Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. วิภตฺติสุตฺตวณฺณนา
2. Vibhattisuttavaṇṇanā
๑๗๒. ทุติเย อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อเตฺถ ปเภทคตํ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทาฯ อโตฺถติ เจตฺถ สเงฺขปโต เหตุผลํฯ ตญฺหิ เหตุวเสน อรณียํ คนฺตพฺพํ ปตฺตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘อโตฺถ’’ติ วุจฺจติฯ ปเภทโต ปน ยํ กิญฺจิ ปจฺจยสมุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ, ภาสิตโตฺถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ‘‘อโตฺถ’’ติ เวทิตพฺพา , ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ อเตฺถ ปเภทคตํ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทาฯ เตนาห ‘‘ปญฺจสุ อเตฺถสุ ปเภทคตํ ญาณ’’นฺติฯ อาจิกฺขามีติอาทีสุ อาทิโต กเถโนฺต อาจิกฺขติ นาม, อุทฺทิสตีติ อโตฺถฯ ตเมว อุเทฺทสํ ปริโยสาเปโนฺต เทเสติฯ ยถาอุทฺทิฎฺฐมตฺถํ อุทฺทิสนวเสน ปกาเรหิ ญาเปโนฺต ญาเปติฯ ปกาเรหิ เอว ตมตฺถํ ปติฎฺฐาเปโนฺต ปฎฺฐเปติฯ ยถาอุทฺทิฎฺฐํ ปฎินิทฺทิสนวเสน วิวรติฯ วิวฎํ วิภชติฯ วิภตฺตอตฺถํ เหตูทาหรณทสฺสเนหิ ปากฎํ กโรโนฺต อุตฺตานิํ กโรติฯ
172. Dutiye atthappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ atthe pabhedagataṃ ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā. Atthoti cettha saṅkhepato hetuphalaṃ. Tañhi hetuvasena araṇīyaṃ gantabbaṃ pattabbaṃ, tasmā ‘‘attho’’ti vuccati. Pabhedato pana yaṃ kiñci paccayasamuppannaṃ, nibbānaṃ, bhāsitattho, vipāko, kiriyāti ime pañca dhammā ‘‘attho’’ti veditabbā , taṃ atthaṃ paccavekkhantassa tasmiṃ atthe pabhedagataṃ ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā. Tenāha ‘‘pañcasu atthesu pabhedagataṃ ñāṇa’’nti. Ācikkhāmītiādīsu ādito kathento ācikkhati nāma, uddisatīti attho. Tameva uddesaṃ pariyosāpento deseti. Yathāuddiṭṭhamatthaṃ uddisanavasena pakārehi ñāpento ñāpeti. Pakārehi eva tamatthaṃ patiṭṭhāpento paṭṭhapeti. Yathāuddiṭṭhaṃ paṭiniddisanavasena vivarati. Vivaṭaṃ vibhajati. Vibhattaatthaṃ hetūdāharaṇadassanehi pākaṭaṃ karonto uttāniṃ karoti.
ติโสฺส ปฎิสมฺภิทาติ ธมฺมนิรุตฺติปฎิภานปฎิสมฺภิทาฯ ตตฺถ ธมฺมปฎิสมฺภิทา นาม ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ญาณํฯ ธโมฺมติ จ สเงฺขปโต ปจฺจโยฯ โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ วิทหติ ปวเตฺตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ‘‘ธโมฺม’’ติ วุจฺจติฯ ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, อริยมโคฺค, ภาสิตํ, กุสลํ, อกุสลนฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ‘‘ธโมฺม’’ติ เวทิตพฺพา, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ ธเมฺม ปเภทคตํ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทาฯ นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อเตฺถ จ ธเมฺม จ ยา สภาวนิรุตฺติ, ตํ สภาวนิรุตฺติํ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาติฯ
Tisso paṭisambhidāti dhammaniruttipaṭibhānapaṭisambhidā. Tattha dhammapaṭisambhidā nāma dhammappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ ñāṇaṃ. Dhammoti ca saṅkhepato paccayo. So hi yasmā taṃ taṃ vidahati pavatteti ceva pāpeti ca, tasmā ‘‘dhammo’’ti vuccati. Pabhedato pana yo koci phalanibbattako hetu, ariyamaggo, bhāsitaṃ, kusalaṃ, akusalanti ime pañca dhammā ‘‘dhammo’’ti veditabbā, taṃ dhammaṃ paccavekkhantassa tasmiṃ dhamme pabhedagataṃ ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā. Niruttippabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ niruttābhilāpe pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttipaṭisambhidāti. Idaṃ vuttaṃ hoti – atthe ca dhamme ca yā sabhāvanirutti, taṃ sabhāvaniruttiṃ saddaṃ ārammaṇaṃ katvā paccavekkhantassa tasmiṃ sabhāvaniruttābhilāpe pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttipaṭisambhidāti.
เอวมยํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปญฺญตฺติอารมฺมณาฯ กสฺมา? ยสฺมา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานนฺติฯ ปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต หิ ‘‘ผโสฺส’’ติ วุเตฺต ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ, ‘‘ผสฺสา’’ติ วา ‘‘ผสฺส’’นฺติ วา วุเตฺต ปน ‘‘อยํ อสภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อญฺญํ ปเนส นามาขฺยาตอุปสคฺคพฺยญฺชนสทฺทํ ชานาติ น ชานาตีติ? ยทเคฺคน สทฺทํ ชานิตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ อสภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ, ตทเคฺคน ตมฺปิ ชานิสฺสตีติฯ ตํ ปน ‘‘นยิทํ ปฎิสมฺภิทากิจฺจ’’นฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทํ วตฺถุ กถิตํ –
Evamayaṃ niruttipaṭisambhidā saddārammaṇā nāma jātā, na paññattiārammaṇā. Kasmā? Yasmā saddaṃ sutvā ‘‘ayaṃ sabhāvaniruttī’’ti jānanti. Paṭisambhidāppatto hi ‘‘phasso’’ti vutte ‘‘ayaṃ sabhāvaniruttī’’ti jānāti, ‘‘phassā’’ti vā ‘‘phassa’’nti vā vutte pana ‘‘ayaṃ asabhāvaniruttī’’ti jānāti. Vedanādīsupi eseva nayo. Aññaṃ panesa nāmākhyātaupasaggabyañjanasaddaṃ jānāti na jānātīti? Yadaggena saddaṃ jānitvā ‘‘ayaṃ sabhāvanirutti, ayaṃ asabhāvaniruttī’’ti jānāti, tadaggena tampi jānissatīti. Taṃ pana ‘‘nayidaṃ paṭisambhidākicca’’nti paṭikkhipitvā idaṃ vatthu kathitaṃ –
ติสฺสทตฺตเตฺถโร กิร โพธิมเณฺฑ สุวณฺณสลากํ คเหตฺวา ‘‘อฎฺฐารสสุ ภาสาสุ กตรภาสาย กเถมี’’ติ ปวาเรสิฯ ตํ ปน เตน อตฺตโน อุคฺคเห ฐตฺวา ปวาริตํ, น ปฎิสมฺภิทาย ฐิเตนฯ โส หิ มหาปญฺญตาย ตํ ตํ ภาสํ กถาเปตฺวา อุคฺคเหตฺวา เอวํ ปวาเรสิฯ ‘‘ภาสํ นาม สตฺตา อุคฺคณฺหนฺตี’’ติ วตฺวา ปเนตฺถ อิทํ กถิตํฯ มาตาปิตโร หิ ทหรกาเล กุมารเก มเญฺจ วา ปีเฐ วา นิปชฺชาเปตฺวา ตํ ตํ กถยมานา ตานิ ตานิ กิจฺจานิ กโรนฺติฯ ทารกา เตสํ ตํ ตํ ภาสํ ววตฺถาเปนฺติ ‘‘อิมินา อิทํ วุตฺต’’นฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล สพฺพมฺปิ ภาสํ ชานนฺติฯ มาตา ทมิฬี, ปิตา อนฺธโกฯ เตสํ ชาโต ทารโก สเจ มาตุกถํ ปฐมํ สุณาติ, ทมิฬภาสํ ภาสิสฺสติฯ สเจ ปิตุกถํ ปฐมํ สุณาติ, อนฺธกภาสํ ภาสิสฺสติฯ อุภินฺนมฺปิ ปน กถํ อสฺสุณโนฺต มาคธภาสํ ภาสิสฺสติฯ โยปิ อคามเก มหาอรเญฺญ นิพฺพโตฺต, ตตฺถ อโญฺญ กเถโนฺต นาม นตฺถิฯ โสปิ อตฺตโน ธมฺมตาย วจนํ สมุฎฺฐาเปโนฺต, มาคธภาสเมว ภาสิสฺสติฯ นิรเย, ติรจฺฉานโยนิยํ, เปตฺติวิสเย, มนุสฺสโลเก, เทวโลเกติ สพฺพตฺถ มาคธภาสาว อุสฺสนฺนา, เสสา โอฎฺฎกิราตอนฺธกโยนกทมิฬภาสาทิกา อฎฺฐารส ภาสา ปริวตฺตนฺติ, กาลนฺตเรน อญฺญถา โหนฺติ จ นสฺสนฺติ จฯ
Tissadattatthero kira bodhimaṇḍe suvaṇṇasalākaṃ gahetvā ‘‘aṭṭhārasasu bhāsāsu katarabhāsāya kathemī’’ti pavāresi. Taṃ pana tena attano uggahe ṭhatvā pavāritaṃ, na paṭisambhidāya ṭhitena. So hi mahāpaññatāya taṃ taṃ bhāsaṃ kathāpetvā uggahetvā evaṃ pavāresi. ‘‘Bhāsaṃ nāma sattā uggaṇhantī’’ti vatvā panettha idaṃ kathitaṃ. Mātāpitaro hi daharakāle kumārake mañce vā pīṭhe vā nipajjāpetvā taṃ taṃ kathayamānā tāni tāni kiccāni karonti. Dārakā tesaṃ taṃ taṃ bhāsaṃ vavatthāpenti ‘‘iminā idaṃ vutta’’nti. Gacchante gacchante kāle sabbampi bhāsaṃ jānanti. Mātā damiḷī, pitā andhako. Tesaṃ jāto dārako sace mātukathaṃ paṭhamaṃ suṇāti, damiḷabhāsaṃ bhāsissati. Sace pitukathaṃ paṭhamaṃ suṇāti, andhakabhāsaṃ bhāsissati. Ubhinnampi pana kathaṃ assuṇanto māgadhabhāsaṃ bhāsissati. Yopi agāmake mahāaraññe nibbatto, tattha añño kathento nāma natthi. Sopi attano dhammatāya vacanaṃ samuṭṭhāpento, māgadhabhāsameva bhāsissati. Niraye, tiracchānayoniyaṃ, pettivisaye, manussaloke, devaloketi sabbattha māgadhabhāsāva ussannā, sesā oṭṭakirātaandhakayonakadamiḷabhāsādikā aṭṭhārasa bhāsā parivattanti, kālantarena aññathā honti ca nassanti ca.
อยเมเวกา ยถาภุจฺจพฺรหฺมโวหารอริยโวหารสงฺขาตา มาคธภาสา น ปริวตฺตติฯ สา หิ กตฺถจิ กทาจิ ปริวตฺตนฺตีปิ น สพฺพตฺถ สพฺพทา สพฺพถาว ปริวตฺตติ, กปฺปวินาเสปิ ติฎฺฐติเยวฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธปิ หิ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ ตนฺติํ อาโรเปโนฺต มาคธภาสาย เอว อาโรเปสิฯ กสฺมา? เอวญฺหิ อาหริตุํ สุขํ โหติฯ มาคธภาสาย หิ ตนฺติํ อารุฬฺหสฺส พุทฺธวจนสฺส ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตานํ โสตปถาคมนเมว ปปโญฺจฯ เตน สงฺฆฎิตมเตฺตเนว นยสเตน นยสหเสฺสน อโตฺถ อุปฎฺฐาติฯ อญฺญาย ภาสาย ตนฺติํ อารุฬฺหกํ โสเธตฺวา อุคฺคเหตพฺพํ โหติ, พหุมฺปิ อุคฺคเหตฺวา ปน ปุถุชฺชนสฺส ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺติ นาม นตฺถิ, อริยสาวโก โนปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต นาม นตฺถิฯ
Ayamevekā yathābhuccabrahmavohāraariyavohārasaṅkhātā māgadhabhāsā na parivattati. Sā hi katthaci kadāci parivattantīpi na sabbattha sabbadā sabbathāva parivattati, kappavināsepi tiṭṭhatiyeva. Sammāsambuddhopi hi tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ tantiṃ āropento māgadhabhāsāya eva āropesi. Kasmā? Evañhi āharituṃ sukhaṃ hoti. Māgadhabhāsāya hi tantiṃ āruḷhassa buddhavacanassa paṭisambhidāppattānaṃ sotapathāgamanameva papañco. Tena saṅghaṭitamatteneva nayasatena nayasahassena attho upaṭṭhāti. Aññāya bhāsāya tantiṃ āruḷhakaṃ sodhetvā uggahetabbaṃ hoti, bahumpi uggahetvā pana puthujjanassa paṭisambhidāppatti nāma natthi, ariyasāvako nopaṭisambhidāppatto nāma natthi.
ปฎิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฎิภาเน ปเภทคตํ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาฯ อตฺถธมฺมาทิวิสเยสุ หิ ตีสุ ญาเณสุ ‘‘อิมานิ ญาณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ (วิภ. ๗๒๕-๗๓๑) เอวํ ปวตฺตญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิมา ปน จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติ, ปญฺจหิ การเณหิ วิสทา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? เสกฺขภูมิยญฺจ อเสกฺขภูมิยญฺจ, ตตฺถ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส มหากสฺสปเตฺถรสฺส มหากจฺจายนเตฺถรสฺส มหาโกฎฺฐิกเตฺถรสฺสาติ อสีติยาปิ มหาเถรานํ ปฎิสมฺภิทา อเสกฺขภูมิยํ ปเภทคตาฯ อานนฺทเตฺถรสฺส, จิตฺตสฺส คหปติโน, ธมฺมิกสฺส อุปาสกสฺส, อุปาลิสฺส คหปติโน, ขุชฺชุตฺตราย อุปาสิกายาติ เอวมาทีนํ ปฎิสมฺภิทา เสกฺขภูมิยํ ปเภทคตาติ อิมาสุ ทฺวีสุ ภูมีสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติฯ ปเภโท นาม มเคฺคหิ อธิคตานํ ปฎิสมฺภิทานํ ปเภทคมนํฯ
Paṭibhānappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ paṭibhāne pabhedagataṃ ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā. Atthadhammādivisayesu hi tīsu ñāṇesu ‘‘imāni ñāṇāni idamatthajotakānī’’ti (vibha. 725-731) evaṃ pavattañāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Imā pana catasso paṭisambhidā dvīsu ṭhānesu pabhedaṃ gacchanti, pañcahi kāraṇehi visadā hontīti veditabbā. Katamesu dvīsu? Sekkhabhūmiyañca asekkhabhūmiyañca, tattha sāriputtattherassa mahāmoggallānattherassa mahākassapattherassa mahākaccāyanattherassa mahākoṭṭhikattherassāti asītiyāpi mahātherānaṃ paṭisambhidā asekkhabhūmiyaṃ pabhedagatā. Ānandattherassa, cittassa gahapatino, dhammikassa upāsakassa, upālissa gahapatino, khujjuttarāya upāsikāyāti evamādīnaṃ paṭisambhidā sekkhabhūmiyaṃ pabhedagatāti imāsu dvīsu bhūmīsu pabhedaṃ gacchanti. Pabhedo nāma maggehi adhigatānaṃ paṭisambhidānaṃ pabhedagamanaṃ.
กตเมหิ ปญฺจหิ การเณหิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺตีติ? อธิคเมน, ปริยตฺติยา, สวเนน , ปริปุจฺฉาย, ปุพฺพโยเคนฯ ตตฺถ อธิคโม นาม อรหตฺตํฯ ตญฺหิ ปตฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ สวนํ นาม ธมฺมสฺสวนํฯ สกฺกจฺจํ สุณนฺตสฺส หิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ปริปุจฺฉา นาม อฎฺฐกถาฯ อุคฺคหิตปาฬิยา อตฺถํ กเถนฺตสฺส หิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ปุพฺพโยโค นาม ปุพฺพโยคาวจรตา หรณปจฺจาหรณนเยน ปริหฎกมฺมฎฺฐานตาฯ ปุพฺพโยคาวจรสฺส หิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ
Katamehi pañcahi kāraṇehi paṭisambhidā visadā hontīti? Adhigamena, pariyattiyā, savanena , paripucchāya, pubbayogena. Tattha adhigamo nāma arahattaṃ. Tañhi pattassa paṭisambhidā visadā honti. Savanaṃ nāma dhammassavanaṃ. Sakkaccaṃ suṇantassa hi paṭisambhidā visadā honti. Paripucchā nāma aṭṭhakathā. Uggahitapāḷiyā atthaṃ kathentassa hi paṭisambhidā visadā honti. Pubbayogo nāma pubbayogāvacaratā haraṇapaccāharaṇanayena parihaṭakammaṭṭhānatā. Pubbayogāvacarassa hi paṭisambhidā visadā honti.
เอเตสุ ปน ปริยตฺติ, สวนํ, ปริปุจฺฉาติ อิมานิ ตีณิ ปเภทเสฺสว พลวการณานิ, ปุพฺพโยโค อธิคมสฺส พลวปจฺจโยฯ ปเภทสฺส โหติ น โหตีติ? โหติ, น ปน ยถา อธิคมสฺส พลวปจฺจโย โหติ, ตถา ปเภทสฺสฯ ปริยตฺติสวนปริปุจฺฉา หิ ปุเพฺพ โหนฺตุ วา มา วา, ปุพฺพโยเคน ปน ปุเพฺพ เจว เอตรหิ จ สงฺขารสมฺมสนํ วินา ปฎิสมฺภิทาธิคโม นาม นตฺถิฯ อิเม ปน เทฺวปิ เอกโต หุตฺวา ปฎิสมฺภิทา อุปตฺถเมฺภตฺวา วิสทา โหนฺตีติฯ
Etesu pana pariyatti, savanaṃ, paripucchāti imāni tīṇi pabhedasseva balavakāraṇāni, pubbayogo adhigamassa balavapaccayo. Pabhedassa hoti na hotīti? Hoti, na pana yathā adhigamassa balavapaccayo hoti, tathā pabhedassa. Pariyattisavanaparipucchā hi pubbe hontu vā mā vā, pubbayogena pana pubbe ceva etarahi ca saṅkhārasammasanaṃ vinā paṭisambhidādhigamo nāma natthi. Ime pana dvepi ekato hutvā paṭisambhidā upatthambhetvā visadā hontīti.
วิภตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhattisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. วิภตฺติสุตฺตํ • 2. Vibhattisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. วิภตฺติสุตฺตวณฺณนา • 2. Vibhattisuttavaṇṇanā