Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi |
๒. วิจยหารวิภโงฺค
2. Vicayahāravibhaṅgo
๑๑. ตตฺถ กตโม วิจโย หาโร? ‘‘ยํ ปุจฺฉิตญฺจ วิสฺสชฺชิตญฺจา’’ติ คาถา, อยํ วิจโย หาโรฯ
11. Tattha katamo vicayo hāro? ‘‘Yaṃ pucchitañca vissajjitañcā’’ti gāthā, ayaṃ vicayo hāro.
กิํ วิจินติ? ปทํ วิจินติ, ปญฺหํ วิจินติ, วิสชฺชนํ 1 วิจินติ, ปุพฺพาปรํ วิจินติ, อสฺสาทํ วิจินติ, อาทีนวํ วิจินติ, นิสฺสรณํ วิจินติ, ผลํ วิจินติ, อุปายํ วิจินติ, อาณตฺติํ วิจินติ, อนุคีติํ วิจินติ, สเพฺพ นว สุตฺตเนฺต วิจินติฯ ยถา กิํ ภเว, ยถา อายสฺมา อชิโต ปารายเน ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ –
Kiṃ vicinati? Padaṃ vicinati, pañhaṃ vicinati, visajjanaṃ 2 vicinati, pubbāparaṃ vicinati, assādaṃ vicinati, ādīnavaṃ vicinati, nissaraṇaṃ vicinati, phalaṃ vicinati, upāyaṃ vicinati, āṇattiṃ vicinati, anugītiṃ vicinati, sabbe nava suttante vicinati. Yathā kiṃ bhave, yathā āyasmā ajito pārāyane bhagavantaṃ pañhaṃ pucchati –
เกนสฺสุ นปฺปกาสติ;
Kenassu nappakāsati;
กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสิ, กิํ สุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติฯ
Kissābhilepanaṃ brūsi, kiṃ su tassa mahabbhaya’’nti.
อิมานิ จตฺตาริ ปทานิ ปุจฺฉิตานิ, โส เอโก ปโญฺหฯ กสฺมา? เอกวตฺถุ ปริคฺคหา, เอวญฺหิ อาห ‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ โลกาธิฎฺฐานํ ปุจฺฉติ, ‘‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’’ติ โลกสฺส อปฺปกาสนํ ปุจฺฉติ, ‘‘กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสี’’ติ โลกสฺส อภิเลปนํ ปุจฺฉติ, ‘‘กิํสุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติ ตเสฺสว โลกสฺส มหาภยํ ปุจฺฉติฯ โลโก ติวิโธ กิเลสโลโก ภวโลโก อินฺทฺริยโลโกฯ
Imāni cattāri padāni pucchitāni, so eko pañho. Kasmā? Ekavatthu pariggahā, evañhi āha ‘‘kenassu nivuto loko’’ti lokādhiṭṭhānaṃ pucchati, ‘‘kenassu nappakāsatī’’ti lokassa appakāsanaṃ pucchati, ‘‘kissābhilepanaṃ brūsī’’ti lokassa abhilepanaṃ pucchati, ‘‘kiṃsu tassa mahabbhaya’’nti tasseva lokassa mahābhayaṃ pucchati. Loko tividho kilesaloko bhavaloko indriyaloko.
ตตฺถ วิสชฺชนา –
Tattha visajjanā –
‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก, [อชิตาติ ภควา,]
‘‘Avijjāya nivuto loko, [ajitāti bhagavā,]
ชปฺปาภิเลปนํ พฺรูมิ, ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติฯ
Jappābhilepanaṃ brūmi, dukkhamassa mahabbhaya’’nti.
อิมานิ จตฺตาริ ปทานิ อิเมหิ จตูหิ ปเทหิ วิสชฺชิตานิ ปฐมํ ปฐเมน, ทุติยํ ทุติเยน, ตติยํ ตติเยน, จตุตฺถํ จตุเตฺถนฯ
Imāni cattāri padāni imehi catūhi padehi visajjitāni paṭhamaṃ paṭhamena, dutiyaṃ dutiyena, tatiyaṃ tatiyena, catutthaṃ catutthena.
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก’’ติ ปเญฺห ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติ วิสชฺชนาฯ นีวรเณหิ นิวุโต โลโก, อวิชฺชานีวรณา หิ สเพฺพ สตฺตาฯ ยถาห ภควา ‘‘สพฺพสตฺตานํ, ภิกฺขเว, สพฺพปาณานํ สพฺพภูตานํ ปริยายโต เอกเมว นีวรณํ วทามิ ยทิทํ อวิชฺชา, อวิชฺชานีวรณา หิ สเพฺพ สตฺตาฯ สพฺพโสว, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิโรธา จาคา ปฎินิสฺสคฺคา นตฺถิ สตฺตานํ นีวรณนฺติ วทามี’’ติฯ เตน จ ปฐมสฺส ปทสฺส วิสชฺชนา ยุตฺตาฯ
‘‘Kenassu nivuto loko’’ti pañhe ‘‘avijjāya nivuto loko’’ti visajjanā. Nīvaraṇehi nivuto loko, avijjānīvaraṇā hi sabbe sattā. Yathāha bhagavā ‘‘sabbasattānaṃ, bhikkhave, sabbapāṇānaṃ sabbabhūtānaṃ pariyāyato ekameva nīvaraṇaṃ vadāmi yadidaṃ avijjā, avijjānīvaraṇā hi sabbe sattā. Sabbasova, bhikkhave, avijjāya nirodhā cāgā paṭinissaggā natthi sattānaṃ nīvaraṇanti vadāmī’’ti. Tena ca paṭhamassa padassa visajjanā yuttā.
‘‘เกนสฺสุ นปฺปกาสตี’’ติ ปเญฺห ‘‘วิวิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตี’’ติ วิสชฺชนาฯ โย ปุคฺคโล นีวรเณหิ นิวุโต, โส วิวิจฺฉติฯ วิวิจฺฉา นาม วุจฺจติ วิจิกิจฺฉาฯ โส วิจิกิจฺฉโนฺต นาภิสทฺทหติ, น อภิสทฺทหโนฺต วีริยํ นารภติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายฯ โส อิธปฺปมาทมนุยุโตฺต วิหรติ ปมโตฺต, สุเกฺก ธเมฺม น อุปฺปาทิยติ, ตสฺส เต อนุปฺปาทิยมานา นปฺปกาสนฺติ, ยถาห ภควา –
‘‘Kenassu nappakāsatī’’ti pañhe ‘‘vivicchā pamādā nappakāsatī’’ti visajjanā. Yo puggalo nīvaraṇehi nivuto, so vivicchati. Vivicchā nāma vuccati vicikicchā. So vicikicchanto nābhisaddahati, na abhisaddahanto vīriyaṃ nārabhati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ sacchikiriyāya. So idhappamādamanuyutto viharati pamatto, sukke dhamme na uppādiyati, tassa te anuppādiyamānā nappakāsanti, yathāha bhagavā –
อสเนฺตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา 9 ยถา สรา;
Asantettha na dissanti, rattiṃ khittā 10 yathā sarā;
เต คุเณหิ ปกาสนฺติ, กิตฺติยา จ ยเสน จา’’ติฯ
Te guṇehi pakāsanti, kittiyā ca yasena cā’’ti.
เตน จ ทุติยสฺส ปทสฺส วิสชฺชนา ยุตฺตาฯ
Tena ca dutiyassa padassa visajjanā yuttā.
‘‘กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสี’’ติ ปเญฺห ‘‘ชปฺปาภิเลปนํ พฺรูมี’’ติ วิสชฺชนาฯ ชปฺปา นาม วุจฺจติ ตณฺหาฯ สา กถํ อภิลิมฺปติ? ยถาห ภควา –
‘‘Kissābhilepanaṃ brūsī’’ti pañhe ‘‘jappābhilepanaṃ brūmī’’ti visajjanā. Jappā nāma vuccati taṇhā. Sā kathaṃ abhilimpati? Yathāha bhagavā –
‘‘รโตฺต อตฺถํ น ชานาติ, รโตฺต ธมฺมํ น ปสฺสติ;
‘‘Ratto atthaṃ na jānāti, ratto dhammaṃ na passati;
สายํ ตณฺหา อาสตฺติพหุลสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘เอวํ อภิชปฺปา’’ติ กริตฺวา ตตฺถ โลโก อภิลิโตฺต นาม ภวติ, เตน จ ตติยสฺส ปทสฺส วิสชฺชนา ยุตฺตาฯ
Sāyaṃ taṇhā āsattibahulassa puggalassa ‘‘evaṃ abhijappā’’ti karitvā tattha loko abhilitto nāma bhavati, tena ca tatiyassa padassa visajjanā yuttā.
‘‘กิํ สุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติ ปเญฺห ‘‘ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ วิสชฺชนาฯ ทุวิธํ ทุกฺขํ – กายิกญฺจ เจตสิกญฺจฯ ยํ กายิกํ อิทํ ทุกฺขํ, ยํ เจตสิกํ อิทํ โทมนสฺสํฯ สเพฺพ สตฺตา หิ ทุกฺขสฺส อุพฺพิชฺชนฺติ, นตฺถิ ภยํ ทุเกฺขน สมสมํ, กุโต วา ปน ตสฺส อุตฺตริตรํ? ติโสฺส ทุกฺขตา – ทุกฺขทุกฺขตา สงฺขารทุกฺขตา วิปริณามทุกฺขตาฯ ตตฺถ โลโก โอธโส กทาจิ กรหจิ ทุกฺขทุกฺขตาย มุจฺจติฯ ตถา วิปริณามทุกฺขตายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? โหนฺติ โลเก อปฺปาพาธาปิ ทีฆายุกาปิฯ สงฺขารทุกฺขตาย ปน โลโก อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา มุจฺจติ, ตสฺมา สงฺขารทุกฺขตา ทุกฺขํ โลกสฺสาติ กตฺวา ทุกฺขมสฺส มหพฺภยนฺติฯ เตน จ จตุตฺถสฺส ปทสฺส วิสชฺชนา ยุตฺตาฯ เตนาห ภควา ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก’’ติฯ
‘‘Kiṃ su tassa mahabbhaya’’nti pañhe ‘‘dukkhamassa mahabbhaya’’nti visajjanā. Duvidhaṃ dukkhaṃ – kāyikañca cetasikañca. Yaṃ kāyikaṃ idaṃ dukkhaṃ, yaṃ cetasikaṃ idaṃ domanassaṃ. Sabbe sattā hi dukkhassa ubbijjanti, natthi bhayaṃ dukkhena samasamaṃ, kuto vā pana tassa uttaritaraṃ? Tisso dukkhatā – dukkhadukkhatā saṅkhāradukkhatā vipariṇāmadukkhatā. Tattha loko odhaso kadāci karahaci dukkhadukkhatāya muccati. Tathā vipariṇāmadukkhatāya. Taṃ kissa hetu? Honti loke appābādhāpi dīghāyukāpi. Saṅkhāradukkhatāya pana loko anupādisesāya nibbānadhātuyā muccati, tasmā saṅkhāradukkhatā dukkhaṃ lokassāti katvā dukkhamassa mahabbhayanti. Tena ca catutthassa padassa visajjanā yuttā. Tenāha bhagavā ‘‘avijjāya nivuto loko’’ti.
สวนฺติ สพฺพธิ โสตา, [อิจฺจายสฺมา อชิโต,]
Savanti sabbadhi sotā, [iccāyasmā ajito,]
โสตานํ กิํ นิวารณํ;
Sotānaṃ kiṃ nivāraṇaṃ;
อิมานิ จตฺตาริ ปทานิ ปุจฺฉิตานิฯ เต เทฺว ปญฺหาฯ กสฺมา? อิเมหิ พตฺวาธิวจเนน ปุจฺฉิตาฯ เอวํ สมาปนฺนสฺส โลกสฺส เอวํ สํกิลิฎฺฐสฺส กิํ โลกสฺส โวทานํ วุฎฺฐานมิติ, เอวญฺหิ อาหฯ
Imāni cattāri padāni pucchitāni. Te dve pañhā. Kasmā? Imehi batvādhivacanena pucchitā. Evaṃ samāpannassa lokassa evaṃ saṃkiliṭṭhassa kiṃ lokassa vodānaṃ vuṭṭhānamiti, evañhi āha.
สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติฯ อสมาหิตสฺส สวนฺติ อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปมาทพหุลสฺสฯ ตตฺถ ยา อภิชฺฌา อยํ โลโภ อกุสลมูลํ, โย พฺยาปาโท อยํ โทโส อกุสลมูลํ, โย ปมาโท อยํ โมโห อกุสลมูลํฯ ตเสฺสวํ อสมาหิตสฺส ฉสุ อายตเนสุ ตณฺหา สวนฺติ รูปตณฺหา สทฺทตณฺหา คนฺธตณฺหา รสตณฺหา โผฎฺฐพฺพตณฺหา ธมฺมตณฺหา, ยถาห ภควา –
Savantisabbadhi sotāti. Asamāhitassa savanti abhijjhābyāpādappamādabahulassa. Tattha yā abhijjhā ayaṃ lobho akusalamūlaṃ, yo byāpādo ayaṃ doso akusalamūlaṃ, yo pamādo ayaṃ moho akusalamūlaṃ. Tassevaṃ asamāhitassa chasu āyatanesu taṇhā savanti rūpataṇhā saddataṇhā gandhataṇhā rasataṇhā phoṭṭhabbataṇhā dhammataṇhā, yathāha bhagavā –
‘‘สวตี’’ติ จ โข, ภิกฺขเว, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจนํฯ จกฺขุ สวติ มนาปิเกสุ รูเปสุ, อมนาปิเกสุ 15 ปฎิหญฺญตีติฯ โสตํ…เป.… ฆานํ… ชิวฺหา… กาโย… มโน สวติ มนาปิเกสุ ธเมฺมสุ อมนาปิเกสุ ปฎิหญฺญตีติฯ อิติ สพฺพา จ สวติ, สพฺพถา จ สวติฯ เตนาห ‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา’’ติฯ
‘‘Savatī’’ti ca kho, bhikkhave, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ. Cakkhu savati manāpikesu rūpesu, amanāpikesu 16 paṭihaññatīti. Sotaṃ…pe… ghānaṃ… jivhā… kāyo… mano savati manāpikesu dhammesu amanāpikesu paṭihaññatīti. Iti sabbā ca savati, sabbathā ca savati. Tenāha ‘‘savanti sabbadhi sotā’’ti.
‘‘โสตานํ กิํ นิวารณ’’นฺติ ปริยุฎฺฐานวิฆาตํ ปุจฺฉติ, อิทํ โวทานํฯ ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูหิ, เกน โสตา ปิธียเร’’ติ อนุสยสมุคฺฆาตํ ปุจฺฉติ, อิทํ วุฎฺฐานํฯ
‘‘Sotānaṃ kiṃ nivāraṇa’’nti pariyuṭṭhānavighātaṃ pucchati, idaṃ vodānaṃ. ‘‘Sotānaṃ saṃvaraṃ brūhi, kena sotā pidhīyare’’ti anusayasamugghātaṃ pucchati, idaṃ vuṭṭhānaṃ.
ตตฺถ วิสชฺชนา –
Tattha visajjanā –
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมิํ, [อชิตาติ ภควา,]
‘‘Yāni sotāni lokasmiṃ, [ajitāti bhagavā,]
สติ เตสํ นิวารณํ;
Sati tesaṃ nivāraṇaṃ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ
Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi, paññāyete pidhīyare’’ti.
กายคตาย สติยา ภาวิตาย พหุลีกตาย จกฺขุ นาวิญฺฉติ มนาปิเกสุ รูเปสุ, อมนาปิเกสุ น ปฎิหญฺญติ, โสตํ…เป.… ฆานํ… ชิวฺหา… กาโย… มโน นาวิญฺฉติ มนาปิเกสุ ธเมฺมสุ, อมนาปิเกสุ น ปฎิหญฺญติฯ เกน การเณน? สํวุตนิวาริตตฺตา อินฺทฺริยานํ ฯ เกน เต สํวุตนิวาริตา? สติอารเกฺขนฯ เตนาห ภควา – ‘‘สติ เตสํ นิวารณ’’นฺติฯ
Kāyagatāya satiyā bhāvitāya bahulīkatāya cakkhu nāviñchati manāpikesu rūpesu, amanāpikesu na paṭihaññati, sotaṃ…pe… ghānaṃ… jivhā… kāyo… mano nāviñchati manāpikesu dhammesu, amanāpikesu na paṭihaññati. Kena kāraṇena? Saṃvutanivāritattā indriyānaṃ . Kena te saṃvutanivāritā? Satiārakkhena. Tenāha bhagavā – ‘‘sati tesaṃ nivāraṇa’’nti.
ปญฺญาย อนุสยา ปหียนฺติ, อนุสเยสุ ปหีเนสุ ปริยุฎฺฐานา ปหียนฺติฯ กิสฺส 17, อนุสยสฺส ปหีนตฺตา? ตํ ยถา ขนฺธวนฺตสฺส รุกฺขสฺส อนวเสสมูลุทฺธรเณ กเต ปุปฺผผลปลฺลวงฺกุรสนฺตติ สมุจฺฉินฺนา ภวติฯ เอวํ อนุสเยสุ ปหีเนสุ ปริยุฎฺฐานสนฺตติ สมุจฺฉินฺนา ภวติ ปิทหิตา ปฎิจฺฉนฺนาฯ เกน? ปญฺญายฯ เตนาห ภควา ‘‘ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ
Paññāya anusayā pahīyanti, anusayesu pahīnesu pariyuṭṭhānā pahīyanti. Kissa 18, anusayassa pahīnattā? Taṃ yathā khandhavantassa rukkhassa anavasesamūluddharaṇe kate pupphaphalapallavaṅkurasantati samucchinnā bhavati. Evaṃ anusayesu pahīnesu pariyuṭṭhānasantati samucchinnā bhavati pidahitā paṭicchannā. Kena? Paññāya. Tenāha bhagavā ‘‘paññāyete pidhīyare’’ti.
‘‘ปญฺญา เจว สติ จ, [อิจฺจายสฺมา อชิโต,]
‘‘Paññā ceva sati ca, [iccāyasmā ajito,]
นามรูปญฺจ มาริส;
Nāmarūpañca mārisa;
เอตํ เม ปุโฎฺฐ ปพฺรูหิ, กเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติฯ
Etaṃ me puṭṭho pabrūhi, katthetaṃ uparujjhatī’’ti.
ยตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
Yattha nāmañca rūpañca, asesaṃ uparujjhati;
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน, เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติฯ
Viññāṇassa nirodhena, etthetaṃ uparujjhatī’’ti.
อยํ ปเญฺห 21 อนุสนฺธิํ ปุจฺฉติฯ อนุสนฺธิํ ปุจฺฉโนฺต กิํ ปุจฺฉติ? อนุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํฯ ตีณิ จ สจฺจานิ สงฺขตานิ นิโรธธมฺมานิ ทุกฺขํ สมุทโย มโคฺค, นิโรโธ อสงฺขโตฯ ตตฺถ สมุทโย ทฺวีสุ ภูมีสุ ปหียติ ทสฺสนภูมิยา จ ภาวนาภูมิยา จฯ ทสฺสเนน ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ สกฺกายทิฎฺฐิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส, ภาวนาย สตฺต สํโยชนานิ ปหียนฺติ กามจฺฉโนฺท พฺยาปาโท รูปราโค อรูปราโค มาโน อุทฺธจฺจํ อวิชฺชาวเสสา 22ฯ เตธาตุเก อิมานิ ทส สํโยชนานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ ปญฺจุทฺธมฺภาคิยานิฯ
Ayaṃ pañhe 23 anusandhiṃ pucchati. Anusandhiṃ pucchanto kiṃ pucchati? Anupādisesaṃ nibbānadhātuṃ. Tīṇi ca saccāni saṅkhatāni nirodhadhammāni dukkhaṃ samudayo maggo, nirodho asaṅkhato. Tattha samudayo dvīsu bhūmīsu pahīyati dassanabhūmiyā ca bhāvanābhūmiyā ca. Dassanena tīṇi saṃyojanāni pahīyanti sakkāyadiṭṭhi vicikicchā sīlabbataparāmāso, bhāvanāya satta saṃyojanāni pahīyanti kāmacchando byāpādo rūparāgo arūparāgo māno uddhaccaṃ avijjāvasesā 24. Tedhātuke imāni dasa saṃyojanāni pañcorambhāgiyāni pañcuddhambhāgiyāni.
๑๒. ตตฺถ ตีณิ สํโยชนานิ สกฺกายทิฎฺฐิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ อธิฎฺฐาย นิรุชฺฌนฺติฯ สตฺต สํโยชนานิ กามจฺฉโนฺท พฺยาปาโท รูปราโค อรูปราโค มาโน อุทฺธจฺจํ อวิชฺชาวเสสา อญฺญินฺทฺริยํ อธิฎฺฐาย นิรุชฺฌนฺติฯ ยํ ปน เอวํ ชานาติ ‘‘ขีณา เม ชาตี’’ติ, อิทํ ขเย ญาณํฯ ‘‘นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ ปชานาติ, อิทํ อนุปฺปาเท ญาณํฯ อิมานิ เทฺว ญาณานิ อญฺญาตาวินฺทฺริยํฯ ตตฺถ ยญฺจ อนญฺญาตญฺญสฺสามีตินฺทฺริยํ ยญฺจ อญฺญินฺทฺริยํ, อิมานิ อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณนฺตสฺส นิรุชฺฌนฺติ, ตตฺถ ยญฺจ ขเย ญาณํ ยญฺจ อนุปฺปาเท ญาณํ, อิมานิ เทฺว ญาณานิ เอกปญฺญาฯ
12. Tattha tīṇi saṃyojanāni sakkāyadiṭṭhi vicikicchā sīlabbataparāmāso anaññātaññassāmītindriyaṃ adhiṭṭhāya nirujjhanti. Satta saṃyojanāni kāmacchando byāpādo rūparāgo arūparāgo māno uddhaccaṃ avijjāvasesā aññindriyaṃ adhiṭṭhāya nirujjhanti. Yaṃ pana evaṃ jānāti ‘‘khīṇā me jātī’’ti, idaṃ khaye ñāṇaṃ. ‘‘Nāparaṃ itthattāyā’’ti pajānāti, idaṃ anuppāde ñāṇaṃ. Imāni dve ñāṇāni aññātāvindriyaṃ. Tattha yañca anaññātaññassāmītindriyaṃ yañca aññindriyaṃ, imāni aggaphalaṃ arahattaṃ pāpuṇantassa nirujjhanti, tattha yañca khaye ñāṇaṃ yañca anuppāde ñāṇaṃ, imāni dve ñāṇāni ekapaññā.
อปิ จ อารมฺมณสเงฺกเตน เทฺว นามานิ ลพฺภนฺติ, ‘‘ขีณา เม ชาตี’’ติ ปชานนฺตสฺส ขเย ญาณนฺติ นามํ ลภติ, ‘‘นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ ปชานนฺตสฺส อนุปฺปาเท ญาณนฺติ นามํ ลภติฯ สา ปชานนเฎฺฐน ปญฺญา, ยถาทิฎฺฐํ อปิลาปนเฎฺฐน สติฯ
Api ca ārammaṇasaṅketena dve nāmāni labbhanti, ‘‘khīṇā me jātī’’ti pajānantassa khaye ñāṇanti nāmaṃ labhati, ‘‘nāparaṃ itthattāyā’’ti pajānantassa anuppāde ñāṇanti nāmaṃ labhati. Sā pajānanaṭṭhena paññā, yathādiṭṭhaṃ apilāpanaṭṭhena sati.
๑๓. ตตฺถ เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, อิทํ นามรูปํฯ ตตฺถ เย ผสฺสปญฺจมกา ธมฺมา, อิทํ นามํฯ ยานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ รูปานิ, อิทํ รูปํฯ ตทุภยํ นามรูปํ วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ ตสฺส นิโรธํ ภควนฺตํ ปุจฺฉโนฺต อายสฺมา อชิโต ปารายเน เอวมาห –
13. Tattha ye pañcupādānakkhandhā, idaṃ nāmarūpaṃ. Tattha ye phassapañcamakā dhammā, idaṃ nāmaṃ. Yāni pañcindriyāni rūpāni, idaṃ rūpaṃ. Tadubhayaṃ nāmarūpaṃ viññāṇasampayuttaṃ tassa nirodhaṃ bhagavantaṃ pucchanto āyasmā ajito pārāyane evamāha –
‘‘ปญฺญา เจว สติ จ, นามรูปญฺจ มาริส;
‘‘Paññā ceva sati ca, nāmarūpañca mārisa;
เอตํ เม ปุโฎฺฐ ปพฺรูหิ, กเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติฯ
Etaṃ me puṭṭho pabrūhi, katthetaṃ uparujjhatī’’ti.
ตตฺถ สติ จ ปญฺญา จ จตฺตาริ อินฺทฺริยานิ, สติ เทฺว อินฺทฺริยานิ สตินฺทฺริยญฺจ สมาธินฺทฺริยญฺจ, ปญฺญา เทฺว อินฺทฺริยานิ ปญฺญินฺทฺริยญฺจ วีริยินฺทฺริยญฺจฯ ยา อิเมสุ จตูสุ อินฺทฺริเยสุ สทฺทหนา โอกปฺปนา, อิทํ สทฺธินฺทฺริยํฯ ตตฺถ ยา สทฺธาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ ฉนฺทสมาธิฯ สมาหิเต จิเตฺต กิเลสานํ วิกฺขมฺภนตาย ปฎิสงฺขานพเลน วา ภาวนาพเลน วา, อิทํ ปหานํฯ ตตฺถ เย อสฺสาสปสฺสาสา วิตกฺกวิจารา สญฺญาเวทยิตา สรสงฺกปฺปา, อิเม สงฺขาราฯ อิติ ปุริมโก จ ฉนฺทสมาธิ, กิเลสวิกฺขมฺภนตาย จ ปหานํ อิเม จ สงฺขารา, ตทุภยํ ฉนฺทสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ ตตฺถ ยา วีริยาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ วีริยสมาธิ…เป.… ตตฺถ ยา จิตฺตาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ จิตฺตสมาธิ…เป.… ตตฺถ ยา วีมํสาธิปเตยฺยา จิเตฺตกคฺคตา, อยํ วีมํสาสมาธิฯ สมาหิเต จิเตฺต กิเลสานํ วิกฺขมฺภนตาย ปฎิสงฺขานพเลน วา ภาวนาพเลน วา, อิทํ ปหานํฯ ตตฺถ เย อสฺสาสปสฺสาสา วิตกฺกวิจารา สญฺญาเวทยิตา สรสงฺกปฺปา, อิเม สงฺขาราฯ อิติ ปุริมโก จ วีมํสาสมาธิ, กิเลสวิกฺขมฺภนตาย จ ปหานํ อิเม จ สงฺขารา, ตทุภยํ วีมํสาสมาธิปฺปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ
Tattha sati ca paññā ca cattāri indriyāni, sati dve indriyāni satindriyañca samādhindriyañca, paññā dve indriyāni paññindriyañca vīriyindriyañca. Yā imesu catūsu indriyesu saddahanā okappanā, idaṃ saddhindriyaṃ. Tattha yā saddhādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ chandasamādhi. Samāhite citte kilesānaṃ vikkhambhanatāya paṭisaṅkhānabalena vā bhāvanābalena vā, idaṃ pahānaṃ. Tattha ye assāsapassāsā vitakkavicārā saññāvedayitā sarasaṅkappā, ime saṅkhārā. Iti purimako ca chandasamādhi, kilesavikkhambhanatāya ca pahānaṃ ime ca saṅkhārā, tadubhayaṃ chandasamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. Tattha yā vīriyādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ vīriyasamādhi…pe… tattha yā cittādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ cittasamādhi…pe… tattha yā vīmaṃsādhipateyyā cittekaggatā, ayaṃ vīmaṃsāsamādhi. Samāhite citte kilesānaṃ vikkhambhanatāya paṭisaṅkhānabalena vā bhāvanābalena vā, idaṃ pahānaṃ. Tattha ye assāsapassāsā vitakkavicārā saññāvedayitā sarasaṅkappā, ime saṅkhārā. Iti purimako ca vīmaṃsāsamādhi, kilesavikkhambhanatāya ca pahānaṃ ime ca saṅkhārā, tadubhayaṃ vīmaṃsāsamādhippadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ.
๑๔. สโพฺพ สมาธิ ญาณมูลโก ญาณปุพฺพงฺคโม ญาณานุปริวตฺติฯ
14. Sabbo samādhi ñāṇamūlako ñāṇapubbaṅgamo ñāṇānuparivatti.
ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา, ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเร;
Yathā pure tathā pacchā, yathā pacchā tathā pure;
อิติ วิวเฎน เจตสา อปริโยนเทฺธน สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวติฯ ปญฺจินฺทฺริยานิ กุสลานิ จิตฺตสหภูนิ จิเตฺต อุปฺปชฺชมาเน อุปฺปชฺชนฺติ, จิเตฺต นิรุชฺฌมาเน นิรุชฺฌนฺติฯ นามรูปญฺจ วิญฺญาณเหตุกํ วิญฺญาณปจฺจยา นิพฺพตฺตํ, ตสฺส มเคฺคน เหตุ อุปจฺฉิโนฺน, วิญฺญาณํ อนาหารํ อนภินนฺทิตํ อปฺปฎิสนฺธิกํ ตํ นิรุชฺฌติฯ นามรูปมปิ อเหตุ อปฺปจฺจยํ ปุนพฺภวํ น นิพฺพตฺตยติ 27ฯ เอวํ วิญฺญาณสฺส นิโรธา ปญฺญา จ สติ จ นามรูปญฺจ นิรุชฺฌติฯ เตนาห ภควา –
Iti vivaṭena cetasā apariyonaddhena sappabhāsaṃ cittaṃ bhāveti. Pañcindriyāni kusalāni cittasahabhūni citte uppajjamāne uppajjanti, citte nirujjhamāne nirujjhanti. Nāmarūpañca viññāṇahetukaṃ viññāṇapaccayā nibbattaṃ, tassa maggena hetu upacchinno, viññāṇaṃ anāhāraṃ anabhinanditaṃ appaṭisandhikaṃ taṃ nirujjhati. Nāmarūpamapi ahetu appaccayaṃ punabbhavaṃ na nibbattayati 28. Evaṃ viññāṇassa nirodhā paññā ca sati ca nāmarūpañca nirujjhati. Tenāha bhagavā –
‘‘ยเมตํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ, อชิต ตํ วทามิ เต;
‘‘Yametaṃ pañhaṃ apucchi, ajita taṃ vadāmi te;
ยตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
Yattha nāmañca rūpañca, asesaṃ uparujjhati;
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน, เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติฯ
Viññāṇassa nirodhena, etthetaṃ uparujjhatī’’ti.
เย จ เสกฺขา ปุถู อิธ;
Ye ca sekkhā puthū idha;
เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุโฎฺฐ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติฯ
Tesaṃ me nipako iriyaṃ, puṭṭho pabrūhi mārisā’’ti.
๑๕. อิมานิ ตีณิ ปทานิ ปุจฺฉิตานิ, เต ตโย ปญฺหาฯ กิสฺส? เสขาเสขวิปสฺสนาปุพฺพงฺคมปฺปหานโยเคน, เอวญฺหิ อาหฯ ‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส’’ติ อรหตฺตํ ปุจฺฉติ, ‘‘เย จ เสขา ปุถู อิธา’’ติ เสขํ ปุจฺฉติ, ‘‘เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุโฎฺฐ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ ปหานํ ปุจฺฉติฯ
15. Imāni tīṇi padāni pucchitāni, te tayo pañhā. Kissa? Sekhāsekhavipassanāpubbaṅgamappahānayogena, evañhi āha. ‘‘Ye ca saṅkhātadhammāse’’ti arahattaṃ pucchati, ‘‘ye ca sekhā puthū idhā’’ti sekhaṃ pucchati, ‘‘tesaṃ me nipako iriyaṃ, puṭṭho pabrūhi mārisā’’ti vipassanāpubbaṅgamaṃ pahānaṃ pucchati.
ตตฺถ วิสชฺชนา –
Tattha visajjanā –
‘‘กาเมสุ นาภิคิเชฺฌยฺย, [อชิตาติ ภควา]
‘‘Kāmesu nābhigijjheyya, [ajitāti bhagavā]
มนสานาวิโล สิยา;
Manasānāvilo siyā;
กุสโล สพฺพธมฺมานํ, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ
Kusalo sabbadhammānaṃ, sato bhikkhu paribbaje’’ti.
ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ มโนกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติฯ อตีเต อํเส อปฺปฎิหตญาณทสฺสนํ, อนาคเต อํเส อปฺปฎิหตญาณทสฺสนํ, ปจฺจุปฺปเนฺน อํเส อปฺปฎิหตญาณทสฺสนํฯ
Bhagavato sabbaṃ kāyakammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti, sabbaṃ vacīkammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti, sabbaṃ manokammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti. Atīte aṃse appaṭihatañāṇadassanaṃ, anāgate aṃse appaṭihatañāṇadassanaṃ, paccuppanne aṃse appaṭihatañāṇadassanaṃ.
โก จ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโต? ยํ อนิเจฺจ ทุเกฺข อนตฺตนิ จ อญฺญาณํ อทสฺสนํ, อยํ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโตฯ ยถา อิธ ปุริโส ตารกรูปานิ ปเสฺสยฺย, โน จ คณนสเงฺกเตน ชาเนยฺย, อยํ ญาณทสฺสนสฺส ปฎิฆาโตฯ
Ko ca ñāṇadassanassa paṭighāto? Yaṃ anicce dukkhe anattani ca aññāṇaṃ adassanaṃ, ayaṃ ñāṇadassanassa paṭighāto. Yathā idha puriso tārakarūpāni passeyya, no ca gaṇanasaṅketena jāneyya, ayaṃ ñāṇadassanassa paṭighāto.
ภควโต ปน อปฺปฎิหตญาณทสฺสนํ, อนาวรณญาณทสฺสนา หิ พุทฺธา ภควโนฺตฯ ตตฺถ เสเขน ทฺวีสุ ธเมฺมสุ จิตฺตํ รกฺขิตพฺพํ เคธา จ รชนีเยสุ ธเมฺมสุ, โทสา จ ปริยุฎฺฐานีเยสุฯ ตตฺถ ยา อิจฺฉา มุจฺฉา ปตฺถนา ปิยายนา กีฬนา, ตํ ภควา นิวาเรโนฺต เอวมาห ‘‘กาเมสุ นาภิคิเชฺฌยฺยา’’ติฯ
Bhagavato pana appaṭihatañāṇadassanaṃ, anāvaraṇañāṇadassanā hi buddhā bhagavanto. Tattha sekhena dvīsu dhammesu cittaṃ rakkhitabbaṃ gedhā ca rajanīyesu dhammesu, dosā ca pariyuṭṭhānīyesu. Tattha yā icchā mucchā patthanā piyāyanā kīḷanā, taṃ bhagavā nivārento evamāha ‘‘kāmesu nābhigijjheyyā’’ti.
‘‘มนสานาวิโล สิยา’’ติ ปริยุฎฺฐานวิฆาตํ อาหฯ ตถา หิ เสโข อภิคิชฺฌโนฺต อสมุปฺปนฺนญฺจ กิเลสํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนญฺจ กิเลสํ ผาติํ กโรติฯ โย ปน อนาวิลสงฺกโปฺป อนภิคิชฺฌโนฺต วายมติ, โส อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ โส อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ โส อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ โส อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ฐิติยา อสโมฺมสาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติฯ
‘‘Manasānāvilo siyā’’ti pariyuṭṭhānavighātaṃ āha. Tathā hi sekho abhigijjhanto asamuppannañca kilesaṃ uppādeti, uppannañca kilesaṃ phātiṃ karoti. Yo pana anāvilasaṅkappo anabhigijjhanto vāyamati, so anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati. So uppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati. So anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati. So uppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ ṭhitiyā asammosāya bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā chandaṃ janeti vāyamati vīriyaṃ ārabhati cittaṃ paggaṇhāti padahati.
๑๖. กตเม 31 อนุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา? กามวิตโกฺก พฺยาปาทวิตโกฺก วิหิํสาวิตโกฺก, อิเม อนุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมาฯ กตเม อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา? อนุสยา อกุสลมูลานิ, อิเม อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมาฯ กตเม อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา? ยานิ โสตาปนฺนสฺส อินฺทฺริยานิ, อิเม อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมาฯ กตเม อุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา? ยานิ อฎฺฐมกสฺส อินฺทฺริยานิ, อิเม อุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมาฯ
16. Katame 32 anuppannā pāpakā akusalā dhammā? Kāmavitakko byāpādavitakko vihiṃsāvitakko, ime anuppannā pāpakā akusalā dhammā. Katame uppannā pāpakā akusalā dhammā? Anusayā akusalamūlāni, ime uppannā pāpakā akusalā dhammā. Katame anuppannā kusalā dhammā? Yāni sotāpannassa indriyāni, ime anuppannā kusalā dhammā. Katame uppannā kusalā dhammā? Yāni aṭṭhamakassa indriyāni, ime uppannā kusalā dhammā.
เยน กามวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ สตินฺทฺริยํฯ เยน พฺยาปาทวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ สมาธินฺทฺริยํฯ เยน วิหิํสาวิตกฺกํ วาเรติ, อิทํ วีริยินฺทฺริยํฯ
Yena kāmavitakkaṃ vāreti, idaṃ satindriyaṃ. Yena byāpādavitakkaṃ vāreti, idaṃ samādhindriyaṃ. Yena vihiṃsāvitakkaṃ vāreti, idaṃ vīriyindriyaṃ.
เยน อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ นาธิวาเสติ, อิทํ ปญฺญินฺทฺริยํฯ ยา อิเมสุ จตูสุ อินฺทฺริเยสุ สทฺทหนา โอกปฺปนา, อิทํ สทฺธินฺทฺริยํฯ
Yena uppannuppanne pāpake akusale dhamme pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gameti nādhivāseti, idaṃ paññindriyaṃ. Yā imesu catūsu indriyesu saddahanā okappanā, idaṃ saddhindriyaṃ.
ตตฺถ สทฺธินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพํ? จตูสุ โสตาปตฺติยเงฺคสุฯ วีริยินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพํ? จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสุฯ สตินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพํ? จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุฯ สมาธินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพํ? จตูสุ ฌาเนสุฯ ปญฺญินฺทฺริยํ กตฺถ ทฎฺฐพฺพํ? จตูสุ อริยสเจฺจสุฯ เอวํ เสโข สเพฺพหิ กุสเลหิ ธเมฺมหิ อปฺปมโตฺต วุโตฺต ภควตา อนาวิลตาย มนสาฯ เตนาห ภควา ‘‘มนสานาวิโลสิยา’’ติฯ
Tattha saddhindriyaṃ kattha daṭṭhabbaṃ? Catūsu sotāpattiyaṅgesu. Vīriyindriyaṃ kattha daṭṭhabbaṃ? Catūsu sammappadhānesu. Satindriyaṃ kattha daṭṭhabbaṃ? Catūsu satipaṭṭhānesu. Samādhindriyaṃ kattha daṭṭhabbaṃ? Catūsu jhānesu. Paññindriyaṃ kattha daṭṭhabbaṃ? Catūsu ariyasaccesu. Evaṃ sekho sabbehi kusalehi dhammehi appamatto vutto bhagavatā anāvilatāya manasā. Tenāha bhagavā ‘‘manasānāvilosiyā’’ti.
๑๗. ‘‘กุสโล สพฺพธมฺมาน’’นฺติ โลโก นาม ติวิโธ กิเลสโลโก ภวโลโก อินฺทฺริยโลโกฯ ตตฺถ กิเลสโลเกน ภวโลโก สมุทาคจฺฉติ, โส อินฺทฺริยานิ นิพฺพเตฺตติ, อินฺทฺริเยสุ ภาวิยมาเนสุ เนยฺยสฺส ปริญฺญา ภวติฯ สา ทุวิเธน อุปปริกฺขิตพฺพา ทสฺสนปริญฺญาย จ ภาวนาปริญฺญาย จฯ ยทา หิ เสโข เญยฺยํ ปริชานาติ, ตทา นิพฺพิทาสหคเตหิ สญฺญามนสิกาเรหิ เนยฺยํ ปริญฺญาตํ ภวติฯ ตสฺส เทฺว ธมฺมา โกสลฺลํ คจฺฉนฺติ – ทสฺสนโกสลฺลญฺจ ภาวนาโกสลฺลญฺจฯ
17. ‘‘Kusalo sabbadhammāna’’nti loko nāma tividho kilesaloko bhavaloko indriyaloko. Tattha kilesalokena bhavaloko samudāgacchati, so indriyāni nibbatteti, indriyesu bhāviyamānesu neyyassa pariññā bhavati. Sā duvidhena upaparikkhitabbā dassanapariññāya ca bhāvanāpariññāya ca. Yadā hi sekho ñeyyaṃ parijānāti, tadā nibbidāsahagatehi saññāmanasikārehi neyyaṃ pariññātaṃ bhavati. Tassa dve dhammā kosallaṃ gacchanti – dassanakosallañca bhāvanākosallañca.
ตํ ญาณํ ปญฺจวิเธน เวทิตพฺพํः อภิญฺญา ปริญฺญา ปหานํ ภาวนา สจฺฉิกิริยาฯ ตตฺถ กตมา อภิญฺญา? ยํ ธมฺมานํ สลกฺขเณ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา จ อตฺถปฎิสมฺภิทา จ, อยํ อภิญฺญาฯ
Taṃ ñāṇaṃ pañcavidhena veditabbaṃः abhiññā pariññā pahānaṃ bhāvanā sacchikiriyā. Tattha katamā abhiññā? Yaṃ dhammānaṃ salakkhaṇe ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā ca atthapaṭisambhidā ca, ayaṃ abhiññā.
ตตฺถ กตมา ปริญฺญา? เอวํ อภิชานิตฺวา ยา ปริชานนา ‘‘อิทํ กุสลํ, อิทํ อกุสลํ, อิทํ สาวชฺชํ, อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ กณฺหํ, อิทํ สุกฺกํ, อิทํ เสวิตพฺพํ, อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิเม ธมฺมา เอวํคหิตา, อิทํ ผลํ นิพฺพเตฺตนฺติ 33, เตสํ เอวํคหิตานํ อยํ อโตฺถ’’ติ, อยํ ปริญฺญาฯ
Tattha katamā pariññā? Evaṃ abhijānitvā yā parijānanā ‘‘idaṃ kusalaṃ, idaṃ akusalaṃ, idaṃ sāvajjaṃ, idaṃ anavajjaṃ, idaṃ kaṇhaṃ, idaṃ sukkaṃ, idaṃ sevitabbaṃ, idaṃ na sevitabbaṃ, ime dhammā evaṃgahitā, idaṃ phalaṃ nibbattenti 34, tesaṃ evaṃgahitānaṃ ayaṃ attho’’ti, ayaṃ pariññā.
เอวํ ปริชานิตฺวา ตโย ธมฺมา อวสิฎฺฐา ภวนฺติ ปหาตพฺพา ภาเวตพฺพา สจฺฉิกาตพฺพา จฯ ตตฺถ กตเม ธมฺมา ปหาตพฺพา? เย อกุสลาฯ ตตฺถ กตเม ธมฺมา ภาเวตพฺพา? เย กุสลาฯ ตตฺถ กตเม ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา? ยํ อสงฺขตํฯ โย เอวํ ชานาติ อยํ วุจฺจติ อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล กลฺยาณตากุสโล ผลตากุสโล, อายกุสโล อปายกุสโล อุปายกุสโล มหตา โกสเลฺลน สมนฺนาคโตติ, เตนาห ภควา ‘‘กุสโล สพฺพธมฺมาน’’นฺติฯ
Evaṃ parijānitvā tayo dhammā avasiṭṭhā bhavanti pahātabbā bhāvetabbā sacchikātabbā ca. Tattha katame dhammā pahātabbā? Ye akusalā. Tattha katame dhammā bhāvetabbā? Ye kusalā. Tattha katame dhammā sacchikātabbā? Yaṃ asaṅkhataṃ. Yo evaṃ jānāti ayaṃ vuccati atthakusalo dhammakusalo kalyāṇatākusalo phalatākusalo, āyakusalo apāyakusalo upāyakusalo mahatā kosallena samannāgatoti, tenāha bhagavā ‘‘kusalo sabbadhammāna’’nti.
‘‘สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ เตน ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารตฺถํ อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต อาโลกิเต วิโลกิเต สมิญฺชิเต 35 ปสาริเต สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหิภาเว สเตน สมฺปชาเนน วิหาตพฺพํฯ อิมา เทฺว จริยา อนุญฺญาตา ภควตา เอกา วิสุทฺธานํ, เอกา วิสุชฺฌนฺตานํฯ เก วิสุทฺธา? อรหโนฺตฯ เก วิสุชฺฌนฺตา? เสกฺขาฯ กตกิจฺจานิ หิ อรหโต อินฺทฺริยานิฯ ยํ โพชฺฌํ, ตํ จตุพฺพิธํ ทุกฺขสฺส ปริญฺญาภิสมเยน สมุทยสฺส ปหานาภิสมเยน มคฺคสฺส ภาวนาภิสมเยน นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมเยน, อิทํ จตุพฺพิธํ โพชฺฌํ โย เอวํ ชานาติ, อยํ วุจฺจติ สโต อภิกฺกมติ สโต ปฎิกฺกมติ ขยา ราคสฺส ขยา โทสสฺส ขยา โมหสฺสฯ เตนาห ภควา ‘‘สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ, เตนาห –
‘‘Sato bhikkhu paribbaje’’ti tena diṭṭhadhammasukhavihāratthaṃ abhikkante paṭikkante ālokite vilokite samiñjite 36 pasārite saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe asite pīte khāyite sāyite uccārapassāvakamme gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhibhāve satena sampajānena vihātabbaṃ. Imā dve cariyā anuññātā bhagavatā ekā visuddhānaṃ, ekā visujjhantānaṃ. Ke visuddhā? Arahanto. Ke visujjhantā? Sekkhā. Katakiccāni hi arahato indriyāni. Yaṃ bojjhaṃ, taṃ catubbidhaṃ dukkhassa pariññābhisamayena samudayassa pahānābhisamayena maggassa bhāvanābhisamayena nirodhassa sacchikiriyābhisamayena, idaṃ catubbidhaṃ bojjhaṃ yo evaṃ jānāti, ayaṃ vuccati sato abhikkamati sato paṭikkamati khayā rāgassa khayā dosassa khayā mohassa. Tenāha bhagavā ‘‘sato bhikkhu paribbaje’’ti, tenāha –
‘‘กาเมสุ นาภิคิเชฺฌยฺย, [อชิตาติ ภควา]
‘‘Kāmesu nābhigijjheyya, [ajitāti bhagavā]
มนสานาวิโล สิยา;
Manasānāvilo siyā;
กุสโล สพฺพธมฺมานํ, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติฯ
Kusalo sabbadhammānaṃ, sato bhikkhu paribbaje’’ti.
เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ, เอวํ วิสชฺชิตพฺพํฯ สุตฺตสฺส จ อนุคีติ อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ สมาเนตพฺพา 37ฯ อตฺถาปคตํ หิ พฺยญฺชนํ สมฺผปฺปลาปํ ภวติฯ ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส ปทพฺยญฺชนสฺส อโตฺถปิ ทุนฺนโย ภวติ, ตสฺมา อตฺถพฺยญฺชนูเปตํ สงฺคายิตพฺพํฯ สุตฺตญฺจ ปวิจินิตพฺพํฯ กิํ อิทํ สุตฺตํ อาหจฺจ วจนํ อนุสนฺธิวจนํ นีตตฺถํ เนยฺยตฺถํ สํกิเลสภาคิยํ นิเพฺพธภาคิยํ อเสกฺขภาคิยํ? กุหิํ อิมสฺส สุตฺตสฺส สพฺพานิ สจฺจานิ ปสฺสิตพฺพานิ, อาทิมชฺฌปริโยสาเนติ? เอวํ สุตฺตํ ปวิเจตพฺพํฯ เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน – ‘‘ยํ ปุจฺฉิตญฺจ วิสฺสชฺชิตญฺจ, สุตฺตสฺส ยา จ อนุคีตี’’ติฯ
Evaṃ pucchitabbaṃ, evaṃ visajjitabbaṃ. Suttassa ca anugīti atthato ca byañjanato ca samānetabbā 38. Atthāpagataṃ hi byañjanaṃ samphappalāpaṃ bhavati. Dunnikkhittassa padabyañjanassa atthopi dunnayo bhavati, tasmā atthabyañjanūpetaṃ saṅgāyitabbaṃ. Suttañca pavicinitabbaṃ. Kiṃ idaṃ suttaṃ āhacca vacanaṃ anusandhivacanaṃ nītatthaṃ neyyatthaṃ saṃkilesabhāgiyaṃ nibbedhabhāgiyaṃ asekkhabhāgiyaṃ? Kuhiṃ imassa suttassa sabbāni saccāni passitabbāni, ādimajjhapariyosāneti? Evaṃ suttaṃ pavicetabbaṃ. Tenāha āyasmā mahākaccāyano – ‘‘yaṃ pucchitañca vissajjitañca, suttassa yā ca anugītī’’ti.
นิยุโตฺต วิจโย หาโรฯ
Niyutto vicayo hāro.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๒. วิจยหารวิภงฺควณฺณนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๒. วิจยหารวิภงฺควิภาวนา • 2. Vicayahāravibhaṅgavibhāvanā