Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๘. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

    8. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā

    . เอเกน ปริยาเยน อฎฺฐงฺคิกมคฺคํ วิภชิตฺวาติ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติอาทินา เอเกน ปริยาเยน อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ วิภาเคน ทเสฺสตฺวา ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาทิฎฺฐี’’ติอาทินา ปุน อปเรน ปริยาเยน วิภชิตุกาโมฯ อุคฺคหธารณปริจยญาณานิปิ สวนญาเณ เอว อวโรธํ คจฺฉนฺตีติ ‘‘สวนสมฺมสนปฎิเวธปจฺจเวกฺขณวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ

    8.Ekena pariyāyena aṭṭhaṅgikamaggaṃ vibhajitvāti ‘‘sammādiṭṭhī’’tiādinā ekena pariyāyena ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ vibhāgena dassetvā ‘‘katamā ca, bhikkhave, sammādiṭṭhī’’tiādinā puna aparena pariyāyena vibhajitukāmo. Uggahadhāraṇaparicayañāṇānipi savanañāṇe eva avarodhaṃ gacchantīti ‘‘savanasammasanapaṭivedhapaccavekkhaṇavasenā’’ti vuttaṃ.

    กมฺมฎฺฐานาภินิเวโสติ กมฺมฎฺฐานปฎิปตฺติฯ ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ อุคฺคณฺหิตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาปนฺติ นิโรธมเคฺคสุ นินฺนภาวํ ทเสฺสติ, น อภินนฺทนํ, ตนฺนินฺนภาโว เอว จ ตตฺถ กมฺมกรณํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอเกเนวากาเรน สจฺจานํ ปฎิเวธนิมิตฺตตา, โส เอว อภิมุขภาโว เตสํ สมาคโมติ เอกาภิสมโย

    Kammaṭṭhānābhinivesoti kammaṭṭhānapaṭipatti. Purimāni dve saccāni uggaṇhitvāti sambandho. Iṭṭhaṃ kantaṃ manāpanti nirodhamaggesu ninnabhāvaṃ dasseti, na abhinandanaṃ, tanninnabhāvo eva ca tattha kammakaraṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Ekenevākārena saccānaṃ paṭivedhanimittatā, so eva abhimukhabhāvo tesaṃ samāgamoti ekābhisamayo.

    อสฺสาติ ญาณสฺส, โยคิโน วาฯ เอตฺถ จ เกจิ ‘‘โลกิยญาณมฺปิ ปฎิเวโธ สพฺพสฺส ยาถาวโพธภาวโต’’ติ วทนฺติฯ นนุ อุคฺคหาทิปฎิเวโธ จ ปฎิเวโธว, น จ โส โลกุตฺตโรติ? ตํ น, เกวเลน ปฎิเวธ-สเทฺทน อุคฺคหาทิปฎิเวธานํ อวจนียตฺตา, ปฎิเวธนิมิตฺตตฺตา วา อุคฺคหาทิวเสน ปวตฺตํ ทุกฺขาทีสุ ปุพฺพภาเค ญาณํ ‘‘ปฎิเวโธ’’ติ วุจฺจติ, น ปฎิเวธตฺตา, ปฎิเวธภูตเมว ปน ญาณํ อุชุกํ ปฎิเวโธติ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ กิจฺจโตติ ปริญฺญาทิกิจฺจโตฯ อารมฺมณปฎิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฎิเวธมาหฯ กิจฺจโตติ อสโมฺมหปฎิเวธํฯ อุคฺคหาทีหิ สจฺจสฺส ปริคฺคณฺหนํ ปริคฺคโห

    Assāti ñāṇassa, yogino vā. Ettha ca keci ‘‘lokiyañāṇampi paṭivedho sabbassa yāthāvabodhabhāvato’’ti vadanti. Nanu uggahādipaṭivedho ca paṭivedhova, na ca so lokuttaroti? Taṃ na, kevalena paṭivedha-saddena uggahādipaṭivedhānaṃ avacanīyattā, paṭivedhanimittattā vā uggahādivasena pavattaṃ dukkhādīsu pubbabhāge ñāṇaṃ ‘‘paṭivedho’’ti vuccati, na paṭivedhattā, paṭivedhabhūtameva pana ñāṇaṃ ujukaṃ paṭivedhoti vattabbataṃ arahati. Kiccatoti pariññādikiccato. Ārammaṇapaṭivedhoti sacchikiriyāpaṭivedhamāha. Kiccatoti asammohapaṭivedhaṃ. Uggahādīhi saccassa pariggaṇhanaṃ pariggaho.

    ทุทฺทสตฺตาติ อนธิคตญาเณน ยาถาวสรสลกฺขณโต ทฎฺฐุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อุปฺปตฺติโต ปากฎานิปิฯ เตนาห ‘‘ทุกฺขสจฺจํ หี’’ติอาทิฯ อุภยนฺติ ปุริมํ สจฺจทฺวยํฯ ปโยโคติ กิริยา, วายาโม วาฯ ตสฺส มหนฺตตรสฺส อิจฺฉิตพฺพตํ ทุกฺกรตรตญฺจ อุปมาหิ ทเสฺสติ ‘‘ภวคฺคคฺคหณตฺถ’’นฺติอาทินาฯ ยถา ปุริมํ สจฺจทฺวยํ วิย เกนจิ ปริยาเยน อปากฎตาย ปรมคมฺภีรตฺตา อุคฺคหาทิวเสน ปุพฺพภาเค ปวตฺติเภทํ คเหตฺวา ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทินา จตุพฺพิธํ กตฺวา วุตฺตํฯ เอกเมว ตํ ญาณํ โหติ เอกาภิสมยวเสเนว ปวตฺตนโตฯ

    Duddasattāti anadhigatañāṇena yāthāvasarasalakkhaṇato daṭṭhuṃ asakkuṇeyyattā uppattito pākaṭānipi. Tenāha ‘‘dukkhasaccaṃ hī’’tiādi. Ubhayanti purimaṃ saccadvayaṃ. Payogoti kiriyā, vāyāmo vā. Tassa mahantatarassa icchitabbataṃ dukkarataratañca upamāhi dasseti ‘‘bhavaggaggahaṇattha’’ntiādinā. Yathā purimaṃ saccadvayaṃ viya kenaci pariyāyena apākaṭatāya paramagambhīrattā uggahādivasena pubbabhāge pavattibhedaṃ gahetvā ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādinā catubbidhaṃ katvā vuttaṃ. Ekameva taṃ ñāṇaṃ hoti ekābhisamayavaseneva pavattanato.

    กามปจฺจนีกเฎฺฐนาติ กามานํ อุชุปจฺจนีกภาเวนฯ กามโต นิสฺสฎภาเวนาติ กาเมหิ วิสํยุตฺตภาเวนฯ กามํ สมฺมสนฺตสฺสาติ ทุวิธมฺปิ กามํ อนิจฺจาทิโต สมฺมสนฺตสฺสฯ ปชฺชติ ปวตฺตติ เอเตนาติ ปทํ, กามสฺส ปทนฺติ กามปทํ, กามสฺส อุปฺปตฺติการณสฺส ฆาโต สมุคฺฆาโต, ตํ กามปทฆาตํฯ เตนาห ‘‘กามวูปสม’’นฺติฯ กาเมหิ วิวิตฺตํ กามวิวิตฺตํฯ โส เอว จ เนสํ อโนฺต สมุเจฺฉทวิเวเกติ กตฺวา ตสฺมิํ สาเธตเพฺพ อุปฺปโนฺนติ วุตฺตํ ‘‘กามวิวิตฺตเนฺต อุปฺปโนฺน’’ติฯ กามโต นิกฺขมตีติ นิกฺขโม, โส เอว เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปฯ อิมสฺมิญฺจ เนกฺขมฺมสงฺกปฺปสฺส สทฺทตฺถวิภาเวน ยถาวุโตฺต กามปจฺจนีกฎฺฐาทิโก อตฺถนิทฺธารณวิเสโส อโนฺตคโธฯ

    Kāmapaccanīkaṭṭhenāti kāmānaṃ ujupaccanīkabhāvena. Kāmato nissaṭabhāvenāti kāmehi visaṃyuttabhāvena. Kāmaṃ sammasantassāti duvidhampi kāmaṃ aniccādito sammasantassa. Pajjati pavattati etenāti padaṃ, kāmassa padanti kāmapadaṃ, kāmassa uppattikāraṇassa ghāto samugghāto, taṃ kāmapadaghātaṃ. Tenāha ‘‘kāmavūpasama’’nti. Kāmehi vivittaṃ kāmavivittaṃ. So eva ca nesaṃ anto samucchedaviveketi katvā tasmiṃ sādhetabbe uppannoti vuttaṃ ‘‘kāmavivittante uppanno’’ti. Kāmato nikkhamatīti nikkhamo, so eva nekkhammasaṅkappo. Imasmiñca nekkhammasaṅkappassa saddatthavibhāvena yathāvutto kāmapaccanīkaṭṭhādiko atthaniddhāraṇaviseso antogadho.

    เอเสว นโยติ อิมินา พฺยาปาทปจฺจนีกเฎฺฐน วิหิํสาย ปจฺจนีกเฎฺฐนาติอาทิกํ อพฺยาปาทาวิหิํสาสงฺกปฺปานํ อตฺถุทฺธารณวิธิํ อติทิสติฯ เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโยติ อาทิ-สเทฺทน อพฺยาปาทอวิหิํสาสงฺกเปฺป เอว สงฺคณฺหาติฯ กาม…เป.… สญฺญานนฺติ กามวิตกฺกาทิวิรติสมฺปยุตฺตานํ เนกฺขมฺมาทิสญฺญานํฯ นานตฺตาติ นานาขณิกตฺตาฯ ตีสุ ฐาเนสูติ ติปฺปกาเรสุ การเณสุฯ อุปฺปนฺนสฺสาติ อุปฺปชฺชนารหสฺสฯ ภูมิลทฺธอุปฺปนฺนํ อิธาธิเปฺปตํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ ปทเจฺฉทโตติ การณุปเจฺฉทโตฯ ปทนฺติ หิ อุปฺปตฺติการณนฺติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ อนุปฺปตฺติสาธนวเสนาติ ยถา สงฺกโปฺป อายติํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ อนุปฺปตฺติสาธนวเสนฯ สมฺมาทิฎฺฐิ วิย เอโกว กุสลสงฺกโปฺป อุปฺปชฺชติ

    Eseva nayoti iminā byāpādapaccanīkaṭṭhena vihiṃsāya paccanīkaṭṭhenātiādikaṃ abyāpādāvihiṃsāsaṅkappānaṃ atthuddhāraṇavidhiṃ atidisati. Nekkhammasaṅkappādayoti ādi-saddena abyāpādaavihiṃsāsaṅkappe eva saṅgaṇhāti. Kāma…pe… saññānanti kāmavitakkādiviratisampayuttānaṃ nekkhammādisaññānaṃ. Nānattāti nānākhaṇikattā. Tīsu ṭhānesūti tippakāresu kāraṇesu. Uppannassāti uppajjanārahassa. Bhūmiladdhauppannaṃ idhādhippetaṃ. Esa nayo ito paresupi. Padacchedatoti kāraṇupacchedato. Padanti hi uppattikāraṇanti vuttovāyamattho. Anuppattisādhanavasenāti yathā saṅkappo āyatiṃ nuppajjati, evaṃ anuppattisādhanavasena. Sammādiṭṭhi viya ekova kusalasaṅkappo uppajjati.

    จตูสุ ฐาเนสูติ วิสํวาทนาทีสุ จตูสุ วีติกฺกมฎฺฐาเนสุฯ ปพฺพชิตานํ มิจฺฉาชีโว นาม อาหารนิมิตฺตโกติ อาห ‘‘ขาทนียโภชนียาทีนํ อตฺถายา’’ติฯ สพฺพโส อเนสนาย ปหานํ สมฺมาอาชีโวติ อาห ‘‘พุทฺธปฺปสเตฺถน อาชีเวนา’’ติฯ กมฺมปถปตฺตานํ วเสน ‘‘สตฺตสุ ฐาเนสู’’ติ วุตฺตํฯ อกมฺมปถปตฺตาย หิ อเนสนาย โส ปทฆาตํ กโรติเยวฯ

    Catūsu ṭhānesūti visaṃvādanādīsu catūsu vītikkamaṭṭhānesu. Pabbajitānaṃ micchājīvo nāma āhāranimittakoti āha ‘‘khādanīyabhojanīyādīnaṃ atthāyā’’ti. Sabbaso anesanāya pahānaṃ sammāājīvoti āha ‘‘buddhappasatthena ājīvenā’’ti. Kammapathapattānaṃ vasena ‘‘sattasu ṭhānesū’’ti vuttaṃ. Akammapathapattāya hi anesanāya so padaghātaṃ karotiyeva.

    ตถารูเป วา อารมฺมเณติ ยสฺมิํ อารมฺมเณ อิมสฺส ปุเพฺพ กิเลสา น อุปฺปนฺนา, ตสฺมิํ เอวฯ อนุปฺปนฺนานนฺติ อนุปฺปาทสฺสปิ ปตฺถนาวเสน อนุปฺปนฺนานํฯ วีริยจฺฉนฺทนฺติ วีริยสฺส นิพฺพเตฺตตุกามตาฉนฺทํฯ ‘‘ฉนฺทสมฺปยุตฺตวีริยญฺจา’’ติ วทนฺติฯ วีริยเมว ปน อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทเน ลพฺภมานฉนฺทตาย ธุรสมฺปคฺคหตาย ฉนฺทปริยาเยน วุตฺตํฯ ตถา หิ วีริยํ – ‘‘อนิกฺขิตฺตฉนฺทตา อนิกฺขิตฺตธุรตา’’ติ (ธ. ส. ๒๖) นิทฺทิฎฺฐํฯ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อทตฺวา จิตฺตํ ปคฺคหิตํ กโรติฯ ปธานนฺติ ปธานภูตวีริยํฯ

    Tathārūpe vā ārammaṇeti yasmiṃ ārammaṇe imassa pubbe kilesā na uppannā, tasmiṃ eva. Anuppannānanti anuppādassapi patthanāvasena anuppannānaṃ. Vīriyacchandanti vīriyassa nibbattetukāmatāchandaṃ. ‘‘Chandasampayuttavīriyañcā’’ti vadanti. Vīriyameva pana anuppannākusalānuppādane labbhamānachandatāya dhurasampaggahatāya chandapariyāyena vuttaṃ. Tathā hi vīriyaṃ – ‘‘anikkhittachandatā anikkhittadhuratā’’ti (dha. sa. 26) niddiṭṭhaṃ. Kosajjapakkhe patituṃ adatvā cittaṃ paggahitaṃ karoti. Padhānanti padhānabhūtavīriyaṃ.

    อุปฺปตฺติปพนฺธวเสนาติ นิรนฺตรุปฺปาทนวเสนฯ จตูสุ ฐาเนสุ กิจฺจสาธนวเสนาติ ยถาวุเตฺตสุ จตูสุ ฐาเนสุ ปธานกิจฺจสฺส นิปฺผาทนวเสน อนุปฺปาทนาทิวเสนฯ กิจฺจสาธนวเสนาติ กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตคาหวิธมนวเสน อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตสาธนวเสนฯ

    Uppattipabandhavasenāti nirantaruppādanavasena. Catūsu ṭhānesu kiccasādhanavasenāti yathāvuttesu catūsu ṭhānesu padhānakiccassa nipphādanavasena anuppādanādivasena. Kiccasādhanavasenāti kāyavedanācittadhammesu subhasukhaniccaattagāhavidhamanavasena asubhadukkhāniccānattasādhanavasena.

    อยนฺติ ยถาวุโตฺต สทิสาสทิสตาวิเสโสฯ อสฺสาติ มคฺคสฺสฯ เอตฺถ กถนฺติ ยทิ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานโต ปฎฺฐาย ยาว สพฺพภวคฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคโพชฺฌงฺคานํ สทิสตา, เอวํ สเนฺต ‘‘อารุเปฺป จตุกฺกปญฺจกชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ, ตญฺจ โลกุตฺตร’’นฺติ เอตฺถ กถํ อโตฺถ คเหตโพฺพติ อาห ‘‘เอตฺถาปี’’ติอาทิฯ ตํฌานิกาวาติ ปฐมชฺฌานาทีสุ ยํ ฌานํ มคฺคปฎิลาภสฺส ปาทกภูตํ, ตํฌานิกาว อสฺส อริยสฺส อุปริปิ ตโย มคฺคาเอวนฺติ วุตฺตากาเรนฯ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติ อารุเปฺป จตุกฺกปญฺจกชฺฌานุปฺปตฺติยํฯ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธาติ สมฺมสิตขเนฺธ วทนฺติฯ ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมติ ปาทกสมฺมสิตชฺฌานานํ เภเทฯ ยสฺมา สงฺขารุเปกฺขาญาณเมว อริยมคฺคสฺส โพชฺฌงฺคาทิวิเสสํ นิยเมติ, ตโต ทุติยาทิปาทกชฺฌานโต อุปฺปนฺนสฺส สงฺขารุเปกฺขาญาณสฺส ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตาวิราคภาวโต อิตรสฺส จ อตพฺภาวโต ตีสุปิ วาเทสุ วิปสฺสนาว นิยเมตีติ เวทิตโพฺพ, ตสฺมา วิปสฺสนานิยเมเนว หิ ปฐมวาเทปิ อปาทกชฺฌานาทิปาทกาปิ มคฺคา ปฐมชฺฌานิกา โหนฺติฯ อิตเรหิ จ ปาทกชฺฌาเนหิ วิปสฺสนานิยเมหิ ตํตํฌานิกาวฯ เอวํ เสสวาเทสุ วิปสฺสนานิยโม ยถาสมฺภวํ โยเชตโพฺพฯ ทุติยวาเท ตํตํฌานิกตา สมฺมสิตสงฺขารวิปสฺสนานิยเมหิ โหติฯ ตตฺร หิ วิปสฺสนา ตํตํวิราคภาวนา ภาเวตพฺพา, น โสมนสฺสสหคตา อุเปกฺขาสหคตา หุตฺวา ฌานงฺคาทินิยมํ มคฺคสฺส กโรตีติ เอวํ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิญฺจ วาเท ปาทกสมฺมสิตชฺฌานุปนิสฺสยสพฺภาเว อชฺฌาสโย เอกเนฺตน โหตีติ ‘‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตีติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อฎฺฐกถายํ ปน วิสุทฺธิมคฺคสฺส เอติสฺสา อฎฺฐกถาย เอกสงฺคหิตตฺตา ‘‘เตสํ วาทวินิจฺฉโย…เป.… เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ปุพฺพภาเคติ วิปสฺสนากฺขเณฯ

    Ayanti yathāvutto sadisāsadisatāviseso. Assāti maggassa. Ettha kathanti yadi rūpāvacaracatutthajjhānato paṭṭhāya yāva sabbabhavaggā jhānaṅgamaggaṅgabojjhaṅgānaṃ sadisatā, evaṃ sante ‘‘āruppe catukkapañcakajjhānaṃ uppajjati, tañca lokuttara’’nti ettha kathaṃ attho gahetabboti āha ‘‘etthāpī’’tiādi. Taṃjhānikāvāti paṭhamajjhānādīsu yaṃ jhānaṃ maggapaṭilābhassa pādakabhūtaṃ, taṃjhānikāva assa ariyassa uparipi tayo maggā. Evanti vuttākārena. Pādakajjhānameva niyameti āruppe catukkapañcakajjhānuppattiyaṃ. Vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhāti sammasitakhandhe vadanti. Puggalajjhāsayo niyameti pādakasammasitajjhānānaṃ bhede. Yasmā saṅkhārupekkhāñāṇameva ariyamaggassa bojjhaṅgādivisesaṃ niyameti, tato dutiyādipādakajjhānato uppannassa saṅkhārupekkhāñāṇassa pādakajjhānātikkantānaṃ aṅgānaṃ asamāpajjitukāmatāvirāgabhāvato itarassa ca atabbhāvato tīsupi vādesu vipassanāva niyametīti veditabbo, tasmā vipassanāniyameneva hi paṭhamavādepi apādakajjhānādipādakāpi maggā paṭhamajjhānikā honti. Itarehi ca pādakajjhānehi vipassanāniyamehi taṃtaṃjhānikāva. Evaṃ sesavādesu vipassanāniyamo yathāsambhavaṃ yojetabbo. Dutiyavāde taṃtaṃjhānikatā sammasitasaṅkhāravipassanāniyamehi hoti. Tatra hi vipassanā taṃtaṃvirāgabhāvanā bhāvetabbā, na somanassasahagatā upekkhāsahagatā hutvā jhānaṅgādiniyamaṃ maggassa karotīti evaṃ vipassanāniyamo vuttanayeneva veditabbo. Imasmiñca vāde pādakasammasitajjhānupanissayasabbhāve ajjhāsayo ekantena hotīti ‘‘puggalajjhāsayo niyametīti vadantī’’ti vuttaṃ, aṭṭhakathāyaṃ pana visuddhimaggassa etissā aṭṭhakathāya ekasaṅgahitattā ‘‘tesaṃ vādavinicchayo…pe… veditabbo’’ti vuttaṃ. Pubbabhāgeti vipassanākkhaṇe.

    วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhaṅgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๘. วิภงฺคสุตฺตํ • 8. Vibhaṅgasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 8. Vibhaṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact