Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā

    ๘. วิภตฺติหารวิภงฺควณฺณนา

    8. Vibhattihāravibhaṅgavaṇṇanā

    ๓๓. ธเมฺมสูติ ปุญฺญาทิทานาทิเภทภิเนฺนสุ สภาวธเมฺมสุฯ ตตฺถ ลพฺภมาโนติ เตสุ ยถาวุเตฺตสุ ธเมฺมสุ ลพฺภมาโนฯ ภูมิวิภาโคติ กามาวจราทิทสฺสนาทิภูมิปฺปเภโทฯ ปทฎฺฐานวิภาโคติ เต ปุญฺญาทิธมฺมา เยสํ ปทฎฺฐานํ, เตสํ วา เย ธมฺมา ปทฎฺฐานํ, ตพฺพิภาโคฯ เยสํ สุตฺตานนฺติ มูลปทฎฺฐานภูตานํ สํกิเลสภาคิยาทีนํ จตุนฺนํ สุตฺตานํ วเสนฯ อสงฺกรววตฺถาเนน หิ เอเตสุ สุเตฺตสุ สาติสยํ ธมฺมา วิภตฺตา นาม โหนฺติฯ เตนาห ‘‘วิเสสโต’’ติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา วาสนาภาคิยนิเพฺพธภาคิยสุตฺตานิ เอเวตฺถ คหิตานีติ? นยิทเมวํ นิกฺขมนปริโยสานภาเวน อิตเรสมฺปิ คหิตตฺตาฯ ยโต หิ นิสฺสฎา วาสนาภาคิยา ธมฺมา, เต สํกิเลสภาคิยาฯ ยํปริโยสานา นิเพฺพธภาคิยา ธมฺมา, เต อเสกฺขภาคิยาติ ทฺวยคฺคหเณเนว อิตรมฺปิ ทฺวยํ คหิตเมว โหติฯ เตนาห ‘‘อิเมสํ จตุนฺนํ สุตฺตานํ เทสนายา’’ติฯ อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานีติ ปาฬิยา, วกฺขมานาย เทสนาย วา อิตรทฺวยสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพ, น ปฎิเกฺขโปฯ

    33.Dhammesūti puññādidānādibhedabhinnesu sabhāvadhammesu. Tattha labbhamānoti tesu yathāvuttesu dhammesu labbhamāno. Bhūmivibhāgoti kāmāvacarādidassanādibhūmippabhedo. Padaṭṭhānavibhāgoti te puññādidhammā yesaṃ padaṭṭhānaṃ, tesaṃ vā ye dhammā padaṭṭhānaṃ, tabbibhāgo. Yesaṃ suttānanti mūlapadaṭṭhānabhūtānaṃ saṃkilesabhāgiyādīnaṃ catunnaṃ suttānaṃ vasena. Asaṅkaravavatthānena hi etesu suttesu sātisayaṃ dhammā vibhattā nāma honti. Tenāha ‘‘visesato’’ti. Yadi evaṃ kasmā vāsanābhāgiyanibbedhabhāgiyasuttāni evettha gahitānīti? Nayidamevaṃ nikkhamanapariyosānabhāvena itaresampi gahitattā. Yato hi nissaṭā vāsanābhāgiyā dhammā, te saṃkilesabhāgiyā. Yaṃpariyosānā nibbedhabhāgiyā dhammā, te asekkhabhāgiyāti dvayaggahaṇeneva itarampi dvayaṃ gahitameva hoti. Tenāha ‘‘imesaṃ catunnaṃ suttānaṃ desanāyā’’ti. Imāni cattāri suttānīti pāḷiyā, vakkhamānāya desanāya vā itaradvayasaṅgaho daṭṭhabbo, na paṭikkhepo.

    เตเนวาติ นิยมสฺส อกตตฺตา, ตโต จ เตน ตนฺนิสฺสิเตน จ พฺรหฺมจารี ภวตีติ สิทฺธํ โหติฯ เอว-สโทฺท วา สมุจฺจยโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ สิยา ตสฺส ปฎิเกฺขโปติ ตสฺส อฎฺฐสมาปตฺติพฺรหฺมจริยสฺส สิยา ปฎิเกฺขโปฯ เอวํ สติ สาวเสสา เทสนา สิยาฯ

    Tenevāti niyamassa akatattā, tato ca tena tannissitena ca brahmacārī bhavatīti siddhaṃ hoti. Eva-saddo vā samuccayattho daṭṭhabbo. Siyā tassa paṭikkhepoti tassa aṭṭhasamāpattibrahmacariyassa siyā paṭikkhepo. Evaṃ sati sāvasesā desanā siyā.

    ตทงฺคาทิปฺปหานทฺวยํ ปทฎฺฐานภูตํ อิธ คณนูปคํ น โหตีติ ‘‘สมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานานํ วเสนา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา เหตฺถ เกจิ ‘‘เตเนวา’’ติ ปฐนฺติฯ ‘‘เตเนว พฺรหฺมจริเยนาติ ปฐนฺตี’’ติ อิทํ ‘‘สํวรสีเล ฐิโต’’ติ (เนตฺติ. ๓๓) เอตฺถ วุตฺตํ ปาฬิวิกปฺปํ สนฺธาย วทติฯ ‘‘ยสฺมา…เป.… วกฺขตี’’ติ อิทํ ปจฺฉิมปาฐเสฺสว ยุตฺตตาย การณวจนํฯ

    Tadaṅgādippahānadvayaṃ padaṭṭhānabhūtaṃ idha gaṇanūpagaṃ na hotīti ‘‘samucchedapaṭippassaddhippahānānaṃ vasenā’’ti vuttaṃ. Tathā hettha keci ‘‘tenevā’’ti paṭhanti. ‘‘Teneva brahmacariyenāti paṭhantī’’ti idaṃ ‘‘saṃvarasīle ṭhito’’ti (netti. 33) ettha vuttaṃ pāḷivikappaṃ sandhāya vadati. ‘‘Yasmā…pe… vakkhatī’’ti idaṃ pacchimapāṭhasseva yuttatāya kāraṇavacanaṃ.

    กถํ มนฺตาติ? อนิเพฺพธสภาวตฺตา มหคฺคตปุญฺญานํ น นิเพฺพธภาคิยสุเตฺตน สงฺคโห, วาสนาภาคิยตฺตา ปน วาสนาภาคิยสุเตฺตเนว สงฺคโหติฯ ตทุปสงฺคา หิ ปจฺฉิโม เอว ปาโฐ ยุตฺตตโรฯ อิตรถา สาวเสสา เทสนา ภเวยฺยฯ เตนาห ‘‘น หิ…เป.… เทเสตี’’ติฯ

    Kathaṃ mantāti? Anibbedhasabhāvattā mahaggatapuññānaṃ na nibbedhabhāgiyasuttena saṅgaho, vāsanābhāgiyattā pana vāsanābhāgiyasutteneva saṅgahoti. Tadupasaṅgā hi pacchimo eva pāṭho yuttataro. Itarathā sāvasesā desanā bhaveyya. Tenāha ‘‘na hi…pe… desetī’’ti.

    สํกิเลสภาคิยอเสกฺขภาคิยานํ ปรโต วกฺขมานตฺตา วุตฺตํ ‘‘วกฺขมานานํ…เป.… วเสนา’’ติฯ ‘‘สพฺพโต’’ติ อิทํ ปุพฺพปราเปกฺขํฯ ตสฺส ปราเปกฺขตาย ‘‘สพฺพโตภาเคน เอกาทสสุ ฐาเนสุ ปกฺขิปิตฺวา’’ติ อฎฺฐกถายํ โยชิตํฯ ตตฺถ ปทาทิเก วิจยหารปทเตฺถ สนฺธาย ‘‘เอกาทสสุ ฐาเนสู’’ติ วุตฺตํฯ ปุพฺพเปกฺขตาย ปน ‘‘สพฺพโตภาเคน เทสนาย ผเลนา’’ติอาทินา โยเชตพฺพํฯ

    Saṃkilesabhāgiyaasekkhabhāgiyānaṃ parato vakkhamānattā vuttaṃ ‘‘vakkhamānānaṃ…pe… vasenā’’ti. ‘‘Sabbato’’ti idaṃ pubbaparāpekkhaṃ. Tassa parāpekkhatāya ‘‘sabbatobhāgena ekādasasu ṭhānesu pakkhipitvā’’ti aṭṭhakathāyaṃ yojitaṃ. Tattha padādike vicayahārapadatthe sandhāya ‘‘ekādasasu ṭhānesū’’ti vuttaṃ. Pubbapekkhatāya pana ‘‘sabbatobhāgena desanāya phalenā’’tiādinā yojetabbaṃ.

    สํกิเลสภาคิยานํ ตณฺหาสํกิเลสาทินา เทสนานโย เวทิตโพฺพฯ ผลํ อปายทุเกฺขน มนุเสฺสสุ โทภคฺคิเยนฯ อเสกฺขภาคิยานํ อเสเกฺขหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ เทสนานโยฯ ผลํ อคฺคผเลน จ อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา เวทิตพฺพํฯ อิตเรสํ ปาฬิยํ วุตฺตเมวฯ กามราคพฺยาปาทอุทฺธมฺภาคิยสํโยชนคฺคหเณน สํกิเลสภาคิยานํ, วิราคคฺคหเณน อเสกฺขคฺคหเณเนว จ อเสกฺขภาคิยานํ วกฺขมานตฺตา วุตฺตํ ‘‘วกฺขมานานํ…เป.… วเสนา’’ติฯ ปทปทตฺถวิจารยุตฺตินิทฺธารณมุเขน ธมฺมวิภตฺติอาทิวิจาโร กาตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘วิจเยน…เป.… ตพฺพานี’’ติ วุตฺตนฺติ อฎฺฐกถายํ ‘‘วิจเยน…เป.… ทเสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Saṃkilesabhāgiyānaṃ taṇhāsaṃkilesādinā desanānayo veditabbo. Phalaṃ apāyadukkhena manussesu dobhaggiyena. Asekkhabhāgiyānaṃ asekkhehi sīlakkhandhādīhi desanānayo. Phalaṃ aggaphalena ca anupādisesāya ca nibbānadhātuyā veditabbaṃ. Itaresaṃ pāḷiyaṃ vuttameva. Kāmarāgabyāpādauddhambhāgiyasaṃyojanaggahaṇena saṃkilesabhāgiyānaṃ, virāgaggahaṇena asekkhaggahaṇeneva ca asekkhabhāgiyānaṃ vakkhamānattā vuttaṃ ‘‘vakkhamānānaṃ…pe… vasenā’’ti. Padapadatthavicārayuttiniddhāraṇamukhena dhammavibhattiādivicāro kātabboti dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘vicayena…pe… tabbānī’’ti vuttanti aṭṭhakathāyaṃ ‘‘vicayena…pe… dassetī’’ti vuttaṃ.

    ๓๔. เอวนฺติ อิติฯ ธเมฺมติ วุตฺตสภาคธเมฺมฯ สาธารณาสาธารณภาเวหีติ สามญฺญวิเสเสน วิสิเฎฺฐหิฯ เทฺว ธมฺมา สาธารณาติ เทฺว อิเม ธมฺมา เยหิ สภาคธมฺมา สาธารณา นาม โหนฺติฯ กตเม เทฺว? นามํ, วตฺถุ จฯ ตตฺถ นามํ นามปญฺญตฺติ, ตํมุเขเนว สทฺทโต ตทตฺถาวคโมฯ สเทฺทน จ สามญฺญรูเปเนว ตถารูปสฺส อตฺถสฺส คหณํ, น วิเสสรูเปน, ตสฺมา สทฺทวจนียา อตฺถา สาธารณรูปนามายตฺตคหณียตาย นามสาธารณา วุตฺตาฯ วตฺถูติ ปวตฺติฎฺฐานํฯ ยตฺถ หิ เย ธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เตสํ สเพฺพสํ เต ธมฺมา สาธารณาติ ปวตฺติฎฺฐานสงฺขาตานํ วตฺถูนํ สาธารณาฯ ยสฺมา ปนิทํ ทฺวยํ เตสํ ธมฺมานํ สาธารณภาเว ปกติภูตํ สภาวภูตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เทฺว ธมฺมาติ ทุเว ปกติโย’’ติฯ เอกสนฺตติปติตตายาติ สมานสนฺตติปวตฺติยาฯ เตนาห ‘‘สมานวตฺถุกา’’ติฯ ทสฺสนปหาตพฺพานญฺหิ ยถา มิจฺฉตฺตนิยตสตฺตา ปวตฺติฎฺฐานํ, เอวํ อนิยตาปีติ อุภเย หิ เต สมานวตฺถุกาฯ เอส นโย อิตเรสุปิฯ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสา หิ ภินฺนสภาวาเปเต ธมฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺพตํ นาติวตฺตนฺตีติ เต นามสามญฺญตํ ปตฺตา, รูปราคาทโย จ ภาวนาย ปหาตพฺพตนฺติ อาห ‘‘ปหาเนกฎฺฐา นามสาธารณา’’ติฯ ยถา ปน ‘‘วตฺถูนํ สาธารณา วตฺถุสาธารณา’’ติ อยมโตฺถ ลพฺภติ, เอวํ ‘‘วตฺถุนา สาธารณา วตฺถุสาธารณา’’ติ อยมฺปิ อโตฺถ ลพฺภตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สหเชกฎฺฐา วตฺถุสาธารณา’’ติ อาหฯ เต หิ อญฺญมญฺญํ ผุสนาทิสภาวโต ภินฺนาปิ ยสฺมิํ ปวตฺตนฺติ, เตน วตฺถุนา สาธารณา นาม โหนฺติฯ เอตฺถ จ ลพฺภมานมฺปิ กุสลาทินามสาธารณํ อนามสิตฺวา วตฺถุสาธารณา ตาว โยชิตาติ เวทิตพฺพาฯ ปฎิปกฺขาทีหีติ อาทิสเทฺทน สมานผลตาสหพฺยตาทิเก สงฺคณฺหาติฯ เสสปเทสูติ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิวาเกฺยสุฯ กถํ? ตตฺถ หิ ปุถุชฺชนสฺส, โสตาปนฺนสฺส จ สมฺภวโต อนาคามิโน, อรหโต จ อสมฺภวโตติอาทินา โยเชตพฺพํฯ

    34.Evanti iti. Dhammeti vuttasabhāgadhamme. Sādhāraṇāsādhāraṇabhāvehīti sāmaññavisesena visiṭṭhehi. Dve dhammā sādhāraṇāti dve ime dhammā yehi sabhāgadhammā sādhāraṇā nāma honti. Katame dve? Nāmaṃ, vatthu ca. Tattha nāmaṃ nāmapaññatti, taṃmukheneva saddato tadatthāvagamo. Saddena ca sāmaññarūpeneva tathārūpassa atthassa gahaṇaṃ, na visesarūpena, tasmā saddavacanīyā atthā sādhāraṇarūpanāmāyattagahaṇīyatāya nāmasādhāraṇā vuttā. Vatthūti pavattiṭṭhānaṃ. Yattha hi ye dhammā pavattanti, tesaṃ sabbesaṃ te dhammā sādhāraṇāti pavattiṭṭhānasaṅkhātānaṃ vatthūnaṃ sādhāraṇā. Yasmā panidaṃ dvayaṃ tesaṃ dhammānaṃ sādhāraṇabhāve pakatibhūtaṃ sabhāvabhūtaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘dve dhammāti duve pakatiyo’’ti. Ekasantatipatitatāyāti samānasantatipavattiyā. Tenāha ‘‘samānavatthukā’’ti. Dassanapahātabbānañhi yathā micchattaniyatasattā pavattiṭṭhānaṃ, evaṃ aniyatāpīti ubhaye hi te samānavatthukā. Esa nayo itaresupi. Sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsā hi bhinnasabhāvāpete dhammā dassanena pahātabbataṃ nātivattantīti te nāmasāmaññataṃ pattā, rūparāgādayo ca bhāvanāya pahātabbatanti āha ‘‘pahānekaṭṭhā nāmasādhāraṇā’’ti. Yathā pana ‘‘vatthūnaṃ sādhāraṇā vatthusādhāraṇā’’ti ayamattho labbhati, evaṃ ‘‘vatthunā sādhāraṇā vatthusādhāraṇā’’ti ayampi attho labbhatīti dassento ‘‘sahajekaṭṭhā vatthusādhāraṇā’’ti āha. Te hi aññamaññaṃ phusanādisabhāvato bhinnāpi yasmiṃ pavattanti, tena vatthunā sādhāraṇā nāma honti. Ettha ca labbhamānampi kusalādināmasādhāraṇaṃ anāmasitvā vatthusādhāraṇā tāva yojitāti veditabbā. Paṭipakkhādīhīti ādisaddena samānaphalatāsahabyatādike saṅgaṇhāti. Sesapadesūti ‘‘puthujjanassā’’tiādivākyesu. Kathaṃ? Tattha hi puthujjanassa, sotāpannassa ca sambhavato anāgāmino, arahato ca asambhavatotiādinā yojetabbaṃ.

    กถํ เต โอธิโส คหิตาติ เกนากาเรน เต ‘‘สาธารณา’’ติ วุตฺตธมฺมา ภาคโส คหิตาฯ ‘‘อมุกสฺส, อมุกสฺส จา’’ติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ สามญฺญภูตา ธมฺมา สาธารณา นาม, เอวํ สเนฺต กถํ เตสํ มิจฺฉตฺตนิยตานิยตาทิวเสน วิภาเคน ปวตฺติฎฺฐานตา วุจฺจติ, น วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ อถ วิภาเคน ตํ วตฺตพฺพํ, นนุ เต สาธารณาติ น วตฺตพฺพเมวาติ? เอวํ สาธารณาติ มิจฺฉตฺตนิยตานํ, อนิยตานนฺติ อิเมสํ อุภเยสํเยว เต ธมฺมา สาธารณาฯ เตนาห – ‘‘น สพฺพสตฺตานํ สาธารณตาย สาธารณา’’ติฯ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทินา ตตฺถ การณมาห, เตเนตํ ทเสฺสติ ‘‘เกจิ ธมฺมา เกสญฺจิเทว ธมฺมานํ สาธารณา โหนฺติ, อเญฺญสํ อสาธารณา’’ติฯ เตนาห ‘‘ปฎินิยตญฺหิ เตสํ ปวตฺติฎฺฐาน’’นฺติฯ

    Kathaṃ te odhiso gahitāti kenākārena te ‘‘sādhāraṇā’’ti vuttadhammā bhāgaso gahitā. ‘‘Amukassa, amukassa cā’’ti ayañhettha attho. Sāmaññabhūtā dhammā sādhāraṇā nāma, evaṃ sante kathaṃ tesaṃ micchattaniyatāniyatādivasena vibhāgena pavattiṭṭhānatā vuccati, na vattabbanti adhippāyo. Atha vibhāgena taṃ vattabbaṃ, nanu te sādhāraṇāti na vattabbamevāti? Evaṃ sādhāraṇāti micchattaniyatānaṃ, aniyatānanti imesaṃ ubhayesaṃyeva te dhammā sādhāraṇā. Tenāha – ‘‘na sabbasattānaṃ sādhāraṇatāya sādhāraṇā’’ti. ‘‘Yasmā’’tiādinā tattha kāraṇamāha, tenetaṃ dasseti ‘‘keci dhammā kesañcideva dhammānaṃ sādhāraṇā honti, aññesaṃ asādhāraṇā’’ti. Tenāha ‘‘paṭiniyatañhi tesaṃ pavattiṭṭhāna’’nti.

    อิตรถาติ อนิยตปวตฺติฎฺฐานตาย สเพฺพสํ สาธารณา, อสาธารณา วา สิยุํ, ตถา สติฯ ตถา โวหาโรติ ‘‘สาธารณา, อสาธารณา’’ติ จ อยํ โวหาโร สามญฺญา เอว น ภเวยฺยฯ เอเต เอว ธมฺมาติ ‘‘สาธารณา’’ติ วุตฺตธมฺมา เอวฯ เอวนฺติ ‘‘มิจฺฉตฺตนิยตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ นิยตวิสยา ปริจฺฉินฺนปฺปวตฺติฎฺฐานาฯ ‘‘โยปี’’ติอาทิ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปากฎกรณํฯ ‘‘น หี’’ติอาทินา อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ ตเมวตฺถํ วิภาเวติฯ เสเสปีติ ‘‘ภาวนาปหาตพฺพา’’ติ เอวมาทิมฺหิปิฯ

    Itarathāti aniyatapavattiṭṭhānatāya sabbesaṃ sādhāraṇā, asādhāraṇā vā siyuṃ, tathā sati. Tathā vohāroti ‘‘sādhāraṇā, asādhāraṇā’’ti ca ayaṃ vohāro sāmaññā eva na bhaveyya. Ete eva dhammāti ‘‘sādhāraṇā’’ti vuttadhammā eva. Evanti ‘‘micchattaniyatāna’’ntiādinā vuttappakārena. Niyatavisayā paricchinnappavattiṭṭhānā. ‘‘Yopī’’tiādi puggalādhiṭṭhānena vuttassevatthassa pākaṭakaraṇaṃ. ‘‘Na hī’’tiādinā anvayato, byatirekato ca tamevatthaṃ vibhāveti. Sesepīti ‘‘bhāvanāpahātabbā’’ti evamādimhipi.

    ปจฺจตฺตนิยโตติ ปาฎิปุคฺคลิโกฯ อิตรสฺสาติ อปจฺจตฺตนิยตสฺสฯ ตถาติ อสาธารณภาเวนฯ โกจิ ธโมฺม กญฺจิ ธมฺมํ อุปาทาย สาธารโณปิ สมาโน ตทญฺญํ อุปาทาย อสาธารโณปิ โหตีติ อาห ‘‘สาธารณาวิธุรตายา’’ติฯ เตนาห ‘‘ตํ ตํ อุปาทายา’’ติอาทิฯ ตถา หิ ‘‘ธมฺมตา’’ติ วุตฺตปฐมมคฺคฎฺฐตา ทีปิตา, ตาทิสานํ เอว อเนเกสํ อริยานํ วเสน สาธารณาติ ฯ ปฐมสฺสาติ อฎฺฐมกสฺสฯ ทุติยสฺสาติ โสตาปนฺนสฺสฯ ปุน อฎฺฐมกสฺสาติ ‘‘อฎฺฐมกสฺส, อนาคามิสฺส จา’’ติ เอตฺถ วุตฺตอฎฺฐมกสฺสฯ เตนาห ‘‘อนาคามิมคฺคฎฺฐสฺสา’’ติฯ อคฺคผลฎฺฐโต ปฎฺฐาย ปฎิโลมโต คณิยมาโน ปฐมมคฺคโฎฺฐ อฎฺฐมโก, มคฺคฎฺฐตาย, ปหียมานกิเลสตาย จ สเพฺพปิ มคฺคฎฺฐา อฎฺฐมกา วิยาติ อฎฺฐมกา, ‘‘เอกจิตฺตกฺขณโต อุทฺธํ น ติฎฺฐตีติ อฎฺฐมโก’’ติ อปเร นิรุตฺตินเยนฯ ‘‘เสกฺขา’’ติ นามํ สาธารณนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิตเรสูติ ‘‘ภพฺพาภพฺพา’’ติ วุเตฺตสุ อนริเยสุฯ เตนาห ปาฬิยํ ‘‘หีนุกฺกฎฺฐมชฺฌิมํ อุปาทายา’’ติฯ

    Paccattaniyatoti pāṭipuggaliko. Itarassāti apaccattaniyatassa. Tathāti asādhāraṇabhāvena. Koci dhammo kañci dhammaṃ upādāya sādhāraṇopi samāno tadaññaṃ upādāya asādhāraṇopi hotīti āha ‘‘sādhāraṇāvidhuratāyā’’ti. Tenāha ‘‘taṃ taṃ upādāyā’’tiādi. Tathā hi ‘‘dhammatā’’ti vuttapaṭhamamaggaṭṭhatā dīpitā, tādisānaṃ eva anekesaṃ ariyānaṃ vasena sādhāraṇāti . Paṭhamassāti aṭṭhamakassa. Dutiyassāti sotāpannassa. Puna aṭṭhamakassāti ‘‘aṭṭhamakassa, anāgāmissa cā’’ti ettha vuttaaṭṭhamakassa. Tenāha ‘‘anāgāmimaggaṭṭhassā’’ti. Aggaphalaṭṭhato paṭṭhāya paṭilomato gaṇiyamāno paṭhamamaggaṭṭho aṭṭhamako, maggaṭṭhatāya, pahīyamānakilesatāya ca sabbepi maggaṭṭhā aṭṭhamakā viyāti aṭṭhamakā, ‘‘ekacittakkhaṇato uddhaṃ na tiṭṭhatīti aṭṭhamako’’ti apare niruttinayena. ‘‘Sekkhā’’ti nāmaṃ sādhāraṇanti sambandho. Itaresūti ‘‘bhabbābhabbā’’ti vuttesu anariyesu. Tenāha pāḷiyaṃ ‘‘hīnukkaṭṭhamajjhimaṃ upādāyā’’ti.

    นิยามาวกฺกนฺติยาติ อวกฺกนฺตนิยามตายฯ ญาณุตฺถรสฺสาติ ญาณาธิกสฺสฯ ตถาวิธปจฺจยสมาโยเคติ ญาณวิเสสปจฺจยสมวาเยฯ ยถา หิ ญาณพเลน ทนฺธาภิญฺญตา น โหติ, เอวํ ปฎิปทาปฎิปโนฺนปิ สุเขน วิโสสียตีติฯ สา หิ สุขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ตํสมงฺคิโน ญาณุตฺตรตฺตา วิปสฺสนาย ปทฎฺฐานนฺติ วุตฺตาฯ

    Niyāmāvakkantiyāti avakkantaniyāmatāya. Ñāṇuttharassāti ñāṇādhikassa. Tathāvidhapaccayasamāyogeti ñāṇavisesapaccayasamavāye. Yathā hi ñāṇabalena dandhābhiññatā na hoti, evaṃ paṭipadāpaṭipannopi sukhena visosīyatīti. Sā hi sukhāpaṭipadā khippābhiññā taṃsamaṅgino ñāṇuttarattā vipassanāya padaṭṭhānanti vuttā.

    ธมฺมโต อนเปตา จินฺตา ธมฺมจินฺตา, โยนิโสมนสิกาเรน ปวตฺติตตฺตา ธเมฺมสุ จินฺตา, ธโมฺม วา ญาณํ, ตสฺมา ธมฺมาวหา จินฺตา ธมฺมจินฺตา, จินฺตามยญาณสฺส เหตุภูตา จินฺตาติ อโตฺถฯ

    Dhammato anapetā cintā dhammacintā, yonisomanasikārena pavattitattā dhammesu cintā, dhammo vā ñāṇaṃ, tasmā dhammāvahā cintā dhammacintā, cintāmayañāṇassa hetubhūtā cintāti attho.

    ปาฬิยํ สุตมยปญฺญาคฺคหเณน ‘‘เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา…เป.… ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๘.๒) สุตฺตปทสงฺคโห อโตฺถ ปริคฺคหิโต, ตถา โยนิโสมนสิการคฺคหเณน ‘‘โส ‘อนิจฺจ’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา วุโตฺต อุปายมนสิกาโร ปริคฺคหิโตฯ สมฺมาทิฎฺฐิคฺคหเณน ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา วุตฺตา สมฺมาทิฎฺฐิ ปริคฺคหิตาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อถ โข…เป.… ทเสฺสตุ’’นฺติฯ เสสนฺติ ‘‘ธมฺมสฺวากฺขาตตา’’ติ เอวมาทิฯ

    Pāḷiyaṃ sutamayapaññāggahaṇena ‘‘ye te dhammā ādikalyāṇā…pe… tathārūpāssa dhammā bahussutā hontī’’tiādi (a. ni. 8.2) suttapadasaṅgaho attho pariggahito, tathā yonisomanasikāraggahaṇena ‘‘so ‘anicca’nti yoniso manasi karotī’’tiādinā vutto upāyamanasikāro pariggahito. Sammādiṭṭhiggahaṇena ‘‘sammādiṭṭhiṃ bhāveti vivekanissita’’ntiādinā vuttā sammādiṭṭhi pariggahitāti dassento āha ‘‘atha kho…pe… dassetu’’nti. Sesanti ‘‘dhammasvākkhātatā’’ti evamādi.

    ยสฺส จ ปุเพฺพ อโตฺถ น สํวณฺณิโต, ตตฺถ กลฺยาณมิตฺตตาย อายตนคโต ปสาโท, จิตฺตวูปสโม จ ผลนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สปฺปุริส…เป.… ปทฎฺฐาน’’นฺติ อาหฯ อตฺตสมฺมาปณิหิตตฺตา ปาปเชคุจฺฉินิพฺพิทาทิพหุโลว โหตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อตฺถ…เป.… ปทฎฺฐาน’’นฺติฯ ธโมฺม สฺวากฺขาโต อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา สพฺพสมฺปตฺติปาริปูริเหตูติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธมฺมสฺวากฺขาตตา…เป.… ปทฎฺฐาน’’นฺติ อาหฯ กุสลมูลโรปนา หิ สมาปตฺติปริโยสานาติ ฯ สงฺฆสุฎฺฐุตาย สงฺฆสฺส สุฎฺฐุภาวาย สงฺฆสฺส สปฺปติสฺสตาย ‘‘สุฎฺฐุ, ภเนฺต’’ติ วจนสมฺปฎิจฺฉนภาวายฯ อิตรํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Yassa ca pubbe attho na saṃvaṇṇito, tattha kalyāṇamittatāya āyatanagato pasādo, cittavūpasamo ca phalanti dassento ‘‘sappurisa…pe… padaṭṭhāna’’nti āha. Attasammāpaṇihitattā pāpajegucchinibbidādibahulova hotīti dassento āha ‘‘attha…pe… padaṭṭhāna’’nti. Dhammo svākkhāto ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā sabbasampattipāripūrihetūti dassento ‘‘dhammasvākkhātatā…pe… padaṭṭhāna’’nti āha. Kusalamūlaropanā hi samāpattipariyosānāti . Saṅghasuṭṭhutāya saṅghassa suṭṭhubhāvāya saṅghassa sappatissatāya ‘‘suṭṭhu, bhante’’ti vacanasampaṭicchanabhāvāya. Itaraṃ suviññeyyameva.

    วิภตฺติหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhattihāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๘. วิภตฺติหารวิภโงฺค • 8. Vibhattihāravibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๘. วิภตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 8. Vibhattihāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๘. วิภตฺติหารวิภงฺควิภาวนา • 8. Vibhattihāravibhaṅgavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact