Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī

    ๘. วิภตฺติหารวิภงฺควิภาวนา

    8. Vibhattihāravibhaṅgavibhāvanā

    ๓๓. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน อาวฎฺฎหารวิภเงฺคน อาวเฎฺฎตพฺพา ปทฎฺฐานาทโย วิภตฺตา, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต อาวฎฺฎหารวิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘ตตฺถ กตโม วิภตฺติหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม วิภตฺติหาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ เทสนาหาราทีสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส วิภตฺติหาโร วิภตฺติหารวิภโงฺค นามาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘ธมฺมญฺจ ปทฎฺฐานํ ภูมิญฺจา’’ติอาทินิเทฺทสสฺส อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘เทฺว สุตฺตานี’’ติอาทิโก วิตฺถารภูโต สํวณฺณนาวิเสโส วิภตฺติหาโร วิภตฺติหารวิภโงฺค นามาติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ

    33. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena āvaṭṭahāravibhaṅgena āvaṭṭetabbā padaṭṭhānādayo vibhattā, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto āvaṭṭahāravibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘tattha katamo vibhattihāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo vibhattihāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu niddiṭṭhesu soḷasasu desanāhārādīsu katamo saṃvaṇṇanāviseso vibhattihāro vibhattihāravibhaṅgo nāmāti pucchati. ‘‘Dhammañca padaṭṭhānaṃ bhūmiñcā’’tiādiniddesassa idāni mayā vuccamāno ‘‘dve suttānī’’tiādiko vitthārabhūto saṃvaṇṇanāviseso vibhattihāro vibhattihāravibhaṅgo nāmāti attho gahetabbo.

    ‘‘เยสุ สุเตฺตสุ วุตฺตา ธมฺมปทฎฺฐานภูมิโย อิมินา วิภตฺติหาเรน วิภตฺตา, ตานิ สุตฺตานิ กิตฺตกานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตานิ สุตฺตานิ ปฐมํ ทเสฺสตุํ ‘‘เทฺว สุตฺตานิ วาสนาภาคิยญฺจ นิเพฺพธภาคิยญฺจา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ วาสนาภาคิยนฺติ ปุญฺญภาวนา วาสนา นาม, วาสนาย ภาโค โกฎฺฐาโส วาสนาภาโค, วาสนาภาเค วาจกภาเวน นิยุตฺตํ สุตฺตนฺติ วาสนาภาคิยํ, กตมํ ตํ? ยสฺมิํ สุเตฺต ตีณิ ปุญฺญกิริยวตฺถูนิ ภควตา เทสิตานิ, ตํ สุตฺตํ วาสนาภาคิยํฯ นิเพฺพธภาคิยนฺติ โลภกฺขนฺธาทีนํ นิพฺพิชฺฌนํ ปทาลนํ นิเพฺพโธ, นิเพฺพธสฺส ภาโค โกฎฺฐาโส นิเพฺพธภาโค, นิเพฺพธภาเค วาจกภาเวน นิยุตฺตํ สุตฺตนฺติ นิเพฺพธภาคิยํ, กตมํ ตํ? ยสฺมิํ สุเตฺต เสกฺขาเสกฺขธมฺมา ภควตา เทสิตา, ตํ สุตฺตํ นิเพฺพธภาคิยํฯ

    ‘‘Yesu suttesu vuttā dhammapadaṭṭhānabhūmiyo iminā vibhattihārena vibhattā, tāni suttāni kittakānī’’ti pucchitabbattā tāni suttāni paṭhamaṃ dassetuṃ ‘‘dve suttāni vāsanābhāgiyañca nibbedhabhāgiyañcā’’ti vuttaṃ. Tattha vāsanābhāgiyanti puññabhāvanā vāsanā nāma, vāsanāya bhāgo koṭṭhāso vāsanābhāgo, vāsanābhāge vācakabhāvena niyuttaṃ suttanti vāsanābhāgiyaṃ, katamaṃ taṃ? Yasmiṃ sutte tīṇi puññakiriyavatthūni bhagavatā desitāni, taṃ suttaṃ vāsanābhāgiyaṃ. Nibbedhabhāgiyanti lobhakkhandhādīnaṃ nibbijjhanaṃ padālanaṃ nibbedho, nibbedhassa bhāgo koṭṭhāso nibbedhabhāgo, nibbedhabhāge vācakabhāvena niyuttaṃ suttanti nibbedhabhāgiyaṃ, katamaṃ taṃ? Yasmiṃ sutte sekkhāsekkhadhammā bhagavatā desitā, taṃ suttaṃ nibbedhabhāgiyaṃ.

    ‘‘เตสํ สุตฺตานํ ปฎิคฺคาหกา ปุคฺคลา ยาหิ ปฎิปทาหิ สมฺปชฺชนฺติ, ตา ปฎิปทา กิตฺติกา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เทฺว ปฎิปทา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทานสีลภาวนามยปุญฺญภาเค ภวา ปฎิปทาติ ปุญฺญภาคิยาฯ ผลภาเค ภวา ปฎิปทาติ ผลภาคิยาฯ ‘‘เยสุ สีเลสุ ฐิตา ปฎิคฺคาหกา ปฎิปชฺชนฺติ, ตานิ สีลานิ กิตฺตกานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เทฺว สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สํวรติ เอเตน สํวเรนาติ สํวโร, โส สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, ญาณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปญฺจวิโธฯ สโพฺพปิ ปาปสํวรณโต สํวโร, โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติฎฺฐานตฺตา สีลํ นามฯ ปชหติ เอเตน ปหาตเพฺพติ ปหานํ, ปชหนํ วา ปหานํ, ตญฺจ ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุเจฺฉทปฺปหานํ, ปฎิปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปญฺจวิธํฯ ตตฺถ นิสฺสรณปฺปหานํ วเชฺชตฺวา จตุพฺพิธํ ปหานํ วุตฺตนเยน สีลํ นามฯ

    ‘‘Tesaṃ suttānaṃ paṭiggāhakā puggalā yāhi paṭipadāhi sampajjanti, tā paṭipadā kittikā’’ti pucchitabbattā ‘‘dve paṭipadā’’tiādi vuttaṃ. Dānasīlabhāvanāmayapuññabhāge bhavā paṭipadāti puññabhāgiyā. Phalabhāge bhavā paṭipadāti phalabhāgiyā. ‘‘Yesu sīlesu ṭhitā paṭiggāhakā paṭipajjanti, tāni sīlāni kittakānī’’ti pucchitabbattā ‘‘dve sīlānī’’tiādi vuttaṃ. Saṃvarati etena saṃvarenāti saṃvaro, so saṃvaro pātimokkhasaṃvaro, satisaṃvaro, ñāṇasaṃvaro, khantisaṃvaro, vīriyasaṃvaroti pañcavidho. Sabbopi pāpasaṃvaraṇato saṃvaro, lokiyalokuttarasampattiṭṭhānattā sīlaṃ nāma. Pajahati etena pahātabbeti pahānaṃ, pajahanaṃ vā pahānaṃ, tañca pahānaṃ tadaṅgappahānaṃ, vikkhambhanappahānaṃ, samucchedappahānaṃ, paṭipassaddhippahānaṃ, nissaraṇappahānanti pañcavidhaṃ. Tattha nissaraṇappahānaṃ vajjetvā catubbidhaṃ pahānaṃ vuttanayena sīlaṃ nāma.

    ‘‘เตสุ สุตฺตาทีสุ ภควา กตมํ สุตฺตํ กตมาย ปฎิปทาย เทสยติ, กตรสฺมิํ สีเล ฐิโต ปุคฺคโล กตเมน สีเลน พฺรหฺมจารี ภวตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตถา วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตสุ วาสนาภาคิยาทีสุ สุเตฺตสุ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ ตตฺถ ตาสุ ปุญฺญภาคิยาทิปฎิปทาสุ ปุญฺญภาคิยาย ปฎิปทาย ภควา ยสฺส ปุคฺคลสฺส เทสยติ, โส วาสนาภาคิยสุตฺตปฎิคฺคาหโก ปุคฺคโล ตตฺถ สํวรสีลาทีสุ สํวรสีเล ฐิโต หุตฺวา เตน สํวรสีลสงฺขาเตน พฺรหฺมจริเยน เสฎฺฐจริเยน พฺรหฺมจารี เสฎฺฐาจารปูรโก ภวติฯ ตตฺถ เตสุ วาสนาภาคิยาทีสุ สุเตฺตสุ นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํ ตตฺถ ตาสุ ปุญฺญภาคิยาทิปฎิปทาสุ ผลภาคิยาย ปฎิปทาย ยสฺส ปุคฺคลสฺส ภควา เทสยติ, โส นิเพฺพธภาคิยสุตฺตปฎิคฺคาหโก ปุคฺคโล ตตฺถ สํวรสีลาทีสุ ปหานสีเล สมุเจฺฉทปฺปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน ฐิโต หุตฺวา เตน ปหานสีลสงฺขาเตน วิเสสภูเตน มคฺคสงฺขาเตน พฺรหฺมจริเยน พฺรหฺมจารี ภวตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ

    ‘‘Tesu suttādīsu bhagavā katamaṃ suttaṃ katamāya paṭipadāya desayati, katarasmiṃ sīle ṭhito puggalo katamena sīlena brahmacārī bhavatī’’ti pucchitabbattā tathā vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tattha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tesu vāsanābhāgiyādīsu suttesu vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ tattha tāsu puññabhāgiyādipaṭipadāsu puññabhāgiyāya paṭipadāya bhagavā yassa puggalassa desayati, so vāsanābhāgiyasuttapaṭiggāhako puggalo tattha saṃvarasīlādīsu saṃvarasīle ṭhito hutvā tena saṃvarasīlasaṅkhātena brahmacariyena seṭṭhacariyena brahmacārī seṭṭhācārapūrako bhavati. Tattha tesu vāsanābhāgiyādīsu suttesu nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ tattha tāsu puññabhāgiyādipaṭipadāsu phalabhāgiyāya paṭipadāya yassa puggalassa bhagavā desayati, so nibbedhabhāgiyasuttapaṭiggāhako puggalo tattha saṃvarasīlādīsu pahānasīle samucchedappassaddhippahānavasena ṭhito hutvā tena pahānasīlasaṅkhātena visesabhūtena maggasaṅkhātena brahmacariyena brahmacārī bhavatīti yojanā kātabbā.

    ‘‘วาสนาภาคิยสุตฺตาทีสุ กตมํ วาสนาภาคิยํ สุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ วาสนาภาคิยสุตฺตาทีสุฯ ทานกถาติ สปฺปุริสทานทานผลอสปฺปุริสทานทานผลกถาฯ สีลกถาติ ปญฺจสีลาทิสีลผลกถาฯ สคฺคกถาติ สคฺคสมฺปตฺติสุขกถา เจว สเคฺค นิพฺพตฺตาปกปุญฺญกถา จฯ อาทีนโวติ อาทีนวทสฺสโก สุตฺตโนฺตฯ อานิสํโสติ อานิสํสทสฺสโก สุตฺตโนฺตฯ วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ นามาติ โยชนาฯ

    ‘‘Vāsanābhāgiyasuttādīsu katamaṃ vāsanābhāgiyaṃ sutta’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha katama’’ntiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu vāsanābhāgiyasuttādīsu. Dānakathāti sappurisadānadānaphalaasappurisadānadānaphalakathā. Sīlakathāti pañcasīlādisīlaphalakathā. Saggakathāti saggasampattisukhakathā ceva sagge nibbattāpakapuññakathā ca. Ādīnavoti ādīnavadassako suttanto. Ānisaṃsoti ānisaṃsadassako suttanto. Vāsanābhāgiyaṃ suttaṃ nāmāti yojanā.

    ‘‘ตตฺถ กตม’’นฺติอาทีสุ อนุสนฺธฺยโตฺถ วุตฺตนโยวฯ ยา เทสนา จตุสจฺจปฺปกาสนา, สา เทสนา นิเพฺพธภาคิยํ สุตฺตํ นามาติ โยชนาฯ เอวญฺจ สติ วาสนาภาคิยสุตฺตสฺสปิ นิเพฺพธภาคิยสุตฺตภาโว อาปเชฺชยฺย จตุสจฺจปฺปกาสนโตติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘วาสนาภาคิเย สุเตฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วาสนาภาคิเย สุเตฺต ปชานนา วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา อริยมคฺคปทฎฺฐานภูตา ปญฺญา นตฺถิ, มโคฺค อริยมโคฺค นตฺถิ, ผลํ อริยผลํ นตฺถิฯ นิเพฺพธภาคิเย สุเตฺต ปน ปชานนาทโย อตฺถิ, วาสนาภาคิเย สุเตฺต นตฺถิฯ ‘‘ปชานนา’’ติอาทินา จตุสจฺจปฺปกาสนา ทานกถาทิกา นิเพฺพธภาคิเย สุเตฺต อโนฺตคธา, อิตรํเยว วาสนาภาคิยสุตฺตนฺติ นามาติ ทเสฺสติฯ เยสุ สุเตฺตสุ วุตฺตา ธมฺมปทฎฺฐานภูมิโย วิภตฺตา, ตานิ สุตฺตานิ เทฺวเยว น โหนฺติ, กสฺมา ‘‘เทฺวเยว สุตฺตานิ นิทฺธาริตานี’’ติ เจ วเทยฺยุํ? อสงฺกรโต สุเตฺต วุตฺตานํ ธมฺมปทฎฺฐานภูมีนํ วิภชิตพฺพานํ สุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ ‘‘ยทิ เอวํ สํกิเลสภาคิยอเสกฺขภาคิยสุตฺตานิปิ นิทฺธาริตานิ อสงฺกรตฺตา’’ติ เจ วเทยฺยุํ? โน นิทฺธาริตานิ, วาสนาภาคิยสุเตฺต นิทฺธาริเต สํกิเลสภาคิยสุตฺตมฺปิ นิทฺธาริตํ, สํกิเลสธมฺมโต นิสฺสฎฺฐธมฺมานํเยว วาสนาภาคิยธมฺมตฺตา นิเพฺพธภาคิยสุเตฺต จ นิทฺธาริเต อเสกฺขภาคิยสุตฺตมฺปิ นิทฺธาริตํ อนญฺญตฺตาฯ

    ‘‘Tattha katama’’ntiādīsu anusandhyattho vuttanayova. Yā desanā catusaccappakāsanā, sā desanā nibbedhabhāgiyaṃ suttaṃ nāmāti yojanā. Evañca sati vāsanābhāgiyasuttassapi nibbedhabhāgiyasuttabhāvo āpajjeyya catusaccappakāsanatoti codanaṃ manasi katvā ‘‘vāsanābhāgiye sutte’’tiādi vuttaṃ. Vāsanābhāgiye sutte pajānanā vuṭṭhānagāminivipassanā ariyamaggapadaṭṭhānabhūtā paññā natthi, maggo ariyamaggo natthi, phalaṃ ariyaphalaṃ natthi. Nibbedhabhāgiye sutte pana pajānanādayo atthi, vāsanābhāgiye sutte natthi. ‘‘Pajānanā’’tiādinā catusaccappakāsanā dānakathādikā nibbedhabhāgiye sutte antogadhā, itaraṃyeva vāsanābhāgiyasuttanti nāmāti dasseti. Yesu suttesu vuttā dhammapadaṭṭhānabhūmiyo vibhattā, tāni suttāni dveyeva na honti, kasmā ‘‘dveyeva suttāni niddhāritānī’’ti ce vadeyyuṃ? Asaṅkarato sutte vuttānaṃ dhammapadaṭṭhānabhūmīnaṃ vibhajitabbānaṃ suviññeyyattā. ‘‘Yadi evaṃ saṃkilesabhāgiyaasekkhabhāgiyasuttānipi niddhāritāni asaṅkarattā’’ti ce vadeyyuṃ? No niddhāritāni, vāsanābhāgiyasutte niddhārite saṃkilesabhāgiyasuttampi niddhāritaṃ, saṃkilesadhammato nissaṭṭhadhammānaṃyeva vāsanābhāgiyadhammattā nibbedhabhāgiyasutte ca niddhārite asekkhabhāgiyasuttampi niddhāritaṃ anaññattā.

    ‘‘เยสุ สุเตฺตสุ วุตฺตา ธมฺมปทฎฺฐานภูมิโย วิภตฺติหาเรน วิภตฺตา, ตานิ สุตฺตานิ กตเมน ผเลน โยชยิตพฺพานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิมานิ จตฺตาริ สุตฺตานีติ ยถานิทฺธาริตานิ วาสนาภาคิยนิเพฺพธภาคิยสุตฺตานิ เจว ตํนิทฺธารเณน นิทฺธาริตานิ สํกิเลสภาคิยอเสกฺขภาคิยสุตฺตานิ จาติ จตฺตาริ สุตฺตานิ อิเมสํเยว จตุนฺนํ สุตฺตานํ เทสนาย นเยน นีเตน ผเลน สพฺพโต สพฺพภาเคน สํวรสีลปฺปหานสีเลน พฺรหฺมจริเยน โยชยิตพฺพานิฯ โยเชเนฺตน จ สพฺพโต สพฺพภาเคน จ ปทาทิวิจเยน หาเรน สํวรสีลาทิกํ ผลํ วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน ยุตฺตํ ผลํ คเวสิตฺวา ‘‘อิทํ ผลํ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส ผลํ, อิทํ ผลํ อิมสฺส สุตฺตสฺส ผล’’นฺติ สุตฺตานิ วิสุํ วิสุํ ผเลน โยชยิตพฺพานีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Yesu suttesu vuttā dhammapadaṭṭhānabhūmiyo vibhattihārena vibhattā, tāni suttāni katamena phalena yojayitabbānī’’ti pucchitabbattā ‘‘imāni cattāri suttānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha imāni cattāri suttānīti yathāniddhāritāni vāsanābhāgiyanibbedhabhāgiyasuttāni ceva taṃniddhāraṇena niddhāritāni saṃkilesabhāgiyaasekkhabhāgiyasuttāni cāti cattāri suttāni imesaṃyeva catunnaṃ suttānaṃ desanāya nayena nītena phalena sabbato sabbabhāgena saṃvarasīlappahānasīlena brahmacariyena yojayitabbāni. Yojentena ca sabbato sabbabhāgena ca padādivicayena hārena saṃvarasīlādikaṃ phalaṃ vicinitvā yuttihārena yuttaṃ phalaṃ gavesitvā ‘‘idaṃ phalaṃ imassa puggalassa phalaṃ, idaṃ phalaṃ imassa suttassa phala’’nti suttāni visuṃ visuṃ phalena yojayitabbānīti attho gahetabbo.

    ‘‘กิตฺตเกน ผเลน พฺรหฺมจริเยน โยเชตพฺพานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยาวติกา ญาณสฺส ภูมี’’ติ วุตฺตํฯ ภควตา เทสิเตน วาสนาภาคิยสุเตฺตน สิทฺธา ยาวติกา ปุญฺญภาคิยา ปฎิปทาทโย วิภชนญาณสฺส ภูมิ อารมฺมณา ภวิตุมรหนฺติ, ตาวติกาหิ ภูมีหิ วาสนาภาคิยสุตฺตํ โยชยิตพฺพํฯ นิเพฺพธภาคิยสุเตฺตน สิทฺธา ยาวติกา ผลภาคิยา ปฎิปทาทโย วิภชนญาณสฺส ภูมิ อารมฺมณา ภวิตุมรหนฺติ, ตาวติกาหิ ภูมีหิ นิเพฺพธภาคิยสุตฺตํ โยเชตพฺพํฯ อิตรทฺวยมฺปิ สุตฺตํ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํฯ เอเตน ญาณสฺส ภูมีนํ สุตฺตตฺถานํ พหุวิธตฺตํ ทเสฺสติฯ

    ‘‘Kittakena phalena brahmacariyena yojetabbānī’’ti pucchitabbattā ‘‘yāvatikā ñāṇassa bhūmī’’ti vuttaṃ. Bhagavatā desitena vāsanābhāgiyasuttena siddhā yāvatikā puññabhāgiyā paṭipadādayo vibhajanañāṇassa bhūmi ārammaṇā bhavitumarahanti, tāvatikāhi bhūmīhi vāsanābhāgiyasuttaṃ yojayitabbaṃ. Nibbedhabhāgiyasuttena siddhā yāvatikā phalabhāgiyā paṭipadādayo vibhajanañāṇassa bhūmi ārammaṇā bhavitumarahanti, tāvatikāhi bhūmīhi nibbedhabhāgiyasuttaṃ yojetabbaṃ. Itaradvayampi suttaṃ yathāsambhavaṃ yojetabbaṃ. Etena ñāṇassa bhūmīnaṃ suttatthānaṃ bahuvidhattaṃ dasseti.

    ๓๔. วาสนาภาคิยสุตฺตาทีสุ วุตฺตา ธมฺมา วาสนาภาคิยนิเพฺพธภาคิยภาเวหิ อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กถํ สํกิเลสภาคิยอเสกฺขาภาคิยภาเวหิ อสาธารณาสาธารณภาเวหิ วิภชิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตเม ธมฺมา สาธารณา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อฎฺฐกถาย ปน –

    34. Vāsanābhāgiyasuttādīsu vuttā dhammā vāsanābhāgiyanibbedhabhāgiyabhāvehi ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘kathaṃ saṃkilesabhāgiyaasekkhābhāgiyabhāvehi asādhāraṇāsādhāraṇabhāvehi vibhajitabbā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katame dhammā sādhāraṇā’’tiādi āraddhaṃ. Aṭṭhakathāya pana –

    ‘‘เอวํ วาสนาภาคิยนิเพฺพธภาคิยภาเวหิ ธเมฺม เอกเทเสน วิภชิตฺวา อิทานิ เตสํ กิเลสภาคิยอเสกฺขภาคิยภาเวหิ สาธารณาสาธารณภาเวหิ วิภชิตุํ ‘ตตฺถ กตเม ธมฺมา สาธารณา’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๔) –

    ‘‘Evaṃ vāsanābhāgiyanibbedhabhāgiyabhāvehi dhamme ekadesena vibhajitvā idāni tesaṃ kilesabhāgiyaasekkhabhāgiyabhāvehi sādhāraṇāsādhāraṇabhāvehi vibhajituṃ ‘tattha katame dhammā sādhāraṇā’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 34) –

    วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เย ธมฺมา สุเตฺต วุตฺตา วิภตฺติหาเรน วิภชิตพฺพา, เตสุ ธเมฺมสุ กตเม ธมฺมา สาธารณาติ ปุจฺฉติ, เทฺว ธมฺมา สาธารณาติ วิสฺสเชฺชติฯ เต เทฺว ธเมฺม สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘นามสาธารณา, วตฺถุสาธารณา จา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ นามสาธารณาติ นาเมน นามปญฺญตฺติยา สาธารณา สมานา, ‘‘กุสลา’’ติ นาเมน เอกวีสติ จิตฺตุปฺปาทา สมานา, ‘‘อกุสลา’’ตฺยาทินาเมน ทฺวาทส จิตฺตุปฺปาทา สมานา, กุสลาทินามปญฺญตฺติวจเนน วจนียา อตฺถา กุสลาทินามสาธารณาติ วุตฺตาฯ เตน ฎีกายํ

    Vuttaṃ. Tattha tatthāti ye dhammā sutte vuttā vibhattihārena vibhajitabbā, tesu dhammesu katame dhammā sādhāraṇāti pucchati, dve dhammā sādhāraṇāti vissajjeti. Te dve dhamme sarūpato dassetuṃ ‘‘nāmasādhāraṇā, vatthusādhāraṇā cā’’ti vuttaṃ. Tattha nāmasādhāraṇāti nāmena nāmapaññattiyā sādhāraṇā samānā, ‘‘kusalā’’ti nāmena ekavīsati cittuppādā samānā, ‘‘akusalā’’tyādināmena dvādasa cittuppādā samānā, kusalādināmapaññattivacanena vacanīyā atthā kusalādināmasādhāraṇāti vuttā. Tena ṭīkāyaṃ

    ‘‘นามํ นามปญฺญตฺติ, ตํมุเขเนว สทฺทโต ตทตฺถาวคโมฯ สเทฺทน จ สามญฺญรูเปเนว ตถารูปสฺส อตฺถสฺส คหณํ, น วิเสสรูเปนฯ ตสฺมา สทฺทวจนียา อตฺถา สาธารณรูปนามายตฺตคหณียตาย นามสาธารณา วุตฺตา’’ติ –

    ‘‘Nāmaṃ nāmapaññatti, taṃmukheneva saddato tadatthāvagamo. Saddena ca sāmaññarūpeneva tathārūpassa atthassa gahaṇaṃ, na visesarūpena. Tasmā saddavacanīyā atthā sādhāraṇarūpanāmāyattagahaṇīyatāya nāmasādhāraṇā vuttā’’ti –

    วุตฺตํฯ วตฺถุสาธารณาติ ปติฎฺฐานภูเตน วตฺถุนา สาธารณาฯ ยสฺมิํ ปติฎฺฐานภูเต สนฺตาเน วา จิตฺตุปฺปาทาทิมฺหิ วา เย ธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เต ธมฺมา เตน สนฺตาเนน วา วตฺถุนา เตน จิตฺตุปฺปาทาทินา วา สาธารณา สมานาติ อโตฺถฯ เอกสนฺตาเน ปติตตฺตา ผุสนาทิสภาวโต ภินฺนาปิ วตฺถุสาธารณา สมานวตฺถุกาเยว ภวนฺตีติ วิภตฺติหาเรน วิภชิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Vuttaṃ. Vatthusādhāraṇāti patiṭṭhānabhūtena vatthunā sādhāraṇā. Yasmiṃ patiṭṭhānabhūte santāne vā cittuppādādimhi vā ye dhammā pavattanti, te dhammā tena santānena vā vatthunā tena cittuppādādinā vā sādhāraṇā samānāti attho. Ekasantāne patitattā phusanādisabhāvato bhinnāpi vatthusādhāraṇā samānavatthukāyeva bhavantīti vibhattihārena vibhajitvāti vuttaṃ hoti.

    ‘‘กิํ นามสาธารณวตฺถุสาธารณาเยว วิภชิตพฺพา, อญฺญํ วิภชิตพฺพํ นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นามสาธารณวตฺถุสาธารเณหิ อญฺญํ ยํ วา ปน กิจฺจสาธารณปจฺจยสาธารณปฎิปกฺขาทิสาธารณมฺปิ ธมฺมชาตํ เอวํชาติยํ สาธารณชาติยํ, ตมฺปิ สพฺพํ วิจยหาเรน วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน คเวสิตฺวา ยุตฺตํ สาธารณํ วิภตฺติหาเรน วิภชิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เตสุ นามสาธารณาทีสุ กตเม นามสาธารณา, กตเม วตฺถุสาธารณา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘มิจฺฉตฺตนิยตานํ สตฺตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ มาตุฆาตกาทีนํ ฉนฺนํ มิจฺฉตฺตนิยตกมฺมกรานํ สตฺตานญฺจ ทุคฺคติอเหตุกสุคติอเหตุกทุเหตุกติเหตุกานํ จตุนฺนํ ปุถุชฺชนานํ อนิยตกมฺมกรานํ สตฺตานญฺจ สนฺตาเน ปวตฺตา ทสฺสนปหาตพฺพา กิเลสา ทสฺสนปหาตพฺพนามสาธารณา สมานา ภวนฺติ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามสนวเสน ภินฺนสภาวานมฺปิ ทสฺสนปหาตพฺพนามนาติวตฺตนโตฯ วุตฺตปฺปการานํ นิยตานิยตสตฺตานํ ทสฺสนปหาตพฺพานํ กิเลสานํ ปติฎฺฐานวตฺถุภาวโต วตฺถุสาธารณา จ สมานวตฺถุกาติ อโตฺถฯ ปุถุชฺชนสฺส ทุคฺคติอเหตุกาทิจตุพฺพิธสตฺตสฺส, โสตาปนฺนสฺส จ สนฺตาเน ปวตฺตา กามราคพฺยาปาทา กิเลสา กามราคพฺยาปาทนามสาธารณา สมานา ภวนฺติ สกทาคามิมคฺคปฺปหาตพฺพอนาคามิมคฺคปฺปหาตพฺพวเสน ภินฺนสภาวานมฺปิ กามราคพฺยาปาทนามนาติวตฺตนโตฯ วุตฺตปฺปการสฺส ปุถุชฺชนสฺส, โสตาปนฺนสฺส จ กามราคพฺยาปาทานํ ปติฎฺฐานวตฺถุภาวโต วตฺถุสาธารณา สมานวตฺถุกาติ อโตฺถ จ คเหตโพฺพฯ ปุถุชฺชนสฺส, อนาคามิสฺส จ สนฺตาเน ปวตฺตา อุทฺธํภาคิยา สํโยชนา อุทฺธมฺภาคิยนามสาธารณา สมานา ภวนฺติ รูปราคาทิวเสน ภินฺนสภาวานมฺปิ อุทฺธํภาคิยนามนาติวตฺตนโตฯ ปุถุชฺชนสฺส, อนาคามิสฺส จ อุทฺธํภาคิยานํ ปติฎฺฐานวตฺถุภาวโต วตฺถุสาธารณา สมานวตฺถุกาติ อโตฺถ จ คเหตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ ฎีกายํ – ‘‘ทสฺสนปหาตพฺพานญฺหิ ยถา มิจฺฉตฺตนิยตสตฺตา ปวตฺติฎฺฐานํ, เอวํ อนิยตาปี’’ติ วุตฺตํฯ สเงฺขปโต ปน สํกิเลสปเกฺข ปหาเนกฎฺฐา กิเลสา นามสาธารณา โหนฺติ, สหเชกฎฺฐา กิเลสา วตฺถุสาธารณาติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Kiṃ nāmasādhāraṇavatthusādhāraṇāyeva vibhajitabbā, aññaṃ vibhajitabbaṃ natthī’’ti pucchitabbattā ‘‘yaṃ vā panā’’tiādi vuttaṃ. Nāmasādhāraṇavatthusādhāraṇehi aññaṃ yaṃ vā pana kiccasādhāraṇapaccayasādhāraṇapaṭipakkhādisādhāraṇampi dhammajātaṃ evaṃjātiyaṃ sādhāraṇajātiyaṃ, tampi sabbaṃ vicayahārena vicinitvā yuttihārena gavesitvā yuttaṃ sādhāraṇaṃ vibhattihārena vibhajitabbanti adhippāyo. ‘‘Tesu nāmasādhāraṇādīsu katame nāmasādhāraṇā, katame vatthusādhāraṇā’’ti pucchitabbattā ‘‘micchattaniyatānaṃ sattāna’’ntiādi vuttaṃ. Mātughātakādīnaṃ channaṃ micchattaniyatakammakarānaṃ sattānañca duggatiahetukasugatiahetukaduhetukatihetukānaṃ catunnaṃ puthujjanānaṃ aniyatakammakarānaṃ sattānañca santāne pavattā dassanapahātabbā kilesā dassanapahātabbanāmasādhāraṇā samānā bhavanti sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmasanavasena bhinnasabhāvānampi dassanapahātabbanāmanātivattanato. Vuttappakārānaṃ niyatāniyatasattānaṃ dassanapahātabbānaṃ kilesānaṃ patiṭṭhānavatthubhāvato vatthusādhāraṇā ca samānavatthukāti attho. Puthujjanassa duggatiahetukādicatubbidhasattassa, sotāpannassa ca santāne pavattā kāmarāgabyāpādā kilesā kāmarāgabyāpādanāmasādhāraṇā samānā bhavanti sakadāgāmimaggappahātabbaanāgāmimaggappahātabbavasena bhinnasabhāvānampi kāmarāgabyāpādanāmanātivattanato. Vuttappakārassa puthujjanassa, sotāpannassa ca kāmarāgabyāpādānaṃ patiṭṭhānavatthubhāvato vatthusādhāraṇā samānavatthukāti attho ca gahetabbo. Puthujjanassa, anāgāmissa ca santāne pavattā uddhaṃbhāgiyā saṃyojanā uddhambhāgiyanāmasādhāraṇā samānā bhavanti rūparāgādivasena bhinnasabhāvānampi uddhaṃbhāgiyanāmanātivattanato. Puthujjanassa, anāgāmissa ca uddhaṃbhāgiyānaṃ patiṭṭhānavatthubhāvato vatthusādhāraṇā samānavatthukāti attho ca gahetabbo. Tena vuttaṃ ṭīkāyaṃ – ‘‘dassanapahātabbānañhi yathā micchattaniyatasattā pavattiṭṭhānaṃ, evaṃ aniyatāpī’’ti vuttaṃ. Saṅkhepato pana saṃkilesapakkhe pahānekaṭṭhā kilesā nāmasādhāraṇā honti, sahajekaṭṭhā kilesā vatthusādhāraṇāti daṭṭhabbā.

    สํกิเลสปเกฺข สาธารณา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กถํ โวทานปเกฺข สาธารณา วิภตฺตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ กิญฺจิ อริยสาวโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจีติ สามญฺญวเสน วุตฺตา ปฐมชฺฌานสมาปตฺติอาทิกา โลกิยา สมาปตฺติเยว คหิตาฯ อริยสาวโกติ อริยสฺส ภควโต สาวโก อริยสาวโกติ วตฺตโพฺพ, ฌานลาภี จ ผลโฎฺฐ จ ปุคฺคโล, น มคฺคโฎฺฐฯ มคฺคโฎฺฐ หิ โลกิยํ ยํ กิญฺจิ สมาปตฺติํ น สมาปชฺชติฯ สพฺพา สา โลกิยสมาปตฺติ รูปาวจรา อรูปาวจรา ทิพฺพวิหาโร พฺรหฺมวิหาโร ปฐมชฺฌานสมาปตฺตีติ เอวมาทีหิ ปริยาเยหิ สาธารณา ตํสมงฺคีหิ วีตราคาวีตราเคหิ สาธารณา โลกิยสมาปตฺตินามนาติวตฺตนโต จ วีตราคาวีตราเคหิ สมาปชฺชิตพฺพโต จฯ ‘‘อริยสาวโก จ โลกิยํ สมาปตฺติํ สมาปชฺชโนฺต โอธิโส โอธิโส สมาปชฺชติ, เอวํ สติ กถํ วีตราเคหิ สาธารณาติ สทฺทหิตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สาธารณา หิ ธมฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน – ‘‘กถํ เต โอธิโส คหิตา, อถ โอธิโส คเหตพฺพา, กถํ สาธารณาติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา ตํ วิโสเธโนฺต อาห – ‘สาธารณา หิ ธมฺมา เอวํ อญฺญมญฺญ’นฺติอาที’’ติ วุตฺตํฯ

    Saṃkilesapakkhe sādhāraṇā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘kathaṃ vodānapakkhe sādhāraṇā vibhattā’’ti pucchitabbattā ‘‘yaṃ kiñci ariyasāvako’’tiādi vuttaṃ. Tattha yaṃ kiñcīti sāmaññavasena vuttā paṭhamajjhānasamāpattiādikā lokiyā samāpattiyeva gahitā. Ariyasāvakoti ariyassa bhagavato sāvako ariyasāvakoti vattabbo, jhānalābhī ca phalaṭṭho ca puggalo, na maggaṭṭho. Maggaṭṭho hi lokiyaṃ yaṃ kiñci samāpattiṃ na samāpajjati. Sabbā sā lokiyasamāpatti rūpāvacarā arūpāvacarā dibbavihāro brahmavihāro paṭhamajjhānasamāpattīti evamādīhi pariyāyehi sādhāraṇā taṃsamaṅgīhi vītarāgāvītarāgehi sādhāraṇā lokiyasamāpattināmanātivattanato ca vītarāgāvītarāgehi samāpajjitabbato ca. ‘‘Ariyasāvako ca lokiyaṃ samāpattiṃ samāpajjanto odhiso odhiso samāpajjati, evaṃ sati kathaṃ vītarāgehi sādhāraṇāti saddahitabbā’’ti vattabbattā ‘‘sādhāraṇā hi dhammā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana – ‘‘kathaṃ te odhiso gahitā, atha odhiso gahetabbā, kathaṃ sādhāraṇāti anuyogaṃ manasi katvā taṃ visodhento āha – ‘sādhāraṇā hi dhammā evaṃ aññamañña’ntiādī’’ti vuttaṃ.

    ตตฺถ เอวํ วีตราคาวีตราเคหิ โอธิโส โอธิโส สมาปชฺชิตพฺพา ธมฺมา ปรํ ปรํ ปจฺฉา ปจฺฉา ปวตฺติยมานํ ธมฺมชาตํ สกํ สกํ ปุเพฺพ ปุเพฺพ ชาตํ ‘‘โลกิยสมาปตฺตี’’ติ นามํ นิยตวิสยํ อญฺญมญฺญํ หุตฺวา หิ ยสฺมา นาติวตฺตนฺติ, ตสฺมา สาธารณาติ สทฺทหิตพฺพา คเหตพฺพาติ อโตฺถฯ ‘‘ปรํ ปรํ สมาปชฺชโนฺต กถํ นาติวตฺตตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา นาติวตฺตนํ ปากฎํ กาตุํ ‘‘โยปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย อริยสาวโก วา อวีตราโค วาฯ อิเมหิ โลกิยสมาปตฺติธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, โส อริยสาวโก วา อวีตราโค วา ปรํ ปรํ สมาปชฺชโนฺตปิ ตํ ธมฺมํ โลกิยํ สมาปตฺติธมฺมํ นาติวตฺตติ, อญฺญํ อุปคนฺตฺวา นาติกฺกมตีติ อโตฺถฯ เยหิ โลกิยสมาปตฺติธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, อิเม โลกิยสมาปตฺติ ธมฺมา สาธารณาวาติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    Tattha evaṃ vītarāgāvītarāgehi odhiso odhiso samāpajjitabbā dhammā paraṃ paraṃ pacchā pacchā pavattiyamānaṃ dhammajātaṃ sakaṃ sakaṃ pubbe pubbe jātaṃ ‘‘lokiyasamāpattī’’ti nāmaṃ niyatavisayaṃ aññamaññaṃ hutvā hi yasmā nātivattanti, tasmā sādhāraṇāti saddahitabbā gahetabbāti attho. ‘‘Paraṃ paraṃ samāpajjanto kathaṃ nātivattatī’’ti vattabbattā nātivattanaṃ pākaṭaṃ kātuṃ ‘‘yopī’’tiādi vuttaṃ. Yo ariyasāvako vā avītarāgo vā. Imehi lokiyasamāpattidhammehi samannāgato, so ariyasāvako vā avītarāgo vā paraṃ paraṃ samāpajjantopi taṃ dhammaṃ lokiyaṃ samāpattidhammaṃ nātivattati, aññaṃ upagantvā nātikkamatīti attho. Yehi lokiyasamāpattidhammehi samannāgato, ime lokiyasamāpatti dhammā sādhāraṇāvāti daṭṭhabbā.

    ‘‘วาสนาภาคิยาทิสุเตฺตสุ วุตฺตา เย ธมฺมา อิมินา วิภตฺติหาเรน วิภตฺตา, เยสุ ธเมฺมสุ กตเม ธมฺมา อสาธารณา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตเม ธมฺมา อสาธารณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตสุ วิภชิตเพฺพสุ ธเมฺมสุ กตเม ธมฺมา อสาธารณาติ ปุจฺฉติ, ปุจฺฉิตฺวา ยาว เทสนํ อุปาทาย อสาธารณา ธมฺมา คเวสิตพฺพา, ‘‘เสกฺขาเสกฺขา’’ติ วา คเวสิตพฺพา, ‘‘ภพฺพาภพฺพา’’ติ วา คเวสิตพฺพาฯ อถ วา ยาว ‘‘เสกฺขาเสกฺขา ภพฺพาภพฺพา’’ติ เทสนา วุตฺตา, ตาว เทสนํ อุปาทาย อสาธารณา คเวสิตพฺพาฯ กถํ คเวสิตพฺพา? อริเยสุ เสกฺขาเสกฺขธมฺมวเสน ‘‘เสกฺขา’’ติ นามํ อเสเกฺขน อสาธารณํ, ‘‘อเสกฺขา’’ติ นามํ เสเกฺขน อสาธารณนฺติ วา, อนริเยสุ ‘‘ภพฺพา’’ติ นามํ อภเพฺพน อสาธารณํ, ‘‘อภพฺพา’’ติ นามํ ภเพฺพน อสาธารณนฺติ วา คเวสิตพฺพาฯ กามราคพฺยาปาทา สํโยชนา อปฺปหีนตฺตา อนุสยภาเวน อุปฺปชฺชนารหตฺตา อฎฺฐมกสฺส โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐสฺส จ โสตาปนฺนสฺส ผลฎฺฐสฺส จ สาธารณา ภวนฺติ, ธมฺมตา ธมฺมสภาโว อสาธารโณฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อฎฺฐมกสฺส โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐตา โสตาปนฺนสฺส อสาธารณา, โสตาปนฺนสฺส โสตาปนฺนผลฎฺฐตา จ อฎฺฐมกสฺส โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐสฺส อสาธารณาฯ อฎฺฐมกสฺส วา ปหียมานกิเลสตา โสตาปนฺนสฺส อสาธารณา, โสตาปนฺนสฺส ปหีนกิเลสตา จ อฎฺฐมกสฺส อสาธารณา’’ติฯ

    ‘‘Vāsanābhāgiyādisuttesu vuttā ye dhammā iminā vibhattihārena vibhattā, yesu dhammesu katame dhammā asādhāraṇā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katame dhammā asādhāraṇā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tesu vibhajitabbesu dhammesu katame dhammā asādhāraṇāti pucchati, pucchitvā yāva desanaṃ upādāya asādhāraṇā dhammā gavesitabbā, ‘‘sekkhāsekkhā’’ti vā gavesitabbā, ‘‘bhabbābhabbā’’ti vā gavesitabbā. Atha vā yāva ‘‘sekkhāsekkhā bhabbābhabbā’’ti desanā vuttā, tāva desanaṃ upādāya asādhāraṇā gavesitabbā. Kathaṃ gavesitabbā? Ariyesu sekkhāsekkhadhammavasena ‘‘sekkhā’’ti nāmaṃ asekkhena asādhāraṇaṃ, ‘‘asekkhā’’ti nāmaṃ sekkhena asādhāraṇanti vā, anariyesu ‘‘bhabbā’’ti nāmaṃ abhabbena asādhāraṇaṃ, ‘‘abhabbā’’ti nāmaṃ bhabbena asādhāraṇanti vā gavesitabbā. Kāmarāgabyāpādā saṃyojanā appahīnattā anusayabhāvena uppajjanārahattā aṭṭhamakassa sotāpattimaggaṭṭhassa ca sotāpannassa phalaṭṭhassa ca sādhāraṇā bhavanti, dhammatā dhammasabhāvo asādhāraṇo. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘aṭṭhamakassa sotāpattimaggaṭṭhatā sotāpannassa asādhāraṇā, sotāpannassa sotāpannaphalaṭṭhatā ca aṭṭhamakassa sotāpattimaggaṭṭhassa asādhāraṇā. Aṭṭhamakassa vā pahīyamānakilesatā sotāpannassa asādhāraṇā, sotāpannassa pahīnakilesatā ca aṭṭhamakassa asādhāraṇā’’ti.

    อุทฺธมฺภาคิยา สํโยชนา อปฺปหีนตฺตา อนุสยภาเวน อุปฺปชฺชนารหตฺตา อฎฺฐมกสฺส มคฺคฎฺฐภาเวน อฎฺฐมกสทิสสฺส อนาคามิมคฺคฎฺฐสฺส จ อนาคามิสฺส ผลฎฺฐสฺส จ สาธารณา, ธมฺมตา ธมฺมสภาโว อสาธารณาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อฎฺฐมกสฺส อนาคามิมคฺคฎฺฐตา อนาคามิสฺส ผลฎฺฐสฺส อสาธารณา, อนาคามิสฺส อนาคามิผลฎฺฐตา จ อฎฺฐมกสฺส อสาธารณาฯ อฎฺฐมกสฺส วา ปหียมานกิเลสตา อนาคามิสฺส อสาธารณา, อนาคามิสฺส ผลฎฺฐสฺส ปหีนกิเลสตา จ อฎฺฐมกสฺส อสาธารณา’’ติฯ ‘‘มคฺคฎฺฐตา ผลฎฺฐตาย อสาธารณา, ผลฎฺฐตา จ มคฺคฎฺฐตาย อสาธารณา’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ สเพฺพสํ สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปุคฺคลานํ นามํ ‘‘เสกฺขา’’ติ นามํ สาธารณํธมฺมตา อสาธารณาติ จตุนฺนํ มคฺคฎฺฐานํ ตํตํมคฺคฎฺฐตา อญฺญมญฺญํ มคฺคฎฺฐานํ อสาธารณาฯ เหฎฺฐิมผลตฺตยฎฺฐานญฺจ อสาธารณา, เหฎฺฐิมผลตฺตยฎฺฐานํ ตํตํผลฎฺฐตา จ อญฺญมญฺญํ ผลฎฺฐานํ อสาธารณา, จตุนฺนํ มคฺคฎฺฐานญฺจ อสาธารณาติ อโตฺถฯ ‘‘เสกฺขานํ ตํตํมคฺคฎฺฐตา ตํตํผลฎฺฐตาย อสาธารณา, ตํตํผลฎฺฐตา จ ตํตํมคฺคฎฺฐตาย อสาธารณา’’ติ วตฺตุมฺปิ วฎฺฎติฯ สเพฺพสํ ปฎิปนฺนกานนฺติ ผลตฺถาย ปฎิปชฺชนฺตีติ ปฎิปนฺนกา, เตสํ มคฺคสมงฺคีนํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ นามํ ‘‘ปฎิปนฺนกา’’ติ นามํ สาธารณํ, ธมฺมตา ตํตํมคฺคฎฺฐตา อสาธารณาฯ สเพฺพสํ เสกฺขานํ สตฺตนฺนํ ปุคฺคลานํ เสกฺขานํ สีลํ สาธารณํ, ธมฺมตา ตํตํมคฺคฎฺฐผลฎฺฐตา อสาธารณาติฯ วาสนาภาคิยสํกิเลสภาคิยสุเตฺตสุ วุตฺตา ทสฺสเนนปหาตพฺพาทโย เจว นิเพฺพธภาคิยอเสกฺขภาคิยสุเตฺตสุ วุตฺตา เสกฺขาทโย จ ธมฺมา สาธารณาสาธารณเภเทน วิภตฺติหาเรน วิภชิตพฺพาติ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ

    Uddhambhāgiyā saṃyojanā appahīnattā anusayabhāvena uppajjanārahattā aṭṭhamakassa maggaṭṭhabhāvena aṭṭhamakasadisassa anāgāmimaggaṭṭhassa ca anāgāmissa phalaṭṭhassa ca sādhāraṇā, dhammatā dhammasabhāvo asādhāraṇā. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘aṭṭhamakassa anāgāmimaggaṭṭhatā anāgāmissa phalaṭṭhassa asādhāraṇā, anāgāmissa anāgāmiphalaṭṭhatā ca aṭṭhamakassa asādhāraṇā. Aṭṭhamakassa vā pahīyamānakilesatā anāgāmissa asādhāraṇā, anāgāmissa phalaṭṭhassa pahīnakilesatā ca aṭṭhamakassa asādhāraṇā’’ti. ‘‘Maggaṭṭhatā phalaṭṭhatāya asādhāraṇā, phalaṭṭhatā ca maggaṭṭhatāya asādhāraṇā’’tipi vattuṃ vaṭṭati. Sabbesaṃ sattannaṃ sekkhānaṃ puggalānaṃ nāmaṃ‘‘sekkhā’’ti nāmaṃ sādhāraṇaṃ. Dhammatā asādhāraṇāti catunnaṃ maggaṭṭhānaṃ taṃtaṃmaggaṭṭhatā aññamaññaṃ maggaṭṭhānaṃ asādhāraṇā. Heṭṭhimaphalattayaṭṭhānañca asādhāraṇā, heṭṭhimaphalattayaṭṭhānaṃ taṃtaṃphalaṭṭhatā ca aññamaññaṃ phalaṭṭhānaṃ asādhāraṇā, catunnaṃ maggaṭṭhānañca asādhāraṇāti attho. ‘‘Sekkhānaṃ taṃtaṃmaggaṭṭhatā taṃtaṃphalaṭṭhatāya asādhāraṇā, taṃtaṃphalaṭṭhatā ca taṃtaṃmaggaṭṭhatāya asādhāraṇā’’ti vattumpi vaṭṭati. Sabbesaṃ paṭipannakānanti phalatthāya paṭipajjantīti paṭipannakā, tesaṃ maggasamaṅgīnaṃ catunnaṃ puggalānaṃ nāmaṃ ‘‘paṭipannakā’’ti nāmaṃ sādhāraṇaṃ, dhammatā taṃtaṃmaggaṭṭhatā asādhāraṇā. Sabbesaṃ sekkhānaṃ sattannaṃ puggalānaṃ sekkhānaṃ sīlaṃ sādhāraṇaṃ, dhammatā taṃtaṃmaggaṭṭhaphalaṭṭhatā asādhāraṇāti. Vāsanābhāgiyasaṃkilesabhāgiyasuttesu vuttā dassanenapahātabbādayo ceva nibbedhabhāgiyaasekkhabhāgiyasuttesu vuttā sekkhādayo ca dhammā sādhāraṇāsādhāraṇabhedena vibhattihārena vibhajitabbāti adhippāyo veditabbo.

    ‘‘อฎฺฐมกสฺสา’’ติอาทินา อริเยสุ ปุคฺคเลสุ อสาธารณา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กถํ อนริเยสุ อสาธารณา วิภตฺตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อริเยสุ วุตฺตนยานุสาเรน อนริเยสุปิ วิภชิตฺวา คเวสิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ วิเสสานุปสฺสินา’’ติอาทิ วุตฺตํ ฯ อฎฺฐกถายํ ปน – ‘‘เอวํ ‘อฎฺฐมกสฺสา’ติอาทินา อริยปุคฺคเลสุ อสาธารณธมฺมํ ทเสฺสตฺวา อิตเรสุ นยทสฺสนตฺถํ ‘เอวํ วิเสสานุปสฺสินา’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ เอวํ อริเยสุ วุตฺตนยานุสาเรน ภพฺพาภเพฺพสุ อนริเยสุ วิเสสานุปสฺสินา อสาธารณโต วิเสสํ อสาธารณํ อนุปสฺสินา คเวสเกน ปณฺฑิเตน ภพฺพาภเพฺพสุปิ หีนุกฺกฎฺฐมชฺฌิมํ อุปาทาย คเวสิตพฺพํฯ กถํ? มาตุฆาตาทิวเสน ปวตฺตานํ ปฎิฆสมฺปยุตฺตทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตสตฺตมชวนจิตฺตุปฺปาทานํ มิจฺฉตฺตนิยตานํ ตํสมงฺคีนํ วา ตถาปวตฺตา ปฐมชวนจิตฺตุปาทาทโย อนิยตา ธมฺมา ปฎิฆสมฺปยุตฺตาทิภาเวน สาธารณา, มิจฺฉตฺตนิยตา ธมฺมา เอกจิตฺตุปฺปาทตฺตา อสาธารณาฯ ยถา หิ จิตฺตํ ‘‘จิตฺตสํสฎฺฐ’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, เอวํ มิจฺฉตฺตนิยตาปิ ‘‘มิจฺฉตฺตนิยตสาธารณา’’ติ น วตฺตพฺพาฯ มิจฺฉตฺตนิยเตสุปิ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตสตฺตมชวนจิตฺตุปฺปาทสมงฺคีนํ อนิยตา ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตปฐมชวนจิตฺตุปฺปาทาทโย ธมฺมา ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตาทิภาเวน สาธารณา, นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิ เอกจิตฺตุปฺปาทสมงฺคีภาวโต อสาธารณาฯ เตนาห อฎฺฐกถาจริโย –

    ‘‘Aṭṭhamakassā’’tiādinā ariyesu puggalesu asādhāraṇā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘kathaṃ anariyesu asādhāraṇā vibhattā’’ti pucchitabbattā ariyesu vuttanayānusārena anariyesupi vibhajitvā gavesitabbāti dassetuṃ ‘‘evaṃ visesānupassinā’’tiādi vuttaṃ . Aṭṭhakathāyaṃ pana – ‘‘evaṃ ‘aṭṭhamakassā’tiādinā ariyapuggalesu asādhāraṇadhammaṃ dassetvā itaresu nayadassanatthaṃ ‘evaṃ visesānupassinā’tiādi vutta’’nti vuttaṃ. Evaṃ ariyesu vuttanayānusārena bhabbābhabbesu anariyesu visesānupassinā asādhāraṇato visesaṃ asādhāraṇaṃ anupassinā gavesakena paṇḍitena bhabbābhabbesupi hīnukkaṭṭhamajjhimaṃ upādāya gavesitabbaṃ. Kathaṃ? Mātughātādivasena pavattānaṃ paṭighasampayuttadiṭṭhisampayuttasattamajavanacittuppādānaṃ micchattaniyatānaṃ taṃsamaṅgīnaṃ vā tathāpavattā paṭhamajavanacittupādādayo aniyatā dhammā paṭighasampayuttādibhāvena sādhāraṇā, micchattaniyatā dhammā ekacittuppādattā asādhāraṇā. Yathā hi cittaṃ ‘‘cittasaṃsaṭṭha’’nti na vattabbaṃ, evaṃ micchattaniyatāpi ‘‘micchattaniyatasādhāraṇā’’ti na vattabbā. Micchattaniyatesupi niyatamicchādiṭṭhikānaṃ diṭṭhisampayuttasattamajavanacittuppādasamaṅgīnaṃ aniyatā diṭṭhisampayuttapaṭhamajavanacittuppādādayo dhammā diṭṭhisampayuttādibhāvena sādhāraṇā, niyatamicchādiṭṭhi ekacittuppādasamaṅgībhāvato asādhāraṇā. Tenāha aṭṭhakathācariyo –

    ‘‘มิจฺฉตฺตนิยตานํ อนิยตา ธมฺมา สาธารณ, มิจฺฉตฺตนิยตา ธมฺมา อสาธารณาฯ มิจฺฉตฺตนิยเตสุปิ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ อนิยตา ธมฺมา สาธารณา, นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิ อสาธารณาติ อิมินา นเยน วิเสสานุปสฺสินา เวทิตพฺพา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๔)ฯ

    ‘‘Micchattaniyatānaṃ aniyatā dhammā sādhāraṇa, micchattaniyatā dhammā asādhāraṇā. Micchattaniyatesupi niyatamicchādiṭṭhikānaṃ aniyatā dhammā sādhāraṇā, niyatamicchādiṭṭhi asādhāraṇāti iminā nayena visesānupassinā veditabbā’’ti (netti. aṭṭha. 34).

    ตตฺถ ‘‘อิมินา นเยนา’’ติ อิมินา มิจฺฉตฺตนิยตานํ อุปฺปชฺชิตุํ ภพฺพา อนิยตา ธมฺมา สาธารณา, อุปฺปชฺชิตุํ อภพฺพา อนิยตา ธมฺมา อสาธารณาติ คหิตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ภพฺพาภพฺพา’’ติฯ ตถา หีนสฺส หีโน หีนภาเวน สาธารโณ, มชฺฌิมุกฺกฎฺฐา อสาธารณาฯ มชฺฌิมสฺส มชฺฌิโม สาธารโณ, หีนุกฺกฎฺฐา อสาธารณาฯ อุกฺกฎฺฐสฺส อุกฺกโฎฺฐ อุกฺกฎฺฐภาเวน สาธารโณ, หีนมชฺฌิมา อสาธารณาติปิ คเวสิตพฺพาฯ เตนาห – ‘‘หีนุกฺกฎฺฐมชฺฌิมํ อุปาทาย คเวสิตพฺพ’’นฺติฯ

    Tattha ‘‘iminā nayenā’’ti iminā micchattaniyatānaṃ uppajjituṃ bhabbā aniyatā dhammā sādhāraṇā, uppajjituṃ abhabbā aniyatā dhammā asādhāraṇāti gahitā. Tena vuttaṃ ‘‘bhabbābhabbā’’ti. Tathā hīnassa hīno hīnabhāvena sādhāraṇo, majjhimukkaṭṭhā asādhāraṇā. Majjhimassa majjhimo sādhāraṇo, hīnukkaṭṭhā asādhāraṇā. Ukkaṭṭhassa ukkaṭṭho ukkaṭṭhabhāvena sādhāraṇo, hīnamajjhimā asādhāraṇātipi gavesitabbā. Tenāha – ‘‘hīnukkaṭṭhamajjhimaṃ upādāya gavesitabba’’nti.

    ‘‘ตตฺถ กตเม ธมฺมา สาธารณา’’ติอาทินา นานาวิเธน วิภตฺติหารนเยน ธมฺมา วิภชิตฺวา ทสฺสิตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กถํ ภูมิปทฎฺฐานานิ วิภตฺติหารนเยน วิภชิตฺวา ทสฺสิตานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต ธมฺมวิภชนานนฺตรํ ภูมิปทฎฺฐานานิ วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ทสฺสนภูมี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทสฺสนภูมีติ ทสฺสนํ ภวติ เอตฺถ ปฐมมเคฺคติ ทสฺสนภูมิ, โสตาปตฺติมโคฺค ฯ นิยามาวกฺกนฺติยาติ นิยมนํ นิยาโม, โก โส? สมฺปตฺตนิยาโม, อวกฺกนํ อวกฺกนฺติ, โสตาปตฺติผลํ, นิยามสฺส อวกฺกนฺติ นิยามาวกฺกนฺติ, ตายฯ ทสฺสนภูมินามโก โสตาปตฺติมโคฺค นิยามาวกฺกนฺตินามกสฺส โสตาปตฺติผลสฺส ปตฺติยา ปทฎฺฐานํฯ ปฐมมคฺคสมงฺคี ปุคฺคโล หิ นิยามํ โอกฺกมโนฺต นาม, ผลสมงฺคี ปน นิยามํ โอกฺกโนฺต นาม โหติ, ตสฺมา นิยามาวกฺกนฺติสเทฺทน ปฐมผลุปฺปตฺติ คหิตาฯ ภาวนาภูมีติ อุปริมคฺคตฺตยํฯ อุตฺตริกานนฺติ ตสฺส ตสฺส มคฺคสฺส อุปริปวตฺตานํ ตํตํผลานํ ปตฺติยา ปทฎฺฐานนฺติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ

    ‘‘Tattha katame dhammā sādhāraṇā’’tiādinā nānāvidhena vibhattihāranayena dhammā vibhajitvā dassitā, amhehi ca ñātā, ‘‘kathaṃ bhūmipadaṭṭhānāni vibhattihāranayena vibhajitvā dassitānī’’ti pucchitabbabhāvato dhammavibhajanānantaraṃ bhūmipadaṭṭhānāni vibhajitvā dassento ‘‘dassanabhūmī’’tiādimāha. Tattha dassanabhūmīti dassanaṃ bhavati ettha paṭhamamaggeti dassanabhūmi, sotāpattimaggo . Niyāmāvakkantiyāti niyamanaṃ niyāmo, ko so? Sampattaniyāmo, avakkanaṃ avakkanti, sotāpattiphalaṃ, niyāmassa avakkanti niyāmāvakkanti, tāya. Dassanabhūmināmako sotāpattimaggo niyāmāvakkantināmakassa sotāpattiphalassa pattiyā padaṭṭhānaṃ. Paṭhamamaggasamaṅgī puggalo hi niyāmaṃ okkamanto nāma, phalasamaṅgī pana niyāmaṃ okkanto nāma hoti, tasmā niyāmāvakkantisaddena paṭhamaphaluppatti gahitā. Bhāvanābhūmīti uparimaggattayaṃ. Uttarikānanti tassa tassa maggassa uparipavattānaṃ taṃtaṃphalānaṃ pattiyā padaṭṭhānanti paccekaṃ yojetabbaṃ.

    ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา มนฺทปญฺญสฺส อุปฺปชฺชนโต สมถํ อาวหนฺตี หุตฺวา สมถสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, สุขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ญาณาธิกสฺส อุปฺปชฺชนโต วิปสฺสนาวหนฺตี หุตฺวา วิปสฺสนาย ปทฎฺฐานํ, อวเสสา เทฺว ปฎิปทาปิ นาติปญฺญสฺส อุปฺปชฺชนโต สมถสฺส ปทฎฺฐานนฺติ คเหตพฺพาฯ เตน อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ – ‘‘อิตรา ปน ติโสฺสปิ ปฎิปทา สมถํ อาวหนฺตี’’ติอาทิ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๔)ฯ ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ สยเมว เอกเนฺตน ธมฺมสฺสวนสฺส ปทฎฺฐานํ น โหติ, วนฺทนยาจนปญฺหาปุจฺฉนาทโยปิ ปทฎฺฐานํ โหนฺติ, ตสฺมา เตหิ การเณหิ สาธารณํ หุตฺวา ปรโตโฆสสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, ปรโตโฆโส จ ธมฺมสฺสวนปญฺหาวิสฺสชฺชนาทิวเสน ปวโตฺตฯ ทาตพฺพวตฺถุปริจฺจชนวนฺทนยาจนกาเลสุ หิ เยภุเยฺยน ธมฺมํ เทเสนฺติ, ปญฺหาปุจฺฉนาทิกาเลสุ จ วิสฺสเชฺชนฺติ, ปฎิปุจฺฉสากจฺฉาทีนิ วา กโรนฺติฯ สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุขสมาธีหิ ปทฎฺฐานภาเวน สาธารณํ หุตฺวา จินฺตามยิยา ปญฺญาย ปทฎฺฐานํ โหติฯ สีลวนฺตสฺส หิ สีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปาโมชฺชาทโย โหนฺติ, สมาหิโต จ ธมฺมจินฺตเน สมโตฺถ โหติฯ

    Dukkhā paṭipadā dandhābhiññā mandapaññassa uppajjanato samathaṃ āvahantī hutvā samathassa padaṭṭhānaṃ hoti, sukhāpaṭipadā khippābhiññā ñāṇādhikassa uppajjanato vipassanāvahantī hutvā vipassanāya padaṭṭhānaṃ, avasesā dve paṭipadāpi nātipaññassa uppajjanato samathassa padaṭṭhānanti gahetabbā. Tena aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ – ‘‘itarā pana tissopi paṭipadā samathaṃ āvahantī’’tiādi (netti. aṭṭha. 34). Dānamayaṃ puññakiriyavatthu sayameva ekantena dhammassavanassa padaṭṭhānaṃ na hoti, vandanayācanapañhāpucchanādayopi padaṭṭhānaṃ honti, tasmā tehi kāraṇehi sādhāraṇaṃ hutvā paratoghosassa padaṭṭhānaṃ hoti, paratoghoso ca dhammassavanapañhāvissajjanādivasena pavatto. Dātabbavatthupariccajanavandanayācanakālesu hi yebhuyyena dhammaṃ desenti, pañhāpucchanādikālesu ca vissajjenti, paṭipucchasākacchādīni vā karonti. Sīlamayaṃ puññakiriyavatthu pāmojjapītipassaddhisukhasamādhīhi padaṭṭhānabhāvena sādhāraṇaṃ hutvā cintāmayiyā paññāya padaṭṭhānaṃ hoti. Sīlavantassa hi sīlaṃ paccavekkhantassa pāmojjādayo honti, samāhito ca dhammacintane samattho hoti.

    ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถูติ ปุริมา ปุริมา สมถภาวนา เจว วิปสฺสนาภาวนา จ ปุญฺญกิริยวตฺถุทานสีลาทีหิ การเณหิ สาธารณํ หุตฺวา ภาวนามยิยา ปญฺญาย ปจฺฉิมาย ปจฺฉิมาย สมถภาวนาย เจว วิปสฺสนาภาวนาย จ ปทฎฺฐานํฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ – ‘‘สาธารณนฺติ น พีชํ วิย องฺกุรสฺส, ทสฺสนภูมิอาทโย วิย นิยามาวกฺกนฺติอาทีนํ อาเวณิกํ , อถ โข สาธารณํ ตทญฺญการเณหิปี’’ติฯ ‘‘ทานมยสีลมยภาวนามยปุญฺญกิริยวตฺถูนํ ปรโตโฆสจินฺตามยิภาวนามยิปญฺญานํ ปทฎฺฐานภาโว อาจริเยน วิภโตฺต, เอวํ สติ เตสํ ทานมยาทีนํ ยถากฺกมํ ปริยตฺติพาหุสจฺจกมฺมฎฺฐานานุโยคมคฺคสมฺมาทิฎฺฐีนํ ปทฎฺฐานภาโว น ภเวยฺยา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ตถาปวตฺตํ ปทฎฺฐานภาวมฺปิ ทเสฺสตุํ ‘‘ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ ปรโต จ โฆสสฺส สุตมยิยา จ ปญฺญายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน –

    Bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthūti purimā purimā samathabhāvanā ceva vipassanābhāvanā ca puññakiriyavatthudānasīlādīhi kāraṇehi sādhāraṇaṃ hutvā bhāvanāmayiyā paññāya pacchimāya pacchimāya samathabhāvanāya ceva vipassanābhāvanāya ca padaṭṭhānaṃ. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ – ‘‘sādhāraṇanti na bījaṃ viya aṅkurassa, dassanabhūmiādayo viya niyāmāvakkantiādīnaṃ āveṇikaṃ , atha kho sādhāraṇaṃ tadaññakāraṇehipī’’ti. ‘‘Dānamayasīlamayabhāvanāmayapuññakiriyavatthūnaṃ paratoghosacintāmayibhāvanāmayipaññānaṃ padaṭṭhānabhāvo ācariyena vibhatto, evaṃ sati tesaṃ dānamayādīnaṃ yathākkamaṃ pariyattibāhusaccakammaṭṭhānānuyogamaggasammādiṭṭhīnaṃ padaṭṭhānabhāvo na bhaveyyā’’ti vattabbattā tathāpavattaṃ padaṭṭhānabhāvampi dassetuṃ ‘‘dānamayaṃ puññakiriyavatthu parato ca ghosassa sutamayiyā ca paññāyā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana –

    ‘‘อิทานิ ยสฺมา ทานํ, สีลํ, โลกิยภาวนา จ น เกวลํ ยถาวุตฺตปรโตโฆสาทีนํเยว, อถ โข ยถากฺกมํ ปริยตฺติพาหุสจฺจกมฺมฎฺฐานานุโยคมคฺคสมฺมาทิฎฺฐีนมฺปิ ปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา ตมฺปิ นยํ ทเสฺสตุํ ปุน ‘ทานมย’นฺติอาทินา เทสนํ วเฑฺฒสี’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๔) –

    ‘‘Idāni yasmā dānaṃ, sīlaṃ, lokiyabhāvanā ca na kevalaṃ yathāvuttaparatoghosādīnaṃyeva, atha kho yathākkamaṃ pariyattibāhusaccakammaṭṭhānānuyogamaggasammādiṭṭhīnampi paccayā honti, tasmā tampi nayaṃ dassetuṃ puna ‘dānamaya’ntiādinā desanaṃ vaḍḍhesī’’ti (netti. aṭṭha. 34) –

    วุตฺตํฯ ตตฺถ ทานมยปุญฺญกิริยวตฺถุโน ปรโตโฆสสฺส สาธารณปทฎฺฐานภาโว เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ญาตโพฺพฯ ทานํ ปน ทตฺวา เทสนํ สุตฺวา สุตานุสาเรน วิตฺถาเรตฺวา จิเนฺตนฺตสฺส ปวตฺตมานาย สุตมยิยา ปญฺญาย วนฺทนยาจนาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา ปทฎฺฐานํ โหติฯ สีลมยปุญฺญกิริยวตฺถุโนปิ จินฺตามยิยา ปญฺญาย สาธารณปทฎฺฐานภาโว วุโตฺตเยวฯ ปริสุทฺธสีลํ ปน นิสฺสาย ‘‘ฌานํ นิพฺพเตฺตสฺสามิ, มคฺคผลํ นิพฺพเตฺตสฺสามี’’ติอาทินา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปวตฺตมานสฺส โยนิโสมนสิการสฺส ปาโมชฺชาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา ปทฎฺฐานํ โหติฯ ภาวนามยปุญฺญกิริยวตฺถุโน ภาวนามยิยา ปญฺญาย สาธารณปทฎฺฐานภาโวปิ วุโตฺตเยวฯ สมถภาวนาสงฺขาตํ ปน ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วา ปริปากํ วิปสฺสนาภาวํเยว วา นิสฺสาย ปวตฺตมานาย สมฺมาทิฎฺฐิยา ปริสุทฺธสีลาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา ปทฎฺฐานํ โหติฯ

    Vuttaṃ. Tattha dānamayapuññakiriyavatthuno paratoghosassa sādhāraṇapadaṭṭhānabhāvo heṭṭhā vuttanayena ñātabbo. Dānaṃ pana datvā desanaṃ sutvā sutānusārena vitthāretvā cintentassa pavattamānāya sutamayiyā paññāya vandanayācanādīhi sādhāraṇaṃ hutvā padaṭṭhānaṃ hoti. Sīlamayapuññakiriyavatthunopi cintāmayiyā paññāya sādhāraṇapadaṭṭhānabhāvo vuttoyeva. Parisuddhasīlaṃ pana nissāya ‘‘jhānaṃ nibbattessāmi, maggaphalaṃ nibbattessāmī’’tiādinā paccavekkhantassa pavattamānassa yonisomanasikārassa pāmojjādīhi sādhāraṇaṃ hutvā padaṭṭhānaṃ hoti. Bhāvanāmayapuññakiriyavatthuno bhāvanāmayiyā paññāya sādhāraṇapadaṭṭhānabhāvopi vuttoyeva. Samathabhāvanāsaṅkhātaṃ pana jhānaṃ pādakaṃ katvā vā paripākaṃ vipassanābhāvaṃyeva vā nissāya pavattamānāya sammādiṭṭhiyā parisuddhasīlādīhi sādhāraṇaṃ hutvā padaṭṭhānaṃ hoti.

    ทานมยปุญฺญกิริยวตฺถุอาทีนํ ปรโตโฆสาทีนํ ปทฎฺฐานภาโว ปุนปฺปุนํ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ปติรูปเทสวาสาทโยปิ อิเมสํ ธมฺมานํ ปทฎฺฐานานีติ ยถา วิภชิตพฺพา, อเมฺหหิ จ วิญฺญาตพฺพา, ตถา วิภชิตฺวา ทเสฺสถา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา เตปิ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ปติรูปเทสวาโส’’ติอาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ตถา ปติรูปเทสวาสาทโย กายวิเวกจิตฺตวิเวกาทีนํ การณํ โหนฺตีติ อิมํ นยํ ทเสฺสตุํ ‘ปติรูปเทสวาโส’ติอาทิมาหา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓๔) วุตฺตํฯ ปติรูปเทสํ นิสฺสาย วสนฺตสฺส กายวิเวกจิตฺตวิเวกวฑฺฒนโต, สมาธิวฑฺฒนโต จ ปติรูปเทสวาโส กายจิตฺตวิเวกสฺส จ อุปจารสมาธิอปฺปนาสมาธิสฺส จ สีลาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา ปทฎฺฐานํฯ สปฺปุริสูปนิสฺสโยติ สปฺปุริสสนฺตาเน ปวโตฺต ปยิรุปาสโต อาลมฺพิตโพฺพ ปสาโท, ตโต วา อุปนิสฺสยํ ลภิตฺวา ปยิรุปาสนฺตานํ สนฺตาเน ปวโตฺต ปุพฺพปสาโท ยถาวิโธ สปฺปุริสูปนิสฺสโย ปยิรุปาสนฺตสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส รตนตฺตเย ติณฺณํ อเวจฺจปฺปสาทานํ รตนตฺตยคุณาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา ปทฎฺฐานํ, สมถสฺส ลภนนิมิตฺตทายกํ สปฺปุริสํ ปยิรุปาสิตฺวา เตน ทินฺนนเย ฐตฺวา ปวเตฺตตพฺพสฺส สมถสฺส สปฺปุริสูปนิสฺสโย สีลปาโมชฺชปีตาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา ปทฎฺฐานํฯ อตฺตสมฺมาปณิหิตสฺส ปาปชิคุจฺฉาทีนํ สมฺภวโต อตฺตสมฺมาปณิธานํ ชาติวยาทิปจฺจเวกฺขเณน สาธารณํ หุตฺวา หิริยา จ ปทฎฺฐานํ, อตฺตสมฺมาปณิหิตสฺส นิพฺพิทาทีนํ สมฺภวโต สีลาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา วิปสฺสนาย จ ปทฎฺฐานํฯ

    Dānamayapuññakiriyavatthuādīnaṃ paratoghosādīnaṃ padaṭṭhānabhāvo punappunaṃ ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘patirūpadesavāsādayopi imesaṃ dhammānaṃ padaṭṭhānānīti yathā vibhajitabbā, amhehi ca viññātabbā, tathā vibhajitvā dassethā’’ti vattabbattā tepi vibhajitvā dassetuṃ ‘‘patirūpadesavāso’’tiādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘tathā patirūpadesavāsādayo kāyavivekacittavivekādīnaṃ kāraṇaṃ hontīti imaṃ nayaṃ dassetuṃ ‘patirūpadesavāso’tiādimāhā’’ti (netti. aṭṭha. 34) vuttaṃ. Patirūpadesaṃ nissāya vasantassa kāyavivekacittavivekavaḍḍhanato, samādhivaḍḍhanato ca patirūpadesavāso kāyacittavivekassa ca upacārasamādhiappanāsamādhissa ca sīlādīhi sādhāraṇaṃ hutvā padaṭṭhānaṃ. Sappurisūpanissayoti sappurisasantāne pavatto payirupāsato ālambitabbo pasādo, tato vā upanissayaṃ labhitvā payirupāsantānaṃ santāne pavatto pubbapasādo yathāvidho sappurisūpanissayo payirupāsantassa saddhāsampannassa ratanattaye tiṇṇaṃ aveccappasādānaṃ ratanattayaguṇādīhi sādhāraṇaṃ hutvā padaṭṭhānaṃ, samathassa labhananimittadāyakaṃ sappurisaṃ payirupāsitvā tena dinnanaye ṭhatvā pavattetabbassa samathassa sappurisūpanissayo sīlapāmojjapītādīhi sādhāraṇaṃ hutvā padaṭṭhānaṃ. Attasammāpaṇihitassa pāpajigucchādīnaṃ sambhavato attasammāpaṇidhānaṃ jātivayādipaccavekkhaṇena sādhāraṇaṃ hutvā hiriyā ca padaṭṭhānaṃ, attasammāpaṇihitassa nibbidādīnaṃ sambhavato sīlādīhi sādhāraṇaṃ hutvā vipassanāya ca padaṭṭhānaṃ.

    ตทงฺคาทิวเสน อกุสลปริจฺจาโค นิพฺพิทาญาณาทีหิ สาธารณํ หุตฺวา กุสลวีมํสาย ปฎิสงฺขานุปสฺสนาย ปญฺญาย จ อริยมคฺคสมาธินฺทฺริยสฺส จ ปทฎฺฐานํฯ ธมฺมสฺวากฺขาตตา สฺวากฺขาตธมฺมสฺสวนานุสาเรน ปวตฺตกุสลมูลกา โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติ กุสลมูลโรปนา นาม, ตาย จ ตถาวิธกุสลมูลกาย ผลสมาปตฺติยา จ ปทฎฺฐานํฯ สงฺฆสุปฺปฎิปนฺนตา สงฺฆสุฎฺฐุตาย สงฺฆสฺส อุปฎฺฐากานํ สุฎฺฐุภาวาย สปฺปติสฺสวาย วจนสมฺปฎิจฺฉนภาวาย ปทฎฺฐานํฯ สตฺถุสมฺปทา สตฺถริ เจว ธมฺมาทีสุ จ คุณอชานนตาย อปฺปสนฺนานญฺจ ปสาทาย ปสนฺนานญฺจ อปฺปมตฺตกปสาทานญฺจ ภิโยฺยภาวาย วฑฺฒนาย ปทฎฺฐานํฯ อปฺปฎิหตปาติโมกฺขตา สงฺฆมเชฺฌ วา ปริสมเชฺฌ วา ทุมฺมงฺกูนํ ทุมฺมุขานํ ทุสฺสีลานํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหาย, เปสลานํ ปาติโมกฺขสํวราทิสีลสมฺปนฺนานํ ปุคฺคลานํ ผาสุวิหาราย จ ปทฎฺฐานํ โหติฯ โหโนฺต ปน ยถานุรูเปหิ อเญฺญหิ การเณหิ สาธารณํ หุตฺวา โหตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Tadaṅgādivasena akusalapariccāgo nibbidāñāṇādīhi sādhāraṇaṃ hutvā kusalavīmaṃsāya paṭisaṅkhānupassanāya paññāya ca ariyamaggasamādhindriyassa ca padaṭṭhānaṃ. Dhammasvākkhātatā svākkhātadhammassavanānusārena pavattakusalamūlakā lokiyalokuttarasampatti kusalamūlaropanā nāma, tāya ca tathāvidhakusalamūlakāya phalasamāpattiyā ca padaṭṭhānaṃ. Saṅghasuppaṭipannatā saṅghasuṭṭhutāya saṅghassa upaṭṭhākānaṃ suṭṭhubhāvāya sappatissavāya vacanasampaṭicchanabhāvāya padaṭṭhānaṃ. Satthusampadā satthari ceva dhammādīsu ca guṇaajānanatāya appasannānañca pasādāya pasannānañca appamattakapasādānañca bhiyyobhāvāya vaḍḍhanāya padaṭṭhānaṃ. Appaṭihatapātimokkhatā saṅghamajjhe vā parisamajjhe vā dummaṅkūnaṃ dummukhānaṃ dussīlānaṃ puggalānaṃ niggahāya, pesalānaṃ pātimokkhasaṃvarādisīlasampannānaṃ puggalānaṃ phāsuvihārāya ca padaṭṭhānaṃ hoti. Honto pana yathānurūpehi aññehi kāraṇehi sādhāraṇaṃ hutvā hotīti veditabbo.

    ‘‘วาสนาภาคิยสุตฺตาทีสุ วุตฺตธมฺมภูมิปทฎฺฐานานํ วิภตฺติหาเรน วิภชิตพฺพภาโว อเมฺหหิ เกน ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Vāsanābhāgiyasuttādīsu vuttadhammabhūmipadaṭṭhānānaṃ vibhattihārena vibhajitabbabhāvo amhehi kena jānitabbo saddahitabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tassattho vuttanayānusārena veditabbo.

    ‘‘เอตฺตาวตา จ วิภตฺติหาโร ปริปุโณฺณ, อโญฺญ นิยุโตฺต นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต วิภตฺติหาโร’’ติ วุตฺตํฯ ยตฺถ ยตฺถ สุเตฺต เย เย ธมฺมาทโย วุตฺตา, ตตฺถ ตตฺถ สุเตฺต วุเตฺตสุ เตสุ เตสุ ธมฺมาทีสุ ยถาลาภวเสน โย โย วิภตฺติหาโร โยชิโต, โส โส วิภตฺติหาโร นิทฺธาเรตฺวา ยุโตฺต โยชิโตติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Ettāvatā ca vibhattihāro paripuṇṇo, añño niyutto natthī’’ti vattabbattā ‘‘niyutto vibhattihāro’’ti vuttaṃ. Yattha yattha sutte ye ye dhammādayo vuttā, tattha tattha sutte vuttesu tesu tesu dhammādīsu yathālābhavasena yo yo vibhattihāro yojito, so so vibhattihāro niddhāretvā yutto yojitoti attho daṭṭhabbo.

    อิติ วิภตฺติหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา

    Iti vibhattihāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā

    วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhāvanā niṭṭhitā.

    ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรเนว คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ

    Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusāreneva gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๘. วิภตฺติหารวิภโงฺค • 8. Vibhattihāravibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๘. วิภตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 8. Vibhattihāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๘. วิภตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 8. Vibhattihāravibhaṅgavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact