Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา
2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā
๑๑. ตตฺถ กตโม วิจโย หาโรติอาทิ วิจยหารวิภโงฺคฯ ตตฺถายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – กิํ วิจินตีติ เอตฺถ ‘‘วิจินตี’’ติ เอเตน วิจยสทฺทสฺส กตฺตุนิเทฺทสตํ ทเสฺสติฯ กินฺติ ปนตฺถสฺส หารสฺส วิสโย ปุจฺฉิโตติ ตํ ตสฺส วิสยํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปทํ วิจินตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปทํ วิจินตีติ อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว นิคมนา สุตฺตสฺส สพฺพํ ปทํ วิจินติฯ อยญฺจ วิจโย ทุวิโธ สทฺทโต อตฺถโต จฯ เตสุ ‘‘อิทํ นามปทํ, อิทํ อาขฺยาตปทํ, อิทํ อุปสคฺคปทํ, อิทํ นิปาตปทํ, อิทํ อิตฺถิลิงฺคํ, อิทํ ปุริสลิงฺคํ, อิทํ นปุํสกลิงฺคํ, อิทํ อตีตกาลํ, อิทํ อนาคตกาลํ, อิทํ วตฺตมานกาลํ, อิทํ กตฺตุสาธนํ, อิทํ กรณสาธนํ, อิทํ กมฺมสาธนํ, อิทํ อธิกรณสาธนํ, อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ, อิทํ อุปโยควจนํ, ยาว อิทํ ภุมฺมวจนํ, อิทํ เอกวจนํ, อิทํ อเนกวจน’’นฺติ เอวมาทิวิภาควจนํ, อยํ สทฺทโต ปทวิจโยฯ โส ปนายํ ปทวิจโย อวิปรีตสภาวนิรุตฺติสลฺลกฺขเณเนว สมฺปชฺชตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อตฺถโต ปน วิจโย เตน เตน ปเทน วตฺตพฺพอตฺถสํวณฺณนาฯ สเจ ปน ปทํ ปุจฺฉาทิวเสน ปวตฺตํ, ตสฺส ตทตฺถสฺส จ ปุจฺฉาทิภาโว วิเจตโพฺพติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺหํ วิจินตี’’ติอาทิมาหฯ
11.Tattha katamo vicayo hārotiādi vicayahāravibhaṅgo. Tatthāyaṃ apubbapadavaṇṇanā – kiṃ vicinatīti ettha ‘‘vicinatī’’ti etena vicayasaddassa kattuniddesataṃ dasseti. Kinti panatthassa hārassa visayo pucchitoti taṃ tassa visayaṃ dassetuṃ ‘‘padaṃ vicinatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha padaṃ vicinatīti ādito paṭṭhāya yāva nigamanā suttassa sabbaṃ padaṃ vicinati. Ayañca vicayo duvidho saddato atthato ca. Tesu ‘‘idaṃ nāmapadaṃ, idaṃ ākhyātapadaṃ, idaṃ upasaggapadaṃ, idaṃ nipātapadaṃ, idaṃ itthiliṅgaṃ, idaṃ purisaliṅgaṃ, idaṃ napuṃsakaliṅgaṃ, idaṃ atītakālaṃ, idaṃ anāgatakālaṃ, idaṃ vattamānakālaṃ, idaṃ kattusādhanaṃ, idaṃ karaṇasādhanaṃ, idaṃ kammasādhanaṃ, idaṃ adhikaraṇasādhanaṃ, idaṃ paccattavacanaṃ, idaṃ upayogavacanaṃ, yāva idaṃ bhummavacanaṃ, idaṃ ekavacanaṃ, idaṃ anekavacana’’nti evamādivibhāgavacanaṃ, ayaṃ saddato padavicayo. So panāyaṃ padavicayo aviparītasabhāvaniruttisallakkhaṇeneva sampajjatīti daṭṭhabbaṃ. Atthato pana vicayo tena tena padena vattabbaatthasaṃvaṇṇanā. Sace pana padaṃ pucchādivasena pavattaṃ, tassa tadatthassa ca pucchādibhāvo vicetabboti imamatthaṃ dassento ‘‘pañhaṃ vicinatī’’tiādimāha.
ยสฺมา จ สโพฺพ เทสนาหาโร วิจยหารสฺส วิสโย สุตฺตสฺส วิจโยติ กตฺวา, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อสฺสาทํ วิจินตี’’ติอาทิฯ ยสฺมา ปน อนุคีตีติ เอตฺถ อนุรูปา คีติ อนุคีตีติ อยมฺปิ อโตฺถ อิจฺฉิโต, ตสฺมา วิจิยมานสฺส สุตฺตปทสฺส อนุรูปโต สุตฺตนฺตรปทานิปิ อตฺถุทฺธารวเสน วา ปทุทฺธารวเสน วา อาเนตฺวา วิเจตพฺพานีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สเพฺพ นว สุตฺตเนฺต วิจินตี’’ติ อาหฯ นว สุตฺตเนฺตติ สุตฺตเคยฺยาทิเก นว สุเตฺต, ยถาสมฺภวโตติ อธิปฺปาโยฯ อยํ วิจยหารสฺส ปทตฺถนิเทฺทโสฯ
Yasmā ca sabbo desanāhāro vicayahārassa visayo suttassa vicayoti katvā, tasmā vuttaṃ – ‘‘assādaṃ vicinatī’’tiādi. Yasmā pana anugītīti ettha anurūpā gīti anugītīti ayampi attho icchito, tasmā viciyamānassa suttapadassa anurūpato suttantarapadānipi atthuddhāravasena vā paduddhāravasena vā ānetvā vicetabbānīti dassento ‘‘sabbe nava suttante vicinatī’’ti āha. Nava suttanteti suttageyyādike nava sutte, yathāsambhavatoti adhippāyo. Ayaṃ vicayahārassa padatthaniddeso.
เอวํ นิเทฺทสวาเร วิจยหาโร สเงฺขปโต นิทฺทิโฎฺฐติ ตํ วิภาเคน นิทฺทิสิตฺวา ปฎินิเทฺทสวเสน วิภชโนฺต ยสฺมา ปทวิจโย สุตฺตสฺส อนุปทํ ปวเตฺตตพฺพตาย อติภาริโก น สุกโร จาติ ตํ อนามสิตฺวา ปญฺหวิสฺสชฺชนวิจเย ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา กิํ ภเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา กิํ ภเวติ เยน ปกาเรน โส วิจโย ปวเตฺตตโพฺพ, ตํ ปการชาตํ กิํ ภเว, กีทิสํ ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘ยถา กิํ ภเวยฺยา’’ติปิ ปาโฐฯ ปุน ยถาติ นิปาตมตฺตํฯ อายสฺมาติ ปิยวจนํ อชิโตติ พาวรีพฺราหฺมณสฺส ปริจารกภูตานํ โสฬสนฺนํ อญฺญตโรฯ ปารายเนติ ปารํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตสฺส อธิคมูปายเทสนตฺตา กิญฺจาปิ สพฺพํ ภควโต วจนํ ‘‘ปารายน’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, สงฺคีติกาเรหิ ปน วตฺถุคาถานุคีติคาถาทีหิ สทฺธิํ อชิตสุตฺตาทีนํ (สุ. นิ. ๑๐๓๘ อาทโย; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉา ๕๗ อาทโย, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑ อาทโย) โสฬสนฺนํ สุตฺตานํ อิทํ นามํ กตนฺติ เตสเญฺญว ปารายนสมญฺญาติ อาห ‘‘ปารายเน’’ติฯ เกจิ ‘‘ปารายนิโก’’ติ ปฐนฺติฯ เต กิร ตาปสปพฺพชฺชูปคมนโต ปุเพฺพ ปารายนํ อธียนฺตา วิจริํสุฯ ตสฺมา อยมฺปิ ปารายนํ วเตฺตตีติ ปารายนิโกติ วุโตฺตฯ ปุจฺฉตีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปุจฺฉานิพฺพตฺตตฺตา อตีตาติ? สจฺจเมตํ, ปุจฺฉนาการํ ปน พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานํ กตฺวา เอวมาหฯ
Evaṃ niddesavāre vicayahāro saṅkhepato niddiṭṭhoti taṃ vibhāgena niddisitvā paṭiniddesavasena vibhajanto yasmā padavicayo suttassa anupadaṃ pavattetabbatāya atibhāriko na sukaro cāti taṃ anāmasitvā pañhavissajjanavicaye tāva dassento ‘‘yathā kiṃ bhave’’tiādimāha. Tattha yathā kiṃ bhaveti yena pakārena so vicayo pavattetabbo, taṃ pakārajātaṃ kiṃ bhave, kīdisaṃ bhaveyyāti attho. ‘‘Yathā kiṃ bhaveyyā’’tipi pāṭho. Puna yathāti nipātamattaṃ. Āyasmāti piyavacanaṃ ajitoti bāvarībrāhmaṇassa paricārakabhūtānaṃ soḷasannaṃ aññataro. Pārāyaneti pāraṃ vuccati nibbānaṃ, tassa adhigamūpāyadesanattā kiñcāpi sabbaṃ bhagavato vacanaṃ ‘‘pārāyana’’nti vattabbataṃ arahati, saṅgītikārehi pana vatthugāthānugītigāthādīhi saddhiṃ ajitasuttādīnaṃ (su. ni. 1038 ādayo; cūḷani. ajitamāṇavapucchā 57 ādayo, ajitamāṇavapucchāniddesa 1 ādayo) soḷasannaṃ suttānaṃ idaṃ nāmaṃ katanti tesaññeva pārāyanasamaññāti āha ‘‘pārāyane’’ti. Keci ‘‘pārāyaniko’’ti paṭhanti. Te kira tāpasapabbajjūpagamanato pubbe pārāyanaṃ adhīyantā vicariṃsu. Tasmā ayampi pārāyanaṃ vattetīti pārāyanikoti vutto. Pucchatīti kasmā vuttaṃ, nanu pucchānibbattattā atītāti? Saccametaṃ, pucchanākāraṃ pana buddhiyaṃ viparivattamānaṃ katvā evamāha.
ปุจฺฉา จ นาเมสา อทิฎฺฐโชตนาปุจฺฉา ทิฎฺฐสํสนฺทนา วิมติเจฺฉทนา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา เอกํสพฺยากรณียา วิภชฺชพฺยากรณียา ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณียา ฐปนียา ธมฺมาธิฎฺฐานา สตฺตาธิฎฺฐานาติ อเนกวิธาฯ ตสฺมา ‘‘กิมยํ ปุจฺฉา อทิฎฺฐโชตนา’’ติอาทินา ยถาสมฺภวํ ปุจฺฉา วิเจตพฺพาฯ ยถา เจตฺถ ปุจฺฉาวิภาโค, เอวํ วิสฺสชฺชนวิภาโคปิ วิสฺสชฺชนวิจเย ยถาสมฺภวํ วตฺตโพฺพฯ ปุจฺฉาสภาเคน หิ วิสฺสชฺชนนฺติฯ อิธ ปน วิมติเจฺฉทนํ สตฺตาธิฎฺฐานํ ปุจฺฉํ อุทาหริตฺวา ตตฺถ วิจยนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิมาหฯ
Pucchā ca nāmesā adiṭṭhajotanāpucchā diṭṭhasaṃsandanā vimaticchedanā anumatipucchā kathetukamyatāpucchā ekaṃsabyākaraṇīyā vibhajjabyākaraṇīyā paṭipucchābyākaraṇīyā ṭhapanīyā dhammādhiṭṭhānā sattādhiṭṭhānāti anekavidhā. Tasmā ‘‘kimayaṃ pucchā adiṭṭhajotanā’’tiādinā yathāsambhavaṃ pucchā vicetabbā. Yathā cettha pucchāvibhāgo, evaṃ vissajjanavibhāgopi vissajjanavicaye yathāsambhavaṃ vattabbo. Pucchāsabhāgena hi vissajjananti. Idha pana vimaticchedanaṃ sattādhiṭṭhānaṃ pucchaṃ udāharitvā tattha vicayanākāraṃ dassetuṃ ‘‘kenassu nivuto loko’’tiādimāha.
ตตฺถ เกนาติ กตฺตริ กรณวจนํฯ สูติ นิปาตมตฺตํ, สูติ วา สํสเย นิปาโต, เตนสฺส ปญฺหสฺส วิมติเจฺฉทนปุจฺฉาภาวํ ทเสฺสติฯ นิวุโตติ ปฎิจฺฉาทิโตฯ โลโกติ สตฺตโลโกฯ อิจฺจายสฺมา อชิโตติ สงฺคีติการกวจนํฯ นปฺปกาสตีติ น ปญฺญายติฯ กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสีติ กิํ อสฺส โลกสฺส อภิเลปนํ วทสิฯ ‘‘กิํ สฺวาภิเลปน’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺส กิํ สุ อภิเลปนนฺติ ปทวิภาโคฯ
Tattha kenāti kattari karaṇavacanaṃ. Sūti nipātamattaṃ, sūti vā saṃsaye nipāto, tenassa pañhassa vimaticchedanapucchābhāvaṃ dasseti. Nivutoti paṭicchādito. Lokoti sattaloko. Iccāyasmā ajitoti saṅgītikārakavacanaṃ. Nappakāsatīti na paññāyati. Kissābhilepanaṃ brūsīti kiṃ assa lokassa abhilepanaṃ vadasi. ‘‘Kiṃ svābhilepana’’ntipi pāṭho, tassa kiṃ su abhilepananti padavibhāgo.
ปทานีติ ปชฺชติ เอเตหิ อโตฺถติ ปทานิ, วากฺยานิฯ ปุจฺฉิตานีติ ปุจฺฉาภาเวน วุตฺตานีติ อโตฺถฯ เอโก ปโญฺหติ ยทิปิ จตฺตาริ ปทานิ ปุจฺฉนวเสน วุตฺตานิ, ญาตุํ อิจฺฉิโต ปน อโตฺถ เอโก เอวาติ ‘‘เอโก ปโญฺห’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘เอกวตฺถุปริคฺคหา’’ติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – กิญฺจาปิ นิวารณอปฺปกาสนอภิเลปนมหาภยสงฺขาตา ปุจฺฉาย คหิตา จตฺตาโร เอเต อตฺถา, เต ปเนกํ โลกํ ปติคุณภูตา, โลโก ปธานภาเวน คหิโตติ ตพฺพเสน เอโกวายํ ปโญฺหติฯ เตเนวาห ‘‘โลกาธิฎฺฐาน’’นฺติอาทิฯ โก ปน โส โลโกติ? อาห ‘‘โลโก ติวิโธ’’ติอาทิฯ
Padānīti pajjati etehi atthoti padāni, vākyāni. Pucchitānīti pucchābhāvena vuttānīti attho. Eko pañhoti yadipi cattāri padāni pucchanavasena vuttāni, ñātuṃ icchito pana attho eko evāti ‘‘eko pañho’’ti vuttaṃ. Tattha kāraṇamāha ‘‘ekavatthupariggahā’’ti. Idaṃ vuttaṃ hoti – kiñcāpi nivāraṇaappakāsanaabhilepanamahābhayasaṅkhātā pucchāya gahitā cattāro ete atthā, te panekaṃ lokaṃ patiguṇabhūtā, loko padhānabhāvena gahitoti tabbasena ekovāyaṃ pañhoti. Tenevāha ‘‘lokādhiṭṭhāna’’ntiādi. Ko pana so lokoti? Āha ‘‘loko tividho’’tiādi.
ตตฺถ ราคาทิกิเลสพหุลตาย กามาวจรสตฺตา กิเลสโลโกฯ ฌานาภิญฺญาปริพุทฺธิยา รูปาวจรสตฺตา ภวโลโกฯ อาเนญฺชสมาธิพหุลตาย วิสทินฺทฺริยตฺตา อรูปาวจรสตฺตา อินฺทฺริยโลโกฯ อถ วา กิลิสฺสนํ กิเลโส, วิปากทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ ตสฺมา ทุกฺขพหุลตาย อปาเยสุ สตฺตา กิเลสโลโกฯ ตทเญฺญ สตฺตา สมฺปตฺติภวภาวโต ภวโลโกฯ ตตฺถ เย วิมุตฺติปริปาจเกหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคตา สตฺตา, โส อินฺทฺริยโลโกติ เวทิตพฺพํฯ ปริยาปนฺนธมฺมวเสน โลกสมญฺญาติ อริยปุคฺคลา อิธ น สงฺคยฺหนฺติฯ
Tattha rāgādikilesabahulatāya kāmāvacarasattā kilesaloko. Jhānābhiññāparibuddhiyā rūpāvacarasattā bhavaloko. Āneñjasamādhibahulatāya visadindriyattā arūpāvacarasattā indriyaloko. Atha vā kilissanaṃ kileso, vipākadukkhanti attho. Tasmā dukkhabahulatāya apāyesu sattā kilesaloko. Tadaññe sattā sampattibhavabhāvato bhavaloko. Tattha ye vimuttiparipācakehi indriyehi samannāgatā sattā, so indriyalokoti veditabbaṃ. Pariyāpannadhammavasena lokasamaññāti ariyapuggalā idha na saṅgayhanti.
อวิชฺชาย นิวุโต โลโกติ จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อนฺธกาเรน วิย รถฆฎาทิธมฺมสภาวปฺปฎิจฺฉาทนลกฺขณาย อวิชฺชาย นิวุโต ปฎิจฺฉาทิโต โลโกฯ วิวิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉาเหตุฯ ‘‘วิวิจฺฉา มจฺฉริย’’นฺติ สงฺคเห วุตฺตํฯ ปมาทาติ ปมาทเหตุฯ ชปฺปาภิเลปนนฺติ ชปฺปา ตณฺหา อสฺส โลกสฺส มกฺกฎาเลโป วิย มกฺกฎสฺส อภิเลปนํ สิเลโสติ พฺรูมิฯ ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิกํ วฎฺฎทุกฺขนฺติ อยํ ปทโตฺถฯ เสสํ ปาฬิยา เอว วิญฺญายติฯ อิมานิ จตฺตาริ ปทานิ ปุจฺฉาคาถายํ วุตฺตานิ ‘‘อิเมหี’’ติ วิสฺสชฺชนคาถายํ วุเตฺตหิ อิเมหิ จตูหิ ปเทหิ วิสฺสชฺชิตานิฯ กถนฺติ อาห ‘‘ปฐม’’นฺติอาทิํฯ เตน ยถากฺกมํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ เวทิตพฺพานีติ ทเสฺสติฯ
Avijjāya nivuto lokoti caturaṅgasamannāgatena andhakārena viya rathaghaṭādidhammasabhāvappaṭicchādanalakkhaṇāya avijjāya nivuto paṭicchādito loko. Vivicchāti vicikicchāhetu. ‘‘Vivicchā macchariya’’nti saṅgahe vuttaṃ. Pamādāti pamādahetu. Jappābhilepananti jappā taṇhā assa lokassa makkaṭālepo viya makkaṭassa abhilepanaṃ silesoti brūmi. Dukkhanti jātiādikaṃ vaṭṭadukkhanti ayaṃ padattho. Sesaṃ pāḷiyā eva viññāyati. Imāni cattāri padāni pucchāgāthāyaṃ vuttāni ‘‘imehī’’ti vissajjanagāthāyaṃ vuttehi imehi catūhi padehi vissajjitāni. Kathanti āha ‘‘paṭhama’’ntiādiṃ. Tena yathākkamaṃ pucchāvissajjanāni veditabbānīti dasseti.
อิทานิ ตํ ยถากฺกมํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺชนญฺจ สรูปโต ทเสฺสตุํ คาถาย จ อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เกนสฺสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘นีวรเณหี’’ติ ปเทน วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อวิชฺชานีวรณา หิ สเพฺพ สตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา สุตฺตนฺตรทสฺสเนน อิมสฺมิํ ปญฺหวิสฺสชฺชนวิจเย อนุคีติวิจยํ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ ปริยายโตติ การณโตฯ นีวรณสงฺขาตานํ กามจฺฉนฺทาทีนมฺปิ การณภาวโต ปฎิจฺฉาทนภาวโต จ เอกํเยว นีวรณํ วทามิ, น ปน อเญฺญสํ นีวรณสภาวานํ อภาวาติ อโตฺถฯ ยถา จ อวิชฺชาย สติ นีวรณานํ ภาโว, เอวํ อวิชฺชาย อสติ น สนฺติ นีวรณานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สพฺพโส’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Idāni taṃ yathākkamaṃ pucchaṃ vissajjanañca sarūpato dassetuṃ gāthāya ca atthaṃ vivarituṃ ‘‘kenassū’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘nīvaraṇehī’’ti padena vuttamevatthaṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘avijjānīvaraṇā hi sabbe sattā’’tiādi vuttaṃ. Ettha ca ‘‘yathāhā’’tiādinā suttantaradassanena imasmiṃ pañhavissajjanavicaye anugītivicayaṃ dassetīti daṭṭhabbaṃ. Tattha pariyāyatoti kāraṇato. Nīvaraṇasaṅkhātānaṃ kāmacchandādīnampi kāraṇabhāvato paṭicchādanabhāvato ca ekaṃyeva nīvaraṇaṃ vadāmi, na pana aññesaṃ nīvaraṇasabhāvānaṃ abhāvāti attho. Yathā ca avijjāya sati nīvaraṇānaṃ bhāvo, evaṃ avijjāya asati na santi nīvaraṇānīti dassetuṃ ‘‘sabbaso’’tiādi vuttaṃ.
เตนาติ ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ ปเทนฯ ปฐมสฺส ปทสฺสาติ ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ ปทสฺสฯ ยุตฺตาติ โยชิตา, อนุรูปาติ วา อโตฺถฯ เอเตน ปุจฺฉานุรูปตา วิสฺสชฺชนสฺส ทสฺสิตาติ ปุพฺพาปรวิจโย วุโตฺตติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘โย ปุคฺคโล นีวรเณหิ นิวุโต’’ติอาทินา วิวิจฺฉาปมาทานํ อวิชฺชาย ปจฺจยภาวํ ทเสฺสติฯ นิวุโต เอว หิ นปฺปกาสติฯ วิวิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉาฯ เตเนวาห – ‘‘วิวิจฺฉา นาม วุจฺจติ วิจิกิจฺฉา’’ติฯ ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – ยถา มิจฺฉาทิฎฺฐิสมฺมาทิฎฺฐิโย ‘‘นิจฺจํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา เอกํสคฺคาหภาเวน ปวตฺตนฺติ, น เอวมยํฯ อยํ ปน อเนกํสคฺคาหภาวโต ‘‘นิจฺจํ นุ โข อนิจฺจํ นุ โข’’ติอาทินา วิวิธํ วิรุทฺธํ วา อิจฺฉติ เอสตีติ วิวิจฺฉาติ ฯ ‘‘โส วิจิกิจฺฉโนฺต’’ติอาทินา อปฺปกาสนสฺส วิวิจฺฉาปมาทานํ การณภาวํ วิวรติฯ สุเกฺก ธเมฺม น อุปฺปาทิยตีติ น สมาทาย วตฺตติฯ นปฺปกาสนฺตีติ เต อตฺตโน สนฺตาเน อนุปฺปาทิยมานา กุสลา ธมฺมา ตํ ปุคฺคลํ ปกาสํ โลเก อภิญฺญาตํ น กโรนฺตีติ อโตฺถฯ อภิลิมฺปตีติ มกฺกฎาเลโป วิย มกฺกฎํ ทารุสิลาทีสุ ปุริสํ รูปาทิวิสเย อลฺลียาเปตีติ อโตฺถฯ อาสตฺติพหุลสฺสาติ อาสงฺคพหุลสฺสฯ เอวํ อภิชปฺปาติ กริตฺวาติ เอวํ ปริยุฎฺฐานฎฺฐายินีติ อิมินา การเณนฯ ตตฺถาติ ตาย ตณฺหายฯ โลโก อภิลิโตฺต สิเลเสน มกฺขิโต วิย โหตีติ อโตฺถฯ
Tenāti ‘‘avijjāya nivuto loko’’ti padena. Paṭhamassa padassāti ‘‘kenassu nivuto loko’’ti padassa. Yuttāti yojitā, anurūpāti vā attho. Etena pucchānurūpatā vissajjanassa dassitāti pubbāparavicayo vuttoti veditabbaṃ. ‘‘Yo puggalo nīvaraṇehi nivuto’’tiādinā vivicchāpamādānaṃ avijjāya paccayabhāvaṃ dasseti. Nivuto eva hi nappakāsati. Vivicchāti vicikicchā. Tenevāha – ‘‘vivicchā nāma vuccati vicikicchā’’ti. Tatrāyaṃ padasiddhi – yathā micchādiṭṭhisammādiṭṭhiyo ‘‘niccaṃ anicca’’ntiādinā ekaṃsaggāhabhāvena pavattanti, na evamayaṃ. Ayaṃ pana anekaṃsaggāhabhāvato ‘‘niccaṃ nu kho aniccaṃ nu kho’’tiādinā vividhaṃ viruddhaṃ vā icchati esatīti vivicchāti . ‘‘So vicikicchanto’’tiādinā appakāsanassa vivicchāpamādānaṃ kāraṇabhāvaṃ vivarati. Sukke dhamme na uppādiyatīti na samādāya vattati. Nappakāsantīti te attano santāne anuppādiyamānā kusalā dhammā taṃ puggalaṃ pakāsaṃ loke abhiññātaṃ na karontīti attho. Abhilimpatīti makkaṭālepo viya makkaṭaṃ dārusilādīsu purisaṃ rūpādivisaye allīyāpetīti attho. Āsattibahulassāti āsaṅgabahulassa. Evaṃ abhijappāti karitvāti evaṃ pariyuṭṭhānaṭṭhāyinīti iminā kāraṇena. Tatthāti tāya taṇhāya. Loko abhilitto silesena makkhito viya hotīti attho.
ภายติ เอตสฺมาติ ภยํฯ มหนฺตํ ภยํ มหพฺภยํฯ เตเนวาห – ‘‘ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติฯ ทุกฺขํ โทมนสฺสนฺติ ทุกฺขเมว วิภตฺตนฺติ สพฺพํ ทุกฺขํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ติโสฺส ทุกฺขตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โอธโสติ กทาจิ อตฺตูปกฺกมมูลาย กทาจิ ปรูปกฺกมมูลายาติอาทินา วิภาเคน ทุกฺขทุกฺขตาย มุจฺจนกา วิเสเสน รูปาวจราฯ ตถาติ โอธโส กทาจิ กรหจีติ เอวํ อากฑฺฒติฯ วิปริณามทุกฺขตาย มุจฺจนกา อุเปกฺขาสมาปตฺติพหุลา วิเสเสน อรูปาวจรสตฺตาฯ อปฺปาพาธาติ ปทํ ทุกฺขทุกฺขตาย มุจฺจนสฺส การณวจนํฯ ทีฆายุกาติ วิปริณามทุกฺขตายฯ อรูปเทวา หิ โลเก วิเสสโต ทีฆายุกาติฯ อิทญฺจ มุจฺจนมจฺจนฺติกํฯ ยสฺมา จ ทุกฺขา เวทนาปิ สงฺขตตฺตา อนิจฺจตาทิสงฺขารทุกฺขสภาวา เอว, ตสฺมา ยโต มุจฺจนมจฺจนฺติกํ, ตํ อนวเสสปริยาทานวเสน สงฺคณฺหิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺขารทุกฺขตาย ปนา’’ติอาทิมาหฯ
Bhāyati etasmāti bhayaṃ. Mahantaṃ bhayaṃ mahabbhayaṃ. Tenevāha – ‘‘dukkhamassa mahabbhaya’’nti. Dukkhaṃ domanassanti dukkhameva vibhattanti sabbaṃ dukkhaṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tisso dukkhatā’’tiādi vuttaṃ. Odhasoti kadāci attūpakkamamūlāya kadāci parūpakkamamūlāyātiādinā vibhāgena dukkhadukkhatāya muccanakā visesena rūpāvacarā. Tathāti odhaso kadāci karahacīti evaṃ ākaḍḍhati. Vipariṇāmadukkhatāya muccanakā upekkhāsamāpattibahulā visesena arūpāvacarasattā. Appābādhāti padaṃ dukkhadukkhatāya muccanassa kāraṇavacanaṃ. Dīghāyukāti vipariṇāmadukkhatāya. Arūpadevā hi loke visesato dīghāyukāti. Idañca muccanamaccantikaṃ. Yasmā ca dukkhā vedanāpi saṅkhatattā aniccatādisaṅkhāradukkhasabhāvā eva, tasmā yato muccanamaccantikaṃ, taṃ anavasesapariyādānavasena saṅgaṇhitvā dassetuṃ ‘‘saṅkhāradukkhatāya panā’’tiādimāha.
ตตฺถ อุปาทิยตีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา กฎตฺตา จ รูปํฯ อุปาทิสฺส เสสํ อุปาทิเสสํ, ตํ นตฺถิ เอติสฺสาติ อนุปาทิเสสา, นิพฺพานธาตุ, ตาย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิเทฺทโสฯ นิพฺพานธาตูติ จ นิพฺพายนมตฺตํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สกลโลกพฺยาปินี สพฺพสงฺคาหินี จ สงฺขารทุกฺขตา, ตสฺมาฯ โลกสฺสาติ สมฺพเนฺธ สามิวจนํฯ เตน ‘‘ทุกฺขมสฺสา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสติฯ เอวเมตฺถ โลกสฺส นีวรณาทีนิ อชานเนฺตน, สมยนฺตรปริจเยน วา ตตฺถ สํสยปกฺขเนฺทน เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพตฺตา สตฺตาธิฎฺฐานา ปุจฺฉา กตา, สา จ อชานนสฺส, สํสยสฺส วา นีวรณาทิวิสยตาย จตุพฺพิธาฯ ปาฬิยํ ปน นีวรณาทีนํ โลโก อาธารภาเวน คาถายํ วุโตฺตติ เอโก ปโญฺหติ ทสฺสิตนฺติฯ อยเมตฺถ ปุจฺฉาวิจโยฯ วิสฺสชฺชนวิจโยปิ อทิฎฺฐโชตินี วิสฺสชฺชนา วิมติเจฺฉทินี จาติอาทินา ปุจฺฉาวิจเย วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ
Tattha upādiyatīti upādi, vipākakkhandhā kaṭattā ca rūpaṃ. Upādissa sesaṃ upādisesaṃ, taṃ natthi etissāti anupādisesā, nibbānadhātu, tāya anupādisesāya nibbānadhātuyā, itthambhūtalakkhaṇe cāyaṃ karaṇaniddeso. Nibbānadhātūti ca nibbāyanamattaṃ. Tasmāti yasmā sakalalokabyāpinī sabbasaṅgāhinī ca saṅkhāradukkhatā, tasmā. Lokassāti sambandhe sāmivacanaṃ. Tena ‘‘dukkhamassā’’ti padassa atthaṃ dasseti. Evamettha lokassa nīvaraṇādīni ajānantena, samayantaraparicayena vā tattha saṃsayapakkhandena ekaṃseneva byākātabbattā sattādhiṭṭhānā pucchā katā, sā ca ajānanassa, saṃsayassa vā nīvaraṇādivisayatāya catubbidhā. Pāḷiyaṃ pana nīvaraṇādīnaṃ loko ādhārabhāvena gāthāyaṃ vuttoti eko pañhoti dassitanti. Ayamettha pucchāvicayo. Vissajjanavicayopi adiṭṭhajotinī vissajjanā vimaticchedinī cātiādinā pucchāvicaye vuttanayānusārena veditabbo.
เอวํ เอกาธารํ ปุจฺฉํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อเนกาธารํ ทเสฺสตุํ ‘‘สวนฺติ สพฺพธี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สวนฺตีติ สนฺทนฺติฯ สพฺพธีติ สเพฺพสุ รูปาทีสุ อายตเนสุฯ โสตาติ ตณฺหาทิโสตาฯ กิํ นิวารณนฺติ เตสํ กิํ อาวรณํ กา รกฺขาฯ สํวรํ พฺรูหีติ ตํ เนสํ นีวรณสงฺขาตํ สํวรํ กเถหิฯ เกน โสตา ปิธียเรติ เกน ธเมฺมน ตณฺหาทิโสตา ปิธิยฺยนฺติ ปจฺฉิชฺชนฺตีติ อยเมตฺถ ปทโตฺถฯ เสสํ ปาฬิวเสเนว อาวิ ภวิสฺสติฯ
Evaṃ ekādhāraṃ pucchaṃ dassetvā idāni anekādhāraṃ dassetuṃ ‘‘savanti sabbadhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha savantīti sandanti. Sabbadhīti sabbesu rūpādīsu āyatanesu. Sotāti taṇhādisotā. Kiṃ nivāraṇanti tesaṃ kiṃ āvaraṇaṃ kā rakkhā. Saṃvaraṃ brūhīti taṃ nesaṃ nīvaraṇasaṅkhātaṃ saṃvaraṃ kathehi. Kena sotā pidhīyareti kena dhammena taṇhādisotā pidhiyyanti pacchijjantīti ayamettha padattho. Sesaṃ pāḷivaseneva āvi bhavissati.
เต เทฺว ปญฺหาติ ยทิปิ อิมิสฺสา คาถาย ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตาย จตฺตาริ ปทานิ จตฺตาริ วากฺยานิฯ ญาตุํ อิจฺฉิตสฺส ปน อตฺถสฺส ทุวิธตฺตา เต เทฺว ปญฺหาฯ กสฺมาติ เจ? ‘‘อิเมหิ พหฺวาธิวจเนน ปุจฺฉิตา’’ติ อาหฯ ตตฺถายํ สเงฺขปโตฺถ – อิเม เอตาย คาถาย คหิตา อตฺถา ยสฺมา พหูนิ อธิกิจฺจ ปวตฺตวจเนน ปุจฺฉิตา, ตสฺมา เต เทฺว ปญฺหาติฯ เอกโต อุปริ พหูติ หิ สาสนโวหาโร, ตเมว ปุจฺฉาย ทุวิธตฺถวิสยตํ วิวริตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ยาหิ ญาติพฺยสนาทิสงฺขาตาหิ ปาณวธาทีหิ เอว วา ทุคฺคติเหตุภูตาหิ อาปทาหิ สมํ สห, สพฺพถา วา อยํ โลโก อาปโนฺน อโชฺฌตฺถโฎฯ ตํนิมิเตฺตหิ ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ สํกิลิโฎฺฐ จ, ตสฺส ตํ อาปนฺนาการํ สํกิลิฎฺฐาการญฺจ พุทฺธิยํ กตฺวา อาห – ‘‘เอวํ สมาปนฺนสฺส เอวํ สํกิลิฎฺฐสฺสา’’ติฯ โวทายติ สุชฺฌติ เอเตนาติ โวทานํ, สมถวิปสฺสนาฯ วุฎฺฐาติ เอเตน นิมิตฺตโต ปวตฺตโต จาติ วุฎฺฐานํ, อริยมโคฺคฯ
Te dve pañhāti yadipi imissā gāthāya pucchāvasena pavattāya cattāri padāni cattāri vākyāni. Ñātuṃ icchitassa pana atthassa duvidhattā te dve pañhā. Kasmāti ce? ‘‘Imehi bahvādhivacanena pucchitā’’ti āha. Tatthāyaṃ saṅkhepattho – ime etāya gāthāya gahitā atthā yasmā bahūni adhikicca pavattavacanena pucchitā, tasmā te dve pañhāti. Ekato upari bahūti hi sāsanavohāro, tameva pucchāya duvidhatthavisayataṃ vivarituṃ ‘‘eva’’ntiādi vuttaṃ. Tassattho – yāhi ñātibyasanādisaṅkhātāhi pāṇavadhādīhi eva vā duggatihetubhūtāhi āpadāhi samaṃ saha, sabbathā vā ayaṃ loko āpanno ajjhotthaṭo. Taṃnimittehi dasahi kilesavatthūhi saṃkiliṭṭho ca, tassa taṃ āpannākāraṃ saṃkiliṭṭhākārañca buddhiyaṃ katvā āha – ‘‘evaṃ samāpannassa evaṃ saṃkiliṭṭhassā’’ti. Vodāyati sujjhati etenāti vodānaṃ, samathavipassanā. Vuṭṭhāti etena nimittato pavattato cāti vuṭṭhānaṃ, ariyamaggo.
อสมาหิตสฺสาติ นานารมฺมเณสุ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสฯ สวนฺตีติ ปวตฺตนฺติฯ อภิชฺฌาติอาทิ อสมาธานเหตุทสฺสนํฯ เตเนวาห – ‘‘เอวํ อสมาหิตสฺสา’’ติฯ ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทินา อิธาปิ อนุคีติวิจยํ ทเสฺสติฯ โสตานํ สวนํ เยภุเยฺยน อนุโรธวเสเนวาติ อาห – ‘‘สวติ มนาปิเกสุ รูเปสู’’ติฯ เอตฺถ จ จกฺขาทโย โสตานํ ทฺวารภาเวน ปวตฺตมานา อุปจารวเสน สยํ สวนฺตา วิย วุตฺตาฯ อิตีติ เอวํฯ สพฺพาติ สพฺพสฺมาฯ สพฺพถาติ สพฺพปฺปกาเรนฯ อิทํ โวทานนฺติ อิทํ ‘‘ปริยุฎฺฐานวิฆาต’’นฺติ วุตฺตํ ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ โวทานํฯ
Asamāhitassāti nānārammaṇesu vikkhittacittassa. Savantīti pavattanti. Abhijjhātiādi asamādhānahetudassanaṃ. Tenevāha – ‘‘evaṃ asamāhitassā’’ti. ‘‘Yathāha bhagavā’’tiādinā idhāpi anugītivicayaṃ dasseti. Sotānaṃ savanaṃ yebhuyyena anurodhavasenevāti āha – ‘‘savati manāpikesu rūpesū’’ti. Ettha ca cakkhādayo sotānaṃ dvārabhāvena pavattamānā upacāravasena sayaṃ savantā viya vuttā. Itīti evaṃ. Sabbāti sabbasmā. Sabbathāti sabbappakārena. Idaṃ vodānanti idaṃ ‘‘pariyuṭṭhānavighāta’’nti vuttaṃ pariyuṭṭhānappahānaṃ vodānaṃ.
วิสฺสชฺชนคาถาย สติ เตสํ นิวารณนฺติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวสมานา เตสํ โสตานํ นิวารณนฺติฯ โสตานํ สํวรํ พฺรูมีติ ตเมว สติํ โสตานํ สํวรํ พฺรูมิฯ ปญฺญาเยเต ปิธียเรติ รูปาทีสุ อนิจฺจตาทิปฎิเวธสาธิกาย มคฺคปญฺญาย เอเต โสตา สพฺพโส ปิธิยฺยนฺติ, อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานวเสน สมุจฺฉิชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ
Vissajjanagāthāya sati tesaṃ nivāraṇanti vipassanāsampayuttā sati kusalākusalānaṃ dhammānaṃ gatiyo samanvesamānā tesaṃ sotānaṃ nivāraṇanti. Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmīti tameva satiṃ sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi. Paññāyete pidhīyareti rūpādīsu aniccatādipaṭivedhasādhikāya maggapaññāya ete sotā sabbaso pidhiyyanti, uppajjituṃ appadānavasena samucchijjantīti attho.
นาวิญฺฉตีติ อภิชฺฌาทิปฺปวตฺติทฺวารภาเวน จิตฺตสนฺตานํ, ปุคฺคลํ วา นากฑฺฒติฯ อนุสยปฺปหานํ อิธ ปิธานํ อธิเปฺปตนฺติ อาห – ‘‘ปญฺญาย อนุสยา ปหียนฺตี’’ติฯ ยสฺมา อนุสยนิมิตฺตํ ปริยุฎฺฐานํ อนุสยาภาเว น โหตีติ อาห ‘‘อนุสเยสู’’ติอาทิฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวโนฺต ‘‘ตํ ยถา ขนฺธวนฺตสฺสา’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถาปิ โสตานํ นิวารณสงฺขาตํ สํวรํ ปิธานญฺจ อชานเนฺตน ตตฺถ วา สํสยิเตน เอกํสิกตฺตา ธมฺมาธิฎฺฐานา ปุจฺฉา กตาติ อิธ ปุจฺฉาวิจโย วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนวิจโย จ เวทิตโพฺพฯ
Nāviñchatīti abhijjhādippavattidvārabhāvena cittasantānaṃ, puggalaṃ vā nākaḍḍhati. Anusayappahānaṃ idha pidhānaṃ adhippetanti āha – ‘‘paññāya anusayā pahīyantī’’ti. Yasmā anusayanimittaṃ pariyuṭṭhānaṃ anusayābhāve na hotīti āha ‘‘anusayesū’’tiādi. Idāni tamevatthaṃ upamāya vibhāvento ‘‘taṃ yathā khandhavantassā’’tiādimāha. Etthāpi sotānaṃ nivāraṇasaṅkhātaṃ saṃvaraṃ pidhānañca ajānantena tattha vā saṃsayitena ekaṃsikattā dhammādhiṭṭhānā pucchā katāti idha pucchāvicayo vuttanayeneva vissajjanavicayo ca veditabbo.
เอตฺถ จ เยน อธิปฺปาเยน ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ คาถาย (สุ. นิ. ๑๐๓๘; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉา ๕๗, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑; เนตฺติ. ๔๕) สติปิ นิวารณาทีนํ จตุนฺนํ ปุจฺฉิตพฺพภาเว เอโก ปโญฺหติ วุตฺตํฯ เตน ตาว โสตานํเยว สํวโร ปิธานญฺจ ปุจฺฉิตนฺติ โสเต เอกตฺถวเสน คเหตฺวา ปุจฺฉาย เอกาธิฎฺฐานภาวโต เอโก ปโญฺหติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ โสตานํ วา พหุภาวโต พหูติ ยตฺตกา โสตา, ตตฺตกา ปญฺหาติฯ เยน ปน อธิปฺปาเยน ‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา’’ติ คาถายํ (สุ. นิ. ๑๐๔๐; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉา ๕๙, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๓; เนตฺติ. ๔๕) โสเต อนามสิตฺวา สํวรปิธานานํ วเสน ‘‘เทฺว ปญฺหา’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปฐมคาถายํ สติปิ นิวารณาทีนํ โลกาธารภาเว โลกํ อนามสิตฺวา นิวารณาทีนํ วิภาเคน จตฺตาโร ปญฺหาติปิ วตฺตพฺพนฺติ อยํ นโย ทสฺสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ettha ca yena adhippāyena ‘‘kenassu nivuto loko’’ti gāthāya (su. ni. 1038; cūḷani. ajitamāṇavapucchā 57, ajitamāṇavapucchāniddesa 1; netti. 45) satipi nivāraṇādīnaṃ catunnaṃ pucchitabbabhāve eko pañhoti vuttaṃ. Tena tāva sotānaṃyeva saṃvaro pidhānañca pucchitanti sote ekatthavasena gahetvā pucchāya ekādhiṭṭhānabhāvato eko pañhoti vattabbaṃ siyā. Sotānaṃ vā bahubhāvato bahūti yattakā sotā, tattakā pañhāti. Yena pana adhippāyena ‘‘savanti sabbadhi sotā’’ti gāthāyaṃ (su. ni. 1040; cūḷani. ajitamāṇavapucchā 59, ajitamāṇavapucchāniddesa 3; netti. 45) sote anāmasitvā saṃvarapidhānānaṃ vasena ‘‘dve pañhā’’ti vuttaṃ. Tena paṭhamagāthāyaṃ satipi nivāraṇādīnaṃ lokādhārabhāve lokaṃ anāmasitvā nivāraṇādīnaṃ vibhāgena cattāro pañhātipi vattabbanti ayaṃ nayo dassitoti daṭṭhabbaṃ.
อิทานิ ยสฺมา ปุจฺฉโนฺต น เกวลํ ปุเพฺพ อตฺตนา รจิตนิยาเมเนว ปุจฺฉติ, อถ โข เทสนากาเล วุตฺตธมฺมสฺส อนุสนฺธิํ คเหตฺวาปิ ปุจฺฉติ, ตสฺมา ตสฺส อนุสนฺธิํ ปุจฺฉาย วิเจตพฺพาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยานิ โสตานี’’ติ คาถาย อนนฺตรํ ‘‘ปญฺญา เจว สติ จา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสายํ สเงฺขปโตฺถ – ยายํ ภควตา วุตฺตา ปญฺญา, ยา จ สติ ยญฺจ ตทวเสสํ นามรูปํ, เอตํ สพฺพมฺปิ กตฺถ นิรุชฺฌติ, เอตํ เม ปุโฎฺฐ ปพฺรูหีติฯ
Idāni yasmā pucchanto na kevalaṃ pubbe attanā racitaniyāmeneva pucchati, atha kho desanākāle vuttadhammassa anusandhiṃ gahetvāpi pucchati, tasmā tassa anusandhiṃ pucchāya vicetabbākāraṃ dassento ‘‘yāni sotānī’’ti gāthāya anantaraṃ ‘‘paññā ceva sati cā’’ti gāthamāha. Tassāyaṃ saṅkhepattho – yāyaṃ bhagavatā vuttā paññā, yā ca sati yañca tadavasesaṃ nāmarūpaṃ, etaṃ sabbampi kattha nirujjhati, etaṃ me puṭṭho pabrūhīti.
วิสฺสชฺชนคาถายํ ปนสฺส ยสฺมา ปญฺญาสติโย นาเมเนว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตา วิสุํ น วุตฺตาฯ อยเญฺจตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยํ มํ ตฺวํ, อชิต, เอตํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ – ‘‘กเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ อนนฺตรคาถายํ (สุ. นิ. ๑๐๔๒; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉา ๖๑, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๕; เนตฺติ. ๑๑, ๔๕), ยตฺถ ตํ อเสสํ อุปรุชฺฌติ, ตํ เต วทามิฯ ตสฺส ตสฺส หิ วิญฺญาณสฺส นิโรเธน สเหว อปุพฺพํ อจริมํ เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌติ, เอเตฺถว วิญฺญาณสฺส นิโรเธน นิรุชฺฌติ, เอตํ วิญฺญาณนิโรธํ ตสฺส นิโรโธ นาติวตฺตตีติ วุตฺตํ โหตีติฯ อยํ ปเญฺห อนุสนฺธิํ ปุจฺฉตีติ อนนฺตรคาถายํ โสตานํ ปริยุฎฺฐานานุสยปฺปหานกิเจฺจน สทฺธิํ สติ ปญฺญา จ วุตฺตา, ตํ สุตฺวา ตปฺปหาเน ปญฺญาสตีสุ ติฎฺฐนฺตีสุ ตาสํ สนฺนิสฺสเยน นามรูเปน ภวิตพฺพํ, ตถา จ สติ วฎฺฎติ เอวฯ กตฺถ นุ โข อิมาสํ สนิสฺสยานํ ปญฺญาสตีนํ อเสสนิโรโธติ อิมินา อธิปฺปาเยน อยํ ปุจฺฉา กตาติ อาห – ‘‘อยํ ปเญฺห…เป.… ธาตุ’’นฺติฯ ตตฺถ อนุสนฺธียติ เทสนา เอตายาติ อนุสนฺธิฯ
Vissajjanagāthāyaṃ panassa yasmā paññāsatiyo nāmeneva saṅgahaṃ gacchanti, tasmā tā visuṃ na vuttā. Ayañcettha saṅkhepattho – yaṃ maṃ tvaṃ, ajita, etaṃ pañhaṃ apucchi – ‘‘katthetaṃ uparujjhatī’’ti anantaragāthāyaṃ (su. ni. 1042; cūḷani. ajitamāṇavapucchā 61, ajitamāṇavapucchāniddesa 5; netti. 11, 45), yattha taṃ asesaṃ uparujjhati, taṃ te vadāmi. Tassa tassa hi viññāṇassa nirodhena saheva apubbaṃ acarimaṃ etthetaṃ uparujjhati, ettheva viññāṇassa nirodhena nirujjhati, etaṃ viññāṇanirodhaṃ tassa nirodho nātivattatīti vuttaṃ hotīti. Ayaṃ pañhe anusandhiṃ pucchatīti anantaragāthāyaṃ sotānaṃ pariyuṭṭhānānusayappahānakiccena saddhiṃ sati paññā ca vuttā, taṃ sutvā tappahāne paññāsatīsu tiṭṭhantīsu tāsaṃ sannissayena nāmarūpena bhavitabbaṃ, tathā ca sati vaṭṭati eva. Kattha nu kho imāsaṃ sanissayānaṃ paññāsatīnaṃ asesanirodhoti iminā adhippāyena ayaṃ pucchā katāti āha – ‘‘ayaṃ pañhe…pe… dhātu’’nti. Tattha anusandhīyati desanā etāyāti anusandhi.
ยาย ปฎิปทาย อนุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ อธิคจฺฉนฺติ, ตํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนาสงฺขาตํ ปฎิปทํ สห วิสเยน ทเสฺสตุํ ‘‘ตีณิ จ สจฺจานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สงฺขตานีติ สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตานีติ สงฺขตานิฯ นิโรธธมฺมานีติ นิรุชฺฌนสภาวานิฯ ทุกฺขํ สมุทโย มโคฺคติ เตสํ สรูปทสฺสนํฯ นิโรโธ ปน กถนฺติ อาห ‘‘นิโรโธ อสงฺขโต’’ติฯ โส หิ เกนจิ ปจฺจเยน น สงฺขโตติ อสงฺขโตฯ สห วิสเยน ปหาตพฺพปหายกสภาเวสุ อริยสเจฺจสุ ปหายกวิภาคมุเขน ปหาตพฺพวิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ สมุทโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Yāya paṭipadāya anupādisesaṃ nibbānadhātuṃ adhigacchanti, taṃ catusaccakammaṭṭhānabhāvanāsaṅkhātaṃ paṭipadaṃ saha visayena dassetuṃ ‘‘tīṇi ca saccānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha saṅkhatānīti samecca sambhūya paccayehi katānīti saṅkhatāni. Nirodhadhammānīti nirujjhanasabhāvāni. Dukkhaṃ samudayo maggoti tesaṃ sarūpadassanaṃ. Nirodho pana kathanti āha ‘‘nirodho asaṅkhato’’ti. So hi kenaci paccayena na saṅkhatoti asaṅkhato. Saha visayena pahātabbapahāyakasabhāvesu ariyasaccesu pahāyakavibhāgamukhena pahātabbavibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘tattha samudayo’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ อวิชฺชาวเสสาติ ทสฺสนมเคฺคน ปหีนาวเสสา อวิชฺชาติ อโตฺถฯ อยญฺจ เสส-สโทฺท กามจฺฉโนฺท พฺยาปาโท มาโน อุทฺธจฺจนฺติ เอตฺถาปิ โยเชตโพฺพฯ ยถา หิ อวิชฺชา, เอวํ เอเตปิ ธมฺมา อปายคมนียสภาวา ปฐมมเคฺคน ปหียนฺติ เอวาติฯ ‘‘อวิชฺชานิรวเสสา’’ติปิ ปาโฐ, เอตฺถาปิ ยถาวุเตฺตสุ กามจฺฉนฺทาทิปเทสุปิ นิรวเสส-สโทฺท โยเชตโพฺพ ฯ สาวเสสญฺหิ ปุริมมคฺคทฺวเยน กามจฺฉนฺทาทโย ปหียนฺติ, อิตเรหิ ปน นิรวเสสนฺติฯ เตธาตุเก อิมานิ ทส สํโยชนานีติ เอตฺถ เตธาตุเกติ สํโยชนานํ วิสยทสฺสนํฯ ตตฺถ หิ ตานิ สํโยชนวเสน ปวตฺตนฺติฯ
Tattha avijjāvasesāti dassanamaggena pahīnāvasesā avijjāti attho. Ayañca sesa-saddo kāmacchando byāpādo māno uddhaccanti etthāpi yojetabbo. Yathā hi avijjā, evaṃ etepi dhammā apāyagamanīyasabhāvā paṭhamamaggena pahīyanti evāti. ‘‘Avijjāniravasesā’’tipi pāṭho, etthāpi yathāvuttesu kāmacchandādipadesupi niravasesa-saddo yojetabbo . Sāvasesañhi purimamaggadvayena kāmacchandādayo pahīyanti, itarehi pana niravasesanti. Tedhātuke imāni dasa saṃyojanānīti ettha tedhātuketi saṃyojanānaṃ visayadassanaṃ. Tattha hi tāni saṃyojanavasena pavattanti.
๑๒. อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ อธิฎฺฐายาติ ตํ ปหายกํ ปตฺวาฯ ยํ ปนาติ เอตฺถ ยนฺติ เหตุอเตฺถ นิปาโตฯ อิทํ ขเย ญาณนฺติ เยน ญาเณน เหตุภูเตน ‘‘ขีณา เม ชาตี’’ติ อตฺตโน ชาติยา ขีณภาวํ ชานาติ, อิทํ เอวํ ปจฺจเวกฺขณสฺส นิมิตฺตภูตํ อรหตฺตผลญาณํ ขเย ญาณํ นามฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ เอตฺถาปิ ยนฺติ อาเนตพฺพํ ‘‘ยํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติฯ อิทํ อนุปฺปาเท ญาณนฺติ อิธาปิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว อรหตฺตผลญาณวเสน อโตฺถ โยเชตโพฺพฯ อฎฺฐสาลินิยํ (ธ. ส. อฎฺฐ. จิตฺตุปฺปาทกฺกณฺฑ ๑๓๕-๑๔๒) ปน ‘‘ขเย ญาณํ กิเลสกฺขยกเร อริยมเคฺค ญาณนฺติ วุตฺตํฯ อนุปฺปาเท ญาณํ ปฎิสนฺธิวเสน อนุปฺปาทภูเต ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ อนุปฺปาทปริโยสาเน อุปฺปเนฺน อริยผเล ญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ อิธ ปน อุภยมฺปิ อรหตฺตผลญาณวเสเนว วิภตฺตํฯ เตเนวาห – ‘‘อิมานิ เทฺว ญาณานิ อญฺญาตาวินฺทฺริย’’นฺติ, ‘‘อารมฺมณสเงฺกเตน เทฺว นามานิ ลพฺภนฺตี’’ติ จฯ
12.Anaññātaññassāmītindriyaṃ adhiṭṭhāyāti taṃ pahāyakaṃ patvā. Yaṃ panāti ettha yanti hetuatthe nipāto. Idaṃ khaye ñāṇanti yena ñāṇena hetubhūtena ‘‘khīṇā me jātī’’ti attano jātiyā khīṇabhāvaṃ jānāti, idaṃ evaṃ paccavekkhaṇassa nimittabhūtaṃ arahattaphalañāṇaṃ khaye ñāṇaṃ nāma. Nāparaṃ itthattāyāti pajānātīti etthāpi yanti ānetabbaṃ ‘‘yaṃ nāparaṃ itthattāyāti pajānātī’’ti. Idaṃ anuppāde ñāṇanti idhāpi pubbe vuttanayeneva arahattaphalañāṇavasena attho yojetabbo. Aṭṭhasāliniyaṃ (dha. sa. aṭṭha. cittuppādakkaṇḍa 135-142) pana ‘‘khaye ñāṇaṃ kilesakkhayakare ariyamagge ñāṇanti vuttaṃ. Anuppāde ñāṇaṃ paṭisandhivasena anuppādabhūte taṃtaṃmaggavajjhakilesānaṃ anuppādapariyosāne uppanne ariyaphale ñāṇa’’nti vuttaṃ. Idha pana ubhayampi arahattaphalañāṇavaseneva vibhattaṃ. Tenevāha – ‘‘imāni dve ñāṇāni aññātāvindriya’’nti, ‘‘ārammaṇasaṅketena dve nāmāni labbhantī’’ti ca.
อญฺญินฺทฺริยํ เหฎฺฐิเมสุ ตีสุ ผเลสุ, อุปริเมสุ จ ตีสุ มเคฺคสุ อุปฺปตฺติยา ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ วิย ปฐมผลุปฺปตฺติยา อคฺคผลุปฺปตฺติยา อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌตีติ อาห – ‘‘ยญฺจ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริย’’นฺติอาทิฯ เอเตน ปหาตพฺพธมฺมา วิย ทสฺสนภาวนาหิ อคฺคผลุปฺปตฺติยา ตทวเสสผลธมฺมาปิ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌนฺติฯ โก ปน วาโท เตภูมกธมฺมานนฺติ ทเสฺสติ, เอกา ปญฺญา อญฺญาตาวินฺทฺริยตฺตาฯ ยทิ เอกา, กถํ ทฺวิธา วุตฺตาติ อาห ‘‘อปิ จา’’ติอาทิฯ อารมฺมณสเงฺกเตนาติ ขเย อนุปฺปาเทติ อิมาย อารมฺมณสมญฺญายฯ สา ปชานนเฎฺฐน ปญฺญาติ ยา ปุเพฺพ โสตานํ ปิธานกิจฺจา วุตฺตา ปญฺญา, สา ปชานนสภาเวน ปญฺญาฯ อิตรา ปน ยถาทิฎฺฐํ ยถาคหิตํ อารมฺมณํ อปิลาปนเฎฺฐน โอคาหนเฎฺฐน สตีติฯ
Aññindriyaṃ heṭṭhimesu tīsu phalesu, uparimesu ca tīsu maggesu uppattiyā punappunaṃ uppajjamānampi anaññātaññassāmītindriyaṃ viya paṭhamaphaluppattiyā aggaphaluppattiyā anuppādanirodhena nirujjhatīti āha – ‘‘yañca anaññātaññassāmītindriya’’ntiādi. Etena pahātabbadhammā viya dassanabhāvanāhi aggaphaluppattiyā tadavasesaphaladhammāpi anuppādanirodhena nirujjhanti. Ko pana vādo tebhūmakadhammānanti dasseti, ekā paññā aññātāvindriyattā. Yadi ekā, kathaṃ dvidhā vuttāti āha ‘‘api cā’’tiādi. Ārammaṇasaṅketenāti khaye anuppādeti imāya ārammaṇasamaññāya. Sā pajānanaṭṭhena paññāti yā pubbe sotānaṃ pidhānakiccā vuttā paññā, sā pajānanasabhāvena paññā. Itarā pana yathādiṭṭhaṃ yathāgahitaṃ ārammaṇaṃ apilāpanaṭṭhena ogāhanaṭṭhena satīti.
๑๓. เอวํ ‘‘ปญฺญา เจว สติ จา’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วิวริตฺวา อิทานิ ‘‘นามรูป’’นฺติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘ตตฺถ เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, อิทํ นามรูป’’นฺติ อาหฯ นามรูปญฺจ วิภาเคน ทเสฺสโนฺต สุขคฺคหณตฺถํ ปากฎนามรูปเมว วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถ เย’’ติอาทิมาหฯ ตคฺคหเณเนว หิ สหจรณาทินา ตทเญฺญ จิตฺตเจตสิกา รูปธมฺมา จ คหิตา โหนฺตีติฯ นามคฺคหเณน เจตฺถ ขนฺธตฺตยเมว คหิตนฺติ ‘‘นามรูปํ วิญฺญาณสมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ ปน รูปํ สมฺปยุตฺตนฺติ? นยิทํ สมฺปยุตฺตปจฺจยวเสน วุตฺตํฯ ปจุรชนสฺส ปน อวิภาเคน คหณียสภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
13. Evaṃ ‘‘paññā ceva sati cā’’ti padassa atthaṃ vivaritvā idāni ‘‘nāmarūpa’’nti padassa atthaṃ vivaranto ‘‘tattha ye pañcupādānakkhandhā, idaṃ nāmarūpa’’nti āha. Nāmarūpañca vibhāgena dassento sukhaggahaṇatthaṃ pākaṭanāmarūpameva vibhāvetuṃ ‘‘tattha ye’’tiādimāha. Taggahaṇeneva hi sahacaraṇādinā tadaññe cittacetasikā rūpadhammā ca gahitā hontīti. Nāmaggahaṇena cettha khandhattayameva gahitanti ‘‘nāmarūpaṃ viññāṇasampayutta’’nti vuttaṃ. Taṃ pana rūpaṃ sampayuttanti? Nayidaṃ sampayuttapaccayavasena vuttaṃ. Pacurajanassa pana avibhāgena gahaṇīyasabhāvaṃ sandhāya vuttanti daṭṭhabbaṃ.
คาถาย อนุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ ปุจฺฉิตาติ ตํ จตุริทฺธิปาทมุเขน อริยมคฺคาธิคเมน ปตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต อิทฺธิปาทภาวนามูลภูตานิ อินฺทฺริยานิ สติปญฺญาหิ นิทฺธาเรตุํ ‘‘ตตฺถ สติ จ ปญฺญา จ จตฺตาริ อินฺทฺริยานี’’ติ อาหฯ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมเนฺวสมานา สติ สิชฺฌนฺตี เอกเนฺตน สมาธิํ นิปฺผาเทติฯ สติคฺคหเณน เจตฺถ ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ อิธาธิเปฺปตนฺติ อาห – ‘‘สติ เทฺว อินฺทฺริยานิ, สตินฺทฺริยญฺจ สมาธินฺทฺริยญฺจา’’ติฯ ตถา อนุสยสมุคฺฆาตวิธายินี ปญฺญา สิชฺฌมานา น วินา จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยํ สิชฺฌตีติ วุตฺตํ – ‘‘ปญฺญา เทฺว อินฺทฺริยานิ ปญฺญินฺทฺริยญฺจ วีริยินฺทฺริยญฺจา’’ติฯ
Gāthāya anupādisesā nibbānadhātu pucchitāti taṃ caturiddhipādamukhena ariyamaggādhigamena pattabbanti dassento iddhipādabhāvanāmūlabhūtāni indriyāni satipaññāhi niddhāretuṃ ‘‘tattha sati ca paññā ca cattāri indriyānī’’ti āha. Kusalākusalānaṃ dhammānaṃ gatiyo samanvesamānā sati sijjhantī ekantena samādhiṃ nipphādeti. Satiggahaṇena cettha pariyuṭṭhānappahānaṃ idhādhippetanti āha – ‘‘sati dve indriyāni, satindriyañca samādhindriyañcā’’ti. Tathā anusayasamugghātavidhāyinī paññā sijjhamānā na vinā catubbidhasammappadhānavīriyaṃ sijjhatīti vuttaṃ – ‘‘paññā dve indriyāni paññindriyañca vīriyindriyañcā’’ti.
ยา อิเมสุ จตูสุ อินฺทฺริเยสูติ อิเมสุ สติอาทีสุ จตูสุ อินฺทฺริเยสุ นิสฺสยปจฺจยตาย อธิฎฺฐานภูเตสุ ตํสหชาตา เอว ยา สทฺทหนาฯ ‘‘อิเมหิ จตูหิ อินฺทฺริเยหี’’ติปิ ปาฬิ, ตสฺสา อิเมหิ จตูหิ อินฺทฺริเยหิ สมฺปยุตฺตาติ วจนเสโส, อารมฺมเณ อภิปฺปสาทลกฺขณา สทฺธา กตฺตุกามตาสภาวสฺส ฉนฺทสฺส วิเสสปจฺจโย โหตีติ อาห – ‘‘ยา สทฺธาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ ฉนฺทสมาธี’’ติฯ สมาหิเต จิเตฺตติ วิปสฺสนาสมาธินา สมาหิเต จิเตฺตฯ อิทํ ปหานนฺติ วิกฺขมฺภนปฺปหานสาธโก สมาธิ ปหานนฺติ วุโตฺต ปชหติ เอเตนาติ กตฺวาฯ ‘‘ปธาน’’นฺติปิ ปาโฐ, อโคฺคติ อโตฺถฯ ตถา หิ ‘‘สมาธิ เอโกที’’ติ วุจฺจติฯ
Yā imesu catūsu indriyesūti imesu satiādīsu catūsu indriyesu nissayapaccayatāya adhiṭṭhānabhūtesu taṃsahajātā eva yā saddahanā. ‘‘Imehi catūhi indriyehī’’tipi pāḷi, tassā imehi catūhi indriyehi sampayuttāti vacanaseso, ārammaṇe abhippasādalakkhaṇā saddhā kattukāmatāsabhāvassa chandassa visesapaccayo hotīti āha – ‘‘yā saddhādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ chandasamādhī’’ti. Samāhite citteti vipassanāsamādhinā samāhite citte. Idaṃ pahānanti vikkhambhanappahānasādhako samādhi pahānanti vutto pajahati etenāti katvā. ‘‘Padhāna’’ntipi pāṭho, aggoti attho. Tathā hi ‘‘samādhi ekodī’’ti vuccati.
‘‘อสฺสาสปสฺสาสา’’ติอาทินา กายวจีจิตฺตสงฺขารสีเสน ตํสมุฎฺฐาปกา วีริยสงฺขาราว คหิตาฯ เต หิ ยาว ภาวนานิปฺผตฺติ ตาว เอกรเสน สรณโต สงฺกเปฺปตพฺพโต จ สรสงฺกปฺปา’’ติ วุตฺตา ‘‘เอวํ เม ภาวนา โหตู’’ติ ยถา อิจฺฉิตา, ตถา ปวตฺติยา เหตุภาวโตฯ ตทุภยนฺติ ฉนฺทสมาธิสงฺขาตญฺจ ปธานสงฺขารสงฺขาตญฺจ วีริยนฺติ ตํ อุภยํฯ อุภยเมว หิ อุปจารวเสน อญฺญํ วิย กตฺวา ‘‘ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาท’’นฺติ วุตฺตํฯ อภินฺนมฺปิ หิ อุปจารวเสน ภินฺนํ วิย กตฺวา โวหรนฺติ, ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติฯ
‘‘Assāsapassāsā’’tiādinā kāyavacīcittasaṅkhārasīsena taṃsamuṭṭhāpakā vīriyasaṅkhārāva gahitā. Te hi yāva bhāvanānipphatti tāva ekarasena saraṇato saṅkappetabbato ca sarasaṅkappā’’ti vuttā ‘‘evaṃ me bhāvanā hotū’’ti yathā icchitā, tathā pavattiyā hetubhāvato. Tadubhayanti chandasamādhisaṅkhātañca padhānasaṅkhārasaṅkhātañca vīriyanti taṃ ubhayaṃ. Ubhayameva hi upacāravasena aññaṃ viya katvā ‘‘chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipāda’’nti vuttaṃ. Abhinnampi hi upacāravasena bhinnaṃ viya katvā voharanti, yathā ‘‘silāputtakassa sarīra’’nti.
ตตฺถ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อโตฺถฯ อิชฺฌนฺติ วา ตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ, ปชฺชติ เอเตนาติ ปาโท, ปฐเมน อเตฺถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฎฺฐาโสติ อโตฺถฯ ทุติเยน อเตฺถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฎฺฐา อธิคมูปาโยติ อิทฺธิปาโทฯ เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธิํ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติฯ วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตญฺจ อิทฺธิปาทํ ภาเวตีติ อโตฺถฯ ตถา หิ อยํ อิทฺธิปาทภาวนานุยุโตฺต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํฯ มคฺคกฺขเณ ปน กิจฺจโต สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวตีติฯ เอส นโย วิราคนิสฺสิตนฺติอาทีสุฯ
Tattha ijjhatīti iddhi, samijjhati nipphajjatīti attho. Ijjhanti vā tāya sattā iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iddhi, pajjati etenāti pādo, paṭhamena atthena iddhi eva pādo iddhipādo, iddhikoṭṭhāsoti attho. Dutiyena atthena iddhiyā pādo patiṭṭhā adhigamūpāyoti iddhipādo. Tena hi uparūparivisesasaṅkhātaṃ iddhiṃ pajjanti pāpuṇanti. Vivekanissitanti tadaṅgavivekanissitaṃ samucchedavivekanissitaṃ nissaraṇavivekanissitañca iddhipādaṃ bhāvetīti attho. Tathā hi ayaṃ iddhipādabhāvanānuyutto yogī vipassanākkhaṇe kiccato tadaṅgavivekanissitaṃ ajjhāsayato nissaraṇavivekanissitaṃ. Maggakkhaṇe pana kiccato samucchedavivekanissitaṃ ārammaṇato nissaraṇavivekanissitaṃ iddhipādaṃ bhāvetīti. Esa nayo virāganissitantiādīsu.
วิเวกตฺตา เอว หิ วิราคาทโย, เกวลเญฺจตฺถ โวสฺสโคฺค ทุวิโธ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค จาติฯ ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ สมุเจฺฉทวเสน กิเลสปฺปหานํฯ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานปกฺขนฺทนํฯ ตทุภยมฺปิ อิมสฺมิํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก อตฺถสํวณฺณนานเย ยุชฺชติฯ ตถา หิ อยํ ปฐมิทฺธิปาโท ยถาวุเตฺตน ปกาเรน กิเลเส ปริจฺจชติ นิพฺพานญฺจ ปกฺขนฺทติฯ โวสฺสคฺคปริณามินฺติ อิมินา ปน วจเนน โวสฺสคฺคตฺถํ ปริณมนฺตํ ปริณตญฺจ ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกญฺจาติ อโตฺถฯ อยญฺหิ อิทฺธิปาทภาวนานุยุโตฺต โยคี ยถา ปฐโม อิทฺธิปาโท กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถญฺจ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปโกฺก โหติ, ตถา นํ ภาเวตีติฯ เสสิทฺธิปาเทสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – ยถา ฉนฺทํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติโต สมาธิ ฉนฺทสมาธิฯ เอวํ วีริยํ จิตฺตํ วีมํสํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติโต สมาธิ วีมํสาสมาธีติฯ
Vivekattā eva hi virāgādayo, kevalañcettha vossaggo duvidho pariccāgavossaggo ca pakkhandanavossaggo cāti. Tattha pariccāgavossaggo vipassanākkhaṇe tadaṅgavasena, maggakkhaṇe samucchedavasena kilesappahānaṃ. Pakkhandanavossaggo vipassanākkhaṇe tanninnabhāvena, maggakkhaṇe ārammaṇakaraṇavasena nibbānapakkhandanaṃ. Tadubhayampi imasmiṃ lokiyalokuttaramissake atthasaṃvaṇṇanānaye yujjati. Tathā hi ayaṃ paṭhamiddhipādo yathāvuttena pakārena kilese pariccajati nibbānañca pakkhandati. Vossaggapariṇāminti iminā pana vacanena vossaggatthaṃ pariṇamantaṃ pariṇatañca paripaccantaṃ paripakkañcāti attho. Ayañhi iddhipādabhāvanānuyutto yogī yathā paṭhamo iddhipādo kilesapariccāgavossaggatthaṃ nibbānapakkhandanavossaggatthañca paripaccati, yathā ca paripakko hoti, tathā naṃ bhāvetīti. Sesiddhipādesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – yathā chandaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattito samādhi chandasamādhi. Evaṃ vīriyaṃ cittaṃ vīmaṃsaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattito samādhi vīmaṃsāsamādhīti.
๑๔. น เกวลํ จตุตฺถอิทฺธิปาโท เอว สมาธิญาณมูลโก, อถ โข สโพฺพปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สโพฺพ สมาธิ ญาณมูลโก ญาณปุพฺพงฺคโม ญาณานุปริวตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ กสฺมา โส เอว วีมํสาสมาธีติ วุโตฺตติ? วีมํสํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติตตฺตาติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ ตตฺถ ปุพฺพภาคปญฺญาย ญาณมูลโกฯ อธิคมปญฺญาย ญาณปุพฺพงฺคโมฯ ปจฺจเวกฺขณปญฺญาย ญาณานุปริวตฺติฯ อถ วา ปุพฺพภาคปญฺญาย ญาณมูลโกฯ อุปจารปญฺญาย ญาณปุพฺพงฺคโมฯ อปฺปนาปญฺญาย ญาณานุปริวตฺติฯ อุปจารปญฺญาย วา ญาณมูลโกฯ อปฺปนาปญฺญาย ญาณปุพฺพงฺคโมฯ อภิญฺญาปญฺญาย ญาณานุปริวตฺตีติ เวทิตพฺพํฯ
14. Na kevalaṃ catutthaiddhipādo eva samādhiñāṇamūlako, atha kho sabbopīti dassetuṃ ‘‘sabbo samādhi ñāṇamūlako ñāṇapubbaṅgamo ñāṇānuparivattī’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ kasmā so eva vīmaṃsāsamādhīti vuttoti? Vīmaṃsaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattitattāti vuttovāyamattho. Tattha pubbabhāgapaññāya ñāṇamūlako. Adhigamapaññāya ñāṇapubbaṅgamo. Paccavekkhaṇapaññāya ñāṇānuparivatti. Atha vā pubbabhāgapaññāya ñāṇamūlako. Upacārapaññāya ñāṇapubbaṅgamo. Appanāpaññāya ñāṇānuparivatti. Upacārapaññāya vā ñāṇamūlako. Appanāpaññāya ñāṇapubbaṅgamo. Abhiññāpaññāya ñāṇānuparivattīti veditabbaṃ.
ยถา ปุเรติ ยถา สมาธิสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณานุปริวตฺติภาเวน ปุเร ปุเพฺพ อตีตาสุ ชาตีสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุปิ สํวฎฺฎวิวเฎฺฎสุ อตฺตโน ปเรสญฺจ ขนฺธํ ขนฺธูปนิพทฺธญฺจ ทุปฺปฎิวิชฺฌํ นาม นตฺถิ, ตถา ปจฺฉา สมาธิสฺส อนาคตํสญาณานุปริวตฺติภาเวน อนาคตาสุ ชาตีสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุปิ สํวฎฺฎวิวเฎฺฎสุ อตฺตโน ปเรสญฺจ ขนฺธํ ขนฺธูปนิพทฺธญฺจ ทุปฺปฎิวิชฺฌํ นาม นตฺถีติ อโตฺถฯ
Yathāpureti yathā samādhissa pubbenivāsānussatiñāṇānuparivattibhāvena pure pubbe atītāsu jātīsu asaṅkhyeyyesupi saṃvaṭṭavivaṭṭesu attano paresañca khandhaṃ khandhūpanibaddhañca duppaṭivijjhaṃ nāma natthi, tathā pacchā samādhissa anāgataṃsañāṇānuparivattibhāvena anāgatāsu jātīsu asaṅkhyeyyesupi saṃvaṭṭavivaṭṭesu attano paresañca khandhaṃ khandhūpanibaddhañca duppaṭivijjhaṃ nāma natthīti attho.
ยถา ปจฺฉาติ ยถา สมาธิสฺส เจโตปริยญาณานุปริวตฺติภาเวน อนาคเตสุ สตฺตสุ ทิวเสสุ ปรสตฺตานํ จิตฺตํ ทุปฺปฎิวิชฺฌํ นาม นตฺถิ, ตถา ปุเร อตีเตสุ สตฺตสุ ทิวเสสุ ปรสตฺตานํ จิตฺตํ ทุปฺปฎิวิชฺฌํ นาม นตฺถีติ อโตฺถฯ ยถา ทิวาติ ยถา ทิวสภาเค สูริยาโลเกน อนฺธการสฺส วิธมิตตฺตา จกฺขุมนฺตานํ สตฺตานํ อาปาถคตํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ สุวิเญฺญยฺยํฯ ตถา รตฺตินฺติ ตถา รตฺติภาเค จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร วตฺตมาเน สมาธิสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณานุปริวตฺติตาย ทุปฺปฎิวิชฺฌํ รูปายตนํ นตฺถิฯ
Yathā pacchāti yathā samādhissa cetopariyañāṇānuparivattibhāvena anāgatesu sattasu divasesu parasattānaṃ cittaṃ duppaṭivijjhaṃ nāma natthi, tathā pure atītesu sattasu divasesu parasattānaṃ cittaṃ duppaṭivijjhaṃ nāma natthīti attho. Yathā divāti yathā divasabhāge sūriyālokena andhakārassa vidhamitattā cakkhumantānaṃ sattānaṃ āpāthagataṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ suviññeyyaṃ. Tathā rattinti tathā rattibhāge caturaṅgasamannāgatepi andhakāre vattamāne samādhissa dibbacakkhuñāṇānuparivattitāya duppaṭivijjhaṃ rūpāyatanaṃ natthi.
ยถา รตฺติํ ตถา ทิวาติ ยถา จ รตฺติยํ ตถา ทิวาปิ อติสุขุมํ เกนจิ ติโรหิตํ ยญฺจ อติทูเร, ตํ สพฺพรูปํ ทุปฺปฎิวิชฺฌํ นาม นตฺถิฯ ยถา จ รูปายตเน วุตฺตํ, ตถา สมาธิสฺส ทิพฺพโสตญาณานุปริวตฺติตาย สทฺทายตเน จ เนตพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘อิติ วิวเฎน เจตสา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อปริโยนเทฺธนาติ อภิญฺญาญาณสฺส ปาริพนฺธกกิเลเสหิ อนโชฺฌตฺถเฎน, อปริโยนทฺธตฺตา เอว สปฺปภาสํ จิตฺตํฯ เอเตเนว สมาธิสฺส อิทฺธิวิธญาณานุปริวตฺติตาปิ วุตฺตา เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปญฺจินฺทฺริยานีติ อิทฺธิปาทสมฺปยุตฺตานิ เสกฺขสฺส ปญฺจินฺทฺริยานิ อธิเปฺปตานีติ อาห ‘‘กุสลานี’’ติฯ จิตฺตสหภูนีติอาทิ เตสํ วิญฺญาณนิโรเธน นิโรธทสฺสนตฺถํ อารทฺธํฯ ตถา ‘‘นามรูปญฺจา’’ติอาทิฯ เตเนตํ ทเสฺสติ ‘‘น เกวลํ ปญฺจินฺทฺริยานิ เอว, อถ โข นามรูปญฺจ วิญฺญาณเหตุกํ วิญฺญาณสฺส นิโรธา นิรุชฺฌตี’’ติฯ
Yathā rattiṃ tathā divāti yathā ca rattiyaṃ tathā divāpi atisukhumaṃ kenaci tirohitaṃ yañca atidūre, taṃ sabbarūpaṃ duppaṭivijjhaṃ nāma natthi. Yathā ca rūpāyatane vuttaṃ, tathā samādhissa dibbasotañāṇānuparivattitāya saddāyatane ca netabbaṃ. Tenevāha ‘‘iti vivaṭena cetasā’’tiādi. Tattha apariyonaddhenāti abhiññāñāṇassa pāribandhakakilesehi anajjhotthaṭena, apariyonaddhattā eva sappabhāsaṃ cittaṃ. Eteneva samādhissa iddhividhañāṇānuparivattitāpi vuttā evāti daṭṭhabbaṃ. Pañcindriyānīti iddhipādasampayuttāni sekkhassa pañcindriyāni adhippetānīti āha ‘‘kusalānī’’ti. Cittasahabhūnītiādi tesaṃ viññāṇanirodhena nirodhadassanatthaṃ āraddhaṃ. Tathā ‘‘nāmarūpañcā’’tiādi. Tenetaṃ dasseti ‘‘na kevalaṃ pañcindriyāni eva, atha kho nāmarūpañca viññāṇahetukaṃ viññāṇassa nirodhā nirujjhatī’’ti.
ตสฺสาติ วิญฺญาณสฺสฯ เหตูติ ตณฺหาอวิชฺชาทิโกฯ อนาหารนฺติ ปทสฺส อตฺถวิวรณํฯ อนภินนฺทิตนฺติ อภินนฺทนภูตาย ตณฺหาย ปหีนตฺตา เอว อปตฺถิตํฯ ตโต เอว อปฺปฎิสนฺธิกํ วิญฺญาณํ ตํ นิรุชฺฌติฯ ยถา จ วิญฺญาณํ, เอวํ นามรูปมฺปิ วิญฺญาณสงฺขาตสฺส เหตุโน ปจฺจยสฺส จ อภาวา ตปฺปจฺจยานํ สงฺขาราทีนํ อภาวา อเหตุ อปฺปจฺจยํฯ เสสํ ปากฎเมวฯ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจโยปิ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ
Tassāti viññāṇassa. Hetūti taṇhāavijjādiko. Anāhāranti padassa atthavivaraṇaṃ. Anabhinanditanti abhinandanabhūtāya taṇhāya pahīnattā eva apatthitaṃ. Tato eva appaṭisandhikaṃ viññāṇaṃ taṃ nirujjhati. Yathā ca viññāṇaṃ, evaṃ nāmarūpampi viññāṇasaṅkhātassa hetuno paccayassa ca abhāvā tappaccayānaṃ saṅkhārādīnaṃ abhāvā ahetu appaccayaṃ. Sesaṃ pākaṭameva. Pucchāvissajjanavicayopi vuttanayānusārena veditabbo.
เอวํ อนุสนฺธิปุจฺฉมฺปิ ทเสฺสตฺวา เหฎฺฐา สตฺตาธิฎฺฐานา ธมฺมาธิฎฺฐานา จ ปุจฺฉา วิสุํ วิสุํ ทสฺสิตาติ อิทานิ ตา สห ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถายํ ปทโตฺถ – สงฺขาตธมฺมาติ อนิจฺจาทิวเสน ปริวีมํสิตธมฺมา, อรหตํ เอตํ อธิวจนํฯ เสกฺขาติ สีลาทีนิ สิกฺขมานา อวเสสา อริยปุคฺคลาฯ ปุถูติ พหู สตฺตชนาฯ เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุโฎฺฐ ปพฺรูหีติ เตสํ เสขาเสขานํ นิปโก ปณฺฑิโต ตฺวํ ภควา ปฎิปตฺติํ ปุโฎฺฐ เม พฺรูหีติฯ เสสํ ปาฬิวเสเนว วิญฺญายติฯ
Evaṃ anusandhipucchampi dassetvā heṭṭhā sattādhiṭṭhānā dhammādhiṭṭhānā ca pucchā visuṃ visuṃ dassitāti idāni tā saha dassetuṃ ‘‘ye ca saṅkhātadhammāse’’tiādi āraddhaṃ. Tatthāyaṃ padattho – saṅkhātadhammāti aniccādivasena parivīmaṃsitadhammā, arahataṃ etaṃ adhivacanaṃ. Sekkhāti sīlādīni sikkhamānā avasesā ariyapuggalā. Puthūti bahū sattajanā. Tesaṃ me nipako iriyaṃ, puṭṭho pabrūhīti tesaṃ sekhāsekhānaṃ nipako paṇḍito tvaṃ bhagavā paṭipattiṃ puṭṭho me brūhīti. Sesaṃ pāḷivaseneva viññāyati.
๑๕. กิสฺสาติ กิสฺส เหตุ, เกน การเณนาติ อโตฺถฯ เสขาเสขวิปสฺสนา ปุพฺพงฺคมปฺปหานโยเคนาติ เสเข อเสเข วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมปฺปหาเน จ ปุจฺฉนโยเคน, ปุจฺฉาวิธินาติ อโตฺถฯ
15.Kissāti kissa hetu, kena kāraṇenāti attho. Sekhāsekhavipassanā pubbaṅgamappahānayogenāti sekhe asekhe vipassanāpubbaṅgamappahāne ca pucchanayogena, pucchāvidhināti attho.
วิสฺสชฺชนคาถายํ กาเมสุ นาภิคิเชฺฌยฺยาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน น อภิคิเชฺฌยฺยฯ มนสานาวิโล สิยาติ พฺยาปาทวิตกฺกาทโย กายทุจฺจริตาทโย จ มนโส อาวิลภาวกเร ธเมฺม ปชหโนฺต จิเตฺตน อนาวิโล ภเวยฺยฯ ยสฺมา ปน อเสโกฺข อนิจฺจตาทิวเสน สพฺพธมฺมานํ ปริตุลิตตฺตา กุสโล สพฺพธเมฺมสุ กายานุปสฺสนาสติอาทีหิ จ สโต สพฺพกิเลสานํ ภินฺนตฺตา อุตฺตมภิกฺขุภาวํ ปโตฺต จ หุตฺวา สพฺพอิริยาปเถสุ ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘กุสโล…เป.… ปริพฺพเช’’ติ อาหาติ อยํ สเงฺขปโตฺถฯ
Vissajjanagāthāyaṃ kāmesu nābhigijjheyyāti vatthukāmesu kilesakāmena na abhigijjheyya. Manasānāvilo siyāti byāpādavitakkādayo kāyaduccaritādayo ca manaso āvilabhāvakare dhamme pajahanto cittena anāvilo bhaveyya. Yasmā pana asekkho aniccatādivasena sabbadhammānaṃ paritulitattā kusalo sabbadhammesu kāyānupassanāsatiādīhi ca sato sabbakilesānaṃ bhinnattā uttamabhikkhubhāvaṃ patto ca hutvā sabbairiyāpathesu pavattati, tasmā ‘‘kusalo…pe… paribbaje’’ti āhāti ayaṃ saṅkhepattho.
ตตฺถ ยํ ปุจฺฉาคาถายํ ‘‘นิปโก’’ติ ปทํ วุตฺตํ, ตํ ภควนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ภควโต จ เนปกฺกํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ อนาวรณญาณทสฺสเนน ทีเปตพฺพนฺติ อนาวรณญาณํ ตาว กมฺมทฺวารเภเทหิ วิภชิตฺวา เสขาเสขปฎิปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควโต สพฺพํ กายกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เตน สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาณทสฺสเนน ตถาคตสฺส เสขาเสขปฎิปตฺติเทสนาโกสลฺลเมว วิภาเวติฯ ตตฺถ โก จาติ กฺว จ, กสฺมิํ วิสเยติ อโตฺถฯ ตํ วิสยํ ทเสฺสติ ‘‘ยํ อนิเจฺจ ทุเกฺข อนตฺตนิ จา’’ติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ญาณทสฺสนํ นาม อุปฺปชฺชมานํ ‘‘สพฺพํ สงฺขตํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปน ตสฺมิํ วิสเย เยน อปฺปวตฺติ, โส ปฎิฆาโตติ, เอเตน ลกฺขณตฺตยปฺปฎิเวธสฺส ทุรภิสมฺภวตํ อนญฺญสาธารณตญฺจ ทเสฺสติฯ ลกฺขณตฺตยวิภาวเนน หิ ภควโต จตุสจฺจปฺปฎิเวธํ สมฺมาสโมฺพธิญฺจ ปณฺฑิตา ปฎิชานนฺติฯ
Tattha yaṃ pucchāgāthāyaṃ ‘‘nipako’’ti padaṃ vuttaṃ, taṃ bhagavantaṃ sandhāya vuttaṃ, bhagavato ca nepakkaṃ ukkaṃsapāramippattaṃ anāvaraṇañāṇadassanena dīpetabbanti anāvaraṇañāṇaṃ tāva kammadvārabhedehi vibhajitvā sekhāsekhapaṭipadaṃ dassetuṃ ‘‘bhagavato sabbaṃ kāyakamma’’ntiādi vuttaṃ. Tena sabbattha appaṭihatañāṇadassanena tathāgatassa sekhāsekhapaṭipattidesanākosallameva vibhāveti. Tattha ko cāti kva ca, kasmiṃ visayeti attho. Taṃ visayaṃ dasseti ‘‘yaṃ anicce dukkhe anattani cā’’ti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ñāṇadassanaṃ nāma uppajjamānaṃ ‘‘sabbaṃ saṅkhataṃ aniccaṃ dukkhaṃ sabbe dhammā anattā’’ti uppajjati, tassa pana tasmiṃ visaye yena appavatti, so paṭighātoti, etena lakkhaṇattayappaṭivedhassa durabhisambhavataṃ anaññasādhāraṇatañca dasseti. Lakkhaṇattayavibhāvanena hi bhagavato catusaccappaṭivedhaṃ sammāsambodhiñca paṇḍitā paṭijānanti.
อญฺญาณํ อทสฺสนนฺติ ตํ ปฎิฆาตํ สรูปโต ทเสฺสติฯ ฉฬารมฺมณสภาวปฺปฎิจฺฉาทโก หิ สโมฺมโห ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโตติฯ ยสฺมิํ วิสเย ญาณทสฺสนํ อุปฺปตฺติรหํ, ตเตฺถว ตสฺส ปฎิฆาเตน ภวิตพฺพนฺติ อาห – ‘‘ยํ อนิเจฺจ ทุเกฺข อนตฺตนิ จา’’ติฯ ยถา อิธ ปุริโสติอาทิ อุปมาทสฺสนํฯ ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ปุริโส วิย สโพฺพ โลโก, ตารกรูปานิ วิย ฉ อารมฺมณานิ, ตสฺส ปุริสสฺส ตารกรูปานํ ทสฺสนํ วิย โลกสฺส จกฺขุวิญฺญาณาทีหิ ยถารหํ ฉฬารมฺมณชานนํ, ตสฺส ปุริสสฺส ตารกรูปานิ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ‘‘เอตฺตกานิ สตานิ, เอตฺตกานิ สหสฺสานี’’ติอาทินา คณนสเงฺกเตน อชานนํ วิย โลกสฺส รูปาทิอารมฺมณํ กถญฺจิ ชานนฺตสฺสาปิ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยานวโพโธติฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
Aññāṇaṃ adassananti taṃ paṭighātaṃ sarūpato dasseti. Chaḷārammaṇasabhāvappaṭicchādako hi sammoho ñāṇadassanassa paṭighātoti. Yasmiṃ visaye ñāṇadassanaṃ uppattirahaṃ, tattheva tassa paṭighātena bhavitabbanti āha – ‘‘yaṃ anicce dukkhe anattani cā’’ti. Yathā idha purisotiādi upamādassanaṃ. Tatridaṃ opammasaṃsandanaṃ – puriso viya sabbo loko, tārakarūpāni viya cha ārammaṇāni, tassa purisassa tārakarūpānaṃ dassanaṃ viya lokassa cakkhuviññāṇādīhi yathārahaṃ chaḷārammaṇajānanaṃ, tassa purisassa tārakarūpāni passantassāpi ‘‘ettakāni satāni, ettakāni sahassānī’’tiādinā gaṇanasaṅketena ajānanaṃ viya lokassa rūpādiārammaṇaṃ kathañci jānantassāpi aniccādilakkhaṇattayānavabodhoti. Sesaṃ pākaṭameva.
อิทานิ เยหิ ปเทหิ ภควตา อายสฺมโต อชิตสฺส เสขาเสขปฎิปทา วุตฺตา, เตสํ ปทานํ อตฺถํ วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ เสเขนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ นิปาตมตฺตํ, ตสฺมิํ วา วิสฺสชฺชเนฯ เสเขนาติ สิกฺขา เอตสฺส สีลนฺติ เสโข, เตน เสเขนฯ ทฺวีสุ ธเมฺมสูติ ทุวิเธสุ ธเมฺมสูติ อธิปฺปาโยฯ ปริยุฎฺฐานีเยสูติ โทเสน ปริยุฎฺฐิเตน ยตฺถ ปริวตฺติตพฺพํ, เตสุ อาฆาตวตฺถูสูติ อโตฺถฯ ‘‘ปฎิฆฎฺฐานีเยสู’’ติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ
Idāni yehi padehi bhagavatā āyasmato ajitassa sekhāsekhapaṭipadā vuttā, tesaṃ padānaṃ atthaṃ vibhajituṃ ‘‘tattha sekhenā’’tiādimāha. Tattha tatthāti nipātamattaṃ, tasmiṃ vā vissajjane. Sekhenāti sikkhā etassa sīlanti sekho, tena sekhena. Dvīsu dhammesūti duvidhesu dhammesūti adhippāyo. Pariyuṭṭhānīyesūti dosena pariyuṭṭhitena yattha parivattitabbaṃ, tesu āghātavatthūsūti attho. ‘‘Paṭighaṭṭhānīyesū’’tipi pāṭho, soyevattho.
เอตฺถ จ เคธปฎิเสธโจทนายํ เคธนิมิโตฺต โทโส เคเธ สติ โหตีติ ตโตปิ จิตฺตสฺส รกฺขิตพฺพตา นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตาฯ ยสฺมา ปน ภควตา ‘‘กาเมสุ นาภิคิเชฺฌยฺยา’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๕; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉา ๖๔, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘; เนตฺติ. ๑๕-๑๗) วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ตตฺถ ยา อิจฺฉา’’ติอาทินา เคธวเสน นิเทฺทโส กโตฯ อถ วา โทสโต จิตฺตสฺส รกฺขิตพฺพตา คาถาย ทุติยปาเทน วุตฺตาเยวาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ทุติยปาเทน หิ เสสกิเลสโวทานธมฺมา ทสฺสิตาฯ ตถา หิ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนเภทโต สมฺมาวายามสฺส วิสยภาเวน สเพฺพ สํกิเลสโวทานธเมฺม จตุธา วิภชิตฺวา สมฺมปฺปธานมุเขน เสขปฎิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เสโข อภิคิชฺฌโนฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนาวิลสงฺกโปฺปติ อาวิลานํ กามสงฺกปฺปาทีนํ อภาเวน อนาวิลสงฺกโปฺปฯ ตโต เอว จ อนภิคิชฺฌโนฺต วายมติ, วีริยํ ปวเตฺตติฯ กถํ วายมตีติ อาห – ‘‘โส อนุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิฯ
Ettha ca gedhapaṭisedhacodanāyaṃ gedhanimitto doso gedhe sati hotīti tatopi cittassa rakkhitabbatā niddhāretvā vuttā. Yasmā pana bhagavatā ‘‘kāmesu nābhigijjheyyā’’ti (su. ni. 1045; cūḷani. ajitamāṇavapucchā 64, ajitamāṇavapucchāniddesa 8; netti. 15-17) vuttaṃ, tasmā ‘‘tattha yā icchā’’tiādinā gedhavasena niddeso kato. Atha vā dosato cittassa rakkhitabbatā gāthāya dutiyapādena vuttāyevāti daṭṭhabbā. Dutiyapādena hi sesakilesavodānadhammā dassitā. Tathā hi uppannānuppannabhedato sammāvāyāmassa visayabhāvena sabbe saṃkilesavodānadhamme catudhā vibhajitvā sammappadhānamukhena sekhapaṭipadaṃ matthakaṃ pāpetvā dassetuṃ ‘‘sekho abhigijjhanto’’tiādi vuttaṃ. Tattha anāvilasaṅkappoti āvilānaṃ kāmasaṅkappādīnaṃ abhāvena anāvilasaṅkappo. Tato eva ca anabhigijjhanto vāyamati, vīriyaṃ pavatteti. Kathaṃ vāyamatīti āha – ‘‘so anuppannāna’’ntiādi.
ตตฺถ โสติ อุตฺตริวิเสสตฺถาย ปฎิปชฺชมาโน เสโกฺขฯ อนุปฺปนฺนานนฺติ อนิพฺพตฺตานํฯ ปาปกานนฺติ ลามกานํฯ อกุสลานํ ธมฺมานนฺติ อโกสลฺลสมฺภูตานํ ธมฺมานํฯ อนุปฺปาทายาติ น อุปฺปาทนตฺถายฯ ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตาสงฺขาตํ กุสลจฺฉนฺทํ อุปฺปาเทติฯ วายมตีติ ปโยคปรกฺกมํ กโรติฯ วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ กโรติฯ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิปติฯ ปทหตีติ ปธานวีริยํ กโรติฯ วายมตีติอาทีนิ ปน จตฺตาริ ปทานิ อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิฯ อุปฺปนฺนานํ ปาปกานนฺติ อนุปฺปนฺนาติ อวตฺตพฺพตํ อาปนฺนานํ ปาปธมฺมานํฯ ปหานายาติ ปชหนตฺถายฯ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานนฺติ อนิพฺพตฺตานํ โกสลฺลสมฺภูตานํ ธมฺมานํฯ อุปฺปาทายาติ อุปฺปาทนตฺถายฯ อุปฺปนฺนานนฺติ นิพฺพตฺตานํฯ ฐิติยาติ ฐิตตฺถํฯ อสโมฺมสายาติ อนสฺสนตฺถํ ฯ ภิโยฺยภาวายาติ ปุนปฺปุนํ ภาวายฯ เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวายฯ ภาวนายาติ วฑฺฒิยาฯ ปาริปูริยาติ ปริปูรณตฺถายาติ อยํ ตาว ปทโตฺถฯ
Tattha soti uttarivisesatthāya paṭipajjamāno sekkho. Anuppannānanti anibbattānaṃ. Pāpakānanti lāmakānaṃ. Akusalānaṃ dhammānanti akosallasambhūtānaṃ dhammānaṃ. Anuppādāyāti na uppādanatthāya. Chandaṃ janetīti kattukamyatāsaṅkhātaṃ kusalacchandaṃ uppādeti. Vāyamatīti payogaparakkamaṃ karoti. Vīriyaṃ ārabhatīti kāyikacetasikavīriyaṃ karoti. Cittaṃ paggaṇhātīti teneva sahajātavīriyena cittaṃ ukkhipati. Padahatīti padhānavīriyaṃ karoti. Vāyamatītiādīni pana cattāri padāni āsevanābhāvanābahulīkammasātaccakiriyāhi yojetabbāni. Uppannānaṃ pāpakānanti anuppannāti avattabbataṃ āpannānaṃ pāpadhammānaṃ. Pahānāyāti pajahanatthāya. Anuppannānaṃ kusalānanti anibbattānaṃ kosallasambhūtānaṃ dhammānaṃ. Uppādāyāti uppādanatthāya. Uppannānanti nibbattānaṃ. Ṭhitiyāti ṭhitatthaṃ. Asammosāyāti anassanatthaṃ . Bhiyyobhāvāyāti punappunaṃ bhāvāya. Vepullāyāti vipulabhāvāya. Bhāvanāyāti vaḍḍhiyā. Pāripūriyāti paripūraṇatthāyāti ayaṃ tāva padattho.
๑๖. ‘‘กตเม อนุปฺปนฺนา’’ติอาทิ อกุสลธมฺมา กุสลธมฺมา จ ยาทิสา อนุปฺปนฺนา ยาทิสา จ อุปฺปนฺนา, เต ทเสฺสตุํ อารทฺธํฯ ตตฺถ อิเม อนุปฺปนฺนาติ อิเม กามวิตกฺกาทโย อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา อนุปฺปนฺนา นามฯ อญฺญถา หิ อนมตเคฺค สํสาเร อนุปฺปนฺนา นาม อกุสลา ธมฺมา นตฺถิฯ วิตกฺกตฺตยคฺคหณเญฺจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อกุสลมูลานีติ อนุสยา เอว สเพฺพสํ อกุสลานํ มูลภาวโต เอวํ วุตฺตา, น โลภาทโย เอวฯ อิเม อุปฺปนฺนา อนุสยา ภูมิลทฺธุปฺปนฺนา อสมุคฺฆาฎิตุปฺปนฺนาติอาทิอุปฺปนฺนปริยายสพฺภาวโต นามวเสน อุปฺปนฺนา นาม, น วตฺตมานภาเวนาติ อโตฺถฯ อิเม อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมาติ อิเม โสตาปนฺนสฺส สทฺธาทโย โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา นาม, โก ปน วาโท ปุถุชฺชนานนฺติ ทเสฺสติฯ กุสลสโทฺท เจตฺถ พาหิติกสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๓๕๘ อาทโย) วิย อนวชฺชปริยาโย ทฎฺฐโพฺพฯ อิเม อุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมาติ อิเม ปฐมมเคฺค สทฺธาทโย โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส อุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา นามฯ
16.‘‘Katame anuppannā’’tiādi akusaladhammā kusaladhammā ca yādisā anuppannā yādisā ca uppannā, te dassetuṃ āraddhaṃ. Tattha ime anuppannāti ime kāmavitakkādayo asamudācāravasena vā ananubhūtārammaṇavasena vā anuppannā nāma. Aññathā hi anamatagge saṃsāre anuppannā nāma akusalā dhammā natthi. Vitakkattayaggahaṇañcettha nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Akusalamūlānīti anusayā eva sabbesaṃ akusalānaṃ mūlabhāvato evaṃ vuttā, na lobhādayo eva. Ime uppannā anusayā bhūmiladdhuppannā asamugghāṭituppannātiādiuppannapariyāyasabbhāvato nāmavasena uppannā nāma, na vattamānabhāvenāti attho. Ime anuppannā kusalā dhammāti ime sotāpannassa saddhādayo sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa anuppannā kusalā dhammā nāma, ko pana vādo puthujjanānanti dasseti. Kusalasaddo cettha bāhitikasutte (ma. ni. 2.358 ādayo) viya anavajjapariyāyo daṭṭhabbo. Ime uppannā kusalā dhammāti ime paṭhamamagge saddhādayo sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa uppannā kusalā dhammā nāma.
สติปฎฺฐานภาวนาย สุนิคฺคหิโต กามวิตโกฺกติ อาห – ‘‘เยน กามวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ สตินฺทฺริย’’นฺติฯ อนวชฺชสุขปทฎฺฐาเนน อวิเกฺขเปน เจโตทุกฺขสนฺนิสฺสโย วิเกฺขปปจฺจโย พฺยาปาทวิตโกฺก สุนิคฺคหิโตติ วุตฺตํ – ‘‘เยน พฺยาปาทวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ สมาธินฺทฺริย’’นฺติฯ กุสเลสุ ธเมฺมสุ อารทฺธวีริโย ปราปราธํ สุเขน สหตีติ วีริเยน วิหิํสาวิตโกฺก สุนิคฺคหิโตติ อาห – ‘‘เยน วิหิํสาวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ วีริยินฺทฺริย’’นฺติฯ สมาธิอาทีนมฺปิ ยถาสกํปฎิปกฺขปฺปหานํ ปญฺญวนฺตเสฺสว อิชฺฌตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘เยน อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน’’ติอาทิฯ
Satipaṭṭhānabhāvanāya suniggahito kāmavitakkoti āha – ‘‘yena kāmavitakkaṃ vāreti, idaṃ satindriya’’nti. Anavajjasukhapadaṭṭhānena avikkhepena cetodukkhasannissayo vikkhepapaccayo byāpādavitakko suniggahitoti vuttaṃ – ‘‘yena byāpādavitakkaṃ vāreti, idaṃ samādhindriya’’nti. Kusalesu dhammesu āraddhavīriyo parāparādhaṃ sukhena sahatīti vīriyena vihiṃsāvitakko suniggahitoti āha – ‘‘yena vihiṃsāvitakkaṃ vāreti, idaṃ vīriyindriya’’nti. Samādhiādīnampi yathāsakaṃpaṭipakkhappahānaṃ paññavantasseva ijjhatīti imamatthaṃ dassento āha – ‘‘yena uppannuppanne’’tiādi.
เอเตสํ ยถานิทฺธาริตานํ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ สวิสเย เชฎฺฐกภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สทฺธินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ อิเมสญฺจ สทฺธาทีนํ เสขานํ อินฺทฺริยานํ นิพฺพตฺติยา สเพฺพปิ เสขา ธมฺมา มตฺถกปฺปตฺตา โหนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ เสโข’’ติอาทินา เสขปฎิปทํ นิคเมติฯ
Etesaṃ yathāniddhāritānaṃ pañcannaṃ indriyānaṃ savisaye jeṭṭhakabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘saddhindriyaṃ kattha daṭṭhabba’’ntiādi vuttaṃ. Taṃ suviññeyyameva. Imesañca saddhādīnaṃ sekhānaṃ indriyānaṃ nibbattiyā sabbepi sekhā dhammā matthakappattā hontīti dassento ‘‘evaṃ sekho’’tiādinā sekhapaṭipadaṃ nigameti.
๑๗. เอวํ เสขปฎิปทํ วิภชิตฺวา อิทานิ อเสขปฎิปทํ วิภชิตุํ ‘‘กุสโล สพฺพธมฺมาน’’นฺติอาทิมาห ฯ ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ อิมินา ปเทน วุตฺตธเมฺม ตาว วิภชิตฺวา ตตฺถ อเสกฺขสฺส โกสลฺลํ ทเสฺสตุํ ‘‘โลโก นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ กิเลสโลเกน ภวโลโก สมุทาคจฺฉตีติ กามาวจรธมฺมํ นิสฺสาย รูปารูปาวจรธเมฺม สมุทาคเมตีติ อโตฺถฯ โสติ โส มหคฺคตธเมฺมสุ, ปริตฺตมหคฺคตธเมฺมสุ วา ฐิโตฯ อินฺทฺริยานิ นิพฺพเตฺตตีติ สีลสมาธโย นิเพฺพธภาคิเย กตฺวา วิมุตฺติปริปาจนียานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ อุปฺปาเทติฯ อินฺทฺริเยสุ ภาวิยมาเนสูติ ยถาวุตฺตอินฺทฺริเยสุ วฑฺฒิยมาเนสุ รูปารูปปริคฺคหาทิวเสน เนยฺยสฺส ปริญฺญา ภวติฯ
17. Evaṃ sekhapaṭipadaṃ vibhajitvā idāni asekhapaṭipadaṃ vibhajituṃ ‘‘kusalo sabbadhammāna’’ntiādimāha . Tattha sabbadhammānanti iminā padena vuttadhamme tāva vibhajitvā tattha asekkhassa kosallaṃ dassetuṃ ‘‘loko nāmā’’tiādi vuttaṃ. Taṃ vuttatthameva. Kilesalokena bhavaloko samudāgacchatīti kāmāvacaradhammaṃ nissāya rūpārūpāvacaradhamme samudāgametīti attho. Soti so mahaggatadhammesu, parittamahaggatadhammesu vā ṭhito. Indriyāni nibbattetīti sīlasamādhayo nibbedhabhāgiye katvā vimuttiparipācanīyāni saddhādīni indriyāni uppādeti. Indriyesu bhāviyamānesūti yathāvuttaindriyesu vaḍḍhiyamānesu rūpārūpapariggahādivasena neyyassa pariññā bhavati.
ทสฺสนปริญฺญาติ ญาตปริญฺญาฯ ภาวนาปริญฺญาติ ตีรณปริญฺญา ปหานปริญฺญา จฯ ‘‘สา ทุวิเธนา’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ ‘‘ยทา หิ เสโข’’ติอาทินา วิวรติฯ ตตฺถ ‘‘นิพฺพิทาสหคเตหิ สญฺญามนสิกาเรหี’’ติ อิมินา พลววิปสฺสนํ ทเสฺสติฯ ยทา หิ เสโขติ เจตฺถ สิกฺขนสีลตาย กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ เสขปเทน สงฺคหิโตติ กตฺวา ‘‘เทฺว ธมฺมา โกสลฺลํ คจฺฉนฺติ ทสฺสนโกสลฺลญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยทา กลฺยาณปุถุชฺชโน ปุพฺพภาคสิกฺขํ สิกฺขโนฺต นิพฺพิทาสหคเตหิ สญฺญามนสิกาเรหิ เญยฺยํ ปริชานาติ, ตทา ตสฺส เต วิปสฺสนาธมฺมา ทสฺสนโกสลฺลํ ปฐมมคฺคญาณํ คจฺฉนฺติ สมฺปาปุณนฺติ เตน สทฺธิํ ฆเฎนฺติฯ ยทา ปน โสตาปนฺนาทิเสโข วุตฺตนเยน เนยฺยํ ปริชานาติ, ตทา ตสฺส เต วิปสฺสนาธมฺมา ภาวนาโกสลฺลํ คจฺฉนฺตีติฯ
Dassanapariññāti ñātapariññā. Bhāvanāpariññāti tīraṇapariññā pahānapariññā ca. ‘‘Sā duvidhenā’’tiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ ‘‘yadā hi sekho’’tiādinā vivarati. Tattha ‘‘nibbidāsahagatehi saññāmanasikārehī’’ti iminā balavavipassanaṃ dasseti. Yadā hi sekhoti cettha sikkhanasīlatāya kalyāṇaputhujjanopi sekhapadena saṅgahitoti katvā ‘‘dve dhammā kosallaṃ gacchanti dassanakosallañcā’’tiādi vuttaṃ. Ayamettha adhippāyo – yadā kalyāṇaputhujjano pubbabhāgasikkhaṃ sikkhanto nibbidāsahagatehi saññāmanasikārehi ñeyyaṃ parijānāti, tadā tassa te vipassanādhammā dassanakosallaṃ paṭhamamaggañāṇaṃ gacchanti sampāpuṇanti tena saddhiṃ ghaṭenti. Yadā pana sotāpannādisekho vuttanayena neyyaṃ parijānāti, tadā tassa te vipassanādhammā bhāvanākosallaṃ gacchantīti.
ตํ ญาณนฺติ ยา ปุเพฺพ เนยฺยสฺส ปริญฺญา วุตฺตา, ตํ เนยฺยปริชานนญาณํฯ ปญฺจวิเธน เวทิตพฺพนฺติ วิสยเภเทน ตสฺส เภทํ ทเสฺสติฯ ธมฺมานํ สลกฺขเณ ญาณนฺติ รูปารูปธมฺมานํ กกฺขฬผุสนาทิสลกฺขเณ ญาณํฯ ตํ ปน ยสฺมา สพฺพํ เนยฺยํ เหตุเหตุผลเภทโต ทุวิธเมว โหติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมปฎิสมฺภิทา จ อตฺถปฎิสมฺภิทา จา’’ติ นิทฺทิฎฺฐํฯ
Taṃ ñāṇanti yā pubbe neyyassa pariññā vuttā, taṃ neyyaparijānanañāṇaṃ. Pañcavidhena veditabbanti visayabhedena tassa bhedaṃ dasseti. Dhammānaṃ salakkhaṇe ñāṇanti rūpārūpadhammānaṃ kakkhaḷaphusanādisalakkhaṇe ñāṇaṃ. Taṃ pana yasmā sabbaṃ neyyaṃ hetuhetuphalabhedato duvidhameva hoti, tasmā ‘‘dhammapaṭisambhidā ca atthapaṭisambhidā cā’’ti niddiṭṭhaṃ.
ปริญฺญาติ ตีรณปริญฺญา อธิเปฺปตาฯ ยสฺมา ปนสฺส รูปารูปธเมฺม สลกฺขณโต ปจฺจยโต จ อภิชานิตฺวา กุสลาทิวิภาเคหิ เต ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน ชานนา โหติ, ตสฺมา ‘‘เอวํ อภิชานิตฺวา ยา ปริชานนา, อิทํ กุสล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวํคหิตาติ เอวํ อนิจฺจาทิโต กลาปสมฺมสนาทิวเสน คหิตา สมฺมสิตาฯ อิทํ ผลํ นิพฺพเตฺตนฺตีติ อิทํ อุทยพฺพยญาณาทิกํ ผลํ ปฎิปาฎิยา อุปฺปาเทนฺติ , นิมิตฺตสฺส กตฺตุภาเวน อุปจรณโต ยถา อริยภาวกรานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานีติฯ เตสนฺติ อุทยพฺพยญาณาทีนํ ฯ เอวํคหิตานนฺติ เอวํปวตฺติตานํฯ อยํ อโตฺถติ อยํ สจฺจานํ อนุโพธปฎิเวโธ อโตฺถฯ ยถา หิ ปริญฺญาปญฺญา สมฺมสิตพฺพธเมฺม สมฺมสนธเมฺม ตตฺถ สมฺมสนาการํ ปริชานาติ, เอวํ สมฺมสนผลมฺปิ ปริชานาตีติ กตฺวา อยํ นโย ทสฺสิโตฯ
Pariññāti tīraṇapariññā adhippetā. Yasmā panassa rūpārūpadhamme salakkhaṇato paccayato ca abhijānitvā kusalādivibhāgehi te pariggahetvā aniccādivasena jānanā hoti, tasmā ‘‘evaṃ abhijānitvā yā parijānanā, idaṃ kusala’’ntiādi vuttaṃ. Tattha evaṃgahitāti evaṃ aniccādito kalāpasammasanādivasena gahitā sammasitā. Idaṃ phalaṃ nibbattentīti idaṃ udayabbayañāṇādikaṃ phalaṃ paṭipāṭiyā uppādenti , nimittassa kattubhāvena upacaraṇato yathā ariyabhāvakarāni saccāni ariyasaccānīti. Tesanti udayabbayañāṇādīnaṃ . Evaṃgahitānanti evaṃpavattitānaṃ. Ayaṃ atthoti ayaṃ saccānaṃ anubodhapaṭivedho attho. Yathā hi pariññāpaññā sammasitabbadhamme sammasanadhamme tattha sammasanākāraṃ parijānāti, evaṃ sammasanaphalampi parijānātīti katvā ayaṃ nayo dassito.
เย อกุสลาติ สมุทยสจฺจมาหฯ สเพฺพ หิ อกุสลา สมุทยปกฺขิยาติฯ เย กุสลาติ มคฺคธมฺมา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโยฯ ยทิปิ ผลธมฺมาปิ สจฺฉิกาตพฺพา, จตุสจฺจปฺปฎิเวธสฺส ปน อธิเปฺปตตฺตา ‘‘กตเม ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา, ยํ อสงฺขต’’นฺติ วุตฺตํฯ อตฺถกุสโลติ ปจฺจยุปฺปเนฺนสุ อเตฺถสุ กุสโลฯ ธมฺมกุสโลติ ปจฺจยธเมฺมสุ กุสโลฯ ปาฬิอตฺถปาฬิธมฺมา วา อตฺถธมฺมาฯ กลฺยาณตากุสโลติ ยุตฺตตากุสโล, จตุนยโกวิโทติ อโตฺถ, เทสนายุตฺติกุสโล วาฯ ผลตากุสโลติ ขีณาสวผลกุสโลฯ ‘‘อายกุสโล’’ติอาทีสุ อาโยติ วฑฺฒิฯ สา อนตฺถหานิโต อฎฺฐุปฺปตฺติโต จ ทุวิธาฯ อปายาติ อวฑฺฒิฯ สาปิ อตฺถหานิโต อนฎฺฐุปฺปตฺติโต จ ทุวิธาฯ อุปาโยติ สตฺตานํ อจฺจายิเก กิเจฺจ วา ภเย วา อุปฺปเนฺน ตสฺส ติกิจฺฉนสมตฺถํ ฐานุปฺปตฺติการณํ, ตตฺถ กุสโลติ อโตฺถฯ ขีณาสโว หิ สพฺพโส อวิชฺชาย ปหีนตฺตา ปญฺญาเวปุลฺลปฺปโตฺต เอเตสุ อายาทีสุ กุสโลติฯ เอวํ อเสขสฺส โกสลฺลํ เอกเทเสน วิภาเวตฺวา ปุน อนวเสสโต ทเสฺสโนฺต ‘‘มหตา โกสเลฺลน สมนฺนาคโต’’ติ อาหฯ
Ye akusalāti samudayasaccamāha. Sabbe hi akusalā samudayapakkhiyāti. Ye kusalāti maggadhammā sammādiṭṭhiādayo. Yadipi phaladhammāpi sacchikātabbā, catusaccappaṭivedhassa pana adhippetattā ‘‘katame dhammā sacchikātabbā, yaṃ asaṅkhata’’nti vuttaṃ. Atthakusaloti paccayuppannesu atthesu kusalo. Dhammakusaloti paccayadhammesu kusalo. Pāḷiatthapāḷidhammā vā atthadhammā. Kalyāṇatākusaloti yuttatākusalo, catunayakovidoti attho, desanāyuttikusalo vā. Phalatākusaloti khīṇāsavaphalakusalo. ‘‘Āyakusalo’’tiādīsu āyoti vaḍḍhi. Sā anatthahānito aṭṭhuppattito ca duvidhā. Apāyāti avaḍḍhi. Sāpi atthahānito anaṭṭhuppattito ca duvidhā. Upāyoti sattānaṃ accāyike kicce vā bhaye vā uppanne tassa tikicchanasamatthaṃ ṭhānuppattikāraṇaṃ, tattha kusaloti attho. Khīṇāsavo hi sabbaso avijjāya pahīnattā paññāvepullappatto etesu āyādīsu kusaloti. Evaṃ asekhassa kosallaṃ ekadesena vibhāvetvā puna anavasesato dassento ‘‘mahatā kosallena samannāgato’’ti āha.
ปรินิฎฺฐิตสิกฺขสฺส อเสขสฺส สโตการิตาย อญฺญํ ปโยชนํ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถ’’นฺติฯ อิทานิ ยถานิทฺทิฎฺฐํ เสขาเสขปฎิปทํ นิคเมโนฺต ‘‘อิมา เทฺว จริยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โพชฺฌนฺติ พุชฺฌิตพฺพํฯ ตํ จตุพฺพิธนฺติ ตํ โพชฺฌํ จตุพฺพิธํ, จตุสจฺจภาวโตฯ เอวํ ชานาตีติ เอวํ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน โย ชานาติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ อเสโข สติเวปุลฺลปฺปโตฺต นิปฺปริยาเยน ‘‘สโต อภิกฺกมตี’’ติอาทินา วุจฺจตีติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ อิธาปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจยา ปุเพฺพ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพาฯ
Pariniṭṭhitasikkhassa asekhassa satokāritāya aññaṃ payojanaṃ natthīti vuttaṃ ‘‘diṭṭhadhammasukhavihārattha’’nti. Idāni yathāniddiṭṭhaṃ sekhāsekhapaṭipadaṃ nigamento ‘‘imā dve cariyā’’tiādimāha. Tattha bojjhanti bujjhitabbaṃ. Taṃ catubbidhanti taṃ bojjhaṃ catubbidhaṃ, catusaccabhāvato. Evaṃ jānātīti evaṃ pariññābhisamayādivasena yo jānāti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ asekho sativepullappatto nippariyāyena ‘‘sato abhikkamatī’’tiādinā vuccatīti. Sesaṃ uttānatthameva. Idhāpi pucchāvissajjanavicayā pubbe vuttanayānusārena veditabbā.
เอตฺตาวตา จ มหาเถโร วิจยหารํ วิภชโนฺต อชิตสุตฺตวเสน (สุ. นิ. ๑๐๓ อาทโย; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉา ๕๗ อาทโย, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑ อาทโย) ปุจฺฉาวิจยํ วิสฺสชฺชนวิจยญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สุตฺตนฺตเรสุปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจยานํ นยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ, เอวํ วิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ เอวนฺติ อิมินา นเยนฯ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ ปุจฺฉา กาตพฺพา, อาจิกฺขิตพฺพา วา, วิเวเจตพฺพาติ อโตฺถฯ เอวํ วิสฺสชฺชิตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สุตฺตสฺส จาติอาทิ อนุคีติวิจยนิทสฺสนํฯ อนุคีติ อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ สมาเนตพฺพาติ สุตฺตนฺตรเทสนาสงฺขาตา อนุคีติ อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ สํวณฺณิยมาเนน สุเตฺตน สมานา สทิสี กาตพฺพา, ตสฺมิํ วา สุเตฺต สมฺมา อาเนตพฺพาฯ อตฺถาปคตนฺติ อตฺถโต อเปตํ, อสมฺพนฺธตฺถํ วา ทสทาฬิมาทิวจนํ วิยฯ เตเนวาห ‘‘สมฺผปฺปลาปํ ภวตี’’ติฯ เอเตน อตฺถสฺส สมาเนตพฺพตาย การณมาหฯ ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺสาติ อสมฺมาวุตฺตสฺสฯ ทุนฺนโยติ ทุเกฺขน เนตโพฺพ, เนตุํ วา อสกฺกุเณโยฺยฯ พฺยญฺชนุเปตนฺติ สภาวนิรุตฺติสมุเปตํฯ
Ettāvatā ca mahāthero vicayahāraṃ vibhajanto ajitasuttavasena (su. ni. 103 ādayo; cūḷani. ajitamāṇavapucchā 57 ādayo, ajitamāṇavapucchāniddesa 1 ādayo) pucchāvicayaṃ vissajjanavicayañca dassetvā idāni suttantaresupi pucchāvissajjanavicayānaṃ nayaṃ dassento ‘‘evaṃ pucchitabbaṃ, evaṃ vissajjitabba’’nti āha. Tattha evanti iminā nayena. Pucchitabbanti pucchā kātabbā, ācikkhitabbā vā, vivecetabbāti attho. Evaṃ vissajjitanti etthāpi eseva nayo. Suttassa cātiādi anugītivicayanidassanaṃ. Anugīti atthato ca byañjanato ca samānetabbāti suttantaradesanāsaṅkhātā anugīti atthato byañjanato ca saṃvaṇṇiyamānena suttena samānā sadisī kātabbā, tasmiṃ vā sutte sammā ānetabbā. Atthāpagatanti atthato apetaṃ, asambandhatthaṃ vā dasadāḷimādivacanaṃ viya. Tenevāha ‘‘samphappalāpaṃ bhavatī’’ti. Etena atthassa samānetabbatāya kāraṇamāha. Dunnikkhittassāti asammāvuttassa. Dunnayoti dukkhena netabbo, netuṃ vā asakkuṇeyyo. Byañjanupetanti sabhāvaniruttisamupetaṃ.
เอวํ อนุคีติวิจยํ ทเสฺสตฺวา นิเทฺทสวาเร ‘‘สุตฺตสฺส โย ปวิจโย’’ติ สํขิเตฺตน วุตฺตมตฺถํ วิภชิตุํ ‘‘สุตฺตญฺจ ปวิจินิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตสฺส วิจินนาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กิํ อิทํ สุตฺตํ อาหจฺจวจน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาหจฺจวจนนฺติ ภควโต ฐานกรณานิ อาหจฺจ อภิหนฺตฺวา ปวตฺตวจนํ, สมฺมาสมฺพุเทฺธน สามํ เทสิตสุตฺตนฺติ อโตฺถฯ อนุสนฺธิวจนนฺติ สาวกภาสิตํฯ ตญฺหิ ภควโต วจนํ อนุสเนฺธตฺวา ปวตฺตนโต ‘‘อนุสนฺธิวจน’’นฺติ วุตฺตนฺติฯ นีตตฺถนฺติ ยถารุตวเสน ญาตพฺพตฺถํฯ เนยฺยตฺถนฺติ นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพตฺถํฯ สํกิเลสภาคิยนฺติอาทีนํ ปทานํ อโตฺถ ปฎฺฐานวารวณฺณนายํ อาวิ ภวิสฺสติฯ ยสฺมา ปน ภควโต เทสนา โสฬสวิเธ สาสนปฎฺฐาเน เอกํ ภาคํ อภชนฺตี นาม นตฺถิ, ตสฺมา โสปิ นโย วิเจตพฺพภาเวน อิธ นิกฺขิโตฺตฯ
Evaṃ anugītivicayaṃ dassetvā niddesavāre ‘‘suttassa yo pavicayo’’ti saṃkhittena vuttamatthaṃ vibhajituṃ ‘‘suttañca pavicinitabba’’nti vatvā tassa vicinanākāraṃ dassento ‘‘kiṃ idaṃ suttaṃ āhaccavacana’’ntiādimāha. Tattha āhaccavacananti bhagavato ṭhānakaraṇāni āhacca abhihantvā pavattavacanaṃ, sammāsambuddhena sāmaṃ desitasuttanti attho. Anusandhivacananti sāvakabhāsitaṃ. Tañhi bhagavato vacanaṃ anusandhetvā pavattanato ‘‘anusandhivacana’’nti vuttanti. Nītatthanti yathārutavasena ñātabbatthaṃ. Neyyatthanti niddhāretvā gahetabbatthaṃ. Saṃkilesabhāgiyantiādīnaṃ padānaṃ attho paṭṭhānavāravaṇṇanāyaṃ āvi bhavissati. Yasmā pana bhagavato desanā soḷasavidhe sāsanapaṭṭhāne ekaṃ bhāgaṃ abhajantī nāma natthi, tasmā sopi nayo vicetabbabhāvena idha nikkhitto.
กุหิํ อิมสฺส สุตฺตสฺสาติ อิมสฺส สุตฺตสฺส กสฺมิํ ปเทเส อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุฯ สพฺพานิ สจฺจานิ ปสฺสิตพฺพานีติ ทุกฺขสจฺจํ สุตฺตสฺส ‘‘กุหิํ กสฺมิํ ปเทเส กสฺมิํ วา ปเท ปสฺสิตพฺพํ นิทฺธาเรตฺวา วิเจตุํ, สมุทยสจฺจํ นิโรธสจฺจํ มคฺคสจฺจํ กุหิํ ปสฺสิตพฺพํ ทฎฺฐพฺพํ นิทฺธาเรตฺวา วิเจตุ’’นฺติ เอวํ สพฺพานิ สจฺจานิ อุทฺธริตฺวา วิเจตพฺพานีติ อธิปฺปาโยฯ อาทิมชฺฌปริโยสาเนติ เอวํ สุตฺตํ ปวิเจตพฺพนฺติ อาทิโต มชฺฌโต ปริโยสานโต จ เอวํ อิมินา ปุจฺฉาวิจยาทินเยน สุตฺตํ ปวิจิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปุพฺพาปรานุคีติวิจยา ปาฬิยํ สรูเปเนว ทสฺสิตาฯ อสฺสาทาทิวิจโย ปน สจฺจนิทฺธารณมุเขน นยโต ทสฺสิโต, โส นิเทฺทสวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ตพฺพิจเยเนว จ ปทวิจโย สิโทฺธติฯ
Kuhiṃ imassa suttassāti imassa suttassa kasmiṃ padese ādimajjhapariyosānesu. Sabbāni saccāni passitabbānīti dukkhasaccaṃ suttassa ‘‘kuhiṃ kasmiṃ padese kasmiṃ vā pade passitabbaṃ niddhāretvā vicetuṃ, samudayasaccaṃ nirodhasaccaṃ maggasaccaṃ kuhiṃ passitabbaṃ daṭṭhabbaṃ niddhāretvā vicetu’’nti evaṃ sabbāni saccāni uddharitvā vicetabbānīti adhippāyo. Ādimajjhapariyosāneti evaṃ suttaṃ pavicetabbanti ādito majjhato pariyosānato ca evaṃ iminā pucchāvicayādinayena suttaṃ pavicitabbanti attho. Ettha ca pucchāvissajjanapubbāparānugītivicayā pāḷiyaṃ sarūpeneva dassitā. Assādādivicayo pana saccaniddhāraṇamukhena nayato dassito, so niddesavāre vuttanayeneva veditabbo. Tabbicayeneva ca padavicayo siddhoti.
วิจยหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. วิจยหารวิภโงฺค • 2. Vicayahāravibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๒. วิจยหารวิภงฺควิภาวนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavibhāvanā