Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā

    ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา

    2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ๑๑. ชาติลิงฺคกาลสาธนวิภตฺติสงฺขฺยาวิเสสาทิโต สทฺทโต ปทวิจโย กาตโพฺพฯ ตตฺถ กริยมาโน จ ยถาสภาวนิรุตฺติยา เอว กโต สุกโต โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ นามปทํ …เป.… อยํ สทฺทโต ปทวิจโย’’ติ วตฺวา ‘‘โส ปนาย’’นฺติอาทิมาหฯ วตฺตพฺพอตฺถสํวณฺณนาติ ตํตํปทวจนียสฺส อตฺถสฺส เภทํ วตฺวา ปริยาเยหิ วิวริตฺวา กถนํฯ

    11. Jātiliṅgakālasādhanavibhattisaṅkhyāvisesādito saddato padavicayo kātabbo. Tattha kariyamāno ca yathāsabhāvaniruttiyā eva kato sukato hotīti dassento ‘‘idaṃ nāmapadaṃ…pe… ayaṃ saddato padavicayo’’ti vatvā ‘‘so panāya’’ntiādimāha. Vattabbaatthasaṃvaṇṇanāti taṃtaṃpadavacanīyassa atthassa bhedaṃ vatvā pariyāyehi vivaritvā kathanaṃ.

    วิจิยมานสฺส สุตฺตปทสฺสาติ ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตสุตฺตปทสฺสฯ ‘‘สุตฺตนฺตรปทานิปิ ปุจฺฉาวเสเนว ปวตฺตานี’’ติ วทนฺติ ‘‘น สพฺพมฺปิ สุตฺตปท’’นฺติฯ เอกเสฺสว ปทสฺส สมฺภวนฺตานํ อเนเกสํ อตฺถานํ อุทฺธาโร อตฺถุทฺธาโรฯ เอกเสฺสว ปน อตฺถสฺส สมฺภวนฺตานํ อเนเกสํ ปทานํ อุทฺธาโร ปทุทฺธาโรฯ สเพฺพ หิ สํวณฺณิยมาเน สุเตฺต ลพฺภมาเน สเพฺพ ปทเตฺถฯ นว สุตฺตเนฺตติ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน นวปฺปกาเร สุตฺตสฺมิํ อาเนตฺวา วิจินตีติ โยชนาฯ อถ วา ‘‘สเพฺพ นว สุตฺตเนฺต’’ติ อิมินา ปวิจยลกฺขเณน หาเรน สุตฺตเคยฺยาทีนิ สพฺพานิปิ นวปฺปการานิ สุตฺตานิ วิจินตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘สุตฺตเคยฺยาทิเก’’ติอาทิฯ

    Viciyamānassa suttapadassāti pucchāvasena pavattasuttapadassa. ‘‘Suttantarapadānipi pucchāvaseneva pavattānī’’ti vadanti ‘‘na sabbampi suttapada’’nti. Ekasseva padassa sambhavantānaṃ anekesaṃ atthānaṃ uddhāro atthuddhāro. Ekasseva pana atthassa sambhavantānaṃ anekesaṃ padānaṃ uddhāro paduddhāro. Sabbe hi saṃvaṇṇiyamāne sutte labbhamāne sabbe padatthe. Nava suttanteti suttageyyādivasena navappakāre suttasmiṃ ānetvā vicinatīti yojanā. Atha vā ‘‘sabbe nava suttante’’ti iminā pavicayalakkhaṇena hārena suttageyyādīni sabbānipi navappakārāni suttāni vicinatīti attho. Tenāha ‘‘suttageyyādike’’tiādi.

    ‘‘โกสลานํ ปุรา รมฺมา’’ติอาทิกา (สุ. นิ. ๙๘๒) ฉปญฺญาส คาถา วตฺถุคาถาฯ ‘‘ปารายนมนุคายิสฺส’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๑๓๗ อาทโย) ปน อาทิกา เอกูนวีสติ คาถา อนุคีติคาถาฯ อิทํ นามํ กตนฺติ อิทํ ‘‘ปารายน’’นฺติ นามํ กตํฯ เตนาห ‘‘ปารํ คมนียา อิเม ธมฺมา, ตสฺมา อิมสฺส ธมฺมปริยายสฺส ‘ปารายนเนฺตฺวว อธิวจน’’’นฺติ (สุ. นิ. ปารายนตฺถุติคาถา; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถา ๑๔๙ อาทโย)ฯ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานนฺติ อิมสฺส วิจยหารวิภงฺคสฺส เทสนากาเล อายสฺมา มหากจฺจาโน อตฺตโน พุทฺธิยํ วตฺตมานํ กตฺวา เอวมาหาติ โยชนาฯ

    ‘‘Kosalānaṃ purā rammā’’tiādikā (su. ni. 982) chapaññāsa gāthā vatthugāthā. ‘‘Pārāyanamanugāyissa’’nti (su. ni. 1137 ādayo) pana ādikā ekūnavīsati gāthā anugītigāthā. Idaṃ nāmaṃ katanti idaṃ ‘‘pārāyana’’nti nāmaṃ kataṃ. Tenāha ‘‘pāraṃ gamanīyā ime dhammā, tasmā imassa dhammapariyāyassa ‘pārāyanantveva adhivacana’’’nti (su. ni. pārāyanatthutigāthā; cūḷani. pārāyanatthutigāthā 149 ādayo). Buddhiyaṃ viparivattamānanti imassa vicayahāravibhaṅgassa desanākāle āyasmā mahākaccāno attano buddhiyaṃ vattamānaṃ katvā evamāhāti yojanā.

    เอกํสพฺยากรณสฺส อยนฺติ เอกํสพฺยากรณียา, เอกํเสน วา พฺยากาตพฺพตฺตา เอกํสพฺยากรณียา, เอกํสพฺยากรณโยคฺคาติ อโตฺถฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ฐปนียาติ ฐเปตพฺพตฺตา อพฺยากรณียาติ อโตฺถฯ สมยนฺตรปริจเยน นิวารณธมฺมํ ปติ สํสยปกฺขโนฺท ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘วิมติเจฺฉทน’’นฺติฯ ปกติยา ปน นิวารณธมฺมํ อชานโนฺต ญาตุกามตาย ปุจฺฉตีติ อทิฎฺฐโชตนาย ปุจฺฉาปิ สิยาฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘โลกสฺส นิวารณาทีนิ อชานเนฺตนา’’ติฯ

    Ekaṃsabyākaraṇassa ayanti ekaṃsabyākaraṇīyā, ekaṃsena vā byākātabbattā ekaṃsabyākaraṇīyā, ekaṃsabyākaraṇayoggāti attho. Sesapadadvayepi eseva nayo. Ṭhapanīyāti ṭhapetabbattā abyākaraṇīyāti attho. Samayantaraparicayena nivāraṇadhammaṃ pati saṃsayapakkhando pucchatīti adhippāyenāha ‘‘vimaticchedana’’nti. Pakatiyā pana nivāraṇadhammaṃ ajānanto ñātukāmatāya pucchatīti adiṭṭhajotanāya pucchāpi siyā. Tathā hi vakkhati ‘‘lokassa nivāraṇādīni ajānantenā’’ti.

    เอกวตฺถุปริคฺคหาติ เอกสฺส อภิเธยฺยตฺถสฺส คหณโตฯ

    Ekavatthupariggahāti ekassa abhidheyyatthassa gahaṇato.

    วิมุตฺติปริปาจกอินฺทฺริยานิ วิวฎฺฎปเกฺข ฐิตสฺส สทฺธาทโย ธมฺมา, กิํ ปเนตฺถ อริยานมฺปิ อินฺทฺริยโลเกน สงฺคโห โหตีติ อาห ‘‘ปริยาปนฺนธมฺมวเสนา’’ติอาทิฯ

    Vimuttiparipācakaindriyāni vivaṭṭapakkhe ṭhitassa saddhādayo dhammā, kiṃ panettha ariyānampi indriyalokena saṅgaho hotīti āha ‘‘pariyāpannadhammavasenā’’tiādi.

    กาฬปกฺขจาตุทฺทสีฆนวนสณฺฑเมฆปฎลจฺฉาทนอฑฺฒรตฺตีนํ วเสน จตุรงฺคสมนฺนาคเตนฯ วิวิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉายฯ เตนาห ‘‘วิจิกิจฺฉาเหตู’’ติฯ ทุกฺขมสฺส มหพฺภยนฺติ เอตฺถ วุตฺตํ ‘‘อสฺสา’’ติ ปทํ ‘‘ชปฺปาภิเลปนํ อสฺส พฺรูมี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชปฺปา ตณฺหา อสฺส โลกสฺสา’’ติ อาหฯ ‘‘สพฺพสตฺตาน’’นฺติอาทินา, ‘‘สพฺพโสวา’’ติอาทินา จ อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ สาติสยํ อวิชฺชาย นีวรณภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘ทูเร สโนฺต ปกาสนฺติ (ธ. ป. ๓๐๔; เนตฺติ. ๑๑), รโตฺต อตฺถํ น ชานาตี’’ติ (เนตฺติ. ๑๑, ๒๗) คาถาทฺวเยนาปิ อนุคีติวิจยํ ทเสฺสตีติ โยเชตพฺพํฯ

    Kāḷapakkhacātuddasīghanavanasaṇḍameghapaṭalacchādanaaḍḍharattīnaṃ vasena caturaṅgasamannāgatena. Vivicchāti vicikicchāya. Tenāha ‘‘vicikicchāhetū’’ti. Dukkhamassa mahabbhayanti ettha vuttaṃ ‘‘assā’’ti padaṃ ‘‘jappābhilepanaṃ assa brūmī’’ti ānetvā sambandhitabbanti dassento ‘‘jappā taṇhā assa lokassā’’ti āha. ‘‘Sabbasattāna’’ntiādinā, ‘‘sabbasovā’’tiādinā ca anvayato, byatirekato ca sātisayaṃ avijjāya nīvaraṇabhāvaṃ dasseti. ‘‘Dūre santo pakāsanti (dha. pa. 304; netti. 11), ratto atthaṃ na jānātī’’ti (netti. 11, 27) gāthādvayenāpi anugītivicayaṃ dassetīti yojetabbaṃ.

    รูปาวจราติ รูปาวจรสตฺตาฯ วิปริณามทุกฺขตาย มุจฺจนสฺส การณวจนนฺติ สมฺพโนฺธฯ ยโต วฎฺฎทุกฺขโต มุจฺจนํฯ ตํ วฎฺฎทุกฺขํ อนวเสสปริยาทานวเสน สงฺขารทุกฺขตาคหเณนฯ

    Rūpāvacarāti rūpāvacarasattā. Vipariṇāmadukkhatāya muccanassa kāraṇavacananti sambandho. Yato vaṭṭadukkhato muccanaṃ. Taṃ vaṭṭadukkhaṃ anavasesapariyādānavasena saṅkhāradukkhatāgahaṇena.

    เอกาธารนฺติ เอกวตฺถุ อธิฎฺฐานํฯ นิวารณํ วิกฺขมฺภนํ ปิธานํ สมุเจฺฉโทติ อตฺถทฺวยสฺส ปุจฺฉิตตฺตา ‘‘อเนกาธารํ ทเสฺสตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘นิวารณสงฺขาตํ สํวรํ…เป.… ปิธิยฺยนฺติ ปจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ (สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๐๔๑; จูฬนิ. อฎฺฐ. ๓)ฯ ตสฺสโตฺถ ‘‘นิวารณสงฺขาตํ วิกฺขมฺภนํ, สํวรํ, ปิธานญฺจ กเถหี’’ติฯ

    Ekādhāranti ekavatthu adhiṭṭhānaṃ. Nivāraṇaṃ vikkhambhanaṃ pidhānaṃ samucchedoti atthadvayassa pucchitattā ‘‘anekādhāraṃ dassetu’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘nivāraṇasaṅkhātaṃ saṃvaraṃ…pe… pidhiyyanti pacchijjantī’’ti (su. ni. aṭṭha. 2.1041; cūḷani. aṭṭha. 3). Tassattho ‘‘nivāraṇasaṅkhātaṃ vikkhambhanaṃ, saṃvaraṃ, pidhānañca kathehī’’ti.

    ‘‘โวทาน’’นฺติ อิมินา โสตานํ วิกฺขมฺภนวิสุทฺธิ, ‘‘วุฎฺฐาน’’นฺติ อิมินา สมุเจฺฉทวิสุทฺธิ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘ปุจฺฉาย ทุวิธตฺถวิสยตํ วิวริตุํ ‘เอว’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติฯ ตถา จาห ‘‘โวทายติ…เป.… อริยมโคฺค’’ติฯ

    ‘‘Vodāna’’nti iminā sotānaṃ vikkhambhanavisuddhi, ‘‘vuṭṭhāna’’nti iminā samucchedavisuddhi adhippetāti āha ‘‘pucchāya duvidhatthavisayataṃ vivarituṃ ‘eva’ntiādi vutta’’nti. Tathā cāha ‘‘vodāyati…pe… ariyamaggo’’ti.

    ทิฎฺฐิมานาวิชฺชาโสตาปิ ตณฺหาโสตานุคาติ อาห ‘‘เยภุเยฺยน อนุโรธวเสนา’’ติฯ อุปจารวเสนาติ นิสฺสิตุปจารวเสนฯ สพฺพสฺมาติ จกฺขุโต ยาว มนโตติ สพฺพสฺมา ทฺวารโตฯ สพฺพปฺปกาเรนาตฺติ ตณฺหายนมิจฺฉาภินิเวสนอุนฺนมนาทิปฺปกาเรนฯ

    Diṭṭhimānāvijjāsotāpi taṇhāsotānugāti āha ‘‘yebhuyyena anurodhavasenā’’ti. Upacāravasenāti nissitupacāravasena. Sabbasmāti cakkhuto yāva manatoti sabbasmā dvārato. Sabbappakārenātti taṇhāyanamicchābhinivesanaunnamanādippakārena.

    ตเมว สตินฺติ ยายํ สติ ปุพฺพภาเค โสตานํ วิกฺขมฺภนวเสน วุตฺตา, ตเมว สติํฯ มคฺคกฺขเณ โสตานํ สํวรํ ปิธานํ พฺรูมิฯ ยสฺมา ปน ปิธายิกาปิ สติ มคฺคกฺขเณ ปญฺญานุคา, ปญฺญากิจฺจเมเวตฺถ อธิกํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ

    Tameva satinti yāyaṃ sati pubbabhāge sotānaṃ vikkhambhanavasena vuttā, tameva satiṃ. Maggakkhaṇe sotānaṃ saṃvaraṃ pidhānaṃ brūmi. Yasmā pana pidhāyikāpi sati maggakkhaṇe paññānugā, paññākiccamevettha adhikaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘paññāyete pidhīyare’’ti.

    สํวรปิธานานนฺติ เอตฺถ สํวรสเทฺทน นิวารณํ วุตฺตํฯ

    Saṃvarapidhānānanti ettha saṃvarasaddena nivāraṇaṃ vuttaṃ.

    ยสฺมิํ ยสฺมิํ อริยมเคฺค อนธิคเต ยํ ยํ อภิสงฺขารวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชนารหํ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ อธิคเต ตํ ตํ วิญฺญาณํ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌติ สทฺธิํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตนามรูเปนาติ อาห ‘‘ตสฺส ตสฺส วิญฺญาณสฺส นิโรเธน สเหวา’’ติฯ อนุปฺปาทนิโรโธ หิ เอตฺถ ‘‘นิโรโธ’’ติ อธิเปฺปโต อนุปาทิเสสนิพฺพานสฺส อธิเปฺปตตฺตาติฯ อนุสนฺธียติ เอเตนาติ อนุสนฺธิ, อิธ ปุจฺฉิยมาโน อโตฺถฯ

    Yasmiṃ yasmiṃ ariyamagge anadhigate yaṃ yaṃ abhisaṅkhāraviññāṇaṃ uppajjanārahaṃ, tasmiṃ tasmiṃ adhigate taṃ taṃ viññāṇaṃ anuppādanirodhena nirujjhati saddhiṃ attanā sampayuttanāmarūpenāti āha ‘‘tassa tassa viññāṇassa nirodhena sahevā’’ti. Anuppādanirodho hi ettha ‘‘nirodho’’ti adhippeto anupādisesanibbānassa adhippetattāti. Anusandhīyati etenāti anusandhi, idha pucchiyamāno attho.

    สห วิสเยน ทเสฺสตุนฺติ เอตฺถ สจฺจานิ เอว วิสโยฯ ปหาตพฺพสภาวํ สมุทยสจฺจํ, ตสฺส วิสโย ทุกฺขสจฺจํฯ ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) หิ วุตฺตํฯ ปหายกสภาวํ มคฺคสจฺจํ, ตสฺส วิสโย นิโรธสจฺจนฺติ อาห ‘‘สห วิสเยน…เป.… สเจฺจสู’’ติฯ กามเญฺจตฺถ ‘‘สมุทโย ทฺวีสุ ภูมีสุ ปหียตี’’ติ อารทฺธํ, ‘‘ทสฺสเนน ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ, ภาวนาย สตฺต สํโยชนานิ ปหียนฺตี’’ติ ปน วิภาควจนเมว วตฺตนฺติ อาห ‘‘ปหายกวิภาคมุเขน ปหาตพฺพวิภาคํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ

    Sahavisayena dassetunti ettha saccāni eva visayo. Pahātabbasabhāvaṃ samudayasaccaṃ, tassa visayo dukkhasaccaṃ. ‘‘Saṃyojaniyesu, bhikkhave, dhammesu assādānupassino viharato taṇhā pavaḍḍhatī’’ti (saṃ. ni. 2.53, 57) hi vuttaṃ. Pahāyakasabhāvaṃ maggasaccaṃ, tassa visayo nirodhasaccanti āha ‘‘saha visayena…pe… saccesū’’ti. Kāmañcettha ‘‘samudayo dvīsu bhūmīsu pahīyatī’’ti āraddhaṃ, ‘‘dassanena tīṇi saṃyojanāni pahīyanti, bhāvanāya satta saṃyojanāni pahīyantī’’ti pana vibhāgavacanameva vattanti āha ‘‘pahāyakavibhāgamukhena pahātabbavibhāgaṃ dassetu’’nti.

    นิรวเสสกามราคพฺยาปาทา ตติยมเคฺคน ปหียนฺติ, อิตเร จตุตฺถมเคฺคนาติ วุตฺตํ ‘‘อิตเรหิ ปน นิรวเสส’’นฺติฯ ตตฺถาติ กมฺมวิปากวฎฺฎปฺปเภเทน เตธาตุเก ภวตฺตเยฯ สํโยชนวเสนาติ สพฺพทา โยชนวเสน พนฺธนวเสนฯ

    Niravasesakāmarāgabyāpādā tatiyamaggena pahīyanti, itare catutthamaggenāti vuttaṃ ‘‘itarehi pana niravasesa’’nti. Tatthāti kammavipākavaṭṭappabhedena tedhātuke bhavattaye. Saṃyojanavasenāti sabbadā yojanavasena bandhanavasena.

    ๑๒. อคฺคผลญาณตาย เอกมฺปิ สมานํ ตนฺนิมิตฺตสฺส ขยานุปฺปาทารมฺมณสฺส ปจฺจเวกฺขณญาณสฺส วเสน ผลโวหาเรน เทฺว นามานิ ลภติฯ

    12. Aggaphalañāṇatāya ekampi samānaṃ tannimittassa khayānuppādārammaṇassa paccavekkhaṇañāṇassa vasena phalavohārena dve nāmāni labhati.

    โสมนสฺสนามลาโภ อิมินา อารมฺมณสเงฺกเตนาติ ตทตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘ขเย…เป.… สมญฺญายา’’ติ อาหฯ

    Somanassanāmalābho iminā ārammaṇasaṅketenāti tadatthaṃ vivaranto ‘‘khaye…pe… samaññāyā’’ti āha.

    ๑๓. ตคฺคหเณเนวาติ ผสฺสปญฺจมกปญฺจรูปินฺทฺริยคฺคหเณเนวฯ สหจรณาทินาติ สหชาตาทิอนนฺตราทิปจฺจยภาเวน เจว นิสฺสยารมฺมณาทินา จฯ ‘‘สมฺปยุตฺต’’นฺติ อิมินา สหิตตา อวิสิฎฺฐตา อิธาธิเปฺปตาติ อาห ‘‘อวิภาเคน คหณียภาวํ สนฺธายา’’ติฯ

    13.Taggahaṇenevāti phassapañcamakapañcarūpindriyaggahaṇeneva. Sahacaraṇādināti sahajātādianantarādipaccayabhāvena ceva nissayārammaṇādinā ca. ‘‘Sampayutta’’nti iminā sahitatā avisiṭṭhatā idhādhippetāti āha ‘‘avibhāgena gahaṇīyabhāvaṃ sandhāyā’’ti.

    กถํ สมาธินฺทฺริยํ อุปฺปาเทตีติ อาห ‘‘สติคฺคหเณน เจตฺถ ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ อิธาธิเปฺปต’’นฺติฯ น หิ สมาธินา ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ สมฺภวติฯ

    Kathaṃ samādhindriyaṃ uppādetīti āha ‘‘satiggahaṇena cettha pariyuṭṭhānappahānaṃ idhādhippeta’’nti. Na hi samādhinā pariyuṭṭhānappahānaṃ sambhavati.

    ปทหติ เอเตนาติ ปธานํ, วีริยํฯ เตติ วีริยสงฺขาราฯ เอกรเสนาติ ยถา อินฺทฺริยานิ เอกรสานิ โหนฺติ, เอวํ เอกรสภาเวน สรณโต ปวตฺตนโตฯ ตถา ปวตฺติยา เอว สุฎฺฐุ วต วีริยํ วาเหสีติ โยคินา สงฺกเปฺปตพฺพโต ตทุปควีริยวาหนเฎฺฐน ‘‘สมฺปหํสนา’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เอวํ เม…เป.… เหตุภาวโต’’ติฯ

    Padahati etenāti padhānaṃ, vīriyaṃ. Teti vīriyasaṅkhārā. Ekarasenāti yathā indriyāni ekarasāni honti, evaṃ ekarasabhāvena saraṇato pavattanato. Tathā pavattiyā eva suṭṭhu vata vīriyaṃ vāhesīti yoginā saṅkappetabbato tadupagavīriyavāhanaṭṭhena ‘‘sampahaṃsanā’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘evaṃ me…pe… hetubhāvato’’ti.

    อิทฺธิสทฺทสฺส ปฐโม กตฺตุอโตฺถ, ทุติโย กรณโตฺถ วุโตฺต, ปาทสทฺทสฺส เอโก กรณโตฺถ เอวฯ ปชฺชิตพฺพา จ อิทฺธี วุตฺตา, น จ อิชฺฌนฺติฯ ปชฺชิตพฺพา จ อิทฺธี ปชฺชนกรเณน ปาเทน สมานาธิกรณา น โหนฺตีติ ‘‘ปฐเมน อเตฺถน อิทฺธิ เอว ปาโท’’ติ กถํ สกฺกา วตฺตุํ, ตถา อิทฺธิกิริยากรเณน สาเธตพฺพา พุทฺธิสงฺขาตา อิทฺธิ ปชฺชนกิริยากรเณน ปชฺชิตพฺพาติ ทฺวินฺนํ กรณานํ น สมานาธิกรณตา สมฺภวตีติ ‘‘ทุติเยน อเตฺถน อิทฺธิยา ปาโท’’ติ กถํ สกฺกา วตฺตุนฺติ เจ? สกฺกา, ปาทสฺส อิชฺฌมานโกฎฺฐาส อิชฺฌนกรณูปายภาวโตฯ อถ วา ‘‘ปฐเมน อเตฺถน อิทฺธิยา ปาโท, ทุติเยน อเตฺถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท’’ติ เอวํ โยชนโตฯ กถํ? อนนฺตรโตฺถ ปจฺจาสตฺติญาเยน อิธ ปฐโมติ อธิเปฺปโต, ตโต ปุริโม ทุติโยติฯ

    Iddhisaddassa paṭhamo kattuattho, dutiyo karaṇattho vutto, pādasaddassa eko karaṇattho eva. Pajjitabbā ca iddhī vuttā, na ca ijjhanti. Pajjitabbā ca iddhī pajjanakaraṇena pādena samānādhikaraṇā na hontīti ‘‘paṭhamena atthena iddhi eva pādo’’ti kathaṃ sakkā vattuṃ, tathā iddhikiriyākaraṇena sādhetabbā buddhisaṅkhātā iddhi pajjanakiriyākaraṇena pajjitabbāti dvinnaṃ karaṇānaṃ na samānādhikaraṇatā sambhavatīti ‘‘dutiyena atthena iddhiyā pādo’’ti kathaṃ sakkā vattunti ce? Sakkā, pādassa ijjhamānakoṭṭhāsa ijjhanakaraṇūpāyabhāvato. Atha vā ‘‘paṭhamena atthena iddhiyā pādo, dutiyena atthena iddhi eva pādo iddhipādo’’ti evaṃ yojanato. Kathaṃ? Anantarattho paccāsattiñāyena idha paṭhamoti adhippeto, tato purimo dutiyoti.

    ‘‘ฉนฺทํ เจ ภิกฺขุ อธิปติํ กริตฺวา ลภติ สมาธิ’’นฺติอาทิ (วิภ. ๔๓๒) วจนโต ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวตีติ เอตฺถาปิ ฉนฺทาธิปติ สมาธิ ฉนฺทสมาธีติ อธิปติสทฺทโลปํ กตฺวา สมาโส วุโตฺตติ วิญฺญายติฯ อธิปติสทฺทตฺถทสฺสนวเสเนว ปน ‘‘ฉนฺทเหตุโก, ฉนฺทาธิโก วา สมาธี’’ติ สโมฺมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฎฺฐ. ๔๓๑) วุตฺตํ, ตสฺมา อิธาปิ ฉนฺทาธิปติ สมาธิ ฉนฺทสมาธีติ เวทิตโพฺพฯ ตํ ปน ฉนฺทํ วุตฺตนเยน สทฺธาสีเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘สทฺธาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อิทํ ปธาน’’นฺติ วา วีริยํ วุตฺตํฯ วีริยสทฺทาเปกฺขาสหิตํ เอกวจเนน วตฺวา จตุพฺพิธสฺสปิ วีริยสฺส อธิเปฺปตตฺตา นิพฺพเตฺตตพฺพธมฺมวิภาเคน จ ‘‘อิเม สงฺขารา’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปธานภูตา สงฺขาราติ เอวํ สมาโส เวทิตโพฺพฯ สงฺขตสงฺขาราทินิวตฺตนตฺถเญฺจตฺถ ปธานคฺคหณํฯ อถ วา ตํ ตํ วิเสสํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร, สพฺพมฺปิ วีริยํฯ ตตฺถ จตุกิจฺจสาธกโต อญฺญสฺส นิวตฺตนตฺถํ ปธานคฺคหณนฺติ ปธานภูตา เสฎฺฐภูตาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Chandaṃ ce bhikkhu adhipatiṃ karitvā labhati samādhi’’ntiādi (vibha. 432) vacanato chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāvetīti etthāpi chandādhipati samādhi chandasamādhīti adhipatisaddalopaṃ katvā samāso vuttoti viññāyati. Adhipatisaddatthadassanavaseneva pana ‘‘chandahetuko, chandādhiko vā samādhī’’ti sammohavinodaniyaṃ (vibha. aṭṭha. 431) vuttaṃ, tasmā idhāpi chandādhipati samādhi chandasamādhīti veditabbo. Taṃ pana chandaṃ vuttanayena saddhāsīsena dassento ‘‘saddhādhipateyyā cittekaggatā’’ti vuttaṃ. ‘‘Idaṃ padhāna’’nti vā vīriyaṃ vuttaṃ. Vīriyasaddāpekkhāsahitaṃ ekavacanena vatvā catubbidhassapi vīriyassa adhippetattā nibbattetabbadhammavibhāgena ca ‘‘ime saṅkhārā’’ti vuttaṃ. Tena padhānabhūtā saṅkhārāti evaṃ samāso veditabbo. Saṅkhatasaṅkhārādinivattanatthañcettha padhānaggahaṇaṃ. Atha vā taṃ taṃ visesaṃ saṅkharotīti saṅkhāro, sabbampi vīriyaṃ. Tattha catukiccasādhakato aññassa nivattanatthaṃ padhānaggahaṇanti padhānabhūtā seṭṭhabhūtāti attho.

    วีริยิทฺธิปาทนิเทฺทเส ‘‘วีริยสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคต’’นฺติ (วิภ. ๔๓๕) ทฺวิกฺขตฺตุํ วีริยํ อาคตํฯ ตตฺถ ปุริมํ สมาธิวิเสสนํ ‘‘วีริยาธิปติ สมาธิ วีริยสมาธี’’ติ, ทุติยํ สมนฺนาคมงฺคทสฺสนตฺถํฯ เทฺว เอว หิ สพฺพตฺถ สมนฺนาคมงฺคานิ สมาธิ, ปธานสงฺขาโร จฯ ฉนฺทาทโย สมาธิวิเสสนานิฯ ปธานสงฺขาโร ปน ปธานวจเนเนว วิเสสิโต, น ฉนฺทาทีหีติ น อิธ วีริยาธิปติตา ปธานสงฺขารสฺส วุตฺตา โหติฯ วีริยญฺจ สมาธิํ วิเสเสตฺวา ฐิตเมว สมนฺนาคมงฺควเสน ปธานสงฺขารวจเนน วุตฺตนฺติ นาปิ ทฺวีหิ วีริเยหิ สมนฺนาคโม วุโตฺต โหติฯ ยสฺมา ปน ฉนฺทาทีหิ วิสิโฎฺฐ สมาธิ ตถา วิสิเฎฺฐเนว เตน สมฺปยุโตฺต ปธานสงฺขาโร, เสสธมฺมา จ, ตสฺมา สมาธิวิเสสนานํ วเสน ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ วุตฺตาฯ วิเสสนภาโว จ ฉนฺทาทีนํ ตํตํอปสฺสยนวเสน โหตีติ ฉนฺทสมาธิ…เป.… อิทฺธิปาทนฺติ เอตฺถ นิสฺสยเตฺถปิ ปาทสเทฺทน อุปายเตฺถน ฉนฺทาทีนํ อิทฺธิปาทตา วุตฺตา โหติฯ ตถา หิ อภิธเมฺม อุตฺตรจูฬภาชนีเย ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ฉนฺทิทฺธิปาโท’’ติอาทินา (วิภ. ๔๕๗) ฉนฺทาทีนเมว อิทฺธิปาทตา วุตฺตาฯ ปญฺหาปุจฺฉเก จ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา – อิธ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธี’’ติ (วิภ. ๔๖๒) อารภิตฺวาปิ ปุน ฉนฺทาทีนํเยว กุสลาทิภาโว วิภโตฺตฯ อุปายิทฺธิปาททสฺสนตฺถเมว หิ นิสฺสยิทฺธิปาททสฺสนํ กตํฯ อญฺญถา จตุพฺพิธตาว น โหตีติฯ อยเมตฺถ ปาฬิวเสน อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ

    Vīriyiddhipādaniddese ‘‘vīriyasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgata’’nti (vibha. 435) dvikkhattuṃ vīriyaṃ āgataṃ. Tattha purimaṃ samādhivisesanaṃ ‘‘vīriyādhipati samādhi vīriyasamādhī’’ti, dutiyaṃ samannāgamaṅgadassanatthaṃ. Dve eva hi sabbattha samannāgamaṅgāni samādhi, padhānasaṅkhāro ca. Chandādayo samādhivisesanāni. Padhānasaṅkhāro pana padhānavacaneneva visesito, na chandādīhīti na idha vīriyādhipatitā padhānasaṅkhārassa vuttā hoti. Vīriyañca samādhiṃ visesetvā ṭhitameva samannāgamaṅgavasena padhānasaṅkhāravacanena vuttanti nāpi dvīhi vīriyehi samannāgamo vutto hoti. Yasmā pana chandādīhi visiṭṭho samādhi tathā visiṭṭheneva tena sampayutto padhānasaṅkhāro, sesadhammā ca, tasmā samādhivisesanānaṃ vasena ‘‘cattāro iddhipādā’’ti vuttā. Visesanabhāvo ca chandādīnaṃ taṃtaṃapassayanavasena hotīti chandasamādhi…pe… iddhipādanti ettha nissayatthepi pādasaddena upāyatthena chandādīnaṃ iddhipādatā vuttā hoti. Tathā hi abhidhamme uttaracūḷabhājanīye ‘‘cattāro iddhipādā chandiddhipādo’’tiādinā (vibha. 457) chandādīnameva iddhipādatā vuttā. Pañhāpucchake ca ‘‘cattāro iddhipādā – idha bhikkhu chandasamādhī’’ti (vibha. 462) ārabhitvāpi puna chandādīnaṃyeva kusalādibhāvo vibhatto. Upāyiddhipādadassanatthameva hi nissayiddhipādadassanaṃ kataṃ. Aññathā catubbidhatāva na hotīti. Ayamettha pāḷivasena atthavinicchayo veditabbo.

    ตทงฺคสมุเจฺฉทนิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตตฺตํ วตฺวา ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตสฺส อวจนํ ‘‘ฉนฺทสมาธิ…เป.… อิทฺธิปาทํ ภาเวตี’’ติ (วิภ. ๔๓๒) ภาเวตพฺพานํ อิทฺธิปาทานํ วุตฺตตฺตาฯ ภาวิติทฺธิปาทสฺส หิ สจฺฉิกาตพฺพา ผลปริยาปนฺนา อิทฺธิปาทาติฯ

    Tadaṅgasamucchedanissaraṇavivekanissitattaṃ vatvā paṭippassaddhivivekanissitassa avacanaṃ ‘‘chandasamādhi…pe… iddhipādaṃ bhāvetī’’ti (vibha. 432) bhāvetabbānaṃ iddhipādānaṃ vuttattā. Bhāvitiddhipādassa hi sacchikātabbā phalapariyāpannā iddhipādāti.

    โวสฺสคฺคสโทฺท ปริจฺจาคโตฺถ, ปกฺขนฺทนโตฺถ จาติ โวสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตาฯ ยถาวุเตฺตน ปกาเรนาติ ตทงฺคสมุเจฺฉทปฺปกาเรน, ตนฺนินฺนภาวารมฺมณปฺปกาเรน จฯ ปริณมนฺตํ วิปสฺสนกฺขเณฯ

    Vossaggasaddo pariccāgattho, pakkhandanattho cāti vossaggassa duvidhatā vuttā. Yathāvuttena pakārenāti tadaṅgasamucchedappakārena, tanninnabhāvārammaṇappakārena ca. Pariṇamantaṃ vipassanakkhaṇe.

    ๑๔. ปุพฺพภาคปญฺญายาติ เอกาวชฺชนนานาวชฺชนวีถีสุ ปวตฺตอุปจารปญฺญายฯ อธิคมปญฺญายาติ อปฺปนาปญฺญายฯ ปุน ปุพฺพภาคปญฺญายาติ นานาวชฺชนุปจารปญฺญาย, ปฎิสนฺธิปญฺญาย วาฯ อุปจารปญฺญายาติ เอกาวชฺชเน, สพฺพตฺถ วา ปวตฺตอุปจารปญฺญายฯ

    14.Pubbabhāgapaññāyāti ekāvajjananānāvajjanavīthīsu pavattaupacārapaññāya. Adhigamapaññāyāti appanāpaññāya. Puna pubbabhāgapaññāyāti nānāvajjanupacārapaññāya, paṭisandhipaññāya vā. Upacārapaññāyāti ekāvajjane, sabbattha vā pavattaupacārapaññāya.

    ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจโยปีติ ยถาวุตฺตาย ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนวิจโยปิฯ วุตฺตนยานุสาเรนาติ อทิฎฺฐโชตนา, วิมติเจฺฉทนา จาติ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุคมเนนฯ

    Pucchāvissajjanavicayopīti yathāvuttāya pucchāya vissajjanavicayopi. Vuttanayānusārenāti adiṭṭhajotanā, vimaticchedanā cāti heṭṭhā vuttanayānugamanena.

    ๑๕. เสเข อเสเขติ เสเกฺข อริยปุคฺคเล, อเสเกฺข อริยปุคฺคเลฯ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมปฺปหาเนติ วิปสฺสนํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ปวตฺตกิเลสปฺปหาเน, ปหานาภิสมเยติ อโตฺถฯ

    15.Sekheasekheti sekkhe ariyapuggale, asekkhe ariyapuggale. Vipassanāpubbaṅgamappahāneti vipassanaṃ purecārikaṃ katvā pavattakilesappahāne, pahānābhisamayeti attho.

    ‘‘ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปาฬิํ ทเสฺสตฺวา ปุน ‘‘ยํ อนิเจฺจ ทุเกฺข อนตฺตนี’’ติ วจนํ เอวเมฺปตฺถ ปฐนฺตีติ ทเสฺสตุํฯ

    ‘‘Yaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā’’ti pāḷiṃ dassetvā puna ‘‘yaṃ anicce dukkhe anattanī’’ti vacanaṃ evampettha paṭhantīti dassetuṃ.

    เสสสํกิเลสโวทานธมฺมาติ เคธโต อวสิฎฺฐสํกิเลสธมฺมา จ สพฺพโวทานธมฺมา จฯ อภาเวนาติ อภาวเนน อภาวกรเณนฯ

    Sesasaṃkilesavodānadhammāti gedhato avasiṭṭhasaṃkilesadhammā ca sabbavodānadhammā ca. Abhāvenāti abhāvanena abhāvakaraṇena.

    ปโยคปรกฺกมนฺติ ภุสํ โยโค ปโยโค, ปโยโคว ปรกฺกโม ปโยคปรกฺกโม, จิตฺตํฯ อุกฺขิปตีติ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อเทโนฺต กุสลปเกฺข อุทฺธํ ขิเปโนฺต วิย ปวตฺตติฯ ปธานวีริยนฺติ อกุสลานํ อนุปฺปาทนเฎฺฐน อุตฺตมวีริยํฯ โยเชตพฺพานีติ ‘‘อาเสวมาโน วายมตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพานิฯ อนุปฺปนฺนาติ อวตฺตพฺพตํ อาปนฺนานนฺติ ภูมิลทฺธารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมุคฺฆาฎิตุปฺปนฺนานํฯ

    Payogaparakkamanti bhusaṃ yogo payogo, payogova parakkamo payogaparakkamo, cittaṃ. Ukkhipatīti kosajjapakkhe patituṃ adento kusalapakkhe uddhaṃ khipento viya pavattati. Padhānavīriyanti akusalānaṃ anuppādanaṭṭhena uttamavīriyaṃ. Yojetabbānīti ‘‘āsevamāno vāyamatī’’tiādinā yojetabbāni. Anuppannāti avattabbataṃ āpannānanti bhūmiladdhārammaṇādhiggahitāvikkhambhitāsamugghāṭituppannānaṃ.

    ๑๖. ‘‘อฎฺฐมกสฺส อินฺทฺริยานี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปฐมมเคฺค สทฺธาทโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อินฺทฺริยคฺคหณญฺจ ปาฬิยํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    16. ‘‘Aṭṭhamakassa indriyānī’’ti vuttattā ‘‘paṭhamamagge saddhādayo’’tiādi vuttaṃ. Indriyaggahaṇañca pāḷiyaṃ nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ.

    อสุภานุปสฺสนา กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘สติปฎฺฐานภาวนาย สุนิคฺคหิโต กามวิตโกฺก’’ติฯ สมาธิ อุปฺปชฺชมาโน กามวิตกฺกมฺปิ นิคฺคเหตฺวา เอว อุปฺปชฺชตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนวชฺชสุขปทฎฺฐาเนนา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘กุสเลสุ ธเมฺมสุ อารทฺธวีริโย’’ติอาทินา ธมฺมจฺฉนฺทโต อุปฺปชฺชมาโน วีริยจฺฉโนฺท ขนฺติํ ปริพฺรูเหตีติ ทเสฺสติฯ อนวชฺชธมฺมานํ อุปการกธมฺมาเสวนํ วิย อนุปการกธมฺมปริวชฺชนมฺปิ ปญฺญานิเสวเนเนว โหตีติ อาห ‘‘สมาธิอาทีน’’นฺติอาทิฯ

    Asubhānupassanā kāyānupassanāsatipaṭṭhānanti āha ‘‘satipaṭṭhānabhāvanāya suniggahito kāmavitakko’’ti. Samādhi uppajjamāno kāmavitakkampi niggahetvā eva uppajjatīti dassento ‘‘anavajjasukhapadaṭṭhānenā’’tiādimāha. ‘‘Kusalesu dhammesu āraddhavīriyo’’tiādinā dhammacchandato uppajjamāno vīriyacchando khantiṃ paribrūhetīti dasseti. Anavajjadhammānaṃ upakārakadhammāsevanaṃ viya anupakārakadhammaparivajjanampi paññānisevaneneva hotīti āha ‘‘samādhiādīna’’ntiādi.

    ๑๗. สพฺพธมฺมาธิฎฺฐานํ เทสนํ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน วิภชิตุํ ‘‘โลโก นามา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพธมฺมานนฺติ…เป.… ทเสฺสตุ’’นฺติ อาหฯ มหคฺคตธเมฺมสุ ฐานํ ตํสมฺปาทนาวฯ ตถา เสเสสุฯ วฑฺฒิยมาเนสูติ ยถา วิมุตฺติํ ปริปาจยนฺติ, เอวํ พฺรูหิยมาเนสุฯ

    17. Sabbadhammādhiṭṭhānaṃ desanaṃ puggalādhiṭṭhānena vibhajituṃ ‘‘loko nāmā’’tiādi vuttanti dassento ‘‘sabbadhammānanti…pe… dassetu’’nti āha. Mahaggatadhammesu ṭhānaṃ taṃsampādanāva. Tathā sesesu. Vaḍḍhiyamānesūti yathā vimuttiṃ paripācayanti, evaṃ brūhiyamānesu.

    ทสฺสนปริญฺญาติ รูปารูปธมฺมานํ สลกฺขณโต, ปจฺจยโต จ ปริชานนาฯ เตนาห ‘‘ญาตปริญฺญา’’ติฯ ปฎิปกฺขวิธมเนน สทฺธิํ ลกฺขณตฺตยวิภาวนา อิธ ‘‘ภาวนาปริญฺญา’’ติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘ภาวนา…เป.… ปริญฺญา จา’’ติ ฯ ทสฺสนตฺถา ปริญฺญา ทสฺสนปริญฺญา, ภาวนตฺถา ปริญฺญา ภาวนาปริญฺญาติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Dassanapariññāti rūpārūpadhammānaṃ salakkhaṇato, paccayato ca parijānanā. Tenāha ‘‘ñātapariññā’’ti. Paṭipakkhavidhamanena saddhiṃ lakkhaṇattayavibhāvanā idha ‘‘bhāvanāpariññā’’ti adhippetāti āha ‘‘bhāvanā…pe… pariññā cā’’ti . Dassanatthā pariññā dassanapariññā, bhāvanatthā pariññā bhāvanāpariññāti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo.

    กกฺขฬผุสนาทีติ กกฺขฬาทิผุสนาทิฯ อภิชานิตฺวาติ อภิญฺญาย ปญฺญาย ชานิตฺวา, ฐิตสฺส อภิชานนเหตุ วาติ อโตฺถฯ อโตฺถติ ผลํฯ นโยติ วุตฺตนโยฯ

    Kakkhaḷaphusanādīti kakkhaḷādiphusanādi. Abhijānitvāti abhiññāya paññāya jānitvā, ṭhitassa abhijānanahetu vāti attho. Atthoti phalaṃ. Nayoti vuttanayo.

    ‘‘ยํ อสงฺขต’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ จตุนยโกวิโทติ เอกตฺตนานตฺตาทินยจตุเกฺก นิปุโณฯ เทสนายุตฺติกุสโลติ ธมฺมานํ เทสนาวิธิมฺหิ กุสโลฯ

    ‘‘Yaṃ asaṅkhata’’ntipi paṭhanti. Catunayakovidoti ekattanānattādinayacatukke nipuṇo. Desanāyuttikusaloti dhammānaṃ desanāvidhimhi kusalo.

    สทิสี กาตพฺพา สํสนฺทนวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ อาเนตพฺพา ‘‘อยํ เทสนา อิมาย เทสนาย เอวํ สํสนฺทตี’’ติฯ อตฺถโต อเปตนฺติ อยุตฺตตฺถํฯ อสมฺพนฺธตฺถนฺติ อญฺญมญฺญํ อสมฺพนฺธปทตฺถํฯ นนุ ปฎฺฐานวิจาโร นยวิจาโร วิย หาเรหิ อสมฺมิโสฺส วิจารณนฺตโรติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ อิธ นิกฺขิโตฺตติ อิธ สุตฺตวิจเย สุตฺตตฺถวิจารภาวโต นิกฺขิโตฺต, เอเตน วา ปฎฺฐานสฺส หารโนฺตคธภาวทสฺสเนเนว มูลปทานํ วิย ปฎฺฐานสฺส ปทตฺถนฺตราภาโว ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํฯ

    Sadisī kātabbā saṃsandanavasenāti adhippāyo. Ānetabbā ‘‘ayaṃ desanā imāya desanāya evaṃ saṃsandatī’’ti. Atthato apetanti ayuttatthaṃ. Asambandhatthanti aññamaññaṃ asambandhapadatthaṃ. Nanu paṭṭhānavicāro nayavicāro viya hārehi asammisso vicāraṇantaroti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Idha nikkhittoti idha suttavicaye suttatthavicārabhāvato nikkhitto, etena vā paṭṭhānassa hārantogadhabhāvadassaneneva mūlapadānaṃ viya paṭṭhānassa padatthantarābhāvo dassitoti veditabbaṃ.

    อิมสฺส สุตฺตสฺสาติ สํวณฺณิยมานสุตฺตํ สนฺธายาหฯ กสฺมิํ วา ปเทติ สํวณฺณิยมานํ คาถํ สนฺธายาหฯ ตพฺพิจเยนาติ ปุจฺฉาทิวิจเยน, อสฺสาทาทิวิจเยน จฯ

    Imassa suttassāti saṃvaṇṇiyamānasuttaṃ sandhāyāha. Kasmiṃ vā padeti saṃvaṇṇiyamānaṃ gāthaṃ sandhāyāha. Tabbicayenāti pucchādivicayena, assādādivicayena ca.

    วิจยหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. วิจยหารวิภโงฺค • 2. Vicayahāravibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๒. วิจยหารวิภงฺควิภาวนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact