Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā

    ๒. วิจยหารสมฺปาตวณฺณนา

    2. Vicayahārasampātavaṇṇanā

    ๕๓. กุสลธมฺมารมฺมณาติ กุสลธเมฺม อุทฺทิสฺส ปวตฺติมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เตสํ อารมฺมณปจฺจยตํ อิธ ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติ โลกุตฺตรธมฺมานํ อธิเปฺปตตฺตาฯ น หิ กทาจิ อนุปาทานิยา ธมฺมา อุปาทานารมฺมณา โหนฺติฯ ผลธเมฺม อุทฺทิสฺส ปวตฺตาย ตณฺหาย คหิตตฺตา ‘‘กุสล…เป.… ทฎฺฐโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ เทสนาหาเรติ เทสนาหารสมฺปาเตฯ กถํ ปน กุสลภาโวติ ‘‘กุสลา’’ติ วจนมตฺตํ คเหตฺวา โจเทติ, ตญฺจ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ, ปหานเหตุภาโวปิสฺสา สิยา โจทเกน สมฺปฎิจฺฉิโตวฯ ‘‘มาโนปิ ทุวิโธ’’ติอาทินา มานสฺส จ ตสฺสา ตณฺหาย จ เสวิตพฺพภาโว อกุสลานํ ปหานาย, กุสลานํ อุปฺปตฺติยา จ ปจฺจยภาวโตฯ

    53.Kusaladhammārammaṇāti kusaladhamme uddissa pavattimattaṃ sandhāya vuttaṃ, na tesaṃ ārammaṇapaccayataṃ idha ‘‘kusalā dhammā’’ti lokuttaradhammānaṃ adhippetattā. Na hi kadāci anupādāniyā dhammā upādānārammaṇā honti. Phaladhamme uddissa pavattāya taṇhāya gahitattā ‘‘kusala…pe… daṭṭhabbo’’ti vuttaṃ. Desanāhāreti desanāhārasampāte. Kathaṃ pana kusalabhāvoti ‘‘kusalā’’ti vacanamattaṃ gahetvā codeti, tañca nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ, pahānahetubhāvopissā siyā codakena sampaṭicchitova. ‘‘Mānopi duvidho’’tiādinā mānassa ca tassā taṇhāya ca sevitabbabhāvo akusalānaṃ pahānāya, kusalānaṃ uppattiyā ca paccayabhāvato.

    เนกฺขมฺมสฺสิตํ โทมนสฺสํ นาม ‘‘อริยภูมิํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อนุโสจโต อุปฺปนฺนํ โทมนสฺสนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอวนฺติ อิมินา ปาฬิยํ วุตฺตปฺปกาเรน, ปิหํ อุปฎฺฐเปตฺวา ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวาติ โยชนาฯ อิฎฺฐารมฺมณเญฺจตฺถ ยถาวุตฺตอนุโสจนโทมนสฺสุปฺปตฺตีนํ ยถาภินิวิฎฺฐสฺส อารมฺมณสฺส อนิฎฺฐตายาติ ทสฺสนตฺถํฯ ‘‘กถํ เนกฺขมฺมวเสนา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘วิปสฺสนาวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิปสฺสนาทิวินิมุตฺตา วา ปฐมชฺฌานาทิวเสน วุตฺตา กุสลา ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํฯ อนุสฺสติคฺคหเณน อุปจารชฺฌานเมว คหิตนฺติ ‘‘ปฐมชฺฌานาทิวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ อาทิสเทฺทน ทุติยชฺฌานโต ปฎฺฐาย ยาว อคฺคผลา อุปริวิเสสา สงฺคหิตาฯ ยาย ปญฺญาวิมุตฺติยาฯ

    Nekkhammassitaṃ domanassaṃ nāma ‘‘ariyabhūmiṃ pāpuṇituṃ nāsakkhi’’nti anusocato uppannaṃ domanassanti sambandho. Evanti iminā pāḷiyaṃ vuttappakārena, pihaṃ upaṭṭhapetvā chasu dvāresu iṭṭhārammaṇe āpāthagate aniccādivasena vipassanaṃ paṭṭhapetvāti yojanā. Iṭṭhārammaṇañcettha yathāvuttaanusocanadomanassuppattīnaṃ yathābhiniviṭṭhassa ārammaṇassa aniṭṭhatāyāti dassanatthaṃ. ‘‘Kathaṃ nekkhammavasenā’’ti padassa atthaṃ vivarituṃ ‘‘vipassanāvasenā’’tiādi vuttaṃ. Vipassanādivinimuttā vā paṭhamajjhānādivasena vuttā kusalā dhammā idha nekkhammaṃ. Anussatiggahaṇena upacārajjhānameva gahitanti ‘‘paṭhamajjhānādivasenā’’ti vuttaṃ. Ādisaddena dutiyajjhānato paṭṭhāya yāva aggaphalā uparivisesā saṅgahitā. Yāya paññāvimuttiyā.

    อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวนาติ อุเปกฺขาชนิตสติปาริสุทฺธิสพฺภาเวนฯ กมฺมโยคฺคนฺติ วิปสฺสนาภาวนาทิกมฺมสฺส โยคฺคํ อนุรูปํ อนุจฺฉวิกํฯ อสฺสทฺธิเยติ อสฺสทฺธิยเหตุ, ‘‘อสฺสทฺธิเยนา’’ติปิ ปฐนฺติ, โส เอวโตฺถฯ โอภาสคตนฺติ ญาโณภาสคตํฯ กามํ ปุเพฺพปิ ปญฺญา วุตฺตา, อสฺสทฺธิยาทีหิ ปน อเญฺญสํ กิเลสานํ วิธมนมฺปิ ปญฺญาย เอว โหติ, สา จ เอวํภูตาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘โอภาสคตํ กิเลสนฺธกาเร น อิญฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Upekkhāsatipārisuddhibhāvenāti upekkhājanitasatipārisuddhisabbhāvena. Kammayogganti vipassanābhāvanādikammassa yoggaṃ anurūpaṃ anucchavikaṃ. Assaddhiyeti assaddhiyahetu, ‘‘assaddhiyenā’’tipi paṭhanti, so evattho. Obhāsagatanti ñāṇobhāsagataṃ. Kāmaṃ pubbepi paññā vuttā, assaddhiyādīhi pana aññesaṃ kilesānaṃ vidhamanampi paññāya eva hoti, sā ca evaṃbhūtāti dassanatthaṃ ‘‘obhāsagataṃ kilesandhakāre na iñjatī’’ti vuttaṃ.

    โกโป โกโธฯ อปฺปจฺจโย โทมนสฺสํฯ อิทฺธิวิธญาณาทิกา ฉ อภิญฺญา ปากฎา เอวาติ ‘‘เทฺว จ วิเสเส’’ติ วุตฺตธเมฺม ทเสฺสตุํ ‘‘มโนมยิทฺธิ, วิปสฺสนาญาณญฺจา’’ติ อาหฯ องฺคณานิ ราคาทโยฯ อุปกฺกิเลสา อภิชฺฌาวิสมโลภาทโยฯ อนุโลมนํ ตเทกฎฺฐตาฯ ผนฺทนา ทุพฺพลา วิเกฺขปปฺปวตฺติฯ พลวตี อนวฎฺฐานํฯ สโพฺพ มิจฺฉาภินิเวโส อโยนิโสมนสิกาเรน โหติ, มิจฺฉาวิตเกฺกน จฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลจิตฺตุปฺปาโท ตปฺปริยาปโนฺน มิจฺฉาวิตโกฺก วิเกฺขปสหิโต เอวาติ วุตฺตํ ‘‘มิจฺฉาภินิเวสเหตุตาย ทิฎฺฐิปโกฺข’’ติ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘วิตโกฺกปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํ, อโยนิโส มนสิกาโรปิ ทิฎฺฐิฎฺฐาน’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๒๔)ฯ

    Kopo kodho. Appaccayo domanassaṃ. Iddhividhañāṇādikā cha abhiññā pākaṭā evāti ‘‘dve ca visese’’ti vuttadhamme dassetuṃ ‘‘manomayiddhi, vipassanāñāṇañcā’’ti āha. Aṅgaṇāni rāgādayo. Upakkilesā abhijjhāvisamalobhādayo. Anulomanaṃ tadekaṭṭhatā. Phandanā dubbalā vikkhepappavatti. Balavatī anavaṭṭhānaṃ. Sabbo micchābhiniveso ayonisomanasikārena hoti, micchāvitakkena ca. Tattha ayonisomanasikāro akusalacittuppādo tappariyāpanno micchāvitakko vikkhepasahito evāti vuttaṃ ‘‘micchābhinivesahetutāya diṭṭhipakkho’’ti vuttañhetaṃ ‘‘vitakkopi diṭṭhiṭṭhānaṃ, ayoniso manasikāropi diṭṭhiṭṭhāna’’nti (paṭi. ma. 1.124).

    อถ วา อิญฺชนาติ ผนฺทนา, ทิฎฺฐปริตฺตาโสฯ ยถาห ‘‘ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย)ฯ อฎฺฐิตีติ อนวฎฺฐานํ, ทิฎฺฐิวิตโกฺกฯ เตน หิ ปุถุชฺชโน กาเล สสฺสตํ, กาเล อุเจฺฉทนฺติ ตํ ตํ ทิฎฺฐิคฺคหณํ ปกฺขนฺทโนฺต สตฺตโต ปริพฺภฎฺฐอโนฺธ วิย, สมุเทฺท วิสฺสฎฺฐวาหนิกา วิย, ยเนฺต ยุตฺตโคโณ วิย จ ตถา ตถา ปริพฺภมติฯ เตนาห ‘‘ทิฎฺฐิโยปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานํ, วิตโกฺกปิ ทิฎฺฐิฎฺฐาน’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๒๔) จฯ เอตสฺมิญฺจ ปเกฺข มิจฺฉาภินิเวสตาย, มิจฺฉาภินิเวสเหตุตาย จ ตสฺสา เทฺว ปกฺขาติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ เวทิตพฺพํฯ

    Atha vā iñjanāti phandanā, diṭṭhaparittāso. Yathāha ‘‘tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditamevā’’ti (dī. ni. 1.105 ādayo). Aṭṭhitīti anavaṭṭhānaṃ, diṭṭhivitakko. Tena hi puthujjano kāle sassataṃ, kāle ucchedanti taṃ taṃ diṭṭhiggahaṇaṃ pakkhandanto sattato paribbhaṭṭhaandho viya, samudde vissaṭṭhavāhanikā viya, yante yuttagoṇo viya ca tathā tathā paribbhamati. Tenāha ‘‘diṭṭhiyopi diṭṭhiṭṭhānaṃ, vitakkopi diṭṭhiṭṭhāna’’nti (paṭi. ma. 1.124) ca. Etasmiñca pakkhe micchābhinivesatāya, micchābhinivesahetutāya ca tassā dve pakkhāti ekadesasarūpekaseso katoti veditabbaṃ.

    ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ‘‘โส อุปริม’’นฺติอาทิปาฬิยํ สมฺพนฺธํ ทเสฺสติฯ ปฎิฆสญฺญาติ ภุมฺมเตฺถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฎิฆ…เป.… สญฺญาสู’’ติ อาหฯ รูปาวจรสญฺญาติ สญฺญาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ วทติฯ นานตฺตสญฺญาติ นานาสภาวา, นานาสภาเว วา อารมฺมเณ สญฺญาฯ ฐเปตฺวา ปฎิฆสญฺญา อวสิฎฺฐกามาวจรสญฺญา เหตาฯ ตา สมติกฺกมตีติ ตา รูปสญฺญานานตฺตสญฺญาโย อารมฺมเณหิ สทฺธิํ สมฺมเทว อติกฺกมติฯ

    ‘‘Eva’’ntiādinā ‘‘so uparima’’ntiādipāḷiyaṃ sambandhaṃ dasseti. Paṭighasaññāti bhummatthe paccattavacananti dassento ‘‘paṭigha…pe… saññāsū’’ti āha. Rūpāvacarasaññāti saññāsīsena rūpāvacarajjhānāni vadati. Nānattasaññāti nānāsabhāvā, nānāsabhāve vā ārammaṇe saññā. Ṭhapetvā paṭighasaññā avasiṭṭhakāmāvacarasaññā hetā. Tā samatikkamatīti tā rūpasaññānānattasaññāyo ārammaṇehi saddhiṃ sammadeva atikkamati.

    รูปาวจรชฺฌาโนภาโสปิ กสิณารมฺมณาฯ กสิณนิสฺสโนฺท หิ อารุปฺปชฺฌานุปฺปตฺติฯ ทสฺสนนฺติ กสิณรูปานํ ทสฺสนํฯ อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปหาเนน สทฺธิํ วีริยารโมฺภ อุปการโก สมโถ สติปสฺสทฺธิโย ปริกฺขารงฺคตา วุตฺตา เอวฯ สติรหิตํ สมฺมสนํ นาม นตฺถีติ ‘‘ยา อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐา, อยํ วิปสฺสนา’’ติ วุตฺตํฯ เตน สติสีเสน วิปสฺสนา คหิตาติ ทเสฺสติฯ สโมฺมสานํ ปหานมาหาติ สมฺพโนฺธฯ

    Rūpāvacarajjhānobhāsopi kasiṇārammaṇā. Kasiṇanissando hi āruppajjhānuppatti. Dassananti kasiṇarūpānaṃ dassanaṃ. Abhijjhābyāpādappahānena saddhiṃ vīriyārambho upakārako samatho satipassaddhiyo parikkhāraṅgatā vuttā eva. Satirahitaṃ sammasanaṃ nāma natthīti ‘‘yā upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā, ayaṃ vipassanā’’ti vuttaṃ. Tena satisīsena vipassanā gahitāti dasseti. Sammosānaṃ pahānamāhāti sambandho.

    ๕๔. ปจฺจุปฺปนฺนสุขอายติสุขวิปากกิริยนิรามิสอกาปุริสเสวิตภาเวหิ เอว เสสา ปาฬิยํ เอตสฺส สมาธิสฺส สนฺตปณีตตาทิวิเสสา วุตฺตา, เตปิ อิธ สงฺคหิตาติ เตสํ ปทานํ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘องฺคสนฺตตายา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ องฺคสนฺตตายาติ ผลฌานงฺคานํ อุปสนฺตตายฯ กิเลสทรถสนฺตตายาติ กิเลสทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยาฯ ปณีโตติ อุฬาโรฯ เอโกทิภาเวนาติ มคฺคสมาธิสงฺขาเตน เอโกทิภาเวนฯ เอโกทิภาวนฺติ สมาธานํฯ โลกิยสมาธิสฺส ปจฺจนีกนีวรณปฐมชฺฌานนิกนฺติอาทีนิ นิคฺคเหตพฺพานิ, อเญฺญ จ กิเลสา วาเรตพฺพาฯ อิมสฺส ปน อรหตฺตสมาธิสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธกิเลสตฺตา น นิคฺคเหตพฺพํ, วาเรตพฺพญฺจ อตฺถีติ โส มคฺคานนฺตรํ สมาปตฺติกฺขเณว อปฺปโยเคเนว อธิคตตฺตา, ฐิตตฺตา จ อปริหานิวเสน วา อธิคตตฺตา นสสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต

    54. Paccuppannasukhaāyatisukhavipākakiriyanirāmisaakāpurisasevitabhāvehi eva sesā pāḷiyaṃ etassa samādhissa santapaṇītatādivisesā vuttā, tepi idha saṅgahitāti tesaṃ padānaṃ atthaṃ dassento ‘‘aṅgasantatāyā’’tiādimāha. Tattha aṅgasantatāyāti phalajhānaṅgānaṃ upasantatāya. Kilesadarathasantatāyāti kilesadarathapaṭippassaddhiyā. Paṇītoti uḷāro. Ekodibhāvenāti maggasamādhisaṅkhātena ekodibhāvena. Ekodibhāvanti samādhānaṃ. Lokiyasamādhissa paccanīkanīvaraṇapaṭhamajjhānanikantiādīni niggahetabbāni, aññe ca kilesā vāretabbā. Imassa pana arahattasamādhissa paṭippassaddhakilesattā na niggahetabbaṃ, vāretabbañca atthīti so maggānantaraṃ samāpattikkhaṇeva appayogeneva adhigatattā, ṭhitattā ca aparihānivasena vā adhigatattā nasasaṅkhāraniggayhavāritagato.

    ‘‘สติเวปุลฺลปฺปโตฺต’’ติ เอเตน อปฺปวตฺตมานายปิ สติยา สติพหุลตาย สโต เอว นามาติ ทเสฺสติฯ ‘‘ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสนา’’ติ เอเตน ปริจฺฉินฺนสติยา สโตติ ทเสฺสติฯ

    ‘‘Sativepullappatto’’ti etena appavattamānāyapi satiyā satibahulatāya sato eva nāmāti dasseti. ‘‘Yathāparicchinnakālavasenā’’ti etena paricchinnasatiyā satoti dasseti.

    วกฺขมาเนนาติ ‘‘ปีติผรณา’’ติอาทินา อนนฺตรํ วกฺขมาเนนฯ ‘‘ปีติผรณตา’’ติ ปน ปาฬิ อาคตาฯ ตํ ‘‘ปญฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) สมาธิองฺคภาเวน ปญฺญา อุทฺทิฎฺฐาติ กตฺวา วุตฺตํฯ ตโต เอว อฎฺฐกถายํ ‘‘ปีติผรณตา’’ติอาทีนญฺจ อตฺถสํวณฺณนา กตาฯ ตตฺถ ‘‘โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสเนฺทตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖) นเยน ปีติยา, สุขสฺส จ ผรณํ เวทิตพฺพํฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Vakkhamānenāti ‘‘pītipharaṇā’’tiādinā anantaraṃ vakkhamānena. ‘‘Pītipharaṇatā’’ti pana pāḷi āgatā. Taṃ ‘‘pañcaṅgiko sammāsamādhī’’ti (dī. ni. 3.355) samādhiaṅgabhāvena paññā uddiṭṭhāti katvā vuttaṃ. Tato eva aṭṭhakathāyaṃ ‘‘pītipharaṇatā’’tiādīnañca atthasaṃvaṇṇanā katā. Tattha ‘‘so imameva kāyaṃ vivekajena pītisukhena abhisandetī’’tiādinā (dī. ni. 1.226) nayena pītiyā, sukhassa ca pharaṇaṃ veditabbaṃ. Sesaṃ suviññeyyameva.

    สมาธิวเสน สมโถ อุทฺธโฎติ สภาววเสน สมโถ อุทฺธโฎ, น อุปการกธมฺมวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ

    Samādhivasena samatho uddhaṭoti sabhāvavasena samatho uddhaṭo, na upakārakadhammavasenāti adhippāyo.

    ๕๕. ราคปฎิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส ‘‘อธิจิตฺตสิกฺขาย สิกฺขโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ วุตฺตนยานุสาเรนาติ ‘‘สุขปณิธิอาทิสมุคฺฆาฎเนน อปฺปณิหิโต’’ติอาทินาฯ เอตฺถ จ สงฺขารานํ ขณภงฺคุรตํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตสฺส น ราโค ปติฎฺฐํ ลภตีติ อนิจฺจานุปสฺสนา ราคจริตสฺส สปฺปายา วุตฺตา, ตถา สงฺขารานํ สภาวทุกฺขตํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตสฺส ปกติยาปิ ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขุปฺปาทนํ วเณ ขาโรทกเสกสทิสนฺติ น โทโส ปติฎฺฐํ ลภตีติ ทุกฺขานุปสฺสนา โทสจริตสฺส สปฺปายา วุตฺตา, ตถา สงฺขาเรสุ สมฺมเทว ฆนวินิโพฺภเค กเต อตฺตสุญฺญตาย อุปฎฺฐหมานาย น โมโห ปติฎฺฐํ ลภตีติ อนตฺตานุปสฺสนา โมหจริตสฺส สปฺปายา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ ราคปฎิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส ‘‘อธิจิตฺตสิกฺขาย สิกฺขโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย อิตเรสุฯ เสสเมตฺถ สุวิเญฺญยฺยํฯ

    55. Rāgapaṭipakkhattā samādhissa ‘‘adhicittasikkhāya sikkhanto’’ti vuttaṃ. Vuttanayānusārenāti ‘‘sukhapaṇidhiādisamugghāṭanena appaṇihito’’tiādinā. Ettha ca saṅkhārānaṃ khaṇabhaṅgurataṃ sammadeva passantassa na rāgo patiṭṭhaṃ labhatīti aniccānupassanā rāgacaritassa sappāyā vuttā, tathā saṅkhārānaṃ sabhāvadukkhataṃ sammadeva passantassa pakatiyāpi dukkhitesu dukkhuppādanaṃ vaṇe khārodakasekasadisanti na doso patiṭṭhaṃ labhatīti dukkhānupassanā dosacaritassa sappāyā vuttā, tathā saṅkhāresu sammadeva ghanavinibbhoge kate attasuññatāya upaṭṭhahamānāya na moho patiṭṭhaṃ labhatīti anattānupassanā mohacaritassa sappāyā vuttāti veditabbaṃ. Rāgapaṭipakkhattā samādhissa ‘‘adhicittasikkhāya sikkhanto’’ti vuttaṃ. Esa nayo itaresu. Sesamettha suviññeyyaṃ.

    ขนฺติพหุโล อุปฺปนฺนํ อรติํ อนภิรติํ อภิภุยฺย วิหรโนฺต สุเขน สมาธิํ อธิคจฺฉตีติ ขนฺติปฺปธานตาปิ สมถปกฺขภชนสฺส การณํ วุตฺตาฯ อุฎฺฐานํ สมฺปชฺชตีติ สมฺปนฺนกายิกวีริยํฯ สมฺมากมฺมนฺตวายามานํ โย กายิกาทิวิกโปฺป วุโตฺต ปาฬิยํ, โส เนสํ กายิกสฺส ปโยคสฺส สมุฎฺฐานวเสน เวทิตโพฺพฯ

    Khantibahulo uppannaṃ aratiṃ anabhiratiṃ abhibhuyya viharanto sukhena samādhiṃ adhigacchatīti khantippadhānatāpi samathapakkhabhajanassa kāraṇaṃ vuttā. Uṭṭhānaṃ sampajjatīti sampannakāyikavīriyaṃ. Sammākammantavāyāmānaṃ yo kāyikādivikappo vutto pāḷiyaṃ, so nesaṃ kāyikassa payogassa samuṭṭhānavasena veditabbo.

    ‘‘ขิปฺปาธิคโม’’ติ อิมินา มคฺคาเสวนภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘วิปสฺสนาย วิมุตฺตาธิคโม’’ติ อิมินา วิปสฺสนานุภาเวน สมุเจฺฉทวิมุตฺติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ วิย สมถานุภาเวนาติ ทเสฺสติฯ โลกิเยหีติ นิสฺสกฺกวจนํฯ มหนฺตานนฺติ อุฬารานํ, ปณีตานนฺติ อโตฺถฯ

    ‘‘Khippādhigamo’’ti iminā maggāsevanabhāvaṃ dasseti. ‘‘Vipassanāya vimuttādhigamo’’ti iminā vipassanānubhāvena samucchedavimutti vikkhambhanavimutti viya samathānubhāvenāti dasseti. Lokiyehīti nissakkavacanaṃ. Mahantānanti uḷārānaṃ, paṇītānanti attho.

    ๕๖. นฺติ วิจยหารํฯ วิสํวาทนเหตูนํ โลภาทีนํ ปาปธมฺมานํฯ โสเธโนฺตติ ยถา สรณาทิวิสยา อญฺญาณาทิสํกิเลสา น ปวตฺตนฺติ, เอวํ โสเธโนฺตฯ ปริปูเรนฺตาติ ยถา สีลํ อขณฺฑาทิภาเวน ปริปุณฺณํ โหติ อนูนํ, เอวํ ปริปูเรนฺตาฯ

    56.Tanti vicayahāraṃ. Visaṃvādanahetūnaṃ lobhādīnaṃ pāpadhammānaṃ. Sodhentoti yathā saraṇādivisayā aññāṇādisaṃkilesā na pavattanti, evaṃ sodhento. Paripūrentāti yathā sīlaṃ akhaṇḍādibhāvena paripuṇṇaṃ hoti anūnaṃ, evaṃ paripūrentā.

    ‘‘ตถา ปฎิปชฺชโนฺต’’ติ อิมินา สตฺถุ มหาปติการภาโว ปริปุโณฺณ ทสฺสิโตติ ปฐมวาเท ‘‘ทสฺสนาภูมิญฺจ ภาวนาภูมิญฺจา’’ติ วุตฺตํฯ

    ‘‘Tathāpaṭipajjanto’’ti iminā satthu mahāpatikārabhāvo paripuṇṇo dassitoti paṭhamavāde ‘‘dassanābhūmiñca bhāvanābhūmiñcā’’ti vuttaṃ.

    ยสฺส อตฺถายาติ ยสฺส ยสฺส ปหานตฺถายฯ ตถา ปฎิปนฺนสฺสาติ ยถา อสุภชฺฌานาทิํ ปาทกํ กตฺวา อนาคามิมคฺคาทิอธิคโม โหติ, ตถา ปฎิปนฺนสฺสฯ

    Yassa atthāyāti yassa yassa pahānatthāya. Tathā paṭipannassāti yathā asubhajjhānādiṃ pādakaṃ katvā anāgāmimaggādiadhigamo hoti, tathā paṭipannassa.

    วธิตนฺติ ฆาติตํฯ

    Vadhitanti ghātitaṃ.

    ‘‘มนุสฺสภูโต’’ติ อิทํ ปุพฺพาปราเปกฺขํ กตฺวา ‘‘ปิตา มนุสฺสภูโต ขีณาสโว’’ติ จ ตถา ‘‘มาตา มนุสฺสภูตา’’ติ โยเชตพฺพํฯ เภทานุรูปสฺส สาวนํ อนุสฺสาวนํ, เภทานุรูเปน วา วจเนน วิญฺญาปนํฯ

    ‘‘Manussabhūto’’ti idaṃ pubbāparāpekkhaṃ katvā ‘‘pitā manussabhūto khīṇāsavo’’ti ca tathā ‘‘mātā manussabhūtā’’ti yojetabbaṃ. Bhedānurūpassa sāvanaṃ anussāvanaṃ, bhedānurūpena vā vacanena viññāpanaṃ.

    ๕๗. มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสชาติตาฯ ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโวฯ เหตูติ มโนวจีปณิธานสิทฺธิยา สทฺธิํ ปุพฺพเหตุสมฺปทาฯ สตฺถารทสฺสนนฺติ สตฺถุ สมฺมุขีภาโวฯ คุณสมฺปตฺตีติ อภิญฺญาสมาปตฺติลาโภฯ อธิกาโรติ อตฺตโน สรีรนิรเปกฺขํ สตฺถุ อุปการกรณํฯ ฉนฺทตาติ พุทฺธภาวาย ทฬฺหจฺฉนฺทตา อนิวตฺติธมฺมตาฯ

    57.Manussattanti manussajātitā. Liṅgasampattīti purisabhāvo. Hetūti manovacīpaṇidhānasiddhiyā saddhiṃ pubbahetusampadā. Satthāradassananti satthu sammukhībhāvo. Guṇasampattīti abhiññāsamāpattilābho. Adhikāroti attano sarīranirapekkhaṃ satthu upakārakaraṇaṃ. Chandatāti buddhabhāvāya daḷhacchandatā anivattidhammatā.

    น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถีติ ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; กถา. ๔๐๕; มหาว. ๑๑; มิ. ป. ๔.๕.๑๑) อิมิสฺสา โลกธาตุยา ฐตฺวา วทเนฺตน ภควตา ‘‘กิํ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อเตฺถตรหิ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควโต สมสโม สโมฺพธิยนฺติ เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘โน’ติ วเทยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) วตฺวา ตสฺส การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; อ. นิ. ๑.๒๗๗) อิมํ สุตฺตํ ทเสฺสเนฺตน ธมฺมเสนาปตินาว พุทฺธเขตฺตภูตํ อิมํ โลกธาตุํ ฐเปตฺวา อญฺญตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Na uppajjantīti pana atthīti ‘‘na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjatī’’tiādi (ma. ni. 1.285; 2.341; kathā. 405; mahāva. 11; mi. pa. 4.5.11) imissā lokadhātuyā ṭhatvā vadantena bhagavatā ‘‘kiṃ panāvuso sāriputta, atthetarahi añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavato samasamo sambodhiyanti evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘no’ti vadeyya’’nti (dī. ni. 3.161) vatvā tassa kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘aṭṭhānametaṃ anavakāso, yaṃ ekissā lokadhātuyā dve arahanto sammāsambuddhā’’ti (dī. ni. 3.161; a. ni. 1.277) imaṃ suttaṃ dassentena dhammasenāpatināva buddhakhettabhūtaṃ imaṃ lokadhātuṃ ṭhapetvā aññattha anuppatti vuttā hotīti adhippāyo.

    เขตฺตปริคฺคโห กโต นาม โหติ ‘‘อิทํ พุทฺธเขตฺตํ นามา’’ติฯ

    Khettapariggaho kato nāma hoti ‘‘idaṃ buddhakhettaṃ nāmā’’ti.

    เอวํ ฐานาฎฺฐานภาวํ คตาติ วุตฺตปฺปกาเรน ฐานภูตา, วุตฺตนเยน วา อเญฺญปิ ยถารหํ ฐานาฎฺฐานภาเวน ปวตฺตาฯ สตฺตปญฺญตฺติยา อุปาทานภูตาติ อินฺทฺริยพเทฺธ ขเนฺธ สนฺธาย วทติฯ

    Evaṃ ṭhānāṭṭhānabhāvaṃ gatāti vuttappakārena ṭhānabhūtā, vuttanayena vā aññepi yathārahaṃ ṭhānāṭṭhānabhāvena pavattā. Sattapaññattiyā upādānabhūtāti indriyabaddhe khandhe sandhāya vadati.

    ๕๘. ผลสฺส ปจฺจกฺขการิตาติ ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส อิทํ ผล’’นฺติ ตํตํกมฺมผลาวโพโธฯ อปฺปทานาภาโวติ ปจฺจยสมวาเย กมฺมสฺส เอกนฺตโต ผลุปฺปาทนํฯ เตนาห ‘‘กตูปจิตาน’’นฺติฯ

    58.Phalassapaccakkhakāritāti ‘‘imassa kammassa idaṃ phala’’nti taṃtaṃkammaphalāvabodho. Appadānābhāvoti paccayasamavāye kammassa ekantato phaluppādanaṃ. Tenāha ‘‘katūpacitāna’’nti.

    ๕๙. อโชฺฌสิตวตฺถุนาติ ตณฺหาภินิเวสวเสน อภินิวิฎฺฐวตฺถุนาฯ รูปภวอรูปภวาทินาติ ภวตณฺหา วิย สยํ ทเสฺสติฯ

    59.Ajjhositavatthunāti taṇhābhinivesavasena abhiniviṭṭhavatthunā. Rūpabhavaarūpabhavādināti bhavataṇhā viya sayaṃ dasseti.

    ขนฺธตฺตยวเสนาติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยวเสนฯ ปฎิปทาวิภาเคนาติ ‘‘สพฺพตฺถคามินี’’ติ อาทิปฎิปทาย เภเทนฯ

    Khandhattayavasenāti sīlādikkhandhattayavasena. Paṭipadāvibhāgenāti ‘‘sabbatthagāminī’’ti ādipaṭipadāya bhedena.

    ตตฺถตตฺถคามินีติ นิรยาทินิพฺพานนฺติ ทฺวีสุ คนฺธพฺพฎฺฐาเนสุ ตตฺถ ตเตฺถว คมนสีลาฯ สพฺพตฺถคามินีติ ยถาวุเตฺตสุ สพฺพฎฺฐาเนสุ จ คมนสีลาฯ

    Tatthatatthagāminīti nirayādinibbānanti dvīsu gandhabbaṭṭhānesu tattha tattheva gamanasīlā. Sabbatthagāminīti yathāvuttesu sabbaṭṭhānesu ca gamanasīlā.

    สญฺชีโว กาฬสุตฺตํ สงฺฆาโต โรรุโว มหาโรรุโว ตาปโน มหาตาปโน อวีจีติ เอเต อฎฺฐ มหานิรยาฯ เอเกกสฺส จตฺตาริ จตฺตาริ ทฺวารานิ, เอเกกสฺมิํ ทฺวาเร จตฺตาโร จตฺตาโร คูถนิรยาทโยติ เอวํ โสฬส อุสฺสทนิรเย วเณฺณนฺติฯ

    Sañjīvo kāḷasuttaṃ saṅghāto roruvo mahāroruvo tāpano mahātāpano avīcīti ete aṭṭha mahānirayā. Ekekassa cattāri cattāri dvārāni, ekekasmiṃ dvāre cattāro cattāro gūthanirayādayoti evaṃ soḷasa ussadaniraye vaṇṇenti.

    สกฺกสุยามาทิโก เชฎฺฐกเทวราชาฯ ปชาปติวรุณอีสานาทโย วิย ทุติยาทิฎฺฐานนฺตรการโก ปริจารโก

    Sakkasuyāmādiko jeṭṭhakadevarājā. Pajāpativaruṇaīsānādayo viya dutiyādiṭṭhānantarakārako paricārako.

    กิเลสกามปเกฺขติ ‘‘สงฺกโปฺป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโมติ (มหานิ. ๑) เอตฺถ วุตฺตสงฺกปฺปวเสน วุตฺตํฯ โสปิ หิ วิพาธติ, อุปตาเปติ จาติ กิเลสตฺตสมฺภวโต กิเลสกาโม วุโตฺต, น กิเลสวตฺถุภาวโตฯ กามปฎิสํยุโตฺตติ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุโตฺต, กามปฎิพโทฺธ วาฯ อเญฺญสุ จ กามปฎิสํยุเตฺตสุ ธเมฺมสุ วิชฺชมาเนสุ วิตเกฺก เอว กามสโทฺท ธาตุสโทฺท นิรุโฬฺหติ เวทิตโพฺพ วิตกฺกสฺส กามสงฺกปฺปวุตฺติยา สาติสยตฺตาฯ เอส นโย พฺยาปาทธาตุอาทีสุฯ ปรสฺส, อตฺตโน จ ทุกฺขาปนํ วิหิํสาฯ ตํ ตุ มิจฺฉาหิ วิหิํสาฯ

    Kilesakāmapakkheti ‘‘saṅkappo kāmo, rāgo kāmo, saṅkapparāgo kāmoti (mahāni. 1) ettha vuttasaṅkappavasena vuttaṃ. Sopi hi vibādhati, upatāpeti cāti kilesattasambhavato kilesakāmo vutto, na kilesavatthubhāvato. Kāmapaṭisaṃyuttoti kāmarāgasaṅkhātena kāmena sampayutto, kāmapaṭibaddho vā. Aññesu ca kāmapaṭisaṃyuttesu dhammesu vijjamānesu vitakke eva kāmasaddo dhātusaddo niruḷhoti veditabbo vitakkassa kāmasaṅkappavuttiyā sātisayattā. Esa nayo byāpādadhātuādīsu. Parassa, attano ca dukkhāpanaṃ vihiṃsā. Taṃ tu micchāhi vihiṃsā.

    พีชาทิธาตุนานตฺตวเสน ขนฺธาทินานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ ขโนฺธติ ทฺวิธาภูตโคฺคฯ

    Bījādidhātunānattavasena khandhādinānattaṃ veditabbaṃ. Khandhoti dvidhābhūtaggo.

    ๖๐. อชฺฌาสยธาตูติ อชฺฌาสยสภาโวฯ ยถา คูถาทีนํ สภาโว เอโส ยํ คูถาทีเหว สํสนฺทติ, เอวํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยเสฺสเวส สภาโว, ยํ ทุสฺสีลาทโย ทุสฺสีลาทิเกเหว สํสนฺทนฺติฯ

    60.Ajjhāsayadhātūti ajjhāsayasabhāvo. Yathā gūthādīnaṃ sabhāvo eso yaṃ gūthādīheva saṃsandati, evaṃ puggalānaṃ ajjhāsayassevesa sabhāvo, yaṃ dussīlādayo dussīlādikeheva saṃsandanti.

    สทฺธามูลกตฺตา กุสลกิริยาย วุตฺตํ ‘‘ยํ สทฺธาวเสนา’’ติอาทิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ (สุ. นิ. ๗๗)ฯ ยํ โลภวเสน, สทฺธาวเสน จ โทสวเสน, สทฺธาวเสน จ โมหวเสน , สทฺธาวเสน จาติ โยเชตพฺพํฯ วีริยวเสนาติ สมฺมปฺปธานวีริยวเสนฯ ปญฺญาวเสนาติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิวเสนฯ

    Saddhāmūlakattā kusalakiriyāya vuttaṃ ‘‘yaṃ saddhāvasenā’’tiādi. Tathā hi vuttaṃ ‘‘saddhā bīja’’nti (su. ni. 77). Yaṃ lobhavasena, saddhāvasena ca dosavasena, saddhāvasena ca mohavasena , saddhāvasena cāti yojetabbaṃ. Vīriyavasenāti sammappadhānavīriyavasena. Paññāvasenāti maggasammādiṭṭhivasena.

    อกุสลสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตาย ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา ‘‘วิปากาวรเณน นิวุต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ กมฺมาวรณาทีหิปิ นิวุตตาย อิจฺฉิตตฺตาฯ ตถา หิ ยถา เทวทตฺตํ โกกาลิกํ สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตนฺติ อุทาหฎํ, ยทิปิ ภควา ปฎิเวธสฺส อฎฺฐานตํ ทิสฺวา นิเพฺพธภาคิยเทสนํ น เทเสติ, วาสนาภาคิยํ ปน ตถารูปสฺส เทเสติ เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สจฺจปฺปฎิเวธ’’นฺติอาทิมาหฯ อชาตสตฺตุอาทีนนฺติ อาทิสเทฺทน สจฺจกาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺสาปิ ภควา อนาคเต วาสนตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สตฺถา หิ ‘‘อนาคเต ตมฺพปณฺณิทีเป สาสนํ ปติฎฺฐหิสฺสตี’’ติ ตตฺถายํ กุลฆเร นิพฺพโตฺต ปพฺพชิตฺวา กาฬพุทฺธรกฺขิตเตฺถโร นาม ปภินฺนปฎิสมฺภิโท มหาขีณาสโว ภวิสฺสตีติ อิทํ ทิสฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, โส จ ตถา อโหสีติฯ

    Akusalassa kammassa katokāsatāya pāḷiyaṃ vuttattā ‘‘vipākāvaraṇena nivuta’’nti vuttaṃ. Taṃ pana nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ kammāvaraṇādīhipi nivutatāya icchitattā. Tathā hi yathā devadattaṃ kokālikaṃ sunakkhattaṃ licchaviputtanti udāhaṭaṃ, yadipi bhagavā paṭivedhassa aṭṭhānataṃ disvā nibbedhabhāgiyadesanaṃ na deseti, vāsanābhāgiyaṃ pana tathārūpassa deseti evāti dassento ‘‘saccappaṭivedha’’ntiādimāha. Ajātasattuādīnanti ādisaddena saccakādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Tassāpi bhagavā anāgate vāsanatthāya dhammaṃ desesi. Satthā hi ‘‘anāgate tambapaṇṇidīpe sāsanaṃ patiṭṭhahissatī’’ti tatthāyaṃ kulaghare nibbatto pabbajitvā kāḷabuddharakkhitatthero nāma pabhinnapaṭisambhido mahākhīṇāsavo bhavissatīti idaṃ disvā dhammaṃ desesi, so ca tathā ahosīti.

    อสมฺปุเณฺณติ เอกนฺตโต วิปากทานสมตฺถตาวเสน ปาริปูริํ อนุปคเตฯ ทิฎฺฐุปนิสฺสยทิฎฺฐิสหคตสฺส กมฺมํ สนฺธาย ‘‘กเมฺม อสมฺปุเณฺณ’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘กิเลสนฺตราย มิสฺสกํ กมฺมนฺตรายํ ทเสฺสตฺวา’’ติฯ

    Asampuṇṇeti ekantato vipākadānasamatthatāvasena pāripūriṃ anupagate. Diṭṭhupanissayadiṭṭhisahagatassa kammaṃ sandhāya ‘‘kamme asampuṇṇe’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘kilesantarāya missakaṃ kammantarāyaṃ dassetvā’’ti.

    ๖๑. ทิฎฺฐิ ปเนตฺถ ปธานภาเวน ปาฬิยํ คหิตา สีลพฺพตปรามาสสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยถา ปุณฺณญฺจ โควติกํ, อเจลญฺจ กุกฺกุรวติก’’นฺติฯ อสมฺปุณฺณตฺตา เอว หิ ตสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานสฺส เตสํ ภควา ‘‘จตฺตาริมานิ, ปุณฺณ, กมฺมานี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๘๑) ธมฺมํ เทเสสิฯ ตาย จ เทสนาย เต ตํ ทิฎฺฐิํ ปฎินิสฺสชฺชิตฺวา สมฺมเตฺต ปติฎฺฐหิํสุฯ

    61. Diṭṭhi panettha padhānabhāvena pāḷiyaṃ gahitā sīlabbataparāmāsassa adhippetattā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘yathā puṇṇañca govatikaṃ, acelañca kukkuravatika’’nti. Asampuṇṇattā eva hi tassa micchādiṭṭhikammasamādānassa tesaṃ bhagavā ‘‘cattārimāni, puṇṇa, kammānī’’tiādinā (ma. ni. 2.81) dhammaṃ desesi. Tāya ca desanāya te taṃ diṭṭhiṃ paṭinissajjitvā sammatte patiṭṭhahiṃsu.

    ๖๒. ปคุณตาย โวทานํ ปคุณโวทานํฯ ตเทว ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา วุฎฺฐานํ นาม โหตีติ อาห ‘‘วุฎฺฐานํ ปคุณโวทาน’’นฺติฯ ภวงฺควุฎฺฐานํ ภวงฺคุปฺปตฺติฯ ภวงฺคจิเตฺต หิ อุปฺปเนฺน ตํสมงฺคิสมาปตฺติโต วุฎฺฐิโต นาม โหติฯ สญฺญาเวทยิตอปคโม เอว อปคมวิโมโกฺข

    62. Paguṇatāya vodānaṃ paguṇavodānaṃ. Tadeva paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhahitvā dutiyajjhānādiadhigamassa paccayattā vuṭṭhānaṃ nāma hotīti āha ‘‘vuṭṭhānaṃ paguṇavodāna’’nti. Bhavaṅgavuṭṭhānaṃ bhavaṅguppatti. Bhavaṅgacitte hi uppanne taṃsamaṅgisamāpattito vuṭṭhito nāma hoti. Saññāvedayitaapagamo eva apagamavimokkho.

    อิทํ วุฎฺฐานนฺติ อิทํ ยถาวุตฺตํ โกสลฺลํ วุฎฺฐานเหตุภาวโต วุฎฺฐานํฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘โวทานมฺปิ ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘)ฯ อิมาย ปน วุฎฺฐานปาฬิยา อสงฺคหิตตฺตา ‘‘นิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐานํ ปาฬิมุตฺตกวุฎฺฐานํ นามา’’ติ สโมฺมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๒๘) วุตฺตํฯ เย ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐาน’’นฺติ ปาฬิยํ นตฺถีติ วเทยฺยุํ, เต ‘‘นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) อิมาย ปาฬิยา ปฎิเสเธตพฺพาฯ

    Idaṃ vuṭṭhānanti idaṃ yathāvuttaṃ kosallaṃ vuṭṭhānahetubhāvato vuṭṭhānaṃ. Tathā hi vuttaṃ ‘‘vodānampi tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhāna’’nti (vibha. 828). Imāya pana vuṭṭhānapāḷiyā asaṅgahitattā ‘‘nirodhasamāpattiyā vuṭṭhānaṃ pāḷimuttakavuṭṭhānaṃ nāmā’’ti sammohavinodaniyaṃ (vibha. aṭṭha. 828) vuttaṃ. Ye pana ‘‘nirodhato phalasamāpattiyā vuṭṭhāna’’nti pāḷiyaṃ natthīti vadeyyuṃ, te ‘‘nirodhā vuṭṭhahantassa nevasaññānāsaññāyatanaṃ phalasamāpattiyā anantarapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.417) imāya pāḷiyā paṭisedhetabbā.

    ๖๓. อยํ จสฺส อาสโยติ เอตฺถ อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ เยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ปชานนํ วิภาเวตีติ เวทิตพฺพํฯ เอวญฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยญาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาญาณานํ วิสุํ พลตา จ สิทฺธา โหติฯ

    63.Ayaṃ cassa āsayoti ettha āsayajānanādinā yehi indriyehi yehi paroparehi sattā kalyāṇapāpāsayādikā honti, tesaṃ pajānanaṃ vibhāvetīti veditabbaṃ. Evañca katvā indriyaparopariyattaāsayānusayañāṇānaṃ visuṃ asādhāraṇatā, indriyaparopariyattanānādhimuttikatāñāṇānaṃ visuṃ balatā ca siddhā hoti.

    ถามคโตติ เอตฺถ ถามคมนํ นาม อเญฺญสํ อสาธารโณ กามราคาทีนํ เอว อาเวณิโก สภาโว เวทิตโพฺพ, ยโต ‘‘ถามคโต อนุสยํ ปชหตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๒๑) วุตฺตํฯ

    Thāmagatoti ettha thāmagamanaṃ nāma aññesaṃ asādhāraṇo kāmarāgādīnaṃ eva āveṇiko sabhāvo veditabbo, yato ‘‘thāmagato anusayaṃ pajahatī’’ti (paṭi. ma. 3.21) vuttaṃ.

    อาวชฺชนมเตฺตเนว สรติ อากงฺขายตฺตวุตฺติกตฺตาฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘อากงฺขปฎิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณํ, มนสิการปฎิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณ’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๕; ปฎิ. ม. ๓.๕)ฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ วิย หิ สพฺพํ ภควโต ญาณํ ปริกมฺมนิรเปกฺขนฺติฯ

    Āvajjanamatteneva sarati ākaṅkhāyattavuttikattā. Vuttañhi ‘‘ākaṅkhapaṭibaddhaṃ buddhassa bhagavato ñāṇaṃ, manasikārapaṭibaddhaṃ buddhassa bhagavato ñāṇa’’ntiādi (mahāni. 156; cūḷani. mogharājamāṇavapucchāniddesa 85; paṭi. ma. 3.5). Sabbaññutaññāṇaṃ viya hi sabbaṃ bhagavato ñāṇaṃ parikammanirapekkhanti.

    ๖๔. อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตฺตาติ เอตฺถ จิตฺตาทิ เอว อุปกฺกิเลสา, นิพฺพตฺตกสฺส วา กมฺมสฺส ปาริพนฺธกิเลสาฯ กสิณกมฺมปริกมฺมฌานนิพฺพตฺตนกสิณภาโว จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมนํ อภิญฺญาภินีหาโรติ สพฺพตฺถาปิ วีริยพลสฺส พหูปการตฺตา วุตฺตํ ‘‘วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺต’’นฺติฯ ทิพฺพสทิสตฺตาติ ทิเพฺพ ภวนฺติ ทิพฺพํ, ยถาวุตฺตํ ปสาทจกฺขุ, ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพํ, อคฺคตํ อภิญฺญาณํฯ ทิพฺพวิหาโร จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิฯ เตสํ วเสน นิพฺพตฺติตฺวา ปฎิลทฺธพฺพตฺตา ทิพฺพํ, เตน ทิพฺพเหตุกตฺตา ทิพฺพนฺติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเนน นิสฺสยปจฺจเยน นิพฺพตฺตตฺตา, เตน ทิพฺพนิสฺสิตํ ทิพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ ทิวุสทฺทํ อกฺขรจินฺตกา กีฬาทีสุ ปฐนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพ’’นฺติฯ ปุริมา หิ ตโย อตฺถา กีฬตฺถสฺส วเสน, อิตเร ชุติคติอตฺถวเสเนว ทสฺสิตาติฯ

    64.Upakkilesavimuttattāti ettha cittādi eva upakkilesā, nibbattakassa vā kammassa pāribandhakilesā. Kasiṇakammaparikammajhānanibbattanakasiṇabhāvo cuddasavidhena cittaparidamanaṃ abhiññābhinīhāroti sabbatthāpi vīriyabalassa bahūpakārattā vuttaṃ ‘‘vīriyabhāvanābalanibbatta’’nti. Dibbasadisattāti dibbe bhavanti dibbaṃ, yathāvuttaṃ pasādacakkhu, dibbaṃ viyāti dibbaṃ, aggataṃ abhiññāṇaṃ. Dibbavihāro cattāri rūpāvacarajjhānāni. Tesaṃ vasena nibbattitvā paṭiladdhabbattā dibbaṃ, tena dibbahetukattā dibbanti vuttanti dasseti. Dibbavihārasannissitattāti rūpāvacaracatutthajjhānena nissayapaccayena nibbattattā, tena dibbanissitaṃ dibbanti dasseti. Divusaddaṃ akkharacintakā kīḷādīsu paṭhantīti vuttaṃ ‘‘taṃ sabbaṃ saddasatthānusārena veditabba’’nti. Purimā hi tayo atthā kīḷatthassa vasena, itare jutigatiatthavaseneva dassitāti.

    มนุสฺสูปจารนฺติ มนุสฺสโคจรํฯ ทฎฺฐุํ น สกฺกา อิตฺตรขณตฺตา ขณปจฺจุปฺปนฺนสฺสฯ ‘‘อาสนฺนจุติกา’’ติอาทินา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสน ‘‘จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา’’ติอาทินา สตฺตานํ หีนปณีตตฺตาทิภาวสฺส โมหาทิกมฺมนิทานเหตุกตํ, นิสฺสนฺทผลตญฺจ ทเสฺสติฯ ทิพฺพจกฺขุสฺส ปาทกํ เอเตสนฺติ ทิพฺพจกฺขุปาทกานิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺตี’’ติฯ ตานิ หิสฺส ปริภณฺฑญาณานิฯ

    Manussūpacāranti manussagocaraṃ. Daṭṭhuṃ na sakkā ittarakhaṇattā khaṇapaccuppannassa. ‘‘Āsannacutikā’’tiādinā santatipaccuppannavasena ‘‘cavamāne upapajjamāne’’ti vuttanti dasseti. ‘‘Mohanissandayuttattā’’tiādinā sattānaṃ hīnapaṇītattādibhāvassa mohādikammanidānahetukataṃ, nissandaphalatañca dasseti. Dibbacakkhussa pādakaṃ etesanti dibbacakkhupādakāni. Tena vuttaṃ ‘‘dibbacakkhunā saheva ijjhantī’’ti. Tāni hissa paribhaṇḍañāṇāni.

    สมาทียนฺตีติ สมาทานานิ, กมฺมานิ สมาทานานิ เอเตสนฺติ กมฺมสมาทานาฯ สมาทาตพฺพนานาวิธกมฺมาติ อโตฺถ ปุริเม อเตฺถ, ทุติเย ปน กมฺมานิ สมาทาเปนฺตีติ กมฺมสมาทานา, มิจฺฉาทิฎฺฐิยา กมฺมสมาทานา มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา, เหตุอเตฺถ เจตํ กรณวจนํฯ

    Samādīyantīti samādānāni, kammāni samādānāni etesanti kammasamādānā. Samādātabbanānāvidhakammāti attho purime atthe, dutiye pana kammāni samādāpentīti kammasamādānā, micchādiṭṭhiyā kammasamādānā micchādiṭṭhikammasamādānā, hetuatthe cetaṃ karaṇavacanaṃ.

    ตํ วาจนฺติ ตํ อริยานํ อุปวทนวาจํฯ ตํ จิตฺตนฺติ สมุฎฺฐาปกจิตฺตํฯ ตํ ทิฎฺฐินฺติ เยน มิจฺฉาคาเหน อริเย อนุทฺธํเสติ, มิจฺฉาภินิเวสํฯ อยเมฺปตฺถ อโตฺถ – ยถา นาม เหตุสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน วิสุทฺธํ สีลํ, สมาธิญฺจ สมฺปาเทตฺวา ฐิตสฺส ทโนฺธ สตุปฺปาโท ขิปฺปาภิญฺญาย ทิเฎฺฐว ธเมฺม อญฺญา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตาฯ เอวเมวํ โย อริยูปวาที ยถาวุตฺตจิตฺตทิฎฺฐีหิ อปกฺกมิตฺวา อปฺปติรูปํ สภาวํ ‘‘มยา, ภเนฺต, ตุมฺหากํ อุปริ วุตฺต’นฺติ อจฺจยเทสนาย เต น ขมาเปติ, โส กายสฺส เภทา นิรเย เอวาติฯ เตสุ ปสนฺนจิตฺตสฺส ขมาปนเญฺหตฺถ เตสํ วาจาทีนํ ปหานํ ปฎินิสฺสโคฺควฯ อิโต สาวชฺชตรํ นาม อญฺญํ นตฺถิ สพฺพานตฺถวิธานโต, สพฺพหิตสุขปริธํสนโต จฯ

    Taṃ vācanti taṃ ariyānaṃ upavadanavācaṃ. Taṃ cittanti samuṭṭhāpakacittaṃ. Taṃ diṭṭhinti yena micchāgāhena ariye anuddhaṃseti, micchābhinivesaṃ. Ayampettha attho – yathā nāma hetusampannassa bhikkhuno visuddhaṃ sīlaṃ, samādhiñca sampādetvā ṭhitassa dandho satuppādo khippābhiññāya diṭṭheva dhamme aññā, sati vā upādisese anāgāmitā. Evamevaṃ yo ariyūpavādī yathāvuttacittadiṭṭhīhi apakkamitvā appatirūpaṃ sabhāvaṃ ‘‘mayā, bhante, tumhākaṃ upari vutta’nti accayadesanāya te na khamāpeti, so kāyassa bhedā niraye evāti. Tesu pasannacittassa khamāpanañhettha tesaṃ vācādīnaṃ pahānaṃ paṭinissaggova. Ito sāvajjataraṃ nāma aññaṃ natthi sabbānatthavidhānato, sabbahitasukhaparidhaṃsanato ca.

    กายสฺส เภทาติ อิธ กายสโทฺท อตฺตภาวปริยาโยติ อาห ‘‘อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา’’ติฯ ตทนนฺตรนฺติ ตสฺส มรณสงฺขาตสฺส ขนฺธปริจฺจาคสฺส อนนฺตรํฯ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธโตฺถ ปรสโทฺท, อโนริมภูตวตฺถุวิสโย วา สิยา, อวธิวิเสสนมตฺตํ วาฯ เตสุ ปุริมํ สนฺธายาห ‘‘อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ’’ติ, ปจฺฉิมสฺส ปน วเสน ‘‘จุติโต อุทฺธ’’นฺติฯ

    Kāyassabhedāti idha kāyasaddo attabhāvapariyāyoti āha ‘‘upādinnakkhandhapariccāgā’’ti. Tadanantaranti tassa maraṇasaṅkhātassa khandhapariccāgassa anantaraṃ. Abhinibbattakkhandhattho parasaddo, anorimabhūtavatthuvisayo vā siyā, avadhivisesanamattaṃ vā. Tesu purimaṃ sandhāyāha ‘‘abhinibbattakkhandhaggahaṇe’’ti, pacchimassa pana vasena ‘‘cutito uddha’’nti.

    วุตฺตวิปริยาเยนาติ ‘‘สุฎฺฐุ จริตํ, โสภนํ วา จริต’’นฺติอาทินาฯ หนนนฺติ ฆาตนํฯ

    Vuttavipariyāyenāti ‘‘suṭṭhu caritaṃ, sobhanaṃ vā carita’’ntiādinā. Hanananti ghātanaṃ.

    การณาการณนฺติ ฐานาฎฺฐานํฯ เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธเมฺม นิรยาทินิพฺพานคามิปฎิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริเจฺฉทเมวา’’ติฯ กมฺมวิปากนฺตรํ กมฺมวิปากวิเสโส กมฺมวิปากสฺส วิภาโคฯ อเปฺปตุํ น สโกฺกติ อฎฺฐมนวมพลานิ วิย, ตํสทิสํ อิทฺธิวิธญาณํ วิย วิกุพฺพิตุํ, เอเตนสฺส พลสทิสตญฺจ นิวาเรติฯ ฌานาทิญาณํ วิย วา อเปฺปตุํ , วิกุพฺพิตุญฺจฯ ยทิปิ หิ ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาญาณํ อิธ ฉฎฺฐํ พลนฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ ฌานาทิสหคตํ ญาณํ ตทโนฺตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตํฯ อถ วา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สโกฺกตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุํ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุญฺจ น สโกฺกตี’’ติ (วิภ. มูลฎี. ๘๓๑) วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาโวติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Kāraṇākāraṇanti ṭhānāṭṭhānaṃ. Cetanācetanāsampayuttadhamme nirayādinibbānagāmipaṭipadābhūte kammanti gahetvā āha ‘‘kammaparicchedamevā’’ti. Kammavipākantaraṃ kammavipākaviseso kammavipākassa vibhāgo. Appetuṃ na sakkoti aṭṭhamanavamabalāni viya, taṃsadisaṃ iddhividhañāṇaṃ viya vikubbituṃ, etenassa balasadisatañca nivāreti. Jhānādiñāṇaṃ viya vā appetuṃ , vikubbituñca. Yadipi hi jhānādipaccavekkhaṇāñāṇaṃ idha chaṭṭhaṃ balanti tassa savitakkasavicāratā vuttā, tathāpi jhānādīhi vinā paccavekkhaṇā natthīti jhānādisahagataṃ ñāṇaṃ tadantogadhaṃ katvā evaṃ vuttaṃ. Atha vā sabbaññutaññāṇaṃ jhānādikiccaṃ viya na sabbaṃ balakiccaṃ kātuṃ sakkotīti dassetuṃ ‘‘jhānaṃ hutvā appetuṃ, iddhi hutvā vikubbituñca na sakkotī’’ti (vibha. mūlaṭī. 831) vuttaṃ, na pana kassaci balassa jhānaiddhibhāvoti daṭṭhabbaṃ.

    วิจยหารสมฺปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vicayahārasampātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. วิจยหารสมฺปาโต • 2. Vicayahārasampāto

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. วิจยหารสมฺปาตวณฺณนา • 2. Vicayahārasampātavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๒. วิจยหารสมฺปาตวิภาวนา • 2. Vicayahārasampātavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact