Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๒. วิจยหารวิภงฺควิภาวนา
2. Vicayahāravibhaṅgavibhāvanā
๑๑. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน เทสนาหารวิภเงฺคน อสฺสาทาทโย สุตฺตตฺถา อาจริเยน วิภตฺตา, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต เทสนาหารวิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม วิจโย หาโร’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม วิจโย หาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ เทสนาหาราทีสุ หาเรสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส วิจโย หาโร วิจยหารวิภโงฺค นามาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘ยํ ปุจฺฉิตญฺจ วิสฺสชฺชิตญฺจา’’ติอาทินิเทฺทสคาถาย อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘อยํ วิจโย หาโร กิํ วิจินตี’’ติอาทิโก สํวณฺณนาวิเสโส วิจยหารวิภโงฺค นามาติ โยชนาฯ
11. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena desanāhāravibhaṅgena assādādayo suttatthā ācariyena vibhattā, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto desanāhāravibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo vicayo hāro’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo vicayo hāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu niddiṭṭhesu soḷasasu desanāhārādīsu hāresu katamo saṃvaṇṇanāviseso vicayo hāro vicayahāravibhaṅgo nāmāti pucchati. ‘‘Yaṃ pucchitañca vissajjitañcā’’tiādiniddesagāthāya idāni mayā vuccamāno ‘‘ayaṃ vicayo hāro kiṃ vicinatī’’tiādiko saṃvaṇṇanāviseso vicayahāravibhaṅgo nāmāti yojanā.
‘‘อยํ วิจโย หาโร กิํ วิจินตี’’ติ อิมินา โย วิจโย วิจินิตโพฺพ, ตํ วิจยํ วิจินิตพฺพํ ปุจฺฉติ, ตสฺมา วิจินิตพฺพํ วิสยํ วิสุํ วิสุํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ปทํ วิจินติ, ปญฺหํ วิจินตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘กิํ วิจโย ปทวิจโย’’ติอาทิํ อวตฺวา ‘‘กิํ วิจินติ, ปทํ วิจินตี’’ติอาทิวจเนน วิจยสทฺทสฺส กตฺตุสาธนตฺถํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปทํ วิจินตีติ นววิธสฺส สุตฺตนฺตสฺส สพฺพํ ปทํ ยาว นิคมนา นามปทาทิชาติสทฺทาทิอิตฺถิลิงฺคาทิอาการนฺตาทิปฐมวิภตฺยนฺตาทิเอกวจนาทิวเสน วิจินติฯ ปญฺหํ วิจินตีติ อทิฎฺฐโชตนาทิสตฺตาธิฎฺฐานาทิสมฺมุติวิสยาทิอตีตวิสยาทิวเสน วิจินติฯ วิสฺสชฺชนํ วิจินตีติ เอกํสพฺยากรณวิสฺสชฺชนาทิสาวเสสพฺยากรณวิสฺสชฺชนาทิ สอุตฺตรพฺยากรณ วิสฺสชฺชนาทิ โลกิยพฺยากรณวิสฺสชฺชนาทิวเสน วิจินติฯ ปุพฺพาปรํ วิจินตีติ ปุเพฺพน อปรํ สํสนฺทิตฺวา วิจินติฯ อสฺสาทํ วิจินตีติ อสฺสาทกตณฺหาทิอสฺสาเทตพฺพสุขาทิวเสน วิจินติฯ อาทีนวํ วิจินตีติ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขวเสน วา อนิฎฺฐานุภวนาทิอาทิอนฺตวนฺตตาทิสํกิเลสภาคิยาทิวเสน วา วิจินติฯ นิสฺสรณํ วิจินตีติ มคฺควเสน วา นิพฺพานวเสน วา มคฺคสฺส วา อาคมวเสน, นิพฺพานสฺส อสงฺขตธาตุอาทิปริยายวเสน วา วิจินติฯ ผลํ วิจินตีติ ธมฺมจรณสฺส ทุคฺคติคมนาภาเวน วา มจฺจุตรณาทินา วา เทสนาย ผลํ, เทสนานุสาเรน จรณสฺส ผลํ วิจินติฯ อุปายํ วิจินตีติ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน ปวตฺตนนิพฺพิทาญาณาทิวเสน วา สทฺธาสติวเสน วา วิสุทฺธิยา อุปายํ วิจินติฯ อาณตฺติํ วิจินตีติ ปาปปริวชฺชนาณตฺติวเสน วา โลกสฺส สุญฺญตาเปกฺขนาณตฺติวเสน วา วิจินติฯ อนุคีติํ วิจินตีติ วุตฺตานุคีติวเสน วา วุจฺจมานานุคีติวเสน วา อนุรูปํ คีติํ วิจินติฯ สเพฺพ นว สุตฺตเนฺต วิจินตีติ สุตฺตเคยฺยาทิเก นว สุเตฺต อาหจฺจวจนวเสน วา อนุสนฺธิวจนวเสน วา นีตตฺถวจนวเสน วา เนยฺยตฺถวจนวเสน วา สํกิเลสภาคิยาทิวเสน วา วิจินติฯ
‘‘Ayaṃ vicayo hāro kiṃ vicinatī’’ti iminā yo vicayo vicinitabbo, taṃ vicayaṃ vicinitabbaṃ pucchati, tasmā vicinitabbaṃ visayaṃ visuṃ visuṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘padaṃ vicinati, pañhaṃ vicinatī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Kiṃ vicayo padavicayo’’tiādiṃ avatvā ‘‘kiṃ vicinati, padaṃ vicinatī’’tiādivacanena vicayasaddassa kattusādhanatthaṃ dasseti. Tattha padaṃ vicinatīti navavidhassa suttantassa sabbaṃ padaṃ yāva nigamanā nāmapadādijātisaddādiitthiliṅgādiākārantādipaṭhamavibhatyantādiekavacanādivasena vicinati. Pañhaṃ vicinatīti adiṭṭhajotanādisattādhiṭṭhānādisammutivisayādiatītavisayādivasena vicinati. Vissajjanaṃ vicinatīti ekaṃsabyākaraṇavissajjanādisāvasesabyākaraṇavissajjanādi sauttarabyākaraṇa vissajjanādi lokiyabyākaraṇavissajjanādivasena vicinati. Pubbāparaṃ vicinatīti pubbena aparaṃ saṃsanditvā vicinati. Assādaṃ vicinatīti assādakataṇhādiassādetabbasukhādivasena vicinati. Ādīnavaṃ vicinatīti dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhavasena vā aniṭṭhānubhavanādiādiantavantatādisaṃkilesabhāgiyādivasena vā vicinati. Nissaraṇaṃ vicinatīti maggavasena vā nibbānavasena vā maggassa vā āgamavasena, nibbānassa asaṅkhatadhātuādipariyāyavasena vā vicinati. Phalaṃ vicinatīti dhammacaraṇassa duggatigamanābhāvena vā maccutaraṇādinā vā desanāya phalaṃ, desanānusārena caraṇassa phalaṃ vicinati. Upāyaṃ vicinatīti aniccānupassanādivasena pavattananibbidāñāṇādivasena vā saddhāsativasena vā visuddhiyā upāyaṃ vicinati. Āṇattiṃ vicinatīti pāpaparivajjanāṇattivasena vā lokassa suññatāpekkhanāṇattivasena vā vicinati. Anugītiṃ vicinatīti vuttānugītivasena vā vuccamānānugītivasena vā anurūpaṃ gītiṃ vicinati. Sabbe nava suttante vicinatīti suttageyyādike nava sutte āhaccavacanavasena vā anusandhivacanavasena vā nītatthavacanavasena vā neyyatthavacanavasena vā saṃkilesabhāgiyādivasena vā vicinati.
กิญฺจาปิ ปทวิจโย ปฐมํ วิภโตฺต, สุตฺตสฺส ปน อนุปทํ วิจินิตพฺพตาย อติภาริโย, น สุกโร ปทวิจโยติ ตํ อคฺคเหตฺวา ปญฺหาวิจยวิสฺสชฺชนวิจเย ตาว วิภชโนฺต ‘‘ยถา กิํ ภเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา กิํ ภเวติ เยน ปกาเรน โส ปญฺหาวิจโย ปวเตฺตตโพฺพ, ตํ ปการชาตํ กีทิสํ ภเวยฺยาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อายสฺมา อชิโต ปารายเน ภควนฺตํ ปญฺหํ ยถา เยน ปกาเรน ปุจฺฉติ, ตถา เตน ปกาเรน ปญฺหาวิจโย ปวเตฺตตโพฺพติ อโตฺถฯ ตตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนํฯ อชิโตติ พาวรีพฺราหฺมณสฺส ปริจารกภูตานํ โสฬสนฺนํ อญฺญตโร อชิโตฯ ปารายเนติ ปารํ นิพฺพานํ อยติ คจฺฉติ เอเตนาติ ปารายนํ, อชิตสุตฺตาทิโสฬสสุตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ
Kiñcāpi padavicayo paṭhamaṃ vibhatto, suttassa pana anupadaṃ vicinitabbatāya atibhāriyo, na sukaro padavicayoti taṃ aggahetvā pañhāvicayavissajjanavicaye tāva vibhajanto ‘‘yathā kiṃ bhave’’tiādimāha. Tattha yathā kiṃ bhaveti yena pakārena so pañhāvicayo pavattetabbo, taṃ pakārajātaṃ kīdisaṃ bhaveyyāti attho daṭṭhabbo. Āyasmā ajito pārāyane bhagavantaṃ pañhaṃ yathā yena pakārena pucchati, tathā tena pakārena pañhāvicayo pavattetabboti attho. Tattha āyasmāti piyavacanaṃ. Ajitoti bāvarībrāhmaṇassa paricārakabhūtānaṃ soḷasannaṃ aññataro ajito. Pārāyaneti pāraṃ nibbānaṃ ayati gacchati etenāti pārāyanaṃ, ajitasuttādisoḷasasuttassetaṃ adhivacanaṃ.
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก, (อิจฺจายสฺมา อชิโต,)
‘‘Kenassu nivuto loko, (iccāyasmā ajito,)
เกนสฺสุ นปฺปกาสติ;
Kenassu nappakāsati;
กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสิ, กิํ สุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๑๐๓๘; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๕๗, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑) –
Kissābhilepanaṃ brūsi, kiṃ su tassa mahabbhaya’’nti. (su. ni. 1038; cūḷani. vatthugāthā 57, ajitamāṇavapucchāniddesa 1) –
คาถาย ‘‘เกน ธเมฺมน โลโก อริยวโชฺช สโตฺต นิวุโต ปฎิจฺฉาทิโต, อิติ อายสฺมา อชิโต ปุจฺฉติฯ เกน เหตุนา ยถาวุตฺตโลโก นปฺปกาสติ, อสฺส ยถาวุตฺตโลกสฺส กิํ อภิเลปนํ อิติ ตฺวํ พฺรูสิ, ตสฺส ยถาวุตฺตโลกสฺส กิํ มหพฺภยนฺติ ตฺวํ พฺรูสีติ ปุจฺฉตี’’ติ อโตฺถฯ
Gāthāya ‘‘kena dhammena loko ariyavajjo satto nivuto paṭicchādito, iti āyasmā ajito pucchati. Kena hetunā yathāvuttaloko nappakāsati, assa yathāvuttalokassa kiṃ abhilepanaṃ iti tvaṃ brūsi, tassa yathāvuttalokassa kiṃ mahabbhayanti tvaṃ brūsīti pucchatī’’ti attho.
อิติ อิมินา ปเภเทน จตฺตาริ อิมานิ คาถาปาทปทานิ ปุจฺฉิตานิ ปุจฺฉาวเสน วุตฺตานิ, ปุจฺฉิตตฺถทีปกานิ วา, ปธานวเสน ปน โส ‘‘เอโก ปโญฺห’’ติ มโต, ยทิปิ จตุนฺนํ ปทานํ ปุจฺฉนวเสน ปวตฺตตฺตา จตุพฺพิโธติ วตฺตโพฺพ, ญาตุํ ปน อิจฺฉิตสฺส เอกเสฺสว อตฺถสฺส สมฺภวโต ‘‘เอโก ปโญฺห’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘การณํ วเทหี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา การณมาห ‘‘เอกวตฺถุปริคฺคหา’’ติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยทิปิ นิวารณาปกาสนาภิเลปนมหพฺภยสงฺขาตา จตฺตาโร อตฺถา ปุจฺฉายํ คหิตา, เอกสฺส ปน อภิเธยฺยตฺถสฺส คหณโต ‘เอโก ปโญฺห’ติ ปธานวเสน คหิโตติ ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ ‘‘เอกวตฺถุปริคฺคหณํ กถํ อเมฺหหิ สทฺทหิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘เอวญฺหิ อาหา’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ เอกวตฺถุปริคฺคหเณเนว ภควา หิ ยสฺมา อาห, อิติ ตสฺมา เอกวตฺถุปริคฺคหณํ ตุเมฺหหิ สทฺทหิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Iti iminā pabhedena cattāri imāni gāthāpādapadāni pucchitāni pucchāvasena vuttāni, pucchitatthadīpakāni vā, padhānavasena pana so ‘‘eko pañho’’ti mato, yadipi catunnaṃ padānaṃ pucchanavasena pavattattā catubbidhoti vattabbo, ñātuṃ pana icchitassa ekasseva atthassa sambhavato ‘‘eko pañho’’ti vuttaṃ. ‘‘Kāraṇaṃ vadehī’’ti vattabbattā kāraṇamāha ‘‘ekavatthupariggahā’’ti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘yadipi nivāraṇāpakāsanābhilepanamahabbhayasaṅkhātā cattāro atthā pucchāyaṃ gahitā, ekassa pana abhidheyyatthassa gahaṇato ‘eko pañho’ti padhānavasena gahitoti daṭṭhabbo’’ti. ‘‘Ekavatthupariggahaṇaṃ kathaṃ amhehi saddahitabba’’nti vattabbabhāvato ‘‘evañhi āhā’’ti vuttaṃ. Evaṃ ekavatthupariggahaṇeneva bhagavā hi yasmā āha, iti tasmā ekavatthupariggahaṇaṃ tumhehi saddahitabbanti vuttaṃ hoti.
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ อิมินา โลกาธิฎฺฐานํ ปฎิจฺฉาทนํ ปุจฺฉติ, น นานาธมฺมาธิฎฺฐานํฯ ‘‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’’ติ อิมินา โลกเสฺสว อปฺปกาสนํ ปุจฺฉติ, น นานาสภาวธมฺมสฺสฯ ‘‘กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสี’’ติ อิมินา โลกเสฺสว อภิเลปนํ ปุจฺฉติ, น นานาสภาวธมฺมสฺสฯ ‘‘กิํ สุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติ อิมินา ตเสฺสว โลกสฺส มหพฺภยํ ปุจฺฉติ, น นานาสภาวธมฺมสฺสฯ ตสฺมา ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิปโญฺห เอกาธิฎฺฐานนานาธิฎฺฐาเนสุ เอกาธิฎฺฐาโน, ธมฺมาธิฎฺฐานสตฺตาธิฎฺฐาเนสุ สตฺตาธิฎฺฐาโน, อทิฎฺฐโชตนาทีสุ อทิฎฺฐโชตนาปโญฺหติอาทินา ยถาสมฺภวํ วิจินิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Kenassu nivuto loko’’ti iminā lokādhiṭṭhānaṃ paṭicchādanaṃ pucchati, na nānādhammādhiṭṭhānaṃ. ‘‘Kenassu nappakāsatī’’ti iminā lokasseva appakāsanaṃ pucchati, na nānāsabhāvadhammassa. ‘‘Kissābhilepanaṃ brūsī’’ti iminā lokasseva abhilepanaṃ pucchati, na nānāsabhāvadhammassa. ‘‘Kiṃ su tassa mahabbhaya’’nti iminā tasseva lokassa mahabbhayaṃ pucchati, na nānāsabhāvadhammassa. Tasmā ‘‘kenassu nivuto loko’’tiādipañho ekādhiṭṭhānanānādhiṭṭhānesu ekādhiṭṭhāno, dhammādhiṭṭhānasattādhiṭṭhānesu sattādhiṭṭhāno, adiṭṭhajotanādīsu adiṭṭhajotanāpañhotiādinā yathāsambhavaṃ vicinitabboti adhippāyo.
‘‘ปญฺหสฺส โย โลโก ‘อธิฎฺฐาโน’ติ คหิโต, โส โลโก ติวิโธ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘โลโก ติวิโธ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตโย วิธา เอตสฺส โลกสฺสาติ ติวิโธฯ กิลิสฺสติ ราคาทิวเสน กามาวจรสโตฺตติ กิเลโส, กิเลโส จ โส โลโก จาติ กิเลสโลโก, กามาวจรสโตฺตฯ โส หิ ราคาทิกิเลสพหุลตาย กิเลสโลโกติฯ ภวติ ฌานาภิญฺญาหิ พุทฺธีหีติ ภโว, ภโว จ โส โลโก จาติ ภวโลโก, รูปาวจรสโตฺตฯ โส หิ ฌานาทิพุทฺธีหิ ภวตีติฯ อินฺทฺริเยน สมนฺนาคโตติ อินฺทฺริโย, อินฺทฺริโย จ โส โลโก จาติ อินฺทฺริยโลโก, อรูปาวจรสโตฺตฯ โส หิ อาเนญฺชสมาธิพหุลตาย วิสุทฺธินฺทฺริโย โหตีติ โลกสมญฺญา ปริยาปนฺนธมฺมวเสน ปวตฺตา, ตสฺมา อริยา น คหิตาติฯ
‘‘Pañhassa yo loko ‘adhiṭṭhāno’ti gahito, so loko tividho’’ti vattabbabhāvato ‘‘loko tividho’’tiādi vuttaṃ. Tattha tayo vidhā etassa lokassāti tividho. Kilissati rāgādivasena kāmāvacarasattoti kileso, kileso ca so loko cāti kilesaloko, kāmāvacarasatto. So hi rāgādikilesabahulatāya kilesalokoti. Bhavati jhānābhiññāhi buddhīhīti bhavo, bhavo ca so loko cāti bhavaloko, rūpāvacarasatto. So hi jhānādibuddhīhi bhavatīti. Indriyena samannāgatoti indriyo, indriyo ca so loko cāti indriyaloko, arūpāvacarasatto. So hi āneñjasamādhibahulatāya visuddhindriyo hotīti lokasamaññā pariyāpannadhammavasena pavattā, tasmā ariyā na gahitāti.
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิคาถาย ปุจฺฉาวิจโย หาโร อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘วิสฺสชฺชนาวิจโย หาโร กตฺถ วิสฺสชฺชนาย วิภโตฺต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ วิสฺสชฺชนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิปุจฺฉายํ –
‘‘Kenassu nivuto loko’’tiādigāthāya pucchāvicayo hāro ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘vissajjanāvicayo hāro kattha vissajjanāya vibhatto’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha vissajjanā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tassaṃ ‘‘kenassu nivuto loko’’tiādipucchāyaṃ –
‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก, (อชิตาติ ภควา,)
‘‘Avijjāya nivuto loko, (ajitāti bhagavā,)
วิวิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสติ;
Vivicchā pamādā nappakāsati;
ชปฺปาภิเลปนํ พฺรูมิ, ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๑๐๓๙; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๕๘, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส) –
Jappābhilepanaṃ brūmi, dukkhamassa mahabbhaya’’nti. (su. ni. 1039; cūḷani. vatthugāthā 58, ajitamāṇavapucchāniddesa) –
อยํ คาถา วิสฺสชฺชนาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ตตฺถ อวิชฺชาย นิวุโต โลโกติ กาฬปกฺขจตุทฺทสี, ฆนวนสณฺฑ, เมฆปฎลจฺฉาทน, อฑฺฒรตฺตีนํ วเสน จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อนฺธกาเรน รถฆฎาทิ ปฎิจฺฉาทิโต วิย ธมฺมสภาวปฎิจฺฉาทนลกฺขณาย อวิชฺชาย สตฺตโลโก นิวุโต ปฎิจฺฉาทิโตฯ ‘‘อชิตา’’ติ จ อาลปนํ กตฺวา ภควา อาหฯ วิวิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉาย ปมาทเหตุ ยถาวุตฺตโลโก นปฺปกาสติฯ ชปฺปํ ตณฺหํ ยถาวุตฺตโลกสฺส ‘‘อภิเลปน’’นฺติ อหํ พฺรูมีติ ภควา อาห, ทุกฺขํ ชาติอาทิวฎฺฎทุกฺขํ อสฺส ยถาวุตฺตโลกสฺส ‘‘มหพฺภย’’นฺติ อหํ พฺรูมีติ ภควา อชิตํ อาหาติ อโตฺถฯ
Ayaṃ gāthā vissajjanāti daṭṭhabbā. Tattha avijjāya nivuto lokoti kāḷapakkhacatuddasī, ghanavanasaṇḍa, meghapaṭalacchādana, aḍḍharattīnaṃ vasena caturaṅgasamannāgatena andhakārena rathaghaṭādi paṭicchādito viya dhammasabhāvapaṭicchādanalakkhaṇāya avijjāya sattaloko nivuto paṭicchādito. ‘‘Ajitā’’ti ca ālapanaṃ katvā bhagavā āha. Vivicchāti vicikicchāya pamādahetu yathāvuttaloko nappakāsati. Jappaṃ taṇhaṃ yathāvuttalokassa ‘‘abhilepana’’nti ahaṃ brūmīti bhagavā āha, dukkhaṃ jātiādivaṭṭadukkhaṃ assa yathāvuttalokassa ‘‘mahabbhaya’’nti ahaṃ brūmīti bhagavā ajitaṃ āhāti attho.
‘‘อิมาย วิสฺสชฺชนาย กถํ วิจิเนยฺยา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมานิ จตฺตาริ ปทานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิมานิ จตฺตาริ ปทานีติ ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิปุจฺฉาคาถายํ วุตฺตานิ คาถาปทานิฯ อิเมหิ จตูหิ ปเทหีติ ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ วิสฺสชฺชนาคาถายํ วุเตฺตหิ คาถาปเทหิ วิสฺสชฺชิตานิฯ กถํ? ปฐมํ ปทํ ปฐเมน ปเทน, ทุติยํ ปทํ ทุติเยน ปเทน, ตติยํ ปทํ ตติเยน ปเทน, จตุตฺถํ ปทํ จตุเตฺถน ปเทน วิสฺสชฺชิตํฯ
‘‘Imāya vissajjanāya kathaṃ vicineyyā’’ti pucchitabbattā ‘‘imāni cattāri padānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha imāni cattāri padānīti ‘‘kenassu nivuto loko’’tiādipucchāgāthāyaṃ vuttāni gāthāpadāni. Imehi catūhi padehīti ‘‘avijjāya nivuto loko’’ti vissajjanāgāthāyaṃ vuttehi gāthāpadehi vissajjitāni. Kathaṃ? Paṭhamaṃ padaṃ paṭhamena padena, dutiyaṃ padaṃ dutiyena padena, tatiyaṃ padaṃ tatiyena padena, catutthaṃ padaṃ catutthena padena vissajjitaṃ.
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ ปฐมปเญฺห ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ ปฐมา วิสฺสชฺชนา กตา, น อุปฺปฎิปาฎิยาฯ วิชฺชาย ปฎิปกฺขา อวิชฺชา, ตสฺมา อวิชฺชาย อชานโก โลโก ภเวยฺยฯ กถํ นิวุโต สทฺทหิตโพฺพติ อาห ‘‘นีวรเณหิ นิวุโต โลโก’’ติฯ ยทิ เอวํ ‘‘นีวรเณน นิวุโต โลโก’’ติ วิสฺสชฺชนา กาตพฺพาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชานีวรณา หิ สเพฺพ สตฺตา’’ติฯ ‘‘สพฺพสตฺตานํ อวิชฺชานีวรณภาโว เกน วจเนน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
‘‘Kenassu nivuto loko’’ti paṭhamapañhe‘‘avijjāya nivuto loko’’ti paṭhamā vissajjanā katā, na uppaṭipāṭiyā. Vijjāya paṭipakkhā avijjā, tasmā avijjāya ajānako loko bhaveyya. Kathaṃ nivuto saddahitabboti āha ‘‘nīvaraṇehi nivuto loko’’ti. Yadi evaṃ ‘‘nīvaraṇena nivuto loko’’ti vissajjanā kātabbāti codanaṃ manasi katvā vuttaṃ ‘‘avijjānīvaraṇā hi sabbe sattā’’ti. ‘‘Sabbasattānaṃ avijjānīvaraṇabhāvo kena vacanena saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘yathāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ.
‘‘สพฺพสตฺตานํ, ภิกฺขเว, สพฺพปาณานํ สพฺพภูตานํ, ปริยายโต เอกเมว นีวรณํ วทามิ, ยทิทํ อวิชฺชาฯ อวิชฺชานีวรณา หิ สเพฺพ สตฺตาฯ สพฺพโสว ภิกฺขเว อวิชฺชาย นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา นตฺถิ สตฺตานํ นีวรณนฺติ วทามี’’ติ ยํ วจนํ ยถา เยน ปกาเรน ภควา อาห, ตถา เตน ปกาเรน วุเตฺตน เตน วจเนน ตุเมฺหหิ สพฺพสตฺตานํ อวิชฺชานีวรณภาโว สทฺทหิตโพฺพติฯ
‘‘Sabbasattānaṃ, bhikkhave, sabbapāṇānaṃ sabbabhūtānaṃ, pariyāyato ekameva nīvaraṇaṃ vadāmi, yadidaṃ avijjā. Avijjānīvaraṇā hi sabbe sattā. Sabbasova bhikkhave avijjāya nirodhā cāgā paṭinissaggā natthi sattānaṃ nīvaraṇanti vadāmī’’ti yaṃ vacanaṃ yathā yena pakārena bhagavā āha, tathā tena pakārena vuttena tena vacanena tumhehi sabbasattānaṃ avijjānīvaraṇabhāvo saddahitabboti.
‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ ปเทน ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ ปฐมเสฺสว ปทสฺส วิสฺสชฺชนา น สิยา, ‘‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’’ติ ทุติยปทสฺสาปิ วิสฺสชฺชนา สิยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘เตน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ ปเทน ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ ปฐมสฺส ปทสฺส วิสฺสชฺชนา ยุตฺตา ยุตฺตตรา โหติ, ยุตฺตตรตฺตา ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ ปเญฺห ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ วิสฺสชฺชนาติ มยา วตฺตพฺพาเยวาติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Avijjāya nivuto loko’’ti padena ‘‘kenassu nivuto loko’’ti paṭhamasseva padassa vissajjanā na siyā, ‘‘kenassu nappakāsatī’’ti dutiyapadassāpi vissajjanā siyāti codanaṃ manasi katvā ‘‘tena cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tena ‘‘avijjāya nivuto loko’’ti padena ‘‘kenassu nivuto loko’’ti paṭhamassa padassa vissajjanā yuttā yuttatarā hoti, yuttatarattā ‘‘kenassu nivuto loko’’ti pañhe ‘‘avijjāya nivuto loko’’ti vissajjanāti mayā vattabbāyevāti adhippāyo.
‘‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’’ติ อิมสฺมิํ ปเญฺห ‘‘วิวิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตี’’ติ อยํ วิสฺสชฺชนา กาตพฺพา, วิวิจฺฉาย ปวตฺตตฺตา, ปมาทา จ โลโก นปฺปกาสตีติ อโตฺถฯ อวิชฺชานีวรณาย นิวุโต โลโก นปฺปกาสตีติ วิสฺสชฺชนา กาตพฺพา, ‘‘กถํ วิวิจฺฉา ปมาทา โลโก นปฺปกาสตีติ วิสฺสชฺชนา กตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โย ปุคฺคโล’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย ปุถุชฺชนภูโต ปุคฺคโล อวิชฺชานีวรเณหิ นิวุโต, โส ปุถุชฺชนภูโต ปุคฺคโล วิวิจฺฉาย วิวิจฺฉติฯ ‘‘ยาย วิวิจฺฉาย วิวิจฺฉติ, สา วิวิจฺฉา กตมา นามา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘วิวิจฺฉา นาม วุจฺจติ วิจิกิจฺฉา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตาย กสฺมา นปฺปกาสตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โส วิจิกิจฺฉโนฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตาย วิจิกิจฺฉโนฺต โส ปุถุชฺชนภูโต ปุคฺคโล สทฺทหิตเพฺพสุ นาภิสทฺทหติ; สทฺทหิตเพฺพสุ น อภิสทฺทหโนฺต อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย อารภิตพฺพํ วีริยํ นารภติ; อนารภโนฺต โส ปุคฺคโล อิธ โลเก ปมาทมนุยุโตฺต วิหรตีติ, ปมาเทน วิหรโนฺต ปมโตฺต ปุคฺคโล สุเกฺก ธเมฺม น อุปฺปาทิยติ; อนุปฺปาทยนฺตสฺส ตสฺส ปุคฺคลสฺส เต สุกฺกา ธมฺมา อนุปฺปาทิยมานา หุตฺวา นปฺปกาสนฺติ ปกาสนวเสน น ปวตฺตนฺติ; ตสฺมา ‘‘วิวิจฺฉา ปมาทา โลโก นปฺปกาสตี’’ติ วิสฺสชฺชนา กาตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Kenassu nappakāsatī’’ti imasmiṃ pañhe ‘‘vivicchā pamādā nappakāsatī’’ti ayaṃ vissajjanā kātabbā, vivicchāya pavattattā, pamādā ca loko nappakāsatīti attho. Avijjānīvaraṇāya nivuto loko nappakāsatīti vissajjanā kātabbā, ‘‘kathaṃ vivicchā pamādā loko nappakāsatīti vissajjanā katā’’ti vattabbattā ‘‘yo puggalo’’tiādi vuttaṃ. Tattha yo puthujjanabhūto puggalo avijjānīvaraṇehi nivuto, so puthujjanabhūto puggalo vivicchāya vivicchati. ‘‘Yāya vivicchāya vivicchati, sā vivicchā katamā nāmā’’ti pucchitabbattā ‘‘vivicchā nāma vuccati vicikicchā’’ti vuttaṃ. ‘‘Tāya kasmā nappakāsatī’’ti vattabbattā ‘‘so vicikicchanto’’tiādi vuttaṃ. Tāya vicikicchanto so puthujjanabhūto puggalo saddahitabbesu nābhisaddahati; saddahitabbesu na abhisaddahanto akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ sacchikiriyāya ārabhitabbaṃ vīriyaṃ nārabhati; anārabhanto so puggalo idha loke pamādamanuyutto viharatīti, pamādena viharanto pamatto puggalo sukke dhamme na uppādiyati; anuppādayantassa tassa puggalassa te sukkā dhammā anuppādiyamānā hutvā nappakāsanti pakāsanavasena na pavattanti; tasmā ‘‘vivicchā pamādā loko nappakāsatī’’ti vissajjanā kātabbāti adhippāyo.
‘‘ตาทิสสฺส สุกฺกธมฺมานํ อปฺปกาสนภาโว อเมฺหหิ เกน วจเนน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ –
‘‘Tādisassa sukkadhammānaṃ appakāsanabhāvo amhehi kena vacanena saddahitabbo’’ti vattabbabhāvato ‘‘yathāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tattha –
‘‘ทูเร สโนฺต ปกาสนฺติ, หิมวโนฺตว ปพฺพโต;
‘‘Dūre santo pakāsanti, himavantova pabbato;
อสเนฺตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา ยถา สรา;
Asantettha na dissanti, rattiṃ khittā yathā sarā;
เต คุเณหิ ปกาสนฺติ, กิตฺติยา จ ยเสน จา’’ติฯ –
Te guṇehi pakāsanti, kittiyā ca yasena cā’’ti. –
ยํ คาถาปาฐํ ภควา ยถา เยน อปฺปกาสนากาเรน อาห, ตถา เตน อปฺปกาสนากาเรน วุเตฺตน เตน คาถาปาเฐน ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส สุกฺกธมฺมานํ อปฺปกาสนภาโว ตุเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพเยว, ตสฺมา ‘‘วิวิจฺฉา ปมาทา โลโก นปฺปกาสตี’’ติ วิสฺสชฺชนา กาตพฺพาวาติ อธิปฺปาโยฯ
Yaṃ gāthāpāṭhaṃ bhagavā yathā yena appakāsanākārena āha, tathā tena appakāsanākārena vuttena tena gāthāpāṭhena tādisassa puggalassa sukkadhammānaṃ appakāsanabhāvo tumhehi saddahitabboyeva, tasmā ‘‘vivicchā pamādā loko nappakāsatī’’ti vissajjanā kātabbāvāti adhippāyo.
คาถาโตฺถ ปน – หิมวโนฺต ปพฺพโต ทูเร ฐิโต ทูเร ฐิตานมฺปิ สจกฺขุกานํ ปุคฺคลานํ ปกาสติ อิว, เอวํ สโนฺต สปฺปุริสา ทูเร ฐิตานมฺปิ คุณวเสน ปวตฺตาย กิตฺติยา จ คุณวเสน ปวเตฺตหิ ยสปริโภคปริวาเรหิ จ ทูเร ฐิตานํ ปณฺฑิตานํ ปกาสนฺติ, รตฺติกาเล ขิตฺตา สรา อุสู น ทิสฺสนฺติ ยถา, เอตฺถ สตฺตโลเก วิวิจฺฉาปมาทานํ วเสน วิหรโนฺต อสโนฺต น ทิสฺสนฺติฯ เย สโนฺต ปกาสนฺติ, เต สโนฺต คุเณหิ ปกาสนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เต คุเณหิ ปกาสนฺตี’’ติ วุตฺตํ ฯ คุณา นาม อพฺภนฺตเร ชาตา, ‘‘กถํ คุเณหิ ปกาสนฺตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘กิตฺติยา จ ยเสน จา’’ติ วุตฺตํฯ คุณานุภาเวน ปวตฺตาย กิตฺติยา จ คุณานุภาเวน ปวเตฺตน ยเสน จ ปกาสนฺตา ปุคฺคลา คุเณหิ ปกาสนฺตีติ วตฺตพฺพาวาติฯ
Gāthāttho pana – himavanto pabbato dūre ṭhito dūre ṭhitānampi sacakkhukānaṃ puggalānaṃ pakāsati iva, evaṃ santo sappurisā dūre ṭhitānampi guṇavasena pavattāya kittiyā ca guṇavasena pavattehi yasaparibhogaparivārehi ca dūre ṭhitānaṃ paṇḍitānaṃ pakāsanti, rattikāle khittā sarā usū na dissanti yathā, ettha sattaloke vivicchāpamādānaṃ vasena viharanto asanto na dissanti. Ye santo pakāsanti, te santo guṇehi pakāsantīti dassetuṃ ‘‘te guṇehi pakāsantī’’ti vuttaṃ . Guṇā nāma abbhantare jātā, ‘‘kathaṃ guṇehi pakāsantī’’ti vattabbattā ‘‘kittiyā ca yasena cā’’ti vuttaṃ. Guṇānubhāvena pavattāya kittiyā ca guṇānubhāvena pavattena yasena ca pakāsantā puggalā guṇehi pakāsantīti vattabbāvāti.
ยทิ วิวิจฺฉาปมาทานํ วเสน นปฺปกาสติ, เอวํ สติ โลโก นิวุโต โหติ, ตสฺมา ปฐมสฺส ปทสฺสาปิ วิสฺสชฺชนา กาตพฺพาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘เตน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตนาติ ‘‘วิวิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตี’’ติ ปเทน ‘‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’’ติ ทุติยสฺส ปทสฺส วิสฺสชฺชนา ยุตฺตา ยุตฺตตราติ อโตฺถฯ ปเทนาติ จ ปทตฺถเฎฺฐน วิสฺสชฺชนาติ อโตฺถฯ ปทสฺสาติ ปทตฺถสฺส ปุจฺฉิตพฺพสฺสาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอส นโย เหฎฺฐา, อุปริ จฯ
Yadi vivicchāpamādānaṃ vasena nappakāsati, evaṃ sati loko nivuto hoti, tasmā paṭhamassa padassāpi vissajjanā kātabbāti codanaṃ manasi katvā ‘‘tena cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tenāti ‘‘vivicchā pamādā nappakāsatī’’ti padena ‘‘kenassu nappakāsatī’’ti dutiyassa padassa vissajjanā yuttā yuttatarāti attho. Padenāti ca padatthaṭṭhena vissajjanāti attho. Padassāti padatthassa pucchitabbassāti attho daṭṭhabbo. Esa nayo heṭṭhā, upari ca.
‘‘กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสี’’ติ ปเญฺห ‘‘ชปฺปาภิเลปนํ พฺรูมี’’ติ วิสฺสชฺชนา ตสฺสา อชิเตน ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘กตมา ชปฺปา นามา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ชปฺปา นาม วุจฺจติ ตณฺหา’’ติ วุตฺตํฯ สา ตณฺหา โลกํ อภิลิมฺปตีติ กถํ วิญฺญายตีติ โยชนาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยถา เยน ตณฺหาย อภิเลปนภาเวน –
‘‘Kissābhilepanaṃ brūsī’’ti pañhe ‘‘jappābhilepanaṃ brūmī’’ti vissajjanā tassā ajitena daṭṭhabbā. ‘‘Katamā jappā nāmā’’ti pucchitabbattā ‘‘jappā nāma vuccati taṇhā’’ti vuttaṃ. Sā taṇhā lokaṃ abhilimpatīti kathaṃ viññāyatīti yojanā. Tena vuttaṃ ‘‘yathāha bhagavā’’tiādi. Tattha yathā yena taṇhāya abhilepanabhāvena –
‘‘รโตฺต อตฺถํ น ชานาติ, รโตฺต ธมฺมํ น ปสฺสติ;
‘‘Ratto atthaṃ na jānāti, ratto dhammaṃ na passati;
อนฺธํ ตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติฯ –
Andhaṃ tamaṃ tadā hoti, yaṃ rāgo sahate nara’’nti. –
ยํ คาถํ ภควา อาห, ตถา เตน อภิเลปนภาเวน วุตฺตาย ตาย คาถาย สา ตณฺหา โลกํ อภิลิมฺปตีติ วิญฺญายตีติ อธิปฺปาโยฯ
Yaṃ gāthaṃ bhagavā āha, tathā tena abhilepanabhāvena vuttāya tāya gāthāya sā taṇhā lokaṃ abhilimpatīti viññāyatīti adhippāyo.
คาถายํ ปน – รชฺชติ สโตฺตติ รโตฺต, ราคสมงฺคีสโตฺตฯ การณํ ปฎิจฺจ อสติ ปวตฺตติ ผลนฺติ อตฺถํ, ผลํฯ การณํ ผลํ ธาเรติ, ตํ การณํ ธมฺมํ นามฯ อนฺธการํ อนฺธํฯ ยนฺติ ยมฺหิ กาเลฯ ยนฺติ หิ ภุมฺมเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํฯ ยมฺหิ กาเล ราโค นรํ ราคสมงฺคิํ สหเต อภิภวติ, ตทา กาเล อนฺธํ อนฺธการํ ตมํ โหตีติ โยชนาฯ ราโค นรํ ยํ ยสฺมา สหเต, ตสฺมา อนฺธํ ตมํ ตทา โหตีติ วา, ราโค ยํ นรํ สหเต, ตสฺส นรสฺส อนฺธํ ตมํ ตทา โหตีติ วา, ราโค นรํ ยํ สหเต อภิภูยเต ยํ สหนํ อภิภวนํ นิปฺผาเทติ, ตํ สหนํ อภิภวนํ อนฺธํ อนฺธการํ ตมํ โหตีติ วา โยชนาฯ
Gāthāyaṃ pana – rajjati sattoti ratto, rāgasamaṅgīsatto. Kāraṇaṃ paṭicca asati pavattati phalanti atthaṃ, phalaṃ. Kāraṇaṃ phalaṃ dhāreti, taṃ kāraṇaṃ dhammaṃ nāma. Andhakāraṃ andhaṃ. Yanti yamhi kāle. Yanti hi bhummatthe paccattavacanaṃ. Yamhi kāle rāgo naraṃ rāgasamaṅgiṃ sahate abhibhavati, tadā kāle andhaṃ andhakāraṃ tamaṃ hotīti yojanā. Rāgo naraṃ yaṃ yasmā sahate, tasmā andhaṃ tamaṃ tadā hotīti vā, rāgo yaṃ naraṃ sahate, tassa narassa andhaṃ tamaṃ tadā hotīti vā, rāgo naraṃ yaṃ sahate abhibhūyate yaṃ sahanaṃ abhibhavanaṃ nipphādeti, taṃ sahanaṃ abhibhavanaṃ andhaṃ andhakāraṃ tamaṃ hotīti vā yojanā.
‘‘ยทิ รโตฺต อตฺถาทิกํ น ชานาติ, เอวํ สติ กถํ ชปฺปาภิเลปนํ ภวตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สายํ ตณฺหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อารมฺมเณสุ อาสตฺติพหุลสฺส อาสงฺคพหุลสฺส ตณฺหาสมงฺคิสฺส ปุคฺคลสฺส สา อยํ ตณฺหา เอวํ พหุอาสงฺควเสน อภิชปฺปา ปริยุฎฺฐานฎฺฐายินี โหติฯ อิติ กริตฺวา อิมินา การเณน ตตฺถ ตณฺหาย สตฺตโลโก เกนจิ สิเลเสน อภิลิโตฺต มกฺขิโต วิย ชปฺปาภิเลเปน อภิลิโตฺต นาม ภวตีติ โยชนาฯ ‘‘ชปฺปาภิเลปนํ อปฺปกาสนสฺสปิ การณํ ภวติ, ตสฺมา ‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’ติ ทุติยปทตฺถสฺสปิ วิสฺสชฺชนา สิยา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตน จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
‘‘Yadi ratto atthādikaṃ na jānāti, evaṃ sati kathaṃ jappābhilepanaṃ bhavatī’’ti vattabbattā ‘‘sāyaṃ taṇhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ārammaṇesu āsattibahulassa āsaṅgabahulassa taṇhāsamaṅgissa puggalassa sā ayaṃ taṇhā evaṃ bahuāsaṅgavasena abhijappā pariyuṭṭhānaṭṭhāyinī hoti. Iti karitvā iminā kāraṇena tattha taṇhāya sattaloko kenaci silesena abhilitto makkhito viya jappābhilepena abhilitto nāma bhavatīti yojanā. ‘‘Jappābhilepanaṃ appakāsanassapi kāraṇaṃ bhavati, tasmā ‘kenassu nappakāsatī’ti dutiyapadatthassapi vissajjanā siyā’’ti vattabbattā ‘‘tena cā’’tiādi vuttaṃ.
‘‘ตสฺส โลกสฺส มหพฺภยํ กิ’’นฺติ อิมสฺมิํ จตุตฺถปเญฺห ‘‘อสฺส โลกสฺส ทุกฺขํ มหพฺภยํ ภเว’’ติ อยํ วิสฺสชฺชนา ตสฺสา อชิเตน ทฎฺฐพฺพาฯ ภายติ โลโก เอตสฺมาติ ภยํ, มหนฺตํ ภยํ มหพฺภยํฯ ‘‘กติวิธํ ทุกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ทุวิธํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เทฺว วิธา อสฺส ทุกฺขสฺสาติ ทุวิธํฯ ‘‘กตมํ ทุวิธํ ทุกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘กายิกญฺจ เจตสิกญฺจา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘กตมํ กายิกํ, กตมํ เจตสิก’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ กายิกํ, อิทํ ทุกฺขํ ยํ เจตสิกํ, อิทํ โทมนสฺส’’นฺติ วุตฺตํฯ
‘‘Tassa lokassa mahabbhayaṃ ki’’nti imasmiṃ catutthapañhe ‘‘assa lokassa dukkhaṃ mahabbhayaṃ bhave’’ti ayaṃ vissajjanā tassā ajitena daṭṭhabbā. Bhāyati loko etasmāti bhayaṃ, mahantaṃ bhayaṃ mahabbhayaṃ. ‘‘Katividhaṃ dukkha’’nti pucchitabbattā ‘‘duvidhaṃ dukkha’’ntiādi vuttaṃ. Dve vidhā assa dukkhassāti duvidhaṃ. ‘‘Katamaṃ duvidhaṃ dukkha’’nti pucchitabbattā ‘‘kāyikañca cetasikañcā’’ti vuttaṃ. ‘‘Katamaṃ kāyikaṃ, katamaṃ cetasika’’nti pucchitabbattā ‘‘yaṃ kāyikaṃ, idaṃ dukkhaṃ yaṃ cetasikaṃ, idaṃ domanassa’’nti vuttaṃ.
โรคาทิสตฺถาทิอนิฎฺฐรูปํ สตฺตโลกสฺส มหพฺภยํ ภเวยฺย, ‘‘กถํ ทุกฺขํ มหพฺภยํ ภเวติ สทฺทเหตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘สเพฺพ สตฺตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สเพฺพ สตฺตา ยถาวุตฺตสฺส ทุกฺขสฺส อุพฺพิชฺชนฺติ, ทุเกฺขน สมสมํ อญฺญํ ภยํ สตฺตานํ นตฺถิ, ทุกฺขโต อุตฺตริตรํ วา ปน ภยํ กุโต อตฺถิฯ หิ ยสฺมา นตฺถิ, ตสฺมา ทุกฺขโต อญฺญสฺส ภยสฺส อภาวโต ‘‘ทุกฺขํ โลกสฺส มหพฺภย’’นฺติ วจนํ สทฺทหิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Rogādisatthādianiṭṭharūpaṃ sattalokassa mahabbhayaṃ bhaveyya, ‘‘kathaṃ dukkhaṃ mahabbhayaṃ bhaveti saddahetabba’’nti vattabbabhāvato ‘‘sabbe sattā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha sabbe sattā yathāvuttassa dukkhassa ubbijjanti, dukkhena samasamaṃ aññaṃ bhayaṃ sattānaṃ natthi, dukkhato uttaritaraṃ vā pana bhayaṃ kuto atthi. Hi yasmā natthi, tasmā dukkhato aññassa bhayassa abhāvato ‘‘dukkhaṃ lokassa mahabbhaya’’nti vacanaṃ saddahitabbanti adhippāyo.
‘‘สเพฺพ สตฺตา’’ติอาทิวจเนน โรคาทิสตฺถาทิอนิฎฺฐรูปํ ทุกฺขมูลเมวาติ ทเสฺสติฯ ‘‘กายิกเจตสิกวเสน ทุวิธํ ทุกฺขํ ทุกฺขเวทนาเยว, เอวํ สติ สงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขานํ มหพฺภยภาโว น อาปเชฺชยฺยา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ติโสฺส ทุกฺขตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
‘‘Sabbe sattā’’tiādivacanena rogādisatthādianiṭṭharūpaṃ dukkhamūlamevāti dasseti. ‘‘Kāyikacetasikavasena duvidhaṃ dukkhaṃ dukkhavedanāyeva, evaṃ sati saṅkhāradukkhavipariṇāmadukkhānaṃ mahabbhayabhāvo na āpajjeyyā’’ti vattabbabhāvato ‘‘tisso dukkhatā’’tiādi vuttaṃ.
‘‘ติโสฺส ทุกฺขตา สเพฺพสํ สตฺตานํ สพฺพกาเลสุ อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กสฺสจิ น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ โลโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตาสุ ตีสุ ทุกฺขตาสุฯ โลโกติ โภคสมฺปโนฺน เจว อปฺปาพาโธ จ สตฺตโลโกฯ โอธโส โอธิโส กทาจิ กรหจิ อตฺตูปกฺกมมูลาย ทุกฺขทุกฺขตาย มุจฺจติ, กทาจิ ปรูปกฺกมมูลาย ทุกฺขทุกฺขตาย มุจฺจติ, ตถา โอธโส โอธิโส กทาจิ กรหจิ ทีฆายุโก โลโก วิปริณามทุกฺขตาย มุจฺจติ, ‘‘เกน เหตุนา มุจฺจตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปุจฺฉํ ฐเปตฺวา เหตุํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สตฺตโลเก อเปฺปกเจฺจ อปฺปาพาธา โหนฺติ, เต โภคสมฺปนฺนตฺตา เจว อปฺปาพาธตฺตา จ ทุกฺขทุกฺขตาย มุจฺจนฺติ, วิเสสโต รูปาวจรสตฺตา มุจฺจนฺติฯ อเปฺปกเจฺจ ทีฆายุกาปิ โหนฺติ, เต ทีฆายุกตฺตา วิปริณามทุกฺขตาย มุจฺจนฺติ; วิเสสโต อรูปาวจรสตฺตา มุจฺจนฺติ อรูปาวจรสตฺตานํ อุเปกฺขาสมาปตฺติพหุลตฺตาฯ
‘‘Tisso dukkhatā sabbesaṃ sattānaṃ sabbakālesu uppajjanti, kadāci kassaci na uppajjantī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha loko’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tāsu tīsu dukkhatāsu. Lokoti bhogasampanno ceva appābādho ca sattaloko. Odhaso odhiso kadāci karahaci attūpakkamamūlāya dukkhadukkhatāya muccati, kadāci parūpakkamamūlāya dukkhadukkhatāya muccati, tathā odhaso odhiso kadāci karahaci dīghāyuko loko vipariṇāmadukkhatāya muccati, ‘‘kena hetunā muccatī’’ti pucchitabbattā pucchaṃ ṭhapetvā hetuṃ dassetuṃ ‘‘taṃ kissa hetū’’tiādi vuttaṃ. Sattaloke appekacce appābādhā honti, te bhogasampannattā ceva appābādhattā ca dukkhadukkhatāya muccanti, visesato rūpāvacarasattā muccanti. Appekacce dīghāyukāpi honti, te dīghāyukattā vipariṇāmadukkhatāya muccanti; visesato arūpāvacarasattā muccanti arūpāvacarasattānaṃ upekkhāsamāpattibahulattā.
เตสํ ตาหิ ทุกฺขตาหิ มุจฺจนํ อเนกนฺติกํ โหติ, ตสฺมา ตาหิ อนติกฺกนฺตตฺตา อเนกนฺติกํ มุจฺจนํ ตุเมฺหหิ วุตฺตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ‘‘กตมํ เอกนฺติกมุจฺจน’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘สงฺขารทุกฺขตาย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สงฺขารทุกฺขตายาติ ทุกฺขเวทนาปิ สงฺขตตฺตา สงฺขารปริยาปนฺนา, ตาทิสาย สงฺขารทุกฺขตายาติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ โลโกติ อรหาฯ อุปาทียติ วิปากกฺขนฺธจตุกฺกกฎตฺตารูปสงฺขาตํ ขนฺธปญฺจกนฺติ อุปาทิ, อุปาทิเยว เสสํ อุปาทิเสสํ, ขนฺธปญฺจกํ, ตํ นตฺถิ เอติสฺสา นิพฺพานธาตุยาติ อนุปาทิเสสาฯ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ หุตฺวา มุจฺจติ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิเทฺทโสฯ นิพฺพานธาตูติ จ ขนฺธปญฺจกสฺส นิพฺพายนมตฺตํ อธิเปฺปตํ, น อสงฺขตธาตุฯ ตสฺมาติ สงฺขารทุกฺขตาย สกลโลกพฺยาปกภาเวน สพฺพโลกสงฺคาหกตฺตา วุตฺตปฺปการสงฺขารทุกฺขตาย สพฺพโลกสฺส ทุกฺขํ โหติ, อิติ กตฺวา สงฺขารทุกฺขตาย สพฺพโลกสฺส ทุกฺขภาวโต ‘‘ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ ภควตา วุตฺตํฯ
Tesaṃ tāhi dukkhatāhi muccanaṃ anekantikaṃ hoti, tasmā tāhi anatikkantattā anekantikaṃ muccanaṃ tumhehi vuttaṃ, amhehi ca ñātaṃ, ‘‘katamaṃ ekantikamuccana’’nti pucchitabbattā ‘‘saṅkhāradukkhatāya panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha saṅkhāradukkhatāyāti dukkhavedanāpi saṅkhatattā saṅkhārapariyāpannā, tādisāya saṅkhāradukkhatāyāti attho gahetabbo. Lokoti arahā. Upādīyati vipākakkhandhacatukkakaṭattārūpasaṅkhātaṃ khandhapañcakanti upādi, upādiyeva sesaṃ upādisesaṃ, khandhapañcakaṃ, taṃ natthi etissā nibbānadhātuyāti anupādisesā. Anupādisesāya nibbānadhātuyā anupādisesanibbānadhātu hutvā muccati, itthambhūtalakkhaṇe cāyaṃ karaṇaniddeso. Nibbānadhātūti ca khandhapañcakassa nibbāyanamattaṃ adhippetaṃ, na asaṅkhatadhātu. Tasmāti saṅkhāradukkhatāya sakalalokabyāpakabhāvena sabbalokasaṅgāhakattā vuttappakārasaṅkhāradukkhatāya sabbalokassa dukkhaṃ hoti, iti katvā saṅkhāradukkhatāya sabbalokassa dukkhabhāvato ‘‘dukkhamassa mahabbhaya’’nti bhagavatā vuttaṃ.
‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑, ๓, ๓๖; มหาว. ๑; วิภ. ๒๒๕) วจนโต ‘‘ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ ปเทน ‘‘กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสี’’ติ ตติยปทสฺสาปิ วิสฺสชฺชนา สิยาติ อาสงฺกภาวโต ‘‘เตน จ จตุตฺถสฺส ปทสฺส วิสฺสชฺชนา ยุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘เกน ยถากฺกมํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานํ ยุตฺตตรภาโว ชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน ยถากฺกมํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานํ ยุตฺตตรตฺตา ยุตฺตตรชานนโก ภควา ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติอาทิมาห, ตสฺมา ยุตฺตตรภาโว ตุเมฺหหิ ชานิตโพฺพติฯ
‘‘Vedanāpaccayā taṇhā’’ti (ma. ni. 3.126; saṃ. ni. 2.1, 3, 36; mahāva. 1; vibha. 225) vacanato ‘‘dukkhamassa mahabbhaya’’nti padena ‘‘kissābhilepanaṃ brūsī’’ti tatiyapadassāpi vissajjanā siyāti āsaṅkabhāvato ‘‘tena ca catutthassa padassa vissajjanā yuttā’’ti vuttaṃ. ‘‘Kena yathākkamaṃ pucchāvissajjanānaṃ yuttatarabhāvo jānitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tena yathākkamaṃ pucchāvissajjanānaṃ yuttatarattā yuttatarajānanako bhagavā ‘‘avijjāya nivuto loko’’tiādimāha, tasmā yuttatarabhāvo tumhehi jānitabboti.
เอตฺถ จ โลกสฺส นีวรณาทีนิ อชานเนฺตน จ ติตฺถิยวาเทสุ สมยนฺตเรสุ ปริจเยน จ เตสุ สมยนฺตเรสุ เจว นีวรณาทีสุ จ สํสยปกฺขเนฺทน เอกํเสเนว สตฺตาธิฎฺฐาเนน ปุจฺฉิตพฺพตฺตา, เอกํเสเนว สตฺตาธิฎฺฐาเนน พฺยากาตพฺพตฺตา จ สตฺตาธิฎฺฐานา ปุจฺฉา กตาติ เวทิตพฺพาฯ สา จายํ ปุจฺฉา อชานนฺตสฺส ชานนตฺถาย, ชาตสํสยสฺส จ สํสยวิโนทนตฺถาย วิสฺสเชฺชตพฺพสฺส นีวรณาทิวิสยสฺส จตุพฺพิธตฺตา จตุพฺพิธาฯ นีวรณาทีนํ ปน วิสยานํ โลโก จ อาธารภาเวน คาถายํ วุโตฺตติ ‘‘เอโก ปโญฺห ทสฺสิโต’’ติ อยเมตฺถ ปุจฺฉาวิจโย, วิสฺสชฺชนาวิจโย ปน ‘‘อทิฎฺฐโชตนา วิสฺสชฺชนา, วิมติเจฺฉทนา วิสฺสชฺชนา’’ติอาทินา ปุจฺฉาวิจเย วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ
Ettha ca lokassa nīvaraṇādīni ajānantena ca titthiyavādesu samayantaresu paricayena ca tesu samayantaresu ceva nīvaraṇādīsu ca saṃsayapakkhandena ekaṃseneva sattādhiṭṭhānena pucchitabbattā, ekaṃseneva sattādhiṭṭhānena byākātabbattā ca sattādhiṭṭhānā pucchā katāti veditabbā. Sā cāyaṃ pucchā ajānantassa jānanatthāya, jātasaṃsayassa ca saṃsayavinodanatthāya vissajjetabbassa nīvaraṇādivisayassa catubbidhattā catubbidhā. Nīvaraṇādīnaṃ pana visayānaṃ loko ca ādhārabhāvena gāthāyaṃ vuttoti ‘‘eko pañho dassito’’ti ayamettha pucchāvicayo, vissajjanāvicayo pana ‘‘adiṭṭhajotanā vissajjanā, vimaticchedanā vissajjanā’’tiādinā pucchāvicaye vuttanayānusārena veditabbo.
เอกาธาเร ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน วิจโย อาจริเยหิ วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘อเนกาธาเร ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน โย วิจโย วิภชนารโห, โส วิจโย กถํ อเมฺหหิ วิญฺญายติ, อมฺหากํ วิญฺญาปนตฺถาย ตสฺมิํ วิจยํ วิภชถา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต อเนกาธารํ ปุจฺฉํ ตาว นีหริตฺวา ทเสฺสตุํ –
Ekādhāre pucchāvissajjane vicayo ācariyehi vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘anekādhāre pucchāvissajjane yo vicayo vibhajanāraho, so vicayo kathaṃ amhehi viññāyati, amhākaṃ viññāpanatthāya tasmiṃ vicayaṃ vibhajathā’’ti vattabbabhāvato anekādhāraṃ pucchaṃ tāva nīharitvā dassetuṃ –
‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา, (อิจฺจายสฺมา อชิโต,)
‘‘Savanti sabbadhi sotā, (iccāyasmā ajito,)
โสตานํ กิํ นิวารณํ;
Sotānaṃ kiṃ nivāraṇaṃ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูหิ, เกน โสตา ปิธียเร’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๔๐; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๕๙, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๓) –
Sotānaṃ saṃvaraṃ brūhi, kena sotā pidhīyare’’ti. (su. ni. 1040; cūḷani. vatthugāthā 59, ajitamāṇavapucchāniddesa 3) –
คาถมาห ฯ คาถาโตฺถ ตาว ทฎฺฐโพฺพฯ สวนฺตีติ สนฺทนฺติ, ปวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ สพฺพธีติ ตณฺหาทีนํ อารมฺมณภูเตสุ สเพฺพสุ รูปาทีสุ อายตเนสุฯ โสตาติ ตณฺหาภิชฺฌาพฺยาปาทาทโย โสตาฯ อิจฺจายสฺมาติ อิติ เอวํ อายสฺมา อชิโต อาหฯ โสตานนฺติ ตณฺหาภิชฺฌาพฺยาปาทาทีนํ โสตานํฯ กิํ นิวารณนฺติ กิํ กตมํ ธมฺมชาตํ อาวรณํ ภเว, กา กตมา ธมฺมชาติ รกฺขา ภเวฯ โสตานํ สํวรํ พฺรูหีติ โสตานํ ตณฺหาภิชฺฌาพฺยาปาทาทีนํ สํวรณํ อาวรณํ อิทํ ธมฺมชาตํ ภเวติ สพฺพสตฺตหิตตฺถํ อมฺหากํ ตฺวํ กเถหิฯ เกน โสตา ปิธียเรติ เกน ปหายกธเมฺมน ตณฺหาภิชฺฌาพฺยาปาทาทโย โสตา ปณฺฑิเตหิ ปิธียเรติ ปุจฺฉตีติ ปุจฺฉิตานิฯ
Gāthamāha . Gāthāttho tāva daṭṭhabbo. Savantīti sandanti, pavattantīti attho. Sabbadhīti taṇhādīnaṃ ārammaṇabhūtesu sabbesu rūpādīsu āyatanesu. Sotāti taṇhābhijjhābyāpādādayo sotā. Iccāyasmāti iti evaṃ āyasmā ajito āha. Sotānanti taṇhābhijjhābyāpādādīnaṃ sotānaṃ. Kiṃ nivāraṇanti kiṃ katamaṃ dhammajātaṃ āvaraṇaṃ bhave, kā katamā dhammajāti rakkhā bhave. Sotānaṃ saṃvaraṃ brūhīti sotānaṃ taṇhābhijjhābyāpādādīnaṃ saṃvaraṇaṃ āvaraṇaṃ idaṃ dhammajātaṃ bhaveti sabbasattahitatthaṃ amhākaṃ tvaṃ kathehi. Kena sotāpidhīyareti kena pahāyakadhammena taṇhābhijjhābyāpādādayo sotā paṇḍitehi pidhīyareti pucchatīti pucchitāni.
‘‘ปุจฺฉาวเสน กถิตาย ‘สวนฺติ…เป.… ปิธียเร’ติ อิมาย คาถาย กิตฺตกานิ ปทานิ ปุจฺฉิตานิ, กิตฺตกา ปญฺหา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมานิ จตฺตาริ ปทานิ ปุจฺฉิตานิ, เต เทฺว ปญฺหา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตาย อิมิสฺสา คาถาย ยทิ จตฺตาริ ปทานิ สิยุํ, เอวํ สเนฺตสุ ปญฺหาปิ จตุพฺพิธา สิยุํ, กสฺมา ‘เทฺว’ติ วุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘กสฺมา? อิเม หิ พหฺวาธิวจเนน ปุจฺฉิตา’’ติ วุตฺตํฯ อิเม เอตาย คาถาย คหิตา อตฺถา พหฺวาธิวจเนน ปุจฺฉิตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สวนฺติ…เป.… ปิธียเรติ พหูนิ วจนานิ อธิกิจฺจ ปวตฺตา สํวรสงฺขาตา สติ เจว ปิทหนเหตุภูตา ปญฺญา จาติ อิเม เทฺว อตฺถาว ปุจฺฉิตา, ตสฺมา อตฺถวเสน เทฺว ปญฺหา วุตฺตา วา’’ติฯ ‘‘ปุจฺฉาย ทุวิธตฺถวิสยตา กถํ วุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ปุจฺฉาย ทุวิธตฺถวิสยตํ วิวริตุํ ‘‘เอวํ สมาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวํ สมาปนฺนสฺสาติ อิมาหิ ทุคฺคติเหตุภูตาหิ ญาติพฺยสนาทิสงฺขาตาหิ อาปทาหิ วา, ปาณวธาทีหิ อาปทาหิ วา, สมํ สห, สพฺพถา วา อยํ สตฺตโลโก อาปโนฺน อโชฺฌตฺถโฎ, เอวํ อโชฺฌตฺถฎสฺส วา สมาปนฺนสฺสฯ เอวํ สํกิลิฎฺฐสฺสาติ ญาติพฺยสนาทโย วา ปาณวธาทีนิ อาคมฺม ปวเตฺตหิ ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ จ อยํ สตฺตโลโก สํกิลิโฎฺฐ, เอวํ สํกิลิฎฺฐสฺส จ โลกสฺสาติ สมาปนฺนสฺส อโชฺฌตฺถฎสฺส โลกสฺส โวทานํ วุฎฺฐานํ กิํ กตมํ ธมฺมชาตํ ภเวฯ อิติ เอวญฺหิ สจฺจํ อชิตสุเตฺต อาหาติ วิตฺถารโตฺถ, ปุจฺฉาย ทุวิธตฺถวิสยตา ญาตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Pucchāvasena kathitāya ‘savanti…pe… pidhīyare’ti imāya gāthāya kittakāni padāni pucchitāni, kittakā pañhā’’ti pucchitabbattā ‘‘imāni cattāri padāni pucchitāni, te dve pañhā’’ti vuttaṃ. ‘‘Pucchāvasena pavattāya imissā gāthāya yadi cattāri padāni siyuṃ, evaṃ santesu pañhāpi catubbidhā siyuṃ, kasmā ‘dve’ti vuttā’’ti vattabbattā ‘‘kasmā? Ime hi bahvādhivacanena pucchitā’’ti vuttaṃ. Ime etāya gāthāya gahitā atthā bahvādhivacanena pucchitā. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘savanti…pe… pidhīyareti bahūni vacanāni adhikicca pavattā saṃvarasaṅkhātā sati ceva pidahanahetubhūtā paññā cāti ime dve atthāva pucchitā, tasmā atthavasena dve pañhā vuttā vā’’ti. ‘‘Pucchāya duvidhatthavisayatā kathaṃ vuttā’’ti vattabbattā pucchāya duvidhatthavisayataṃ vivarituṃ ‘‘evaṃ samāpannassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha evaṃ samāpannassāti imāhi duggatihetubhūtāhi ñātibyasanādisaṅkhātāhi āpadāhi vā, pāṇavadhādīhi āpadāhi vā, samaṃ saha, sabbathā vā ayaṃ sattaloko āpanno ajjhotthaṭo, evaṃ ajjhotthaṭassa vā samāpannassa. Evaṃ saṃkiliṭṭhassāti ñātibyasanādayo vā pāṇavadhādīni āgamma pavattehi dasahi kilesavatthūhi ca ayaṃ sattaloko saṃkiliṭṭho, evaṃ saṃkiliṭṭhassa ca lokassāti samāpannassa ajjhotthaṭassa lokassa vodānaṃ vuṭṭhānaṃ kiṃ katamaṃ dhammajātaṃ bhave. Iti evañhi saccaṃ ajitasutte āhāti vitthārattho, pucchāya duvidhatthavisayatā ñātabbāti adhippāyo.
‘‘กิํ นุ โสตา สพฺพสฺส โลกสฺส สพฺพธิ สวนฺติ, อุทาหุ, เอกจฺจเสฺสวา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติ, อสมาหิตสฺส สวนฺติ อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปมาทพหุลสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปมาทพหุลตฺตา รูปาทีสุ นานารมฺมเณสุ วิกฺขิตฺตจิตฺตเสฺสว โสตา สวนฺติ ปวตฺตนฺติ, น สมาหิตสฺส อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปมาทวิรหิตสฺสาติ อธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘กตมา อภิชฺฌา, กตโม พฺยาปาโท, กตโม ปมาโท’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ยา อภิชฺฌา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปมาเทสุฯ ยา อภิชฺฌา, อยํ โลโภ, น อภิชฺฌายนมตฺตํฯ โลโภ จ อกุสลมูลํ, น ลุพฺภนมตฺตํฯ โย พฺยาปาโท , อยํ โทโส, น พฺยาปชฺชนมตฺตํฯ โทโส จ อกุสลมูลํ, น ทูสนมตฺตํฯ โย ปมาโท, อยํ โมโห, น สติวิปฺปวาสมตฺตํฯ โมโห จ อกุสลมูลํ, น มูหนมตฺตํฯ เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน อภิชฺฌาทีนํ อกุสลมูลตฺตา ยสฺส อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปมาทพหุลสฺส อสมาหิตสฺส ฉสุ รูปาทีสุ อายตเนสุ ตณฺหา สวนฺติฯ
‘‘Kiṃ nu sotā sabbassa lokassa sabbadhi savanti, udāhu, ekaccassevā’’ti pucchitabbattā ‘‘savanti sabbadhi sotāti, asamāhitassa savanti abhijjhābyāpādappamādabahulassā’’ti vuttaṃ. Tattha abhijjhābyāpādappamādabahulattā rūpādīsu nānārammaṇesu vikkhittacittasseva sotā savanti pavattanti, na samāhitassa abhijjhābyāpādappamādavirahitassāti adhippāyo daṭṭhabbo. ‘‘Katamā abhijjhā, katamo byāpādo, katamo pamādo’’ti vattabbattā ‘‘tattha yā abhijjhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu abhijjhābyāpādappamādesu. Yā abhijjhā, ayaṃ lobho, na abhijjhāyanamattaṃ. Lobho ca akusalamūlaṃ, na lubbhanamattaṃ. Yo byāpādo, ayaṃ doso, na byāpajjanamattaṃ. Doso ca akusalamūlaṃ, na dūsanamattaṃ. Yo pamādo, ayaṃ moho, na sativippavāsamattaṃ. Moho ca akusalamūlaṃ, na mūhanamattaṃ. Evaṃ iminā vuttappakārena abhijjhādīnaṃ akusalamūlattā yassa abhijjhābyāpādappamādabahulassa asamāhitassa chasu rūpādīsu āyatanesu taṇhā savanti.
‘‘กติวิธา สา ตณฺหา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘รูปตณฺหา…เป.… ธมฺมตณฺหา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ฉนฺนํ รูปตณฺหาทีนํ ฉสุ รูปาทิอายตเนสุ สวนํ เกน จ วจเนน อเมฺหหิ สทฺทหิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สวตีติ จ โข, ภิกฺขเว…เป.… ปฎิหญฺญตี’’ติ ยํ วจนํ ภควา ยถา เยน ปกาเรน อาห, ตถา เตน ปกาเรน วุตฺตนเยน วจเนน ตุเมฺหหิ สทฺทหิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ จ จกฺขาทีนํ รูปตณฺหาทีนํ ฉนฺนํ โสตานํ ทฺวารภาเวน ปวตฺตตฺตา จกฺขาทโย นิสฺสิตูปจารวเสน สยํ สวโนฺต วิย ภควตา วุตฺตาฯ อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน สพฺพา สพฺพสฺมา จกฺขาทิทฺวารโต จ สวติ ปวตฺตติฯ สพฺพถา สพฺพปฺปกาเรน ตณฺหายนมิจฺฉาภินิเวสนอุนฺนมนาทิปฺปกาเรน สวติ ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ ‘‘กสฺมา สพฺพสฺมา จกฺขาทิทฺวารโต จ สวติ ปวตฺตติ, สพฺพปฺปกาเรน ตณฺหายนมิจฺฉาภินิเวสนอุนฺนมนาทิปฺปกาเรน สวนภาโว วิชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตนาติ อสมาหิตสฺส อภิชฺฌาพฺยาปาทาทีนํ จกฺขาทิทฺวารโต จ ตณฺหายนมิจฺฉาภินิเวสอุนฺนมนากาเรน ตณฺหาทิวเสน ปวตฺตนโต ปวตฺตชานนโก ภควา ‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา’’ติ อาหฯ
‘‘Katividhā sā taṇhā’’ti vattabbattā ‘‘rūpataṇhā…pe… dhammataṇhā’’ti vuttaṃ. ‘‘Channaṃ rūpataṇhādīnaṃ chasu rūpādiāyatanesu savanaṃ kena ca vacanena amhehi saddahitabba’’nti vattabbattā ‘‘yathāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Savatīti ca kho, bhikkhave…pe… paṭihaññatī’’ti yaṃ vacanaṃ bhagavā yathā yena pakārena āha, tathā tena pakārena vuttanayena vacanena tumhehi saddahitabbanti adhippāyo. Ettha ca cakkhādīnaṃ rūpataṇhādīnaṃ channaṃ sotānaṃ dvārabhāvena pavattattā cakkhādayo nissitūpacāravasena sayaṃ savanto viya bhagavatā vuttā. Itīti evaṃ vuttappakārena sabbā sabbasmā cakkhādidvārato ca savati pavattati. Sabbathā sabbappakārena taṇhāyanamicchābhinivesanaunnamanādippakārena savati pavattatīti attho. ‘‘Kasmā sabbasmā cakkhādidvārato ca savati pavattati, sabbappakārena taṇhāyanamicchābhinivesanaunnamanādippakārena savanabhāvo vijānitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tenāti asamāhitassa abhijjhābyāpādādīnaṃ cakkhādidvārato ca taṇhāyanamicchābhinivesaunnamanākārena taṇhādivasena pavattanato pavattajānanako bhagavā ‘‘savanti sabbadhi sotā’’ti āha.
‘‘โสตานํ ‘กิํ นิวารณ’นฺติ อิมินา กิํ ปุจฺฉติ? โสตานํ อนุสยปฺปหานํ ปุจฺฉติ กิํ? อุทาหุ วีติกฺกมปฺปหานํ ปุจฺฉตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โสตานํ กิํ นิวารณนฺติ ปริยุฎฺฐานวิฆาตํ ปุจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อิทํ ปริยุฎฺฐานวิฆาตํ โวทานํ, อุทาหุ วุฎฺฐานํ กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘อิทํ โวทาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูหิ, ‘เกน โสตา ปิธียเร’ติ อิมินา กิํ ปุจฺฉติ? โสตานํ ปริยุฎฺฐานํ ปุจฺฉติ กิํ? อุทาหุ วีติกฺกมนํ, สมุคฺฆาฎํ วา ปุจฺฉติ กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา โสตานํ…เป.… ปิธียเรติ อนุสยสมุคฺฆาฎํ ปุจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อิทํ อนุสยสมุคฺฆาฎํ โวทานํ กิํ, อุทาหุ วุฎฺฐานํ กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘อิทํ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ
‘‘Sotānaṃ ‘kiṃ nivāraṇa’nti iminā kiṃ pucchati? Sotānaṃ anusayappahānaṃ pucchati kiṃ? Udāhu vītikkamappahānaṃ pucchatī’’ti vattabbattā ‘‘sotānaṃ kiṃ nivāraṇanti pariyuṭṭhānavighātaṃ pucchatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Idaṃ pariyuṭṭhānavighātaṃ vodānaṃ, udāhu vuṭṭhānaṃ ki’’nti vattabbattā ‘‘idaṃ vodāna’’nti vuttaṃ. ‘‘Sotānaṃ saṃvaraṃ brūhi, ‘kena sotā pidhīyare’ti iminā kiṃ pucchati? Sotānaṃ pariyuṭṭhānaṃ pucchati kiṃ? Udāhu vītikkamanaṃ, samugghāṭaṃ vā pucchati ki’’nti vattabbattā sotānaṃ…pe… pidhīyareti anusayasamugghāṭaṃ pucchatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Idaṃ anusayasamugghāṭaṃ vodānaṃ kiṃ, udāhu vuṭṭhānaṃ ki’’nti vattabbattā ‘‘idaṃ vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ.
‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา’’ติอาทิปุจฺฉาวิจโย อาจริเยน วุโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต; ตาย ปุจฺฉาย ‘‘กตโม วิสฺสชฺชนวิจโย’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ วิสฺสชฺชนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุจฺฉายํ –
‘‘Savanti sabbadhi sotā’’tiādipucchāvicayo ācariyena vutto, amhehi ca ñāto; tāya pucchāya ‘‘katamo vissajjanavicayo’’ti vattabbattā ‘‘tattha vissajjanā’’tiādi vuttaṃ. Tattha pucchāyaṃ –
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมิํ, (อชิตาติ ภควา,)
‘‘Yāni sotāni lokasmiṃ, (ajitāti bhagavā,)
สติ เตสํ นิวารณํ;
Sati tesaṃ nivāraṇaṃ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๔๑ จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๖๐, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๔) –
Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi, paññāyete pidhīyare’’ti. (su. ni. 1041 cūḷani. vatthugāthā 60, ajitamāṇavapucchāniddesa 4) –
คาถา วิสฺสชฺชนาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ตสฺสํ คาถายํ อชิต โลกสฺมิํ ยานิ โสตานิ สวนฺติ, เตสํ โสตานํ ยํ นิวารณํ, สา สติ โหติ; ตํ สติํ โสตานํ สํวรนฺติ อหํ พฺรูมิ; เอเต โสตา ปญฺญาย ปิธียเรติ โยชนา กาตพฺพาฯ ตตฺถ สตีติ วิปสฺสนาปญฺญาย สมฺปยุตฺตา สติฯ ปญฺญายาติ มคฺคปญฺญายฯ ปิธียเรติ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานวเสน ปิธียนฺติ ปจฺฉิชฺชนฺติฯ
Gāthā vissajjanāti daṭṭhabbā. Tassaṃ gāthāyaṃ ajita lokasmiṃ yāni sotāni savanti, tesaṃ sotānaṃ yaṃ nivāraṇaṃ, sā sati hoti; taṃ satiṃ sotānaṃ saṃvaranti ahaṃ brūmi; ete sotā paññāya pidhīyareti yojanā kātabbā. Tattha satīti vipassanāpaññāya sampayuttā sati. Paññāyāti maggapaññāya. Pidhīyareti uppajjituṃ appadānavasena pidhīyanti pacchijjanti.
‘‘สติ เตสํ นิวารณํ โสตานํ สํวรํ พฺรูมี’’ติ ภควา อาห – ‘‘ยาย กายจิ สติยา โสตานํ สํวรณกิจฺจํ สิทฺธํ กิํ, วิสิฎฺฐาย สติยา โสตานํ สํวรณกิจฺจํ สิทฺธํ กิํ, กตมาย สติยา โสตานํ สํวรณกิจฺจํ สิทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘กายคตาย สติยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กายคตาย สติยาติ รูปกาเย คตํ เกสาทิกํ อนิจฺจาทิโต วิปสฺสิตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาญาณสมฺปยุตฺตาย สติยาฯ ภาวิตายาติ กายคตํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต นิพฺพินฺทนโต วิรชฺชนโต นิโรธนโต ปฎินิสฺสชฺชนโต อนุปสฺสนาวเสน ภาวิตายฯ เอวญฺหิ อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหติ; ทุกฺขโต อนุปสฺสโนฺต สุขสญฺญํ ปชหติ; อนตฺตโต อนุปสฺสโนฺต อตฺตสญฺญํ ปชหติ; นิพฺพินฺทโนฺต นนฺทิํ ปชหติ; วิรชฺชโนฺต ราคํ ปชหติ; นิโรเธโนฺต สมุทยํ ปชหติ; ปฎินิสฺสชฺชโนฺต อาทานํ ปชหตีติฯ พหุลีกตายาติ ยถาวุตฺตปฺปกาเรน ทิวสมฺปิ มาสมฺปิ สํวจฺฉรมฺปิ สตฺตสํวจฺฉรมฺปิ พหุลีกตายฯ จกฺขุนฺติ อภิชฺฌาทิปวตฺติทฺวารภาเวน ฐิตํ จกฺขุํ, นิคฺคหิตาคมํ ทฎฺฐพฺพํฯ นาวิญฺฉตีติ จกฺขุทฺวาเร ปวตฺตํ อภิชฺฌาทิสหิตํ จิตฺตสนฺตานํ, ตํสมงฺคีปุคฺคลํ วา นากฑฺฒติ, มนาปิเกสุ รูเปสุ นาวิญฺฉตีติ โยชนาฯ อมนาปิเกสุ รูเปสุ น ปฎิหญฺญติ ฯ กายคตาย สติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย โสตํ นาวิญฺฉติฯ มนาปิเกสุ สเทฺทสุ…เป.… อมนาปิเกสุ สเทฺทสุ น ปฎิหญฺญตีติ โยชนา ยถาสมฺภวโต กาตพฺพาฯ
‘‘Sati tesaṃ nivāraṇaṃ sotānaṃ saṃvaraṃ brūmī’’ti bhagavā āha – ‘‘yāya kāyaci satiyā sotānaṃ saṃvaraṇakiccaṃ siddhaṃ kiṃ, visiṭṭhāya satiyā sotānaṃ saṃvaraṇakiccaṃ siddhaṃ kiṃ, katamāya satiyā sotānaṃ saṃvaraṇakiccaṃ siddha’’nti pucchitabbattā ‘‘kāyagatāya satiyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha kāyagatāya satiyāti rūpakāye gataṃ kesādikaṃ aniccādito vipassitvā pavattāya vipassanāñāṇasampayuttāya satiyā. Bhāvitāyāti kāyagataṃ aniccato dukkhato anattato nibbindanato virajjanato nirodhanato paṭinissajjanato anupassanāvasena bhāvitāya. Evañhi aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahati; dukkhato anupassanto sukhasaññaṃ pajahati; anattato anupassanto attasaññaṃ pajahati; nibbindanto nandiṃ pajahati; virajjanto rāgaṃ pajahati; nirodhento samudayaṃ pajahati; paṭinissajjanto ādānaṃ pajahatīti. Bahulīkatāyāti yathāvuttappakārena divasampi māsampi saṃvaccharampi sattasaṃvaccharampi bahulīkatāya. Cakkhunti abhijjhādipavattidvārabhāvena ṭhitaṃ cakkhuṃ, niggahitāgamaṃ daṭṭhabbaṃ. Nāviñchatīti cakkhudvāre pavattaṃ abhijjhādisahitaṃ cittasantānaṃ, taṃsamaṅgīpuggalaṃ vā nākaḍḍhati, manāpikesu rūpesu nāviñchatīti yojanā. Amanāpikesu rūpesu na paṭihaññati. Kāyagatāya satiyā bhāvitāya bahulīkatāya sotaṃ nāviñchati. Manāpikesu saddesu…pe… amanāpikesu saddesu na paṭihaññatīti yojanā yathāsambhavato kātabbā.
‘‘เกน การเณน นาวิญฺฉติ ปฎิหญฺญตี’’ติ ปุจฺฉติ, อินฺทฺริยานํ สํวุตนิวาริตตฺตา นาวิญฺฉติ น ปฎิหญฺญตีติ วิสฺสเชฺชติฯ ‘‘เกนารเกฺขน เต สํวุตนิวาริตา’’ติ ปุจฺฉติ, สติอารเกฺขน เต สํวุตนิวาริตาติ วิสฺสเชฺชติฯ ‘‘สติอารเกฺขน สํวุตนิวาริตภาโว เกน อเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตนาติ ตสฺมา สติอารเกฺขน สํวุตนิวาริตตฺตา สํวุตนิวาริตชานนโก ภควา ‘‘สติ เตสํ นิวารณ’’นฺติ ยํ วจนํ อาห, เตน วจเนน ตุเมฺหหิ สติอารเกฺขน สํวุตนิวาริตภาโว สทฺทหิตโพฺพติ ปุพฺพภาเค ปญฺญา สตฺยานุคาติ กิจฺจเมเวตฺถ อธิกนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
‘‘Kena kāraṇena nāviñchati paṭihaññatī’’ti pucchati, indriyānaṃ saṃvutanivāritattā nāviñchati na paṭihaññatīti vissajjeti. ‘‘Kenārakkhena te saṃvutanivāritā’’ti pucchati, satiārakkhena te saṃvutanivāritāti vissajjeti. ‘‘Satiārakkhena saṃvutanivāritabhāvo kena amhehi saddahitabbo’’ti vattabbattā tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tenāti tasmā satiārakkhena saṃvutanivāritattā saṃvutanivāritajānanako bhagavā ‘‘sati tesaṃ nivāraṇa’’nti yaṃ vacanaṃ āha, tena vacanena tumhehi satiārakkhena saṃvutanivāritabhāvo saddahitabboti pubbabhāge paññā satyānugāti kiccamevettha adhikanti daṭṭhabbaṃ.
‘‘สติ เตสํ นิวารณ’’นฺติ วิสฺสชฺชนสฺส วิตฺถารโตฺถ อาจริเยน วุโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติ วิสฺสชฺชนสฺส วิตฺถารโตฺถ ‘‘กถํ อเมฺหหิ ชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติ วิสฺสชฺชนสฺส วิตฺถารตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺญาย อนุสยา ปหียนฺตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปญฺญายาติ มคฺคปญฺญายฯ อนุสยาติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนารหา กามราคานุสยาทโยฯ ปหียนฺติ สมุเจฺฉทวเสน อนุสเยสุ ปญฺญาย ปหีเนสุ ปริยุฎฺฐานาปิ อตฺถโต ปหียนฺติฯ กิสฺส ปหีนตฺตา ‘‘ปหียนฺตี’’ติ วุจฺจติ? อนุสยสฺส ปหีนตฺตา ปริยุฎฺฐานา ปหียนฺตีติ วิสฺสเชฺชติฯ
‘‘Sati tesaṃ nivāraṇa’’nti vissajjanassa vitthārattho ācariyena vutto, amhehi ca ñāto, ‘‘paññāyete pidhīyare’’ti vissajjanassa vitthārattho ‘‘kathaṃ amhehi jānitabbo’’ti vattabbattā ‘‘paññāyete pidhīyare’’ti vissajjanassa vitthāratthaṃ dassento ‘‘paññāya anusayā pahīyantī’’tiādimāha. Tattha paññāyāti maggapaññāya. Anusayāti anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjanārahā kāmarāgānusayādayo. Pahīyanti samucchedavasena anusayesu paññāya pahīnesu pariyuṭṭhānāpi atthato pahīyanti. Kissa pahīnattā ‘‘pahīyantī’’ti vuccati? Anusayassa pahīnattā pariyuṭṭhānā pahīyantīti vissajjeti.
‘‘ตํ อนุสยปฺปหาเนน ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ กิํ วิย ภวตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตํ ยถา ขนฺธวนฺตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขนฺธวนฺตสฺส รุกฺขสฺส กุทาลาทินา ภูมิํ ขณิตฺวา อนวเสสมูลุทฺธรเณ กเต ตสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผผลปลฺลวงฺกุรสนฺตติปิ กุทาลาทินา สมุจฺฉินฺนาว ภวติ ยถา, เอวํ อรหตฺตมคฺคญาเณน อนุสเยสุ ปหีเนสุ อนุสยานํ ปริยุฎฺฐานสนฺตติ สมุจฺฉินฺนา ปิทหิตา ปฎิจฺฉนฺนา ภวติฯ เกน สมุจฺฉินฺนา ภวติ? ปญฺญาย มคฺคปญฺญาย สมุจฺฉินฺนา ภวตีติ อตฺถโยชนา ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘ปญฺญาย ปริจฺฉินฺนภาโว กถํ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติ วจนโต อนุสยานํ ปริยุฎฺฐานสนฺตติยา ปญฺญาย ปริจฺฉินฺนภาโว ปณฺฑิเตหิ สทฺทหิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Taṃ anusayappahānena pariyuṭṭhānappahānaṃ kiṃ viya bhavatī’’ti pucchitabbattā ‘‘taṃ yathā khandhavantassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha khandhavantassa rukkhassa kudālādinā bhūmiṃ khaṇitvā anavasesamūluddharaṇe kate tassa rukkhassa pupphaphalapallavaṅkurasantatipi kudālādinā samucchinnāva bhavati yathā, evaṃ arahattamaggañāṇena anusayesu pahīnesu anusayānaṃ pariyuṭṭhānasantati samucchinnā pidahitā paṭicchannā bhavati. Kena samucchinnā bhavati? Paññāya maggapaññāya samucchinnā bhavatīti atthayojanā daṭṭhabbā. ‘‘Paññāya paricchinnabhāvo kathaṃ saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Paññāyete pidhīyare’’ti vacanato anusayānaṃ pariyuṭṭhānasantatiyā paññāya paricchinnabhāvo paṇḍitehi saddahitabboti adhippāyo.
อิเมสุ ปญฺหาวิสฺสชฺชเนสุ โสตานํ สํวรํ, ปิธานญฺจ อชานเนฺตน วา สํสยิเตน วา สํวรปิธานานํ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ธมฺมาธิฎฺฐานา ปุจฺฉาติ ปุจฺฉาวิจโย เจว สติปญฺญานํ วิสฺสเชฺชตพฺพตฺตา ธมฺมาธิฎฺฐานํ วิสฺสชฺชนนฺติ วิสฺสชฺชนวิจโย จ เวทิตโพฺพฯ เอเตสุ จ ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิโก ปโญฺห นีวรณวิจิกิจฺฉาปมาทชปฺปานํ วเสน จตุพฺพิโธปิ โลกาธิฎฺฐานวเสน เอโก ปโญฺหติ วุโตฺต, เอวํ สติ ‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา’’ติอาทิโกปิ ปโญฺห สํวรปิธานานํ วเสน ทุวิโธปิ เอกตฺถวเสน คเหตฺวา เอกาธิฎฺฐานวเสน ‘‘เอโก ปโญฺห’’ติ วตฺตโพฺพ, โสตานํ พหุภาวโต วา ‘‘พหุปโญฺห’’ติ วตฺตโพฺพ; ตถา ปน อวตฺวา โสเต อนามสิตฺวา สํวรปิธานานํ วเสน ‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา’’ติอาทิมฺหิ ‘‘เทฺว ปญฺหา’’ติ วุตฺตาฯ ตทนุสาเรน ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติอาทิมฺหิปิ โลกํ อนามสิตฺวา นีวรณาทีนํ จตุนฺนํ วเสน ‘‘จตฺตาโร ปญฺหา’’ติปิ วตฺตพฺพาติ อยํ นโย ทสฺสิโตติ นยทสฺสนํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Imesu pañhāvissajjanesu sotānaṃ saṃvaraṃ, pidhānañca ajānantena vā saṃsayitena vā saṃvarapidhānānaṃ pucchitabbattā dhammādhiṭṭhānā pucchāti pucchāvicayo ceva satipaññānaṃ vissajjetabbattā dhammādhiṭṭhānaṃ vissajjananti vissajjanavicayo ca veditabbo. Etesu ca ‘‘kenassu nivuto loko’’tiādiko pañho nīvaraṇavicikicchāpamādajappānaṃ vasena catubbidhopi lokādhiṭṭhānavasena eko pañhoti vutto, evaṃ sati ‘‘savanti sabbadhi sotā’’tiādikopi pañho saṃvarapidhānānaṃ vasena duvidhopi ekatthavasena gahetvā ekādhiṭṭhānavasena ‘‘eko pañho’’ti vattabbo, sotānaṃ bahubhāvato vā ‘‘bahupañho’’ti vattabbo; tathā pana avatvā sote anāmasitvā saṃvarapidhānānaṃ vasena ‘‘savanti sabbadhi sotā’’tiādimhi ‘‘dve pañhā’’ti vuttā. Tadanusārena ‘‘kenassu nivuto loko’’tiādimhipi lokaṃ anāmasitvā nīvaraṇādīnaṃ catunnaṃ vasena ‘‘cattāro pañhā’’tipi vattabbāti ayaṃ nayo dassitoti nayadassanaṃ daṭṭhabbaṃ.
เทสนากาเล วุตฺตธมฺมสฺส อนุสนฺธิมคฺคเหตฺวา อตฺตนา รจิตนิยาเมเนว ปุจฺฉิตปญฺหสฺส เจว ปญฺหํ อฎฺฐเปตฺวา, ปฎิญฺญญฺจ อกตฺวา วิสฺสชฺชนสฺส จ วิจยหาโร อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘เทสนากาเล วุตฺตธมฺมสฺส อนุสนฺธิํ คเหตฺวา ปุจฺฉิตปญฺหสฺส เจว ตํ ปญฺหํ ฐเปตฺวา, ปฎิญฺญญฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชนสฺส จ โย วิจโย หาโร วิภโตฺต, โส วิจยหาโร กถํ อเมฺหหิ วิญฺญายติ, อมฺหากํ วิญฺญาปนตฺถาย ตสฺมิํ วิจยํ วิภเชถา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต เตสุ วิเจตพฺพาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยานิ โสตานี’’ติอาทิคาถาย วิจยาการทสฺสนานนฺตรํ ‘‘ปญฺญา เจว สติ จา’’ติอาทิมาหฯ
Desanākāle vuttadhammassa anusandhimaggahetvā attanā racitaniyāmeneva pucchitapañhassa ceva pañhaṃ aṭṭhapetvā, paṭiññañca akatvā vissajjanassa ca vicayahāro ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘desanākāle vuttadhammassa anusandhiṃ gahetvā pucchitapañhassa ceva taṃ pañhaṃ ṭhapetvā, paṭiññañca katvā vissajjanassa ca yo vicayo hāro vibhatto, so vicayahāro kathaṃ amhehi viññāyati, amhākaṃ viññāpanatthāya tasmiṃ vicayaṃ vibhajethā’’ti vattabbabhāvato tesu vicetabbākāraṃ dassento ‘‘yāni sotānī’’tiādigāthāya vicayākāradassanānantaraṃ ‘‘paññā ceva sati cā’’tiādimāha.
ตตฺถ คาถาโตฺถ ตาว วิญฺญาตโพฺพ – ยาย ปญฺญาย อนุสยปฺปหาเนน โสตนิรุชฺฌนํ วุตฺตํ, ยาย สติยา จ ปริยุฎฺฐานปฺปหาเนน โสตนิรุชฺฌนํ วุตฺตํ, สายํ ปญฺญา เจว สายํ สติ จ ตาหิ ปญฺญาสตีหิ อเสสํ สหุปฺปนฺนํ นามเญฺจว รูปญฺจ, เอตํ สพฺพํ กตฺถ นิรุชฺฌมาเน อเสสํ อุปรุชฺฌตีติ มาริส เม มยา ปุโฎฺฐ ตฺวํ ภควา มยฺหํ เอตํ นิรุชฺฌนํ ปพฺรูหิ, อิติ อายสฺมา อชิโต ภควนฺตํ ปุจฺฉติฯ
Tattha gāthāttho tāva viññātabbo – yāya paññāya anusayappahānena sotanirujjhanaṃ vuttaṃ, yāya satiyā ca pariyuṭṭhānappahānena sotanirujjhanaṃ vuttaṃ, sāyaṃ paññā ceva sāyaṃ sati ca tāhi paññāsatīhi asesaṃ sahuppannaṃ nāmañceva rūpañca, etaṃ sabbaṃ kattha nirujjhamāne asesaṃ uparujjhatīti mārisa me mayā puṭṭho tvaṃ bhagavā mayhaṃ etaṃ nirujjhanaṃ pabrūhi, iti āyasmā ajito bhagavantaṃ pucchati.
อชิต ตฺวํ ยเมตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตํ นิรุชฺฌนํ มํ อปุจฺฉิ, อหํ เต ตว ตํ นิรุชฺฌนํ วทามิฯ ยตฺถ วิญฺญาณนิโรเธ ปญฺญาสติสหิตํ นามญฺจ รูปญฺจ วิญฺญาณสฺส นิโรเธน สห เอกโต อเสสํ อุปรุชฺฌติ, เอตฺถ วิญฺญาณนิโรเธ เอตํ สพฺพํ วิญฺญาณนิโรเธน เอกโต เอกกฺขเณ อปุพฺพํ อจริมํ อุปรุชฺฌติ, เอตํ วิญฺญาณนิโรธํ ตสฺส นามรูปสฺส นิโรโธ นาติวตฺตติ, ตํ ตํ นามรูปนิโรธํ โส โส วิญฺญาณนิโรโธ นาติวตฺตตีติฯ
Ajita tvaṃ yametaṃ pañhaṃ pucchitaṃ nirujjhanaṃ maṃ apucchi, ahaṃ te tava taṃ nirujjhanaṃ vadāmi. Yattha viññāṇanirodhe paññāsatisahitaṃ nāmañca rūpañca viññāṇassa nirodhena saha ekato asesaṃ uparujjhati, ettha viññāṇanirodhe etaṃ sabbaṃ viññāṇanirodhena ekato ekakkhaṇe apubbaṃ acarimaṃ uparujjhati, etaṃ viññāṇanirodhaṃ tassa nāmarūpassa nirodho nātivattati, taṃ taṃ nāmarūpanirodhaṃ so so viññāṇanirodho nātivattatīti.
‘‘ตสฺมิํ ปเญฺห อยํ อชิโต กิํ ปุจฺฉติ? อุปรุชฺฌนเมว ปุจฺฉติ, อุทาหุ อญฺญํ ปุจฺฉตี’’ติ วตฺตพฺพโต ‘‘อยํ ปเญฺห อนุสนฺธิํ ปุจฺฉตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อยนฺติ โย อายสฺมา อชิโต ปญฺหํ อปุจฺฉีติ อยํ อชิโตฯ ปเญฺหติ ‘‘ปญฺญา เจว สติ จา’’ติอาทิปเญฺหฯ ยทิ อนุสนฺธิํ ปุจฺฉติ, เอวํ สติ ‘‘กเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉนํ อยุตฺตํ ภเวยฺยาติ? น, อนุสนฺธียติ เอเตน อุปนิรุชฺฌเนนาติ อนุสนฺธีติ อตฺถสมฺภวโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อนุสนฺธิํ ปุจฺฉโนฺต กิํ…เป.… นิพฺพานธาตุ’’นฺติฯ อนุสนฺธิปุจฺฉเนน อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยาปิ ปุจฺฉนโต ‘‘กเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉนํ ยุตฺตเมวฯ
‘‘Tasmiṃ pañhe ayaṃ ajito kiṃ pucchati? Uparujjhanameva pucchati, udāhu aññaṃ pucchatī’’ti vattabbato ‘‘ayaṃ pañhe anusandhiṃ pucchatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ayanti yo āyasmā ajito pañhaṃ apucchīti ayaṃ ajito. Pañheti ‘‘paññā ceva sati cā’’tiādipañhe. Yadi anusandhiṃ pucchati, evaṃ sati ‘‘katthetaṃ uparujjhatī’’ti pucchanaṃ ayuttaṃ bhaveyyāti? Na, anusandhīyati etena upanirujjhanenāti anusandhīti atthasambhavato. Tena vuttaṃ ‘‘anusandhiṃ pucchanto kiṃ…pe… nibbānadhātu’’nti. Anusandhipucchanena anupādisesanibbānadhātuyāpi pucchanato ‘‘katthetaṃ uparujjhatī’’ti pucchanaṃ yuttameva.
‘‘ยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ ปุจฺฉิตา, ตํ กตมาย ปฎิปทาย อธิคจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนาสงฺขาตํ ปฎิปทํ วิสเยน สห ทเสฺสตุํ ‘‘ตีณี สจฺจานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สงฺขตานีติ กมฺมาทิปจฺจเยหิ สเมจฺจ สมฺภูย ทุกฺขาทีนิ กรียนฺตีติ สงฺขตานิฯ นิโรธธมฺมานีติ นิรุชฺฌนํ นิโรโธ, ธโมฺมปิ นิโรธธโมฺมว, ตสฺมา นิโรโธ ธโมฺม สภาโว เยสํ ทุกฺขาทีนนฺติ นิโรธธมฺมานีติ อโตฺถว คเหตโพฺพฯ ตานิ ตีณิ สจฺจานิ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกฺขํ สมุทโย มโคฺค’’ติ วุตฺตํฯ ตีณิ ทุกฺขสมุทยมคฺคสจฺจานิ สงฺขตานีติ วุตฺตานิ, ‘‘กิํ นิโรธสจฺจ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘นิโรโธ อสงฺขโต’’ติ วุตฺตํฯ อิธ ‘‘นิโรธธโมฺม’’ติปิ วตฺตพฺพํฯ กมฺมาทิปจฺจเยหิ อสงฺขตตฺตา อสงฺขโตฯ อุปฺปาทนิโรธาภาวโต อนิโรธธโมฺมฯ ‘‘ปหายกปหาตเพฺพสุ สเจฺจสุ กตเมน ปหายเกน กตโม ปหาตโพฺพ, กตมาย ภูมิยา ปหีโน’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ สมุทโย ทฺวีสุ ภูมีสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทฺวีสุ ภูมีสูติ ทสฺสนภาวนาภูมีสุฯ กามจฺฉโนฺทติ กามภวราโคฯ รูปราโคติ รูปภวราโคฯ อรูปราโคติ อรูปภวราโคฯ สํโยชนเภทโต ทส สํโยชนานิ ปหียนฺตีติ โยชนาฯ
‘‘Yā anupādisesanibbānadhātu pucchitā, taṃ katamāya paṭipadāya adhigacchatī’’ti pucchitabbattā catusaccakammaṭṭhānabhāvanāsaṅkhātaṃ paṭipadaṃ visayena saha dassetuṃ ‘‘tīṇī saccānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha saṅkhatānīti kammādipaccayehi samecca sambhūya dukkhādīni karīyantīti saṅkhatāni. Nirodhadhammānīti nirujjhanaṃ nirodho, dhammopi nirodhadhammova, tasmā nirodho dhammo sabhāvo yesaṃ dukkhādīnanti nirodhadhammānīti atthova gahetabbo. Tāni tīṇi saccāni sarūpato dassetuṃ ‘‘dukkhaṃ samudayo maggo’’ti vuttaṃ. Tīṇi dukkhasamudayamaggasaccāni saṅkhatānīti vuttāni, ‘‘kiṃ nirodhasacca’’nti pucchitabbattā ‘‘nirodho asaṅkhato’’ti vuttaṃ. Idha ‘‘nirodhadhammo’’tipi vattabbaṃ. Kammādipaccayehi asaṅkhatattā asaṅkhato. Uppādanirodhābhāvato anirodhadhammo. ‘‘Pahāyakapahātabbesu saccesu katamena pahāyakena katamo pahātabbo, katamāya bhūmiyā pahīno’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha samudayo dvīsu bhūmīsū’’tiādi vuttaṃ. Tattha dvīsu bhūmīsūti dassanabhāvanābhūmīsu. Kāmacchandoti kāmabhavarāgo. Rūparāgoti rūpabhavarāgo. Arūparāgoti arūpabhavarāgo. Saṃyojanabhedato dasa saṃyojanāni pahīyantīti yojanā.
๑๒. ปหาตพฺพสํโยชนานิ ทสฺสนภูมิภาวนาภูมิเภเทน วิภตฺตานิ, อเมฺหหิปิ ญาตานิ, ‘‘อินฺทฺริยเภทโต กถํ วิภตฺตานี’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ตตฺถ ตีณี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา ‘‘ปหาตพฺพสํโยชเนสุ กตมานิ สํโยชนานิ กตมํ อินฺทฺริยํ อตฺตโน ปหายกํ กตฺวา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ตีณี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อธิฎฺฐาย อตฺตโน ปหายกํ กตฺวา นิรุชฺฌนฺติ อนุปฺปาทวเสนฯ ‘‘อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยญฺจ อญฺญินฺทฺริยญฺจ สํโยชนานํ นิรุชฺฌนเหตุ โหตุ, อญฺญาตาวินฺทฺริยํ กิสฺส เหตู’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ เยน อญฺญาตาวินฺทฺริเยน อรหา ‘‘เม ชาติ ขีณา’’ติ เอวํ ชานาติ, อิทํ ชานนเหตุ อญฺญาตาวินฺทฺริยํ ขเย ชาติกฺขเย อรหตฺตผเล ปวตฺตํ ญาณํฯ ยํ เยน อญฺญาตาวินฺทฺริเยน อรหา ‘‘อิตฺถตฺตาย อปรํ น ภวิสฺสามี’’ติ ปชานาติ, อิทํ ปชานนเหตุ อญฺญาตาวินฺทฺริยํฯ อนุปฺปาเท ปน อนุปฺปชฺชเน อรหตฺตผเล ปวตฺตํ ญาณํ อญฺญาตาวินฺทฺริยํ ชานนเหตุ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ อินฺทฺริยญาณานิ ปหายกานิ กตฺวา สํโยชนานิ นิรุชฺฌนฺติ, ‘‘ตานิ ญาณานิ กทา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ตตฺถ ยญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
12. Pahātabbasaṃyojanāni dassanabhūmibhāvanābhūmibhedena vibhattāni, amhehipi ñātāni, ‘‘indriyabhedato kathaṃ vibhattānī’’ti vattabbabhāvato ‘‘tattha tīṇī’’tiādi vuttaṃ. Atha vā ‘‘pahātabbasaṃyojanesu katamāni saṃyojanāni katamaṃ indriyaṃ attano pahāyakaṃ katvā nirujjhantī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha tīṇī’’tiādi vuttaṃ. Adhiṭṭhāya attano pahāyakaṃ katvā nirujjhanti anuppādavasena. ‘‘Anaññātaññassāmītindriyañca aññindriyañca saṃyojanānaṃ nirujjhanahetu hotu, aññātāvindriyaṃ kissa hetū’’ti pucchitabbattā ‘‘yaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yaṃ yena aññātāvindriyena arahā ‘‘me jāti khīṇā’’ti evaṃ jānāti, idaṃ jānanahetu aññātāvindriyaṃ khaye jātikkhaye arahattaphale pavattaṃ ñāṇaṃ. Yaṃ yena aññātāvindriyena arahā ‘‘itthattāya aparaṃ na bhavissāmī’’ti pajānāti, idaṃ pajānanahetu aññātāvindriyaṃ. Anuppāde pana anuppajjane arahattaphale pavattaṃ ñāṇaṃ aññātāvindriyaṃ jānanahetu hotīti vuttaṃ hoti. Indriyañāṇāni pahāyakāni katvā saṃyojanāni nirujjhanti, ‘‘tāni ñāṇāni kadā nirujjhantī’’ti vattabbabhāvato ‘‘tattha yañcā’’tiādi vuttaṃ.
‘‘อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ อญฺญินฺทฺริยํ ปาปุณนฺตสฺส นิรุชฺฌตุ, อญฺญินฺทฺริยํ อรหตฺตํ ปาปุณนฺตสฺส นิรุชฺฌตุ, อญฺญาตาวินฺทฺริยํ กทา นิรุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ยญฺจ ขเย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เทฺวติ กิจฺจเภเทน เทฺว, สภาวโต ปน เอกาวฯ
‘‘Anaññātaññassāmītindriyaṃ aññindriyaṃ pāpuṇantassa nirujjhatu, aññindriyaṃ arahattaṃ pāpuṇantassa nirujjhatu, aññātāvindriyaṃ kadā nirujjhatī’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha yañca khaye’’tiādi vuttaṃ. Tattha dveti kiccabhedena dve, sabhāvato pana ekāva.
‘‘ปชานนกิจฺจมฺปิ เอกเมว, กถํ เทฺว สิยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อารมฺมณปญฺญาเภเทน เทฺว นามานิ ลพฺภนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ สาติ ยา ปญฺญา ปุพฺพคาถายํ โสตปิธานกิเจฺจน วุตฺตา, สา ปญฺญา ปกาเรหิ ชานนสภาเวน ปญฺญา นามฯ ยถาทิฎฺฐํ อารมฺมณํ อปิลาปนเฎฺฐน โอคาหนเฎฺฐน สติ นามฯ
‘‘Pajānanakiccampi ekameva, kathaṃ dve siyu’’nti vattabbattā ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Ārammaṇapaññābhedena dve nāmāni labbhantīti vuttaṃ hoti. Sāti yā paññā pubbagāthāyaṃ sotapidhānakiccena vuttā, sā paññā pakārehi jānanasabhāvena paññā nāma. Yathādiṭṭhaṃ ārammaṇaṃ apilāpanaṭṭhena ogāhanaṭṭhena sati nāma.
๑๓. ‘‘ปญฺญา เจว สติ จา’’ติ ปทสฺส อโตฺถ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘นามรูปญฺจา’ติ ปทสฺส อโตฺถ กถํ อเมฺหหิ ญาตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา นามรูปํ วิภชโนฺต ‘‘ตตฺถ เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ กมฺมวิปากวฎฺฎเภเท ภวตฺตเยฯ ตตฺถาติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตนามรูปสมุทาเยฯ ปญฺจินฺทฺริยานีติ จกฺขาทิปญฺจินฺทฺริยานิ ฯ วิญฺญาณสมฺปยุตฺตนฺติ สมฺปยุตฺตปจฺจยตฺตํ สนฺธาย น วุตฺตํ, ปจุรชนสฺส ปน อวิภชิตฺวา คหณียสภาวมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วิภาคํ ชานเนฺตหิ ปน ‘‘นามํ วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ, รูปํ ปน น วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ, สหชาต’’นฺติ วิภชิตฺวา คเหตพฺพํฯ ตสฺสาติ ปญฺญาสติสหิตสฺส นามรูปสฺสฯ นิโรธนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุํฯ
13. ‘‘Paññā ceva sati cā’’ti padassa attho ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘nāmarūpañcā’ti padassa attho kathaṃ amhehi ñātabbo’’ti vattabbattā nāmarūpaṃ vibhajanto ‘‘tattha ye pañcupādānakkhandhā’’tiādimāha. Tattha tatthāti kammavipākavaṭṭabhede bhavattaye. Tatthāti pañcupādānakkhandhasaṅkhātanāmarūpasamudāye. Pañcindriyānīti cakkhādipañcindriyāni . Viññāṇasampayuttanti sampayuttapaccayattaṃ sandhāya na vuttaṃ, pacurajanassa pana avibhajitvā gahaṇīyasabhāvamattaṃ sandhāya vuttaṃ. Vibhāgaṃ jānantehi pana ‘‘nāmaṃ viññāṇasampayuttaṃ, rūpaṃ pana na viññāṇasampayuttaṃ, sahajāta’’nti vibhajitvā gahetabbaṃ. Tassāti paññāsatisahitassa nāmarūpassa. Nirodhanti anupādisesanibbānadhātuṃ.
ภควนฺตํ ปุจฺฉโนฺต อายสฺมา อชิโต ‘‘ปญฺญา เจว…เป.… กเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ เอวํ ปารายเน อาหฯ ‘‘ปญฺญา เจวาติอาทิคาถาย ยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ ปุจฺฉิตา, สา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ กตเมน อธิคเมน ปตฺตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา จตุริทฺธิปาทมุเขน อริยมคฺคาธิคมมุเขน ปตฺตพฺพา, จตุริทฺธิปาทภาวนาย จ จตฺตารินฺทฺริยานิ มูลภูตานิ, ตสฺมา มูลภูตานิ ตานิ จตฺตารินฺทฺริยานิ นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ สติ จ ปญฺญา จา’’ติอาทิมาหฯ กุสลากุสลธมฺมคติโย สมเนฺวสมานาย สติยา สิชฺฌมานาย เอกเนฺตน สมาธิ นิปฺผาเทตโพฺพ, สติคฺคหเณน จ ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ คาถายํ อธิเปฺปตํ, ปริยุฎฺฐานปฺปหาเนน จ สมาธิกิจฺจํ ปากฎนฺติ อาห ‘‘สติ เทฺว อินฺทฺริยานิ สตินฺทฺริยญฺจ สมาธินฺทฺริยญฺจา’’ติฯ ปญฺญาย อนุสยสมุคฺฆาตํ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสงฺขาเตน วีริเยน สิชฺฌติ, น วินา เตนาติ วุตฺตํ ‘‘ปญฺญา เทฺว อินฺทฺริยานิ ปญฺญินฺทฺริยญฺจ วีริยินฺทฺริยญฺจา’’ติฯ
Bhagavantaṃ pucchanto āyasmā ajito ‘‘paññā ceva…pe… katthetaṃ uparujjhatī’’ti evaṃ pārāyane āha. ‘‘Paññā cevātiādigāthāya yā anupādisesanibbānadhātu pucchitā, sā anupādisesanibbānadhātu katamena adhigamena pattabbā’’ti pucchitabbattā caturiddhipādamukhena ariyamaggādhigamamukhena pattabbā, caturiddhipādabhāvanāya ca cattārindriyāni mūlabhūtāni, tasmā mūlabhūtāni tāni cattārindriyāni niddhāretvā dassento ‘‘tattha sati ca paññā cā’’tiādimāha. Kusalākusaladhammagatiyo samanvesamānāya satiyā sijjhamānāya ekantena samādhi nipphādetabbo, satiggahaṇena ca pariyuṭṭhānappahānaṃ gāthāyaṃ adhippetaṃ, pariyuṭṭhānappahānena ca samādhikiccaṃ pākaṭanti āha ‘‘sati dve indriyāni satindriyañca samādhindriyañcā’’ti. Paññāya anusayasamugghātaṃ catubbidhasammappadhānasaṅkhātena vīriyena sijjhati, na vinā tenāti vuttaṃ ‘‘paññā dve indriyāni paññindriyañca vīriyindriyañcā’’ti.
อิเมสุ ยถาวุเตฺตสุ จตูสุ อินฺทฺริเยสุ ปุพฺพภาเค วา มคฺคกฺขเณ วา สิชฺฌเนฺตสุ ตํสมฺปยุตฺตา ยา สทฺทหนา โอกปฺปนา สิทฺธา, อิทํ สทฺทหนโอกปฺปนสงฺขาตํ ธมฺมชาตํ สทฺธินฺทฺริยํ สิทฺธํ, ‘‘เตสุ มูลภูเตสุ อินฺทฺริเยสุ สิเทฺธสุ กตเมน อินฺทฺริเยน กตโม ธโมฺม สิโทฺธ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิมินา อยํ สิโทฺธติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ยา สทฺธาธิปเตยฺยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ สตฺยาทีสุฯ สทฺธาธิปเตยฺยาติ ปจฺจยภูตาย สทฺธาย สิโทฺธ ฉโนฺท อธิปตีติ สทฺธาธิปติ, สทฺธาธิปตินา ปวเตฺตตพฺพา จิเตฺตกคฺคตาติ สทฺธาธิปเตยฺยาฯ ฉนฺทสมาธีติ ฉนฺทํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติโต สมาธิ วา ฉนฺทาธิปตินา สมฺปยุโตฺต ปุพฺพภาเค ปวโตฺต สมาธิ วา ฉนฺทสมาธิ, ปหานํ ปหานเหตุ โหตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ ปหานนฺติ จ ปชหติ วิกฺขมฺภิตกิเลเส เอเตน ฉนฺทสมาธินาติ ปหานนฺติ กรณสาธนโตฺถ คเหตโพฺพฯ ปฎิสงฺขานพเลนาติ ปริกมฺมพเลนฯ ภาวนาพเลนาติ มหคฺคตภาวนาพเลนฯ
Imesu yathāvuttesu catūsu indriyesu pubbabhāge vā maggakkhaṇe vā sijjhantesu taṃsampayuttā yā saddahanā okappanā siddhā, idaṃ saddahanaokappanasaṅkhātaṃ dhammajātaṃ saddhindriyaṃ siddhaṃ, ‘‘tesu mūlabhūtesu indriyesu siddhesu katamena indriyena katamo dhammo siddho’’ti pucchitabbattā iminā ayaṃ siddhoti dassento ‘‘tattha yā saddhādhipateyyā’’tiādimāha. Tattha tatthāti satyādīsu. Saddhādhipateyyāti paccayabhūtāya saddhāya siddho chando adhipatīti saddhādhipati, saddhādhipatinā pavattetabbā cittekaggatāti saddhādhipateyyā. Chandasamādhīti chandaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattito samādhi vā chandādhipatinā sampayutto pubbabhāge pavatto samādhi vā chandasamādhi, pahānaṃ pahānahetu hotīti yojanā kātabbā. Pahānanti ca pajahati vikkhambhitakilese etena chandasamādhināti pahānanti karaṇasādhanattho gahetabbo. Paṭisaṅkhānabalenāti parikammabalena. Bhāvanābalenāti mahaggatabhāvanābalena.
‘‘โส ฉนฺทสมาธิ สยํ เกวโลว ปหาน’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ เย อสฺสาสปสฺสาสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ สมาหิเต จิเตฺต จิตฺตุปฺปาเทฯ ‘‘ตสฺมิํ สมาหิเต จิตฺตุปฺปาเท อสฺสาสา’’ติอาทินา อสฺสาสาทิสีเสน อสฺสาสาทิชนกา วีริยสงฺขารา คหิตา, เต จ ยาว ภาวนาปาริปูรี, ตาว ปุนปฺปุนํ สรณโต จ สรา, ปุนปฺปุนํ สงฺกปฺปโต จ สงฺกปฺปาฯ โย ปน ‘‘สรสงฺกปฺปา, อิเม สงฺขารา จา’’ติ เอวํ วุตฺตปฺปกาโร ปุริมโก ฉนฺทสมาธิ วา กิเลสวิกฺขมฺภนตาย จ ตทงฺคปฺปหานตาย จ ปหานํ ปหานเหตุปธานํ วา, ‘‘อิเม วุตฺตปฺปการา สงฺขาราทโย กิํ ภาเวนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิเม จ สงฺขารา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิเม สงฺขารา จ ตทุภยญฺจ ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํ อิทฺธิปาทํ ภาเวตีติ โยชนาฯ
‘‘So chandasamādhi sayaṃ kevalova pahāna’’nti vattabbattā ‘‘tattha ye assāsapassāsā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tasmiṃ samāhite citte cittuppāde. ‘‘Tasmiṃ samāhite cittuppāde assāsā’’tiādinā assāsādisīsena assāsādijanakā vīriyasaṅkhārā gahitā, te ca yāva bhāvanāpāripūrī, tāva punappunaṃ saraṇato ca sarā, punappunaṃ saṅkappato ca saṅkappā. Yo pana ‘‘sarasaṅkappā, ime saṅkhārā cā’’ti evaṃ vuttappakāro purimako chandasamādhi vā kilesavikkhambhanatāya ca tadaṅgappahānatāya ca pahānaṃ pahānahetupadhānaṃ vā, ‘‘ime vuttappakārā saṅkhārādayo kiṃ bhāventī’’ti pucchitabbattā ‘‘ime ca saṅkhārā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ime saṅkhārā ca tadubhayañca chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ iddhipādaṃ bhāvetīti yojanā.
ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตนฺติ ฉโนฺท เอว อธิปติ ฉนฺทาธิปติ, ฉนฺทาธิปติสมาธิฯ เตน วุตฺตํ ภควตา – ‘‘ฉนฺทํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อธิปติํ กริตฺวา ลภติ สมาธิ’’นฺติ (วิภ. ๔๓๒)ฯ ฉนฺทเหตุโก วา สมาธิ, ฉนฺทาทิโก วา สมาธิ ฉนฺทสมาธิ, ฉนฺทาธิปติสฺส ปจฺจยุปฺปโนฺน สมาธีติ วุตฺตํ โหติฯ ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขารา, ปธานสเทฺทน สงฺขตสงฺขาราทโย นิวตฺตาปิตา, ฉนฺทสมาธิ จ ปธานสงฺขารา จาติ ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารา , เตหิ สมนฺนาคโต ฉนฺท…เป.… สมนฺนาคโต, ตํ…เป.… คตํฯ อิชฺฌติ สมิชฺฌติ นิปฺปชฺชตีติ อิทฺธิ, โกฎฺฐาโส, อิทฺธิ เอว ปาโท โกฎฺฐาโสติ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิปาทจตุโตฺถฯ อิชฺฌนฺติ วา ตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ, ปชฺชติ เอเตนาติ ปาโท, อิทฺธิยา ปาโทติ อิทฺธิปาโทฯ อิทฺธิปาโทติ สามญฺญตฺถวเสน วุโตฺตปิ ‘‘ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ฉนฺทิทฺธิปาโทว คเหตโพฺพ, ตํ อิทฺธิปาทํ ตํ ฉนฺทิทฺธิปาทํ ภาเวติ วเฑฺฒตีติ อโตฺถฯ
Chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgatanti chando eva adhipati chandādhipati, chandādhipatisamādhi. Tena vuttaṃ bhagavatā – ‘‘chandaṃ ce, bhikkhave, bhikkhu adhipatiṃ karitvā labhati samādhi’’nti (vibha. 432). Chandahetuko vā samādhi, chandādiko vā samādhi chandasamādhi, chandādhipatissa paccayuppanno samādhīti vuttaṃ hoti. Padhānabhūtā saṅkhārā padhānasaṅkhārā, padhānasaddena saṅkhatasaṅkhārādayo nivattāpitā, chandasamādhi ca padhānasaṅkhārā cāti chandasamādhippadhānasaṅkhārā, tehi samannāgato chanda…pe… samannāgato, taṃ…pe… gataṃ. Ijjhati samijjhati nippajjatīti iddhi, koṭṭhāso, iddhi eva pādo koṭṭhāsoti iddhipādo, iddhipādacatuttho. Ijjhanti vā tāya sattā iddhā vuddhā ukkaṃsagatā hontīti iddhi, pajjati etenāti pādo, iddhiyā pādoti iddhipādo. Iddhipādoti sāmaññatthavasena vuttopi ‘‘chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgata’’nti vuttattā chandiddhipādova gahetabbo, taṃ iddhipādaṃ taṃ chandiddhipādaṃ bhāveti vaḍḍhetīti attho.
วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตนฺติ วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกฺขเณ ปน กิจฺจโต สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํฯ วิราคนิสฺสิตนฺติ วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิราคนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกฺขเณ ปน กิจฺจโต สมุเจฺฉทวิราคนิสฺสิตํ , อารมฺมณโต นิสฺสรณวิราคนิสฺสิตํฯ นิโรธนิสฺสิตนฺติ วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺคนิโรธนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณนิโรธนิสฺสิตํ, มคฺคกฺขเณ กิจฺจโต สมุเจฺฉทนิโรธนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณนิโรธนิสฺสิตํฯ โวสฺสคฺคปริณามินฺติ เอตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺคปกฺขนฺทนโวสฺสคฺควเสน โวสฺสโคฺค ทุวิโธฯ ตตฺถปิ วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค, นิพฺพานนินฺนภาเวน ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค, มคฺคกฺขเณ สมุเจฺฉทวเสน ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค, อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺคติ วิภชิตฺวา คเหตโพฺพฯ ยถาวุตฺตโวสฺสคฺคตฺถํ ปริณมติ, ปริณตํ วา ปริปจติ ปริปจนํ กโรตีติ โวสฺสคฺคปริณามี, ตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ
Vivekanissitaṃ virāganissitanti vipassanākkhaṇe kiccato tadaṅgavivekanissitaṃ, ajjhāsayato nissaraṇavivekanissitaṃ, maggakkhaṇe pana kiccato samucchedavivekanissitaṃ, ārammaṇato nissaraṇavivekanissitaṃ. Virāganissitanti vipassanākkhaṇe kiccato tadaṅgavirāganissitaṃ, ajjhāsayato nissaraṇavivekanissitaṃ, maggakkhaṇe pana kiccato samucchedavirāganissitaṃ , ārammaṇato nissaraṇavirāganissitaṃ. Nirodhanissitanti vipassanākkhaṇe kiccato tadaṅganirodhanissitaṃ, ajjhāsayato nissaraṇanirodhanissitaṃ, maggakkhaṇe kiccato samucchedanirodhanissitaṃ, ārammaṇato nissaraṇanirodhanissitaṃ. Vossaggapariṇāminti ettha pariccāgavossaggapakkhandanavossaggavasena vossaggo duvidho. Tatthapi vipassanākkhaṇe tadaṅgavasena pariccāgavossaggo, nibbānaninnabhāvena pakkhandanavossaggo, maggakkhaṇe samucchedavasena pariccāgavossaggo, ārammaṇakaraṇena nibbānapakkhandanavossaggoti vibhajitvā gahetabbo. Yathāvuttavossaggatthaṃ pariṇamati, pariṇataṃ vā paripacati paripacanaṃ karotīti vossaggapariṇāmī, taṃ vossaggapariṇāmiṃ.
ฉนฺทิทฺธิปาทภาวนากาโร อาจริเยน วุโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ วีริยิทฺธิปาทภาวนากาโร อเมฺหหิ วิชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ตตฺถ ยา วีริยาธิปเตยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุสาเรเนว วิเญฺญโยฺยฯ สํขิตฺตวเสน ปน ฐปิตํ ปาฐํ วิตฺถารโต ฐเปสฺสามิฯ กถํ? –
Chandiddhipādabhāvanākāro ācariyena vutto, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ vīriyiddhipādabhāvanākāro amhehi vijānitabbo’’ti vattabbabhāvato ‘‘tattha yā vīriyādhipateyyā’’tiādi vuttaṃ. Tassattho heṭṭhā vuttanayānusāreneva viññeyyo. Saṃkhittavasena pana ṭhapitaṃ pāṭhaṃ vitthārato ṭhapessāmi. Kathaṃ? –
‘‘ตตฺถ ยา วีริยาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ วีริยสมาธิฯ สมาหิเต จิเตฺต กิเลสานํ วิกฺขมฺภนตาย ปฎิสงฺขานพเลน วา ภาวนาพเลน วา, อิทํ ปหานํฯ ตตฺถ เย อสฺสาสปสฺสาสา วิตกฺกวิจารา สญฺญาเวทยิตา สรสงฺกปฺปา, อิเม สงฺขาราฯ อิติ ปุริมโก จ วีริยสมาธิ, กิเลสวิกฺขมฺภนตาย จ ปหานํ อิเม จ สงฺขารา, ตทุภยํ วีริยสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ
‘‘Tattha yā vīriyādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ vīriyasamādhi. Samāhite citte kilesānaṃ vikkhambhanatāya paṭisaṅkhānabalena vā bhāvanābalena vā, idaṃ pahānaṃ. Tattha ye assāsapassāsā vitakkavicārā saññāvedayitā sarasaṅkappā, ime saṅkhārā. Iti purimako ca vīriyasamādhi, kilesavikkhambhanatāya ca pahānaṃ ime ca saṅkhārā, tadubhayaṃ vīriyasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ.
‘‘ตตฺถ ยา จิตฺตาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ จิตฺตสมาธิฯ สมาหิเต จิเตฺต กิเลสานํ วิกฺขมฺภนตาย ปฎิสงฺขานพเลน วา ภาวนาพเลน วา, อิทํ ปหานํฯ ตตฺถ เย อสฺสาสปสฺสาสา วิตกฺกวิจารา สญฺญาเวทยิตา สรสงฺกปฺปา, อิเม สงฺขาราฯ อิติ ปุริมโก จ จิตฺตสมาธิ, กิเลสวิกฺขมฺภนตาย จ ปหานํ อิเม จ สงฺขารา, ตทุภยํ จิตฺตสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ
‘‘Tattha yā cittādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ cittasamādhi. Samāhite citte kilesānaṃ vikkhambhanatāya paṭisaṅkhānabalena vā bhāvanābalena vā, idaṃ pahānaṃ. Tattha ye assāsapassāsā vitakkavicārā saññāvedayitā sarasaṅkappā, ime saṅkhārā. Iti purimako ca cittasamādhi, kilesavikkhambhanatāya ca pahānaṃ ime ca saṅkhārā, tadubhayaṃ cittasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ.
‘‘ตตฺถ ยา วีมํสาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ วีมํสาสมาธิ, สมาหิเต จิเตฺต กิเลสานํ วิกฺขมฺภนตาย ปฎิสงฺขานพเลน วา ภาวนาพเลน วา, อิทํ ปหานํฯ ตตฺถ เย อสฺสาสปสฺสาสา วิตกฺกวิจารา สญฺญาเวทยิตา สรสงฺกปฺปา, อิเม สงฺขาราฯ อิติ ปุริมโก จ วีมํสาสมาธิ กิเลสวิกฺขมฺภนตาย จ ปหานํ อิเม จ สงฺขารา, ตทุภยํ วีมํสาสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิ’’นฺติฯ
‘‘Tattha yā vīmaṃsādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ vīmaṃsāsamādhi, samāhite citte kilesānaṃ vikkhambhanatāya paṭisaṅkhānabalena vā bhāvanābalena vā, idaṃ pahānaṃ. Tattha ye assāsapassāsā vitakkavicārā saññāvedayitā sarasaṅkappā, ime saṅkhārā. Iti purimako ca vīmaṃsāsamādhi kilesavikkhambhanatāya ca pahānaṃ ime ca saṅkhārā, tadubhayaṃ vīmaṃsāsamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmi’’nti.
อยํ ปน วิเสโส – วีริยสมาธีติ วีริยํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติโต สมาธิ วา วีริยาธิปตินา สมฺปยุโตฺต ปุพฺพภาเค ปวโตฺต สมาธิ วา วีริยสมาธิฯ จิตฺตสมาธีติ จิตฺตํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติโต สมาธิ วา จิตฺตาธิปตินา สมฺปยุโตฺต ปุพฺพภาเค ปวโตฺต สมาธิ วา จิตฺตสมาธิฯ วีมํสาสมาธีติ วีมํสํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปวตฺติโต สมาธิ วา วีมํสาธิปตินา สมฺปยุโตฺต ปุพฺพภาเค ปวโตฺต สมาธิ วา วีมํสาสมาธีติฯ
Ayaṃ pana viseso – vīriyasamādhīti vīriyaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattito samādhi vā vīriyādhipatinā sampayutto pubbabhāge pavatto samādhi vā vīriyasamādhi. Cittasamādhīti cittaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattito samādhi vā cittādhipatinā sampayutto pubbabhāge pavatto samādhi vā cittasamādhi. Vīmaṃsāsamādhīti vīmaṃsaṃ jeṭṭhakaṃ katvā pavattito samādhi vā vīmaṃsādhipatinā sampayutto pubbabhāge pavatto samādhi vā vīmaṃsāsamādhīti.
สตฺติพลานุรูเปเนตฺถ สเงฺขปวณฺณนา กตา, คมฺภีรญาเณหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุรูเปน วิตฺถารโต วา คมฺภีรโต วา วิภชิตฺวา คเหตพฺพาฯ
Sattibalānurūpenettha saṅkhepavaṇṇanā katā, gambhīrañāṇehi pana aṭṭhakathāṭīkānurūpena vitthārato vā gambhīrato vā vibhajitvā gahetabbā.
๑๔. ‘‘ฉนฺทสมาธิ วีริยสมาธิ จิตฺตสมาธิ วีมํสาสมาธี’’ติ วุโตฺต, ‘‘เอวํ สติ วีมํสาสมาธิเยว ญาณมูลโก ญาณปุพฺพงฺคโม ญาณานุปริวตฺติ ภเวยฺย, อเญฺญ ตโย สมาธโย อญฺญาณมูลกา อญฺญาณปุพฺพงฺคมา อญฺญาณปวตฺติโย ภเวยฺยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา สเพฺพ สมาธโย ญาณมูลกาทโยเยวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สโพฺพ สมาธิ ญาณมูลโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สโพฺพ สมาธีติ ฉนฺทสมาธิ, วีริยสมาธิ, จิตฺตสมาธิ, วีมํสาสมาธีติ จตุพฺพิโธ สมาธิฯ ญาณมูลโกติ เอกาวชฺชนวีถินานาวชฺชนวีถีสุ ปวตฺตํ อุปจารญาณมูลโกฯ ญาณปุพฺพงฺคโมติ อธิคมญาณํ ปุพฺพงฺคมํ อสฺสาติ ญาณปุพฺพงฺคโมฯ ญาณานุปริวตฺตีติ ปจฺจเวกฺขณญาณํ อนุปริวตฺติ อสฺสาติ ญาณานุปริวตฺติฯ อถ วา นานาวชฺชนูปจารญาณํ วา ปฎิสนฺธิญาณํ วา มูลํ อสฺสาติ ญาณมูลโก, อุปจารญาณํ ปุพฺพงฺคมํ อสฺสาติ ญาณปุพฺพงฺคโม, อปฺปนาญาณํ อนุปริวตฺติ อสฺสาติ ญาณานุปริวตฺติ ฯ สพฺพํ วา อุปจารญาณํ มูลํ อสฺสาติ ญาณมูลโกฯ อปฺปนาญาณํ ปุพฺพงฺคมํ อสฺสาติ ญาณปุพฺพงฺคโมฯ อภิญฺญาญาณํ อนุปริวตฺติ อสฺสาติ ญาณานุปริวตฺติ, อนุปริวตฺตนํ วา อนุปริวตฺติ, ญาณสฺส อนุปริวตฺติ ญาณานุปริวตฺติ, ญาณานุปริวตฺติ อสฺสาติ ญาณานุปริวตฺติฯ ญาณํ ปน ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการเมวฯ
14. ‘‘Chandasamādhi vīriyasamādhi cittasamādhi vīmaṃsāsamādhī’’ti vutto, ‘‘evaṃ sati vīmaṃsāsamādhiyeva ñāṇamūlako ñāṇapubbaṅgamo ñāṇānuparivatti bhaveyya, aññe tayo samādhayo aññāṇamūlakā aññāṇapubbaṅgamā aññāṇapavattiyo bhaveyyu’’nti vattabbattā sabbe samādhayo ñāṇamūlakādayoyevāti dassetuṃ ‘‘sabbo samādhi ñāṇamūlako’’tiādi vuttaṃ. Tattha sabbo samādhīti chandasamādhi, vīriyasamādhi, cittasamādhi, vīmaṃsāsamādhīti catubbidho samādhi. Ñāṇamūlakoti ekāvajjanavīthinānāvajjanavīthīsu pavattaṃ upacārañāṇamūlako. Ñāṇapubbaṅgamoti adhigamañāṇaṃ pubbaṅgamaṃ assāti ñāṇapubbaṅgamo. Ñāṇānuparivattīti paccavekkhaṇañāṇaṃ anuparivatti assāti ñāṇānuparivatti. Atha vā nānāvajjanūpacārañāṇaṃ vā paṭisandhiñāṇaṃ vā mūlaṃ assāti ñāṇamūlako, upacārañāṇaṃ pubbaṅgamaṃ assāti ñāṇapubbaṅgamo, appanāñāṇaṃ anuparivatti assāti ñāṇānuparivatti. Sabbaṃ vā upacārañāṇaṃ mūlaṃ assāti ñāṇamūlako. Appanāñāṇaṃ pubbaṅgamaṃ assāti ñāṇapubbaṅgamo. Abhiññāñāṇaṃ anuparivatti assāti ñāṇānuparivatti, anuparivattanaṃ vā anuparivatti, ñāṇassa anuparivatti ñāṇānuparivatti, ñāṇānuparivatti assāti ñāṇānuparivatti. Ñāṇaṃ pana pubbe vuttappakārameva.
ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ยถา ฉนฺทสมาธิอาทิจตุพฺพิธสมาธิสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณานุปริวตฺติภาเวน ปุเร อตีตาสุ ชาตีสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุปิ สํวฎฺฎวิวเฎฺฎสุ อตฺตโน ขนฺธปฎิพทฺธสฺส, ปเรสํ ขนฺธปฎิพทฺธสฺส จ สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนํ ตถา ตถาวุตฺตสมาธิสฺส อนาคตํสญาณานุปริวตฺติภาเวน ปจฺฉา อนาคตาสุ ชาตีสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุปิ สํวฎฺฎวิวเฎฺฎสุ อตฺตโน ขนฺธปฎิพทฺธสฺส, ปเรสํ ขนฺธปฎิพทฺธสฺส จ สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนนฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเรติ ยถา ยถาวุตฺตสมาธิสฺส เจโตปริยญาณานุปริวตฺติภาเวน อนาคเตสุ สตฺตสุเยว ทิวเสสุ ปรสตฺตานํเยว จิตฺตสฺส สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนํ, ตถา ตถาวุตฺตสมาธิสฺส ปุเร อตีเตสุ สตฺตสุเยว ทิวเสสุ ปรสตฺตานํเยว จิตฺตสฺส สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนนฺติ อโตฺถฯ
Yathā pure tathā pacchāti yathā chandasamādhiādicatubbidhasamādhissa pubbenivāsānussatiñāṇānuparivattibhāvena pure atītāsu jātīsu asaṅkhyeyyesupi saṃvaṭṭavivaṭṭesu attano khandhapaṭibaddhassa, paresaṃ khandhapaṭibaddhassa ca suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhanaṃ tathā tathāvuttasamādhissa anāgataṃsañāṇānuparivattibhāvena pacchā anāgatāsu jātīsu asaṅkhyeyyesupi saṃvaṭṭavivaṭṭesu attano khandhapaṭibaddhassa, paresaṃ khandhapaṭibaddhassa ca suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhananti attho daṭṭhabbo. Yathā pacchā tathā pureti yathā yathāvuttasamādhissa cetopariyañāṇānuparivattibhāvena anāgatesu sattasuyeva divasesu parasattānaṃyeva cittassa suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhanaṃ, tathā tathāvuttasamādhissa pure atītesu sattasuyeva divasesu parasattānaṃyeva cittassa suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhananti attho.
ยถา ทิวา ตถา รตฺตินฺติ ยถา จกฺขุมนฺตานํ สตฺตานํ ทิวสภาเค สูริยาโลเกน อนฺธการสฺส วิทฺธํสิตตฺตา อาปาถคตํ จกฺขุวิเญฺญยฺยํ รูปํ มโนวิญฺญาเณนปิ สุวิเญฺญยฺยํ, ตถา รตฺติภาเค จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร วตฺตมาเน ยถาวุตฺตสมาธิสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณานุปริวตฺติภาเวน รูปายตนสฺส สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนํฯ ยถา รตฺติํ ตถา ทิวาติ ยถา รตฺติภาเค จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร ยถาวุตฺตสมาธิสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณานุปริวตฺติภาเวน รูปายตนสฺส สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนํ, ตถา ทิวสภาเค สุขุมสฺส รูปายตนสฺส วา เกนจิ ปาการาทินา ติโรหิตสฺส รูปายตนสฺส วา อติทูรฎฺฐาเน ปวตฺตสฺส รูปายตนสฺส วา ยถาวุตฺตสมาธิสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณานุปริวตฺติภาเวน สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนนฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Yathā divā tathā rattinti yathā cakkhumantānaṃ sattānaṃ divasabhāge sūriyālokena andhakārassa viddhaṃsitattā āpāthagataṃ cakkhuviññeyyaṃ rūpaṃ manoviññāṇenapi suviññeyyaṃ, tathā rattibhāge caturaṅgasamannāgatepi andhakāre vattamāne yathāvuttasamādhissa dibbacakkhuñāṇānuparivattibhāvena rūpāyatanassa suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhanaṃ. Yathā rattiṃ tathā divāti yathā rattibhāge caturaṅgasamannāgatepi andhakāre yathāvuttasamādhissa dibbacakkhuñāṇānuparivattibhāvena rūpāyatanassa suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhanaṃ, tathā divasabhāge sukhumassa rūpāyatanassa vā kenaci pākārādinā tirohitassa rūpāyatanassa vā atidūraṭṭhāne pavattassa rūpāyatanassa vā yathāvuttasamādhissa dibbacakkhuñāṇānuparivattibhāvena suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhananti attho daṭṭhabbo.
ยถา ยถาวุตฺตสมาธิสฺส ทิวสภาเค ทิพฺพโสตญาณานุปริวตฺติภาเวน สุขุมสฺส สทฺทายตนสฺส วา เกนจิ ปาการาทินา ติโรหิตสฺส สทฺทายตนสฺส วา อติทูรฎฺฐาเน ปวตฺตสฺส สทฺทายตนสฺส วา สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนํ, ตถา รตฺติภาเคปิ ยถาวุตฺตสมาธิสฺส ทิพฺพโสตญาณานุปริวตฺติภาเวน สุขุมสฺส สทฺทายตนสฺส วา เกนจิ ปาการาทินา ติโรหิตสฺส สทฺทายตนสฺส วา อติทูรฎฺฐาเน ปวตฺตสฺส สทฺทายตนสฺส วา สุฎฺฐุ ปฎิวิชฺฌนเมว, น ทุปฺปฎิวิชฺฌนนฺติ อยํ นโยปิ เนตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ –
Yathā yathāvuttasamādhissa divasabhāge dibbasotañāṇānuparivattibhāvena sukhumassa saddāyatanassa vā kenaci pākārādinā tirohitassa saddāyatanassa vā atidūraṭṭhāne pavattassa saddāyatanassa vā suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhanaṃ, tathā rattibhāgepi yathāvuttasamādhissa dibbasotañāṇānuparivattibhāvena sukhumassa saddāyatanassa vā kenaci pākārādinā tirohitassa saddāyatanassa vā atidūraṭṭhāne pavattassa saddāyatanassa vā suṭṭhu paṭivijjhanameva, na duppaṭivijjhananti ayaṃ nayopi netabbo. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ –
‘‘ยถา ปุเรติ ยถา สมาธิสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณานุปริวตฺติภาเวนา’’ติอาทิํ วตฺวา ‘‘ยถา จ รูปายตเน วุตฺตํ, ตถา สมาธิสฺส ทิพฺพโสตญาณานุปริวตฺติตาย สทฺทายตเน จ เนตพฺพ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๔)ฯ
‘‘Yathā pureti yathā samādhissa pubbenivāsānussatiñāṇānuparivattibhāvenā’’tiādiṃ vatvā ‘‘yathā ca rūpāyatane vuttaṃ, tathā samādhissa dibbasotañāṇānuparivattitāya saddāyatane ca netabba’’nti (netti. aṭṭha. 14).
‘‘ญาณมูลกาทิสมาธินา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณานุปริวตฺติภาวาทิสหิเตน กิํ ภาเวตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิติ วิวเฎนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนฯ อปริโยนเทฺธนาติ นีวรณาทิวิคมเนนฯ สปฺปภาสํ จิตฺตนฺติ อิทฺธิปาทสมฺปยุตฺตํ มคฺคจิตฺตํ ภาเวติฯ อิทฺธิปาทสมฺปยุเตฺต มคฺคจิเตฺต อุปฺปชฺชมาเน หิ มคฺคจิตฺตสหภูนิ กุสลานิ สทฺธินฺทฺริยวีริยินฺทฺริยสตินฺทฺริยสมาธินฺทฺริยปญฺญินฺทฺริยภูตานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ มคฺคจิเตฺต นิรุชฺฌมาเน อนุปฺปชฺชนภาเวน นิรุชฺฌนฺติ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตาฯ เอวํ มคฺควิญฺญาณสฺส นิโรธา ปญฺญา จ สติ จ นิรุชฺฌตีติ โยชนาฯ
‘‘Ñāṇamūlakādisamādhinā pubbenivāsānussatiñāṇānuparivattibhāvādisahitena kiṃ bhāvetī’’ti pucchitabbattā ‘‘iti vivaṭenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha itīti evaṃ vuttappakārena. Apariyonaddhenāti nīvaraṇādivigamanena. Sappabhāsaṃ cittanti iddhipādasampayuttaṃ maggacittaṃ bhāveti. Iddhipādasampayutte maggacitte uppajjamāne hi maggacittasahabhūni kusalāni saddhindriyavīriyindriyasatindriyasamādhindriyapaññindriyabhūtāni pañcindriyāni uppajjanti. Maggacitte nirujjhamāne anuppajjanabhāvena nirujjhanti ekacittakkhaṇikattā. Evaṃ maggaviññāṇassa nirodhā paññā ca sati ca nirujjhatīti yojanā.
‘‘กสฺส วิญฺญาณสฺส นิโรธา นามรูปํ นิรุชฺฌตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นามรูปญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส นิโรธา นามรูปญฺจ นิรุชฺฌตีติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ‘‘วิญฺญาณสฺส นิโรธา ปญฺญา จ สติ จาติ วุตฺตานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ เอวํ นิรุชฺฌนฺตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา นามรูปญฺจ นิรุชฺฌติ, นิรุชฺฌมานํ ปน นามรูปํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส นิโรธา นิรุชฺฌตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘นามรูปญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นามรูปญฺจาติ มเคฺคน ตณฺหาอวิชฺชาทิเก อนุปจฺฉิเนฺน อุปฺปชฺชนารหํ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ, ภูตุปาทารูปญฺจฯ วิญฺญาณเหตุกนฺติ อุปฺปชฺชนารหํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ เหตุ อสฺส นามรูปสฺสาติ วิญฺญาณเหตุกํฯ วิญฺญาณปจฺจยา นิพฺพตฺตนฺติ วิญฺญาเณน ปจฺจเยน นิพฺพตฺตํฯ ตสฺสาติ อุปฺปชฺชนารหสฺส ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺสฯ เหตูติ ตณฺหาอวิชฺชาทิโก กิเลโสฯ วิญฺญาณนฺติ อุปฺปชฺชนารหํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํฯ อนาหารนฺติ อปฺปจฺจยํฯ อนภินนฺทิตนฺติ กามตณฺหาทีหิ อนภินนฺทิตพฺพํฯ อปฺปฎิสนฺธิกนฺติ ปุนพฺภวาภิสนฺทหนรหิตํฯ นฺติ ตาทิสํ วิญฺญาณํฯ อเหตูติ นตฺถิ เหตุสงฺขาตํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ อิมสฺส นามรูปสฺสาติ อเหตุฯ อปฺปจฺจยนฺติ สหายวิรเหน นตฺถิ ปจฺจยา สงฺขารา อิมสฺสาติ อปฺปจฺจยํฯ เอวํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส นิโรธา นามรูปญฺจ นิรุชฺฌตีติฯ
‘‘Kassa viññāṇassa nirodhā nāmarūpaṃ nirujjhatī’’ti vattabbattā ‘‘nāmarūpañcā’’tiādi vuttaṃ, paṭisandhiviññāṇassa nirodhā nāmarūpañca nirujjhatīti vuttaṃ hoti. Atha vā ‘‘viññāṇassa nirodhā paññā ca sati cāti vuttāni pañcindriyāni evaṃ nirujjhantī’’ti vattabbattā nāmarūpañca nirujjhati, nirujjhamānaṃ pana nāmarūpaṃ paṭisandhiviññāṇassa nirodhā nirujjhatīti dassetuṃ ‘‘nāmarūpañcā’’tiādi vuttaṃ. Tattha nāmarūpañcāti maggena taṇhāavijjādike anupacchinne uppajjanārahaṃ vedanādikkhandhattayaṃ, bhūtupādārūpañca. Viññāṇahetukanti uppajjanārahaṃ paṭisandhiviññāṇaṃ hetu assa nāmarūpassāti viññāṇahetukaṃ. Viññāṇapaccayā nibbattanti viññāṇena paccayena nibbattaṃ. Tassāti uppajjanārahassa paṭisandhiviññāṇassa. Hetūti taṇhāavijjādiko kileso. Viññāṇanti uppajjanārahaṃ paṭisandhiviññāṇaṃ. Anāhāranti appaccayaṃ. Anabhinanditanti kāmataṇhādīhi anabhinanditabbaṃ. Appaṭisandhikanti punabbhavābhisandahanarahitaṃ. Nti tādisaṃ viññāṇaṃ. Ahetūti natthi hetusaṅkhātaṃ paṭisandhiviññāṇaṃ imassa nāmarūpassāti ahetu. Appaccayanti sahāyavirahena natthi paccayā saṅkhārā imassāti appaccayaṃ. Evaṃ paṭisandhiviññāṇassa nirodhā nāmarūpañca nirujjhatīti.
‘‘ปญฺญาสตีนเญฺจว นามรูปสฺส จ วุตฺตปฺปกาเรน นิรุชฺฌนภาโว กถํ อเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วตฺตพฺพากาเรน ปญฺญาสตีนเญฺจว นามรูปสฺส จ นิรุชฺฌนภาวชานนโก ภควา ยถานิรุชฺฌนภาวทีปกํ ‘‘ยเมตํ…เป.… เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ คาถาวจนํ อาหฯ เตน คาถาวจเนน ตุเมฺหหิ มยา วุโตฺต นิรุชฺฌนภาโว สทฺทหิตโพฺพเยวาติฯ เอตฺถาปิ ปญฺญาสตินามรูปานํ นิรุชฺฌนํ อชานเนฺตน ตตฺถ วา สํสยเนฺตน อชิเตน ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อทิฎฺฐโชตนา ปุจฺฉาติ วา ทิฎฺฐสํสนฺทนา ปุจฺฉาติ วา ปญฺญาทีนํ อเนกตฺถตฺตา ธมฺมโต วา อเนกาธิฎฺฐานา ปุจฺฉาติ วา ธมฺมาธิฎฺฐานา ปุจฺฉา’’ติ วา อิเจฺจวมาทิปุจฺฉาวิจโย นิทฺธาเรตโพฺพฯ ‘‘สรูปทสฺสนวิสฺสชฺชนนฺติ วา อเนกาธิฎฺฐานวิสฺสชฺชนนฺติ วา ธมฺมาธิฎฺฐานวิสฺสชฺชน’’นฺติ วา อิเจฺจวมาทิวิสฺสชฺชนวิจโย นิทฺธาเรตโพฺพฯ
‘‘Paññāsatīnañceva nāmarūpassa ca vuttappakārena nirujjhanabhāvo kathaṃ amhehi saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Vattabbākārena paññāsatīnañceva nāmarūpassa ca nirujjhanabhāvajānanako bhagavā yathānirujjhanabhāvadīpakaṃ ‘‘yametaṃ…pe… etthetaṃ uparujjhatī’’ti gāthāvacanaṃ āha. Tena gāthāvacanena tumhehi mayā vutto nirujjhanabhāvo saddahitabboyevāti. Etthāpi paññāsatināmarūpānaṃ nirujjhanaṃ ajānantena tattha vā saṃsayantena ajitena pucchitabbattā ‘‘adiṭṭhajotanā pucchāti vā diṭṭhasaṃsandanā pucchāti vā paññādīnaṃ anekatthattā dhammato vā anekādhiṭṭhānā pucchāti vā dhammādhiṭṭhānā pucchā’’ti vā iccevamādipucchāvicayo niddhāretabbo. ‘‘Sarūpadassanavissajjananti vā anekādhiṭṭhānavissajjananti vā dhammādhiṭṭhānavissajjana’’nti vā iccevamādivissajjanavicayo niddhāretabbo.
เอวํ สตฺตาธิฎฺฐานาทิปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ เจว ธมฺมาธิฎฺฐานาทิปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ จ วิสุํ วิสุํ ทเสฺสตฺวา ปุจฺฉาวิจโย เจว วิสฺสชฺชนวิจโย จ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘สตฺตาธิฎฺฐานธมฺมาธิฎฺฐาเนสุ เอกโต ทสฺสิเตสุ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนสุ กถํ ปุจฺฉาวิจโย เจว วิสฺสชฺชนวิจโย จ อเมฺหหิ วิญฺญาตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา สตฺตาธิฎฺฐานธมฺมาธิฎฺฐานํ ปุจฺฉํ นีหริตฺวา ตตฺถ วิจยํ วิภชโนฺต ‘‘เย จ สงฺขตธมฺมาเส’’ติอาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน –
Evaṃ sattādhiṭṭhānādipucchāvissajjanāni ceva dhammādhiṭṭhānādipucchāvissajjanāni ca visuṃ visuṃ dassetvā pucchāvicayo ceva vissajjanavicayo ca ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘sattādhiṭṭhānadhammādhiṭṭhānesu ekato dassitesu pucchāvissajjanesu kathaṃ pucchāvicayo ceva vissajjanavicayo ca amhehi viññātabbo’’ti pucchitabbattā sattādhiṭṭhānadhammādhiṭṭhānaṃ pucchaṃ nīharitvā tattha vicayaṃ vibhajanto ‘‘ye ca saṅkhatadhammāse’’tiādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana –
‘‘เอวํ อนุสนฺธิปุจฺฉมฺปิ ทเสฺสตฺวา เหฎฺฐา สตฺตาธิฎฺฐานา, ธมฺมาธิฎฺฐานา จ ปุจฺฉา วิสุํ วิสุํ ทสฺสิตาติ อิทานิ ตา สห ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ สงฺขตธมฺมาเส’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๔) –
‘‘Evaṃ anusandhipucchampi dassetvā heṭṭhā sattādhiṭṭhānā, dhammādhiṭṭhānā ca pucchā visuṃ visuṃ dassitāti idāni tā saha dassetuṃ ‘‘ye ca saṅkhatadhammāse’tiādi āraddha’’nti (netti. aṭṭha. 14) –
วุตฺตํฯ ตสฺสายํ อโตฺถ – อิธ สาสเน เย อรหโนฺต สงฺขตธมฺมา โหนฺติ, ปุถู พหูเยว สตฺต ชนา เสกฺขา สีลาทิสิกฺขมานา โหนฺติ, เตสํ อรหนฺตาวเญฺจว เสกฺขานญฺจ อิริยํ ปฎิปตฺติํ เมํ มหา ปุโฎฺฐ นิปโก ตฺวํ ภควา ปพฺรูหิ มาริส อิติ อายสฺมา อชิโต ปุจฺฉโนฺต อาหาติฯ
Vuttaṃ. Tassāyaṃ attho – idha sāsane ye arahanto saṅkhatadhammā honti, puthū bahūyeva satta janā sekkhā sīlādisikkhamānā honti, tesaṃ arahantāvañceva sekkhānañca iriyaṃ paṭipattiṃ meṃ mahā puṭṭho nipako tvaṃ bhagavā pabrūhi mārisa iti āyasmā ajito pucchanto āhāti.
๑๕. ตสฺสํ คาถายํ ‘‘กิตฺตกานิ ปุจฺฉิตานี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘อิมานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปทตฺถานุรูปํ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมานิ ตีณิ ปทานิ ปุจฺฉิตานี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘เย จ …เป.… มาริสา’’ติ คาถายํ เย ปญฺหา ปุจฺฉิตา, เต ปญฺหา ตโย โหนฺติ, ‘‘กิสฺส เกน การเณน ตโย โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘กิสฺส…เป.… โยเคนา’’ติ วุตฺตํฯ เสกฺขา อริยา จ อเสกฺขา อริยา จ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ ปหานญฺจาติ เสขาเสขวิปสฺสนาปุพฺพงฺคมปฺปหานานิ, เตสํ โยโคติ เสขา…เป.… โยโค, เตน เสขา…เป.… โยเคนฯ เอวํ ปุจฺฉาวิธินา หิ ยสฺมา ‘‘เย จ สงฺขตธมฺมาเส…เป.… มาริสา’’ติ คาถมาห, ตสฺมา ตโย ปญฺหา โหนฺตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ
15. Tassaṃ gāthāyaṃ ‘‘kittakāni pucchitānī’’ti vattabbattā ‘‘imānī’’tiādi vuttaṃ. Padatthānurūpaṃ pucchitabbattā ‘‘imāni tīṇi padāni pucchitānī’’ti vuttaṃ. ‘‘Ye ca …pe… mārisā’’ti gāthāyaṃ ye pañhā pucchitā, te pañhā tayo honti, ‘‘kissa kena kāraṇena tayo hontī’’ti pucchitabbattā ‘‘kissa…pe… yogenā’’ti vuttaṃ. Sekkhā ariyā ca asekkhā ariyā ca vipassanāpubbaṅgamaṃ pahānañcāti sekhāsekhavipassanāpubbaṅgamappahānāni, tesaṃ yogoti sekhā…pe… yogo, tena sekhā…pe… yogena. Evaṃ pucchāvidhinā hi yasmā ‘‘ye ca saṅkhatadhammāse…pe… mārisā’’ti gāthamāha, tasmā tayo pañhā hontīti daṭṭhabbā.
‘‘เย จ สงฺขตธมฺมาเส’’ติ อิมินา อเสกฺขานํ อรหตฺตํ ปุจฺฉติ, ‘‘เย จ เสกฺขา ปุถู อิธา’’ติ อิมินา เสกฺขาเสกฺขานํ เสกฺขสิกฺขนํ ปุจฺฉติ, ‘‘เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุโฎฺฐ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ อิมินา เสกฺขาเสกฺขานํ วิปสฺสนา ปุพฺพภาเค ตทงฺคปฺปหานํ ปุจฺฉติฯ ‘‘อทิฎฺฐโชตนา ปุจฺฉาติ วา ทิฎฺฐสํสนฺทนา ปุจฺฉาติ วา สตฺตาธิฎฺฐานา ปุจฺฉาติ วา อเนกาธิฎฺฐานา ปุจฺฉา’’ติ วา อิเจฺจวมาทิปุจฺฉาวิจโย นิทฺธาเรตโพฺพฯ
‘‘Ye ca saṅkhatadhammāse’’ti iminā asekkhānaṃ arahattaṃ pucchati, ‘‘ye ca sekkhā puthū idhā’’ti iminā sekkhāsekkhānaṃ sekkhasikkhanaṃ pucchati, ‘‘tesaṃ me nipako iriyaṃ, puṭṭho pabrūhi mārisā’’ti iminā sekkhāsekkhānaṃ vipassanā pubbabhāge tadaṅgappahānaṃ pucchati. ‘‘Adiṭṭhajotanā pucchāti vā diṭṭhasaṃsandanā pucchāti vā sattādhiṭṭhānā pucchāti vā anekādhiṭṭhānā pucchā’’ti vā iccevamādipucchāvicayo niddhāretabbo.
สตฺตธมฺมาธิฎฺฐานํ ปุจฺฉํ นีหริตฺวา ปุจฺฉาวิจโย อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘ตสฺสํ ปุจฺฉายํ กตมา วิสฺสชฺชนาคาถา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ วิสฺสชฺชนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถาติ ตสฺสํ คาถายํฯ ‘‘กาเมสุ…เป.… ปริพฺพเช’’ติ วิสฺสชฺชนาคาถา ภควตา วุตฺตาฯ กาเมสูติ กามียนฺตีติ กามา, เตสุ กาเมสุฯ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน ปณฺฑิเตหิ นาภิคิเชฺฌยฺยฯ มนสา นาวิโลสิยาติ อาวิลภาวกเร พฺยาปาทวิตกฺกาทโย เจว กายทุจฺจริตาทโย จ ธเมฺม ปชหโนฺต ปณฺฑิโต มนสา อนาวิโล สุปฺปสโนฺน ภเวยฺยฯ กุสโล สพฺพธมฺมานนฺติ สพฺพธมฺมานํ อนิจฺจตาทินา ปริตุลิตตฺตา อนิจฺจตาทีสุ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ กุสโล เฉโกฯ สโตติ เกสาทีสุ สรตีติ สโตฯ ภิกฺขูติ สงฺขตธเมฺม ภยาทิโต อิกฺขตีติ ภิกฺขุฯ ปริพฺพเชติ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฺปหานภาเวน กิเลสกามวตฺถุกาเม ปริ สมนฺตโต วเชฺชยฺยฯ
Sattadhammādhiṭṭhānaṃ pucchaṃ nīharitvā pucchāvicayo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘tassaṃ pucchāyaṃ katamā vissajjanāgāthā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha vissajjanā’’tiādi āraddhaṃ. Tatthāti tassaṃ gāthāyaṃ. ‘‘Kāmesu…pe… paribbaje’’ti vissajjanāgāthā bhagavatā vuttā. Kāmesūti kāmīyantīti kāmā, tesu kāmesu. Vatthukāmesu kilesakāmena paṇḍitehi nābhigijjheyya. Manasā nāvilosiyāti āvilabhāvakare byāpādavitakkādayo ceva kāyaduccaritādayo ca dhamme pajahanto paṇḍito manasā anāvilo suppasanno bhaveyya. Kusalo sabbadhammānanti sabbadhammānaṃ aniccatādinā paritulitattā aniccatādīsu pañcasu khandhesu kusalo cheko. Satoti kesādīsu saratīti sato. Bhikkhūti saṅkhatadhamme bhayādito ikkhatīti bhikkhu. Paribbajeti tadaṅgavikkhambhanasamucchedappahānabhāvena kilesakāmavatthukāme pari samantato vajjeyya.
ปุจฺฉาคาถายํ ‘‘นิปโก’’ติ ปเทน ปสํสิเตน ภควตา วิสฺสชฺชนาคาถา วุตฺตา, ตสฺส ภควโต เยน อนาวรณญาเณน อุกฺกํสคเตน ปกฺกภาโว ทสฺสิโต, ตํ อนาวรณญาณํ ตาว กายกมฺมาทิเภเทหิ วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ภควโต สพฺพํ กายกมฺม’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนาวรณญาเณน ชานิตฺวา กตํ สพฺพํ กายกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อตีเต อํเสติ อตีตภเว สปรกฺขนฺธาทิเก โกฎฺฐาเส อญฺญาเณน อปฺปฎิหตํ ภควโต ญาณทสฺสนํฯ อนาคเต อํเสติ อนาคตภเว สปรกฺขนฺธาทิเก โกฎฺฐาเสฯ ปจฺจุปฺปเนฺน อํเสติ ปจฺจุปฺปเนฺน ภเว สปรกฺขนฺธาทิเก โกฎฺฐาเสฯ
Pucchāgāthāyaṃ ‘‘nipako’’ti padena pasaṃsitena bhagavatā vissajjanāgāthā vuttā, tassa bhagavato yena anāvaraṇañāṇena ukkaṃsagatena pakkabhāvo dassito, taṃ anāvaraṇañāṇaṃ tāva kāyakammādibhedehi vibhajitvā dassento ‘‘bhagavato sabbaṃ kāyakamma’’ntiādimāha. Tattha anāvaraṇañāṇena jānitvā kataṃ sabbaṃ kāyakammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti. Esa nayo sesesupi. Atīte aṃseti atītabhave saparakkhandhādike koṭṭhāse aññāṇena appaṭihataṃ bhagavato ñāṇadassanaṃ. Anāgate aṃseti anāgatabhave saparakkhandhādike koṭṭhāse. Paccuppanne aṃseti paccuppanne bhave saparakkhandhādike koṭṭhāse.
‘‘ญาณทสฺสนสฺส กตรสฺมิํ ปฎิฆาโต’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปุจฺฉํ ฐเปตฺวา ปฎิฆาตวิสยํ ทเสฺสตุํ ‘‘โก จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนภเว สปรกฺขนฺธาทิเก โกฎฺฐาเส อเญฺญสมฺปิ ญาณทสฺสนํ ภเวยฺย, ตทนุสาเรน อตีตานาคตโกฎฺฐาเสสุปิ กตรสฺมิํ อเญฺญสํ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโต ภเวยฺยา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปุจฺฉํ ฐเปตฺวา ปฎิฆาตวิสยํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘โก จา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ โก จาติ กฺว กตรสฺมิํ สมเย อเญฺญสํ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโต ภเวยฺยาติ ปุจฺฉิฯ
‘‘Ñāṇadassanassa katarasmiṃ paṭighāto’’ti pucchitabbattā pucchaṃ ṭhapetvā paṭighātavisayaṃ dassetuṃ ‘‘ko cā’’tiādi vuttaṃ. Atha vā ‘‘paccuppannabhave saparakkhandhādike koṭṭhāse aññesampi ñāṇadassanaṃ bhaveyya, tadanusārena atītānāgatakoṭṭhāsesupi katarasmiṃ aññesaṃ ñāṇadassanassa paṭighāto bhaveyyā’’ti pucchitabbattā pucchaṃ ṭhapetvā paṭighātavisayaṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘ko cā’’ti vuttaṃ. Tattha ko cāti kva katarasmiṃ samaye aññesaṃ ñāṇadassanassa paṭighāto bhaveyyāti pucchi.
อนิเจฺจ, ทุเกฺข, อนตฺตนิเย จ อเญฺญสํ อญฺญาณํ ยํ อทสฺสนํ อตฺถิ, อญฺญาณาทสฺสนสงฺขาโต สภาโว ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโต ภวติ, น สปรกฺขนฺธาทิทสฺสนมตฺตปฎิฆาโตฯ เอเตน อนิจฺจโต ลกฺขณตฺตเย ปวตฺตสฺส ญาณทสฺสนสฺส อเญฺญสํ ทุรภิสมฺภวํ, ภควโต จ ญาณทสฺสนสฺส อเญฺญหิ อสาธารณตํ ทเสฺสติฯ ภควโต หิ ลกฺขณตฺตยวิภาวเนน เวเนยฺยา จตุสจฺจปฺปฎิเวธํ ลภนฺติฯ ‘‘ภควโต ญาณทสฺสนปฎิฆาตาภาเวน อเญฺญสญฺจ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาตภาโว กตมาย อุปมาย อมฺหากํ ปากโฎ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต อุปมาย ปากฎํ กาตุํ ‘‘ยถา อิธา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิธ สตฺตโลเก จกฺขุมา ปุริโส อากาเส ตารกานิ ปเสฺสยฺย, คณนสเงฺกเตน ‘‘เอตฺตกานี’’ติ โน จ ชาเนยฺย ยถา, เอวํ อเญฺญสํ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโต อยํ อญฺญาณทสฺสนสภาโว ภวติฯ
Anicce, dukkhe, anattaniye ca aññesaṃ aññāṇaṃ yaṃ adassanaṃ atthi, aññāṇādassanasaṅkhāto sabhāvo ñāṇadassanassa paṭighāto bhavati, na saparakkhandhādidassanamattapaṭighāto. Etena aniccato lakkhaṇattaye pavattassa ñāṇadassanassa aññesaṃ durabhisambhavaṃ, bhagavato ca ñāṇadassanassa aññehi asādhāraṇataṃ dasseti. Bhagavato hi lakkhaṇattayavibhāvanena veneyyā catusaccappaṭivedhaṃ labhanti. ‘‘Bhagavato ñāṇadassanapaṭighātābhāvena aññesañca ñāṇadassanassa paṭighātabhāvo katamāya upamāya amhākaṃ pākaṭo’’ti vattabbabhāvato upamāya pākaṭaṃ kātuṃ ‘‘yathā idhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha idha sattaloke cakkhumā puriso ākāse tārakāni passeyya, gaṇanasaṅketena ‘‘ettakānī’’ti no ca jāneyya yathā, evaṃ aññesaṃ ñāṇadassanassa paṭighāto ayaṃ aññāṇadassanasabhāvo bhavati.
ภควโต ปน ตถา อภาวโต เกนจิ อญฺญาเณน อทสฺสเนน อปฺปฎิหตํ ญาณทสฺสนํ ภวตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘ภควโต ญาณทสฺสนสฺส อปฺปฎิหตภาโว กสฺมา อเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อนาวรณญาณทสฺสนา หิ พุทฺธา ภควโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘นิปกสฺส…เป.… ภควโต อนาวรณญาณํ กายกมฺมาทิเภเทหิ อาจริเยน วิภชิตฺวา ทสฺสิตํ, อเมฺหหิ จ ญาตํ, ปจฺฉา คาถาย ‘อิริย’นฺติ ปเทน ปุจฺฉิตา เสกฺขาเสกฺขปฎิปทา กถํ วิชานิตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา เสกฺขาเสกฺขปฎิปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ เสเขนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ วิสฺสชฺชเนฯ เสเขนาติ สิกฺขนสีเลน ปุคฺคเลน รชนีเยสุ รูปารมฺมณาทีสุ ธเมฺมสุ เคธา จิตฺตํ รกฺขิตพฺพํ, ปริยุฎฺฐานีเยสุ อาฆาตวตฺถูสุ โทสา จิตฺตํ รกฺขิตพฺพํฯ
Bhagavato pana tathā abhāvato kenaci aññāṇena adassanena appaṭihataṃ ñāṇadassanaṃ bhavatīti attho daṭṭhabbo. ‘‘Bhagavato ñāṇadassanassa appaṭihatabhāvo kasmā amhehi saddahitabbo’’ti pucchitabbattā ‘‘anāvaraṇañāṇadassanā hi buddhā bhagavanto’’ti vuttaṃ. ‘‘Nipakassa…pe… bhagavato anāvaraṇañāṇaṃ kāyakammādibhedehi ācariyena vibhajitvā dassitaṃ, amhehi ca ñātaṃ, pacchā gāthāya ‘iriya’nti padena pucchitā sekkhāsekkhapaṭipadā kathaṃ vijānitabbā’’ti vattabbattā sekkhāsekkhapaṭipadaṃ dassetuṃ ‘‘tattha sekhenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tasmiṃ vissajjane. Sekhenāti sikkhanasīlena puggalena rajanīyesu rūpārammaṇādīsu dhammesu gedhā cittaṃ rakkhitabbaṃ, pariyuṭṭhānīyesu āghātavatthūsu dosā cittaṃ rakkhitabbaṃ.
‘‘เตสุ เคธโทเสสุ กตมํ นิวาเรโนฺต ภควา วิสฺสชฺชนคาถายํ กตมํ ปทมาหา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ยา อิจฺฉา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เคธโทเสสุฯ อิจฺฉาติ ราคิจฺฉาฯ มุจฺฉาติ โลภโมหสหคตโมหมุจฺฉาฯ ปตฺถนาติ ราคปตฺถนาฯ ปิยายนาติ ตณฺหาปิยายนาว, น เมตฺตาปิยายนาฯ กีฬนาติ เคธกีฬนาฯ เอตานิ หิ เคธปริยายวจนานิฯ ตํ เคธสงฺขาตํ อิจฺฉาทิกํ นิวาเรโนฺต ภควา ‘‘กาเมสุ นาภิคิเชฺฌยฺยา’’ติ เอวํ วิสุํ วิสุํ ปกาเรน อาหฯ
‘‘Tesu gedhadosesu katamaṃ nivārento bhagavā vissajjanagāthāyaṃ katamaṃ padamāhā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha yā icchā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti gedhadosesu. Icchāti rāgicchā. Mucchāti lobhamohasahagatamohamucchā. Patthanāti rāgapatthanā. Piyāyanāti taṇhāpiyāyanāva, na mettāpiyāyanā. Kīḷanāti gedhakīḷanā. Etāni hi gedhapariyāyavacanāni. Taṃ gedhasaṅkhātaṃ icchādikaṃ nivārento bhagavā ‘‘kāmesu nābhigijjheyyā’’ti evaṃ visuṃ visuṃ pakārena āha.
ปริยุฎฺฐานวิฆาตํ โทสํ นิวาเรโนฺต ภควา ‘‘มนสานาวิโล สิยา’’ติ เอวํ วิสุํ วิสุํ ปกาเรน อาหาติ โยชนาฯ เคธโทสานํ วิสุํ วิสุํ นิวาเรโนฺต ภควา เทฺว ปทานิ อาหาติ วุตฺตํ, ‘‘ตํ เกน อเตฺถน สทฺทหิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตถา หิ เสโข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ รชนีเยสุ อภิคิชฺฌโนฺต เสโข อนุปฺปนฺนํ โลภปธานํ กิเลสญฺจ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ กิเลสญฺจ ผาติํ อภิวฑฺฒนํ กโรติ, ปริยุฎฺฐานีเยสุ อาวิโล เสโข อนุปฺปนฺนํ โทสปธานํ กิเลสญฺจ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ กิเลสญฺจ ผาติํ วฑฺฒนํ กโรติ, อิติ อิมินา ปฎิเกฺขปอเตฺถน ตํ มม วจนํ สทฺทหิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Pariyuṭṭhānavighātaṃ dosaṃ nivārento bhagavā ‘‘manasānāvilo siyā’’ti evaṃ visuṃ visuṃ pakārena āhāti yojanā. Gedhadosānaṃ visuṃ visuṃ nivārento bhagavā dve padāni āhāti vuttaṃ, ‘‘taṃ kena atthena saddahitabba’’nti vattabbattā ‘‘tathā hi sekho’’tiādi vuttaṃ. Rajanīyesu abhigijjhanto sekho anuppannaṃ lobhapadhānaṃ kilesañca uppādeti, uppannaṃ kilesañca phātiṃ abhivaḍḍhanaṃ karoti, pariyuṭṭhānīyesu āvilo sekho anuppannaṃ dosapadhānaṃ kilesañca uppādeti, uppannaṃ kilesañca phātiṃ vaḍḍhanaṃ karoti, iti iminā paṭikkhepaatthena taṃ mama vacanaṃ saddahitabbanti adhippāyo.
‘‘กิํ ปน อนภิคิชฺฌโนฺต, อนาวิโล จ เสโกฺข อเคธโทสนิวารณเมว กโรติ, อุทาหุ อุตฺตริปิ ปฎิปทํ ปูเรตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อุตฺตริปิ ปฎิปทํ ปูเรติเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย ปน อนาวิลสงฺกโปฺป’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนาวิลสงฺกโปฺปติ นตฺถิ อาวิลกรา สงฺกปฺปา พฺยาปาทสงฺกปฺปวิหิํสาสงฺกปฺปา เอตสฺสาติ อนาวิลสงฺกโปฺป, อิจฺฉาทิเคธสฺส อภาเวน อนภิคิชฺฌโนฺต วายมติ กุสลวายามํ ปวเตฺตติฯ ‘‘กถํ วายมตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส อนุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โสติ อุปริภาวนามคฺคภาวตฺถาย ปฎิปชฺชมาโน เสโกฺขฯ อนุปฺปนฺนานนฺติอาทีนํ อโตฺถ สกฺกา อฎฺฐกถาวจเนเนว (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๕-๑๖) ชานิตุนฺติ น วิภโตฺตฯ
‘‘Kiṃ pana anabhigijjhanto, anāvilo ca sekkho agedhadosanivāraṇameva karoti, udāhu uttaripi paṭipadaṃ pūretī’’ti pucchitabbattā uttaripi paṭipadaṃ pūretiyevāti dassento ‘‘yo pana anāvilasaṅkappo’’tiādimāha. Tattha anāvilasaṅkappoti natthi āvilakarā saṅkappā byāpādasaṅkappavihiṃsāsaṅkappā etassāti anāvilasaṅkappo, icchādigedhassa abhāvena anabhigijjhanto vāyamati kusalavāyāmaṃ pavatteti. ‘‘Kathaṃ vāyamatī’’ti pucchitabbattā ‘‘so anuppannāna’’ntiādi vuttaṃ. Tattha soti uparibhāvanāmaggabhāvatthāya paṭipajjamāno sekkho. Anuppannānantiādīnaṃ attho sakkā aṭṭhakathāvacaneneva (netti. aṭṭha. 15-16) jānitunti na vibhatto.
๑๖. เยนาติ อสุภาทีนํ อนุสฺสรณลกฺขเณน อินฺทฺริเยน ตณฺหามยิตวตฺถูสุ กามตณฺหาย สหชาตํ วิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ อสุภาทิอนุสฺสรณลกฺขณํ อินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํฯ เยน มหคฺคตภาวปฺปเตฺตน อวิเกฺขเปน พฺยาปาทวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ อวิเกฺขปสงฺขาตํ อินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํฯ เยน สมฺมปฺปธาเนน วิหิํสาวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ สมฺมปฺปธานสงฺขาตํ อินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํฯ เยน สมฺมาทิฎฺฐิสงฺขาเตน อินฺทฺริเยน อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน…เป.… นาธิวาเสติ, อิทํ สมฺมาทิฎฺฐิสงฺขาตํ อินฺทฺริยํ ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิเมสุ จตูสุ อินฺทฺริเยสุ สห อุปฺปชฺชมานา ยา สทฺทหนา โอกปฺปนา อุปฺปชฺชติ, อนาวิลภาวโต อิทํ สทฺทหนสงฺขาตํ อินฺทฺริยํ สทฺธินฺทฺริยํฯ อิมานิ เสกฺขสฺส ปญฺจินฺทฺริยานิฯ
16.Yenāti asubhādīnaṃ anussaraṇalakkhaṇena indriyena taṇhāmayitavatthūsu kāmataṇhāya sahajātaṃ vitakkaṃ vāreti, idaṃ asubhādianussaraṇalakkhaṇaṃ indriyaṃ satindriyaṃ. Yena mahaggatabhāvappattena avikkhepena byāpādavitakkaṃ vāreti, idaṃ avikkhepasaṅkhātaṃ indriyaṃ samādhindriyaṃ. Yena sammappadhānena vihiṃsāvitakkaṃ vāreti, idaṃ sammappadhānasaṅkhātaṃ indriyaṃ vīriyindriyaṃ. Yena sammādiṭṭhisaṅkhātena indriyena uppannuppanne…pe… nādhivāseti, idaṃ sammādiṭṭhisaṅkhātaṃ indriyaṃ paññindriyaṃ. Imesu catūsu indriyesu saha uppajjamānā yā saddahanā okappanā uppajjati, anāvilabhāvato idaṃ saddahanasaṅkhātaṃ indriyaṃ saddhindriyaṃ. Imāni sekkhassa pañcindriyāni.
เอกสฺมิํเยว วิสเย เชฎฺฐกภาวํ น ปาปุเณยฺยุํ, อตฺตโน วิสเย เชฎฺฐกภาวํ ปาปุณิตุํ อรหนฺติ, ‘‘กตมํ อินฺทฺริยํ กตฺถ วิสเย เชฎฺฐกภาวํ ปวตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต อิทํ อินฺทฺริยํ อิมสฺมิํ วิสเย ปวตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ สทฺธินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ อินฺทฺริเยสุ จตูสุ โสตาปตฺติยเงฺคสุ สทฺธินฺทฺริยํ เชฎฺฐกภาวํ ปวตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ เสเสสุปิ โยเชตพฺพํฯ กิํ นุ เสโกฺข ปญฺญินฺทฺริเยว อปฺปมโตฺต’ติ ภควตา วุโตฺต โถมิโต, อุทาหุ สเพฺพหิ กุสเลหิ ธเมฺมหีติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา สเพฺพหิ กุสเลหิ ธเมฺมหิ ปญฺจินฺทฺริยปมุเขหิ วุโตฺต โถมิโต โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ เสโข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวํ ปญฺจินฺทฺริยานํ นิพฺพตฺติทสฺสเนน เสโข ปุคฺคโล สเพฺพหิ กุสเลหิ ธเมฺมหิ อปฺปมโตฺตติ ภควตา วุโตฺต โถมิโต อนาวิลตาย มนสาติ โยชนาฯ ‘‘เสกฺขสฺส อนาวิลตา เกน สทฺทหิตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห ภควา มนสานาวิโล สิยา’’ติ วุตฺตํฯ ภควตา ‘‘มนสานาวิโล สิยา’’ติ วุตฺตตฺตา เสกฺขสฺส อนาวิลตา ตุเมฺหหิ สทฺทหิตพฺพาติฯ
Ekasmiṃyeva visaye jeṭṭhakabhāvaṃ na pāpuṇeyyuṃ, attano visaye jeṭṭhakabhāvaṃ pāpuṇituṃ arahanti, ‘‘katamaṃ indriyaṃ kattha visaye jeṭṭhakabhāvaṃ pavatta’’nti pucchitabbabhāvato idaṃ indriyaṃ imasmiṃ visaye pavattanti dassento ‘‘tattha saddhindriyaṃ kattha daṭṭhabba’’ntiādimāha. Tattha tatthāti tesu indriyesu catūsu sotāpattiyaṅgesu saddhindriyaṃ jeṭṭhakabhāvaṃ pavattanti daṭṭhabbaṃ. Evaṃ sesesupi yojetabbaṃ. Kiṃ nu sekkho paññindriyeva appamatto’ti bhagavatā vutto thomito, udāhu sabbehi kusalehi dhammehīti pucchitabbattā sabbehi kusalehi dhammehi pañcindriyapamukhehi vutto thomito hotīti dassetuṃ ‘‘evaṃ sekho’’tiādi vuttaṃ. Tattha evaṃ pañcindriyānaṃ nibbattidassanena sekho puggalo sabbehi kusalehi dhammehi appamattoti bhagavatā vutto thomito anāvilatāya manasāti yojanā. ‘‘Sekkhassa anāvilatā kena saddahitabbā’’ti vattabbattā ‘‘tenāha bhagavā manasānāvilo siyā’’ti vuttaṃ. Bhagavatā ‘‘manasānāvilo siyā’’ti vuttattā sekkhassa anāvilatā tumhehi saddahitabbāti.
๑๗. เสกฺขสฺส มตฺถกปฺปตฺตา ปฎิปทา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กถํ อเสกฺขสฺส มตฺถกปฺปตฺตา ปฎิปทา ญาตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา อเสกฺขสฺส มตฺถกปฺปตฺตํ ปฎิปทํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กุสโล สพฺพธมฺมาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สเพฺพสุ ธเมฺมสุ มตฺถกปฺปตฺตาย ปฎิปทาย อเสโกฺข กุสโล เฉกตโรติ ภควตา วุโตฺต โถมิโต อนาวิลตาย มนสาติฯ อเสกฺขสฺส สพฺพธเมฺมสุ ยํ โกสลฺลํ ทเสฺสตุกาโม, ตสฺส โกสลฺลสฺส วิสยภูเต สพฺพธเมฺม ตาว ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘โลโก นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘สพฺพธมฺมาน’’นฺติ อิมินา วุตฺตธมฺมสงฺขาโต โลโก นาม กิเลสโลโก, ภวโลโก, อินฺทฺริยโลโกติ ติวิโธ โหตีติ โยชนาฯ ตตฺถ ปริตฺตธมฺมโฎฺฐ กิเลสชนนเฎฺฐน กิเลโส, กุสลาทิปวตฺตนเฎฺฐน โลโก จาติ กิเลสโลโกฯ มหคฺคตธมฺมโฎฺฐ ภวนเฎฺฐน ภโว, วุตฺตนเยน โลโก จาติ ภวโลโกฯ สทฺธินฺทฺริยาทิธมฺมโฎฺฐ อาธิปจฺจฎฺฐโยควเสน อินฺทฺริยภูโต หุตฺวา สทฺธินฺทฺริยาทิปตฺตนเฎฺฐน โลโก จาติ อินฺทฺริยโลโกฯ
17. Sekkhassa matthakappattā paṭipadā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘kathaṃ asekkhassa matthakappattā paṭipadā ñātabbā’’ti vattabbattā asekkhassa matthakappattaṃ paṭipadaṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘kusalo sabbadhammāna’’ntiādimāha. Tattha sabbadhammānanti sabbesu dhammesu matthakappattāya paṭipadāya asekkho kusalo chekataroti bhagavatā vutto thomito anāvilatāya manasāti. Asekkhassa sabbadhammesu yaṃ kosallaṃ dassetukāmo, tassa kosallassa visayabhūte sabbadhamme tāva puggalādhiṭṭhānena vibhajitvā dassetuṃ ‘‘loko nāmā’’tiādimāha. Tattha ‘‘sabbadhammāna’’nti iminā vuttadhammasaṅkhāto loko nāma kilesaloko, bhavaloko, indriyalokoti tividho hotīti yojanā. Tattha parittadhammaṭṭho kilesajananaṭṭhena kileso, kusalādipavattanaṭṭhena loko cāti kilesaloko. Mahaggatadhammaṭṭho bhavanaṭṭhena bhavo, vuttanayena loko cāti bhavaloko. Saddhindriyādidhammaṭṭho ādhipaccaṭṭhayogavasena indriyabhūto hutvā saddhindriyādipattanaṭṭhena loko cāti indriyaloko.
‘‘ตีสุ โลเกสุ กตเมน กตโม สมุทาคจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สทฺธาทิอินฺทฺริยานิ โก นิพฺพเตฺตตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘โส อินฺทฺริยานิ นิพฺพเตฺตตี’’ติ วุตฺตํ ฯ ตตฺถ โสติ โย ปุคฺคโล กิเลสโลกสงฺขาเต ปริตฺตธเมฺม, ภวโลกสงฺขาเต มหคฺคตธเมฺม จ ตํตํสมฺปาทนวเสน ฐิโต, โส ปุคฺคโล สทฺธินฺทฺริยาทีนิ อินฺทฺริยานิ อตฺตสนฺตาเน นิพฺพเตฺตติฯ
‘‘Tīsu lokesu katamena katamo samudāgacchatī’’ti pucchitabbattā ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Saddhādiindriyāni ko nibbattetī’’ti pucchitabbattā ‘‘so indriyāni nibbattetī’’ti vuttaṃ . Tattha soti yo puggalo kilesalokasaṅkhāte parittadhamme, bhavalokasaṅkhāte mahaggatadhamme ca taṃtaṃsampādanavasena ṭhito, so puggalo saddhindriyādīni indriyāni attasantāne nibbatteti.
‘‘อินฺทฺริเยสุ อตฺตสนฺตาเนสุ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตาปนวเสน วุฑฺฒาปิยมาเนสุ กา ปญฺญา ภวตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อินฺทฺริเยสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เนยฺยสฺสาติ อภิเญฺญยฺยสฺสฯ ปริญฺญาติ รูปารูปธเมฺม สลกฺขณโต, ปจฺจยโต จ ปริคฺคหาทิวเสน ปวตฺตปญฺญาฯ ‘‘สา ปริญฺญา กติวิเธน อุปปริกฺขิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘สา ทุวิเธนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สา ปริญฺญา ทสฺสนปริญฺญาย จ ภาวนาปริญฺญาย จ ทุวิเธน วิญฺญูหิ อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพาติฯ ทสฺสนปริญฺญายาติ จ ทสฺสนมคฺคปญฺญาชนิกาย ญาตปริญฺญายาติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ เตน อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ‘‘ทสฺสนปริญฺญาติ ญาตปริญฺญา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๗)ฯ ภาวนาปริญฺญายาติ ภาวนามคฺคปญฺญาชนิกาย ตีรณปริญฺญาย สทฺธิํ ปหานปริญฺญายาติ อโตฺถฯ
‘‘Indriyesu attasantānesu punappunaṃ nibbattāpanavasena vuḍḍhāpiyamānesu kā paññā bhavatī’’ti pucchitabbattā ‘‘indriyesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha neyyassāti abhiññeyyassa. Pariññāti rūpārūpadhamme salakkhaṇato, paccayato ca pariggahādivasena pavattapaññā. ‘‘Sā pariññā katividhena upaparikkhitabbā’’ti pucchitabbattā ‘‘sā duvidhenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sā pariññā dassanapariññāya ca bhāvanāpariññāya ca duvidhena viññūhi upaparikkhitvā gahetabbāti. Dassanapariññāyāti ca dassanamaggapaññājanikāya ñātapariññāyāti attho gahetabbo. Tena aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ ‘‘dassanapariññāti ñātapariññā’’ti (netti. aṭṭha. 17). Bhāvanāpariññāyāti bhāvanāmaggapaññājanikāya tīraṇapariññāya saddhiṃ pahānapariññāyāti attho.
‘‘สา ทุวิเธนา’ติอาทินา วุโตฺต อโตฺถ อติสเงฺขโป น สกฺกา วิญฺญาตุํ, วิตฺถาเรตฺวา กเถหี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยทา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยทาติ พลววิปสฺสนุปฺปชฺชนกาเลฯ เสโขติ สิกฺขนสีลตาย กลฺยาณปุถุชฺชโน เจว โสตาปนฺนาทิโก จฯ เญยฺยนฺติ ญาตพฺพํ รูปาทิกํ สงฺขารํฯ ปริชานาตีติ ปริคฺคหาทิญาเณน ปริคฺคเหตฺวา ชานาติ นิพฺพิทาญาณสหคเตนฯ ตสฺสาติ กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส เจว โสตาปนฺนาทิกสฺส จฯ เทฺว ธมฺมาติ กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส พลววิปสฺสนาธโมฺม เจว โสตาปนฺนาทิกสฺส จ พลววิปสฺสนาธโมฺม จฯ ยถากฺกมํ ทสฺสนโกสลฺลํ โสตาปตฺติมคฺคญาณเญฺจว ภาวนาโกสลฺลํ สกทาคามิมคฺคาทิกญฺจ สนฺตาเน ปวตฺตาปนวเสน คจฺฉนฺติฯ
‘‘Sā duvidhenā’tiādinā vutto attho atisaṅkhepo na sakkā viññātuṃ, vitthāretvā kathehī’’ti vattabbattā ‘‘yadā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yadāti balavavipassanuppajjanakāle. Sekhoti sikkhanasīlatāya kalyāṇaputhujjano ceva sotāpannādiko ca. Ñeyyanti ñātabbaṃ rūpādikaṃ saṅkhāraṃ. Parijānātīti pariggahādiñāṇena pariggahetvā jānāti nibbidāñāṇasahagatena. Tassāti kalyāṇaputhujjanassa ceva sotāpannādikassa ca. Dve dhammāti kalyāṇaputhujjanassa balavavipassanādhammo ceva sotāpannādikassa ca balavavipassanādhammo ca. Yathākkamaṃ dassanakosallaṃ sotāpattimaggañāṇañceva bhāvanākosallaṃ sakadāgāmimaggādikañca santāne pavattāpanavasena gacchanti.
‘‘ปุเพฺพ ยํ ญาณํ ‘เนยฺยสฺส ปริญฺญา’ติ วุตฺตํ, ตํ ญาณํ กติวิเธน เวทิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตํ ญาณํ ปญฺจวิเธน เวทิตพฺพํ…เป... สจฺฉิกิริยา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตาสุ วิปสฺสนาเภเทน ภินฺนาสุ ปญฺจสุ อภิญฺญาทีสุ กตมา อภิญฺญา, กตมา ปริญฺญา, กตมํ ปหานํ, กตมา ภาวนา, กตมา สจฺฉิกิริยา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ อภิญฺญาทีสุฯ ยํ ธมฺมานํ สลกฺขเณ ญาณนฺติ รูปธมฺมานํ กกฺขฬาทิสลกฺขเณ, อรูปธมฺมานํ ผุสนาทิสลกฺขเณ อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตํ ยํ ญาณํ เหตุผลชานนเหตุชานนสงฺขาตา ธมฺมปฎิสมฺภิทา เจว เหตุผลชานนสงฺขาตา อตฺถปฎิสมฺภิทา จ ภวติฯ อยํ สลกฺขเณน สทฺธิํ เหตุผลชานนา ปญฺญา อภิญฺญา นามฯ
‘‘Pubbe yaṃ ñāṇaṃ ‘neyyassa pariññā’ti vuttaṃ, taṃ ñāṇaṃ katividhena veditabba’’nti pucchitabbattā ‘‘taṃ ñāṇaṃ pañcavidhena veditabbaṃ…pe... sacchikiriyā’’ti vuttaṃ. ‘‘Tāsu vipassanābhedena bhinnāsu pañcasu abhiññādīsu katamā abhiññā, katamā pariññā, katamaṃ pahānaṃ, katamā bhāvanā, katamā sacchikiriyā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti abhiññādīsu. Yaṃ dhammānaṃ salakkhaṇe ñāṇanti rūpadhammānaṃ kakkhaḷādisalakkhaṇe, arūpadhammānaṃ phusanādisalakkhaṇe ārammaṇakaraṇavasena pavattaṃ yaṃ ñāṇaṃ hetuphalajānanahetujānanasaṅkhātā dhammapaṭisambhidā ceva hetuphalajānanasaṅkhātā atthapaṭisambhidā ca bhavati. Ayaṃ salakkhaṇena saddhiṃ hetuphalajānanā paññā abhiññā nāma.
เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรนฯ อภิญฺญาญาเณน อภิชานิตฺวาฯ ยา ปริชานนาติอาทีสุ ‘‘อิทํ อนวชฺชํ กุสลํ, อิทํ สาวชฺชํ อกุสลํ, อิทํ อกุสลวิปากชนกํ สาวชฺชํ, อิทํ กุสลวิปากชนกํ อนวชฺชํ, อิทํ สํกิลิฎฺฐํ กณฺหํ, อิทํ อสํกิลิฎฺฐํ สุกฺกํ, อิทํ กุสลํ อนวชฺชาทิกํ เสวิตพฺพํ, อิทํ อกุสลํ สาวชฺชาทิกํ น เสวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ อนิจฺจาทิโต กลาปสมฺมสนาทิวเสน คหิตา สมฺมสิตา อิเม วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา สงฺขตธมฺมา อิทํ อุทยพฺพยญาณาทิผลํ อานิสํสํ อนุกฺกเมน นิพฺพตฺตาเปนฺติฯ ตนฺนิพฺพตฺตวิปสฺสนาย อุปฺปชฺชนโต อุปจารํ อุปฺปาเทนฺติ, เอวํ อนุกฺกเมน คหิตานํ ปวตฺติตานํ เตสํ อุทยพฺพยญาณาทีนํ อยํ สจฺจานุโพธปฎิเวโธ อโตฺถติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ยา ปริชานนา ปวตฺตา, สา อยํ ปริชานนา ปริญฺญา นามาติ โยเชตฺวา, เอวํ วุตฺตปฺปการาย ปริญฺญาปญฺญาย ปริชานิตฺวา ปหาตพฺพา, ภาเวตพฺพา, สจฺฉิกาตพฺพา จ ตโย ธมฺมา อวสิฎฺฐา ภวนฺติฯ ‘‘เย อกุสลา, เต ปหาตพฺพา’’ติ ยา ปริชานนา ปญฺญา ปวตฺตา, อิทํ ปหานํ ปหานญาณํฯ ‘‘เย กุสลา, เต ภาเวตพฺพา’’ติ ยา ปริชานนา ปญฺญา ปวตฺตา, สา ภาวนาปญฺญาฯ ‘‘ยํ อสงฺขตํ, อิทํ สจฺฉิกิริย’’นฺติ ยา ปริชานนา ปญฺญา ปวตฺตา, สา สจฺฉิกิริยาปญฺญาติ โยเชตฺวา อฎฺฐกถาธิปฺปาเยน อวิรุโทฺธ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ
Evanti vuttappakārena. Abhiññāñāṇena abhijānitvā. Yā parijānanātiādīsu ‘‘idaṃ anavajjaṃ kusalaṃ, idaṃ sāvajjaṃ akusalaṃ, idaṃ akusalavipākajanakaṃ sāvajjaṃ, idaṃ kusalavipākajanakaṃ anavajjaṃ, idaṃ saṃkiliṭṭhaṃ kaṇhaṃ, idaṃ asaṃkiliṭṭhaṃ sukkaṃ, idaṃ kusalaṃ anavajjādikaṃ sevitabbaṃ, idaṃ akusalaṃ sāvajjādikaṃ na sevitabba’’nti evaṃ aniccādito kalāpasammasanādivasena gahitā sammasitā ime vipassanāya ārammaṇabhūtā saṅkhatadhammā idaṃ udayabbayañāṇādiphalaṃ ānisaṃsaṃ anukkamena nibbattāpenti. Tannibbattavipassanāya uppajjanato upacāraṃ uppādenti, evaṃ anukkamena gahitānaṃ pavattitānaṃ tesaṃ udayabbayañāṇādīnaṃ ayaṃ saccānubodhapaṭivedho atthoti paricchinditvā yā parijānanā pavattā, sā ayaṃ parijānanā pariññā nāmāti yojetvā, evaṃ vuttappakārāya pariññāpaññāya parijānitvā pahātabbā, bhāvetabbā, sacchikātabbā ca tayo dhammā avasiṭṭhā bhavanti. ‘‘Ye akusalā, te pahātabbā’’ti yā parijānanā paññā pavattā, idaṃ pahānaṃ pahānañāṇaṃ. ‘‘Ye kusalā, te bhāvetabbā’’ti yā parijānanā paññā pavattā, sā bhāvanāpaññā. ‘‘Yaṃ asaṅkhataṃ, idaṃ sacchikiriya’’nti yā parijānanā paññā pavattā, sā sacchikiriyāpaññāti yojetvā aṭṭhakathādhippāyena aviruddho attho gahetabbo.
อภิญฺญาทโย ปญฺจวิธา ปญฺญา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘ตาหิ ปริญฺญาหิ ชานโนฺต ปุคฺคโล ‘กิ’นฺติ วุจฺจติ โถมียตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘โย เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน ชานาติ, อยํ ชานโนฺต ปุคฺคโล ปจฺจยุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ กุสลตฺตา เฉกตฺตา ‘‘อตฺถกุสโล’’ติ วุจฺจติ โถมียติ, ปจฺจยธเมฺมสุ กุสลตฺตา ‘‘ธมฺมกุสโล’’ติ จ จตุนฺนํ เอกตฺตาทีนํ นยานํ ยุตฺตตาย โกวิทตฺตา ‘‘กลฺยาณตากุสโล’’ติ จ ผลสมาปตฺตีสุ โกวิทตฺตา ‘‘ผลตากุสโล’’ติ จ วฑฺฒีสุ โกวิทตฺตา ‘‘อายกุสโล’’ติ จ อวฑฺฒีสุ โกวิทตฺตา ‘‘อปายกุสโล’’ติ จ อจฺจายิเก กิเจฺจ วา ภเย วา อุปฺปเนฺน สติ ตสฺส กิจฺจสฺส, ภยสฺส วา ติกิจฺฉนสมเตฺถ ฐานุปฺปตฺติยการเณ โกวิทตฺตา ‘‘อุปายกุสโล’’ติ จ มหเนฺตสุ อภิกฺกมาทีสุ สติสมฺปชญฺญาย สมฺปนฺนตฺตา ‘‘มหตา โกสเลฺลน สมนฺนาคโต’’ติ จ วุจฺจติ โถมียติฯ ‘‘ตสฺส อเสกฺขสฺส อตฺถาทีสุ กุสลภาโว กถํ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘กุสโล สพฺพธมฺมาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา สทฺทหิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ
Abhiññādayo pañcavidhā paññā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘tāhi pariññāhi jānanto puggalo ‘ki’nti vuccati thomīyatī’’ti vattabbattā ‘‘yo eva’’ntiādi vuttaṃ. Tattha yo puggalo evaṃ vuttappakārena jānāti, ayaṃ jānanto puggalo paccayuppannesu dhammesu kusalattā chekattā ‘‘atthakusalo’’ti vuccati thomīyati, paccayadhammesu kusalattā ‘‘dhammakusalo’’ti ca catunnaṃ ekattādīnaṃ nayānaṃ yuttatāya kovidattā ‘‘kalyāṇatākusalo’’ti ca phalasamāpattīsu kovidattā ‘‘phalatākusalo’’ti ca vaḍḍhīsu kovidattā ‘‘āyakusalo’’ti ca avaḍḍhīsu kovidattā ‘‘apāyakusalo’’ti ca accāyike kicce vā bhaye vā uppanne sati tassa kiccassa, bhayassa vā tikicchanasamatthe ṭhānuppattiyakāraṇe kovidattā ‘‘upāyakusalo’’ti ca mahantesu abhikkamādīsu satisampajaññāya sampannattā ‘‘mahatā kosallena samannāgato’’ti ca vuccati thomīyati. ‘‘Tassa asekkhassa atthādīsu kusalabhāvo kathaṃ saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Kusalo sabbadhammāna’’nti vuttattā saddahitabboti adhippāyo.
‘‘กุสโล สพฺพธมฺมาน’’นฺติ ปทสฺส อโตฺถ อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ ปทสฺส อโตฺถ กถํ อเมฺหหิ วิตฺถารโต วิญฺญาโต’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถ วา ‘‘สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ ภควตา วุตฺตํ, ‘‘กตฺถ ปวเตฺตน สติสหิเตน ญาเณน สมฺปโนฺน สโต กิมตฺถํ ปริพฺพเช’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิเมสุ ปวเตฺตน สติสหิตญาเณน สมฺปโนฺน สโต อิมมตฺถํ ปริพฺพเช’’ติ นิยเมตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เตนาติ โย อภิกฺกมาทีสุ ปวเตฺตน สติสหิตญาเณน สมนฺนาคโต สโต อเสกฺขภิกฺขุ, เตน อเสกฺขภิกฺขุนา ปรินิฎฺฐิตสิกฺขตฺตา อญฺญปโยชนาภาวโต ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถํ อภิกฺกเนฺต…เป.… ตุณฺหีภาเวน สเตน สติสหิเตน สมฺปชาเนน ญาเณน วิหาตพฺพํ จตุอิริยาปถปริวตฺตนสงฺขาตํ วิหรณํ ปวเตฺตตพฺพํฯ
‘‘Kusalo sabbadhammāna’’nti padassa attho ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘sato bhikkhu paribbaje’’ti padassa attho kathaṃ amhehi vitthārato viññāto’’ti vattabbattā ‘‘sato bhikkhu paribbaje’’tiādi vuttaṃ. Atha vā ‘‘sato bhikkhu paribbaje’’ti bhagavatā vuttaṃ, ‘‘kattha pavattena satisahitena ñāṇena sampanno sato kimatthaṃ paribbaje’’ti pucchitabbattā ‘‘imesu pavattena satisahitañāṇena sampanno sato imamatthaṃ paribbaje’’ti niyametvā dassento ‘‘sato bhikkhu paribbaje’’tiādimāha. Tattha tenāti yo abhikkamādīsu pavattena satisahitañāṇena samannāgato sato asekkhabhikkhu, tena asekkhabhikkhunā pariniṭṭhitasikkhattā aññapayojanābhāvato diṭṭhadhammasukhavihāratthaṃ abhikkante…pe… tuṇhībhāvena satena satisahitena sampajānena ñāṇena vihātabbaṃ catuiriyāpathaparivattanasaṅkhātaṃ viharaṇaṃ pavattetabbaṃ.
‘‘ยา เสกฺขาเสกฺขปฎิปทา นิทฺทิฎฺฐา, อิมา เสกฺขาเสกฺขปฎิปทา สเงฺขปโต กติวิธา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อิมา ปฎิปทาสงฺขาตา จริยา สเงฺขปโต ปุคฺคลวเสน เทฺวติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมา เทฺว จริยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยา จริยา ภาเวตพฺพกุสลาทิเภเทน วา อตฺถโกสลฺลาทิเภเทน วา อภิกฺกมาทีสุ สติสมฺปชญฺญเภเทน วา นิทฺทิฎฺฐา, อิมา จริยา เทฺวติ ภควตา อนุญฺญาตา อนุชานนวเสน เทสิตา, วิสุทฺธานํ อรหนฺตานํ เอกา จริยา, วิสุชฺฌนฺตานํ เสกฺขานํ เอกา จริยาติ ปุคฺคลวเสน เทฺวติ ทฎฺฐพฺพาฯ
‘‘Yā sekkhāsekkhapaṭipadā niddiṭṭhā, imā sekkhāsekkhapaṭipadā saṅkhepato katividhā’’ti pucchitabbattā imā paṭipadāsaṅkhātā cariyā saṅkhepato puggalavasena dveti dassetuṃ ‘‘imā dve cariyā’’tiādimāha. Tattha yā cariyā bhāvetabbakusalādibhedena vā atthakosallādibhedena vā abhikkamādīsu satisampajaññabhedena vā niddiṭṭhā, imā cariyā dveti bhagavatā anuññātā anujānanavasena desitā, visuddhānaṃ arahantānaṃ ekā cariyā, visujjhantānaṃ sekkhānaṃ ekā cariyāti puggalavasena dveti daṭṭhabbā.
‘‘อเสโกฺขเยว กสฺมา ‘สโต อภิกฺกมตี’ติอาทินา วุจฺจติ โถมียติ, กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ‘สโต อภิกฺกมตี’ติอาทินา วุจฺจติ โถมียตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘กตกิจฺจานิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อรหโต อินฺทฺริยานิ กตกิจฺจานิ, อินฺทฺริยานํ กตกิจฺจตฺตา ยํ ปุจฺฉํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ จตุพฺพิธํ ทุกฺขสฺส ปริญฺญาภิสมเยน โพชฺฌิตพฺพํ…เป.… นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมเยน โพชฺฌิตพฺพํ ภเวฯ จตุพฺพิธํ อิทํ โพชฺฌํ โพชฺฌิตพฺพํ โย อเสโกฺข สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตา เอวํ ปริญฺญาภิสมยาทินา ชานาติ, อยํ อเสโกฺข นิปฺปริยาเยน ‘‘ราคสฺส ขยาย, โทสสฺส ขยาย, โมหสฺส ขยาย สโต อภิกฺกมติ, สโต ปฎิกฺกมตี’’ติ วุจฺจติ โถมียติฯ เสโกฺขปิ ยถาวุตฺตํ โพชฺฌํ โพชฺฌิตพฺพํ อตฺตโน ปริญฺญาภิสมยาทินา ชานาติ, ตสฺมา ‘‘สโต…เป.… โมหสฺสา’’ติ วุจฺจติ โถมียตีติ เวทิตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เก วิสุชฺฌนฺตา? เสกฺขา’’ติฯ
‘‘Asekkhoyeva kasmā ‘sato abhikkamatī’tiādinā vuccati thomīyati, kalyāṇaputhujjanopi ‘sato abhikkamatī’tiādinā vuccati thomīyatī’’ti vattabbattā ‘‘katakiccāni hī’’tiādi vuttaṃ. Arahato indriyāni katakiccāni, indriyānaṃ katakiccattā yaṃ pucchaṃ pucchitabbaṃ, taṃ sabbaṃ catubbidhaṃ dukkhassa pariññābhisamayena bojjhitabbaṃ…pe… nirodhassa sacchikiriyābhisamayena bojjhitabbaṃ bhave. Catubbidhaṃ idaṃ bojjhaṃ bojjhitabbaṃ yo asekkho sativepullappattattā evaṃ pariññābhisamayādinā jānāti,ayaṃ asekkho nippariyāyena ‘‘rāgassa khayāya, dosassa khayāya, mohassa khayāya sato abhikkamati, sato paṭikkamatī’’ti vuccati thomīyati. Sekkhopi yathāvuttaṃ bojjhaṃ bojjhitabbaṃ attano pariññābhisamayādinā jānāti, tasmā ‘‘sato…pe… mohassā’’ti vuccati thomīyatīti veditabbo. Tena vuttaṃ ‘‘ke visujjhantā? Sekkhā’’ti.
‘‘กสฺมา เสกฺขาเสกฺขานํ สติสมฺปชเญฺญน อภิกฺกมนาทิภาโว, ราคาทีนญฺจ ขยภาโว สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘เตนาห ภควา สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ ‘‘ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคม’นฺติอาทินา (เนตฺติ. ๑๕) มนาปิเกสุ กาเมสุ นาภิคิชฺฌนภาโว, อมนาปิเกสุ กาเมสุ มนสา อนาวิลภาโว, สพฺพธเมฺมสุ กุสลภาโว, สติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคตสฺส ปริพฺพชนภาโว อาจริเยน นิทฺทิโฎฺฐ, โส นาภิคิชฺฌนภาวาทิโก กสฺมา อเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘เตนาห กาเมสุ…เป.… ปริพฺพเช’’ติฯ อิมิสฺสา คาถายปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจโย ปุเพฺพ เอกาธิฎฺฐานาทิธมฺมาธิฎฺฐานาทิวเสน วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ
‘‘Kasmā sekkhāsekkhānaṃ satisampajaññena abhikkamanādibhāvo, rāgādīnañca khayabhāvo saddahitabbo’’ti vattabbattā vuttaṃ ‘‘tenāha bhagavā sato bhikkhu paribbaje’’ti. ‘‘Bhagavato sabbaṃ kāyakammaṃ ñāṇapubbaṅgama’ntiādinā (netti. 15) manāpikesu kāmesu nābhigijjhanabhāvo, amanāpikesu kāmesu manasā anāvilabhāvo, sabbadhammesu kusalabhāvo, satisampajaññena samannāgatassa paribbajanabhāvo ācariyena niddiṭṭho, so nābhigijjhanabhāvādiko kasmā amhehi saddahitabbo’’ti pucchitabbattā vuttaṃ ‘‘tenāha kāmesu…pe… paribbaje’’ti. Imissā gāthāyapi pucchāvissajjanavicayo pubbe ekādhiṭṭhānādidhammādhiṭṭhānādivasena vuttanayānusārena veditabbo.
วิจยหารวิภเงฺค อชิตสุตฺตํ นีหริตฺวา ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจโย อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม สุตฺตนฺตเรสุ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจโย’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อชิตสุเตฺต ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจยนยานุสาเรน สุตฺตนฺตเรสุปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ นีหริตฺวา ปุจฺฉาวิจยวิสฺสชฺชนวิจยา โยเชตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ, เอวํ วิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน –
Vicayahāravibhaṅge ajitasuttaṃ nīharitvā pucchāvissajjanavicayo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo suttantaresu pucchāvissajjanavicayo’’ti pucchitabbattā ajitasutte pucchāvissajjanavicayanayānusārena suttantaresupi pucchāvissajjanāni nīharitvā pucchāvicayavissajjanavicayā yojetabbāti dassetuṃ ‘‘evaṃ pucchitabbaṃ, evaṃ vissajjitabba’’nti vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana –
เอตฺตาวตา จ มหาเถโร วิจยหารํ วิภชโนฺต อชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉาวิจยํ, วิสฺสชฺชนวิจยญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สุตฺตนฺตเรสุปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจยานํ นยํ ทเสฺสโนฺต เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ, เอวํ วิสฺสชฺชิตพฺพ’นฺติ อาหา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๗) –
Ettāvatā ca mahāthero vicayahāraṃ vibhajanto ajitasuttavasena pucchāvicayaṃ, vissajjanavicayañca dassetvā idāni suttantaresupi pucchāvissajjanavicayānaṃ nayaṃ dassento evaṃ pucchitabbaṃ, evaṃ vissajjitabba’nti āhā’’ti (netti. aṭṭha. 17) –
วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวนฺติ อชิตสุเตฺต (สุ. นิ. ๑๐๓๘ อาทโย; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๕๗, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑ อาทโย) วุตฺตปุจฺฉาวิจยานุสาเรน ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตสุตฺตํ นีหริตฺวา ปุจฺฉาวิจโย วิภเชตโพฺพ, เอวํ อชิตสุเตฺต (สุ. นิ. ๑๐๓๘ อาทโย; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๕๗ อาทโย, อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑ อาทโย) วุตฺตวิสฺสชฺชนวิจยานุสาเรน สุตฺตนฺตเรสุปิ วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตสุตฺตํ นีหริตฺวา วิสฺสชฺชนวิจโย วิภเชตโพฺพฯ
Vuttaṃ. Tattha evanti ajitasutte (su. ni. 1038 ādayo; cūḷani. vatthugāthā 57, ajitamāṇavapucchāniddesa 1 ādayo) vuttapucchāvicayānusārena pucchāvasena pavattasuttaṃ nīharitvā pucchāvicayo vibhajetabbo, evaṃ ajitasutte (su. ni. 1038 ādayo; cūḷani. vatthugāthā 57 ādayo, ajitamāṇavapucchāniddesa 1 ādayo) vuttavissajjanavicayānusārena suttantaresupi vissajjanavasena pavattasuttaṃ nīharitvā vissajjanavicayo vibhajetabbo.
ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวิจยา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตโม สุตฺตอนุคีติวิจโย’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘สุตฺตสฺส จ อนุคีตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สุตฺตสฺสาติ นีหริตสุตฺตสฺสฯ อนุคีตีติ สุตฺตนฺตรเทสนาสงฺขาตา อนุคีติฯ อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ สมาเนตพฺพาติ ตสฺสา อนุคีติยา อตฺถโต, พฺยญฺชนโต จ สํวเณฺณตพฺพสุเตฺตน สมานา สทิสี กาตพฺพา, ตสฺมิํ วา สํวณฺณิยมานสุเตฺต อนุคีติ สุตฺตตฺถโต, พฺยญฺชนโต จ สมาเนตพฺพา ฯ ‘‘อตฺถโต อสมาเน โก นาม โทโส อาปเชฺชยฺยา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อตฺถาปคตํ หิ พฺยญฺชนํ สมฺผปฺปลาปํ ภวตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อตฺถโต อสมาเน โทโส วุโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, พฺยญฺชนโต อสมาเน ปน โก นาม โทโส อาปชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส ปทพฺยญฺชนสฺส อโตฺถปิ ทุนฺนโย ภวตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา สโทสตฺตา อนุคีติยา วา สุเตฺตน อตฺถพฺยญฺชนูเปตํ สงฺคายิตพฺพํฯ
Pucchāvissajjanavicayā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamo suttaanugītivicayo’’ti pucchitabbattā ‘‘suttassa ca anugītī’’tiādi vuttaṃ. Tattha suttassāti nīharitasuttassa. Anugītīti suttantaradesanāsaṅkhātā anugīti. Atthato ca byañjanato ca samānetabbāti tassā anugītiyā atthato, byañjanato ca saṃvaṇṇetabbasuttena samānā sadisī kātabbā, tasmiṃ vā saṃvaṇṇiyamānasutte anugīti suttatthato, byañjanato ca samānetabbā . ‘‘Atthato asamāne ko nāma doso āpajjeyyā’’ti pucchitabbattā atthāpagataṃ hi byañjanaṃ samphappalāpaṃ bhavatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Atthato asamāne doso vutto, amhehi ca ñāto, byañjanato asamāne pana ko nāma doso āpajjatī’’ti pucchitabbattā ‘‘dunnikkhittassa padabyañjanassa atthopi dunnayo bhavatī’’ti vuttaṃ. Tasmā sadosattā anugītiyā vā suttena atthabyañjanūpetaṃ saṅgāyitabbaṃ.
อนุคีติวิจโย อาจริเยน วิภโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม สุตฺตสฺส วิจโย’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา สุตฺตญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สุตฺตญฺจาติ นิทฺธาริตสุตฺตญฺจฯ ‘‘อิทํ นิทฺธาริตสุตฺตํ นาม ภควตา วุตฺตํ อาหจฺจวจนํ กิํ, อุทาหุ สงฺคายเนฺตหิ วุตฺตํ อนุสนฺธิวจนํ กิ’’นฺติ ปวิจินิตพฺพํ, ‘‘อิทํ นิทฺธาริตสุตฺตํ นีตตฺถํ กิํ, อุทาหุ เนยฺยตฺถํ กิ’’นฺติ ปวิจินิตพฺพํ, ‘‘อิทํ นิทฺธาริตสุตฺตํ สํกิเลสภาคิยํ กิํ, อุทาหุ วาสนาภาคิยํ กิ’’นฺติ ปวิจินิตพฺพํ, ‘‘อิทํ นิทฺธาริตสุตฺตํ นิเพฺพธภาคิยํ กิํ, อุทาหุ อเสกฺขภาคิยํ กิ’’นฺติ ปวิจินิตพฺพํฯ เอวํ ปวิจินิตฺวา ยทิ อาหจฺจวจนํ ภเว, เอวํ สติ ‘‘อาหจฺจวจน’’นฺติ นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ ยทิ อเสกฺขสุตฺตํ ภเว, เอวํ สติ ‘‘อเสกฺขสุตฺต’’นฺติ นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพํ, ญาตนฺติ อโตฺถฯ
Anugītivicayo ācariyena vibhatto, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo suttassa vicayo’’ti pucchitabbattā suttañcā’’tiādi vuttaṃ. Tattha suttañcāti niddhāritasuttañca. ‘‘Idaṃ niddhāritasuttaṃ nāma bhagavatā vuttaṃ āhaccavacanaṃ kiṃ, udāhu saṅgāyantehi vuttaṃ anusandhivacanaṃ ki’’nti pavicinitabbaṃ, ‘‘idaṃ niddhāritasuttaṃ nītatthaṃ kiṃ, udāhu neyyatthaṃ ki’’nti pavicinitabbaṃ, ‘‘idaṃ niddhāritasuttaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ kiṃ, udāhu vāsanābhāgiyaṃ ki’’nti pavicinitabbaṃ, ‘‘idaṃ niddhāritasuttaṃ nibbedhabhāgiyaṃ kiṃ, udāhu asekkhabhāgiyaṃ ki’’nti pavicinitabbaṃ. Evaṃ pavicinitvā yadi āhaccavacanaṃ bhave, evaṃ sati ‘‘āhaccavacana’’nti niddhāretvā gahetabbaṃ. Yadi asekkhasuttaṃ bhave, evaṃ sati ‘‘asekkhasutta’’nti niddhāretvā gahetabbaṃ, ñātanti attho.
‘‘สุตฺตํ ปวิจินิตฺวา สุตฺตสฺส อตฺถภูตานิ สพฺพานิ สจฺจานิ นิทฺธาเรตฺวา กตฺถ ปเทเส ปสฺสิตพฺพานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปุจฺฉํ ฐเปตฺวา อิมสฺมิํ ปเทเส ปสฺสิตพฺพานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘กุหิํ อิมสฺส สุตฺตสฺส สพฺพานิ…เป.… ปริโยสาเน’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิมสฺส สุตฺตสฺสาติ ยํ สุตฺตํ วิจินิตุํ นิทฺธาริตํ, อิมสฺส สุตฺตสฺส จตุสจฺจวินิมุตฺตสฺส สุตฺตตฺถสฺส อภาวโต สพฺพานิ สจฺจานิ ตเสฺสว สุตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาเน ปสฺสิตพฺพานีติ อโตฺถฯ
‘‘Suttaṃ pavicinitvā suttassa atthabhūtāni sabbāni saccāni niddhāretvā kattha padese passitabbānī’’ti pucchitabbattā pucchaṃ ṭhapetvā imasmiṃ padese passitabbānīti dassetuṃ ‘‘kuhiṃ imassa suttassa sabbāni…pe… pariyosāne’’ti vuttaṃ. Tattha imassa suttassāti yaṃ suttaṃ vicinituṃ niddhāritaṃ, imassa suttassa catusaccavinimuttassa suttatthassa abhāvato sabbāni saccāni tasseva suttassa ādimajjhapariyosāne passitabbānīti attho.
ยถาวุตฺตํ สุตฺตวิจยํ นิคเมโนฺต ‘‘เอวํ สุตฺตํ ปวิเจตพฺพ’’นฺติ อาหฯ ‘‘น ยถาวุตฺตปุจฺฉาทีนํ ปวิเจตพฺพภาโว อเมฺหหิ ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘เตนาห…เป.… อนุคีตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน ยถาวุตฺตปุจฺฉาทีนํ วิเจตพฺพภาเวน อายสฺมา มหากจฺจาโน ‘‘ยํ ปุจฺฉิตญฺจ…เป.… อนุคีตี’’ติอาทิกํ ยํ วจนํ อาห, เตน วจเนน วิเจตพฺพภาโว ตุเมฺหหิ ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพวาติ วุตฺตํ โหติฯ
Yathāvuttaṃ suttavicayaṃ nigamento ‘‘evaṃ suttaṃ pavicetabba’’nti āha. ‘‘Na yathāvuttapucchādīnaṃ pavicetabbabhāvo amhehi jānitabbo saddahitabbo’’ti vattabbabhāvato ‘‘tenāha…pe… anugītī’’ti vuttaṃ. Tattha tena yathāvuttapucchādīnaṃ vicetabbabhāvena āyasmā mahākaccāno ‘‘yaṃ pucchitañca…pe… anugītī’’tiādikaṃ yaṃ vacanaṃ āha, tena vacanena vicetabbabhāvo tumhehi jānitabbo saddahitabbovāti vuttaṃ hoti.
‘‘ยถาวุตฺตปฺปกาโร จ วิจโย หาโร ปริปุโณฺณ กิํ, อุทาหุ อโญฺญปิ นิทฺธาเรตฺวา โยเชตโพฺพ อตฺถิ กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต วิจโย หาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุจฺฉาวิจยวิสฺสชฺชนวิจยปุพฺพาปรวิจยอนุคีติวิจยสุตฺตวิจยา สรูปโต วิภตฺตา, เตหิ อวเสโส อสฺสาทาทิวิจโยปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา ยุโตฺต ยุญฺชิตโพฺพติ อธิปฺปาโยฯ
‘‘Yathāvuttappakāro ca vicayo hāro paripuṇṇo kiṃ, udāhu aññopi niddhāretvā yojetabbo atthi ki’’nti pucchitabbattā ‘‘niyutto vicayo hāro’’ti vuttaṃ. Tattha pucchāvicayavissajjanavicayapubbāparavicayaanugītivicayasuttavicayā sarūpato vibhattā, tehi avaseso assādādivicayopi yathārahaṃ niddhāretvā yutto yuñjitabboti adhippāyo.
อิติ วิจยหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti vicayahāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā
วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhāvanā niṭṭhitā.
ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ
Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. วิจยหารวิภโงฺค • 2. Vicayahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā