho. Cavanakālo eva vā anatikkamanīyattā visesena kāloti vuttoti tassa kiriyā atthato cutikkhandhānaṃ bhedapavattiyeva. ‘‘Maccu maraṇa’’nti vā ettha samāsaṃ akatvā yo ‘‘maccū’’ti vuccati bhedo, tameva maraṇaṃ ‘‘pāṇacāgo’’ti evamettha attho daṭṭhabbo.
จตุโวการวเสนาติ จตุโวการภววเสนฯ ตตฺถ หิ รูปกายสญฺญิโต กเฬวโร นตฺถิ, ยํ นิกฺขิเปยฺยฯ กิญฺจาปิ เอกโวการภเวปิ กเฬวรนิเกฺขโป นตฺถิ, รูปกายสฺส ปน ตตฺถ อตฺถิตามตฺตํ คเหตฺวา ‘‘เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโป’’ติ วุโตฺตฯ จตุโวการวเสน จาติ จ-สเทฺทน ‘‘เสสทฺวยวเสน ขนฺธานํ เภโท’’ติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ สพฺพเตฺถว ขนฺธเภทสพฺภาวโตฯ เสสทฺวยวเสนาติ เสสภวทฺวยวเสเนว กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ ยทิปิ เอกโวการภเว รูปกาโย วิชฺชติ, กเฬวรนิเกฺขโป ปน นตฺถีติ ‘‘กเฬวรสฺส สพฺภาวโต’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ ยสฺมา มนุสฺสาทีสุ กเฬวรนิเกฺขโป อตฺถิ, ตสฺมา มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิเกฺขโปติ โยชนาฯ กเฬวรํ นิกฺขิปียติ เอเตนาติ มรณํ กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ เอกโต กตฺวาติ เอกชฺฌํ กตฺวา, เอกชฺฌํ คหณมเตฺตนฯ
Catuvokāravasenāti catuvokārabhavavasena. Tattha hi rūpakāyasaññito kaḷevaro natthi, yaṃ nikkhipeyya. Kiñcāpi ekavokārabhavepi kaḷevaranikkhepo natthi, rūpakāyassa pana tattha atthitāmattaṃ gahetvā ‘‘ekavokāravasena kaḷevarassa nikkhepo’’ti vutto. Catuvokāravasena cāti ca-saddena ‘‘sesadvayavasena khandhānaṃ bhedo’’ti imamatthaṃ dasseti sabbattheva khandhabhedasabbhāvato. Sesadvayavasenāti sesabhavadvayavaseneva kaḷevarassa nikkhepo. Yadipi ekavokārabhave rūpakāyo vijjati, kaḷevaranikkhepo pana natthīti ‘‘kaḷevarassa sabbhāvato’’icceva vuttaṃ. Yasmā manussādīsu kaḷevaranikkhepo atthi, tasmā manussādīsu kaḷevarassa nikkhepoti yojanā. Kaḷevaraṃ nikkhipīyati etenāti maraṇaṃ kaḷevarassa nikkhepo. Ekato katvāti ekajjhaṃ katvā, ekajjhaṃ gahaṇamattena.
ชายนเฎฺฐนาติอาทิ อายตนวเสน โยนิวเสน จ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ปริยาทิยิตฺวา ชาติํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘กตฺตุภาววเสน ปททฺวยํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ ชาติ สญฺชาตี’’ติ ปน กตฺตริ สามินิเทฺทสสฺส กตตฺตา อุภยตฺถาปิ ภาวนิเทฺทโสฯ สมฺปุณฺณา ชาติ สญฺชาติฯ ปากฎา นิพฺพตฺติ อภินิพฺพตฺติฯ เตสํ เตสํ สตฺตานํ…เป.… อภินิพฺพตฺตีติ สตฺตวเสน ปวตฺตตฺตา โวหารเทสนาฯ
Jāyanaṭṭhenātiādi āyatanavasena yonivasena ca dvīhi padehi sabbasatte pariyādiyitvā pariyādiyitvā jātiṃ dassetuṃ vuttaṃ. Keci pana ‘‘kattubhāvavasena padadvayaṃ vutta’’nti vadanti. ‘‘Tesaṃ tesaṃ sattānaṃ jāti sañjātī’’ti pana kattari sāminiddesassa katattā ubhayatthāpi bhāvaniddeso. Sampuṇṇā jāti sañjāti. Pākaṭā nibbatti abhinibbatti. Tesaṃ tesaṃ sattānaṃ…pe… abhinibbattīti sattavasena pavattattā vohāradesanā.
ตตฺร ตตฺราติ เอกจตุโวการภเวสุ ทฺวินฺนํ เสสรูปธาตุยํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ปญฺจนฺนํ, กามธาตุยํ วิกลาวิกลินฺทฺริยานํ วเสน สตฺตนฺนํ นวนฺนํ ทสนฺนํ ปุน ทสนฺนํ เอกาทสนฺนญฺจ อายตนานํ วเสน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ สนฺตติยนฺติ เยน กมฺมุนา ขนฺธานํ ปาตุภาโว, เตน อภิสงฺขตสนฺตติยํฯ ตญฺจ โข ปฎิสนฺธิกฺขณวเสน เวทิตพฺพํฯ
Tatra tatrāti ekacatuvokārabhavesu dvinnaṃ sesarūpadhātuyaṃ paṭisandhikkhaṇe uppajjamānānaṃ pañcannaṃ, kāmadhātuyaṃ vikalāvikalindriyānaṃ vasena sattannaṃ navannaṃ dasannaṃ puna dasannaṃ ekādasannañca āyatanānaṃ vasena saṅgaho veditabbo. Santatiyanti yena kammunā khandhānaṃ pātubhāvo, tena abhisaṅkhatasantatiyaṃ. Tañca kho paṭisandhikkhaṇavasena veditabbaṃ.
กมฺมํเยว กมฺมภโว ‘‘ภวติ เอตสฺมา อุปปตฺติภโว’’ติ กตฺวาฯ กเมฺมน นิยฺยาทิตอตฺตภาวุปปตฺติวเสน ภวตีติ ภโว, ตถา ตถา นิพฺพตฺตวิปาโก กฎตฺตารูปญฺจฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ภวตีติ กตฺวา ภโว’’ติ อุปปตฺติภวสฺส วกฺขมานตฺตา ‘‘กมฺมํ ผลโวหาเรน ภโวติ วุตฺต’’นฺติ กถิตํฯ
Kammaṃyeva kammabhavo ‘‘bhavati etasmā upapattibhavo’’ti katvā. Kammena niyyāditaattabhāvupapattivasena bhavatīti bhavo, tathā tathā nibbattavipāko kaṭattārūpañca. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘bhavatīti katvā bhavo’’ti upapattibhavassa vakkhamānattā ‘‘kammaṃ phalavohārena bhavoti vutta’’nti kathitaṃ.
อุปาทิยนฺติ สตฺตา ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหนฺติ เอเตน กิเลสกาเมนฯ น เกวลํ อิธ กรณสาธนเมว, อถ โข กตฺตุสาธนมฺปิ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘สยํ วา’’ติฯ ตนฺติ วตฺถุกามํฯ กาโม จ โส กามนเฎฺฐน, อุปาทานญฺจ ภุสมาทานเฎฺฐนาติ กามุปาทานํฯ เอตนฺติ กามุปาทานปทํฯ ปุน เอตนฺติ กามุปาทานสงฺขาตํฯ
Upādiyanti sattā daḷhaggāhaṃ gaṇhanti etena kilesakāmena. Na kevalaṃ idha karaṇasādhanameva, atha kho kattusādhanampi labbhatīti vuttaṃ ‘‘sayaṃ vā’’ti. Tanti vatthukāmaṃ. Kāmo ca so kāmanaṭṭhena, upādānañca bhusamādānaṭṭhenāti kāmupādānaṃ. Etanti kāmupādānapadaṃ. Puna etanti kāmupādānasaṅkhātaṃ.
สสฺสโต อตฺตาติ อิทํ ปุริมทิฎฺฐิํ อุปาทิยมานํ อุตฺตรทิฎฺฐิํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ยถา เอสา ทิฎฺฐิ ทฬฺหีกรณวเสน ปุริมํ อุตฺตรา อุปาทิยติ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาปีติฯ อตฺตคฺคหณํ ปน ‘‘อตฺตวาทุปาทาน’’นฺติ อิทํ น ทิฎฺฐุปาทานทสฺสนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ โลโก จาติ อตฺตคฺคหณวินิมุตฺตคฺคหณํ ทิฎฺฐุปาทานภูตํ อิธ ปุริมทิฎฺฐิอุตฺตรทิฎฺฐิวจเนหิ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Sassatoattāti idaṃ purimadiṭṭhiṃ upādiyamānaṃ uttaradiṭṭhiṃ dassetuṃ vuttaṃ. Yathā esā diṭṭhi daḷhīkaraṇavasena purimaṃ uttarā upādiyati, evaṃ ‘‘natthi dinna’’ntiādikāpīti. Attaggahaṇaṃ pana ‘‘attavādupādāna’’nti idaṃ na diṭṭhupādānadassananti daṭṭhabbaṃ. Loko cāti attaggahaṇavinimuttaggahaṇaṃ diṭṭhupādānabhūtaṃ idha purimadiṭṭhiuttaradiṭṭhivacanehi vuttanti daṭṭhabbaṃ.
เยน มิจฺฉาภินิเวเสน โคสีลโควตาทิํ สมาทิยติ เจว อนุติฎฺฐติ จ, โส โคสีลโควตาทีนีติ อธิเปฺปตานิฯ เตนาห ‘‘โคสีล…เป.… สยเมว อุปาทานานี’’ติฯ อภินิเวสโตติ อภินิเวสนโตฯ
Yena micchābhinivesena gosīlagovatādiṃ samādiyati ceva anutiṭṭhati ca, so gosīlagovatādīnīti adhippetāni. Tenāha ‘‘gosīla…pe… sayameva upādānānī’’ti. Abhinivesatoti abhinivesanato.
อตฺตวาทุปาทานนฺติ ‘‘อตฺตา’’ติ วาทสฺส ปญฺญาปนสฺส คหณสฺส การณภูตา ทิฎฺฐีติ อโตฺถฯ อตฺตวาทมตฺตเมวาติ อตฺตสฺส อภาวา ‘‘อตฺตา’’ติ อิทํ วจนมตฺตเมวฯ อุปาทิยนฺติ ทฬฺหํ คณฺหนฺติฯ
Attavādupādānanti ‘‘attā’’ti vādassa paññāpanassa gahaṇassa kāraṇabhūtā diṭṭhīti attho. Attavādamattamevāti attassa abhāvā ‘‘attā’’ti idaṃ vacanamattameva. Upādiyanti daḷhaṃ gaṇhanti.
จกฺขุทฺวาราทีสุ ปวตฺตายาติ อิทํ ตณฺหาย รูปตณฺหาทิภาวสฺส การณวจนํ ฉทฺวารารมฺมณิกธมฺมานํ ปฎินิยตารมฺมณตฺตาฯ ชวนวีถิยา ปวตฺตายาติ อิทํ ตสฺสา ปวตฺติฎฺฐานทสฺสนํฯ สภาเวเนว อุฎฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตสฺส เวฬุ วิย นิสฺสโย อหุตฺวา โอลุมฺภกภาเวน ภาโว อุปาทานสฺส ปจฺจยภาวโต อารมฺมณมฺปิ ตํสทิสํ วุตฺตํฯ รูเปติ วิสเย ภุมฺมํฯ สา ติวิธา โหตีติ สมฺพโนฺธฯ กามตณฺหา กามสฺสาทภาเวน ปวตฺติยาฯ เอวํ อสฺสาเทนฺตีติ สสฺสตทิฎฺฐิยา สหชาตนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยภูตาย สํสฎฺฐตฺตา นิจฺจธุวสสฺสตาภินิเวสมุเขน อสฺสาเทนฺตีฯ ภวสหคตา ตณฺหา ภวตณฺหาฯ ภวติ ติฎฺฐติ สพฺพกาลนฺติ หิ ภวทิฎฺฐิ ภโว อุตฺตรปทโลเปน, ภวสฺสาทวเสน ปวตฺติยา จฯ อิมินา นเยน วิภวตณฺหาติ เอตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิภวติ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตีติ เอวํ ปวตฺตา ทิฎฺฐิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปนฯ เอวํ ตานิ อฎฺฐารสาติ ยา ฉ กามตณฺหา, ฉ ภวตณฺหา, ฉ วิภวตณฺหา วุตฺตา, เอตานิ อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานิ ตณฺหาปจฺจโยฯ อชฺฌตฺตนฺติ สกสนฺตติยํฯ พหิทฺธาติ ตโต พหิทฺธาฯ อตีตารมฺมณานิ วา โหนฺตุ อิตรารมฺมณานิ วา, สยํ ปน อตีตานิ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ‘‘อฎฺฐสตํ ตณฺหาวิจริตานี’’ติอาทินา สมฺพโนฺธฯ อิทานิ อปเรนปิ ปกาเรน อฎฺฐสตํ ตณฺหาวิจริตานิ ทเสฺสตุํ ‘‘อชฺฌตฺติกสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อชฺฌตฺติกสฺสาติ อชฺฌตฺติกขนฺธปญฺจกํฯ อุปโยคเตฺถ หิ อิทํ สามิวจนํฯ อุปาทายาติ คเหตฺวาฯ อสฺมีติ โหตีติ ยเทตํ อชฺฌตฺติกํ ขนฺธปญฺจกํ อุปาทาย ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน สมุทายคฺคาหโต อสฺมีติ คาโห โหติ, ตสฺมิํ สตีติ อโตฺถฯ อิธ ปน รูปาทิอารมฺมณวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิตฺถมสฺมีติ โหตีติ ขตฺติยาทีสุ ‘‘อิทํปกาโร อห’’นฺติ เอวํ ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน โหตีติ อโตฺถฯ อิทํ ตาว อนุปนิธาย คหณํฯ
Cakkhudvārādīsu pavattāyāti idaṃ taṇhāya rūpataṇhādibhāvassa kāraṇavacanaṃ chadvārārammaṇikadhammānaṃ paṭiniyatārammaṇattā. Javanavīthiyā pavattāyāti idaṃ tassā pavattiṭṭhānadassanaṃ. Sabhāveneva uṭṭhātuṃ asakkontassa veḷu viya nissayo ahutvā olumbhakabhāvena bhāvo upādānassa paccayabhāvato ārammaṇampi taṃsadisaṃ vuttaṃ. Rūpeti visaye bhummaṃ. Sā tividhā hotīti sambandho. Kāmataṇhā kāmassādabhāvena pavattiyā. Evaṃ assādentīti sassatadiṭṭhiyā sahajātanissayasampayuttaatthiavigatādipaccayabhūtāya saṃsaṭṭhattā niccadhuvasassatābhinivesamukhena assādentī. Bhavasahagatā taṇhā bhavataṇhā. Bhavati tiṭṭhati sabbakālanti hi bhavadiṭṭhi bhavo uttarapadalopena, bhavassādavasena pavattiyā ca. Iminā nayena vibhavataṇhāti ettha attho veditabbo. Vibhavati ucchijjati vinassatīti evaṃ pavattā diṭṭhi vibhavo uttarapadalopena. Evaṃ tāni aṭṭhārasāti yā cha kāmataṇhā, cha bhavataṇhā, cha vibhavataṇhā vuttā, etāni aṭṭhārasa taṇhāvicaritāni taṇhāpaccayo. Ajjhattanti sakasantatiyaṃ. Bahiddhāti tato bahiddhā. Atītārammaṇāni vā hontu itarārammaṇāni vā, sayaṃ pana atītāni chattiṃsa taṇhāvicaritāni. Sesapadadvayepi eseva nayo. ‘‘Aṭṭhasataṃ taṇhāvicaritānī’’tiādinā sambandho. Idāni aparenapi pakārena aṭṭhasataṃ taṇhāvicaritāni dassetuṃ ‘‘ajjhattikassā’’tiādimāha. Tattha ajjhattikassāti ajjhattikakhandhapañcakaṃ. Upayogatthe hi idaṃ sāmivacanaṃ. Upādāyāti gahetvā. Asmīti hotīti yadetaṃ ajjhattikaṃ khandhapañcakaṃ upādāya taṇhāmānadiṭṭhivasena samudāyaggāhato asmīti gāho hoti, tasmiṃ satīti attho. Idha pana rūpādiārammaṇavasena attho veditabbo. Itthamasmīti hotīti khattiyādīsu ‘‘idaṃpakāro aha’’nti evaṃ taṇhāmānadiṭṭhivasena hotīti attho. Idaṃ tāva anupanidhāya gahaṇaṃ.
เอวมาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘เอวมสฺมิ, อญฺญถาสฺมิ, อหํ ภวิสฺสํ, อิตฺถํ ภวิสฺสํ, เอวํ ภวิสฺสํ, อญฺญถา ภวิสฺสํ, อสสฺมิ, สตสฺมิ, อหํ สิยํ, อิตฺถํ สิยํ, เอวํ สิยํ, อญฺญถา สิยํ, อปาหํ สิยํ, อปาหํ อิตฺถํ สิยํ, อปาหํ เอวํ สิยํ, อปาหํ อญฺญถา สิย’’นฺติ เอเตสํ สงฺคโหฯ อุปนิธาย คหณมฺปิ ทุวิธํ สมโต อสมโต วาติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวมสฺมิ, อญฺญถาสฺมี’’ติ จ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวมสฺมีติ อิทํ สมโต อุปนิธาย คหณํ, ยถา อยํ ขตฺติโย, เอวํ อหมสฺมีติ อโตฺถฯ อญฺญถาสฺมีติ อิทํ ปน อสมโต คหณํ, ยถายํ ขตฺติโย ตโต อญฺญถา อหํ หีโน วา อธิโก วาติ อโตฺถฯ อิมานิ ตาว ปจฺจุปฺปนฺนวเสน จตฺตาริ ตณฺหาวิจริตานิฯ ภวิสฺสนฺติอาทีนิ ปน จตฺตาริ อนาคตวเสน วุตฺตานิ, เตสํ ปุริมจตุเกฺก วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อสสฺมีติ สสฺสโต อสฺมิ, นิจฺจเสฺสตํ อธิวจนํฯ สตสฺมีติ อสสฺสโต อสฺมิ, อนิจฺจเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิติ อิมานิ เทฺว สสฺสตุเจฺฉทวเสน วุตฺตานิฯ อิโต ปรานิ สิยนฺติอาทีนิ จตฺตาริ สํสยปริวิตกฺกวเสน วุตฺตานิ, ตานิ ปุริมจตุเกฺก วุตฺตนเยน อตฺถโต เวทิตพฺพานิฯ อปาหํ สิยนฺติอาทีนิ ปน จตฺตาริ ‘‘อปิ นามาหํ ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปตฺถนากปฺปนวเสน วุตฺตานิ, ตานิปิ ปุริมจตุเกฺก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ เอวเมเตสุ –
Evamādīnīti ādi-saddena ‘‘evamasmi, aññathāsmi, ahaṃ bhavissaṃ, itthaṃ bhavissaṃ, evaṃ bhavissaṃ, aññathā bhavissaṃ, asasmi, satasmi, ahaṃ siyaṃ, itthaṃ siyaṃ, evaṃ siyaṃ, aññathā siyaṃ, apāhaṃ siyaṃ, apāhaṃ itthaṃ siyaṃ, apāhaṃ evaṃ siyaṃ, apāhaṃ aññathā siya’’nti etesaṃ saṅgaho. Upanidhāya gahaṇampi duvidhaṃ samato asamato vāti taṃ dassetuṃ ‘‘evamasmi, aññathāsmī’’ti ca vuttaṃ. Tattha evamasmīti idaṃ samato upanidhāya gahaṇaṃ, yathā ayaṃ khattiyo, evaṃ ahamasmīti attho. Aññathāsmīti idaṃ pana asamato gahaṇaṃ, yathāyaṃ khattiyo tato aññathā ahaṃ hīno vā adhiko vāti attho. Imāni tāva paccuppannavasena cattāri taṇhāvicaritāni. Bhavissantiādīni pana cattāri anāgatavasena vuttāni, tesaṃ purimacatukke vuttanayeneva attho veditabbo. Asasmīti sassato asmi, niccassetaṃ adhivacanaṃ. Satasmīti asassato asmi, aniccassetaṃ adhivacanaṃ. Iti imāni dve sassatucchedavasena vuttāni. Ito parāni siyantiādīni cattāri saṃsayaparivitakkavasena vuttāni, tāni purimacatukke vuttanayena atthato veditabbāni. Apāhaṃ siyantiādīni pana cattāri ‘‘api nāmāhaṃ bhaveyya’’nti evaṃ patthanākappanavasena vuttāni, tānipi purimacatukke vuttanayeneva veditabbāni. Evametesu –
เทฺว ทิฎฺฐิสีสา จตฺตาโร, สุทฺธสีสา สีสมูลกา;
Dve diṭṭhisīsā cattāro, suddhasīsā sīsamūlakā;
ตโย ตโยติ เอตานิ, อฎฺฐารส วิภาวเยฯ
Tayo tayoti etāni, aṭṭhārasa vibhāvaye.
เอเต หิ สสฺสตุเจฺฉทวเสน วุตฺตา เทฺว ทิฎฺฐิสีสา นาม, ‘‘อสฺมิ, ภวิสฺสํ สิยํ, อปาหํ สิย’’นฺติ เอเต จตฺตาโร สุทฺธสีสา นาม, ‘‘อิตฺถมสฺมี’’ติอาทโย ตโย ตโยติ ทฺวาทส สีสมูลกา นามาติ เวทิตพฺพํฯ อิธ ปาฬิยํ รูปารมฺมณาทิวเสน ตณฺหา อาคตาติ อาห ‘‘อชฺฌตฺติกรูปาทินิสฺสิตานี’’ติฯ อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานีติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ อิมินา อสฺมีติ อิมินา อภิเสกเสนาปจฺจาทินา ‘‘ขตฺติโย อห’’นฺติ มูลภาวโต ‘‘อสฺมี’’ติ โหติฯ เสสํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สงฺคเหติ ตณฺหาย ยถาวุตฺตวิภาคสฺส สํขิปนวเสน สงฺคณฺหเน กริยมาเนฯ ‘‘ฉยิเม, ภิกฺขเว, ตณฺหากายา’’ติอาทิ นิเทฺทโสฯ ‘‘รูเป ตณฺหา รูปตณฺหา’’ติอาทิ นิเทฺทสโตฺถฯ ‘‘กามราคภาเวนา’’ติอาทิโก, ‘‘อชฺฌตฺติกสฺสุปาทายา’’ติอาทิโก จ นิเทฺทสวิตฺถาโรฯ ‘‘รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ฉเฬวา’’ติอาทิโก สงฺคโหฯ
Ete hi sassatucchedavasena vuttā dve diṭṭhisīsā nāma, ‘‘asmi, bhavissaṃ siyaṃ, apāhaṃ siya’’nti ete cattāro suddhasīsā nāma, ‘‘itthamasmī’’tiādayo tayo tayoti dvādasa sīsamūlakā nāmāti veditabbaṃ. Idha pāḷiyaṃ rūpārammaṇādivasena taṇhā āgatāti āha ‘‘ajjhattikarūpādinissitānī’’ti. Aṭṭhārasa taṇhāvicaritānīti ānetvā sambandho. Iminā asmīti iminā abhisekasenāpaccādinā ‘‘khattiyo aha’’nti mūlabhāvato ‘‘asmī’’ti hoti. Sesaṃ pubbe vuttanayeneva veditabbaṃ. Saṅgaheti taṇhāya yathāvuttavibhāgassa saṃkhipanavasena saṅgaṇhane kariyamāne. ‘‘Chayime, bhikkhave, taṇhākāyā’’tiādi niddeso. ‘‘Rūpe taṇhā rūpataṇhā’’tiādi niddesattho. ‘‘Kāmarāgabhāvenā’’tiādiko, ‘‘ajjhattikassupādāyā’’tiādiko ca niddesavitthāro. ‘‘Rūpādīsu ārammaṇesu chaḷevā’’tiādiko saṅgaho.
ยสฺมา จกฺขุทฺวาราทีสุ เอเกกสฺมิํ ทฺวาเร อุปฺปชฺชนกวิญฺญาณานิ วิย อเนกา เอว เวทนา, ตสฺมา ตา ราสิวเสน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘ฉ เวทนากายา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เวทนาสมูหา’’ติฯ นิสฺสยภาเวน อุปฺปตฺติทฺวารภาเวน นานาปจฺจยา โหนฺติ จกฺขุธาตุอาทโย, ตา กุจฺฉินา ธาเรนฺติโย วิย โปเสนฺติโย วิย จ โหนฺตีติ ตาสํ มาตุสทิสตา วุตฺตาฯ จกฺขุสมฺผสฺสเหตูติ นิสฺสยาทิจกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยาฯ อยนฺติ อยํ เวทนา ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา’’ติอาทินา สาธารณโต วุตฺตาฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ เวทนาปเทฯ สพฺพสงฺคาหิกาติ กุสลากุสลวิปากกิริยานํ วเสน สพฺพสงฺคาหิกาฯ เอวํ วิภเงฺค อาคตนเยน สาธารณโต วตฺวาปิ อิธาธิเปฺปตเวทนเมว ทเสฺสตุํ ‘‘วิปากวเสน ปนา’’ติอาทิมาหฯ จกฺขุมฺหิ สมฺผโสฺสติ จกฺขุมฺหิ นิสฺสยภูเต อุปฺปนฺนผโสฺสฯ เอส นโย เสเสสุฯ ยสฺมา จกฺขาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค ขนฺธนิเทฺทเส ลกฺขณาทิวิภาคโต, อายตนนิเทฺทเส วิเสสโต, สามญฺญโต จ สทฺทตฺถทสฺสนาทิวเสน วิภาวิตานิ, ตสฺมา ‘‘ยํ วตฺตพฺพํ…เป.… วุตฺตเมวา’’ติ อาหฯ
Yasmā cakkhudvārādīsu ekekasmiṃ dvāre uppajjanakaviññāṇāni viya anekā eva vedanā, tasmā tā rāsivasena ekajjhaṃ gahetvā ‘‘cha vedanākāyā’’ti vuttanti āha ‘‘vedanāsamūhā’’ti. Nissayabhāvena uppattidvārabhāvena nānāpaccayā honti cakkhudhātuādayo, tā kucchinā dhārentiyo viya posentiyo viya ca hontīti tāsaṃ mātusadisatā vuttā. Cakkhusamphassahetūti nissayādicakkhusamphassapaccayā. Ayanti ayaṃ vedanā ‘‘cakkhusamphassajā vedanā’’tiādinā sādhāraṇato vuttā. Etthāti etasmiṃ vedanāpade. Sabbasaṅgāhikāti kusalākusalavipākakiriyānaṃ vasena sabbasaṅgāhikā. Evaṃ vibhaṅge āgatanayena sādhāraṇato vatvāpi idhādhippetavedanameva dassetuṃ ‘‘vipākavasena panā’’tiādimāha. Cakkhumhi samphassoti cakkhumhi nissayabhūte uppannaphasso. Esa nayo sesesu. Yasmā cakkhādīni visuddhimagge khandhaniddese lakkhaṇādivibhāgato, āyatananiddese visesato, sāmaññato ca saddatthadassanādivasena vibhāvitāni, tasmā ‘‘yaṃ vattabbaṃ…pe… vuttamevā’’ti āha.
นมนลกฺขณนฺติ อารมฺมณาภิมุขํ หุตฺวา นมนสภาวํ เตน วินา อปฺปวตฺตนโตฯ รุปฺปนลกฺขณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ เวทนากฺขโนฺธ ปน เอกาว เวทนาฯ สพฺพทุพฺพลจิตฺตานิ นาม ปญฺจวิญฺญาณานิ ฯ นนุ ตตฺถ ชีวิตจิตฺตฎฺฐิติโย จ สนฺตีติ? สจฺจํ, ตาสํ ปน กิจฺจํ น ตถา ปากฎํ, ยถา เจตนาทีนนฺติ เต เอเวตฺถ ปาฬิยํ อุทฺธฎาฯ เยน มหนฺตปาตุภาวาทินา การเณนฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ มหาภูตนิเทฺทเสฯ อโญฺญ วินิจฺฉยนโยติ ‘‘วจนตฺถโต กลาปโต’’ติอาทินา ลกฺขณาทินิจฺฉยโต อโญฺญ วินิจฺฉยนโยฯ นนุ โส จตุธาตุววตฺถาเน วุโตฺต, น รูปกฺขนฺธนิเทฺทเสติ? ตตฺถ วุเตฺตปิ ‘‘จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานี’’ติ อติเทสวเสน วุตฺตตฺตา ‘‘รูปกฺขนฺธนิเทฺทเส วุโตฺต’’ติ วุตฺตํฯ อุปาทายาติ ปฎิจฺจฯ ภูตานิ หิ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชมานํ อุปาทารูปํ ‘‘ตานิ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ อวิสฺสชฺชนโตฯ นิสฺสายาติปิ เอเก เตสํ นิสฺสยปจฺจยภาวโตฯ ปุพฺพกาลกิริยา นาม เอกํสโต อปรกาลกิริยาเปกฺขาติ ปาฐเสเสน อตฺถํ วทติฯ วิภตฺติวิปลฺลาเสน วินา เอว อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมูหเตฺถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมูหสมฺพเนฺธ สามินิเทฺทเสน สมูหโตฺถ ทีปิโตติ ตํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมูหํ อุปาทายา’’ติฯ ธมฺมสงฺคณิยํ (ธ. ส. ๕๘๔) อาคตนเยน ‘‘เตวีสติวิธ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ หทยวตฺถุ น นิทฺทิฎฺฐํ, ‘‘ยํ รูปํ นิสฺสายา’’ติ วา ปฎฺฐาเน (ปฎฺฐาน. ๑.๑.๘) อาคตตฺตา หทยวตฺถุมฺปิ คเหตฺวา ชาติรูปภาเวน อุปจยสนฺตติโย เอกโต กตฺวา ‘‘เตวีสติวิธ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Namanalakkhaṇanti ārammaṇābhimukhaṃ hutvā namanasabhāvaṃ tena vinā appavattanato. Ruppanalakkhaṇaṃ heṭṭhā vuttameva. Vedanākkhandho pana ekāva vedanā. Sabbadubbalacittāni nāma pañcaviññāṇāni . Nanu tattha jīvitacittaṭṭhitiyo ca santīti? Saccaṃ, tāsaṃ pana kiccaṃ na tathā pākaṭaṃ, yathā cetanādīnanti te evettha pāḷiyaṃ uddhaṭā. Yena mahantapātubhāvādinā kāraṇena. Etthāti etasmiṃ mahābhūtaniddese. Añño vinicchayanayoti ‘‘vacanatthato kalāpato’’tiādinā lakkhaṇādinicchayato añño vinicchayanayo. Nanu so catudhātuvavatthāne vutto, na rūpakkhandhaniddeseti? Tattha vuttepi ‘‘catudhātuvavatthāne vuttānī’’ti atidesavasena vuttattā ‘‘rūpakkhandhaniddese vutto’’ti vuttaṃ. Upādāyāti paṭicca. Bhūtāni hi paṭicca uppajjamānaṃ upādārūpaṃ ‘‘tāni gahetvā’’ti vuttaṃ avissajjanato. Nissāyātipi eke tesaṃ nissayapaccayabhāvato. Pubbakālakiriyā nāma ekaṃsato aparakālakiriyāpekkhāti pāṭhasesena atthaṃ vadati. Vibhattivipallāsena vinā eva atthaṃ dassetuṃ ‘‘samūhatthe vā’’tiādi vuttaṃ. Samūhasambandhe sāminiddesena samūhattho dīpitoti taṃ dassento āha ‘‘samūhaṃ upādāyā’’ti. Dhammasaṅgaṇiyaṃ (dha. sa. 584) āgatanayena ‘‘tevīsatividha’’nti vuttaṃ. Tattha hi hadayavatthu na niddiṭṭhaṃ, ‘‘yaṃ rūpaṃ nissāyā’’ti vā paṭṭhāne (paṭṭhāna. 1.1.8) āgatattā hadayavatthumpi gahetvā jātirūpabhāvena upacayasantatiyo ekato katvā ‘‘tevīsatividha’’nti vuttaṃ.
จกฺขุสฺส วิญฺญาณนฺติ วา จกฺขุวิญฺญาณํฯ อสาธารณการเณน จายํ นิเทฺทโสฯ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติ เอตฺถ สพฺพโลกิยวิปากวิญฺญาณสฺส คเหตพฺพตฺตา ‘‘เตภูมกวิปากจิตฺตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํฯ
Cakkhussa viññāṇanti vā cakkhuviññāṇaṃ. Asādhāraṇakāraṇena cāyaṃ niddeso. ‘‘Saṅkhārapaccayā viññāṇa’’nti ettha sabbalokiyavipākaviññāṇassa gahetabbattā ‘‘tebhūmakavipākacittassetaṃ adhivacana’’nti vuttaṃ.
อภิสงฺขรณลกฺขโณติ อายูหนสภาโวฯ โจปนวเสนาติ วิญฺญตฺติสํโจปนวเสน, กายวิญฺญตฺติยา สมุฎฺฐาปนวเสนาติ อโตฺถฯ วจนเภทวเสนาติ วจีเภทุปฺปาทวเสน, วจีวิญฺญตฺติยา สมุฎฺฐาปนวเสนาติ อโตฺถฯ เอวํ โจปนํ น ภเวยฺยาติ ทเสฺสตุํ ‘‘รโห นิสีทิตฺวา จิเนฺตนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ เอกูนติํสาติ เอตฺถ อภิญฺญาเจตนาวินิมุตฺตา เอว เอกูนติํส เจตนา เวทิตพฺพา ตสฺสา วิปากวิญฺญาณสฺส ปจฺจยตฺตาภาวโตฯ
Abhisaṅkharaṇalakkhaṇoti āyūhanasabhāvo. Copanavasenāti viññattisaṃcopanavasena, kāyaviññattiyā samuṭṭhāpanavasenāti attho. Vacanabhedavasenāti vacībheduppādavasena, vacīviññattiyā samuṭṭhāpanavasenāti attho. Evaṃ copanaṃ na bhaveyyāti dassetuṃ ‘‘raho nisīditvā cintentassā’’ti vuttaṃ. Ekūnatiṃsāti ettha abhiññācetanāvinimuttā eva ekūnatiṃsa cetanā veditabbā tassā vipākaviññāṇassa paccayattābhāvato.
ทุเกฺขติ เอกมฺปิ อิทํ ภุมฺมวจนํ สํสิเลสนนิสฺสยวิสยพฺยาปนวเสน อตฺตานํ ภินฺทิตฺวา วินิโยคํ คจฺฉตีติ ‘‘จตูหิ การเณหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอโกปิ หิ วิภตฺตินิเทฺทโส อเนกธา วินิโยคํ คจฺฉติ ยถา ตทฺธิตเตฺถ อุตฺตรปทสมาหาเรติฯ ตนฺติ อญฺญาณํฯ ทุกฺขสจฺจนฺติ หทยวตฺถุลกฺขณํ ทุกฺขสจฺจํฯ อสฺสาติ อญฺญาณสฺสฯ นิสฺสยปจฺจยภาเวนาติ ปุเรชาตนิสฺสยภาเวนฯ สหชาตนิสฺสยปจฺจยภาเวน ปน ตํสหชาตา ผสฺสาทโย วตฺตพฺพาฯ อารมฺมณปจฺจยภาเวน ทุกฺขสจฺจํ อสฺส อารมฺมณนฺติ โยชนาฯ ทุกฺขสจฺจนฺติ อุปโยคเอกวจนํ ฯ เอตนฺติ อญฺญาณํฯ ตสฺสาติ ทุกฺขสจฺจสฺสฯ ‘‘ปฎิจฺฉาเทตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ปฎิจฺฉาทนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยาถาวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตนปิ เอกเทเสน ยาถาวโต ลกฺขณปฎิเวโธ โหติเยวาติ ‘‘ยาถาวลกฺขณปฎิเวธนิวารเณนา’’ติ วตฺวา ‘‘ญาณปวตฺติยา เจตฺถ อปฺปทาเนนา’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ ปุริมํ ปน ปฎิเวธญาณุปฺปตฺติยา นิเสธกถาทสฺสนํ, ปจฺฉิมํ อนุโพธญาณุปฺปตฺติยาฯ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถาติ ทุกฺขสเจฺจฯ
Dukkheti ekampi idaṃ bhummavacanaṃ saṃsilesananissayavisayabyāpanavasena attānaṃ bhinditvā viniyogaṃ gacchatīti ‘‘catūhi kāraṇehī’’tiādi vuttaṃ. Ekopi hi vibhattiniddeso anekadhā viniyogaṃ gacchati yathā taddhitatthe uttarapadasamāhāreti. Tanti aññāṇaṃ. Dukkhasaccanti hadayavatthulakkhaṇaṃ dukkhasaccaṃ. Assāti aññāṇassa. Nissayapaccayabhāvenāti purejātanissayabhāvena. Sahajātanissayapaccayabhāvena pana taṃsahajātā phassādayo vattabbā. Ārammaṇapaccayabhāvena dukkhasaccaṃ assa ārammaṇanti yojanā. Dukkhasaccanti upayogaekavacanaṃ . Etanti aññāṇaṃ. Tassāti dukkhasaccassa. ‘‘Paṭicchādetī’’ti ettha vuttaṃ paṭicchādanākāraṃ dassetuṃ ‘‘yāthāvā’’tiādi vuttaṃ. Ñāṇavippayuttacittenapi ekadesena yāthāvato lakkhaṇapaṭivedho hotiyevāti ‘‘yāthāvalakkhaṇapaṭivedhanivāraṇenā’’ti vatvā ‘‘ñāṇapavattiyā cettha appadānenā’’ti vuttanti vadanti. Purimaṃ pana paṭivedhañāṇuppattiyā nisedhakathādassanaṃ, pacchimaṃ anubodhañāṇuppattiyā. Evamettha attho veditabbo. Etthāti dukkhasacce.
สหชาตสฺส อญฺญาณสฺส สมุทยสจฺจํ วตฺถุ โหติ นิสฺสยปจฺจยภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุโต’’ติฯ อารมฺมณโตติ อารมฺมณปจฺจยภาเวนฯ ยสฺมา สมุทยสจฺจํ อญฺญาณสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ทุกฺขสมุทเย อญฺญาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ปฎิจฺฉาทนํ ทุกฺขสเจฺจ วุตฺตนยเมว เอเกเนว การเณน อิตเรสํ ติณฺณํ อสมฺภวโต, กิํ ปน เอตํ เอกํ การณนฺติ อาห ‘‘ปฎิจฺฉาทนโต’’ติฯ อิทํ วิตฺถารโต วิภาเวตุํ ‘‘นิโรธปฎิปทานํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตทารพฺภาติ ตํ อารพฺภ ตํ อารมฺมณํ กตฺวาฯ ปจฺฉิมญฺหิ สจฺจทฺวยนฺติ นิโรโธ มโคฺคฯ ตญฺหิ นยคมฺภีรตฺตาฯ ทุทฺทสนฺติ สณฺหสุขุมธมฺมตฺตา สภาเวเนว คมฺภีรตาย ทุทฺทสํ ทุวิเญฺญยฺยํ ทุรวคฺคาหํฯ ตตฺถาติ ปุริเม สจฺจทฺวเยฯ อนฺธภูตนฺติ อนฺธการภูตํฯ น ปวตฺตติ อารมฺมณํ กาตุํ น วิสหติฯ วจนียเตฺตนาติ วาจกภาเวน ตถา อุปฎฺฐานโตฯ สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตาติ ปีฬนาทิอายูหนาทิวเสน ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อยํ สมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๔๘๔; ๓.๑๐๔) ยาถาวโต สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา ทุวิเญฺญยฺยตฺตา ปุริมทฺวยํ คมฺภีรํฯ ตตฺถาติ ปุริมสฺมิํ สจฺจทฺวเยฯ วิปลฺลาสคฺคาหวเสน ปวตฺตตีติ สุภาทิวิปรีตคฺคาหานํ ปจฺจยภาววเสน อญฺญาณํ ปวตฺตติฯ
Sahajātassa aññāṇassa samudayasaccaṃ vatthu hoti nissayapaccayabhāvatoti vuttaṃ ‘‘vatthuto’’ti. Ārammaṇatoti ārammaṇapaccayabhāvena. Yasmā samudayasaccaṃ aññāṇassa ārammaṇaṃ hoti, tasmā ‘‘dukkhasamudaye aññāṇa’’nti vuttanti attho. Paṭicchādanaṃ dukkhasacce vuttanayameva ekeneva kāraṇena itaresaṃ tiṇṇaṃ asambhavato, kiṃ pana etaṃ ekaṃ kāraṇanti āha ‘‘paṭicchādanato’’ti. Idaṃ vitthārato vibhāvetuṃ ‘‘nirodhapaṭipadānaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Tadārabbhāti taṃ ārabbha taṃ ārammaṇaṃ katvā. Pacchimañhi saccadvayanti nirodho maggo. Tañhi nayagambhīrattā. Duddasanti saṇhasukhumadhammattā sabhāveneva gambhīratāya duddasaṃ duviññeyyaṃ duravaggāhaṃ. Tatthāti purime saccadvaye. Andhabhūtanti andhakārabhūtaṃ. Na pavattati ārammaṇaṃ kātuṃ na visahati. Vacanīyattenāti vācakabhāvena tathā upaṭṭhānato. Sabhāvalakkhaṇassa duddasattāti pīḷanādiāyūhanādivasena ‘‘idaṃ dukkhaṃ, ayaṃ samudayo’’ti (ma. ni. 484; 3.104) yāthāvato sabhāvalakkhaṇassa duddasattā duviññeyyattā purimadvayaṃ gambhīraṃ. Tatthāti purimasmiṃ saccadvaye. Vipallāsaggāhavasena pavattatīti subhādiviparītaggāhānaṃ paccayabhāvavasena aññāṇaṃ pavattati.
อิทานิ ‘‘ทุเกฺข อญฺญาณ’’นฺติอาทีสุ ปการนฺตเรนปิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทุเกฺขติ เอตฺตาวตาติ ‘‘อญฺญาณนฺติ วุจฺจมานาย อวิชฺชาย ทุเกฺข’’ติ เอตฺตเกนฯ สงฺคหโตติ สโมธานโตฯ กิจฺจโตติ อสมฺปฎิเวธกิจฺจโตฯ อญฺญาณมิวาติ วิสยสภาวํ ยาถาวโต ปฎิวิชฺฌิตุํ อปฺปทานกิจฺจมิวฯ ‘‘ทุเกฺข’’ติอาทินา ตตฺถ อวิชฺชา ปวตฺตติ, วิเสสโต นิทฺทิฎฺฐํ โหตีติ กตฺวา สพฺพเตฺถว ตถา อวิสิฎฺฐสภาวทสฺสนํ อิทนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อวิเสสโต ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Idāni ‘‘dukkhe aññāṇa’’ntiādīsu pakārantarenapi atthaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dukkheti ettāvatāti ‘‘aññāṇanti vuccamānāya avijjāya dukkhe’’ti ettakena. Saṅgahatoti samodhānato. Kiccatoti asampaṭivedhakiccato. Aññāṇamivāti visayasabhāvaṃ yāthāvato paṭivijjhituṃ appadānakiccamiva. ‘‘Dukkhe’’tiādinā tattha avijjā pavattati, visesato niddiṭṭhaṃ hotīti katvā sabbattheva tathā avisiṭṭhasabhāvadassanaṃ idanti dassetuṃ ‘‘avisesato panā’’tiādi vuttaṃ.
ขณิกนิโรธสฺส อิธ อนธิเปฺปตตฺตา อยุชฺชมานตฺตา วิราคคฺคหณโต จ อวิชฺชาทีนํ ปฎิปกฺขวเสน ปฎิพาหนํ อิธ ‘‘นิโรโธ’’ติ อธิเปฺปโต, โส จ เนสํ สพฺพโส อนุปฺปชฺชนเมวาติ อาห ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติฯ ‘‘อวิชฺชา นิรุชฺฌติ เอตฺถาติ อวิชฺชานิโรโธ, สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติ เอตฺถาติ สงฺขารนิโรโธ’’ติ เอวํ สเพฺพหิ เอเตหิ นิโรธปเทหิ นิพฺพานสฺส เทสิตตฺตา ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานํ หี’’ติอาทิฯ วฎฺฎวิวฎฺฎนฺติ วฎฺฎญฺจ วิวฎฺฎญฺจฯ ‘‘ทฺวาทสหี’’ติ อิทํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘อนุโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฎฺฎํ, ปฎิโลมโต ทฺวาทสหิ วิวฎฺฎํ อิธ ทสฺสิต’’นฺติฯ
Khaṇikanirodhassa idha anadhippetattā ayujjamānattā virāgaggahaṇato ca avijjādīnaṃ paṭipakkhavasena paṭibāhanaṃ idha ‘‘nirodho’’ti adhippeto, so ca nesaṃ sabbaso anuppajjanamevāti āha ‘‘nirodho hotīti anuppādo hotī’’ti. ‘‘Avijjā nirujjhati etthāti avijjānirodho, saṅkhārā nirujjhanti etthāti saṅkhāranirodho’’ti evaṃ sabbehi etehi nirodhapadehi nibbānassa desitattā daṭṭhabbā. Tenāha ‘‘nibbānaṃ hī’’tiādi. Vaṭṭavivaṭṭanti vaṭṭañca vivaṭṭañca. ‘‘Dvādasahī’’ti idaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ ‘‘anulomato dvādasahi padehi vaṭṭaṃ, paṭilomato dvādasahi vivaṭṭaṃ idha dassita’’nti.
วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhaṅgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. วิภงฺคสุตฺตํ • 2. Vibhaṅgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 2. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā