Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī

    ๒. วิจยหารสมฺปาตวิภาวนา

    2. Vicayahārasampātavibhāvanā

    ๕๓. เยน เทสนาหารสมฺปาเตน อสฺสาทาทโย อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, โส เทสนาหารสมฺปาโต ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม วิจยหารสมฺปาโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม วิจโย หารสมฺปาโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ เตสุ เทสนาหารสมฺปาตาทีสุ โสฬสสุ หารสมฺปาเตสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส วิจยหารสมฺปาโต นามาติ ปุจฺฉติฯ อิเมสุ ธเมฺมสุ อยํ ธโมฺม เยน สํวณฺณนาวิเสเสน วิจยิตโพฺพ, โส สํวณฺณนาวิเสโส วิจยหารสมฺปาโต นามาติ นิยเมตฺวา วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ ตณฺหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน –

    53. Yena desanāhārasampātena assādādayo ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, so desanāhārasampāto paripuṇṇo, ‘‘katamo vicayahārasampāto’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo vicayo hārasampāto’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tesu desanāhārasampātādīsu soḷasasu hārasampātesu katamo saṃvaṇṇanāviseso vicayahārasampāto nāmāti pucchati. Imesu dhammesu ayaṃ dhammo yena saṃvaṇṇanāvisesena vicayitabbo, so saṃvaṇṇanāviseso vicayahārasampāto nāmāti niyametvā vibhajituṃ ‘‘tattha taṇhā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana –

    ‘‘เอวํ เทสนาหารสมฺปาตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิจยหารสมฺปาตํ ทเสฺสโนฺต ยสฺมา เทสนาหารปทตฺถวิจโย วิจยหาโร, ตสฺมา เทสนาหาเร วิปลฺลาสเหตุภาเวน นิทฺธาริตาย ตณฺหาย กุสลาทิวิภาคปวิจยมุเขน วิจยหารสมฺปาตํ ทเสฺสตุํ ‘ตตฺถ ตณฺหา ทุวิธา’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๓) –

    ‘‘Evaṃ desanāhārasampātaṃ dassetvā idāni vicayahārasampātaṃ dassento yasmā desanāhārapadatthavicayo vicayahāro, tasmā desanāhāre vipallāsahetubhāvena niddhāritāya taṇhāya kusalādivibhāgapavicayamukhena vicayahārasampātaṃ dassetuṃ ‘tattha taṇhā duvidhā’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 53) –

    วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติอาทิสุตฺตเตฺถ เทสนาหารสมฺปาเตน สํวณฺณิเต อกุสลธเมฺม ‘‘ตณฺหา’’ติ นิทฺธาริตา สพฺพตณฺหาฯ กุสลาปีติ จตุภูมเก กุสเล อุทฺทิสฺส ปวตฺตา ตณฺหาปิฯ อกุสลาปีติ อกุสลธเมฺม อุทฺทิสฺส ปวตฺตา ตณฺหาปีติ ทุวิธา โหตีติ วิจยิตพฺพาฯ เตน วุตฺตํ ฎีกายํ – ‘‘กุสลธมฺมารมฺมณาติ กุสลธเมฺม อุทฺทิสฺส ปวตฺตมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เตสํ อารมฺมณปจฺจยตํ, อิธ ‘กุสลา ธมฺมา’ติ โลกุตฺตรธมฺมานมฺปิ อธิเปฺปตตฺตา’’ติฯ

    Vuttaṃ. Tattha tatthāti tasmiṃ ‘‘arakkhitena cittenā’’tiādisuttatthe desanāhārasampātena saṃvaṇṇite akusaladhamme ‘‘taṇhā’’ti niddhāritā sabbataṇhā. Kusalāpīti catubhūmake kusale uddissa pavattā taṇhāpi. Akusalāpīti akusaladhamme uddissa pavattā taṇhāpīti duvidhā hotīti vicayitabbā. Tena vuttaṃ ṭīkāyaṃ – ‘‘kusaladhammārammaṇāti kusaladhamme uddissa pavattamattaṃ sandhāya vuttaṃ, na tesaṃ ārammaṇapaccayataṃ, idha ‘kusalā dhammā’ti lokuttaradhammānampi adhippetattā’’ti.

    ‘‘กุสลา ตณฺหา กิํคามินี, อกุสลา ตณฺหา กิํ คามินี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อกุสลา สํสารคามินี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา ‘‘กตโม กุสลากุสลตณฺหานํ วิเสโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อกุสลา สํสารคามินี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ตณฺหา นาม สํสารคามินี โหตุ, กถํ อปจยคามินี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ปหานตณฺหา’’ติ วุตฺตํ, ปหานสฺส เหตุภูตา ตณฺหา ปหานตณฺหาติ อโตฺถ, ปหาตพฺพตณฺหํ อาคมฺม ยํ ปหานํ ปวเตฺตตพฺพํ, เตน ปวเตฺตตเพฺพน ปหาเนน อปจยํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    ‘‘Kusalā taṇhā kiṃgāminī, akusalā taṇhā kiṃ gāminī’’ti pucchitabbattā ‘‘akusalā saṃsāragāminī’’tiādi vuttaṃ. Atha vā ‘‘katamo kusalākusalataṇhānaṃ viseso’’ti pucchitabbattā ‘‘akusalā saṃsāragāminī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Taṇhā nāma saṃsāragāminī hotu, kathaṃ apacayagāminī’’ti vattabbattā ‘‘pahānataṇhā’’ti vuttaṃ, pahānassa hetubhūtā taṇhā pahānataṇhāti attho, pahātabbataṇhaṃ āgamma yaṃ pahānaṃ pavattetabbaṃ, tena pavattetabbena pahānena apacayaṃ gacchatīti vuttaṃ hoti.

    ‘‘กิํ ปน ตณฺหาเยว กุสลากุสลาติ ทุพฺพิธา, อุทาหุ อโญฺญปิ กุสลากุสลาติ ทุพฺพิโธ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘มาโนปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘กตโม มาโน กุสโล, กตโม มาโน อกุสโล’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ มานํ นิสฺสาย มานํ ปชหติ, อยํ มาโน กุสโลฯ โย ปน มาโน ทุกฺขํ นิพฺพตฺตยติ, อยํ มาโน อกุสโล’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ มานํ…เป.… กุสโลติ ยํ มานํ นิสฺสาย อุปนิสฺสาย ปหานํ ปวตฺติตํ, เตน ปหาเนน สนฺตาเน อุปฺปชฺชนารหํ มานํ ปชหติ, อยํ อุปนิสฺสยปจฺจยภูโต มาโน ผลูปจาเรน กุสโลฯ โย ปน…เป.… อกุสโลติ โย ปน มาโน ปรหิํสนาทิวเสน ปวตฺตมาโน หุตฺวา อตฺตโน จ ปรสฺส จ ทุกฺขํ นิพฺพตฺตยติ, อยํ มาโน อกุสโลติ วิจยิตฺวา เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Kiṃ pana taṇhāyeva kusalākusalāti dubbidhā, udāhu aññopi kusalākusalāti dubbidho’’ti vattabbattā ‘‘mānopī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Katamo māno kusalo, katamo māno akusalo’’ti pucchitabbattā ‘‘yaṃ mānaṃ nissāya mānaṃ pajahati, ayaṃ māno kusalo. Yo pana māno dukkhaṃ nibbattayati, ayaṃ māno akusalo’’ti vuttaṃ. Tattha yaṃ mānaṃ…pe… kusaloti yaṃ mānaṃ nissāya upanissāya pahānaṃ pavattitaṃ, tena pahānena santāne uppajjanārahaṃ mānaṃ pajahati, ayaṃ upanissayapaccayabhūto māno phalūpacārena kusalo. Yo pana…pe… akusaloti yo pana māno parahiṃsanādivasena pavattamāno hutvā attano ca parassa ca dukkhaṃ nibbattayati, ayaṃ māno akusaloti vicayitvā veditabbo.

    ‘‘สํสาราปจยคามินีสุ ตาสุ ตณฺหาสุ กตมา อปจยคามินี ตณฺหา กุสลา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตาย ตณฺหาย สรูปํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ยํ เนกฺขมฺมสิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตาสุ สํสาราปจยคามินีสุ ตณฺหาภูตาสุ กุสลากุสลาสุฯ อยํ ตณฺหา กุสลาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘อริยา ปุคฺคลา สนฺตํ อายตนํ ยํ อริยผลธมฺมํ สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ, ตํ อายตนํ อริยผลธมฺมํ อหํ กุทาสฺสุ สจฺฉิกตฺวา วิหริสฺส’’นฺติ ปตฺถยนฺตสฺส ตสฺส กุลปุตฺตสฺส ตสฺมิํ อริยผเล ปิหา อุปฺปชฺชติ, ปิหาปจฺจยา ยํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ โทมนสฺสํ ‘‘เนกฺขมฺมสิต’’นฺติ วุจฺจติฯ อยํ อริยผเล ปิหาสงฺขาตา ตณฺหา กุสลา อนวชฺชา อนวชฺชอริยผลธมฺมํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตาติ วิจยิตพฺพํฯ

    ‘‘Saṃsārāpacayagāminīsu tāsu taṇhāsu katamā apacayagāminī taṇhā kusalā’’ti pucchitabbattā ‘‘kusalā’’ti vuttāya taṇhāya sarūpaṃ dassetuṃ ‘‘tattha yaṃ nekkhammasita’’ntiādi vuttaṃ. Tatthāti tāsu saṃsārāpacayagāminīsu taṇhābhūtāsu kusalākusalāsu. Ayaṃ taṇhā kusalāti sambandho. ‘‘Ariyā puggalā santaṃ āyatanaṃ yaṃ ariyaphaladhammaṃ sacchikatvā upasampajja viharanti, taṃ āyatanaṃ ariyaphaladhammaṃ ahaṃ kudāssu sacchikatvā viharissa’’nti patthayantassa tassa kulaputtassa tasmiṃ ariyaphale pihā uppajjati, pihāpaccayā yaṃ domanassaṃ uppajjati, idaṃ domanassaṃ ‘‘nekkhammasita’’nti vuccati. Ayaṃ ariyaphale pihāsaṅkhātā taṇhā kusalā anavajjā anavajjaariyaphaladhammaṃ uddissa pavattattāti vicayitabbaṃ.

    ‘‘กถํ ปวตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ราควิราคา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยา ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ ปตฺตพฺพาฯ ตทารมฺมณา ตํ เจโตวิมุตฺติํ อาคมฺม ปวตฺตา ตณฺหา กุสลา อนวชฺชา, ยา อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺติ ปตฺตพฺพา, ตทารมฺมณา ตํ ปญฺญาวิมุตฺติํ อาคมฺม ปวตฺตา ตณฺหา กุสลา อนวชฺชาติ วิจยิตพฺพาฯ ตาย ปญฺญาวิมุตฺติยา วเสน ภควตา –

    ‘‘Kathaṃ pavattā’’ti vattabbattā ‘‘rāgavirāgā’’tiādi vuttaṃ. Yā rāgavirāgā cetovimutti pattabbā. Tadārammaṇā taṃ cetovimuttiṃ āgamma pavattā taṇhā kusalā anavajjā, yā avijjāvirāgā paññāvimutti pattabbā, tadārammaṇā taṃ paññāvimuttiṃ āgamma pavattā taṇhā kusalā anavajjāti vicayitabbā. Tāya paññāvimuttiyā vasena bhagavatā –

    ‘‘ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺส, สมฺมาสงฺกปฺปโคจโร;

    ‘‘Tasmā rakkhitacittassa, sammāsaṅkappagocaro;

    สมฺมาทิฎฺฐิปุเรกฺขาโร, ญตฺวาน อุทยพฺพยํ;

    Sammādiṭṭhipurekkhāro, ñatvāna udayabbayaṃ;

    ถินมิทฺธาภิภู ภิกฺขุ, สพฺพา ทุคฺคติโย ชเห’’ติฯ (อุทา. ๓๒; เนตฺติ. ๓๑, ๖๕, ๗๘) –

    Thinamiddhābhibhū bhikkhu, sabbā duggatiyo jahe’’ti. (udā. 32; netti. 31, 65, 78) –

    คาถายํ ‘‘สพฺพา ทุคฺคติโย ชเห’’ติ ปทํ วุตฺตํ, ‘‘ตสฺสา ปญฺญาวิมุตฺติยา โย ปวิจโย กาตโพฺพ, กตโม โส ปวิจโย’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตสฺสา โก ปวิจโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสา ปญฺญาวิมุตฺติยา โก ปวิจโยติ เจ ปุเจฺฉยฺย ‘‘อฎฺฐ มคฺคงฺคานิ – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธี’’ติ ปวิจโย เวทิตโพฺพฯ ‘‘โส ปวิจโย กตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส กตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โส ปญฺญาวิมุตฺติยา ปวิจโย กตฺถ กสฺมิํ ธเมฺม ทฎฺฐโพฺพติ ปุจฺฉติฯ จตุเตฺถ ฌาเน ปารมิตาย อุกฺกํสคตาย จตุตฺถชฺฌานภาวนาย โส ปวิจโย ทฎฺฐโพฺพฯ

    Gāthāyaṃ ‘‘sabbā duggatiyo jahe’’ti padaṃ vuttaṃ, ‘‘tassā paññāvimuttiyā yo pavicayo kātabbo, katamo so pavicayo’’ti pucchitabbattā ‘‘tassā ko pavicayo’’tiādi vuttaṃ. Tassā paññāvimuttiyā ko pavicayoti ce puccheyya ‘‘aṭṭha maggaṅgāni – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhī’’ti pavicayo veditabbo. ‘‘So pavicayo kattha daṭṭhabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘so katthā’’tiādi vuttaṃ. So paññāvimuttiyā pavicayo kattha kasmiṃ dhamme daṭṭhabboti pucchati. Catutthe jhāne pāramitāya ukkaṃsagatāya catutthajjhānabhāvanāya so pavicayo daṭṭhabbo.

    ‘‘จตุเตฺถ ฌาเน ปารมิตายา’’ติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘จตุเตฺถ หิ ฌาเน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โย โส จตุตฺถชฺฌานลาภี ปุคฺคโล จตุเตฺถ ฌาเน ปริสุทฺธํ ปริโยทาตํ อนงฺคณํ วิคตูปกฺกิเลสํ มุทุ กมฺมนิยํ ฐิตํ อาเนญฺชปฺปตฺตํ, อิติ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ ภาวยติ, โส จตุตฺถชฺฌานลาภี ปุคฺคโล ตตฺถ จตุเตฺถ ฌาเน อฎฺฐวิธํ วิชฺชาจรณํ อธิคจฺฉติฯ กตมํ อฎฺฐวิธํ? ฉ อภิญฺญา, เทฺว จ วิเสเส วา อธิคจฺฉตีติ โยชนาฯ อิทฺธิวิธาทโย ปญฺจ, โลกิยาภิญฺญา เจว อรหตฺตมคฺคปญฺญา จาติ ฉ อภิญฺญาฯ มโนมยิทฺธิ เจว วิปสฺสนาญาณญฺจาติ เทฺว จ วิเสสา โหนฺติฯ

    ‘‘Catutthe jhāne pāramitāyā’’ti vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘catutthe hi jhāne’’tiādi vuttaṃ. Yo so catutthajjhānalābhī puggalo catutthe jhāne parisuddhaṃ pariyodātaṃ anaṅgaṇaṃ vigatūpakkilesaṃ mudu kammaniyaṃ ṭhitaṃ āneñjappattaṃ, iti aṭṭhaṅgasamannāgataṃ cittaṃ bhāvayati, so catutthajjhānalābhī puggalo tattha catutthe jhāne aṭṭhavidhaṃ vijjācaraṇaṃ adhigacchati. Katamaṃ aṭṭhavidhaṃ? Cha abhiññā, dve ca visese vā adhigacchatīti yojanā. Iddhividhādayo pañca, lokiyābhiññā ceva arahattamaggapaññā cāti cha abhiññā. Manomayiddhi ceva vipassanāñāṇañcāti dve ca visesā honti.

    ‘‘ตํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ กุโต ปริสุทฺธํ…เป.… กุโต อาเนญฺชปฺปตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตํ จิตฺตํ ยโต ปริสุทฺธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ จิตฺตํ ยโต อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาวโต ปริสุทฺธํ, ตโต อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาวโต ปริโยทาตํ โหติฯ สุขาทีนํ ปจฺจยฆาเตน ยโต วีตราคาทิอนงฺคณภาวโต อนงฺคณํ, ตโต วีตราคาทิอนงฺคณภาวโต วิคตูปกฺกิเลสํฯ ยโต สุภาวิตภาวโต มุทุ, ตโต สุภาวิตภาวโต กมฺมนิยํฯ ยโต ปริสุทฺธาทีสุ ฐิตภาวโต ฐิตํ, ตโต ปริสุทฺธาทีสุ ฐิตภาวโต อาเนญฺชปฺปตฺตํ โหตีติปิ โยชนา ยุตฺตา อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๓) ยุคฬโต อาคตตฺตาฯ สทฺธาวีริยสติสมาธิปญฺญาโอภาเสหิ ปริคฺคหิตภาวโต อาเนญฺชปฺปตฺตํฯ สทฺธาย หิ ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปฎิปเกฺข อสฺสทฺธิเย น อิญฺชติ น จลติ, วีริเยน ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปฎิปเกฺข โกสเชฺช น อิญฺชติ, สติยา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปฎิปเกฺข ปมาเท น อิญฺชติ, สมาธินา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปฎิปเกฺข อุทฺธเจฺจ น อิญฺชติ, ปญฺญาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปฎิปกฺขาย อวิชฺชาย น อิญฺชติ, โอภาสคตํ จิตฺตํ กิเลสนฺธกาเร น อิญฺชติฯ อิติ อิเมหิ ฉหิ ธเมฺมหิ ปริคฺคหิตํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ อาเนญฺชปฺปตฺตํ โหติฯ เอวํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตตฺตา จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ ฉนฺนํ อภิญฺญาญาณานญฺจ มโนมยิทฺธิวิปสฺสนาญาณานญฺจ อธิคมูปาโย โหติ, ตสฺมา โส ปญฺญาวิมุตฺติปริจโย จตุตฺถชฺฌาเน ทฎฺฐโพฺพเยวาติ สเงฺขปโตฺถฯ วิตฺถารโต ปน อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๓) ‘‘ตตฺถ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวนา’’ติอาทินา วา ‘‘อปโร นโย’’ติอาทินา วา วุโตฺตเยวาติ อเมฺหหิ น วุโตฺตฯ

    ‘‘Taṃ catutthajjhānacittaṃ kuto parisuddhaṃ…pe… kuto āneñjappatta’’nti pucchitabbattā ‘‘taṃ cittaṃ yato parisuddha’’ntiādi vuttaṃ. Taṃ cittaṃ yato upekkhāsatipārisuddhibhāvato parisuddhaṃ, tato upekkhāsatipārisuddhibhāvato pariyodātaṃ hoti. Sukhādīnaṃ paccayaghātena yato vītarāgādianaṅgaṇabhāvato anaṅgaṇaṃ, tato vītarāgādianaṅgaṇabhāvato vigatūpakkilesaṃ. Yato subhāvitabhāvato mudu, tato subhāvitabhāvato kammaniyaṃ. Yato parisuddhādīsu ṭhitabhāvato ṭhitaṃ, tato parisuddhādīsu ṭhitabhāvato āneñjappattaṃ hotītipi yojanā yuttā aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 53) yugaḷato āgatattā. Saddhāvīriyasatisamādhipaññāobhāsehi pariggahitabhāvato āneñjappattaṃ. Saddhāya hi pariggahitaṃ cittaṃ paṭipakkhe assaddhiye na iñjati na calati, vīriyena pariggahitaṃ cittaṃ paṭipakkhe kosajje na iñjati, satiyā pariggahitaṃ cittaṃ paṭipakkhe pamāde na iñjati, samādhinā pariggahitaṃ cittaṃ paṭipakkhe uddhacce na iñjati, paññāya pariggahitaṃ cittaṃ paṭipakkhāya avijjāya na iñjati, obhāsagataṃ cittaṃ kilesandhakāre na iñjati. Iti imehi chahi dhammehi pariggahitaṃ catutthajjhānacittaṃ āneñjappattaṃ hoti. Evaṃ aṭṭhaṅgasamannāgatattā catutthajjhānacittaṃ channaṃ abhiññāñāṇānañca manomayiddhivipassanāñāṇānañca adhigamūpāyo hoti, tasmā so paññāvimuttiparicayo catutthajjhāne daṭṭhabboyevāti saṅkhepattho. Vitthārato pana aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 53) ‘‘tattha upekkhāsatipārisuddhibhāvenā’’tiādinā vā ‘‘aparo nayo’’tiādinā vā vuttoyevāti amhehi na vutto.

    ‘‘เยสํ ราคาทิองฺคณานํ อภาเวน อนงฺคณํ, เยสํ อภิชฺฌาทิอุปกฺกิเลสานํ อภาเวน วิคตูปกฺกิเลสํ, ยาย จิตฺตสฺส ฐิติยา อภาเวน ฐิตํ, อิญฺชนาย อภาเวน อาเนญฺชปฺปตฺตํ, เต ราคาทิองฺคณาทโย กตมาย ปกฺขา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ องฺคณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ เตสุ ราคาทิองฺคณาทีสุ องฺคณา จ ราคาทิองฺคณา จ อุปกฺกิเลสา อภิชฺฌาทิอุปกฺกิเลสา จ สนฺติ, ตทุภยํ ราคาทิองฺคณอภิชฺฌาทิอุปกฺกิเลสทฺวยํ ตณฺหาปโกฺข ราคาทิองฺคณานํ ตณฺหาสภาวตฺตา, อภิชฺฌาทิอุปกฺกิเลสานญฺจ ตณฺหาย อนุโลมตฺตาฯ ยา อิญฺชนา ผนฺทนา ยา จ จิตฺตสฺส อฎฺฐิติ อนวฎฺฐานํ อตฺถิ, อยํ อิญฺชนา อฎฺฐิติ ทิฎฺฐิปโกฺข อิญฺชนาย จ อฎฺฐิติยา จ มิจฺฉาภินิเวสเหตุภาวโตติ ปวิจโย กาตโพฺพฯ

    ‘‘Yesaṃ rāgādiaṅgaṇānaṃ abhāvena anaṅgaṇaṃ, yesaṃ abhijjhādiupakkilesānaṃ abhāvena vigatūpakkilesaṃ, yāya cittassa ṭhitiyā abhāvena ṭhitaṃ, iñjanāya abhāvena āneñjappattaṃ, te rāgādiaṅgaṇādayo katamāya pakkhā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha aṅgaṇā’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tesu rāgādiaṅgaṇādīsu aṅgaṇā ca rāgādiaṅgaṇā ca upakkilesā abhijjhādiupakkilesā ca santi, tadubhayaṃ rāgādiaṅgaṇaabhijjhādiupakkilesadvayaṃ taṇhāpakkho rāgādiaṅgaṇānaṃ taṇhāsabhāvattā, abhijjhādiupakkilesānañca taṇhāya anulomattā. Yā iñjanā phandanā yā ca cittassa aṭṭhiti anavaṭṭhānaṃ atthi, ayaṃ iñjanā aṭṭhiti diṭṭhipakkho iñjanāya ca aṭṭhitiyā ca micchābhinivesahetubhāvatoti pavicayo kātabbo.

    ‘‘กิํ ปน จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตตฺตาเยว ฉนฺนํ อภิญฺญาญาณานญฺจ มโนมยิทฺธิวิปสฺสนาญาณานญฺจ อธิคมูปาโย โหตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘จตฺตาริ อินฺทฺริยานี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตสฺส จตุตฺถชฺฌานลาภิโน, ทุกฺขินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อิติ จตฺตารินฺทฺริยานิ จตุตฺถชฺฌาเน นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺส จตุตฺถชฺฌานลาภิโน อุเปกฺขินฺทฺริยํ อวสิฎฺฐํ ภวติ, ตสฺมาปิ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ วุตฺตปฺปการานํ อฎฺฐนฺนํ ญาณานํ อธิคมูปาโย โหติ, โส จ อธิคมูปายภาโว จิณฺณวสีภาวเสฺสว ภเวยฺย, กถํ จตุตฺถชฺฌานมตฺตลาภิโน จิณฺณวสีภาโว สิยา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา โส จตุตฺถชฺฌานลาภี จตุตฺถชฺฌาเนเยว อฎฺฐตฺวา อรูปสมาปตฺติโยปิ เอวํ กตฺวา นิพฺพเตฺตติ ภาเวติ, ตสฺมา จิณฺณวสีภาโว โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘โส อุปริมํ สมาปตฺติ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๓) วิตฺถารโต วุโตฺต, ตสฺมา โยชนมตฺตํ กริสฺสามฯ

    ‘‘Kiṃ pana catutthajjhānacittaṃ aṭṭhaṅgasamannāgatattāyeva channaṃ abhiññāñāṇānañca manomayiddhivipassanāñāṇānañca adhigamūpāyo hotī’’ti pucchitabbattā ‘‘cattāri indriyānī’’ti vuttaṃ. ‘‘Tassa catutthajjhānalābhino, dukkhindriyaṃ domanassindriyaṃ sukhindriyaṃ somanassindriyaṃ iti cattārindriyāni catutthajjhāne nirujjhanti, tassa catutthajjhānalābhino upekkhindriyaṃ avasiṭṭhaṃ bhavati, tasmāpi catutthajjhānacittaṃ vuttappakārānaṃ aṭṭhannaṃ ñāṇānaṃ adhigamūpāyo hoti, so ca adhigamūpāyabhāvo ciṇṇavasībhāvasseva bhaveyya, kathaṃ catutthajjhānamattalābhino ciṇṇavasībhāvo siyā’’ti vattabbattā so catutthajjhānalābhī catutthajjhāneyeva aṭṭhatvā arūpasamāpattiyopi evaṃ katvā nibbatteti bhāveti, tasmā ciṇṇavasībhāvo hotīti dassetuṃ ‘‘so uparimaṃ samāpatti’’ntiādi vuttaṃ. Tassattho aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 53) vitthārato vutto, tasmā yojanamattaṃ karissāma.

    โส รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานลาภี โยคาวจโร รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติโต อุปริมํ อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติํ สนฺตโต สนฺตตรโต มนสิ กโรติฯ ยถาวุตฺตํ อุปริมํ สมาปตฺติํ สนฺตโต มนสิ กโรโต ตสฺส จตุตฺถชฺฌานลาภิโน โยคาวจรสฺส จตุตฺถชฺฌาเน สญฺญา สญฺญาปธานา สมาปตฺติ โอฬาริกา วิย หุตฺวา สณฺฐหติ, ปฎิฆสญฺญา จ อุกฺกณฺฐา อนภิรติ หุตฺวา สณฺฐหติ, โส ยถาวุเตฺตน วิธินา มนสิ กโรโนฺต โยคาวจโร สพฺพโส นิรวเสสโต รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘‘อากาสํ อนนฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา ปวตฺตมานํ อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติํ สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ รูปสญฺญา รูปาวจรสญฺญา ปญฺจวิธอภิญฺญาภินีหาโร โหติฯ นานตฺตสญฺญา นานารมฺมเณสุ โวกาโร อกุสโล ปวตฺตติฯ เอวํ รูปาวจรชฺฌาเน อาทีนวทสฺสี หุตฺวา ตา รูปสญฺญานานตฺตสญฺญาโย อารมฺมเณ สมติกฺกมติ, อสฺส โยคาวจรสฺส ปฎิฆสญฺญา จ อพฺภตฺถํ คจฺฉติฯ เอวํ อิมินา วุตฺตนเยน สมติกฺกเมน สมาหิตสฺส, สนฺตวุตฺตินา อรูปาวจรสมาธินา สมาหิตสฺส โยคาวจรสฺส โอภาโส รูปาวจรชฺฌาโนภาโส อนฺตรธายติฯ รูปานํ กสิณรูปานํ ฌานจกฺขุนา ทสฺสนญฺจ อนฺตรธายตีติ โยชนาฯ

    So rūpāvacaracatutthajjhānalābhī yogāvacaro rūpāvacaracatutthajjhānasamāpattito uparimaṃ ākāsānañcāyatanasamāpattiṃsantato santatarato manasi karoti. Yathāvuttaṃ uparimaṃ samāpattiṃ santato manasi karoto tassa catutthajjhānalābhino yogāvacarassa catutthajjhāne saññā saññāpadhānā samāpatti oḷārikā viya hutvā saṇṭhahati, paṭighasaññā ca ukkaṇṭhā anabhirati hutvā saṇṭhahati, so yathāvuttena vidhinā manasi karonto yogāvacaro sabbaso niravasesato rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘‘ākāsaṃ ananta’’nti manasi katvā pavattamānaṃ ākāsānañcāyatanasamāpattiṃ sacchikatvā upasampajja viharati. Rūpasaññā rūpāvacarasaññā pañcavidhaabhiññābhinīhāro hoti. Nānattasaññā nānārammaṇesu vokāro akusalo pavattati. Evaṃ rūpāvacarajjhāne ādīnavadassī hutvā tā rūpasaññānānattasaññāyo ārammaṇe samatikkamati, assa yogāvacarassa paṭighasaññā ca abbhatthaṃ gacchati. Evaṃ iminā vuttanayena samatikkamena samāhitassa, santavuttinā arūpāvacarasamādhinā samāhitassa yogāvacarassa obhāso rūpāvacarajjhānobhāso antaradhāyati. Rūpānaṃ kasiṇarūpānaṃ jhānacakkhunā dassanañca antaradhāyatīti yojanā.

    ‘‘เยน สมาธินา สมาหิตสฺส, สมาหิตสฺส โอภาโส จ รูปานํ ทสฺสนญฺจ อนฺตรธายติ, โส สมาธิ กิตฺตเกหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต, กถํ ปจฺจเวกฺขิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส สมาธี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โส สมาธีติ เยน รูปารูปาวจรสมาธินา สมาหิโต, โส ทุวิโธปิ สมาธิ อนภิชฺฌาพฺยาปาทวีริยารเมฺภหิ ตีหิ อุปการกเงฺคหิ จ ปสฺสทฺธิสตีหิ ทฺวีหิ ปริกฺขารเงฺคหิ จ อวิกฺขิเตฺตน เอเกน สภาวเงฺคน จ ฉหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโตติ ปจฺจเวกฺขิตโพฺพ ปุนปฺปุนํ จิเนฺตตโพฺพ สลฺลเกฺขตโพฺพ ฯ ‘‘กถํ กตฺถ ปจฺจเวกฺขิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อนภิชฺฌาสหคตํ เม มานสํ สพฺพโลเก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เตสุ ฉสุ อเงฺคสุ กิตฺตโก สมโถ, กิตฺตกา วิปสฺสนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา เอตฺตโก สมโถ, เอตฺตกา วิปสฺสนาติ วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ ยญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Yena samādhinā samāhitassa, samāhitassa obhāso ca rūpānaṃ dassanañca antaradhāyati, so samādhi kittakehi aṅgehi samannāgato, kathaṃ paccavekkhitabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘so samādhī’’tiādi vuttaṃ. So samādhīti yena rūpārūpāvacarasamādhinā samāhito, so duvidhopi samādhi anabhijjhābyāpādavīriyārambhehi tīhi upakārakaṅgehi ca passaddhisatīhi dvīhi parikkhāraṅgehi ca avikkhittena ekena sabhāvaṅgena ca chahi aṅgehi samannāgatoti paccavekkhitabbo punappunaṃ cintetabbo sallakkhetabbo . ‘‘Kathaṃ kattha paccavekkhitabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘anabhijjhāsahagataṃ me mānasaṃ sabbaloke’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Tesu chasu aṅgesu kittako samatho, kittakā vipassanā’’ti pucchitabbattā ettako samatho, ettakā vipassanāti vibhajituṃ ‘‘tattha yañcā’’tiādi vuttaṃ.

    ๕๔. ‘‘ปญฺญาวิมุตฺตี’’ติ วุตฺตสฺส อรหตฺตผลสฺส สมาธิสฺส สมถวิปสฺสนาสงฺขาตา ปุพฺพภาคปฎิปทา สมาธิมุเขน อาจริเยน วิภตฺตา, ‘‘ตาย ปฎิปทาย ลภิตโพฺพ อรหตฺตผลสมาธิ กิตฺตเกน เวทิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส สมาธิ ปญฺจวิเธน เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ โย อรหตฺตผลสมาธิ สมถวิปสฺสนาปฎิปทาย ลภิตโพฺพ, โส อรหตฺตผลสมาธิ ปญฺจวิเธน ญาณทสฺสเนน เวทิตโพฺพฯ

    54. ‘‘Paññāvimuttī’’ti vuttassa arahattaphalassa samādhissa samathavipassanāsaṅkhātā pubbabhāgapaṭipadā samādhimukhena ācariyena vibhattā, ‘‘tāya paṭipadāya labhitabbo arahattaphalasamādhi kittakena veditabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘so samādhi pañcavidhena veditabbo’’ti vuttaṃ. Yo arahattaphalasamādhi samathavipassanāpaṭipadāya labhitabbo, so arahattaphalasamādhi pañcavidhena ñāṇadassanena veditabbo.

    ‘‘กถํ ปญฺจวิธญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ ภวตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘อยํ สมาธี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ อรหตฺตผลสมาธิ อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ผลสมาปตฺติสุขตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนสุโข โหติ, อิติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อสฺส อรหโต ปจฺจตฺตเมว ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ ภวติฯ อยํ อรหตฺตผลสมาธิ อายติํ สมาปชฺชิตพฺพสฺส อรหตฺตผลสมาธิสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตา อายติํ สุขวิปาโก โหติ, อิติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส…เป.… ภวติฯ อยํ อรหตฺตผลสมาธิ กิเลสอรีหิ อารกตฺตา อริโย, กามามิสวฎฺฎามิสโลกามิสานํ อภาวโต นิรามิโส จ โหติ, อิติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส…เป.… ภวติฯ อยํ อรหตฺตผลสมาธิ อกาปุริเสหิ สมฺมาสมฺพุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกพุเทฺธหิ เสวิตพฺพตฺตา อกาปุริสเสวิโต โหติ, อิติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส…เป.… ภวติฯ อยํ อรหตฺตผลสมาธิ องฺคสนฺตกิเลสทรถสนฺตตฺตา สโนฺต เจว ทิวสมฺปิ สมาปชฺชนฺตสฺส อติตฺติกรณโต ปณีโต จ ปฎิปฺปสฺสทฺธกิเลเสน อรหตา ปุคฺคเลน ลทฺธตฺตา ปฎิปฺปสฺสทฺธิลโทฺธ จ อรหตฺตมคฺคสมาธิสงฺขาเตน เอโกทิภาเวน อธิคตตฺตา เอโกทิภาวาธิคโต จ สสงฺขาเรน สปโยเคน อธิคตตฺตา, นีวรณาทิปจฺจนีกธเมฺม นิคฺคยฺห อนธิคตตฺตา, อเญฺญ กิเลเส วาเรตฺวา อนธิคตตฺตา, อรหตฺตมคฺคผลภาเวเนว ปวตฺตตฺตา นสสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต โหติ, อิติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อสฺส อรหโต ปจฺจตฺตเมว ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ ภวตีติ ปญฺจวิเธน ญาณทสฺสเนน โส อรหตฺตผลสมาธิ วิจยิตฺวา เวทิตโพฺพติฯ

    ‘‘Kathaṃ pañcavidhañāṇadassanaṃ paccupaṭṭhitaṃ bhavatī’’ti vattabbattā ‘‘ayaṃ samādhī’’tiādi vuttaṃ. Ayaṃ arahattaphalasamādhi appitappitakkhaṇe phalasamāpattisukhattā paccuppannasukho hoti, iti paccavekkhantassa assa arahato paccattameva ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhitaṃ bhavati. Ayaṃ arahattaphalasamādhi āyatiṃ samāpajjitabbassa arahattaphalasamādhissa upanissayapaccayattā āyatiṃ sukhavipāko hoti, iti paccavekkhantassa…pe… bhavati. Ayaṃ arahattaphalasamādhi kilesaarīhi ārakattā ariyo, kāmāmisavaṭṭāmisalokāmisānaṃ abhāvato nirāmiso ca hoti, iti paccavekkhantassa…pe… bhavati. Ayaṃ arahattaphalasamādhi akāpurisehi sammāsambuddhapaccekabuddhasāvakabuddhehi sevitabbattā akāpurisasevito hoti, iti paccavekkhantassa…pe… bhavati. Ayaṃ arahattaphalasamādhi aṅgasantakilesadarathasantattā santo ceva divasampi samāpajjantassa atittikaraṇato paṇīto ca paṭippassaddhakilesena arahatā puggalena laddhattā paṭippassaddhiladdho ca arahattamaggasamādhisaṅkhātena ekodibhāvena adhigatattā ekodibhāvādhigato ca sasaṅkhārena sapayogena adhigatattā, nīvaraṇādipaccanīkadhamme niggayha anadhigatattā, aññe kilese vāretvā anadhigatattā, arahattamaggaphalabhāveneva pavattattā nasasaṅkhāraniggayhavāritagato hoti, iti paccavekkhantassa assa arahato paccattameva ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhitaṃ bhavatīti pañcavidhena ñāṇadassanena so arahattaphalasamādhi vicayitvā veditabboti.

    ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนสุขาทีสุ สมาธีสุ กิตฺตโก สมโถ, กิตฺตกา วิปสฺสนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โย จ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมโถ, วิปสฺสนาติ จ อรหตฺตผลสมถวิปสฺสนาว อธิเปฺปตา, น ปุพฺพภาคสมถวิปสฺสนาติฯ อรหตฺตผลสมาธิ ปญฺจวิเธน เวทิตโพฺพติ อาจริเยน วุโตฺต, ‘‘ตสฺส อรหตฺตผลสมาธิสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทายํ วุโตฺต สมาธิ กิตฺตเกน เวทิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส สมาธิ ปญฺจวิเธน เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ โย รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสมาธิ ปุพฺพภาคปฎิปทายํ วุโตฺต, โส รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสมาธิ ปญฺจวิเธน ปกาเรน เวทิตโพฺพฯ ‘‘กตเมนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ปีติผรณตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฐมทุติยชฺฌาเนสุ ปญฺญา ปีติผรณตา โหติฯ ปฐมทุติยตติยชฺฌาเนสุ ปญฺญา สุขผรณตา โหติฯ จตุตฺถชฺฌาเน เจโตปริยปญฺญา เจโตผรณตา โหติฯ ทิพฺพจกฺขุปญฺญา อาโลกผรณตา โหติฯ ฌานํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปวตฺตมานปญฺญา ปจฺจเวกฺขณานิมิตฺตํ โหติฯ อิติ ปญฺจวิเธน ปญฺญาปกาเรน วิจยิตฺวา เวทิตโพฺพติฯ ‘‘เตสุ ปญฺจวิเธสุ ปกาเรสุ กิตฺตโก สมโถ, กิตฺตกา วิปสฺสนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โย จ ปีติผรโณ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Paccuppannasukhādīsu samādhīsu kittako samatho, kittakā vipassanā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha yo ca samādhi paccuppannasukho’’tiādi vuttaṃ. Samatho, vipassanāti ca arahattaphalasamathavipassanāva adhippetā, na pubbabhāgasamathavipassanāti. Arahattaphalasamādhi pañcavidhena veditabboti ācariyena vutto, ‘‘tassa arahattaphalasamādhissa pubbabhāgapaṭipadāyaṃ vutto samādhi kittakena veditabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘so samādhi pañcavidhena veditabbo’’ti vuttaṃ. Yo rūpāvacaracatutthajjhānasamādhi pubbabhāgapaṭipadāyaṃ vutto, so rūpāvacaracatutthajjhānasamādhi pañcavidhena pakārena veditabbo. ‘‘Katamenā’’ti pucchitabbattā ‘‘pītipharaṇatā’’tiādi vuttaṃ. Paṭhamadutiyajjhānesu paññā pītipharaṇatā hoti. Paṭhamadutiyatatiyajjhānesu paññā sukhapharaṇatā hoti. Catutthajjhāne cetopariyapaññā cetopharaṇatā hoti. Dibbacakkhupaññā ālokapharaṇatā hoti. Jhānaṃ paccavekkhitvā pavattamānapaññā paccavekkhaṇānimittaṃ hoti. Iti pañcavidhena paññāpakārena vicayitvā veditabboti. ‘‘Tesu pañcavidhesu pakāresu kittako samatho, kittakā vipassanā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha yo ca pītipharaṇo’’tiādi vuttaṃ.

    ๕๕. สมฺปโยควเสน สมาธิ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ อารมฺมณวเสน วิภโตฺต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ทส กสิณายตนานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิเมหิ ทสหิ อารมฺมเณหิ กสิเณหิปิ สมาธิ วิจินิตฺวา เวทิตโพฺพติฯ ‘‘เตสุ ทสสุ กิตฺตโก สมโถ, กิตฺตกา วิปสฺสนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ยญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กสิณนฺติ จ กสิณมณฺฑลมฺปิ ปริกมฺมมฺปิ ปฎิภาคนิมิตฺตมฺปิ ตสฺมิํ ปฎิภาคนิมิเตฺต อุปฺปนฺนชฺฌานมฺปิ วุจฺจติ, อิธ ปน สสมฺปยุตฺตชฺฌานเมว อธิเปฺปตํฯ

    55. Sampayogavasena samādhi ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ ārammaṇavasena vibhatto’’ti pucchitabbattā ‘‘dasa kasiṇāyatanānī’’tiādi vuttaṃ. Imehi dasahi ārammaṇehi kasiṇehipi samādhi vicinitvā veditabboti. ‘‘Tesu dasasu kittako samatho, kittakā vipassanā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha yañcā’’tiādi vuttaṃ. Kasiṇanti ca kasiṇamaṇḍalampi parikammampi paṭibhāganimittampi tasmiṃ paṭibhāganimitte uppannajjhānampi vuccati, idha pana sasampayuttajjhānameva adhippetaṃ.

    ‘‘กิํ ปน วุตฺตปฺปกาโร สมาธิเยว สมถวิปสฺสนาย โยเชตโพฺพ, อุทาหุ อโญฺญปิ โยเชตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา สติปฎฺฐานาทิปุพฺพภาคปฎิปทาเภเทน อเนกเภทภิโนฺน นิรวเสโส อริยมโคฺคปิ วิจยิตฺวา โยเชตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ สโพฺพ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวนฺติ มยา วุตฺตนเยน วุตฺตนยานุสาเรน สโพฺพ นิรวเสโส สติปฎฺฐานาทิปุพฺพภาคปฎิปทาเภเทน อเนกเภทภิโนฺน อริโย มโคฺค โยเชตโพฺพฯ กถํ? เยน เยน อนภิชฺฌาทิอากาเรน ปจฺจุปฺปนฺนสุขตาทิอากาเรน สมาธิ มยา วุโตฺต, เตน เตน อนภิชฺฌาทิอากาเรน ปจฺจุปฺปนฺนสุขตาทิอากาเรน โย โย อริยมโคฺค สมเถน โยเชตุํ สมฺภวติ, โส โส อริยมโคฺค สมเถน วิจยิตฺวา โยชยิตโพฺพฯ โย โย อริยมโคฺค วิปสฺสนาย โยเชตุํ สมฺภวติ, โส โส อริยมโคฺค วิปสฺสนาย โยชยิตฺวา โยชยิตโพฺพติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Kiṃ pana vuttappakāro samādhiyeva samathavipassanāya yojetabbo, udāhu aññopi yojetabbo’’ti vattabbattā satipaṭṭhānādipubbabhāgapaṭipadābhedena anekabhedabhinno niravaseso ariyamaggopi vicayitvā yojetabboti dassetuṃ ‘‘evaṃ sabbo’’tiādi vuttaṃ. Tattha evanti mayā vuttanayena vuttanayānusārena sabbo niravaseso satipaṭṭhānādipubbabhāgapaṭipadābhedena anekabhedabhinno ariyo maggo yojetabbo. Kathaṃ? Yena yena anabhijjhādiākārena paccuppannasukhatādiākārena samādhi mayā vutto, tena tena anabhijjhādiākārena paccuppannasukhatādiākārena yo yo ariyamaggo samathena yojetuṃ sambhavati, so so ariyamaggo samathena vicayitvā yojayitabbo. Yo yo ariyamaggo vipassanāya yojetuṃ sambhavati, so so ariyamaggo vipassanāya yojayitvā yojayitabboti attho gahetabbo.

    ‘‘เยหิ สมถาธิฎฺฐาเนหิ วิปสฺสนาธเมฺมหิ โยชยิตโพฺพ, เต สมถาธิฎฺฐานา วิปสฺสนาธมฺมา กตเมหิ ธเมฺมหิ สงฺคหิตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เต ตีหิ ธเมฺมหิ สงฺคหิตา อนิจฺจตาย ทุกฺขตาย อนตฺตตายา’’ติ วุตฺตํ, เต สมถาธิฎฺฐานา วิปสฺสนาธมฺมา ‘‘อนิจฺจตาย ปญฺญาย ทุกฺขตาย ปญฺญาย อนตฺตตาย ปญฺญายา’’ติ ตีหิ อนุปสฺสนาธเมฺมหิ สงฺคหิตา คณฺหิตาติ อโตฺถฯ อนิจฺจตาทินา สหจรณโต อนุปสฺสนาปญฺญาปิ ‘‘อนิจฺจตา ทุกฺขตา อนตฺตตา’’ติ วุจฺจติฯ

    ‘‘Yehi samathādhiṭṭhānehi vipassanādhammehi yojayitabbo, te samathādhiṭṭhānā vipassanādhammā katamehi dhammehi saṅgahitā’’ti pucchitabbattā ‘‘te tīhi dhammehi saṅgahitā aniccatāya dukkhatāya anattatāyā’’ti vuttaṃ, te samathādhiṭṭhānā vipassanādhammā ‘‘aniccatāya paññāya dukkhatāya paññāya anattatāya paññāyā’’ti tīhi anupassanādhammehi saṅgahitā gaṇhitāti attho. Aniccatādinā sahacaraṇato anupassanāpaññāpi ‘‘aniccatā dukkhatā anattatā’’ti vuccati.

    ‘‘โย โยคี ปุคฺคโล สมถาธิฎฺฐานํ วิปสฺสนํ ภาวยมาโน โหติ, โส โยคี ปุคฺคโล กิํ ภาวยตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส สมถวิปสฺสนํ ภาวยมาโน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Yo yogī puggalo samathādhiṭṭhānaṃ vipassanaṃ bhāvayamāno hoti, so yogī puggalo kiṃ bhāvayatī’’ti pucchitabbattā ‘‘so samathavipassanaṃ bhāvayamāno’’tiādi vuttaṃ.

    สมถวิปสฺสนาทีนิ ภาวยมาโน ปุคฺคโล ราคจริโต โทสจริโต โมหจริโตติ ติวิโธ, ‘‘ตตฺถ กตโม ปุคฺคโล กตเมน กตเมน วิโมกฺขมุเขน นิยฺยาติ, กตมายํ กตมายํ สิกฺขโนฺต, กตมํ กตมํ ปชหโนฺต, กตมํ กตมํ อนุปคจฺฉโนฺต, กตมํ กตมํ ปริชานโนฺต, กตมํ กตมํ ปวาเหโนฺต, กตมํ กตมํ นิทฺธุนโนฺต, กตมํ กตมํ วเมโนฺต, กตมํ กตมํ นิพฺพาเปโนฺต, กตมํ กตมํ อุปฺปาเฎโนฺต, กตมํ กตมํ วิชเฎโนฺต นิยฺยาตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ราคจริโต ปุคฺคโล’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิทานิ เยสํ ปุคฺคลานํ ยตฺถ สิกฺขนฺตานํ วิเสสโต นิยฺยานมุขานิ, เยสญฺจ กิเลสานํ ปฎิปกฺขภูตานิ ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ, เตหิ สทฺธิํ ตานิ ทเสฺสตุํ ‘ราคจริโต’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถปิ อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๕) วุโตฺตเยวฯ

    Samathavipassanādīni bhāvayamāno puggalo rāgacarito dosacarito mohacaritoti tividho, ‘‘tattha katamo puggalo katamena katamena vimokkhamukhena niyyāti, katamāyaṃ katamāyaṃ sikkhanto, katamaṃ katamaṃ pajahanto, katamaṃ katamaṃ anupagacchanto, katamaṃ katamaṃ parijānanto, katamaṃ katamaṃ pavāhento, katamaṃ katamaṃ niddhunanto, katamaṃ katamaṃ vamento, katamaṃ katamaṃ nibbāpento, katamaṃ katamaṃ uppāṭento, katamaṃ katamaṃ vijaṭento niyyātī’’ti pucchitabbattā ‘‘rāgacarito puggalo’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idāni yesaṃ puggalānaṃ yattha sikkhantānaṃ visesato niyyānamukhāni, yesañca kilesānaṃ paṭipakkhabhūtāni tīṇi vimokkhamukhāni, tehi saddhiṃ tāni dassetuṃ ‘rāgacarito’tiādi vutta’’nti vuttaṃ. Tassatthopi aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 55) vuttoyeva.

    ‘‘กสฺมา ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ ภาวยโนฺต ตโย ขเนฺธ ภาวยตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ สุญฺญตวิโมกฺขมุข’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ วิโมกฺขมุเขสุฯ สุญฺญตวิโมกฺขมุขํ ปญฺญากฺขโนฺธ อนตฺตานุปสฺสนาย ปญฺญาปธานตฺตาฯ อนิมิตฺตวิโมกฺขมุขํ สมาธิกฺขโนฺธ อนิจฺจานุปสฺสนาย สมาธิปธานตฺตาฯ อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขํ สีลกฺขโนฺธ ทุกฺขานุปสฺสนาย สีลปธานตฺตาฯ อิติ ตีหิ วิโมกฺขมุเขหิ ติณฺณํ ขนฺธานํ สงฺคหิตตฺตา ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ ภาวยโนฺต โส โยคี ปุคฺคโล ตโย ขเนฺธ ภาวยติเยวาติ ปญฺญาปธานาทิภาโว อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๕) วุโตฺตฯ ตโย ขเนฺธ ภาวยโนฺต อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาวยติฯ ‘‘กสฺมา ภาวยตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kasmā tīṇi vimokkhamukhāni bhāvayanto tayo khandhe bhāvayatī’’ti vattabbattā ‘‘tattha suññatavimokkhamukha’’ntiādi vuttaṃ. Tatthāti tesu tīsu vimokkhamukhesu. Suññatavimokkhamukhaṃ paññākkhandho anattānupassanāya paññāpadhānattā. Animittavimokkhamukhaṃ samādhikkhandho aniccānupassanāya samādhipadhānattā. Appaṇihitavimokkhamukhaṃ sīlakkhandho dukkhānupassanāya sīlapadhānattā. Iti tīhi vimokkhamukhehi tiṇṇaṃ khandhānaṃ saṅgahitattā tīṇi vimokkhamukhāni bhāvayanto so yogī puggalo tayo khandhe bhāvayatiyevāti paññāpadhānādibhāvo aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 55) vutto. Tayo khandhe bhāvayanto ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvayati. ‘‘Kasmā bhāvayatī’’ti vattabbattā kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘tattha yā’’tiādi vuttaṃ.

    ติณฺณํ ขนฺธานํ อริยอฎฺฐงฺคิกมคฺคภาโว วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ชานิโต, ‘‘กถํ สมถวิปสฺสนาภาโว ชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ติณฺณํ ขนฺธานํ สมถวิปสฺสนาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ สีลกฺขโนฺธ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘โย โยคี ปุคฺคโล สมถวิปสฺสนํ ภาเวติ, ตสฺส โยคิโน ปุคฺคลสฺส ภวงฺคานิ กตมํ ภาวนํ คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โย สมถวิปสฺสนํ ภาเวติ, ตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กาโย จ จิตฺตญฺจ เทฺว ภวงฺคานิ อุปปตฺติภวสฺส องฺคานิ ภาวนํ วฑฺฒนํ คจฺฉนฺติฯ สีลญฺจ สมาธิ จ เทฺว ปทานิ เทฺว ปาทา ภวนิโรธคามินี ปฎิปทา ภาวนํ วฑฺฒนํ คจฺฉนฺติฯ

    Tiṇṇaṃ khandhānaṃ ariyaaṭṭhaṅgikamaggabhāvo vibhatto, amhehi ca jānito, ‘‘kathaṃ samathavipassanābhāvo jānitabbo’’ti vattabbattā tiṇṇaṃ khandhānaṃ samathavipassanābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘tattha sīlakkhandho cā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Yo yogī puggalo samathavipassanaṃ bhāveti, tassa yogino puggalassa bhavaṅgāni katamaṃ bhāvanaṃ gacchantī’’ti pucchitabbattā ‘‘yo samathavipassanaṃ bhāveti, tassā’’tiādi vuttaṃ. Kāyo ca cittañca dve bhavaṅgāni upapattibhavassa aṅgāni bhāvanaṃ vaḍḍhanaṃ gacchanti. Sīlañca samādhi ca dve padāni dve pādā bhavanirodhagāminī paṭipadā bhāvanaṃ vaḍḍhanaṃ gacchanti.

    ‘‘กถํ คจฺฉนฺตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โส โหติ ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภาวิตกาโยติ ภาวิโต กาโย กายอาภิสมาจาริโก, กายสํวโร วา เยน ภิกฺขุนาติ ภาวิตกาโยฯ เสเสสุปิ เอส นโยฯ กาเย กายอาภิสมาจาริเก, กายสํวเร วา ภาวิยมาเน สติ สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาวายาโม จ เทฺว ธมฺมา ภาวนํ คจฺฉนฺติ กายสมาจารสีลตฺตาฯ สีเล วาจาสํวรอาชีวสํวรวเสน ปวเตฺต สีเล ภาวิยมาเน สติ สมฺมาวาจา จ สมฺมาอาชีโว จ เทฺว ธมฺมา ภาวนํ คจฺฉนฺติ วาจาทิสํวรสีลตฺตาฯ จิเตฺต จิตฺตสํวรวเสน ปวเตฺต จิเตฺต ภาวิยมาเน สติ สมฺมาสติ จ สมฺมาสมาธิ จ เทฺว ธมฺมา ภาวนํ คจฺฉนฺติ จิตฺตสํวรสีลตฺตาฯ ปญฺญาย ภาวิยมานาย สติ สมฺมาทิฎฺฐิ จ สมฺมาสงฺกโปฺป จ เทฺว ธมฺมา ภาวนํ คจฺฉนฺติ สมานตฺตา, อุปการกตฺตา จฯ สมฺมาสงฺกเปฺปน หิ ปุนปฺปุนํ สงฺกปฺปนฺตสฺส ปญฺญา วฑฺฒตีติฯ

    ‘‘Kathaṃ gacchantī’’ti vattabbattā ‘‘so hoti bhikkhū’’tiādi vuttaṃ. Bhāvitakāyoti bhāvito kāyo kāyaābhisamācāriko, kāyasaṃvaro vā yena bhikkhunāti bhāvitakāyo. Sesesupi esa nayo. Kāye kāyaābhisamācārike, kāyasaṃvare vā bhāviyamāne sati sammākammanto, sammāvāyāmo ca dve dhammā bhāvanaṃ gacchanti kāyasamācārasīlattā. Sīle vācāsaṃvaraājīvasaṃvaravasena pavatte sīle bhāviyamāne sati sammāvācā ca sammāājīvo ca dve dhammā bhāvanaṃ gacchanti vācādisaṃvarasīlattā. Citte cittasaṃvaravasena pavatte citte bhāviyamāne sati sammāsati ca sammāsamādhi ca dve dhammā bhāvanaṃ gacchanti cittasaṃvarasīlattā. Paññāya bhāviyamānāya sati sammādiṭṭhi ca sammāsaṅkappo ca dve dhammā bhāvanaṃ gacchanti samānattā, upakārakattā ca. Sammāsaṅkappena hi punappunaṃ saṅkappantassa paññā vaḍḍhatīti.

    ‘‘สมฺมากมฺมโนฺต จ สมฺมาวายาโม จ เทฺว ธมฺมา กายวเสเนว วิภตฺตา วิเจตพฺพา กิํ, อุทาหุ จิตฺตวเสน วิภตฺตา วิเจตพฺพา กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โย จ สมฺมากมฺมโนฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กายสุจริตเจตนาภูโต โย จ สมฺมากมฺมโนฺต, ตํสหิโต โย จ สมฺมาวายาโม สิยา กายิโก, วิรติภูโต โย จ สมฺมากมฺมโนฺต, ตํสหิโต โย จ สมฺมาวายาโม สิยา เจตสิโก, ตตฺถ เตสุ กายิกเจตสิกภูเตสุ สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาวายาเมสุ โย สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาวายาโม กายสงฺคโห, โส สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาวายาโม กาเย กายอาภิสมาจาริเก, กายสํวเร วา ภาวิเต สติ ภาวนํ คจฺฉติฯ โย สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาวายาโม จิตฺตสงฺคโห, โส สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาวายาโม จิเตฺต จิตฺตสํวเร ภาวิเต สติ ภาวนํ คจฺฉตีติ โยชนาฯ

    ‘‘Sammākammanto ca sammāvāyāmo ca dve dhammā kāyavaseneva vibhattā vicetabbā kiṃ, udāhu cittavasena vibhattā vicetabbā ki’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha yo ca sammākammanto’’tiādi vuttaṃ. Kāyasucaritacetanābhūto yo ca sammākammanto, taṃsahito yo ca sammāvāyāmo siyā kāyiko, viratibhūto yo ca sammākammanto, taṃsahito yo ca sammāvāyāmo siyā cetasiko, tattha tesu kāyikacetasikabhūtesu sammākammantasammāvāyāmesu yo sammākammantasammāvāyāmo kāyasaṅgaho, so sammākammantasammāvāyāmo kāye kāyaābhisamācārike, kāyasaṃvare vā bhāvite sati bhāvanaṃ gacchati. Yo sammākammantasammāvāyāmo cittasaṅgaho, so sammākammantasammāvāyāmo citte cittasaṃvare bhāvite sati bhāvanaṃ gacchatīti yojanā.

    ‘‘สมถวิปสฺสนํ ภาวยโนฺต โส โยคี ปุคฺคโล กิตฺตกํ อธิคมํ คจฺฉตี’’ติ วิจยิตพฺพตฺตา ‘‘โส สมถวิปสฺสนํ ภาวยโนฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปญฺจวิธํ อริยมคฺคาธิคมํ ทเสฺสตุํ ‘‘ขิปฺปาธิคโม จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๕) วิภโตฺตฯ ‘‘เกน กตโม อธิคโม โหตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ สมเถนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Samathavipassanaṃ bhāvayanto so yogī puggalo kittakaṃ adhigamaṃ gacchatī’’ti vicayitabbattā ‘‘so samathavipassanaṃ bhāvayanto’’tiādi vuttaṃ. Pañcavidhaṃ ariyamaggādhigamaṃ dassetuṃ ‘‘khippādhigamo cā’’tiādi vuttaṃ. Tassattho aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 55) vibhatto. ‘‘Kena katamo adhigamo hotī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha samathenā’’tiādi vuttaṃ.

    ๕๖. ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติอาทิสุตฺตโตฺถ เวเนยฺยานํ อรหตฺตผลวิมุตฺติมุเขน อาจริเยน วิจยิโต วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘เทสกสฺส ทสพลสมนฺนาคตสฺส ทส พลานิ กถํ วิจยิตพฺพานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โย เทสยติ, โส ทสพลสมนฺนาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน –

    56. ‘‘Arakkhitena cittenā’’tiādisuttattho veneyyānaṃ arahattaphalavimuttimukhena ācariyena vicayito vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘desakassa dasabalasamannāgatassa dasa balāni kathaṃ vicayitabbānī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha yo desayati, so dasabalasamannāgato’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana –

    ‘‘อิติ มหาเถโร ‘ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสา’ติ คาถาย วเสน อรหตฺตผลวิมุตฺติมุเขน วิจยหารสมฺปาตํ นิทฺทิสโนฺต, เทสนากุสลตาย อเนเกหิ สุตฺตปฺปเทเสหิ ตสฺสา ปุพฺพภาคปฎิปทาย ภาวนาวิเสสานํ ภาวนานิสํสานญฺจ วิภชนวเสน นานปฺปการโต วิจยหารํ ทเสฺสตฺวา, อิทานิ ทสนฺนํ ตถาคตพลานมฺปิ วเสน ตํ ทเสฺสตุํ ‘ตตฺถ โย เทสยตี’ติอาทิมาหา’’ติ –

    ‘‘Iti mahāthero ‘tasmā rakkhitacittassā’ti gāthāya vasena arahattaphalavimuttimukhena vicayahārasampātaṃ niddisanto, desanākusalatāya anekehi suttappadesehi tassā pubbabhāgapaṭipadāya bhāvanāvisesānaṃ bhāvanānisaṃsānañca vibhajanavasena nānappakārato vicayahāraṃ dassetvā, idāni dasannaṃ tathāgatabalānampi vasena taṃ dassetuṃ ‘tattha yo desayatī’tiādimāhā’’ti –

    วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ สมถวิปสฺสนํ ภาวยเนฺตสุ สาสิตพฺพสาสเกสุฯ ทสพลสมนฺนาคโต โย เทสโก สตฺถา ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติอาทิธมฺมํ เทเสติ, โอวาเทน สาวเก น วิสํวาทยติ, ตสฺส เทสกสฺส สตฺถุโน ทส พลานิ วิจยิตพฺพานีติ โยชนาฯ

    Vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu samathavipassanaṃ bhāvayantesu sāsitabbasāsakesu. Dasabalasamannāgato yo desako satthā ‘‘arakkhitena cittenā’’tiādidhammaṃ deseti, ovādena sāvake na visaṃvādayati, tassa desakassa satthuno dasa balāni vicayitabbānīti yojanā.

    ‘‘กินฺติ เทเสตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส ติวิธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เตสุ ทสสุ ตถาคตพเลสุ ฐานาฎฺฐานญาณํ ปฐมํ ตถาคตพลํ นาม, ‘‘ตํ พลํ กถํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส ตถา โอวทิโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อโตฺถ อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๖) วุโตฺต, ปาฬิวเสนปิ ปากโฎฯ ‘‘เอตํ ฐานํ น วิชฺชตี’’ติ ชานนํ อฎฺฐานญาณํ นาม, ‘‘เอตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติ ชานนํ ฐานญาณํ นามาติ ฐานาฎฺฐานานํ ชานนญาณํ ปฐมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ (๑)

    ‘‘Kinti desetī’’ti pucchitabbattā ‘‘so tividha’’ntiādi vuttaṃ. Tesu dasasu tathāgatabalesu ṭhānāṭṭhānañāṇaṃ paṭhamaṃ tathāgatabalaṃ nāma, ‘‘taṃ balaṃ kathaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘so tathā ovadito’’tiādi vuttaṃ. Attho aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 56) vutto, pāḷivasenapi pākaṭo. ‘‘Etaṃ ṭhānaṃ na vijjatī’’ti jānanaṃ aṭṭhānañāṇaṃ nāma, ‘‘etaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti jānanaṃ ṭhānañāṇaṃ nāmāti ṭhānāṭṭhānānaṃ jānanañāṇaṃ paṭhamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti adhippāyo veditabbo. (1)

    ๕๗. ฐานาฎฺฐานญาณํ ปฐมํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ วิภตฺตํ อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กถํ สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาญาณํ ทุติยตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ ฐานาฎฺฐานตา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อยํ ปฎิปทา อิมสฺมิํ ภเว คามินี, อยํ ปฎิปทา อิมสฺมิํ ภเว คามินี’’ติ สพฺพตฺถ คามินิยา ปฎิปทาย ชานนญาณํ สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาญาณํ นามาติ สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาญาณํ ทุติยํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ (๒)

    57. Ṭhānāṭṭhānañāṇaṃ paṭhamaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ vibhattaṃ amhehi ca ñātaṃ, ‘‘kathaṃ sabbatthagāminipaṭipadāñāṇaṃ dutiyatathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti ṭhānāṭṭhānatā’’ti vuttaṃ. ‘‘Ayaṃ paṭipadā imasmiṃ bhave gāminī, ayaṃ paṭipadā imasmiṃ bhave gāminī’’ti sabbattha gāminiyā paṭipadāya jānanañāṇaṃ sabbatthagāminipaṭipadāñāṇaṃ nāmāti sabbatthagāminipaṭipadāñāṇaṃ dutiyaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti adhippāyo. (2)

    ๕๙. สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาญาณํ ทุติยํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กถํ อเนกธาตุนานาธาตุญาณํ ตติยํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ สพฺพตฺถคามินี ปฎิปทา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อยํ ธาตุ จ อยํ ธาตุ จ อเนกธาตุ นาม, อยํ ธาตุ จ อยํ ธาตุ จ นานาธาตุ นามา’’ติ อเนกธาตุนานาธาตูนํ ชานนญาณํ อเนกธาตุนานาธาตุญาณํ นามาติ อเนกธาตุนานาธาตุญาณํ ตติยํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ (๓)

    59. Sabbatthagāminipaṭipadāñāṇaṃ dutiyaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘kathaṃ anekadhātunānādhātuñāṇaṃ tatiyaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti sabbatthagāminī paṭipadā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ayaṃ dhātu ca ayaṃ dhātu ca anekadhātu nāma, ayaṃ dhātu ca ayaṃ dhātu ca nānādhātu nāmā’’ti anekadhātunānādhātūnaṃ jānanañāṇaṃ anekadhātunānādhātuñāṇaṃ nāmāti anekadhātunānādhātuñāṇaṃ tatiyaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti. (3)

    ๖๐. อเนกธาตุนานาธาตุญาณํ ตติยํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กถํ สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตาญาณํ จตุตฺถํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ อเนกธาตุนานาธาตุกสฺส โลกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อิเม สตฺตา เอวํ อธิมุตฺตา, อิเม สตฺตา เอวํ อธิมุตฺตา’’ติ สตฺตานํ อธิมุจฺจนานํ ชานนญาณํ สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตาญาณํ นามาติ สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตาญาณํ จตุตฺถํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ (๔)

    60. Anekadhātunānādhātuñāṇaṃ tatiyaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘kathaṃ sattānaṃ nānādhimuttikatāñāṇaṃ catutthaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti anekadhātunānādhātukassa lokassā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ime sattā evaṃ adhimuttā, ime sattā evaṃ adhimuttā’’ti sattānaṃ adhimuccanānaṃ jānanañāṇaṃ sattānaṃ nānādhimuttikatāñāṇaṃ nāmāti sattānaṃ nānādhimuttikatāñāṇaṃ catutthaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti. (4)

    สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตาญาณํ จตุตฺถํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิภตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กถํ วิปากเวมตฺตตาญาณํ ปญฺจมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ เต ยถาธิมุตฺตา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ อธิมุตฺตานํ สตฺตานํ อิทํ กมฺมํ กณฺหํ, อิมสฺส กณฺหกมฺมสฺส อยํ วิปาโกฯ อิทํ กมฺมํ สุกฺกํ, อิมสฺส สุกฺกกมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ เอวมาทีหิ วิปากานํ นานตฺตชานนญาณํ วิปากเวมตฺตตาญาณํ นามาติ วิปากเวมตฺตตาญาณํ ปญฺจมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ

    Sattānaṃ nānādhimuttikatāñāṇaṃ catutthaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vibhattaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘kathaṃ vipākavemattatāñāṇaṃ pañcamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti te yathādhimuttā cā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Evaṃ adhimuttānaṃ sattānaṃ idaṃ kammaṃ kaṇhaṃ, imassa kaṇhakammassa ayaṃ vipāko. Idaṃ kammaṃ sukkaṃ, imassa sukkakammassa ayaṃ vipāko’’ti evamādīhi vipākānaṃ nānattajānanañāṇaṃ vipākavemattatāñāṇaṃ nāmāti vipākavemattatāñāṇaṃ pañcamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti.

    ๖๒. วิปากเวมตฺตตาญาณํ ปญฺจมํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กถํ ฌานานํ สํกิเลสโวทานวุฎฺฐานญาณํ ฉฎฺฐํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ ตถา สมาทินฺนาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ สมาทินฺนานํ กมฺมานํ ฌานานํ วิโมกฺขานํ สมาธีนํ สมาปตฺตีนํ อยํ สํกิเลโส, อิทํ โวทานํ, อิทํ วุฎฺฐานํ, เอวํ สํกิลิสฺสติ, เอวํ โวทายติ, เอวํ วุฎฺฐหตี’’ติ ฌานานํ สํกิเลสโวทานวุฎฺฐานานํ อนาวรณญาณํ ฌานานํ สํกิเลสโวทานวุฎฺฐานญาณํ นามาติ ฌานานํ สํกิเลสโวทานวุฎฺฐานญาณํ ฉฎฺฐํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ (๕)

    62. Vipākavemattatāñāṇaṃ pañcamaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘kathaṃ jhānānaṃ saṃkilesavodānavuṭṭhānañāṇaṃ chaṭṭhaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti tathā samādinnāna’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Evaṃ samādinnānaṃ kammānaṃ jhānānaṃ vimokkhānaṃ samādhīnaṃ samāpattīnaṃ ayaṃ saṃkileso, idaṃ vodānaṃ, idaṃ vuṭṭhānaṃ, evaṃ saṃkilissati, evaṃ vodāyati, evaṃ vuṭṭhahatī’’ti jhānānaṃ saṃkilesavodānavuṭṭhānānaṃ anāvaraṇañāṇaṃ jhānānaṃ saṃkilesavodānavuṭṭhānañāṇaṃ nāmāti jhānānaṃ saṃkilesavodānavuṭṭhānañāṇaṃ chaṭṭhaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti. (5)

    ๖๓. ฌานานํ สํกิเลสญาณํ ฉฎฺฐํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ, ‘‘กถํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตเวมตฺตตาญาณํ สตฺตมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ ตเสฺสว สมาธิสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ อาธิปเตยฺยเฎฺฐน อินฺทฺริยานิ, เอวํ อกมฺปิยเฎฺฐน พลานี’’ติ ชานเนน สห ‘‘อยํ มุทินฺทฺริโย, อยํ มชฺฌินฺทฺริโย, อยํ ติกฺขินฺทฺริโย’’ติ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยพลานํ อมุทุมชฺฌาธิมตฺตตาชานนญาณํอมุทุมชฺฌาธิมตฺตตาชานนญาณํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตเวมตฺตตาญาณํ นามาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตเวมตฺตตาญาณํ สตฺตมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ (๖)

    63. Jhānānaṃ saṃkilesañāṇaṃ chaṭṭhaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ, ‘‘kathaṃ indriyaparopariyattavemattatāñāṇaṃ sattamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti tasseva samādhissā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Evaṃ ādhipateyyaṭṭhena indriyāni, evaṃ akampiyaṭṭhena balānī’’ti jānanena saha ‘‘ayaṃ mudindriyo, ayaṃ majjhindriyo, ayaṃ tikkhindriyo’’ti parasattānaṃ parapuggalānaṃ indriyabalānaṃ amudumajjhādhimattatājānanañāṇaṃamudumajjhādhimattatājānanañāṇaṃ indriyaparopariyattavemattatāñāṇaṃ nāmāti indriyaparopariyattavemattatāñāṇaṃ sattamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti. (6)

    ๖๔. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณํ สตฺตมํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ, ‘‘กถํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ อฎฺฐมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพํ, กถํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ นวมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ ตตฺถ ยํ อเนกวิหิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘เอกํ ชาติ’’นฺติอาทินา ชาติวเสน วา ‘‘เอวํนาโม’’ติอาทินา นามโคตฺตวณฺณาหารสุขทุกฺขปฎิสํเวทนาย ปริยนฺตวเสน วา สาการสฺส สอุเทฺทสสฺส อเนกวิหิตปุเพฺพนิวาสสฺส ตํตํภวสฺส อเสสโต ชานนญาณํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ นามาติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ อฎฺฐมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ (๗)

    64. Indriyaparopariyattañāṇaṃ sattamaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ, ‘‘kathaṃ pubbenivāsānussatiñāṇaṃ aṭṭhamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbaṃ, kathaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ navamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti tattha yaṃ anekavihita’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Ekaṃ jāti’’ntiādinā jātivasena vā ‘‘evaṃnāmo’’tiādinā nāmagottavaṇṇāhārasukhadukkhapaṭisaṃvedanāya pariyantavasena vā sākārassa sauddesassa anekavihitapubbenivāsassa taṃtaṃbhavassa asesato jānanañāṇaṃ pubbenivāsānussatiñāṇaṃ nāmāti pubbenivāsānussatiñāṇaṃ aṭṭhamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti. (7)

    จวมานอุปปชฺชมานหีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณสุคตทุคฺคตยถากมฺมูปคานํ สตฺตานํ อเสสโต จุตูปปาตานํ ชานนญาณํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ นามาติ ทิพฺพจกฺขุญาณํ นวมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติฯ (๘-๙)

    Cavamānaupapajjamānahīnapaṇītasuvaṇṇadubbaṇṇasugataduggatayathākammūpagānaṃ sattānaṃ asesato cutūpapātānaṃ jānanañāṇaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ nāmāti dibbacakkhuñāṇaṃ navamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti. (8-9)

    ปุเพฺพนิวาสาทิอฎฺฐมนวมํ ตถาคตพลํ อาจริเยน วิจยิตํ วิภตฺตํ, ‘‘กถํ สพฺพาสวกฺขยญาณํ ทสมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ ตตฺถ ย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ โพธิมูเล สํกิเลสมารนิหนํ ญาณํ อุปฺปนฺนํ, อิทํ กิเลสมารนิหนํ ญาณํ สพฺพาสวกฺขยญาณํ นามาติ สพฺพาสวกฺขยญาณํ ทสมํ ตถาคตพลํ วิจยิตพฺพนฺติ อยํ สเงฺขปโตฺถฯ วิตฺถารโต ปน ปาฬิโต จ อฎฺฐกถาโต จ ยติโปตานมฺปิ ปากโฎ ภเวยฺยาติ มญฺญิตฺวา น ทสฺสิโตฯ(๑๐)

    Pubbenivāsādiaṭṭhamanavamaṃ tathāgatabalaṃ ācariyena vicayitaṃ vibhattaṃ, ‘‘kathaṃ sabbāsavakkhayañāṇaṃ dasamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘iti tattha ya’’ntiādi vuttaṃ. Bodhimūle saṃkilesamāranihanaṃ ñāṇaṃ uppannaṃ, idaṃ kilesamāranihanaṃ ñāṇaṃ sabbāsavakkhayañāṇaṃ nāmāti sabbāsavakkhayañāṇaṃ dasamaṃ tathāgatabalaṃ vicayitabbanti ayaṃ saṅkhepattho. Vitthārato pana pāḷito ca aṭṭhakathāto ca yatipotānampi pākaṭo bhaveyyāti maññitvā na dassito.(10)

    ‘‘เอตฺตโกว วิจยหารสมฺปาโต ปริปุโณฺณ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต วิจโย หารสมฺปาโต’’ติ วุตฺตํฯ เย เย สุตฺตปฺปเทสตฺถา วุตฺตา, เต เต สุตฺตปฺปเทสตฺถา เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน วิจยหารสมฺปาเตน วิจยิตพฺพา, โส โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต วิจยหารสมฺปาโต นิยุโตฺต ยถารหํ นีหริตฺวา ยุชฺชิตโพฺพติ อโตฺถ คเหตโพฺพติฯ

    ‘‘Ettakova vicayahārasampāto paripuṇṇo’’ti vattabbattā ‘‘niyutto vicayo hārasampāto’’ti vuttaṃ. Ye ye suttappadesatthā vuttā, te te suttappadesatthā yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena vicayahārasampātena vicayitabbā, so so saṃvaṇṇanāvisesabhūto vicayahārasampāto niyutto yathārahaṃ nīharitvā yujjitabboti attho gahetabboti.

    อิติ วิจยหารสมฺปาเต สตฺติพลานุรูปา รจิตา

    Iti vicayahārasampāte sattibalānurūpā racitā

    วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhāvanā niṭṭhitā.

    ปณฺฑิเตหิ ปน…เป.… คเหตโพฺพติฯ

    Paṇḍitehi pana…pe… gahetabboti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. วิจยหารสมฺปาโต • 2. Vicayahārasampāto

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. วิจยหารสมฺปาตวณฺณนา • 2. Vicayahārasampātavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๒. วิจยหารสมฺปาตวณฺณนา • 2. Vicayahārasampātavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact