Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๔๖] ๙. วิธุรชาตกวณฺณนา
[546] 9. Vidhurajātakavaṇṇanā
จตุโปสถกณฺฑํ
Catuposathakaṇḍaṃ
ปณฺฑุ กิสิยาสิ ทุพฺพลาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อตฺตโน ปญฺญาปารมิํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสญฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา มหาปโญฺญ ปุถุปโญฺญ คมฺภีรปโญฺญ ชวนปโญฺญ หาสปโญฺญ ติกฺขปโญฺญ นิเพฺพธิกปโญฺญ ปรปฺปวาทมทฺทโน, อตฺตโน ปญฺญานุภาเวน ขตฺติยปณฺฑิตาทีหิ อภิสงฺขเต สุขุมปเญฺห ภินฺทิตฺวา เต ทเมตฺวา นิพฺพิเสวเน กตฺวา ตีสุ สรเณสุ เจว สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปตฺวา อมตคามิมคฺคํ ปฎิปาเทสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ยํ ตถาคโต ปรมาภิสโมฺพธิปฺปโตฺต ปรปฺปวาทํ ภินฺทิตฺวา ขตฺติยาทโย ทเมยฺยฯ ปุริมภวสฺมิญฺหิ โพธิญาณํ ปริเยสโนฺตปิ ตถาคโต ปญฺญวา ปรปฺปวาทมทฺทโนเยวฯ ตถา หิ อหํ วิธุรกาเล สฎฺฐิโยชนุเพฺพเธ กาฬปพฺพตมุทฺธนิ ปุณฺณกํ นาม ยกฺขเสนาปติํ อตฺตโน ญาณพเลเนว ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปญฺจสีเลสุ ปติฎฺฐาเปโนฺต อตฺตโน ชีวิตํ ทาเปสิ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Paṇḍukisiyāsi dubbalāti idaṃ satthā jetavane viharanto attano paññāpāramiṃ ārabbha kathesi. Ekadivasañhi bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, satthā mahāpañño puthupañño gambhīrapañño javanapañño hāsapañño tikkhapañño nibbedhikapañño parappavādamaddano, attano paññānubhāvena khattiyapaṇḍitādīhi abhisaṅkhate sukhumapañhe bhinditvā te dametvā nibbisevane katvā tīsu saraṇesu ceva sīlesu ca patiṭṭhāpetvā amatagāmimaggaṃ paṭipādesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘anacchariyaṃ, bhikkhave, yaṃ tathāgato paramābhisambodhippatto parappavādaṃ bhinditvā khattiyādayo dameyya. Purimabhavasmiñhi bodhiñāṇaṃ pariyesantopi tathāgato paññavā parappavādamaddanoyeva. Tathā hi ahaṃ vidhurakāle saṭṭhiyojanubbedhe kāḷapabbatamuddhani puṇṇakaṃ nāma yakkhasenāpatiṃ attano ñāṇabaleneva dametvā nibbisevanaṃ katvā pañcasīlesu patiṭṭhāpento attano jīvitaṃ dāpesi’’nti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต กุรุรเฎฺฐ อินฺทปตฺถนคเร ธนญฺจยโกรโพฺย นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ วิธุรปณฺฑิโต นาม อมโจฺจ ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิฯ โส มธุรกโถ มหาธมฺมกถิโก สกลชมฺพุทีเป ราชาโน หตฺถิกนฺตวีณาสเรน ปลุทฺธหตฺถิโน วิย อตฺตโน มธุรธมฺมเทสนาย ปโลเภตฺวา เตสํ สกสกรชฺชานิ คนฺตุํ อททมาโน พุทฺธลีลาย มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสโนฺต มหเนฺตน ยเสน ตสฺมิํ นคเร ปฎิวสิฯ
Atīte kururaṭṭhe indapatthanagare dhanañcayakorabyo nāma rājā rajjaṃ kāresi. Vidhurapaṇḍito nāma amacco tassa atthadhammānusāsako ahosi. So madhurakatho mahādhammakathiko sakalajambudīpe rājāno hatthikantavīṇāsarena paluddhahatthino viya attano madhuradhammadesanāya palobhetvā tesaṃ sakasakarajjāni gantuṃ adadamāno buddhalīlāya mahājanassa dhammaṃ desento mahantena yasena tasmiṃ nagare paṭivasi.
ตทา หิ พาราณสิยมฺปิ คิหิสหายกา จตฺตาโร พฺราหฺมณมหาสาลา มหลฺลกกาเล กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา วนมูลผลาหารา ตเตฺถว จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย จาริกํ จรมานา องฺครเฎฺฐ กาลจมฺปานครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขาย นครํ ปวิสิํสุฯ ตตฺถ จตฺตาโร สหายกา กุฎุมฺพิกา เตสํ อิริยาปเถสุ ปสีทิตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา เอเกกํ อตฺตโน นิเวสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา ปฎิญฺญํ คาหาเปตฺวา อุยฺยาเนเยว วาสาเปสุํฯ เต จตฺตาโร ตาปสา จตุนฺนํ กุฎุมฺพิกานํ เคเหสุ นิพทฺธํ ภุญฺชิตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย เอโก ตาปโส ตาวติํสภวนํ คจฺฉติ, เอโก นาคภวนํ, เอโก สุปณฺณภวนํ, เอโก โกรพฺยรโญฺญ มิคาชินอุยฺยานํ คจฺฉติฯ เตสุ โย เทวโลกํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ กโรติ, โส สกฺกสฺส ยสํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปฎฺฐากสฺส ตเมว วเณฺณติฯ โย นาคภวนํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ กโรติ, โส นาคราชสฺส สมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปฎฺฐากสฺส ตเมว วเณฺณติฯ โย สุปณฺณภวนํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ กโรติ, โส สุปณฺณราชสฺส วิภูติํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปฎฺฐากสฺส ตเมว วเณฺณติฯ โย ธนญฺจยโกรพฺยราชสฺส อุยฺยานํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ กโรติ, โส ธนญฺจยโกรพฺยรโญฺญ สิริโสภคฺคํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปฎฺฐากสฺส ตเมว วเณฺณติฯ
Tadā hi bārāṇasiyampi gihisahāyakā cattāro brāhmaṇamahāsālā mahallakakāle kāmesu ādīnavaṃ disvā himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā vanamūlaphalāhārā tattheva ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya cārikaṃ caramānā aṅgaraṭṭhe kālacampānagaraṃ patvā rājuyyāne vasitvā punadivase bhikkhāya nagaraṃ pavisiṃsu. Tattha cattāro sahāyakā kuṭumbikā tesaṃ iriyāpathesu pasīditvā vanditvā bhikkhābhājanaṃ gahetvā ekekaṃ attano nivesane nisīdāpetvā paṇītena āhārena parivisitvā paṭiññaṃ gāhāpetvā uyyāneyeva vāsāpesuṃ. Te cattāro tāpasā catunnaṃ kuṭumbikānaṃ gehesu nibaddhaṃ bhuñjitvā divāvihāratthāya eko tāpaso tāvatiṃsabhavanaṃ gacchati, eko nāgabhavanaṃ, eko supaṇṇabhavanaṃ, eko korabyarañño migājinauyyānaṃ gacchati. Tesu yo devalokaṃ gantvā divāvihāraṃ karoti, so sakkassa yasaṃ oloketvā attano upaṭṭhākassa tameva vaṇṇeti. Yo nāgabhavanaṃ gantvā divāvihāraṃ karoti, so nāgarājassa sampattiṃ oloketvā attano upaṭṭhākassa tameva vaṇṇeti. Yo supaṇṇabhavanaṃ gantvā divāvihāraṃ karoti, so supaṇṇarājassa vibhūtiṃ oloketvā attano upaṭṭhākassa tameva vaṇṇeti. Yo dhanañcayakorabyarājassa uyyānaṃ gantvā divāvihāraṃ karoti, so dhanañcayakorabyarañño sirisobhaggaṃ oloketvā attano upaṭṭhākassa tameva vaṇṇeti.
เต จตฺตาโรปิ ชนา ตํ ตเทว ฐานํ ปเตฺถตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน เอโก สโกฺก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอโก สปุตฺตทาโร นาคภวเน นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอโก สุปณฺณภวเน สิมฺพลิวิมาเน สุปณฺณราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ เอโก ธนญฺจยโกรพฺยรโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติฯ เตปิ ตาปสา อปริหีนชฺฌานา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติํสุฯ โกรพฺยกุมาโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐหิตฺวา ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรสิฯ โส ปน ชูตวิตฺตโก อโหสิฯ โส วิธุรปณฺฑิตสฺส โอวาเท ฐตฺวา ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถํ อุปวสติฯ
Te cattāropi janā taṃ tadeva ṭhānaṃ patthetvā dānādīni puññāni katvā āyupariyosāne eko sakko hutvā nibbatti, eko saputtadāro nāgabhavane nāgarājā hutvā nibbatti, eko supaṇṇabhavane simbalivimāne supaṇṇarājā hutvā nibbatti. Eko dhanañcayakorabyarañño aggamahesiyā kucchimhi nibbatti. Tepi tāpasā aparihīnajjhānā kālaṃ katvā brahmaloke nibbattiṃsu. Korabyakumāro vuḍḍhimanvāya pitu accayena rajje patiṭṭhahitvā dhammena samena rajjaṃ kāresi. So pana jūtavittako ahosi. So vidhurapaṇḍitassa ovāde ṭhatvā dānaṃ deti, sīlaṃ rakkhati, uposathaṃ upavasati.
โส เอกทิวสํ สมาทินฺนุโปสโถ ‘‘วิเวกมนุพฺรูหิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา มนุญฺญฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิฯ สโกฺกปิ สมาทินฺนุโปสโถ ‘‘เทวโลเก ปลิโพโธ โหตี’’ติ มนุสฺสโลเก ตเมว อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา เอกสฺมิํ มนุญฺญฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิฯ วรุณนาคราชาปิ สมาทินฺนุโปสโถ ‘‘นาคภวเน ปลิโพโธ โหตี’’ติ ตเตฺถวาคนฺตฺวา เอกสฺมิํ มนุญฺญฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิฯ สุปณฺณราชาปิ สมาทินฺนุโปสโถ ‘‘สุปณฺณภวเน ปลิโพโธ โหตี’’ติ ตเตฺถวาคนฺตฺวา เอกสฺมิํ มนุญฺญฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิฯ เตปิ จตฺตาโร ชนา สายนฺหสมเย สกฎฺฐาเนหิ นิกฺขมิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิตีเร สมาคนฺตฺวา อญฺญมญฺญํ โอโลเกตฺวา ปุพฺพสิเนหวเสน สมคฺคา สโมฺมทมานา หุตฺวา อญฺญมญฺญํ เมตฺตจิตฺตํ อุปฎฺฐเปตฺวา มธุรปฎิสนฺถารํ กริํสุฯ เตสุ สโกฺก มงฺคลสิลาปเฎฺฎ นิสีทิ, อิตเรปิ อตฺตโน อตฺตโน ยุตฺตาสนํ ญตฺวา นิสีทิํสุฯ อถ เน สโกฺก อาห ‘‘มยํ จตฺตาโรปิ ราชาโนว , อเมฺหสุ ปน กสฺส สีลํ มหนฺต’’นฺติ? อถ นํ วรุณนาคราชา อาห ‘‘ตุมฺหากํ ติณฺณํ ชนานํ สีลโต มยฺหํ สีลํ มหนฺต’’นฺติฯ ‘‘กิเมตฺถ การณ’’นฺติ? ‘‘อยํ สุปณฺณราชา อมฺหากํ ชาตานมฺปิ อชาตานมฺปิ ปจฺจามิโตฺตว, อหํ เอวรูปํ อมฺหากํ ชีวิตกฺขยกรํ ปจฺจามิตฺตํ ทิสฺวาปิ โกธํ น กโรมิ, อิมินา การเณน มม สีลํ มหนฺต’’นฺติ วตฺวา อิทํ ทสกนิปาเต จตุโปสถชาตเก ปฐมํ คาถมาห –
So ekadivasaṃ samādinnuposatho ‘‘vivekamanubrūhissāmī’’ti uyyānaṃ gantvā manuññaṭṭhāne nisīditvā samaṇadhammaṃ akāsi. Sakkopi samādinnuposatho ‘‘devaloke palibodho hotī’’ti manussaloke tameva uyyānaṃ āgantvā ekasmiṃ manuññaṭṭhāne nisīditvā samaṇadhammaṃ akāsi. Varuṇanāgarājāpi samādinnuposatho ‘‘nāgabhavane palibodho hotī’’ti tatthevāgantvā ekasmiṃ manuññaṭṭhāne nisīditvā samaṇadhammaṃ akāsi. Supaṇṇarājāpi samādinnuposatho ‘‘supaṇṇabhavane palibodho hotī’’ti tatthevāgantvā ekasmiṃ manuññaṭṭhāne nisīditvā samaṇadhammaṃ akāsi. Tepi cattāro janā sāyanhasamaye sakaṭṭhānehi nikkhamitvā maṅgalapokkharaṇitīre samāgantvā aññamaññaṃ oloketvā pubbasinehavasena samaggā sammodamānā hutvā aññamaññaṃ mettacittaṃ upaṭṭhapetvā madhurapaṭisanthāraṃ kariṃsu. Tesu sakko maṅgalasilāpaṭṭe nisīdi, itarepi attano attano yuttāsanaṃ ñatvā nisīdiṃsu. Atha ne sakko āha ‘‘mayaṃ cattāropi rājānova , amhesu pana kassa sīlaṃ mahanta’’nti? Atha naṃ varuṇanāgarājā āha ‘‘tumhākaṃ tiṇṇaṃ janānaṃ sīlato mayhaṃ sīlaṃ mahanta’’nti. ‘‘Kimettha kāraṇa’’nti? ‘‘Ayaṃ supaṇṇarājā amhākaṃ jātānampi ajātānampi paccāmittova, ahaṃ evarūpaṃ amhākaṃ jīvitakkhayakaraṃ paccāmittaṃ disvāpi kodhaṃ na karomi, iminā kāraṇena mama sīlaṃ mahanta’’nti vatvā idaṃ dasakanipāte catuposathajātake paṭhamaṃ gāthamāha –
‘‘โย โกปเนเยฺย น กโรติ โกปํ, น กุชฺฌติ สปฺปุริโส กทาจิ;
‘‘Yo kopaneyye na karoti kopaṃ, na kujjhati sappuriso kadāci;
กุโทฺธปิ โส นาวิกโรติ โกปํ, ตํ เว นรํ สมณมาหุ โลเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๒๔);
Kuddhopi so nāvikaroti kopaṃ, taṃ ve naraṃ samaṇamāhu loke’’ti. (jā. 1.10.24);
ตตฺถ โยติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิฯ โกปเนเยฺยติ กุชฺฌิตพฺพยุตฺตเก ปุคฺคเล ขนฺตีวาทีตาปโส วิย โกปํ น กโรติฯ กทาจีติ โย กิสฺมิญฺจิ กาเล น กุชฺฌเตวฯ กุโทฺธปีติ สเจ ปน โส สปฺปุริโส กุชฺฌติ, อถ กุโทฺธปิ ตํ โกปํ นาวิกโรติ จูฬโพธิตาปโส วิยฯ ตํ เว นรนฺติ มหาราชาโน ตํ เว ปุริสํ สมิตปาปตาย โลเก ปณฺฑิตา ‘‘สมณ’’นฺติ กเถนฺติฯ อิเม ปน คุณา มยิ สนฺติ, ตสฺมา มเมว สีลํ มหนฺตนฺติฯ
Tattha yoti khattiyādīsu yo koci. Kopaneyyeti kujjhitabbayuttake puggale khantīvādītāpaso viya kopaṃ na karoti. Kadācīti yo kismiñci kāle na kujjhateva. Kuddhopīti sace pana so sappuriso kujjhati, atha kuddhopi taṃ kopaṃ nāvikaroti cūḷabodhitāpaso viya. Taṃ ve naranti mahārājāno taṃ ve purisaṃ samitapāpatāya loke paṇḍitā ‘‘samaṇa’’nti kathenti. Ime pana guṇā mayi santi, tasmā mameva sīlaṃ mahantanti.
ตํ สุตฺวา สุปณฺณราชา ‘‘อยํ นาโค มม อคฺคภโกฺข, ยสฺมา ปนาหํ เอวรูปํ อคฺคภกฺขํ ทิสฺวาปิ ขุทํ อธิวาเสตฺวา อาหารเหตุ ปาปํ น กโรมิ, ตสฺมา มเมว สีลํ มหนฺต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Taṃ sutvā supaṇṇarājā ‘‘ayaṃ nāgo mama aggabhakkho, yasmā panāhaṃ evarūpaṃ aggabhakkhaṃ disvāpi khudaṃ adhivāsetvā āhārahetu pāpaṃ na karomi, tasmā mameva sīlaṃ mahanta’’nti vatvā imaṃ gāthamāha –
‘‘อูนูทโร โย สหเต ชิฆจฺฉํ, ทโนฺต ตปสฺสี มิตปานโภชโน;
‘‘Ūnūdaro yo sahate jighacchaṃ, danto tapassī mitapānabhojano;
อาหารเหตุ น กโรติ ปาปํ, ตํ เว นรํ สมณมาหุ โลเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๒๕);
Āhārahetu na karoti pāpaṃ, taṃ ve naraṃ samaṇamāhu loke’’ti. (jā. 1.10.25);
ตตฺถ ทโนฺตติ อินฺทฺริยทมเนน สมนฺนาคโตฯ ตปสฺสีติ ตปนิสฺสิตโกฯ อาหารเหตูติ อติชิฆจฺฉปิฬิโตปิ โย ปาปํ ลามกกมฺมํ น กโรติ ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโร วิยฯ อหํ ปนชฺช อาหารเหตุ ปาปํ น กโรมิ, ตสฺมา มเมว สีลํ มหนฺตนฺติฯ
Tattha dantoti indriyadamanena samannāgato. Tapassīti tapanissitako. Āhārahetūti atijighacchapiḷitopi yo pāpaṃ lāmakakammaṃ na karoti dhammasenāpatisāriputtatthero viya. Ahaṃ panajja āhārahetu pāpaṃ na karomi, tasmā mameva sīlaṃ mahantanti.
ตโต สโกฺก เทวราชา ‘‘อหํ นานปฺปการํ สุขปทฎฺฐานํ เทวโลกสมฺปตฺติํ ปหาย สีลรกฺขณตฺถาย มนุสฺสโลกํ อาคโต, ตสฺมา มเมว สีลํ มหนฺต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Tato sakko devarājā ‘‘ahaṃ nānappakāraṃ sukhapadaṭṭhānaṃ devalokasampattiṃ pahāya sīlarakkhaṇatthāya manussalokaṃ āgato, tasmā mameva sīlaṃ mahanta’’nti vatvā imaṃ gāthamāha –
‘‘ขิฑฺฑํ รติํ วิปฺปชหิตฺวาน สพฺพํ, น จาลิกํ ภาสติ กิญฺจิ โลเก;
‘‘Khiḍḍaṃ ratiṃ vippajahitvāna sabbaṃ, na cālikaṃ bhāsati kiñci loke;
วิภูสฎฺฐานา วิรโต เมถุนสฺมา, ตํ เว นรํ สมณมาหุ โลเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๒๖);
Vibhūsaṭṭhānā virato methunasmā, taṃ ve naraṃ samaṇamāhu loke’’ti. (jā. 1.10.26);
ตตฺถ ขิฑฺฑนฺติ กายิกวาจสิกขิฑฺฑํฯ รตินฺติ ทิพฺพกามคุณรติํฯ กิญฺจีติ อปฺปมตฺตกมฺปิฯ วิภูสฎฺฐานาติ มํสวิภูสา ฉวิวิภูสาติ เทฺว วิภูสาฯ ตตฺถ อโชฺฌหรณียาหาโร มํสวิภูสา นาม, มาลาคนฺธาทีนิ ฉวิวิภูสา นาม, เยน อกุสลจิเตฺตน ธารียติ, ตํ ตสฺส ฐานํ, ตโต วิรโต เมถุนเสวนโต จ โย ปฎิวิรโตฯ ตํ เว นรํ สมณมาหุ โลเกติ อหํ อชฺช เทวจฺฉราโย ปหาย อิธาคนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรมิ, ตสฺมา มเมว สีลํ มหนฺตนฺติฯ เอวํ สโกฺกปิ อตฺตโน สีลเมว วเณฺณติฯ
Tattha khiḍḍanti kāyikavācasikakhiḍḍaṃ. Ratinti dibbakāmaguṇaratiṃ. Kiñcīti appamattakampi. Vibhūsaṭṭhānāti maṃsavibhūsā chavivibhūsāti dve vibhūsā. Tattha ajjhoharaṇīyāhāro maṃsavibhūsā nāma, mālāgandhādīni chavivibhūsā nāma, yena akusalacittena dhārīyati, taṃ tassa ṭhānaṃ, tato virato methunasevanato ca yo paṭivirato. Taṃ ve naraṃ samaṇamāhu loketi ahaṃ ajja devaccharāyo pahāya idhāgantvā samaṇadhammaṃ karomi, tasmā mameva sīlaṃ mahantanti. Evaṃ sakkopi attano sīlameva vaṇṇeti.
ตํ สุตฺวา ธนญฺจยราชา ‘‘อหํ อชฺช มหนฺตํ ปริคฺคหํ โสฬสสหสฺสนาฎกิตฺถิปริปุณฺณํ อเนฺตปุรํ จชิตฺวา อุยฺยาเน สมณธมฺมํ กโรมิ, ตสฺมา มเมว สีลํ มหนฺต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Taṃ sutvā dhanañcayarājā ‘‘ahaṃ ajja mahantaṃ pariggahaṃ soḷasasahassanāṭakitthiparipuṇṇaṃ antepuraṃ cajitvā uyyāne samaṇadhammaṃ karomi, tasmā mameva sīlaṃ mahanta’’nti vatvā imaṃ gāthamāha –
‘‘ปริคฺคหํ โลภธมฺมญฺจ สพฺพํ, โย เว ปริญฺญาย ปริจฺจเชติ;
‘‘Pariggahaṃ lobhadhammañca sabbaṃ, yo ve pariññāya pariccajeti;
ทนฺตํ ฐิตตฺตํ อมมํ นิราสํ, ตํ เว นรํ สมณมาหุ โลเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๒๗);
Dantaṃ ṭhitattaṃ amamaṃ nirāsaṃ, taṃ ve naraṃ samaṇamāhu loke’’ti. (jā. 1.10.27);
ตตฺถ ปริคฺคหนฺติ นานปฺปการํ วตฺถุกามํฯ โลภธมฺมนฺติ ตสฺมิํ อุปฺปชฺชนตณฺหํฯ ปริญฺญายาติ ญาตปริญฺญา, ตีรณปริญฺญา, ปหานปริญฺญาติ อิมาหิ ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริชานิตฺวาฯ ตตฺถ ขนฺธาทีนํ ทุกฺขาทิสภาวชานนํ ญาตปริญฺญา, เตสุ อคุณํ อุปธาเรตฺวา ตีรณํ ตีรณปริญฺญา, เตสุ โทสํ ทิสฺวา ฉนฺทราคสฺสาปกฑฺฒนํ ปหานปริญฺญาฯ โย อิมาหิ ตีหิ ปริญฺญาหิ ชานิตฺวา วตฺถุกามกิเลสกาเม ปริจฺจชติ, ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉติฯ ทนฺตนฺติ นิพฺพิเสวนํฯ ฐิตตฺตนฺติ มิจฺฉาวิตกฺกาภาเวน ฐิตสภาวํฯ อมมนฺติ อหนฺติ มมายนตณฺหารหิตํฯ นิราสนฺติ ปุตฺตทาราทีสุ นิจฺฉนฺทราคํฯ ตํ เว นรนฺติ ตํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘สมณ’’นฺติ วทนฺติฯ
Tattha pariggahanti nānappakāraṃ vatthukāmaṃ. Lobhadhammanti tasmiṃ uppajjanataṇhaṃ. Pariññāyāti ñātapariññā, tīraṇapariññā, pahānapariññāti imāhi tīhi pariññāhi parijānitvā. Tattha khandhādīnaṃ dukkhādisabhāvajānanaṃ ñātapariññā, tesu aguṇaṃ upadhāretvā tīraṇaṃ tīraṇapariññā, tesu dosaṃ disvā chandarāgassāpakaḍḍhanaṃ pahānapariññā. Yo imāhi tīhi pariññāhi jānitvā vatthukāmakilesakāme pariccajati, chaḍḍetvā gacchati. Dantanti nibbisevanaṃ. Ṭhitattanti micchāvitakkābhāvena ṭhitasabhāvaṃ. Amamanti ahanti mamāyanataṇhārahitaṃ. Nirāsanti puttadārādīsu nicchandarāgaṃ. Taṃ ve naranti taṃ evarūpaṃ puggalaṃ ‘‘samaṇa’’nti vadanti.
อิติ เต สเพฺพปิ อตฺตโน อตฺตโน สีลเมว มหนฺตนฺติ วเณฺณตฺวา สกฺกาทโย ธนญฺจยํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, โกจิ ตุมฺหากํ สนฺติเก ปณฺฑิโต, โย โน อิมํ กงฺขํ วิโนเทยฺยา’’ติ ฯ ‘‘อาม, มหาราชาโน มม อตฺถธมฺมานุสาสโก มหาปโญฺญ อสมธุโร วิธุรปณฺฑิโต นาม อตฺถิ, โส โน อิมํ กงฺขํ วิโนเทสฺสติ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติฯ อถ เต สเพฺพ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ อถ สเพฺพปิ อุยฺยานา นิกฺขมิตฺวา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ปลฺลงฺกํ อลงฺการาเปตฺวา โพธิสตฺตํ ปลฺลงฺกวรมเชฺฌ นิสีทาเปตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ‘‘ปณฺฑิต, อมฺหากํ กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตํ โน วิโนเทหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาหํสุ –
Iti te sabbepi attano attano sīlameva mahantanti vaṇṇetvā sakkādayo dhanañcayaṃ pucchiṃsu ‘‘atthi pana, mahārāja, koci tumhākaṃ santike paṇḍito, yo no imaṃ kaṅkhaṃ vinodeyyā’’ti . ‘‘Āma, mahārājāno mama atthadhammānusāsako mahāpañño asamadhuro vidhurapaṇḍito nāma atthi, so no imaṃ kaṅkhaṃ vinodessati, tassa santikaṃ gacchāmā’’ti. Atha te sabbe ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchiṃsu. Atha sabbepi uyyānā nikkhamitvā dhammasabhaṃ gantvā pallaṅkaṃ alaṅkārāpetvā bodhisattaṃ pallaṅkavaramajjhe nisīdāpetvā paṭisanthāraṃ katvā ekamantaṃ nisinnā ‘‘paṇḍita, amhākaṃ kaṅkhā uppannā, taṃ no vinodehī’’ti vatvā imaṃ gāthamāhaṃsu –
‘‘ปุจฺฉาม กตฺตารมโนมปญฺญํ, กถาสุ โน วิคฺคโห อตฺถิ ชาโต;
‘‘Pucchāma kattāramanomapaññaṃ, kathāsu no viggaho atthi jāto;
ฉินฺทชฺช กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตานิ, ตทชฺช กงฺขํ วิตเรมุ สเพฺพ’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๒๘);
Chindajja kaṅkhaṃ vicikicchitāni, tadajja kaṅkhaṃ vitaremu sabbe’’ti. (jā. 1.10.28);
ตตฺถ กตฺตารนฺติ กตฺตพฺพยุตฺตกการกํฯ วิคฺคโห อตฺถิ ชาโตติ เอโก สีลวิคฺคโห สีลวิวาโท อุปฺปโนฺน อตฺถิฯ ฉินฺทชฺชาติ อมฺหากํ ตํ กงฺขํ ตานิ จ วิจิกิจฺฉิตานิ วชิเรน สิเนรุํ ปหรโนฺต วิย อชฺช ฉินฺทฯ วิตเรมูติ วิตเรยฺยามฯ
Tattha kattāranti kattabbayuttakakārakaṃ. Viggaho atthi jātoti eko sīlaviggaho sīlavivādo uppanno atthi. Chindajjāti amhākaṃ taṃ kaṅkhaṃ tāni ca vicikicchitāni vajirena sineruṃ paharanto viya ajja chinda. Vitaremūti vitareyyāma.
ปณฺฑิโต เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘มหาราชาโน ตุมฺหากํ สีลํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ วิวาทกถํ สุกถิตทุกฺกถิตํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Paṇḍito tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘mahārājāno tumhākaṃ sīlaṃ nissāya uppannaṃ vivādakathaṃ sukathitadukkathitaṃ jānissāmī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
‘‘เย ปณฺฑิตา อตฺถทสา ภวนฺติ, ภาสนฺติ เต โยนิโส ตตฺถ กาเล;
‘‘Ye paṇḍitā atthadasā bhavanti, bhāsanti te yoniso tattha kāle;
กถํ นุ กถานํ อภาสิตานํ, อตฺถํ นเยยฺยุํ กุสลา ชนินฺทา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๒๙);
Kathaṃ nu kathānaṃ abhāsitānaṃ, atthaṃ nayeyyuṃ kusalā janindā’’ti. (jā. 1.10.29);
ตตฺถ อตฺถทสาติ อตฺถทสฺสนสมตฺถาฯ ตตฺถ กาเลติ ตสฺมิํ วิคฺคเห อาโรจิเต ยุตฺตปฺปยุตฺตกาเล เต ปณฺฑิตา ตมตฺถํ อาจิกฺขนฺตา โยนิโส ภาสนฺติฯ อตฺถํ นเยยฺยุํ กุสลาติ กุสลา เฉกาปิ สมานา อภาสิตานํ กถานํ กถํ นุ อตฺถํ ญาเณน นเยยฺยุํ อุปปริเกฺขยฺยุํฯ ชนินฺทาติ ราชาโน อาลปติฯ ตสฺมา อิทํ ตาว เม วเทถฯ
Tattha atthadasāti atthadassanasamatthā. Tattha kāleti tasmiṃ viggahe ārocite yuttappayuttakāle te paṇḍitā tamatthaṃ ācikkhantā yoniso bhāsanti. Atthaṃ nayeyyuṃ kusalāti kusalā chekāpi samānā abhāsitānaṃ kathānaṃ kathaṃ nu atthaṃ ñāṇena nayeyyuṃ upaparikkheyyuṃ. Janindāti rājāno ālapati. Tasmā idaṃ tāva me vadetha.
‘‘กถํ หเว ภาสติ นาคราชา, ครุโฬ ปน เวนเตโยฺย กิมาห;
‘‘Kathaṃ have bhāsati nāgarājā, garuḷo pana venateyyo kimāha;
คนฺธพฺพราชา ปน กิํ วเทติ, กถํ ปน กุรูนํ ราชเสโฎฺฐ’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๓๐);
Gandhabbarājā pana kiṃ vadeti, kathaṃ pana kurūnaṃ rājaseṭṭho’’ti. (jā. 1.10.30);
ตตฺถ คนฺธพฺพราชาติ สกฺกํ สนฺธายาหฯ
Tattha gandhabbarājāti sakkaṃ sandhāyāha.
อถสฺส เต อิมํ คาถมาหํสุ –
Athassa te imaṃ gāthamāhaṃsu –
‘‘ขนฺติํ หเว ภาสติ นาคราชา, อปฺปาหารํ ครุโฬ เวนเตโยฺย;
‘‘Khantiṃ have bhāsati nāgarājā, appāhāraṃ garuḷo venateyyo;
คนฺธพฺพราชา รติวิปฺปหานํ, อกิญฺจนํ กุรูนํ ราชเสโฎฺฐ’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๓๑);
Gandhabbarājā rativippahānaṃ, akiñcanaṃ kurūnaṃ rājaseṭṭho’’ti. (jā. 1.10.31);
ตสฺสโตฺถ – ปณฺฑิต, นาคราชา ตาว โกปเนเยฺยปิ ปุคฺคเล อกุปฺปนสงฺขาตํ อธิวาสนขนฺติํ วเณฺณติ, ครุโฬ อปฺปาหารตาสงฺขาตํ อาหารเหตุ ปาปสฺส อกรณํ, สโกฺก ปญฺจกามคุณรตีนํ วิปฺปหานํ, กุรุราชา นิปฺปลิโพธภาวํ วเณฺณตีติฯ
Tassattho – paṇḍita, nāgarājā tāva kopaneyyepi puggale akuppanasaṅkhātaṃ adhivāsanakhantiṃ vaṇṇeti, garuḷo appāhāratāsaṅkhātaṃ āhārahetu pāpassa akaraṇaṃ, sakko pañcakāmaguṇaratīnaṃ vippahānaṃ, kururājā nippalibodhabhāvaṃ vaṇṇetīti.
อถ เตสํ กถํ สุตฺวา มหาสโตฺต อิมํ คาถมาห –
Atha tesaṃ kathaṃ sutvā mahāsatto imaṃ gāthamāha –
‘‘สพฺพานิ เอตานิ สุภาสิตานิ, น เหตฺถ ทุพฺภาสิตมตฺถิ กิญฺจิ;
‘‘Sabbāni etāni subhāsitāni, na hettha dubbhāsitamatthi kiñci;
ยสฺมิญฺจ เอตานิ ปติฎฺฐิตานิ, อราว นาภฺยา สุสโมหิตานิ;
Yasmiñca etāni patiṭṭhitāni, arāva nābhyā susamohitāni;
จตุพฺภิ ธเมฺมหิ สมงฺคิภูตํ, ตํ เว นรํ สมณมาหุ โลเก’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๓๒);
Catubbhi dhammehi samaṅgibhūtaṃ, taṃ ve naraṃ samaṇamāhu loke’’ti. (jā. 1.10.32);
ตตฺถ เอตานีติ เอตานิ จตฺตาริปิ คุณชาตานิ ยสฺมิํ ปุคฺคเล สกฎนาภิยํ สุฎฺฐุ สโมหิตานิ อรา วิย ปติฎฺฐิตานิ, จตูหิเปเตหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตํ ปุคฺคลํ ปณฺฑิตา ‘‘สมณ’’นฺติ อาหุ โลเกติฯ
Tattha etānīti etāni cattāripi guṇajātāni yasmiṃ puggale sakaṭanābhiyaṃ suṭṭhu samohitāni arā viya patiṭṭhitāni, catūhipetehi dhammehi samannāgataṃ puggalaṃ paṇḍitā ‘‘samaṇa’’nti āhu loketi.
เอวํ มหาสโตฺต จตุนฺนมฺปิ สีลํ เอกสมเมว อกาสิฯ ตํ สุตฺวา จตฺตาโรปิ ราชาโน ตสฺส ตุฎฺฐา ถุติํ กโรนฺตา อิมํ คาถมาหํสุ –
Evaṃ mahāsatto catunnampi sīlaṃ ekasamameva akāsi. Taṃ sutvā cattāropi rājāno tassa tuṭṭhā thutiṃ karontā imaṃ gāthamāhaṃsu –
‘‘ตุวญฺหิ เสโฎฺฐ ตฺวมนุตฺตโรสิ, ตฺวํ ธมฺมคู ธมฺมวิทู สุเมโธ;
‘‘Tuvañhi seṭṭho tvamanuttarosi, tvaṃ dhammagū dhammavidū sumedho;
ปญฺญาย ปญฺหํ สมธิคฺคเหตฺวา, อเจฺฉจฺฉิ ธีโร วิจิกิจฺฉิตานิ;
Paññāya pañhaṃ samadhiggahetvā, acchecchi dhīro vicikicchitāni;
อเจฺฉจฺฉิ กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตานิ, จุโนฺท ยถา นาคทนฺตํ ขเรนา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๓๓)ฯ
Acchecchi kaṅkhaṃ vicikicchitāni, cundo yathā nāgadantaṃ kharenā’’ti. (jā. 1.10.33).
ตตฺถ ตฺวมนุตฺตโรสีติ ตฺวํ อนุตฺตโร อสิ, นตฺถิ ตยา อุตฺตริตโร นามฯ ธมฺมคูติ ธมฺมสฺส โคปโก เจว ธมฺมญฺญู จฯ ธมฺมวิทูติ ปากฎธโมฺมฯ สุเมโธติ สุนฺทรปโญฺญ ปญฺญายาติ อตฺตโน ปญฺญาย อมฺหากํ ปญฺหํ สุฎฺฐุ อธิคณฺหิตฺวา ‘‘อิทเมตฺถ การณ’’นฺติ ยถาภูตํ ญตฺวาฯ อเจฺฉจฺฉีติ ตฺวํ ธีโร อมฺหากํ วิจิกิจฺฉิตานิ ฉินฺทิ, เอวํ ฉินฺทโนฺต จ ‘‘ฉินฺทชฺช กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตานี’’ติ อิทํ อมฺหากํ อายาจนํ สมฺปาเทโนฺต อเจฺฉจฺฉิ กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตานิ ฯ จุโนฺท ยถา นาคทนฺตํ ขเรนาติ ยถา ทนฺตกาโร กกเจน หตฺถิทนฺตํ ฉิเนฺทยฺย, เอวํ ฉินฺทีติ อโตฺถฯ
Tattha tvamanuttarosīti tvaṃ anuttaro asi, natthi tayā uttaritaro nāma. Dhammagūti dhammassa gopako ceva dhammaññū ca. Dhammavidūti pākaṭadhammo. Sumedhoti sundarapañño paññāyāti attano paññāya amhākaṃ pañhaṃ suṭṭhu adhigaṇhitvā ‘‘idamettha kāraṇa’’nti yathābhūtaṃ ñatvā. Acchecchīti tvaṃ dhīro amhākaṃ vicikicchitāni chindi, evaṃ chindanto ca ‘‘chindajja kaṅkhaṃ vicikicchitānī’’ti idaṃ amhākaṃ āyācanaṃ sampādento acchecchi kaṅkhaṃ vicikicchitāni . Cundo yathā nāgadantaṃ kharenāti yathā dantakāro kakacena hatthidantaṃ chindeyya, evaṃ chindīti attho.
เอวํ เต จตฺตาโรปิ ราชาโน ตสฺส ปญฺหพฺยากรเณน ตุฎฺฐมานสา อเหสุํฯ อถ นํ สโกฺก ทิพฺพทุกูเลน ปูเชสิ, ครุโฬ สุวณฺณมาลาย, วรุโณ นาคราชา มณินา, ธนญฺจยราชา ควสหสฺสาทีหิ ปูเชสิฯ เตเนวาห –
Evaṃ te cattāropi rājāno tassa pañhabyākaraṇena tuṭṭhamānasā ahesuṃ. Atha naṃ sakko dibbadukūlena pūjesi, garuḷo suvaṇṇamālāya, varuṇo nāgarājā maṇinā, dhanañcayarājā gavasahassādīhi pūjesi. Tenevāha –
‘‘นีลุปฺปลาภํ วิมลํ อนคฺฆํ, วตฺถํ อิทํ ธูมสมานวณฺณํ;
‘‘Nīluppalābhaṃ vimalaṃ anagghaṃ, vatthaṃ idaṃ dhūmasamānavaṇṇaṃ;
ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน ตุโฎฺฐ, ททามิ เต ธมฺมปูชาย ธีรฯ
Pañhassa veyyākaraṇena tuṭṭho, dadāmi te dhammapūjāya dhīra.
‘‘สุวณฺณมาลํ สตปตฺตผุลฺลิตํ, สเกสรํ รตฺนสหสฺสมณฺฑิตํ;
‘‘Suvaṇṇamālaṃ satapattaphullitaṃ, sakesaraṃ ratnasahassamaṇḍitaṃ;
ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน ตุโฎฺฐ, ททามิ เต ธมฺมปูชาย ธีรฯ
Pañhassa veyyākaraṇena tuṭṭho, dadāmi te dhammapūjāya dhīra.
‘‘มณิํ อนคฺฆํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, กณฺฐาวสตฺตํ มณิภูสิตํ เม;
‘‘Maṇiṃ anagghaṃ ruciraṃ pabhassaraṃ, kaṇṭhāvasattaṃ maṇibhūsitaṃ me;
ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน ตุโฎฺฐ, ททามิ เต ธมฺมปูชาย ธีรฯ
Pañhassa veyyākaraṇena tuṭṭho, dadāmi te dhammapūjāya dhīra.
‘‘ควํ สหสฺสํ อุสภญฺจ นาคํ, อาชญฺญยุเตฺต จ รเถ ทส อิเม;
‘‘Gavaṃ sahassaṃ usabhañca nāgaṃ, ājaññayutte ca rathe dasa ime;
ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน ตุโฎฺฐ, ททามิ เต คามวรานิ โสฬสา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๐.๓๔-๓๗);
Pañhassa veyyākaraṇena tuṭṭho, dadāmi te gāmavarāni soḷasā’’ti. (jā. 1.10.34-37);
เอวํ สกฺกาทโย มหาสตฺตํ ปูเชตฺวา สกฎฺฐานเมว อคมิํสุฯ
Evaṃ sakkādayo mahāsattaṃ pūjetvā sakaṭṭhānameva agamiṃsu.
จตุโปสถกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Catuposathakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
โทหฬกณฺฑํ
Dohaḷakaṇḍaṃ
เตสุ นาคราชสฺส ภริยา วิมลาเทวี นามฯ สา ตสฺส คีวาย ปิฬนฺธนมณิํ อปสฺสนฺตี ปุจฺฉิ ‘‘เทว, กหํ ปน เต มณี’’ติ? ‘‘ภเทฺท, จนฺทพฺราหฺมณปุตฺตสฺส วิธุรปณฺฑิตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต อหํ เตน มณินา ตํ ปูเชสิํฯ น เกวลญฺจ อหเมว, สโกฺกปิ ตํ ทิพฺพทุกูเลน ปูเชสิ, สุปณฺณราชา สุวณฺณมาลาย, ธนญฺจยราชา ควสฺสสหสฺสาทีหิ ปูเชสี’’ติฯ ‘‘ธมฺมกถิโก โส, เทวา’’ติฯ ‘‘ภเทฺท, กิํ วเทสิ, ชมฺพุทีปตเล พุทฺธุปฺปาโท วิย ปวตฺตติ, สกลชมฺพุทีเป เอกสตราชาโน ตสฺส มธุรธมฺมกถาย พชฺฌิตฺวา หตฺถิกนฺตวีณาสเรน ปลุทฺธมตฺตวารณา วิย อตฺตโน อตฺตโน รชฺชานิ คนฺตุํ น อิจฺฉนฺติ, เอวรูโป โส มธุรธมฺมกถิโก’’ติ ตสฺส คุณํ วเณฺณสิฯ สา วิธุรปณฺฑิตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ตสฺส ธมฺมกถํ โสตุกามา หุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สจาหํ วกฺขามิ ‘เทว, ตสฺส ธมฺมกถํ โสตุกามา, อิธ นํ อาเนหี’ติ, น เมตํ อาเนสฺสติฯ ยํนูนาหํ ‘ตสฺส เม หทเย โทหโฬ อุปฺปโนฺน’ติ คิลานาลยํ กเรยฺย’’นฺติฯ สา ตถา กตฺวา สิรคพฺภํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน ปริจาริกานํ สญฺญํ ทตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิฯ นาคราชา อุปฎฺฐานเวลาย ตํ อปสฺสโนฺต ‘‘กหํ วิมลา’’ติ ปริจาริกาโย ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา, เทวา’’ติ วุเตฺต อุฎฺฐายาสนา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา สยนปเสฺส นิสีทิตฺวา สรีรํ ปริมชฺชโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Tesu nāgarājassa bhariyā vimalādevī nāma. Sā tassa gīvāya piḷandhanamaṇiṃ apassantī pucchi ‘‘deva, kahaṃ pana te maṇī’’ti? ‘‘Bhadde, candabrāhmaṇaputtassa vidhurapaṇḍitassa dhammakathaṃ sutvā pasannacitto ahaṃ tena maṇinā taṃ pūjesiṃ. Na kevalañca ahameva, sakkopi taṃ dibbadukūlena pūjesi, supaṇṇarājā suvaṇṇamālāya, dhanañcayarājā gavassasahassādīhi pūjesī’’ti. ‘‘Dhammakathiko so, devā’’ti. ‘‘Bhadde, kiṃ vadesi, jambudīpatale buddhuppādo viya pavattati, sakalajambudīpe ekasatarājāno tassa madhuradhammakathāya bajjhitvā hatthikantavīṇāsarena paluddhamattavāraṇā viya attano attano rajjāni gantuṃ na icchanti, evarūpo so madhuradhammakathiko’’ti tassa guṇaṃ vaṇṇesi. Sā vidhurapaṇḍitassa guṇakathaṃ sutvā tassa dhammakathaṃ sotukāmā hutvā cintesi ‘‘sacāhaṃ vakkhāmi ‘deva, tassa dhammakathaṃ sotukāmā, idha naṃ ānehī’ti, na metaṃ ānessati. Yaṃnūnāhaṃ ‘tassa me hadaye dohaḷo uppanno’ti gilānālayaṃ kareyya’’nti. Sā tathā katvā siragabbhaṃ pavisitvā attano paricārikānaṃ saññaṃ datvā sirisayane nipajji. Nāgarājā upaṭṭhānavelāya taṃ apassanto ‘‘kahaṃ vimalā’’ti paricārikāyo pucchitvā ‘‘gilānā, devā’’ti vutte uṭṭhāyāsanā tassā santikaṃ gantvā sayanapasse nisīditvā sarīraṃ parimajjanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๓๔๖.
1346.
‘‘ปณฺฑุ กิสิยาสิ ทุพฺพลา, วณฺณรูปํ น ตเวทิสํ ปุเร;
‘‘Paṇḍu kisiyāsi dubbalā, vaṇṇarūpaṃ na tavedisaṃ pure;
วิมเล อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา, กีทิสี ตุยฺหํ สรีรเวทนา’’ติฯ
Vimale akkhāhi pucchitā, kīdisī tuyhaṃ sarīravedanā’’ti.
ตตฺถ ปณฺฑูติ ปณฺฑุปลาสวณฺณาฯ กิสิยาติ กิสาฯ ทุพฺพลาติ อปฺปถามาฯ วณฺณรูปํ น ตเวทิสํ ปุเรติ ตว วณฺณสงฺขาตํ รูปํ ปุเร เอทิสํ น โหติ, นิโทฺทสํ อนวชฺชํ, ตํ อิทานิ ปริวตฺติตฺวา อมนุญฺญสภาวํ ชาตํฯ วิมเลติ ตํ อาลปติฯ
Tattha paṇḍūti paṇḍupalāsavaṇṇā. Kisiyāti kisā. Dubbalāti appathāmā. Vaṇṇarūpaṃ na tavedisaṃ pureti tava vaṇṇasaṅkhātaṃ rūpaṃ pure edisaṃ na hoti, niddosaṃ anavajjaṃ, taṃ idāni parivattitvā amanuññasabhāvaṃ jātaṃ. Vimaleti taṃ ālapati.
อถสฺส สา อาจิกฺขนฺตี ทุติยํ คาถมาห –
Athassa sā ācikkhantī dutiyaṃ gāthamāha –
๑๓๔๗.
1347.
‘‘ธโมฺม มนุเชสุ มาตีนํ, โทหโฬ นาม ชนินฺท วุจฺจติ;
‘‘Dhammo manujesu mātīnaṃ, dohaḷo nāma janinda vuccati;
ธมฺมาหฎํ นาคกุญฺชร, วิธุรสฺส หทยาภิปตฺถเย’’ติฯ
Dhammāhaṭaṃ nāgakuñjara, vidhurassa hadayābhipatthaye’’ti.
ตตฺถ ธโมฺมติ สภาโวฯ มาตีนนฺติ อิตฺถีนํฯ ชนินฺทาติ นาคชนสฺส อินฺทฯ ธมฺมาหฎํ นาคกุญฺชร, วิธุรสฺส หทยาภิปตฺถเยติ นาคเสฎฺฐ, อหํ ธเมฺมน สเมน อสาหสิกกเมฺมน อาหฎํ วิธุรสฺส หทยํ อภิปตฺถยามิ, ตํ เม ลภมานาย ชีวิตํ อตฺถิ, อลภมานาย อิเธว มรณนฺติ ตสฺส ปญฺญํ สนฺธาเยวมาห –
Tattha dhammoti sabhāvo. Mātīnanti itthīnaṃ. Janindāti nāgajanassa inda. Dhammāhaṭaṃ nāgakuñjara, vidhurassa hadayābhipatthayeti nāgaseṭṭha, ahaṃ dhammena samena asāhasikakammena āhaṭaṃ vidhurassa hadayaṃ abhipatthayāmi, taṃ me labhamānāya jīvitaṃ atthi, alabhamānāya idheva maraṇanti tassa paññaṃ sandhāyevamāha –
ตํ สุตฺวา นาคราชา ตติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā nāgarājā tatiyaṃ gāthamāha –
๑๓๔๘.
1348.
‘‘จนฺทํ โข ตฺวํ โทหฬายสิ, สูริยํ วา อถ วาปิ มาลุตํ;
‘‘Candaṃ kho tvaṃ dohaḷāyasi, sūriyaṃ vā atha vāpi mālutaṃ;
ทุลฺลภญฺหิ วิธุรสฺส ทสฺสนํ, โก วิธุรมิธ มานยิสฺสตี’’ติฯ
Dullabhañhi vidhurassa dassanaṃ, ko vidhuramidha mānayissatī’’ti.
ตตฺถ ทุลฺลภญฺหิ วิธุรสฺส ทสฺสนนฺติ อสมธุรสฺส วิธุรสฺส ทสฺสนเมว ทุลฺลภํฯ ตสฺส หิ สกลชมฺพุทีเป ราชาโน ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา วิจรนฺติ, ปสฺสิตุมฺปิ นํ โกจิ น ลภติ, ตํ โก อิธ อานยิสฺสตีติ วทติฯ
Tattha dullabhañhi vidhurassa dassananti asamadhurassa vidhurassa dassanameva dullabhaṃ. Tassa hi sakalajambudīpe rājāno dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ paccupaṭṭhāpetvā vicaranti, passitumpi naṃ koci na labhati, taṃ ko idha ānayissatīti vadati.
สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อลภมานาย เม อิเธว มรณ’’นฺติ ปริวตฺติตฺวา ปิฎฺฐิํ ทตฺวา สาฬกกเณฺณน มุขํ ปิทหิตฺวา นิปชฺชิฯ นาคราชา อนตฺตมโน สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สยนปิเฎฺฐ นิสิโนฺน ‘‘วิมลา วิธุรปณฺฑิตสฺส หทยมํสํ อาหราเปตี’’ติ สญฺญี หุตฺวา ‘‘ปณฺฑิตสฺส หทยํ อลภนฺติยา วิมลาย ชีวิตํ นตฺถิ, กถํ นุ โข ตสฺส หทยมํสํ ลภิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ อถสฺส ธีตา อิรนฺธตี นาม นาคกญฺญา สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตา มหเนฺตน สิริวิลาเสน ปิตุ อุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตา, สา ตสฺส อินฺทฺริยวิการํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, อติวิย โทมนสฺสปฺปโตฺตสิ, กิํ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺตี อิมํ คาถมาห –
Sā tassa vacanaṃ sutvā ‘‘alabhamānāya me idheva maraṇa’’nti parivattitvā piṭṭhiṃ datvā sāḷakakaṇṇena mukhaṃ pidahitvā nipajji. Nāgarājā anattamano sirigabbhaṃ pavisitvā sayanapiṭṭhe nisinno ‘‘vimalā vidhurapaṇḍitassa hadayamaṃsaṃ āharāpetī’’ti saññī hutvā ‘‘paṇḍitassa hadayaṃ alabhantiyā vimalāya jīvitaṃ natthi, kathaṃ nu kho tassa hadayamaṃsaṃ labhissāmī’’ti cintesi. Athassa dhītā irandhatī nāma nāgakaññā sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitā mahantena sirivilāsena pitu upaṭṭhānaṃ āgantvā pitaraṃ vanditvā ekamantaṃ ṭhitā, sā tassa indriyavikāraṃ disvā ‘‘tāta, ativiya domanassappattosi, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti pucchantī imaṃ gāthamāha –
๑๓๔๙.
1349.
‘‘กิํ นุ ตาต ตุวํ ปชฺฌายสิ, ปทุมํ หตฺถคตํว เต มุขํ;
‘‘Kiṃ nu tāta tuvaṃ pajjhāyasi, padumaṃ hatthagataṃva te mukhaṃ;
กิํ นุ ทุมฺมนรูโปสิ อิสฺสร, มา ตฺวํ โสจิ อมิตฺตตาปนา’’ติฯ
Kiṃ nu dummanarūposi issara, mā tvaṃ soci amittatāpanā’’ti.
ตตฺถ ปชฺฌายสีติ ปุนปฺปุนํ จิเนฺตสิฯ หตฺถคตนฺติ หเตฺถน ปริมทฺทิตํ ปทุมํ วิย เต มุขํ ชาตํฯ อิสฺสราติ ปญฺจโยชนสติกสฺส มนฺทิรนาคภวนสฺส, สามีติฯ
Tattha pajjhāyasīti punappunaṃ cintesi. Hatthagatanti hatthena parimadditaṃ padumaṃ viya te mukhaṃ jātaṃ. Issarāti pañcayojanasatikassa mandiranāgabhavanassa, sāmīti.
ธีตุ วจนํ สุตฺวา นาคราชา ตมตฺถํ อาโรเจโนฺต อาห –
Dhītu vacanaṃ sutvā nāgarājā tamatthaṃ ārocento āha –
๑๓๕๐.
1350.
‘‘มาตา หิ ตว อิรนฺธติ, วิธุรสฺส หทยํ ธนิยติ;
‘‘Mātā hi tava irandhati, vidhurassa hadayaṃ dhaniyati;
ทุลฺลภญฺหิ วิธุรสฺส ทสฺสนํ, โก วิธุรมิธ มานยิสฺสตี’’ติฯ
Dullabhañhi vidhurassa dassanaṃ, ko vidhuramidha mānayissatī’’ti.
ตตฺถ ธนิยตีติ ปเตฺถติ อิจฺฉติฯ
Tattha dhaniyatīti pattheti icchati.
อถ นํ นาคราชา ‘‘อมฺม, มม สนฺติเก วิธุรํ อาเนตุํ สมโตฺถ นตฺถิ, ตฺวํ มาตุ ชีวิตํ เทหิ, วิธุรํ อาเนตุํ สมตฺถํ ภตฺตารํ ปริเยสาหี’’ติ อุโยฺยเชโนฺต อุปฑฺฒคาถมาห –
Atha naṃ nāgarājā ‘‘amma, mama santike vidhuraṃ ānetuṃ samattho natthi, tvaṃ mātu jīvitaṃ dehi, vidhuraṃ ānetuṃ samatthaṃ bhattāraṃ pariyesāhī’’ti uyyojento upaḍḍhagāthamāha –
๑๓๕๑.
1351.
‘‘ตสฺส ภตฺตุปริเยสนํ จร, โย วิธุรมิธ มานยิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Tassa bhattupariyesanaṃ cara, yo vidhuramidha mānayissatī’’ti.
ตตฺถ จราติ วิจรฯ
Tattha carāti vicara.
อิติ โส กิเลสาภิรตภาเวน ธีตุ อนนุจฺฉวิกํ กถํ กเถสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti so kilesābhiratabhāvena dhītu ananucchavikaṃ kathaṃ kathesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
‘‘ปิตุโน จ สา สุตฺวาน วากฺยํ, รตฺติํ นิกฺขมฺม อวสฺสุติํ จรี’’ติฯ
‘‘Pituno ca sā sutvāna vākyaṃ, rattiṃ nikkhamma avassutiṃ carī’’ti.
ตตฺถ อวสฺสุตินฺติ ภิกฺขเว, สา นาคมาณวิกา ปิตุ วจนํ สุตฺวา ปิตรํ อสฺสาเสตฺวา มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมฺปิ อสฺสาเสตฺวา อตฺตโน สิริคพฺภํ คนฺตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา เอกํ กุสุมฺภรตฺตวตฺถํ นิวาเสตฺวา เอกํ เอกํเส กตฺวา ตเมว รตฺติํ อุทกํ ทฺวิธา กตฺวา นาคภวนโต นิกฺขมฺม หิมวนฺตปฺปเทเส สมุทฺทตีเร ฐิตํ สฎฺฐิโยชนุเพฺพธํ เอกคฺฆนํ กาฬปพฺพตํ นาม อญฺชนคิริํ คนฺตฺวา อวสฺสุติํ จริ กิเลสอวสฺสุติํ ภตฺตุปริเยสนํ จรีติ อโตฺถฯ
Tattha avassutinti bhikkhave, sā nāgamāṇavikā pitu vacanaṃ sutvā pitaraṃ assāsetvā mātu santikaṃ gantvā tampi assāsetvā attano sirigabbhaṃ gantvā sabbālaṅkārehi attānaṃ alaṅkaritvā ekaṃ kusumbharattavatthaṃ nivāsetvā ekaṃ ekaṃse katvā tameva rattiṃ udakaṃ dvidhā katvā nāgabhavanato nikkhamma himavantappadese samuddatīre ṭhitaṃ saṭṭhiyojanubbedhaṃ ekagghanaṃ kāḷapabbataṃ nāma añjanagiriṃ gantvā avassutiṃ cari kilesaavassutiṃ bhattupariyesanaṃ carīti attho.
จรนฺตี จ ยานิ หิมวเนฺต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ, ตานิ อาหริตฺวา สกลปพฺพตํ มณิอคฺฆิยํ วิย อลงฺกริตฺวา อุปริตเล ปุปฺผสนฺถารํ กตฺวา มโนรเมนากาเรน นจฺจิตฺวา มธุรคีตํ คายนฺตี สตฺตมํ คาถมาห –
Carantī ca yāni himavante vaṇṇagandhasampannāni pupphāni, tāni āharitvā sakalapabbataṃ maṇiagghiyaṃ viya alaṅkaritvā uparitale pupphasanthāraṃ katvā manoramenākārena naccitvā madhuragītaṃ gāyantī sattamaṃ gāthamāha –
๑๓๕๒.
1352.
‘‘เก คนฺธเพฺพ รกฺขเส จ นาเค, เก กิมฺปุริเส จาปิ มานุเส;
‘‘Ke gandhabbe rakkhase ca nāge, ke kimpurise cāpi mānuse;
เก ปณฺฑิเต สพฺพกามทเท, ทีฆรตฺตํ ภตฺตา เม ภวิสฺสตี’’ติฯ
Ke paṇḍite sabbakāmadade, dīgharattaṃ bhattā me bhavissatī’’ti.
ตตฺถ เก คนฺธเพฺพ รกฺขเส จ นาเคติ โก คนฺธโพฺพ วา รกฺขโส วา นาโค วาฯ เก ปณฺฑิเต สพฺพกามทเทติ โก เอเตสุ คนฺธพฺพาทีสุ ปณฺฑิโต สพฺพกามํ ทาตุํ สมโตฺถ, โส วิธุรสฺส หทยมํสโทหฬินิยา มม มาตุ มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา มยฺหํ ทีฆรตฺตํ ภตฺตา ภวิสฺสตีติฯ
Tattha ke gandhabbe rakkhase ca nāgeti ko gandhabbo vā rakkhaso vā nāgo vā. Ke paṇḍite sabbakāmadadeti ko etesu gandhabbādīsu paṇḍito sabbakāmaṃ dātuṃ samattho, so vidhurassa hadayamaṃsadohaḷiniyā mama mātu manorathaṃ matthakaṃ pāpetvā mayhaṃ dīgharattaṃ bhattā bhavissatīti.
ตสฺมิํ ขเณ เวสฺสวณมหาราชสฺส ภาคิเนโยฺย ปุณฺณโก นาม ยกฺขเสนาปติ ติคาวุตปฺปมาณํ มโนมยสินฺธวํ อภิรุยฺห กาฬปพฺพตมตฺถเกน ยกฺขสมาคมํ คจฺฉโนฺต ตํ ตาย คีตสทฺทํ อโสฺสสิฯ อนนฺตเร อตฺตภาเว อนุภูตปุพฺพาย อิตฺถิยา คีตสโทฺท ตสฺส ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิฯ โส ตาย ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา นิวตฺติตฺวา สินฺธวปิเฎฺฐ นิสิโนฺนว ‘‘ภเทฺท, อหํ มม ปญฺญาย ธเมฺมน สเมน วิธุรสฺส หทยํ อาเนตุํ สมโตฺถมฺหิ, ตฺวํ มา จินฺตยี’’ติ ตํ อสฺสาเสโนฺต อฎฺฐมํ คาถมาห –
Tasmiṃ khaṇe vessavaṇamahārājassa bhāgineyyo puṇṇako nāma yakkhasenāpati tigāvutappamāṇaṃ manomayasindhavaṃ abhiruyha kāḷapabbatamatthakena yakkhasamāgamaṃ gacchanto taṃ tāya gītasaddaṃ assosi. Anantare attabhāve anubhūtapubbāya itthiyā gītasaddo tassa chaviādīni chinditvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca aṭṭhāsi. So tāya paṭibaddhacitto hutvā nivattitvā sindhavapiṭṭhe nisinnova ‘‘bhadde, ahaṃ mama paññāya dhammena samena vidhurassa hadayaṃ ānetuṃ samatthomhi, tvaṃ mā cintayī’’ti taṃ assāsento aṭṭhamaṃ gāthamāha –
๑๓๕๓.
1353.
‘‘อสฺสาส เหสฺสามิ เต ปติ, ภตฺตา เต เหสฺสามิ อนินฺทโลจเน;
‘‘Assāsa hessāmi te pati, bhattā te hessāmi anindalocane;
ปญฺญา หิ มมํ ตถาวิธา, อสฺสาส เหสฺสสิ ภริยา มมา’’ติฯ
Paññā hi mamaṃ tathāvidhā, assāsa hessasi bhariyā mamā’’ti.
ตตฺถ อนินฺทโลจเนติ อนินฺทิตพฺพโลจเนฯ ตถาวิธาติ วิธุรสฺส หทยมํสํ อาหรณสมตฺถาฯ
Tattha anindalocaneti aninditabbalocane. Tathāvidhāti vidhurassa hadayamaṃsaṃ āharaṇasamatthā.
อถ นํ อิรนฺธตี ‘‘เตน หิ เอหิ, คจฺฉาม เม ปิตุ สนฺติก’’นฺติ อาเนสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Atha naṃ irandhatī ‘‘tena hi ehi, gacchāma me pitu santika’’nti ānesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๕๔.
1354.
‘‘อวจาสิ ปุณฺณกํ อิรนฺธตี, ปุพฺพปถานุคเตน เจตสา;
‘‘Avacāsi puṇṇakaṃ irandhatī, pubbapathānugatena cetasā;
เอหิ คจฺฉาม ปิตุ มมนฺติเก, เอโสว เต เอตมตฺถํ ปวกฺขตี’’ติฯ
Ehi gacchāma pitu mamantike, esova te etamatthaṃ pavakkhatī’’ti.
ตตฺถ ปุพฺพปถานุคเตนาติ อนนฺตเร อตฺตภาเว ภูตปุพฺพสามิเก ตสฺมิํ ปุพฺพปเถเนว อนุคเตนฯ เอหิ คจฺฉามาติ ภิกฺขเว, โส ยกฺขเสนาปติ เอวํ วตฺวา ‘‘อิมํ อสฺสปิฎฺฐิํ อาโรเปตฺวา เนสฺสามี’’ติ ปพฺพตมตฺถกา โอตริตฺวา ตสฺสา คหณตฺถํ หตฺถํ ปสาเรสิฯ สา อตฺตโน หตฺถํ คณฺหิตุํ อทตฺวา เตน ปสาริตหตฺถํ สยํ คเหตฺวา ‘‘สามิ, นาหํ อนาถา, มยฺหํ ปิตา วรุโณ นาม นาคราชา, มาตา วิมลา นาม เทวี, เอหิ มม ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉาม, เอโส เอว เต ยถา อมฺหากํ มงฺคลกิริยาย ภวิตพฺพํ, เอวํ เอตมตฺถํ ปวกฺขตี’’ติ อวจาสิฯ
Tattha pubbapathānugatenāti anantare attabhāve bhūtapubbasāmike tasmiṃ pubbapatheneva anugatena. Ehi gacchāmāti bhikkhave, so yakkhasenāpati evaṃ vatvā ‘‘imaṃ assapiṭṭhiṃ āropetvā nessāmī’’ti pabbatamatthakā otaritvā tassā gahaṇatthaṃ hatthaṃ pasāresi. Sā attano hatthaṃ gaṇhituṃ adatvā tena pasāritahatthaṃ sayaṃ gahetvā ‘‘sāmi, nāhaṃ anāthā, mayhaṃ pitā varuṇo nāma nāgarājā, mātā vimalā nāma devī, ehi mama pitu santikaṃ gacchāma, eso eva te yathā amhākaṃ maṅgalakiriyāya bhavitabbaṃ, evaṃ etamatthaṃ pavakkhatī’’ti avacāsi.
เอวํ วตฺวา สา ยกฺขํ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vatvā sā yakkhaṃ gahetvā pitu santikaṃ agamāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๕๕.
1355.
‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลินี จนฺทนุสฺสทา;
‘‘Alaṅkatā suvasanā, mālinī candanussadā;
ยกฺขํ หเตฺถ คเหตฺวาน, ปิตุสนฺติกุปาคมี’’ติฯ
Yakkhaṃ hatthe gahetvāna, pitusantikupāgamī’’ti.
ตตฺถ ปิตุสนฺติกุปาคมีติ อตฺตโน ปิตุโน นาครโญฺญ สนฺติกํ อุปาคมิฯ
Tattha pitusantikupāgamīti attano pituno nāgarañño santikaṃ upāgami.
ปุณฺณโกปิ ยโกฺข ปฎิหริตฺวา นาคราชสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิรนฺธติํ ยาจโนฺต อาห –
Puṇṇakopi yakkho paṭiharitvā nāgarājassa santikaṃ gantvā irandhatiṃ yācanto āha –
๑๓๕๖.
1356.
‘‘นาควร วโจ สุโณหิ เม, ปติรูปํ ปฎิปชฺช สุงฺกิยํ;
‘‘Nāgavara vaco suṇohi me, patirūpaṃ paṭipajja suṅkiyaṃ;
ปเตฺถมิ อหํ อิรนฺธติํ, ตาย สมงฺคิํ กโรหิ มํ ตุวํฯ
Patthemi ahaṃ irandhatiṃ, tāya samaṅgiṃ karohi maṃ tuvaṃ.
๑๓๕๗.
1357.
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;
‘‘Sataṃ hatthī sataṃ assā, sataṃ assatarīrathā;
สตํ วลภิโย ปุณฺณา, นานารตฺนสฺส เกวลา;
Sataṃ valabhiyo puṇṇā, nānāratnassa kevalā;
เต นาค ปฎิปชฺชสฺสุ, ธีตรํ เทหิรนฺธติ’’นฺติฯ
Te nāga paṭipajjassu, dhītaraṃ dehirandhati’’nti.
ตตฺถ สุงฺกิยนฺติ อตฺตโน กุลปเทสานุรูปํ ธิตุ สุงฺกํ ธนํ ปฎิปชฺช คณฺหฯ สมงฺคิํ กโรหีติ มํ ตาย สทฺธิํ สมงฺคิภูตํ กโรหิฯ วลภิโยติ ภณฺฑสกฎิโยฯ นานารตฺนสฺส เกวลาติ นานารตนสฺส สกลปริปุณฺณาฯ
Tattha suṅkiyanti attano kulapadesānurūpaṃ dhitu suṅkaṃ dhanaṃ paṭipajja gaṇha. Samaṅgiṃ karohīti maṃ tāya saddhiṃ samaṅgibhūtaṃ karohi. Valabhiyoti bhaṇḍasakaṭiyo. Nānāratnassa kevalāti nānāratanassa sakalaparipuṇṇā.
อถ นํ นาคราชา อาห –
Atha naṃ nāgarājā āha –
๑๓๕๘.
1358.
‘‘ยาว อามนฺตเย ญาตี, มิเตฺต จ สุหทชฺชเน;
‘‘Yāva āmantaye ñātī, mitte ca suhadajjane;
อนามนฺต กตํ กมฺมํ, ตํ ปจฺฉา อนุตปฺปตี’’ติฯ
Anāmanta kataṃ kammaṃ, taṃ pacchā anutappatī’’ti.
ตตฺถ ยาว อามนฺตเย ญาตีติ โภ ยกฺขเสนาปติ, อหํ ตุยฺหํ ธีตรํ เทมิ, โน น เทมิ, โถกํ ปน อาคเมหิ, ยาว ญาตเกปิ ชานาเปมิฯ ตํ ปจฺฉา อนุตปฺปตีติ อิตฺถิโย หิ คตคตฎฺฐาเน อภิรมนฺติปิ อนภิรมนฺติปิ, อนภิรติกาเล ญาตกาทโย อเมฺหหิ สทฺธิํ อนามเนฺตตฺวา กตํ กมฺมํ นาม เอวรูปํ โหตีติ อุสฺสุกฺกํ น กโรนฺติ, เอวํ ตํ กมฺมํ ปจฺฉา อนุตาปํ อาวหตีติฯ
Tattha yāva āmantaye ñātīti bho yakkhasenāpati, ahaṃ tuyhaṃ dhītaraṃ demi, no na demi, thokaṃ pana āgamehi, yāva ñātakepi jānāpemi. Taṃ pacchā anutappatīti itthiyo hi gatagataṭṭhāne abhiramantipi anabhiramantipi, anabhiratikāle ñātakādayo amhehi saddhiṃ anāmantetvā kataṃ kammaṃ nāma evarūpaṃ hotīti ussukkaṃ na karonti, evaṃ taṃ kammaṃ pacchā anutāpaṃ āvahatīti.
เอวํ วตฺวา โส ภริยาย วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ตาย สทฺธิํ สลฺลปิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vatvā so bhariyāya vasanaṭṭhānaṃ gantvā tāya saddhiṃ sallapi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๕๙.
1359.
‘‘ตโต โส วรุโณ นาโค, ปวิสิตฺวา นิเวสนํ;
‘‘Tato so varuṇo nāgo, pavisitvā nivesanaṃ;
ภริยํ อามนฺตยิตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิฯ
Bhariyaṃ āmantayitvāna, idaṃ vacanamabravi.
๑๓๖๐.
1360.
‘‘‘อยํ โส ปุณฺณโก ยโกฺข, ยาจตี มํ อิรนฺธติํ;
‘‘‘Ayaṃ so puṇṇako yakkho, yācatī maṃ irandhatiṃ;
พหุนา วิตฺตลาเภน, ตสฺส เทม ปิยํ มม’’’นฺติฯ
Bahunā vittalābhena, tassa dema piyaṃ mama’’’nti.
ตตฺถ ปวิสิตฺวาติ วรุโณ ปุณฺณกํ ตเตฺถว ฐเปตฺวา สยํ อุฎฺฐาย ยตฺถสฺส ภริยา นิปนฺนา, ตํ นิเวสนํ ปวิสิตฺวาฯ ปิยํ มมนฺติ มม ปิยํ ธีตรํ ตสฺส พหุนา วิตฺตลาเภน เทมาติ ปุจฺฉติฯ
Tattha pavisitvāti varuṇo puṇṇakaṃ tattheva ṭhapetvā sayaṃ uṭṭhāya yatthassa bhariyā nipannā, taṃ nivesanaṃ pavisitvā. Piyaṃ mamanti mama piyaṃ dhītaraṃ tassa bahunā vittalābhena demāti pucchati.
วิมลา อาห –
Vimalā āha –
๑๓๖๑.
1361.
‘‘น ธเนน น วิเตฺตน, ลพฺภา อมฺหํ อิรนฺธตี;
‘‘Na dhanena na vittena, labbhā amhaṃ irandhatī;
สเจ จ โข หทยํ ปณฺฑิตสฺส, ธเมฺมน ลทฺธา อิธ มาหเรยฺย;
Sace ca kho hadayaṃ paṇḍitassa, dhammena laddhā idha māhareyya;
เอเตน วิเตฺตน กุมาริ ลพฺภา, นาญฺญํ ธนํ อุตฺตริ ปตฺถยามา’’ติฯ
Etena vittena kumāri labbhā, nāññaṃ dhanaṃ uttari patthayāmā’’ti.
ตตฺถ อมฺหํ อิรนฺธตีติ อมฺหากํ ธีตา อิรนฺธตีฯ เอเตน วิเตฺตนาติ เอเตน ตุฎฺฐิการเณนฯ
Tattha amhaṃ irandhatīti amhākaṃ dhītā irandhatī. Etena vittenāti etena tuṭṭhikāraṇena.
โส ตาย สทฺธิํ มเนฺตตฺวา ปุนเทว ปุณฺณเกน สทฺธิํ มเนฺตสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
So tāya saddhiṃ mantetvā punadeva puṇṇakena saddhiṃ mantesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๖๒.
1362.
‘‘ตโต โส วรุโณ นาโค, นิกฺขมิตฺวา นิเวสนา;
‘‘Tato so varuṇo nāgo, nikkhamitvā nivesanā;
ปุณฺณกามนฺตยิตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิฯ
Puṇṇakāmantayitvāna, idaṃ vacanamabravi.
๑๓๖๓.
1363.
‘‘‘น ธเนน น วิเตฺตน, ลพฺภา อมฺหํ อิรนฺธตี;
‘‘‘Na dhanena na vittena, labbhā amhaṃ irandhatī;
สเจ ตุวํ หทยํ ปณฺฑิตส, ธเมฺมน ลทฺธา อิธ มาหเรสิ;
Sace tuvaṃ hadayaṃ paṇḍitasa, dhammena laddhā idha māharesi;
เอเตน วิเตฺตน กุมาริ ลพฺภา, นาญฺญํ ธนํ อุตฺตริ ปตฺถยามา’’’ติฯ
Etena vittena kumāri labbhā, nāññaṃ dhanaṃ uttari patthayāmā’’’ti.
ตตฺถ ปุณฺณกามนฺตยิตฺวานาติ ปุณฺณกํ อามนฺตยิตฺวาฯ
Tattha puṇṇakāmantayitvānāti puṇṇakaṃ āmantayitvā.
ปุณฺณโก อาห –
Puṇṇako āha –
๑๓๖๔.
1364.
‘‘ยํ ปณฺฑิโตเตฺยเก วทนฺติ โลเก, ตเมว พาโลติ ปุนาหุ อเญฺญ;
‘‘Yaṃ paṇḍitotyeke vadanti loke, tameva bāloti punāhu aññe;
อกฺขาหิ เม วิปฺปวทนฺติ เอตฺถ, กํ ปณฺฑิตํ นาค ตุวํ วเทสี’’ติฯ
Akkhāhi me vippavadanti ettha, kaṃ paṇḍitaṃ nāga tuvaṃ vadesī’’ti.
ตตฺถ ยํ ปณฺฑิโตเตฺยเกติ โส กิร ‘‘หทยํ ปณฺฑิตสฺสา’’ติ สุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘ยํ เอเก ปณฺฑิโตติ วทนฺติ, ตเมว อเญฺญ พาโลติ กเถนฺติฯ กิญฺจาปิ เม อิรนฺธติยา วิธุโรติ อกฺขาตํ, ตถาปิ ตถโต ชานิตุํ ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ
Tattha yaṃpaṇḍitotyeketi so kira ‘‘hadayaṃ paṇḍitassā’’ti sutvā cintesi ‘‘yaṃ eke paṇḍitoti vadanti, tameva aññe bāloti kathenti. Kiñcāpi me irandhatiyā vidhuroti akkhātaṃ, tathāpi tathato jānituṃ pucchissāmi na’’nti. Tasmā evamāha.
นาคราชา อาห –
Nāgarājā āha –
๑๓๖๕.
1365.
‘‘โกรพฺยราชสฺส ธนญฺจยสฺส, ยทิ เต สุโต วิธุโร นาม กตฺตา;
‘‘Korabyarājassa dhanañcayassa, yadi te suto vidhuro nāma kattā;
อาเนหิ ตํ ปณฺฑิตํ ธมฺมลทฺธา, อิรนฺธตี ปทจรา เต โหตู’’ติฯ
Ānehi taṃ paṇḍitaṃ dhammaladdhā, irandhatī padacarā te hotū’’ti.
ตตฺถ ธมฺมลทฺธาติ ธเมฺมน ลภิตฺวาฯ ปทจราติ ปาทปริจาริกาฯ
Tattha dhammaladdhāti dhammena labhitvā. Padacarāti pādaparicārikā.
ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก โสมนสฺสปฺปโตฺต สินฺธวํ นยนตฺถาย อุปฎฺฐากํ อาณาเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ sutvā puṇṇako somanassappatto sindhavaṃ nayanatthāya upaṭṭhākaṃ āṇāpesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๖๖.
1366.
‘‘อิทญฺจ สุตฺวา วรุณสฺส วากฺยํ, อุฎฺฐาย ยโกฺข ปรมปฺปตีโต;
‘‘Idañca sutvā varuṇassa vākyaṃ, uṭṭhāya yakkho paramappatīto;
ตเตฺถว สโนฺต ปุริสํ อสํสิ, อาเนหิ อาชญฺญมิเธว ยุตฺต’’นฺติฯ
Tattheva santo purisaṃ asaṃsi, ānehi ājaññamidheva yutta’’nti.
ตตฺถ ปุริสํ อสํสีติ อตฺตโน อุปฎฺฐากํ อาณาเปสิฯ อาชญฺญนฺติ การณาการณชานนกสินฺธวํฯ ยุตฺตนฺติ กปฺปิตํฯ
Tattha purisaṃ asaṃsīti attano upaṭṭhākaṃ āṇāpesi. Ājaññanti kāraṇākāraṇajānanakasindhavaṃ. Yuttanti kappitaṃ.
๑๓๖๗.
1367.
‘‘ชาตรูปมยา กณฺณา, กาจมฺหิจมยา ขุรา;
‘‘Jātarūpamayā kaṇṇā, kācamhicamayā khurā;
ชโมฺพนทสฺส ปากสฺส, สุวณฺณสฺส อุรจฺฉโท’’ติฯ
Jambonadassa pākassa, suvaṇṇassa uracchado’’ti.
ตตฺถ ชาตรูปมยา กณฺณาติ ตเมว สินฺธวํ วเณฺณโนฺต อาหฯ ตสฺส หิ มโนมยสฺส สินฺธวสฺส ชาตรูปมยา กณฺณา, กาจมฺหิจมยา ขุรา, ตสฺส ขุรา รตฺตมณิมยาติ อโตฺถฯ ชโมฺพนทสฺส ปากสฺสาติ ชโมฺพนทสฺส ปกฺกสฺส รตฺตสุวณฺณสฺส อุรจฺฉโทฯ
Tattha jātarūpamayā kaṇṇāti tameva sindhavaṃ vaṇṇento āha. Tassa hi manomayassa sindhavassa jātarūpamayā kaṇṇā, kācamhicamayā khurā, tassa khurā rattamaṇimayāti attho. Jambonadassa pākassāti jambonadassa pakkassa rattasuvaṇṇassa uracchado.
โส ปุริโส ตาวเทว ตํ สินฺธวํ อาเนสิฯ ปุณฺณโก ตํ อภิรุยฺห อากาเสน เวสฺสวณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา นาคภวนํ วเณฺณตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ –
So puriso tāvadeva taṃ sindhavaṃ ānesi. Puṇṇako taṃ abhiruyha ākāsena vessavaṇassa santikaṃ gantvā nāgabhavanaṃ vaṇṇetvā taṃ pavattiṃ ārocesi. Tassatthassa pakāsanatthaṃ idaṃ vuttaṃ –
๑๓๖๘.
1368.
‘‘เทววาหวหํ ยานํ, อสฺสมารุยฺห ปุณฺณโก;
‘‘Devavāhavahaṃ yānaṃ, assamāruyha puṇṇako;
อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสุ, ปกฺกามิ เวหายสมนฺตลิเกฺขฯ
Alaṅkato kappitakesamassu, pakkāmi vehāyasamantalikkhe.
๑๓๖๙.
1369.
‘‘โส ปุณฺณโก กามราเคน คิโทฺธ, อิรนฺธติํ นาคกญฺญํ ชิคีสํ;
‘‘So puṇṇako kāmarāgena giddho, irandhatiṃ nāgakaññaṃ jigīsaṃ;
คนฺตฺวาน ตํ ภูตปติํ ยสสฺสิํ, อิจฺจพฺรวี เวสฺสวณํ กุเวรํฯ
Gantvāna taṃ bhūtapatiṃ yasassiṃ, iccabravī vessavaṇaṃ kuveraṃ.
๑๓๗๐.
1370.
‘‘โภควตี นาม มนฺทิเร, วาสา หิรญฺญวตีติ วุจฺจติ;
‘‘Bhogavatī nāma mandire, vāsā hiraññavatīti vuccati;
นคเร นิมฺมิเต กญฺจนมเย, มณฺฑลสฺส อุรคสฺส นิฎฺฐิตํฯ
Nagare nimmite kañcanamaye, maṇḍalassa uragassa niṭṭhitaṃ.
๑๓๗๑.
1371.
‘‘อฎฺฎาลกา โอฎฺฐคีวิโย, โลหิตงฺกสฺส มสารคลฺลิโน;
‘‘Aṭṭālakā oṭṭhagīviyo, lohitaṅkassa masāragallino;
ปาสาเทตฺถ สิลามยา, โสวณฺณรตเนหิ ฉาทิตาฯ
Pāsādettha silāmayā, sovaṇṇaratanehi chāditā.
๑๓๗๒.
1372.
‘‘อมฺพา ติลกา จ ชมฺพุโย, สตฺตปณฺณา มุจลินฺทเกตกา;
‘‘Ambā tilakā ca jambuyo, sattapaṇṇā mucalindaketakā;
ปิยงฺคุ อุทฺทาลกา สหา, อุปริภทฺทกา สินฺทุวารกาฯ
Piyaṅgu uddālakā sahā, uparibhaddakā sinduvārakā.
๑๓๗๓.
1373.
‘‘จเมฺปยฺยกา นาคมลฺลิกา, ภคินีมาลา อถ เมตฺถ โกลิยา;
‘‘Campeyyakā nāgamallikā, bhaginīmālā atha mettha koliyā;
เอเต ทุมา ปริณามิตา, โสภยนฺติ อุรคสฺส มนฺทิรํฯ
Ete dumā pariṇāmitā, sobhayanti uragassa mandiraṃ.
๑๓๗๔.
1374.
‘‘ขชฺชุเรตฺถ สิลามยา, โสวณฺณธุวปุปฺผิตา พหู;
‘‘Khajjurettha silāmayā, sovaṇṇadhuvapupphitā bahū;
ยตฺถ วสโตปปาติโก, นาคราชา วรุโณ มหิทฺธิโกฯ
Yattha vasatopapātiko, nāgarājā varuṇo mahiddhiko.
๑๓๗๕.
1375.
‘‘ตสฺส โกมาริกา ภริยา, วิมลา กญฺจนเวลฺลิวิคฺคหา;
‘‘Tassa komārikā bhariyā, vimalā kañcanavelliviggahā;
กาลา ตรุณาว อุคฺคตา, ปุจิมนฺทตฺถนี จารุทสฺสนาฯ
Kālā taruṇāva uggatā, pucimandatthanī cārudassanā.
๑๓๗๖.
1376.
‘‘ลาขารสรตฺตสุจฺฉวี , กณิการาว นิวาตปุปฺผิตา;
‘‘Lākhārasarattasucchavī , kaṇikārāva nivātapupphitā;
ติทิโวกจราว อจฺฉรา, วิชฺชุวพฺภฆนา วินิสฺสฎาฯ
Tidivokacarāva accharā, vijjuvabbhaghanā vinissaṭā.
๑๓๗๗.
1377.
‘‘สา โทหฬินี สุวิมฺหิตา, วิธุรสฺส หทยํ ธนิยติ;
‘‘Sā dohaḷinī suvimhitā, vidhurassa hadayaṃ dhaniyati;
ตํ เตสํ เทมิ อิสฺสร, เตน เต เทนฺติ อิรนฺธติํ มม’’นฺติฯ
Taṃ tesaṃ demi issara, tena te denti irandhatiṃ mama’’nti.
ตตฺถ เทววาหวหํ ยานนฺติ วหิตโพฺพติ วาโห, เทวสงฺขาตํ วาหํ วหตีติ เทววาหวหํฯ ยนฺติ เอเตนาติ ยานํฯ กปฺปิตเกสมสฺสูติ มณฺฑนวเสน สุสํวิหิตเกสมสฺสุฯ เทวานํ ปน เกสมสฺสุกรณกมฺมํ นาม นตฺถิ, วิจิตฺตกถิเกน ปน กถิตํฯ ชิคีสนฺติ ปตฺถยโนฺตฯ เวสฺสวณนฺติ วิสาณาย ราชธานิยา อิสฺสรราชานํฯ กุเวรนฺติ เอวํนามกํฯ โภควตี นามาติ สมฺปนฺนโภคตาย เอวํลทฺธนามํฯ มนฺทิเรติ มนฺทิรํ, ภวนนฺติ อโตฺถฯ วาสา หิรญฺญวตีติ นาคราชสฺส วสนฎฺฐานตฺตา วาสาติ จ, กญฺจนวติยา สุวณฺณปากาเรน ปริกฺขิตฺตตฺตา หิรญฺญวตีติ จ วุจฺจติฯ นคเร นิมฺมิเตติ นครํ นิมฺมิตํฯ กญฺจนมเยติ สุวณฺณมยํฯ มณฺฑลสฺสาติ โภคมณฺฑเลน สมนฺนาคตสฺสฯ นิฎฺฐิตนฺติ กรณปรินิฎฺฐิตํฯ โอฎฺฐคีวิโยติ โอฎฺฐคีวาสณฺฐาเนน กตา รตฺตมณิมสารคลฺลมยา อฎฺฎาลกาฯ ปาสาเทตฺถาติ เอตฺถ นาคภวเน ปาสาทาฯ สิลามยาติ มณิมยาฯ โสวณฺณรตเนหีติ สุวณฺณสงฺขาเตหิ รตเนหิ, สุวณฺณิฎฺฐกาหิ ฉาทิตาติ อโตฺถฯ สหาติ สหการาฯ อุปริภทฺทกาติ อุทฺทาลกชาติกาเยว รุกฺขาฯ จเมฺปยฺยกา นาคมลฺลิกาติ จมฺปกา จ นาคา จ มลฺลิกา จฯ ภคินีมาลา อถ เมตฺถ โกลิยาติ ภคินีมาลา เจว อถ เอตฺถ นาคภวเน โกลิยา นาม รุกฺขา จฯ เอเต ทุมา ปริณามิตาติ เอเต ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขา อญฺญมญฺญํ สงฺฆฎฺฎสาขตาย ปริณามิตา อากุลสมากุลาฯ ขชฺชุเรตฺถาติ ขชฺชุริรุกฺขา เอตฺถฯ สิลามยาติ อินฺทนีลมณิมยาฯ โสวณฺณธุวปุปฺผิตาติ เต ปน สุวณฺณปุเปฺผหิ นิจฺจปุปฺผิตาฯ ยตฺถ วสโตปปาติโกติ ยตฺถ นาคภวเน โอปปาติโก นาคราชา วสติฯ กญฺจนเวลฺลิวิคฺคหาติ สุวณฺณราสิสสฺสิริกสรีราฯ กาลา ตรุณาว อุคฺคตาติ วิลาสยุตฺตตาย มนฺทวาเตริตา กาลวลฺลิปลฺลวา วิย อุคฺคตาฯ ปุจิมนฺทตฺถนีติ นิมฺพผลสณฺฐานจูจุกา ฯ ลาขารสรตฺตสุจฺฉวีติ หตฺถปาทตลฉวิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ติทิโวกจราติ ติทสภวนจราฯ วิชฺชุวพฺภฆนาติ อพฺภฆนวลาหกนฺตรโต นิสฺสฎา วิชฺชุลตา วิยฯ ตํ เตสํ เทมีติ ตํ ตสฺส หทยํ อหํ เตสํ เทมิ, เอวํ ชานสฺสุฯ อิสฺสราติ มาตุลํ อาลปติฯ
Tattha devavāhavahaṃ yānanti vahitabboti vāho, devasaṅkhātaṃ vāhaṃ vahatīti devavāhavahaṃ. Yanti etenāti yānaṃ. Kappitakesamassūti maṇḍanavasena susaṃvihitakesamassu. Devānaṃ pana kesamassukaraṇakammaṃ nāma natthi, vicittakathikena pana kathitaṃ. Jigīsanti patthayanto. Vessavaṇanti visāṇāya rājadhāniyā issararājānaṃ. Kuveranti evaṃnāmakaṃ. Bhogavatī nāmāti sampannabhogatāya evaṃladdhanāmaṃ. Mandireti mandiraṃ, bhavananti attho. Vāsā hiraññavatīti nāgarājassa vasanaṭṭhānattā vāsāti ca, kañcanavatiyā suvaṇṇapākārena parikkhittattā hiraññavatīti ca vuccati. Nagare nimmiteti nagaraṃ nimmitaṃ. Kañcanamayeti suvaṇṇamayaṃ. Maṇḍalassāti bhogamaṇḍalena samannāgatassa. Niṭṭhitanti karaṇapariniṭṭhitaṃ. Oṭṭhagīviyoti oṭṭhagīvāsaṇṭhānena katā rattamaṇimasāragallamayā aṭṭālakā. Pāsādetthāti ettha nāgabhavane pāsādā. Silāmayāti maṇimayā. Sovaṇṇaratanehīti suvaṇṇasaṅkhātehi ratanehi, suvaṇṇiṭṭhakāhi chāditāti attho. Sahāti sahakārā. Uparibhaddakāti uddālakajātikāyeva rukkhā. Campeyyakā nāgamallikāti campakā ca nāgā ca mallikā ca. Bhaginīmālā atha mettha koliyāti bhaginīmālā ceva atha ettha nāgabhavane koliyā nāma rukkhā ca. Ete dumā pariṇāmitāti ete pupphūpagaphalūpagarukkhā aññamaññaṃ saṅghaṭṭasākhatāya pariṇāmitā ākulasamākulā. Khajjuretthāti khajjurirukkhā ettha. Silāmayāti indanīlamaṇimayā. Sovaṇṇadhuvapupphitāti te pana suvaṇṇapupphehi niccapupphitā. Yattha vasatopapātikoti yattha nāgabhavane opapātiko nāgarājā vasati. Kañcanavelliviggahāti suvaṇṇarāsisassirikasarīrā. Kālā taruṇāva uggatāti vilāsayuttatāya mandavāteritā kālavallipallavā viya uggatā. Pucimandatthanīti nimbaphalasaṇṭhānacūcukā . Lākhārasarattasucchavīti hatthapādatalachaviṃ sandhāya vuttaṃ. Tidivokacarāti tidasabhavanacarā. Vijjuvabbhaghanāti abbhaghanavalāhakantarato nissaṭā vijjulatā viya. Taṃ tesaṃ demīti taṃ tassa hadayaṃ ahaṃ tesaṃ demi, evaṃ jānassu. Issarāti mātulaṃ ālapati.
อิติ โส เวสฺสวเณน อนนุญฺญาโต คนฺตุํ อวิสหิตฺวา ตํ อนุชานาเปตุํ เอตา เอตฺตกา คาถา กเถสิฯ เวสฺสวโณ ปน ตสฺส กถํ น สุณาติฯ กิํการณา? ทฺวินฺนํ เทวปุตฺตานํ วิมานอฑฺฑํ ปริจฺฉินฺทตีติฯ ปุณฺณโก อตฺตโน วจนสฺส อสฺสุตภาวํ ญตฺวา ชินกเทวปุตฺตสฺส สนฺติเก อฎฺฐาสิฯ เวสฺสวโณ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตฺวา ปราชิตํ อนุฎฺฐาเปตฺวา อิตรํ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, ตว วิมาเน วสาหี’’ติ อาหฯ ปุณฺณโก ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วุตฺตกฺขเณเยว ‘‘มยฺหํ มาตุเลน มม เปสิตภาวํ ชานาถา’’ติ กติปยเทวปุเตฺต สกฺขิํ กตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว สินฺธวํ อาหราเปตฺวา อภิรุยฺห ปกฺกามิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti so vessavaṇena ananuññāto gantuṃ avisahitvā taṃ anujānāpetuṃ etā ettakā gāthā kathesi. Vessavaṇo pana tassa kathaṃ na suṇāti. Kiṃkāraṇā? Dvinnaṃ devaputtānaṃ vimānaaḍḍaṃ paricchindatīti. Puṇṇako attano vacanassa assutabhāvaṃ ñatvā jinakadevaputtassa santike aṭṭhāsi. Vessavaṇo aḍḍaṃ vinicchinitvā parājitaṃ anuṭṭhāpetvā itaraṃ ‘‘gaccha tvaṃ, tava vimāne vasāhī’’ti āha. Puṇṇako ‘‘gaccha tva’’nti vuttakkhaṇeyeva ‘‘mayhaṃ mātulena mama pesitabhāvaṃ jānāthā’’ti katipayadevaputte sakkhiṃ katvā heṭṭhā vuttanayeneva sindhavaṃ āharāpetvā abhiruyha pakkāmi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๗๘.
1378.
‘‘โส ปุณฺณโก ภูตปติํ ยสสฺสิํ, อามนฺตย เวสฺสวณํ กุเวรํ;
‘‘So puṇṇako bhūtapatiṃ yasassiṃ, āmantaya vessavaṇaṃ kuveraṃ;
ตเตฺถว สโนฺต ปุริสํ อสํสิ, อาเนหิ อาชญฺญมิเธว ยุตฺตํฯ
Tattheva santo purisaṃ asaṃsi, ānehi ājaññamidheva yuttaṃ.
๑๓๗๙.
1379.
‘‘ชาตรูปมยา กณฺณา, กาจมฺหิจมยา ขุรา;
‘‘Jātarūpamayā kaṇṇā, kācamhicamayā khurā;
ชโมฺพนทสฺส ปากสฺส, สุวณฺณสฺส อุรจฺฉโทฯ
Jambonadassa pākassa, suvaṇṇassa uracchado.
๑๓๘๐.
1380.
‘‘เทววาหวหํ ยานํ, อสฺสมารุยฺห ปุณฺณโก;
‘‘Devavāhavahaṃ yānaṃ, assamāruyha puṇṇako;
อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสุ, ปกฺกามิ เวหายสมนฺตลิเกฺข’’ติฯ
Alaṅkato kappitakesamassu, pakkāmi vehāyasamantalikkhe’’ti.
ตตฺถ อามนฺตยาติ อามนฺตยิตฺวาฯ
Tattha āmantayāti āmantayitvā.
โส อากาเสน คจฺฉโนฺตเยว จิเนฺตสิ ‘‘วิธุรปณฺฑิโต มหาปริวาโร, น สกฺกา ตํ คณฺหิตุํ, ธนญฺจยโกรโพฺย ปน ชูตวิตฺตโก, ตํ ชูเตน ชินิตฺวา วิธุรํ คณฺหิสฺสามิ, ฆเร ปนสฺส พหูนิ รตนานิ, อปฺปเคฺฆน ลเกฺขน ชูตํ น กีฬิสฺสติ, มหคฺฆรตนํ หริตุํ วฎฺฎติ, อญฺญํ รตนํ ราชา น คณฺหิสฺสติ, ราชคหสฺส สามนฺตา เวปุลฺลปพฺพตพฺภนฺตเร จกฺกวตฺติรโญฺญ ปริโภคมณิรตนํ อตฺถิ มหานุภาวํ, ตํ คเหตฺวา เตน ราชานํ ปโลเภตฺวา ชินิสฺสามี’’ติฯ โส ตถา อกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
So ākāsena gacchantoyeva cintesi ‘‘vidhurapaṇḍito mahāparivāro, na sakkā taṃ gaṇhituṃ, dhanañcayakorabyo pana jūtavittako, taṃ jūtena jinitvā vidhuraṃ gaṇhissāmi, ghare panassa bahūni ratanāni, appagghena lakkhena jūtaṃ na kīḷissati, mahaggharatanaṃ harituṃ vaṭṭati, aññaṃ ratanaṃ rājā na gaṇhissati, rājagahassa sāmantā vepullapabbatabbhantare cakkavattirañño paribhogamaṇiratanaṃ atthi mahānubhāvaṃ, taṃ gahetvā tena rājānaṃ palobhetvā jinissāmī’’ti. So tathā akāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๘๑.
1381.
‘‘โส อคฺคมา ราชคหํ สุรมฺมํ, องฺคสฺส รโญฺญ นครํ ทุรายุตํ;
‘‘So aggamā rājagahaṃ surammaṃ, aṅgassa rañño nagaraṃ durāyutaṃ;
ปหูตภกฺขํ พหุอนฺนปานํ, มสกฺกสารํ วิย วาสวสฺสฯ
Pahūtabhakkhaṃ bahuannapānaṃ, masakkasāraṃ viya vāsavassa.
๑๓๘๒.
1382.
‘‘มยูรโกญฺจาคณสมฺปฆุฎฺฐํ , ทิชาภิฆุฎฺฐํ ทิชสงฺฆเสวิตํ;
‘‘Mayūrakoñcāgaṇasampaghuṭṭhaṃ , dijābhighuṭṭhaṃ dijasaṅghasevitaṃ;
นานาสกุนฺตาภิรุทํ สุวงฺคณํ, ปุปฺผาภิกิณฺณํ หิมวํว ปพฺพตํฯ
Nānāsakuntābhirudaṃ suvaṅgaṇaṃ, pupphābhikiṇṇaṃ himavaṃva pabbataṃ.
๑๓๘๓.
1383.
‘‘โส ปุณฺณโก เวปุลมาภิรูหิ, สิลุจฺจยํ กิมฺปุริสานุจิณฺณํ;
‘‘So puṇṇako vepulamābhirūhi, siluccayaṃ kimpurisānuciṇṇaṃ;
อเนฺวสมาโน มณิรตนํ อุฬารํ, ตมทฺทสา ปพฺพตกูฎมเชฺฌ’’ติฯ
Anvesamāno maṇiratanaṃ uḷāraṃ, tamaddasā pabbatakūṭamajjhe’’ti.
ตตฺถ องฺคสฺส รโญฺญติ ตทา องฺคสฺส รโญฺญว มคธรชฺชํ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘องฺคสฺส รโญฺญ นคร’’นฺติฯ ทุรายุตนฺติ ปจฺจตฺถิเกหิ ทุรายุตฺตํฯ มสกฺกสารํ วิย วาสวสฺสาติ มสกฺกสารสงฺขาเต สิเนรุปพฺพตมตฺถเก มาปิตตฺตา ‘‘มสกฺกสาร’’นฺติ ลทฺธนามํ วาสวสฺส ภวนํ วิยฯ ทิชาภิฆุฎฺฐนฺติ อเญฺญหิ จ ปกฺขีหิ อภิสงฺฆุฎฺฐํ นินฺนาทิตํฯ นานาสกุนฺตาภิรุทนฺติ มธุรสฺสเรน คายเนฺตหิ วิย นานาวิเธหิ สกุเณหิ อภิรุทํ, อภิคีตนฺติ อโตฺถฯ สุวงฺคณนฺติ สุนฺทรองฺคณํ มนุญฺญตลํฯ หิมวํว ปพฺพตนฺติ หิมวนฺตปพฺพตํ วิยฯ เวปุลมาภิรูหีติ ภิกฺขเว, โส ปุณฺณโก เอวรูปํ เวปุลฺลปพฺพตํ อภิรุหิฯ ปพฺพตกูฎมเชฺฌติ ปพฺพตกูฎอนฺตเร ตํ มณิํ อทฺทสฯ
Tattha aṅgassa raññoti tadā aṅgassa raññova magadharajjaṃ ahosi. Tena vuttaṃ – ‘‘aṅgassa rañño nagara’’nti. Durāyutanti paccatthikehi durāyuttaṃ. Masakkasāraṃ viya vāsavassāti masakkasārasaṅkhāte sinerupabbatamatthake māpitattā ‘‘masakkasāra’’nti laddhanāmaṃ vāsavassa bhavanaṃ viya. Dijābhighuṭṭhanti aññehi ca pakkhīhi abhisaṅghuṭṭhaṃ ninnāditaṃ. Nānāsakuntābhirudanti madhurassarena gāyantehi viya nānāvidhehi sakuṇehi abhirudaṃ, abhigītanti attho. Suvaṅgaṇanti sundaraaṅgaṇaṃ manuññatalaṃ. Himavaṃva pabbatanti himavantapabbataṃ viya. Vepulamābhirūhīti bhikkhave, so puṇṇako evarūpaṃ vepullapabbataṃ abhiruhi. Pabbatakūṭamajjheti pabbatakūṭaantare taṃ maṇiṃ addasa.
๑๓๘๔.
1384.
‘‘ทิสฺวา มณิํ ปภสฺสรํ ชาติมนฺตํ, มโนหรํ มณิรตนํ อุฬารํ;
‘‘Disvā maṇiṃ pabhassaraṃ jātimantaṃ, manoharaṃ maṇiratanaṃ uḷāraṃ;
ททฺทลฺลมานํ ยสสา ยสสฺสินํ, โอภาสตี วิชฺชุริวนฺตลิเกฺขฯ
Daddallamānaṃ yasasā yasassinaṃ, obhāsatī vijjurivantalikkhe.
๑๓๘๕.
1385.
‘‘ตมคฺคหี เวฬุริยํ มหคฺฆํ, มโนหรํ นาม มหานุภาวํ;
‘‘Tamaggahī veḷuriyaṃ mahagghaṃ, manoharaṃ nāma mahānubhāvaṃ;
อาชญฺญมารุยฺห มโนมวโณฺณ, ปกฺกามิ เวหายสมนฺตลิเกฺข’’ติฯ
Ājaññamāruyha manomavaṇṇo, pakkāmi vehāyasamantalikkhe’’ti.
ตตฺถ มโนหรนฺติ มนสาภิปตฺถิตสฺส ธนสฺส อาหรณสมตฺถํฯ ททฺทลฺลมานนฺติ อุชฺชลมานํฯ ยสสาติ ปริวารมณิคเณนฯ โอภาสตีติ ตํ มณิรตนํ อากาเส วิชฺชุริว โอภาสติฯ ตมคฺคหีติ ตํ มณิรตนํ อคฺคเหสิฯ ตํ ปน มณิรตนํ กุมฺภิโร นาม ยโกฺข กุมฺภณฺฑสหสฺสปริวาโร รกฺขติฯ โส ปน เตน กุชฺฌิตฺวา โอโลกิตมเตฺตเนว ภีตตสิโต ปลายิตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺวา กมฺปมาโน โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ อิติ ตํ ปลาเปตฺวา ปุณฺณโก มณิรตนํ อคฺคเหสิฯ มโนหรํ นามาติ มนสา จินฺติตํ ธนํ อาหริตุํ สโกฺกตีติ เอวํลทฺธนามํฯ
Tattha manoharanti manasābhipatthitassa dhanassa āharaṇasamatthaṃ. Daddallamānanti ujjalamānaṃ. Yasasāti parivāramaṇigaṇena. Obhāsatīti taṃ maṇiratanaṃ ākāse vijjuriva obhāsati. Tamaggahīti taṃ maṇiratanaṃ aggahesi. Taṃ pana maṇiratanaṃ kumbhiro nāma yakkho kumbhaṇḍasahassaparivāro rakkhati. So pana tena kujjhitvā olokitamatteneva bhītatasito palāyitvā cakkavāḷapabbataṃ patvā kampamāno olokento aṭṭhāsi. Iti taṃ palāpetvā puṇṇako maṇiratanaṃ aggahesi. Manoharaṃ nāmāti manasā cintitaṃ dhanaṃ āharituṃ sakkotīti evaṃladdhanāmaṃ.
อิติ โส ตํ คเหตฺวา อากาเสน คจฺฉโนฺต ตํ นครํ ปโตฺตฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti so taṃ gahetvā ākāsena gacchanto taṃ nagaraṃ patto. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๘๖.
1386.
‘‘โส อคฺคมา นครมินฺทปตฺถํ, โอรุยฺหุปาคจฺฉิ สภํ กุรูนํ;
‘‘So aggamā nagaramindapatthaṃ, oruyhupāgacchi sabhaṃ kurūnaṃ;
สมาคเต เอกสตํ สมเคฺค, อเวฺหตฺถ ยโกฺข อวิกมฺปมาโนฯ
Samāgate ekasataṃ samagge, avhettha yakkho avikampamāno.
๑๓๘๗.
1387.
‘‘โก นีธ รญฺญํ วรมาภิเชติ, กมาภิเชยฺยาม วรทฺธเนน;
‘‘Ko nīdha raññaṃ varamābhijeti, kamābhijeyyāma varaddhanena;
กมนุตฺตรํ รตนวรํ ชินาม, โก วาปิ โน เชติ วรทฺธเนนา’’ติฯ
Kamanuttaraṃ ratanavaraṃ jināma, ko vāpi no jeti varaddhanenā’’ti.
ตตฺถ โอรุยฺหุปาคจฺฉิ สภํ กุรูนนฺติ ภิกฺขเว, โส ปุณฺณโก อสฺสปิฎฺฐิโต โอรุยฺห อสฺสํ อทิสฺสมานรูปํ ฐเปตฺวา มาณวกวเณฺณน กุรูนํ สภํ อุปคโตฯ เอกสตนฺติ เอกสตราชาโน อฉมฺภีโต หุตฺวา ‘‘โก นีธา’’ติอาทีนิ วทโนฺต ชูเตน อเวฺหตฺถฯ โก นีธาติ โก นุ อิมสฺมิํ ราชสมาคเมฯ รญฺญนฺติ ราชูนํ อนฺตเรฯ วรมาภิเชตีติ อมฺหากํ สนฺตกํ เสฎฺฐรตนํ อภิเชติ, ‘‘อหํ ชินามี’’ติ วตฺตุํ อุสฺสหติฯ กมาภิเชยฺยามาติ กํ วา มยํ ชิเนยฺยามฯ วรทฺธเนนาติ อุตฺตมธเนนฯ กมนุตฺตรนฺติ ชินโนฺต จ กตรํ ราชานํ อนุตฺตรํ รตนวรํ ชินามฯ โก วาปิ โน เชตีติ อถ วา โก นาม ราชา อเมฺห วรธเนน เชติฯ อิติ โส จตูหิ ปเทหิ โกรพฺยเมว ฆเฎฺฎติฯ
Tattha oruyhupāgacchi sabhaṃ kurūnanti bhikkhave, so puṇṇako assapiṭṭhito oruyha assaṃ adissamānarūpaṃ ṭhapetvā māṇavakavaṇṇena kurūnaṃ sabhaṃ upagato. Ekasatanti ekasatarājāno achambhīto hutvā ‘‘ko nīdhā’’tiādīni vadanto jūtena avhettha. Ko nīdhāti ko nu imasmiṃ rājasamāgame. Raññanti rājūnaṃ antare. Varamābhijetīti amhākaṃ santakaṃ seṭṭharatanaṃ abhijeti, ‘‘ahaṃ jināmī’’ti vattuṃ ussahati. Kamābhijeyyāmāti kaṃ vā mayaṃ jineyyāma. Varaddhanenāti uttamadhanena. Kamanuttaranti jinanto ca kataraṃ rājānaṃ anuttaraṃ ratanavaraṃ jināma. Ko vāpi no jetīti atha vā ko nāma rājā amhe varadhanena jeti. Iti so catūhi padehi korabyameva ghaṭṭeti.
อถ ราชา ‘‘มยา อิโต ปุเพฺพ เอวํ สูโร หุตฺวา กเถโนฺต นาม น ทิฎฺฐปุโพฺพ, โก นุ โข เอโส’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –
Atha rājā ‘‘mayā ito pubbe evaṃ sūro hutvā kathento nāma na diṭṭhapubbo, ko nu kho eso’’ti cintetvā pucchanto gāthamāha –
๑๓๘๘.
1388.
‘‘กุหิํ นุ รเฎฺฐ ตว ชาติภูมิ, น โกรพฺยเสฺสว วโจ ตเวทํ;
‘‘Kuhiṃ nu raṭṭhe tava jātibhūmi, na korabyasseva vaco tavedaṃ;
อภีโตสิ โน วณฺณนิภาย สเพฺพ, อกฺขาหิ เม นามญฺจ พนฺธเว จา’’ติฯ
Abhītosi no vaṇṇanibhāya sabbe, akkhāhi me nāmañca bandhave cā’’ti.
ตตฺถ น โกรพฺยเสฺสวาติ กุรุรฎฺฐวาสิกเสฺสว ตว วจนํ น โหติฯ
Tattha na korabyassevāti kururaṭṭhavāsikasseva tava vacanaṃ na hoti.
ตํ สุตฺวา อิตโร ‘‘อยํ ราชา มม นามํ ปุจฺฉติ, ปุณฺณโก จ นาม ทาโส โหติฯ สจาหํ ‘ปุณฺณโกสฺมี’ติ วกฺขามิ, ‘เอส ทาโส, ตสฺมา มํ ปคพฺภตาย เอวํ วเทตี’ติ อวมญฺญิสฺสติ, อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว นามมสฺส กเถสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā itaro ‘‘ayaṃ rājā mama nāmaṃ pucchati, puṇṇako ca nāma dāso hoti. Sacāhaṃ ‘puṇṇakosmī’ti vakkhāmi, ‘esa dāso, tasmā maṃ pagabbhatāya evaṃ vadetī’ti avamaññissati, anantarātīte attabhāve nāmamassa kathessāmī’’ti cintetvā gāthamāha –
๑๓๘๙.
1389.
‘‘กจฺจายโน มาณวโกสฺมิ ราช, อนูนนาโม อิติ มวฺหยนฺติ;
‘‘Kaccāyano māṇavakosmi rāja, anūnanāmo iti mavhayanti;
อเงฺคสุ เม ญาตโย พนฺธวา จ, อเกฺขน เทวสฺมิ อิธานุปโตฺต’’ติฯ
Aṅgesu me ñātayo bandhavā ca, akkhena devasmi idhānupatto’’ti.
ตตฺถ อนูนนาโมติ น อูนนาโมฯ อิมินา อตฺตโน ปุณฺณกนามเมว ปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา กเถติฯ อิติ มวฺหยนฺตีติ อิติ มํ อวฺหยนฺติ ปโกฺกสนฺติ ฯ อเงฺคสูติ องฺครเฎฺฐ กาลจมฺปานคเร วสนฺติฯ อเกฺขน เทวสฺมีติ เทว, ชูตกีฬนเตฺถน อิธ อนุปฺปโตฺตสฺมิฯ
Tattha anūnanāmoti na ūnanāmo. Iminā attano puṇṇakanāmameva paṭicchannaṃ katvā katheti. Iti mavhayantīti iti maṃ avhayanti pakkosanti . Aṅgesūti aṅgaraṭṭhe kālacampānagare vasanti. Akkhena devasmīti deva, jūtakīḷanatthena idha anuppattosmi.
อถ ราชา ‘‘มาณว, ตฺวํ ชูเตน ชิโต กิํ ทสฺสสิ, กิํ เต อตฺถี’’ติ ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –
Atha rājā ‘‘māṇava, tvaṃ jūtena jito kiṃ dassasi, kiṃ te atthī’’ti pucchanto gāthamāha –
๑๓๙๐.
1390.
‘‘กิํ มาณวสฺส รตนานิ อตฺถิ, เย ตํ ชินโนฺต หเร อกฺขธุโตฺต;
‘‘Kiṃ māṇavassa ratanāni atthi, ye taṃ jinanto hare akkhadhutto;
พหูนิ รโญฺญ รตนานิ อตฺถิ, เต ตฺวํ ทลิโทฺท กถมวฺหเยสี’’ติฯ
Bahūni rañño ratanāni atthi, te tvaṃ daliddo kathamavhayesī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – กิตฺตกานิ โภโต มาณวสฺส รตนานิ อตฺถิ, เย ตํ ชินโนฺต อกฺขธุโตฺต ‘‘อาหรา’’ติ วตฺวา หเรยฺยฯ รโญฺญ ปน นิเวสเน พหูนิ รตนานิ อตฺถิ, เต ราชาโน เอวํ พหุธเน ตฺวํ ทลิโทฺท สมาโน กถํ ชูเตน อวฺหยสีติฯ
Tassattho – kittakāni bhoto māṇavassa ratanāni atthi, ye taṃ jinanto akkhadhutto ‘‘āharā’’ti vatvā hareyya. Rañño pana nivesane bahūni ratanāni atthi, te rājāno evaṃ bahudhane tvaṃ daliddo samāno kathaṃ jūtena avhayasīti.
ตโต ปุณฺณโก คาถมาห –
Tato puṇṇako gāthamāha –
๑๓๙๑.
1391.
‘‘มโนหโร นาม มณี มมายํ, มโนหรํ มณิรตนํ อุฬารํ;
‘‘Manoharo nāma maṇī mamāyaṃ, manoharaṃ maṇiratanaṃ uḷāraṃ;
อิมญฺจ อาชญฺญมมิตฺตตาปนํ, เอตํ เม ชินิตฺวา หเร อกฺขธุโตฺต’’ติฯ
Imañca ājaññamamittatāpanaṃ, etaṃ me jinitvā hare akkhadhutto’’ti.
ปาฬิโปตฺถเกสุ ปน ‘‘มณิ มม วิชฺชติ โลหิตโงฺก’’ติ ลิขิตํฯ โส ปน มณิ เวฬุริโย, ตสฺมา อิทเมว สเมติฯ
Pāḷipotthakesu pana ‘‘maṇi mama vijjati lohitaṅko’’ti likhitaṃ. So pana maṇi veḷuriyo, tasmā idameva sameti.
ตตฺถ อาชญฺญนฺติ อิมํ อาชานียสฺสญฺจ มณิญฺจาติ เอตํ เม อุภยํ หเรยฺย อกฺขธุโตฺตติ อสฺสํ ทเสฺสตฺวา เอวมาหฯ
Tattha ājaññanti imaṃ ājānīyassañca maṇiñcāti etaṃ me ubhayaṃ hareyya akkhadhuttoti assaṃ dassetvā evamāha.
ตํ สุตฺวา ราชา คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā gāthamāha –
๑๓๙๒.
1392.
‘‘เอโก มณี มาณว กิํ กริสฺสติ, อาชานิเยโก ปน กิํ กริสฺสติ;
‘‘Eko maṇī māṇava kiṃ karissati, ājāniyeko pana kiṃ karissati;
พหูนิ รโญฺญ มณิรตนานิ อตฺถิ, อาชานิยา วาตชวา อนปฺปกา’’ติฯ
Bahūni rañño maṇiratanāni atthi, ājāniyā vātajavā anappakā’’ti.
โทหฬกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Dohaḷakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
มณิกณฺฑํ
Maṇikaṇḍaṃ
โส รโญฺญ กถํ สุตฺวา ‘‘มหาราช, กิํ นาม เอตํ วเทถ, เอโก อโสฺส อสฺสสหสฺสํ ลกฺขํ โหติ, เอโก มณิ มณิสหสฺสํ ลกฺขํ โหติฯ น หิ สเพฺพ อสฺสา เอกสทิสา, อิมสฺส ตาว ชวํ ปสฺสถา’’ติ วตฺวา อสฺสํ อภิรุหิตฺวา ปาการมตฺถเกน เปเสสิฯ สตฺตโยชนิกํ นครํ อเสฺสหิ คีวาย คีวํ ปหรเนฺตหิ ปริกฺขิตฺตํ วิย อโหสิฯ อถานุกฺกเมน อโสฺสปิ น ปญฺญายิ, ยโกฺขปิ น ปญฺญายิ, อุทเร พทฺธรตฺตปโฎว ปญฺญายิฯ โส อสฺสโต โอรุยฺห ‘‘ทิโฎฺฐ, มหาราช, อสฺสสฺส เวโค’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ทิโฎฺฐ’’ติ วุเตฺต ‘‘อิทานิ ปุน ปสฺส, มหาราชา’’ติ วตฺวา อสฺสํ อโนฺตนคเร อุยฺยาเน โปกฺขรณิยา อุทกปิเฎฺฐ เปเสสิ, ขุรคฺคานิ อเตเมโนฺตว ปกฺขนฺทิฯ อถ นํ ปทุมปเตฺตสุ วิจราเปตฺวา ปาณิํ ปหริตฺวา หตฺถํ ปสาเรสิ, อโสฺส อาคนฺตฺวา ปาณิตเล ปติฎฺฐาสิฯ ตโต ‘‘วฎฺฎเต เอวรูปํ อสฺสรตนํ นรินฺทา’’ติ วตฺวา ‘‘วฎฺฎตี’’ติ วุเตฺต ‘‘มหาราช, อสฺสรตนํ ตาว ติฎฺฐตุ, มณิรตนสฺส มหานุภาวํ ปสฺสา’’ติ วตฺวา ตสฺสานุภาวํ ปกาเสโนฺต อาห –
So rañño kathaṃ sutvā ‘‘mahārāja, kiṃ nāma etaṃ vadetha, eko asso assasahassaṃ lakkhaṃ hoti, eko maṇi maṇisahassaṃ lakkhaṃ hoti. Na hi sabbe assā ekasadisā, imassa tāva javaṃ passathā’’ti vatvā assaṃ abhiruhitvā pākāramatthakena pesesi. Sattayojanikaṃ nagaraṃ assehi gīvāya gīvaṃ paharantehi parikkhittaṃ viya ahosi. Athānukkamena assopi na paññāyi, yakkhopi na paññāyi, udare baddharattapaṭova paññāyi. So assato oruyha ‘‘diṭṭho, mahārāja, assassa vego’’ti vatvā ‘‘āma, diṭṭho’’ti vutte ‘‘idāni puna passa, mahārājā’’ti vatvā assaṃ antonagare uyyāne pokkharaṇiyā udakapiṭṭhe pesesi, khuraggāni atementova pakkhandi. Atha naṃ padumapattesu vicarāpetvā pāṇiṃ paharitvā hatthaṃ pasāresi, asso āgantvā pāṇitale patiṭṭhāsi. Tato ‘‘vaṭṭate evarūpaṃ assaratanaṃ narindā’’ti vatvā ‘‘vaṭṭatī’’ti vutte ‘‘mahārāja, assaratanaṃ tāva tiṭṭhatu, maṇiratanassa mahānubhāvaṃ passā’’ti vatvā tassānubhāvaṃ pakāsento āha –
๑๓๙๓.
1393.
‘‘อิทญฺจ เม มณิรตนํ, ปสฺส ตฺวํ ทฺวิปทุตฺตม;
‘‘Idañca me maṇiratanaṃ, passa tvaṃ dvipaduttama;
อิตฺถีนํ วิคฺคหา เจตฺถ, ปุริสานญฺจ วิคฺคหาฯ
Itthīnaṃ viggahā cettha, purisānañca viggahā.
๑๓๙๔.
1394.
‘‘มิคานํ วิคฺคหา เจตฺถ, สกุณานญฺจ วิคฺคหา;
‘‘Migānaṃ viggahā cettha, sakuṇānañca viggahā;
นาคราชา สุปณฺณา จ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Nāgarājā supaṇṇā ca, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ อิตฺถีนนฺติ เอตสฺมิญฺหิ มณิรตเน อลงฺกตปฎิยตฺตา อเนกา อิตฺถิวิคฺคหา ปุริสวิคฺคหา นานปฺปการา มิคปกฺขิสงฺฆา เสนงฺคาทีนิ จ ปญฺญายนฺติ, ตานิ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ นิมฺมิตนฺติ อิทํ เอวรูปํ อเจฺฉรกํ มณิมฺหิ นิมฺมิตํ ปสฺสฯ
Tattha itthīnanti etasmiñhi maṇiratane alaṅkatapaṭiyattā anekā itthiviggahā purisaviggahā nānappakārā migapakkhisaṅghā senaṅgādīni ca paññāyanti, tāni dassento evamāha. Nimmitanti idaṃ evarūpaṃ accherakaṃ maṇimhi nimmitaṃ passa.
‘‘อปรมฺปิ ปสฺสาหี’’ติ วตฺวา คาถา อาห –
‘‘Aparampi passāhī’’ti vatvā gāthā āha –
๑๓๙๕.
1395.
‘‘หตฺถานีกํ รถานีกํ, อเสฺส ปตฺตี จ วมฺมิเน;
‘‘Hatthānīkaṃ rathānīkaṃ, asse pattī ca vammine;
จตุรงฺคินิมํ เสนํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Caturaṅginimaṃ senaṃ, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๓๙๖.
1396.
‘‘หตฺถาโรเห อนีกเฎฺฐ, รถิเก ปตฺติการเก;
‘‘Hatthārohe anīkaṭṭhe, rathike pattikārake;
พลคฺคานิ วิยูฬฺหานิ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Balaggāni viyūḷhāni, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ พลคฺคานีติ พลาเนวฯ วิยูฬฺหานีติ พฺยูหวเสน ฐิตานิฯ
Tattha balaggānīti balāneva. Viyūḷhānīti byūhavasena ṭhitāni.
๑๓๙๗.
1397.
‘‘ปุรํ อุทฺธาปสมฺปนฺนํ, พหุปาการโตรณํ;
‘‘Puraṃ uddhāpasampannaṃ, bahupākāratoraṇaṃ;
สิงฺฆาฎเก สุภูมิโย, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Siṅghāṭake subhūmiyo, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๓๙๘.
1398.
‘‘เอสิกา ปริขาโย จ, ปลิขํ อคฺคฬานิ จ;
‘‘Esikā parikhāyo ca, palikhaṃ aggaḷāni ca;
อฎฺฎาลเก จ ทฺวาเร จ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Aṭṭālake ca dvāre ca, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ ปุรนฺติ นครํฯ อุทฺธาปสมฺปนฺนนฺติ ปาการวตฺถุนา สมฺปนฺนํฯ พหุปาการโตรณนฺติ อุจฺจปาการโตรณนครทฺวาเรน สมฺปนฺนํฯ สิงฺฆาฎเกติ วีถิจตุกฺกานิฯ สุภูมิโยติ นครูปจาเร วิจิตฺตา รมณียภูมิโยฯ เอสิกาติ นครทฺวาเรสุ อุฎฺฐาปิเต เอสิกตฺถเมฺภฯ ปลิขนฺติ ปลิฆํ, อยเมว วา ปาโฐฯ อคฺคฬานีติ นครทฺวารกวาฎานิฯ ทฺวาเร จาติ โคปุรานิ จฯ
Tattha puranti nagaraṃ. Uddhāpasampannanti pākāravatthunā sampannaṃ. Bahupākāratoraṇanti uccapākāratoraṇanagaradvārena sampannaṃ. Siṅghāṭaketi vīthicatukkāni. Subhūmiyoti nagarūpacāre vicittā ramaṇīyabhūmiyo. Esikāti nagaradvāresu uṭṭhāpite esikatthambhe. Palikhanti palighaṃ, ayameva vā pāṭho. Aggaḷānīti nagaradvārakavāṭāni. Dvāre cāti gopurāni ca.
๑๓๙๙.
1399.
‘‘ปสฺส โตรณมเคฺคสุ, นานาทิชคณา พหู;
‘‘Passa toraṇamaggesu, nānādijagaṇā bahū;
หํสา โกญฺจา มยูรา จ, จกฺกวากา จ กุกฺกุหาฯ
Haṃsā koñcā mayūrā ca, cakkavākā ca kukkuhā.
๑๔๐๐.
1400.
‘‘กุณาลกา พหู จิตฺรา, สิขณฺฑี ชีวชีวกา;
‘‘Kuṇālakā bahū citrā, sikhaṇḍī jīvajīvakā;
นานาทิชคณากิณฺณํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Nānādijagaṇākiṇṇaṃ, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ โตรณมเคฺคสูติ เอตสฺมิํ นคเร โตรณเคฺคสุฯ กุณาลกาติ กาฬโกกิลาฯ จิตฺราติ จิตฺรปตฺตโกกิลาฯ
Tattha toraṇamaggesūti etasmiṃ nagare toraṇaggesu. Kuṇālakāti kāḷakokilā. Citrāti citrapattakokilā.
๑๔๐๑.
1401.
‘‘ปสฺส นครํ สุปาการํ, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;
‘‘Passa nagaraṃ supākāraṃ, abbhutaṃ lomahaṃsanaṃ;
สมุสฺสิตธชํ รมฺมํ, โสณฺณวาลุกสนฺถตํฯ
Samussitadhajaṃ rammaṃ, soṇṇavālukasanthataṃ.
๑๔๐๒.
1402.
‘‘ปเสฺสตฺถ ปณฺณสาลาโย, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;
‘‘Passettha paṇṇasālāyo, vibhattā bhāgaso mitā;
นิเวสเน นิเวเส จ, สนฺธิพฺยูเห ปถทฺธิโย’’ติฯ
Nivesane nivese ca, sandhibyūhe pathaddhiyo’’ti.
ตตฺถ สุปาการนฺติ กญฺจนปาการปริกฺขิตฺตํฯ ปณฺณสาลาโยติ นานาภณฺฑปุเณฺณ อาปเณฯ นิเวสเน นิเวเส จาติ เคหานิ เจว เคหวตฺถูนิ จฯ สนฺธิพฺยูเหติ ฆรสนฺธิโย จ อนิพฺพิทฺธรจฺฉา จฯ ปถทฺธิโยติ นิพฺพิทฺธวีถิโยฯ
Tattha supākāranti kañcanapākāraparikkhittaṃ. Paṇṇasālāyoti nānābhaṇḍapuṇṇe āpaṇe. Nivesane nivese cāti gehāni ceva gehavatthūni ca. Sandhibyūheti gharasandhiyo ca anibbiddharacchā ca. Pathaddhiyoti nibbiddhavīthiyo.
๑๔๐๓.
1403.
‘‘ปานาคาเร จ โสเณฺฑ จ, สูนา โอทนิยา ฆรา;
‘‘Pānāgāre ca soṇḍe ca, sūnā odaniyā gharā;
เวสี จ คณิกาโย จ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Vesī ca gaṇikāyo ca, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๐๔.
1404.
‘‘มาลากาเร จ รชเก, คนฺธิเก อถ ทุสฺสิเก;
‘‘Mālākāre ca rajake, gandhike atha dussike;
สุวณฺณกาเร มณิกาเร, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Suvaṇṇakāre maṇikāre, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๐๕.
1405.
‘‘อาฬาริเก จ สูเท จ, นฎนาฎกคายิโน;
‘‘Āḷārike ca sūde ca, naṭanāṭakagāyino;
ปาณิสฺสเร กุมฺภถูนิเก, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Pāṇissare kumbhathūnike, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ โสเณฺฑ จาติ อตฺตโน อนุรูเปหิ กณฺฐกณฺณปิลนฺธเนหิ สมนฺนาคเต อาปานภูมิํ สเชฺชตฺวา นิสิเนฺน สุราโสเณฺฑ จฯ อาฬาริเกติ ปูวปาเกฯ สูเทติ ภตฺตการเกฯ ปาณิสฺสเรติ ปาณิปฺปหาเรน คายเนฺตฯ กุมฺภถูนิเกติ ฆฎททฺทริวาทเกฯ
Tattha soṇḍe cāti attano anurūpehi kaṇṭhakaṇṇapilandhanehi samannāgate āpānabhūmiṃ sajjetvā nisinne surāsoṇḍe ca. Āḷāriketi pūvapāke. Sūdeti bhattakārake. Pāṇissareti pāṇippahārena gāyante. Kumbhathūniketi ghaṭadaddarivādake.
๑๔๐๖.
1406.
‘‘ปสฺส เภรี มุทิงฺคา จ, สงฺขา ปณวทินฺทิมา;
‘‘Passa bherī mudiṅgā ca, saṅkhā paṇavadindimā;
สพฺพญฺจ ตาฬาวจรํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Sabbañca tāḷāvacaraṃ, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๐๗.
1407.
‘‘สมฺมตาลญฺจ วีณญฺจ, นจฺจคีตํ สุวาทิตํ;
‘‘Sammatālañca vīṇañca, naccagītaṃ suvāditaṃ;
ตูริยตาฬิตสงฺฆุฎฺฐํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Tūriyatāḷitasaṅghuṭṭhaṃ, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๐๘.
1408.
‘‘ลงฺฆิกา มุฎฺฐิกา เจตฺถ, มายาการา จ โสภิยา;
‘‘Laṅghikā muṭṭhikā cettha, māyākārā ca sobhiyā;
เวตาลิเก จ ชเลฺล จ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Vetālike ca jalle ca, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ สมฺมตาลญฺจาติ ขทิราทิสมฺมเญฺจว กํสตาลญฺจฯ ตูริยตาฬิตสงฺฆุฎฺฐนฺติ นานาตูริยานํ ตาฬิเตหิ สงฺฆุฎฺฐํฯ มุฎฺฐิกาติ มุฎฺฐิกมลฺลาฯ โสภิยาติ นครโสภนา อิตฺถี จ สมฺปนฺนรูปา ปุริสา จฯ เวตาลิเกติ เวตาลอุฎฺฐาปเกฯ ชเลฺลติ มสฺสูนิ กโรเนฺต นฺหาปิเตฯ
Tattha sammatālañcāti khadirādisammañceva kaṃsatālañca. Tūriyatāḷitasaṅghuṭṭhanti nānātūriyānaṃ tāḷitehi saṅghuṭṭhaṃ. Muṭṭhikāti muṭṭhikamallā. Sobhiyāti nagarasobhanā itthī ca sampannarūpā purisā ca. Vetāliketi vetālauṭṭhāpake. Jalleti massūni karonte nhāpite.
๑๔๐๙.
1409.
‘‘สมชฺชา เจตฺถ วตฺตนฺติ, อากิณฺณา นรนาริภิ;
‘‘Samajjā cettha vattanti, ākiṇṇā naranāribhi;
มญฺจาติมเญฺจ ภูมิโย, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Mañcātimañce bhūmiyo, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ มญฺจาติมเญฺจติ มญฺจานํ อุปริ พทฺธมเญฺจฯ ภูมิโยติ รมณียา สมชฺชภูมิโยฯ
Tattha mañcātimañceti mañcānaṃ upari baddhamañce. Bhūmiyoti ramaṇīyā samajjabhūmiyo.
๑๔๑๐.
1410.
‘‘ปสฺส มเลฺล สมชฺชสฺมิํ, โผเฎเนฺต ทิคุณํ ภุชํ;
‘‘Passa malle samajjasmiṃ, phoṭente diguṇaṃ bhujaṃ;
นิหเต นิหตมาเน จ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Nihate nihatamāne ca, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ สมชฺชสฺมินฺติ มลฺลรเงฺคฯ นิหเตติ นิหนิตฺวา ชินิตฺวา ฐิเตฯ นิหตมาเนติ ปราชิเตฯ
Tattha samajjasminti mallaraṅge. Nihateti nihanitvā jinitvā ṭhite. Nihatamāneti parājite.
๑๔๑๑.
1411.
‘‘ปสฺส ปพฺพตปาเทสุ, นานามิคคณา พหู;
‘‘Passa pabbatapādesu, nānāmigagaṇā bahū;
สีหา พฺยคฺฆา วราหา จ, อจฺฉโกกตรจฺฉโยฯ
Sīhā byagghā varāhā ca, acchakokataracchayo.
๑๔๑๒.
1412.
‘‘ปลาสาทา ควชา จ, มหิํสา โรหิตา รุรู;
‘‘Palāsādā gavajā ca, mahiṃsā rohitā rurū;
เอเณยฺยา จ วราหา จ, คณิโน นีกสูกราฯ
Eṇeyyā ca varāhā ca, gaṇino nīkasūkarā.
๑๔๑๓.
1413.
‘‘กทลิมิคา พหู จิตฺรา, พิฬารา สสกณฺฎกา;
‘‘Kadalimigā bahū citrā, biḷārā sasakaṇṭakā;
นานามิคคณากิณฺณํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Nānāmigagaṇākiṇṇaṃ, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ ปลาสาทาติ ขคฺคมิคาฯ ‘‘ปลตา’’ติปิ ปาโฐฯ ควชาติ ควยาฯ วราหาติ เอกา มิคชาติกาฯ ตถา คณิโน เจว นีกสูกรา จฯ พหู จิตฺราติ นานปฺปการา จิตฺรา มิคาฯ พิฬาราติ อรญฺญพิฬาราฯ สสกณฺฎกาติ สสา จ กณฺฎกา จฯ
Tattha palāsādāti khaggamigā. ‘‘Palatā’’tipi pāṭho. Gavajāti gavayā. Varāhāti ekā migajātikā. Tathā gaṇino ceva nīkasūkarā ca. Bahū citrāti nānappakārā citrā migā. Biḷārāti araññabiḷārā. Sasakaṇṭakāti sasā ca kaṇṭakā ca.
๑๔๑๔.
1414.
‘‘นชฺชาโย สุปฺปติตฺถาโย, โสณฺณวาลุกสนฺถตา;
‘‘Najjāyo suppatitthāyo, soṇṇavālukasanthatā;
อจฺฉา สวนฺติ อมฺพูนิ, มจฺฉคุมฺพนิเสวิตาฯ
Acchā savanti ambūni, macchagumbanisevitā.
๑๔๑๕.
1415.
‘‘กุมฺภีลา มกรา เจตฺถ, สุสุมารา จ กจฺฉปา;
‘‘Kumbhīlā makarā cettha, susumārā ca kacchapā;
ปาฐีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุญฺจโรหิตา’’ติฯ
Pāṭhīnā pāvusā macchā, balajā muñcarohitā’’ti.
ตตฺถ นชฺชาโยติ นทิโยฯ โสณฺณวาลุกสนฺถตาติ สุวณฺณวาลุกาย สนฺถตตลาฯ กุมฺภีลาติ อิเม เอวรูปา ชลจรา อโนฺตนทิยํ วิจรนฺติ, เตปิ มณิมฺหิ ปสฺสาหีติฯ
Tattha najjāyoti nadiyo. Soṇṇavālukasanthatāti suvaṇṇavālukāya santhatatalā. Kumbhīlāti ime evarūpā jalacarā antonadiyaṃ vicaranti, tepi maṇimhi passāhīti.
๑๔๑๖.
1416.
‘‘นานาทิชคณากิณฺณา, นานาทุมคณายุตา;
‘‘Nānādijagaṇākiṇṇā, nānādumagaṇāyutā;
เวฬุริยกโรทาโย, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Veḷuriyakarodāyo, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ เวฬุริยกโรทาโยติ เวฬุริยปาสาเณ ปหริตฺวา สทฺทํ กโรนฺติโย เอวรูปา นชฺชาโยติฯ
Tattha veḷuriyakarodāyoti veḷuriyapāsāṇe paharitvā saddaṃ karontiyo evarūpā najjāyoti.
๑๔๑๗.
1417.
‘‘ปเสฺสตฺถ โปกฺขรณิโย, สุวิภตฺตา จตุทฺทิสา;
‘‘Passettha pokkharaṇiyo, suvibhattā catuddisā;
นานาทิชคณากิณฺณา, ปุถุโลมนิเสวิตาฯ
Nānādijagaṇākiṇṇā, puthulomanisevitā.
๑๔๑๘.
1418.
‘‘สมโนฺตทกสมฺปนฺนํ, มหิํ สาครกุณฺฑลํ;
‘‘Samantodakasampannaṃ, mahiṃ sāgarakuṇḍalaṃ;
อุเปตํ วนราเชหิ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Upetaṃ vanarājehi, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ ปุถุโลมนิเสวิตาติ มหามเจฺฉหิ นิเสวิตาฯ วนราเชหีติ วนราชีหิ, อยเมว วา ปาโฐฯ
Tattha puthulomanisevitāti mahāmacchehi nisevitā. Vanarājehīti vanarājīhi, ayameva vā pāṭho.
๑๔๑๙.
1419.
‘‘ปุรโต วิเทเห ปสฺส, โคยานิเย จ ปจฺฉโต;
‘‘Purato videhe passa, goyāniye ca pacchato;
กุรุโย ชมฺพุทีปญฺจ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Kuruyo jambudīpañca, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๐.
1420.
‘‘ปสฺส จนฺทํ สูริยญฺจ, โอภาสเนฺต จตุทฺทิสา;
‘‘Passa candaṃ sūriyañca, obhāsante catuddisā;
สิเนรุํ อนุปริยเนฺต, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Sineruṃ anupariyante, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๑.
1421.
‘‘สิเนรุํ หิมวนฺตญฺจ, สาครญฺจ มหีตลํ;
‘‘Sineruṃ himavantañca, sāgarañca mahītalaṃ;
จตฺตาโร จ มหาราเช, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Cattāro ca mahārāje, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๒.
1422.
‘‘อาราเม วนคุเมฺพ จ, ปาฎิเย จ สิลุจฺจเย;
‘‘Ārāme vanagumbe ca, pāṭiye ca siluccaye;
รเมฺม กิมฺปุริสากิเณฺณ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Ramme kimpurisākiṇṇe, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๓.
1423.
‘‘ผารุสกํ จิตฺตลตํ, มิสฺสกํ นนฺทนํ วนํ;
‘‘Phārusakaṃ cittalataṃ, missakaṃ nandanaṃ vanaṃ;
เวชยนฺตญฺจ ปาสาทํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Vejayantañca pāsādaṃ, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๔.
1424.
‘‘สุธมฺมํ ตาวติํสญฺจ, ปาริฉตฺตญฺจ ปุปฺผิตํ;
‘‘Sudhammaṃ tāvatiṃsañca, pārichattañca pupphitaṃ;
เอราวณํ นาคราชํ, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Erāvaṇaṃ nāgarājaṃ, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๕.
1425.
‘‘ปเสฺสตฺถ เทวกญฺญาโย, นภา วิชฺชุริวุคฺคตา;
‘‘Passettha devakaññāyo, nabhā vijjurivuggatā;
นนฺทเน วิจรนฺติโย, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Nandane vicarantiyo, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๖.
1426.
‘‘ปเสฺสตฺถ เทวกญฺญาโย, เทวปุตฺตปโลภินี;
‘‘Passettha devakaññāyo, devaputtapalobhinī;
เทวปุเตฺต รมมาเน, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิต’’นฺติฯ
Devaputte ramamāne, maṇimhi passa nimmita’’nti.
ตตฺถ วิเทเหติ ปุพฺพวิเทหทีปํฯ โคยานิเยติ อปรโคยานทีปํฯ กุรุโยติ อุตฺตรกุรุ จ ทกฺขิณโต ชมฺพุทีปญฺจฯ อนุปริยเนฺตติ เอเต จนฺทิมสูริเย สิเนรุํ อนุปริยายเนฺตฯ ปาฎิเยติ ปตฺถริตฺวา ฐปิเต วิย ปิฎฺฐิปาสาเณฯ
Tattha videheti pubbavidehadīpaṃ. Goyāniyeti aparagoyānadīpaṃ. Kuruyoti uttarakuru ca dakkhiṇato jambudīpañca. Anupariyanteti ete candimasūriye sineruṃ anupariyāyante. Pāṭiyeti pattharitvā ṭhapite viya piṭṭhipāsāṇe.
๑๔๒๗.
1427.
‘‘ปโรสหสฺสปาสาเท, เวฬุริยผลสนฺถเต;
‘‘Parosahassapāsāde, veḷuriyaphalasanthate;
ปชฺชลเนฺต จ วเณฺณน, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Pajjalante ca vaṇṇena, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๘.
1428.
‘‘ตาวติํเส จ ยาเม จ, ตุสิเต จาปิ นิมฺมิเต;
‘‘Tāvatiṃse ca yāme ca, tusite cāpi nimmite;
ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, มณิมฺหิ ปสฺส นิมฺมิตํฯ
Paranimmitavasavattino, maṇimhi passa nimmitaṃ.
๑๔๒๙.
1429.
‘‘ปเสฺสตฺถ โปกฺขรณิโย, วิปฺปสโนฺนทิกา สุจี;
‘‘Passettha pokkharaṇiyo, vippasannodikā sucī;
มนฺทาลเกหิ สญฺฉนฺนา, ปทุมุปฺปลเกหิ จา’’ติฯ
Mandālakehi sañchannā, padumuppalakehi cā’’ti.
ตตฺถ ปโรสหสฺสนฺติ ตาวติํสภวเน อติเรกสหสฺสปาสาเทฯ
Tattha parosahassanti tāvatiṃsabhavane atirekasahassapāsāde.
๑๔๓๐.
1430.
‘‘ทเสตฺถ ราชิโย เสตา, ทส นีลา มโนรมา;
‘‘Dasettha rājiyo setā, dasa nīlā manoramā;
ฉ ปิงฺคลา ปนฺนรส, หลิทฺทา จ จตุทฺทสฯ
Cha piṅgalā pannarasa, haliddā ca catuddasa.
๑๔๓๑.
1431.
‘‘วีสติ ตตฺถ โสวณฺณา, วีสติ รชตามยา;
‘‘Vīsati tattha sovaṇṇā, vīsati rajatāmayā;
อินฺทโคปกวณฺณาภา, ตาว ทิสฺสนฺติ ติํสติฯ
Indagopakavaṇṇābhā, tāva dissanti tiṃsati.
๑๔๓๒.
1432.
‘‘ทเสตฺถ กาฬิโย ฉจฺจ, มเญฺชฎฺฐา ปนฺนวีสติ;
‘‘Dasettha kāḷiyo chacca, mañjeṭṭhā pannavīsati;
มิสฺสา พนฺธุกปุเปฺผหิ, นีลุปฺปลวิจิตฺติกาฯ
Missā bandhukapupphehi, nīluppalavicittikā.
๑๔๓๓.
1433.
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, อจฺจิมนฺตํ ปภสฺสรํ;
‘‘Evaṃ sabbaṅgasampannaṃ, accimantaṃ pabhassaraṃ;
โอธิสุงฺกํ มหาราช, ปสฺส ตฺวํ ทฺวิปทุตฺตมา’’ติฯ
Odhisuṅkaṃ mahārāja, passa tvaṃ dvipaduttamā’’ti.
ตตฺถ ทเสตฺถ ราชิโย เสตาติ เอตสฺมิํ มณิกฺขเนฺธ ทส เสตราชิโยฯ ฉ ปิงฺคลา ปนฺนรสาติ ฉ จ ปนฺนรส จาติ เอกวีสติ ปิงฺคลราชิโย ฯ หลิทฺทาติ หลิทฺทวณฺณา จตุทฺทสฯ ติํสตีติ อินฺทโคปกวณฺณาภา ติํส ราชิโยฯ ทส ฉจฺจาติ ทส จ ฉ จ โสฬส กาฬราชิโยฯ ปนฺนวีสตีติ ปญฺจวีสติ มเญฺชฎฺฐวณฺณา ปภสฺสราฯ มิสฺสา พนฺธุกปุเปฺผหีติ กาฬมเญฺชฎฺฐวณฺณราชิโย เอเตหิ มิสฺสา วิจิตฺติกา ปสฺสฯ เอตฺถ หิ กาฬราชิโย พนฺธุชีวกปุเปฺผหิ มิสฺสา, มเญฺชฎฺฐราชิโย นีลุปฺปเลหิ วิจิตฺติกาฯ โอธิสุงฺกนฺติ สุงฺกโกฎฺฐาสํฯ โย มํ ชูเต ชินิสฺสติ, ตสฺสิมํ สุงฺกโกฎฺฐาสํ ปสฺสาติ วทติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘โหตุ สุงฺกํ, มหาราชา’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ – ทฺวิปทุตฺตม ปสฺส ตฺวํ อิมํ เอวรูปํ มณิกฺขนฺธํ, อิทเมว, มหาราช, สุงฺกํ โหตุฯ โย มํ ชูเต ชินิสฺสติ, ตสฺสิทํ ภวิสฺสตีติฯ
Tattha dasettha rājiyo setāti etasmiṃ maṇikkhandhe dasa setarājiyo. Cha piṅgalā pannarasāti cha ca pannarasa cāti ekavīsati piṅgalarājiyo . Haliddāti haliddavaṇṇā catuddasa. Tiṃsatīti indagopakavaṇṇābhā tiṃsa rājiyo. Dasa chaccāti dasa ca cha ca soḷasa kāḷarājiyo. Pannavīsatīti pañcavīsati mañjeṭṭhavaṇṇā pabhassarā. Missā bandhukapupphehīti kāḷamañjeṭṭhavaṇṇarājiyo etehi missā vicittikā passa. Ettha hi kāḷarājiyo bandhujīvakapupphehi missā, mañjeṭṭharājiyo nīluppalehi vicittikā. Odhisuṅkanti suṅkakoṭṭhāsaṃ. Yo maṃ jūte jinissati, tassimaṃ suṅkakoṭṭhāsaṃ passāti vadati. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘hotu suṅkaṃ, mahārājā’’tipi pāṭho. Tassattho – dvipaduttama passa tvaṃ imaṃ evarūpaṃ maṇikkhandhaṃ, idameva, mahārāja, suṅkaṃ hotu. Yo maṃ jūte jinissati, tassidaṃ bhavissatīti.
มณิกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Maṇikaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
อกฺขกณฺฑํ
Akkhakaṇḍaṃ
เอวํ วตฺวา ปุณฺณโก ‘‘มหาราช, อหํ ตาว ชูเต ปราชิโต อิมํ มณิรตนํ ทสฺสามิ, ตฺวํ ปน กิํ ทสฺสสี’’ติ อาหฯ ‘‘ตาต, มม สรีรญฺจ เทวิญฺจ เสตจฺฉตฺตญฺจ ฐเปตฺวา เสสํ มม สนฺตกํ สุงฺกํ โหตู’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, มา จิรายิ, อหํ ทูราคโต, ขิปฺปํ ชูตมณฺฑลํ สชฺชาเปหี’’ติฯ ราชา อมเจฺจ อาณาเปสิฯ เต ขิปฺปํ ชูตมณฺฑลํ สเชฺชตฺวา รโญฺญ วรโปตฺถกตฺถรณํ สนฺถริตฺวา เสสราชูนญฺจาปิ อาสนานิ ปญฺญเปตฺวา ปุณฺณกสฺสปิ ปติรูปํ อาสนํ ปญฺญเปตฺวา รโญฺญ กาลํ อาโรจยิํสุฯ ตโต ปุณฺณโก ราชานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Evaṃ vatvā puṇṇako ‘‘mahārāja, ahaṃ tāva jūte parājito imaṃ maṇiratanaṃ dassāmi, tvaṃ pana kiṃ dassasī’’ti āha. ‘‘Tāta, mama sarīrañca deviñca setacchattañca ṭhapetvā sesaṃ mama santakaṃ suṅkaṃ hotū’’ti. ‘‘Tena hi, deva, mā cirāyi, ahaṃ dūrāgato, khippaṃ jūtamaṇḍalaṃ sajjāpehī’’ti. Rājā amacce āṇāpesi. Te khippaṃ jūtamaṇḍalaṃ sajjetvā rañño varapotthakattharaṇaṃ santharitvā sesarājūnañcāpi āsanāni paññapetvā puṇṇakassapi patirūpaṃ āsanaṃ paññapetvā rañño kālaṃ ārocayiṃsu. Tato puṇṇako rājānaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
๑๔๓๔.
1434.
‘‘อุปาคตํ ราช มุเปหิ ลกฺขํ, เนตาทิสํ มณิรตนํ ตวตฺถิ;
‘‘Upāgataṃ rāja mupehi lakkhaṃ, netādisaṃ maṇiratanaṃ tavatthi;
ธเมฺมน ชิสฺสาม อสาหเสน, ชิโต จ โน ขิปฺปมวากโรหี’’ติฯ
Dhammena jissāma asāhasena, jito ca no khippamavākarohī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – มหาราช, ชูตสาลาย กมฺมํ อุปาคตํ นิฎฺฐิตํ, เอตาทิสํ มณิรตนํ ตว นตฺถิ, มา ปปญฺจํ กโรหิ, อุเปหิ ลกฺขํ อเกฺขหิ กีฬนฎฺฐานํ อุปคจฺฉฯ กีฬนฺตา จ มยํ ธเมฺมน ชิสฺสาม, ธเมฺมเนว โน อสาหเสน ชโย โหตุฯ สเจ ปน ตฺวํ ชิโต ภวิสฺสสิ, อถ โน ขิปฺปมวากโรหิ, ปปญฺจํ อกตฺวาว ชิโต ธนํ ทเทยฺยาสีติ วุตฺตํ โหติฯ
Tassattho – mahārāja, jūtasālāya kammaṃ upāgataṃ niṭṭhitaṃ, etādisaṃ maṇiratanaṃ tava natthi, mā papañcaṃ karohi, upehi lakkhaṃ akkhehi kīḷanaṭṭhānaṃ upagaccha. Kīḷantā ca mayaṃ dhammena jissāma, dhammeneva no asāhasena jayo hotu. Sace pana tvaṃ jito bhavissasi, atha no khippamavākarohi, papañcaṃ akatvāva jito dhanaṃ dadeyyāsīti vuttaṃ hoti.
อถ นํ ราชา ‘‘มาณว, ตฺวํ มํ ‘ราชา’ติ มา ภายิ, ธเมฺมเนว โน อสาหเสน ชยปราชโย ภวิสฺสตี’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก ‘‘อมฺหากํ ธเมฺมเนว ชยปราชยภาวํ ชานาถา’’ติ เตปิ ราชาโน สกฺขิํ กโรโนฺต คาถมาห –
Atha naṃ rājā ‘‘māṇava, tvaṃ maṃ ‘rājā’ti mā bhāyi, dhammeneva no asāhasena jayaparājayo bhavissatī’’ti āha. Taṃ sutvā puṇṇako ‘‘amhākaṃ dhammeneva jayaparājayabhāvaṃ jānāthā’’ti tepi rājāno sakkhiṃ karonto gāthamāha –
๑๔๓๕.
1435.
‘‘ปญฺจาล ปจฺจุคฺคต สูรเสน, มจฺฉา จ มทฺทา สห เกกเกภิ;
‘‘Pañcāla paccuggata sūrasena, macchā ca maddā saha kekakebhi;
ปสฺสนฺตุ โนเต อสเฐน ยุทฺธํ, น โน สภายํ น กโรนฺติ กิญฺจี’’ติฯ
Passantu note asaṭhena yuddhaṃ, na no sabhāyaṃ na karonti kiñcī’’ti.
ตตฺถ ปจฺจุคฺคตาติ อุคฺคตตฺตา ปญฺญาตตฺตา ปากฎตฺตา ปญฺจาลราชานเมวาลปติฯ มจฺฉา จาติ ตฺวญฺจ, สมฺม มจฺฉราชฯ มทฺทาติ มทฺทราชฯ สห เกกเกภีติ เกกเกภินาเมน ชนปเทน สห วตฺตมานเกกเกภิราช, ตฺวญฺจฯ อถ วา สหสทฺทํ ‘‘เกกเกภี’’ติ ปทสฺส ปจฺฉโต ฐเปตฺวา ปจฺจุคฺคตสทฺทญฺจ สูรเสนวิเสสนํ กตฺวา ปญฺจาลปจฺจุคฺคตสูรเสน มจฺฉา จ มทฺทา จ เกกเกภิ สห เสสราชาโน จาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ปสฺสนฺตุ โนเตติ อมฺหากํ ทฺวินฺนํ เอเต ราชาโน อสเฐน อกฺขยุทฺธํ ปสฺสนฺตุฯ น โน สภายํ น กโรนฺติ กิญฺจีติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ, สภายํ กิญฺจิ สกฺขิํ น น กโรนฺติ, ขตฺติเยปิ พฺราหฺมเณปิ กโรนฺติเยว, ตสฺมา สเจ กิญฺจิ อการณํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘น โน สุตํ, น โน ทิฎฺฐ’’นฺติ วตฺตุํ น ลภิสฺสถ, อปฺปมตฺตา โหถาติฯ
Tattha paccuggatāti uggatattā paññātattā pākaṭattā pañcālarājānamevālapati. Macchā cāti tvañca, samma maccharāja. Maddāti maddarāja. Saha kekakebhīti kekakebhināmena janapadena saha vattamānakekakebhirāja, tvañca. Atha vā sahasaddaṃ ‘‘kekakebhī’’ti padassa pacchato ṭhapetvā paccuggatasaddañca sūrasenavisesanaṃ katvā pañcālapaccuggatasūrasena macchā ca maddā ca kekakebhi saha sesarājāno cāti evamettha attho daṭṭhabbo. Passantu noteti amhākaṃ dvinnaṃ ete rājāno asaṭhena akkhayuddhaṃ passantu. Na no sabhāyaṃ na karonti kiñcīti ettha noti nipātamattaṃ, sabhāyaṃ kiñci sakkhiṃ na na karonti, khattiyepi brāhmaṇepi karontiyeva, tasmā sace kiñci akāraṇaṃ uppajjati, ‘‘na no sutaṃ, na no diṭṭha’’nti vattuṃ na labhissatha, appamattā hothāti.
เอวํ ยกฺขเสนาปติ ราชาโน สกฺขิํ อกาสิฯ ราชาปิ เอกสตราชปริวุโต ปุณฺณกํ คเหตฺวา ชูตสาลํ ปาวิสิฯ สเพฺพปิ ปติรูปาสเนสุ นิสีทิํสุ, รชตผลเก สุวณฺณปาสเก ฐปยิํสุฯ ปุณฺณโก ตุริตตุริโต อาห ‘‘มหาราช, ปาสเกสุ อายา นาม มาลิกํ สาวฎฺฎํ พหุลํ สนฺติภทฺราทโย จตุวีสติ, เตสุ ตุเมฺห อตฺตโน รุจฺจนกํ อายํ คณฺหถา’’ติฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ พหุลํ คณฺหิฯ ปุณฺณโก สาวฎฺฎํ คณฺหิฯ อถ นํ ราชา อาห ‘‘เตน หิ ตาว มาณว, ปาสเก ปาเตหี’’ติฯ ‘‘มหาราช, ปฐมํ มม วาโร น ปาปุณาติ, ตุเมฺห ปาเตถา’’ติ วุเตฺต ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ ตสฺส ปน ตติเย อตฺตภาเว มาตุภูตปุพฺพา อารกฺขเทวตา, ตสฺสา อานุภาเวน ราชา ชูเต ชินาติฯ สา ตสฺส อวิทูเร ฐิตา อโหสิฯ ราชา เทวธีตรํ อนุสฺสริตฺวา ชูตคีตํ คายโนฺต อิมา คาถา อาห –
Evaṃ yakkhasenāpati rājāno sakkhiṃ akāsi. Rājāpi ekasatarājaparivuto puṇṇakaṃ gahetvā jūtasālaṃ pāvisi. Sabbepi patirūpāsanesu nisīdiṃsu, rajataphalake suvaṇṇapāsake ṭhapayiṃsu. Puṇṇako turitaturito āha ‘‘mahārāja, pāsakesu āyā nāma mālikaṃ sāvaṭṭaṃ bahulaṃ santibhadrādayo catuvīsati, tesu tumhe attano ruccanakaṃ āyaṃ gaṇhathā’’ti. Rājā ‘‘sādhū’’ti bahulaṃ gaṇhi. Puṇṇako sāvaṭṭaṃ gaṇhi. Atha naṃ rājā āha ‘‘tena hi tāva māṇava, pāsake pātehī’’ti. ‘‘Mahārāja, paṭhamaṃ mama vāro na pāpuṇāti, tumhe pātethā’’ti vutte rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Tassa pana tatiye attabhāve mātubhūtapubbā ārakkhadevatā, tassā ānubhāvena rājā jūte jināti. Sā tassa avidūre ṭhitā ahosi. Rājā devadhītaraṃ anussaritvā jūtagītaṃ gāyanto imā gāthā āha –
‘‘สพฺพา นที วงฺกคตี, สเพฺพ กฎฺฐมยา วนา;
‘‘Sabbā nadī vaṅkagatī, sabbe kaṭṭhamayā vanā;
สพฺพิตฺถิโย กเร ปาปํ, ลภมาเน นิวาตเกฯ (ชา. ๒.๒๑.๓๐๘);
Sabbitthiyo kare pāpaṃ, labhamāne nivātake. (jā. 2.21.308);
‘‘อถ ปสฺสตุ มํ อมฺม, วิชยํ เม ปทิสฺสตุ;
‘‘Atha passatu maṃ amma, vijayaṃ me padissatu;
อนุกมฺปาหิ เม อมฺม, มหนฺตํ ชยเมสฺสตุฯ
Anukampāhi me amma, mahantaṃ jayamessatu.
‘‘เทวเต ตฺวชฺช รกฺข เทวิ, ปสฺส มา มํ วิภาเวยฺย;
‘‘Devate tvajja rakkha devi, passa mā maṃ vibhāveyya;
อนุกมฺปกา ปติฎฺฐา จ, ปสฺส ภทฺรานิ รกฺขิตุํฯ
Anukampakā patiṭṭhā ca, passa bhadrāni rakkhituṃ.
‘‘ชโมฺพนทมยํ ปาสํ, จตุรํสมฎฺฐงฺคุลิ;
‘‘Jambonadamayaṃ pāsaṃ, caturaṃsamaṭṭhaṅguli;
วิภาติ ปริสมเชฺฌ, สพฺพกามทโท ภวฯ
Vibhāti parisamajjhe, sabbakāmadado bhava.
‘‘เทวเต เม ชยํ เทหิ, ปสฺส มํ อปฺปภาคินํ;
‘‘Devate me jayaṃ dehi, passa maṃ appabhāginaṃ;
มาตานุกมฺปโก โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสติฯ
Mātānukampako poso, sadā bhadrāni passati.
‘‘อฎฺฐกํ มาลิกํ วุตฺตํ, สาวฎฺฎญฺจ ฉกํ มตํ;
‘‘Aṭṭhakaṃ mālikaṃ vuttaṃ, sāvaṭṭañca chakaṃ mataṃ;
จตุกฺกํ พหุลํ เญยฺยํ, ทฺวิพินฺทุสนฺติภทฺรกํ;
Catukkaṃ bahulaṃ ñeyyaṃ, dvibindusantibhadrakaṃ;
จตุวีสติ อายา จ, มุนิเนฺทน ปกาสิตา’’ติฯ
Catuvīsati āyā ca, munindena pakāsitā’’ti.
ราชา เอวํ ชูตคีตํ คายิตฺวา ปาสเก หเตฺถน ปริวเตฺตตฺวา อากาเส ขิปิฯ ปุณฺณกสฺส อานุภาเวน ปาสกา รโญฺญ ปราชยาย ภสฺสนฺติฯ ราชา ชูตสิปฺปมฺหิ อติกุสลตาย ปาสเก อตฺตโน ปราชยาย ภสฺสเนฺต ญตฺวา อากาเสเยว สงฺกฑฺฒโนฺต คเหตฺวา ปุน อากาเส ขิปิฯ ทุติยมฺปิ อตฺตโน ปราชยาย ภสฺสเนฺต ญตฺวา ตเถว อคฺคเหสิฯ ตโต ปุณฺณโก จิเนฺตสิ ‘‘อยํ ราชา มาทิเสน ยเกฺขน สทฺธิํ ชูตํ กีฬโนฺต ภสฺสมาเน ปาสเก สงฺกฑฺฒิตฺวา คณฺหาติ, กิํ นุ โข การณ’’นฺติฯ โส โอโลเกโนฺต ตสฺส อารกฺขเทวตาย อานุภาวํ ญตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา กุโทฺธ วิย นํ โอโลเกสิฯ สา ภีตตสิตา ปลายิตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตมตฺถกํ ปตฺวา กมฺปมานา โอโลเกตฺวา อฎฺฐาสิฯ ราชา ตติยมฺปิ ปาสเก ขิปิตฺวา อตฺตโน ปราชยาย ภสฺสเนฺต ญตฺวาปิ ปุณฺณกสฺสานุภาเวน หตฺถํ ปสาเรตฺวา คณฺหิตุํ นาสกฺขิฯ เต รโญฺญ ปราชยาย ปติํสุฯ อถสฺส ปราชิตภาวํ ญตฺวา ปุณฺณโก อโปฺผเฎตฺวา มหเนฺตน สเทฺทน ‘‘ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิฯ โส สโทฺท สกลชมฺพุทีปํ ผริฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Rājā evaṃ jūtagītaṃ gāyitvā pāsake hatthena parivattetvā ākāse khipi. Puṇṇakassa ānubhāvena pāsakā rañño parājayāya bhassanti. Rājā jūtasippamhi atikusalatāya pāsake attano parājayāya bhassante ñatvā ākāseyeva saṅkaḍḍhanto gahetvā puna ākāse khipi. Dutiyampi attano parājayāya bhassante ñatvā tatheva aggahesi. Tato puṇṇako cintesi ‘‘ayaṃ rājā mādisena yakkhena saddhiṃ jūtaṃ kīḷanto bhassamāne pāsake saṅkaḍḍhitvā gaṇhāti, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti. So olokento tassa ārakkhadevatāya ānubhāvaṃ ñatvā akkhīni ummīletvā kuddho viya naṃ olokesi. Sā bhītatasitā palāyitvā cakkavāḷapabbatamatthakaṃ patvā kampamānā oloketvā aṭṭhāsi. Rājā tatiyampi pāsake khipitvā attano parājayāya bhassante ñatvāpi puṇṇakassānubhāvena hatthaṃ pasāretvā gaṇhituṃ nāsakkhi. Te rañño parājayāya patiṃsu. Athassa parājitabhāvaṃ ñatvā puṇṇako apphoṭetvā mahantena saddena ‘‘jitaṃ me’’ti tikkhattuṃ sīhanādaṃ nadi. So saddo sakalajambudīpaṃ phari. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๔๓๖.
1436.
‘‘เต ปาวิสุํ อกฺขมเทน มตฺตา, ราชา กุรูนํ ปุณฺณโก จาปิ ยโกฺข;
‘‘Te pāvisuṃ akkhamadena mattā, rājā kurūnaṃ puṇṇako cāpi yakkho;
ราชา กลิํ วิจฺจินมคฺคเหสิ, กฎํ อคฺคหี ปุณฺณโก นาม ยโกฺขฯ
Rājā kaliṃ viccinamaggahesi, kaṭaṃ aggahī puṇṇako nāma yakkho.
๑๔๓๗.
1437.
‘‘เต ตตฺถ ชูเต อุภเย สมาคเต, รญฺญํ สกาเส สขีนญฺจ มเชฺฌ;
‘‘Te tattha jūte ubhaye samāgate, raññaṃ sakāse sakhīnañca majjhe;
อเชสิ ยโกฺข นรวีรเสฎฺฐํ, ตตฺถปฺปนาโท ตุมุโล พภูวา’’ติฯ
Ajesi yakkho naravīraseṭṭhaṃ, tatthappanādo tumulo babhūvā’’ti.
ตตฺถ ปาวิสุนฺติ ชูตสาลํ ปวิสิํสุฯ วิจฺจินนฺติ ราชา จตุวีสติยา อาเยสุ วิจินโนฺต กลิํ ปราชยคฺคาหํ อคฺคเหสิฯ กฎํ อคฺคหีติ ปุณฺณโก นาม ยโกฺข ชยคฺคาหํ คณฺหิฯ เต ตตฺถ ชูเต อุภเย สมาคเตติ เต ตตฺถ ชูเต สมาคตา อุโภ ชูตํ กีฬิํสูติ อโตฺถฯ รญฺญนฺติ อถ เตสํ เอกสตราชูนํ สกาเส อวเสสานญฺจ สขีนํ มเชฺฌ โส ยโกฺข นรวีรเสฎฺฐํ ราชานํ อเชสิฯ ตตฺถปฺปนาโท ตุมุโล พภูวาติ ตสฺมิํ ชูตมณฺฑเล ‘‘รโญฺญ ปราชิตภาวํ ชานาถ, ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ มหโนฺต สโทฺท อโหสิฯ
Tattha pāvisunti jūtasālaṃ pavisiṃsu. Viccinanti rājā catuvīsatiyā āyesu vicinanto kaliṃ parājayaggāhaṃ aggahesi. Kaṭaṃ aggahīti puṇṇako nāma yakkho jayaggāhaṃ gaṇhi. Te tattha jūte ubhaye samāgateti te tattha jūte samāgatā ubho jūtaṃ kīḷiṃsūti attho. Raññanti atha tesaṃ ekasatarājūnaṃ sakāse avasesānañca sakhīnaṃ majjhe so yakkho naravīraseṭṭhaṃ rājānaṃ ajesi. Tatthappanādo tumulo babhūvāti tasmiṃ jūtamaṇḍale ‘‘rañño parājitabhāvaṃ jānātha, jitaṃ me, jitaṃ me’’ti mahanto saddo ahosi.
ราชา ปราชิโต อนตฺตมโน อโหสิฯ อถ นํ สมสฺสาเสโนฺต ปุณฺณโก คาถมาห –
Rājā parājito anattamano ahosi. Atha naṃ samassāsento puṇṇako gāthamāha –
๑๔๓๘.
1438.
‘‘ชโย มหาราช ปราชโย จ, อายูหตํ อญฺญตรสฺส โหติ;
‘‘Jayo mahārāja parājayo ca, āyūhataṃ aññatarassa hoti;
ชนินฺท ชีโนสิ วรทฺธเนน, ชิโต จ เม ขิปฺปมวากโรหี’’ติฯ
Janinda jīnosi varaddhanena, jito ca me khippamavākarohī’’ti.
ตตฺถ อายูหตนฺติ ทฺวินฺนํ วายามมานานํ อญฺญตรสฺส เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปราชิโตมฺหี’’ติ มา จินฺตยิฯ ชีโนสีติ ปริหีโนสิฯ วรทฺธเนนาติ ปรมธเนนฯ ขิปฺปมวากโรหีติ ขิปฺปํ เม ชยํ ธนํ เทหีติฯ
Tattha āyūhatanti dvinnaṃ vāyāmamānānaṃ aññatarassa eva hoti, tasmā ‘‘parājitomhī’’ti mā cintayi. Jīnosīti parihīnosi. Varaddhanenāti paramadhanena. Khippamavākarohīti khippaṃ me jayaṃ dhanaṃ dehīti.
อถ นํ ราชา ‘‘คณฺห, ตาตา’’ติ วทโนฺต คาถมาห –
Atha naṃ rājā ‘‘gaṇha, tātā’’ti vadanto gāthamāha –
๑๔๓๙.
1439.
‘‘หตฺถี ควาสฺสา มณิกุณฺฑลา จ, ยญฺจาปิ มยฺหํ รตนํ ปถพฺยา;
‘‘Hatthī gavāssā maṇikuṇḍalā ca, yañcāpi mayhaṃ ratanaṃ pathabyā;
คณฺหาหิ กจฺจาน วรํ ธนานํ, อาทาย เยนิจฺฉสิ เตน คจฺฉา’’ติฯ
Gaṇhāhi kaccāna varaṃ dhanānaṃ, ādāya yenicchasi tena gacchā’’ti.
ปุณฺณโก อาห –
Puṇṇako āha –
๑๔๔๐.
1440.
‘‘หตฺถี ควาสฺสา มณิกุณฺฑลา จ, ยญฺจาปิ ตุยฺหํ รตนํ ปถพฺยา;
‘‘Hatthī gavāssā maṇikuṇḍalā ca, yañcāpi tuyhaṃ ratanaṃ pathabyā;
เตสํ วโร วิธุโร นาม กตฺตา, โส เม ชิโต ตํ เม อวากโรหี’’ติฯ
Tesaṃ varo vidhuro nāma kattā, so me jito taṃ me avākarohī’’ti.
ตตฺถ โส เม ชิโต ตํ เมติ มยา หิ ตว วิชิเต อุตฺตมํ รตนํ ชิตํ, โส จ สพฺพรตนานํ วโร วิธุโร, ตสฺมา, เทว, โส มยา ชิโต นาม โหติ, ตํ เม เทหีติฯ
Tattha so me jito taṃ meti mayā hi tava vijite uttamaṃ ratanaṃ jitaṃ, so ca sabbaratanānaṃ varo vidhuro, tasmā, deva, so mayā jito nāma hoti, taṃ me dehīti.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๑๔๔๑.
1441.
‘‘อตฺตา จ เม โส สรณํ คตี จ, ทีโป จ เลโณ จ ปรายโณ จ;
‘‘Attā ca me so saraṇaṃ gatī ca, dīpo ca leṇo ca parāyaṇo ca;
อสนฺตุเลโยฺย มม โส ธเนน, ปาเณน เม สาทิโส เอส กตฺตา’’ติฯ
Asantuleyyo mama so dhanena, pāṇena me sādiso esa kattā’’ti.
ตตฺถ อตฺตา จ เม โสติ โส มยฺหํ อตฺตา จ, มยา จ ‘‘อตฺตานํ ฐเปตฺวา เสสํ ทสฺสามี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตํ มา คณฺหิฯ น เกวลญฺจ อตฺตาว , อถ โข เม โส สรณญฺจ คติ จ ทีโป จ เลโณ จ ปรายโณ จฯ อสนฺตุเลโยฺย มม โส ธเนนาติ สตฺตวิเธน รตเนน สทฺธิํ น ตุเลตโพฺพติฯ
Tattha attā ca me soti so mayhaṃ attā ca, mayā ca ‘‘attānaṃ ṭhapetvā sesaṃ dassāmī’’ti vuttaṃ, tasmā taṃ mā gaṇhi. Na kevalañca attāva , atha kho me so saraṇañca gati ca dīpo ca leṇo ca parāyaṇo ca. Asantuleyyo mama so dhanenāti sattavidhena ratanena saddhiṃ na tuletabboti.
ปุณฺณโก อาห –
Puṇṇako āha –
๑๔๔๒.
1442.
‘‘จิรํ วิวาโท มม ตุยฺหญฺจสฺส, กามญฺจ ปุจฺฉาม ตเมว คนฺตฺวา;
‘‘Ciraṃ vivādo mama tuyhañcassa, kāmañca pucchāma tameva gantvā;
เอโสว โน วิวรตุ เอตมตฺถํ, ยํ วกฺขตี โหตุ กถา อุภินฺน’’นฺติฯ
Esova no vivaratu etamatthaṃ, yaṃ vakkhatī hotu kathā ubhinna’’nti.
ตตฺถ วิวรตุ เอตมตฺถนฺติ ‘‘โส ตว อตฺตา วา น วา’’ติ เอตมตฺถํ เอโสว ปกาเสตุฯ โหตุ กถา อุภินฺนนฺติ ยํ โส วกฺขติ, สาเยว โน อุภินฺนํ กถา โหตุ, ตํ ปมาณํ โหตูติ อโตฺถฯ
Tattha vivaratu etamatthanti ‘‘so tava attā vā na vā’’ti etamatthaṃ esova pakāsetu. Hotu kathā ubhinnanti yaṃ so vakkhati, sāyeva no ubhinnaṃ kathā hotu, taṃ pamāṇaṃ hotūti attho.
ราชา อาห –
Rājā āha –
๑๔๔๓.
1443.
‘‘อทฺธา หิ สจฺจํ ภณสิ, น จ มาณว สาหสํ;
‘‘Addhā hi saccaṃ bhaṇasi, na ca māṇava sāhasaṃ;
ตเมว คนฺตฺวา ปุจฺฉาม, เตน ตุสฺสามุโภ ชนา’’ติฯ
Tameva gantvā pucchāma, tena tussāmubho janā’’ti.
ตตฺถ น จ มาณว สาหสนฺติ มยฺหํ ปสยฺห สาหสิกวจนํ น จ ภณสิฯ
Tattha na ca māṇava sāhasanti mayhaṃ pasayha sāhasikavacanaṃ na ca bhaṇasi.
เอวํ วตฺวา ราชา เอกสตราชาโน ปุณฺณกญฺจ คเหตฺวา ตุฎฺฐมานโส เวเคน ธมฺมสภํ อคมาสิฯ ปณฺฑิโตปิ อาสนา โอรุยฺห ราชานํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ ปุณฺณโก มหาสตฺตํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ‘ตฺวํ ธเมฺม ฐิโต ชีวิตเหตุปิ มุสาวาทํ น ภณสี’ติ กิตฺติสโทฺท เต สกลโลเก ผุโฎ, อหํ ปน เต อชฺช ธเมฺม ฐิตภาวํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา คาถมาห –
Evaṃ vatvā rājā ekasatarājāno puṇṇakañca gahetvā tuṭṭhamānaso vegena dhammasabhaṃ agamāsi. Paṇḍitopi āsanā oruyha rājānaṃ vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha puṇṇako mahāsattaṃ āmantetvā ‘‘paṇḍita, ‘tvaṃ dhamme ṭhito jīvitahetupi musāvādaṃ na bhaṇasī’ti kittisaddo te sakalaloke phuṭo, ahaṃ pana te ajja dhamme ṭhitabhāvaṃ jānissāmī’’ti vatvā gāthamāha –
๑๔๔๔.
1444.
‘‘สจฺจํ นุ เทวา วิทหู กุรูนํ, ธเมฺม ฐิตํ วิธุรํ นามมจฺจํ;
‘‘Saccaṃ nu devā vidahū kurūnaṃ, dhamme ṭhitaṃ vidhuraṃ nāmamaccaṃ;
ทาโสสิ รโญฺญ อุท วาสิ ญาติ, วิธุโรติ สงฺขา กตมาสิ โลเก’’ติฯ
Dāsosi rañño uda vāsi ñāti, vidhuroti saṅkhā katamāsi loke’’ti.
ตตฺถ สจฺจํ นุ เทวา วิทหู กุรูนํ, ธเมฺม ฐิตํ วิธุรํ นามมจฺจนฺติ ‘‘กุรูนํ รเฎฺฐ วิธุโร นาม อมโจฺจ ธเมฺม ฐิโต ชีวิตเหตุปิ มุสาวาทํ น ภณตี’’ติ เอวํ เทวา วิทหู วิทหนฺติ กเถนฺติ ปกาเสนฺติ, เอวํ วิทหมานา เต เทวา สจฺจํ นุ วิทหนฺติ, อุทาหุ อภูตวาทาเยเวเตติฯ วิธุโรติ สงฺขา กตมาสิ โลเกติ ยา เอสา ตว ‘‘วิธุโร’’ติ โลเก สงฺขา ปญฺญตฺติ, สา กตมา อาสิ, ตฺวํ ปกาเสหิ, กิํ นุ รโญฺญ ทาโส นีจตรชาติโก, อุทาหุ สโม วา อุตฺตริตโร วา ญาตีติ อิทํ ตาว เม อาจิกฺข, ทาโสสิ รโญฺญ, อุท วาสิ ญาตีติฯ
Tattha saccaṃ nu devā vidahū kurūnaṃ, dhamme ṭhitaṃ vidhuraṃ nāmamaccanti ‘‘kurūnaṃ raṭṭhe vidhuro nāma amacco dhamme ṭhito jīvitahetupi musāvādaṃ na bhaṇatī’’ti evaṃ devā vidahū vidahanti kathenti pakāsenti, evaṃ vidahamānā te devā saccaṃ nu vidahanti, udāhu abhūtavādāyeveteti. Vidhuroti saṅkhā katamāsi loketi yā esā tava ‘‘vidhuro’’ti loke saṅkhā paññatti, sā katamā āsi, tvaṃ pakāsehi, kiṃ nu rañño dāso nīcatarajātiko, udāhu samo vā uttaritaro vā ñātīti idaṃ tāva me ācikkha, dāsosi rañño, uda vāsi ñātīti.
อถ มหาสโตฺต ‘‘อยํ มํ เอวํ ปุจฺฉติ, อหํ โข ปเนตํ ‘รโญฺญ ญาตี’ติปิ ‘รโญฺญ อุตฺตริตโร’ติปิ ‘รโญฺญ น กิญฺจิ โหมี’ติปิ สญฺญาเปตุํ สโกฺกมิ, เอวํ สเนฺตปิ อิมสฺมิํ โลเก สจฺจสโม อวสฺสโย นาม นตฺถิ, สจฺจเมว กเถตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มาณว, เนวาหํ รโญฺญ ญาติ, น อุตฺตริตโร, จตุนฺนํ ปน ทาสานํ อญฺญตโร’’ติ ทเสฺสตุํ คาถาทฺวยมาห –
Atha mahāsatto ‘‘ayaṃ maṃ evaṃ pucchati, ahaṃ kho panetaṃ ‘rañño ñātī’tipi ‘rañño uttaritaro’tipi ‘rañño na kiñci homī’tipi saññāpetuṃ sakkomi, evaṃ santepi imasmiṃ loke saccasamo avassayo nāma natthi, saccameva kathetuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā ‘‘māṇava, nevāhaṃ rañño ñāti, na uttaritaro, catunnaṃ pana dāsānaṃ aññataro’’ti dassetuṃ gāthādvayamāha –
๑๔๔๕.
1445.
‘‘อามายทาสาปิ ภวนฺติ เหเก, ธเนน กีตาปิ ภวนฺติ ทาสา;
‘‘Āmāyadāsāpi bhavanti heke, dhanena kītāpi bhavanti dāsā;
สยมฺปิ เหเก อุปยนฺติ ทาสา, ภยา ปณุนฺนาปิ ภวนฺติ ทาสาฯ
Sayampi heke upayanti dāsā, bhayā paṇunnāpi bhavanti dāsā.
๑๔๔๖.
1446.
‘‘เอเต นรานํ จตุโรว ทาสา, อทฺธา หิ โยนิโต อหมฺปิ ชาโต;
‘‘Ete narānaṃ caturova dāsā, addhā hi yonito ahampi jāto;
ภโว จ รโญฺญ อภโว จ รโญฺญ, ทาสาหํ เทวสฺส ปรมฺปิ คนฺตฺวา;
Bhavo ca rañño abhavo ca rañño, dāsāhaṃ devassa parampi gantvā;
ธเมฺมน มํ มาณว ตุยฺห ทชฺชา’’ติฯ
Dhammena maṃ māṇava tuyha dajjā’’ti.
ตตฺถ อามายทาสาติ ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตทาสาฯ สยมฺปิ เหเก อุปยนฺติ ทาสาติ เย เกจิ อุปฎฺฐากชาติกา, สเพฺพ เต สยํ ทาสภาวํ อุปคตา ทาสา นามฯ ภยา ปณุนฺนาติ ราชภเยน วา โจรภเยน วา อตฺตโน วสนฎฺฐานโต ปณุนฺนา กรมรา หุตฺวา ปรวิสยํ คตาปิ ทาสาเยว นามฯ อทฺธา หิ โยนิโต อหมฺปิ ชาโตติ มาณว, เอกํเสเนว อหมฺปิ จตูสุ ทาสโยนีสุ เอกโต สยํ ทาสโยนิโต นิพฺพตฺตทาโสฯ ภโว จ รโญฺญ อภโว จ รโญฺญติ รโญฺญ วุฑฺฒิ วา โหตุ อวุฑฺฒิ วา, น สกฺกา มยา มุสา ภาสิตุํฯ ปรมฺปีติ ทูรํ คนฺตฺวาปิ อหํ เทวสฺส ทาโสเยวฯ ทชฺชาติ มํ ราชา ชยธเนน ขเณฺฑตฺวา ตุยฺหํ เทโนฺต ธเมฺมน สภาเวน ทเทยฺยาติฯ
Tattha āmāyadāsāti dāsiyā kucchimhi jātadāsā. Sayampi heke upayanti dāsāti ye keci upaṭṭhākajātikā, sabbe te sayaṃ dāsabhāvaṃ upagatā dāsā nāma. Bhayā paṇunnāti rājabhayena vā corabhayena vā attano vasanaṭṭhānato paṇunnā karamarā hutvā paravisayaṃ gatāpi dāsāyeva nāma. Addhā hi yonito ahampi jātoti māṇava, ekaṃseneva ahampi catūsu dāsayonīsu ekato sayaṃ dāsayonito nibbattadāso. Bhavo ca rañño abhavo ca raññoti rañño vuḍḍhi vā hotu avuḍḍhi vā, na sakkā mayā musā bhāsituṃ. Parampīti dūraṃ gantvāpi ahaṃ devassa dāsoyeva. Dajjāti maṃ rājā jayadhanena khaṇḍetvā tuyhaṃ dento dhammena sabhāvena dadeyyāti.
ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก หฎฺฐตุโฎฺฐ ปุน อโปฺผเฎตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā puṇṇako haṭṭhatuṭṭho puna apphoṭetvā gāthamāha –
๑๔๔๗.
1447.
‘‘อยํ ทุตีโย วิชโย มมชฺช, ปุโฎฺฐ หิ กตฺตา วิวเรตฺถ ปญฺหํ;
‘‘Ayaṃ dutīyo vijayo mamajja, puṭṭho hi kattā vivarettha pañhaṃ;
อธมฺมรูโป วต ราชเสโฎฺฐ, สุภาสิตํ นานุชานาสิ มยฺห’’นฺติฯ
Adhammarūpo vata rājaseṭṭho, subhāsitaṃ nānujānāsi mayha’’nti.
ตตฺถ ราชเสโฎฺฐติ อยํ ราชเสโฎฺฐ อธมฺมรูโป วตฯ สุภาสิตนฺติ วิธุรปณฺฑิเตน สุกถิตํ สุวินิจฺฉิตํฯ นานุชานาสิ มยฺหนฺติ อิทาเนตํ วิธุรปณฺฑิตํ มยฺหํ กสฺมา นานุชานาสิ, กิมตฺถํ น เทสีติ วทติฯ
Tattha rājaseṭṭhoti ayaṃ rājaseṭṭho adhammarūpo vata. Subhāsitanti vidhurapaṇḍitena sukathitaṃ suvinicchitaṃ. Nānujānāsi mayhanti idānetaṃ vidhurapaṇḍitaṃ mayhaṃ kasmā nānujānāsi, kimatthaṃ na desīti vadati.
ตํ สุตฺวา ราชา อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต มาทิสํ ยสทายกํ อโนโลเกตฺวา อิทานิ ทิฎฺฐํ มาณวกํ โอโลเกตี’’ติ มหาสตฺตสฺส กุชฺฌิตฺวา ‘‘มาณว, สเจ โส ทาโส เม ภเวยฺย, ตํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ วตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā anattamano hutvā ‘‘paṇḍito mādisaṃ yasadāyakaṃ anoloketvā idāni diṭṭhaṃ māṇavakaṃ oloketī’’ti mahāsattassa kujjhitvā ‘‘māṇava, sace so dāso me bhaveyya, taṃ gahetvā gacchā’’ti vatvā gāthamāha –
๑๔๔๘.
1448.
‘‘เอวํ เจ โน โส วิวเรตฺถ ปญฺหํ, ทาโสหมสฺมิ น จ โขสฺมิ ญาติ;
‘‘Evaṃ ce no so vivarettha pañhaṃ, dāsohamasmi na ca khosmi ñāti;
คณฺหาหิ กจฺจาน วรํ ธนานํ, อาทาย เยนิจฺฉสิ เตน คจฺฉา’’ติฯ
Gaṇhāhi kaccāna varaṃ dhanānaṃ, ādāya yenicchasi tena gacchā’’ti.
ตตฺถ เอวํ เจ โน โส วิวเรตฺถ ปญฺหนฺติ สเจ โส อมฺหากํ ปญฺหํ ‘‘ทาโสหมสฺมิ, น จ โขสฺมิ ญาตี’’ติ เอวํ วิวริ เอตฺถ ปริสมณฺฑเล, อถ กิํ อจฺฉสิ, สกลโลเก ธนานํ วรํ เอตํ คณฺห, คเหตฺวา จ ปน เยน อิจฺฉสิ, เตน คจฺฉาติฯ
Tattha evaṃ ce no so vivarettha pañhanti sace so amhākaṃ pañhaṃ ‘‘dāsohamasmi, na ca khosmi ñātī’’ti evaṃ vivari ettha parisamaṇḍale, atha kiṃ acchasi, sakalaloke dhanānaṃ varaṃ etaṃ gaṇha, gahetvā ca pana yena icchasi, tena gacchāti.
อกฺขกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Akkhakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
ฆราวาสปญฺหา
Gharāvāsapañhā
เอวญฺจ ปน วตฺวา ราชา จิเนฺตสิ ‘‘ปณฺฑิตํ คเหตฺวา มาณโว ยถารุจิ คมิสฺสติ, ตสฺส คตกาลโต ปฎฺฐาย มยฺหํ มธุรธมฺมกถา ทุลฺลภา ภวิสฺสติ, ยํนูนาหํ อิมํ อตฺตโน ฐาเน ฐเปตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทเปตฺวา ฆราวาสปญฺหํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ อถ นํ ราชา เอวมาห ‘‘ปณฺฑิต, ตุมฺหากํ คตกาเล มม มธุรธมฺมกถา ทุลฺลภา ภวิสฺสติ, อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ฐาเน ฐตฺวา มยฺหํ ฆราวาสปญฺหํ กเถถา’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา รญฺญา ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิสฺสเชฺชสิฯ ตตฺรายํ ปโญฺห –
Evañca pana vatvā rājā cintesi ‘‘paṇḍitaṃ gahetvā māṇavo yathāruci gamissati, tassa gatakālato paṭṭhāya mayhaṃ madhuradhammakathā dullabhā bhavissati, yaṃnūnāhaṃ imaṃ attano ṭhāne ṭhapetvā alaṅkatadhammāsane nisīdapetvā gharāvāsapañhaṃ puccheyya’’nti. Atha naṃ rājā evamāha ‘‘paṇḍita, tumhākaṃ gatakāle mama madhuradhammakathā dullabhā bhavissati, alaṅkatadhammāsane nisīdāpetvā attano ṭhāne ṭhatvā mayhaṃ gharāvāsapañhaṃ kathethā’’ti. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā alaṅkatadhammāsane nisīditvā raññā pañhaṃ puṭṭho vissajjesi. Tatrāyaṃ pañho –
๑๔๔๙.
1449.
‘‘วิธุร วสมานสฺส, คหฎฺฐสฺส สกํ ฆรํ;
‘‘Vidhura vasamānassa, gahaṭṭhassa sakaṃ gharaṃ;
เขมา วุตฺติ กถํ อสฺส, กถํ นุ อสฺส สงฺคโหฯ
Khemā vutti kathaṃ assa, kathaṃ nu assa saṅgaho.
๑๔๕๐.
1450.
‘‘อพฺยาพชฺฌํ กถํ อสฺส, สจฺจวาที จ มาณโว;
‘‘Abyābajjhaṃ kathaṃ assa, saccavādī ca māṇavo;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติฯ
Asmā lokā paraṃ lokaṃ, kathaṃ pecca na socatī’’ti.
ตตฺถ เขมา วุตฺติ กถํ อสฺสาติ กถํ ฆราวาสํ วสนฺตสฺส คหฎฺฐสฺส เขมา นิพฺภยา วุตฺติ ภเวยฺยฯ กถํ นุ อสฺส สงฺคโหติ จตุพฺพิโธ สงฺคหวตฺถุสงฺขาโต สงฺคโห ตสฺส กถํ ภเวยฺย ฯ อพฺยาพชฺฌนฺติ นิทฺทุกฺขตาฯ สจฺจวาที จาติ กถํ นุ มาณโว สจฺจวาที นาม ภเวยฺยฯ เปจฺจาติ ปรโลกํ คนฺตฺวาฯ
Tattha khemā vutti kathaṃ assāti kathaṃ gharāvāsaṃ vasantassa gahaṭṭhassa khemā nibbhayā vutti bhaveyya. Kathaṃ nu assa saṅgahoti catubbidho saṅgahavatthusaṅkhāto saṅgaho tassa kathaṃ bhaveyya . Abyābajjhanti niddukkhatā. Saccavādī cāti kathaṃ nu māṇavo saccavādī nāma bhaveyya. Peccāti paralokaṃ gantvā.
ตํ สุตฺวา ปณฺฑิโต รโญฺญ ปญฺหํ กเถสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ sutvā paṇḍito rañño pañhaṃ kathesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๔๕๑.
1451.
‘‘ตํ ตตฺถ คติมา ธิติมา, มติมา อตฺถทสฺสิมา;
‘‘Taṃ tattha gatimā dhitimā, matimā atthadassimā;
สงฺขาตา สพฺพธมฺมานํ, วิธุโร เอตทพฺรวิฯ
Saṅkhātā sabbadhammānaṃ, vidhuro etadabravi.
๑๔๕๒.
1452.
‘‘น สาธารณทารสฺส, น ภุเญฺช สาทุเมกโก;
‘‘Na sādhāraṇadārassa, na bhuñje sādumekako;
น เสเว โลกายติกํ, เนตํ ปญฺญาย วฑฺฒนํฯ
Na seve lokāyatikaṃ, netaṃ paññāya vaḍḍhanaṃ.
๑๔๕๓.
1453.
‘‘สีลวา วตฺตสมฺปโนฺน, อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณ;
‘‘Sīlavā vattasampanno, appamatto vicakkhaṇo;
นิวาตวุตฺติ อตฺถโทฺธ, สุรโต สขิโล มุทุฯ
Nivātavutti atthaddho, surato sakhilo mudu.
๑๔๕๔.
1454.
‘‘สงฺคเหตา จ มิตฺตานํ, สํวิภาคี วิธานวา;
‘‘Saṅgahetā ca mittānaṃ, saṃvibhāgī vidhānavā;
ตเปฺปยฺย อนฺนปาเนน, สทา สมณพฺราหฺมเณฯ
Tappeyya annapānena, sadā samaṇabrāhmaṇe.
๑๔๕๕.
1455.
‘‘ธมฺมกาโม สุตาธาโร, ภเวยฺย ปริปุจฺฉโก;
‘‘Dhammakāmo sutādhāro, bhaveyya paripucchako;
สกฺกจฺจํ ปยิรุปาเสยฺย, สีลวเนฺต พหุสฺสุเตฯ
Sakkaccaṃ payirupāseyya, sīlavante bahussute.
๑๔๕๖.
1456.
‘‘ฆรมาวสมานสฺส, คหฎฺฐสฺส สกํ ฆรํ;
‘‘Gharamāvasamānassa, gahaṭṭhassa sakaṃ gharaṃ;
เขมา วุตฺติ สิยา เอวํ, เอวํ นุ อสฺส สงฺคโหฯ
Khemā vutti siyā evaṃ, evaṃ nu assa saṅgaho.
๑๔๕๗.
1457.
‘‘อพฺยาพชฺฌํ สิยา เอวํ, สจฺจวาที จ มาณโว;
‘‘Abyābajjhaṃ siyā evaṃ, saccavādī ca māṇavo;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, เอวํ เปจฺจ น โสจตี’’ติฯ
Asmā lokā paraṃ lokaṃ, evaṃ pecca na socatī’’ti.
ตตฺถ ตํ ตตฺถาติ ภิกฺขเว, ตํ ราชานํ ตตฺถ ธมฺมสภายํ ญาณคติยา คติมา, อโพฺพจฺฉินฺนวีริเยน ธิติมา, ภูริสมาย วิปุลาย ปญฺญาย มติมา, สณฺหสุขุมตฺถทสฺสินา ญาเณน อตฺถทสฺสิมา, ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนญาณสงฺขาตาย ปญฺญาย สพฺพธมฺมานํ สงฺขาตา, วิธุรปณฺฑิโต เอตํ ‘‘น สาธารณทารสฺสา’’ติอาทิวจนํ อพฺรวิฯ ตตฺถ โย ปเรสํ ทาเรสุ อปรชฺฌติ , โส สาธารณทาโร นาม, ตาทิโส น อสฺส ภเวยฺยฯ น ภุเญฺช สาทุเมกโกติ สาทุรสํ ปณีตโภชนํ อเญฺญสํ อทตฺวา เอกโกว น ภุเญฺชยฺยฯ โลกายติกนฺติ อนตฺถนิสฺสิตํ สคฺคมคฺคานํ อทายกํ อนิยฺยานิกํ วิตณฺฑสลฺลาปํ โลกายติกวาทํ น เสเวยฺยฯ เนตํ ปญฺญาย วฑฺฒนนฺติ น หิ เอตํ โลกายติกํ ปญฺญาย วฑฺฒนํฯ สีลวาติ อขเณฺฑหิ ปญฺจหิ สีเลหิ สมนฺนาคโตฯ วตฺตสมฺปโนฺนติ ฆราวาสวเตฺตน วา ราชวเตฺตน วา สมนฺนาคโตฯ อปฺปมโตฺตติ กุสลธเมฺมสุ อปฺปมโตฺตฯ นิวาตวุตฺตีติ อติมานํ อกตฺวา นีจวุตฺติ โอวาทานุสาสนิปฎิจฺฉโกฯ อตฺถโทฺธติ ถทฺธมจฺฉริยวิรหิโตฯ สุรโตติ โสรเจฺจน สมนฺนาคโตฯ สขิโลติ เปมนียวจโนฯ มุทูติ กายวาจาจิเตฺตหิ อผรุโสฯ
Tattha taṃ tatthāti bhikkhave, taṃ rājānaṃ tattha dhammasabhāyaṃ ñāṇagatiyā gatimā, abbocchinnavīriyena dhitimā, bhūrisamāya vipulāya paññāya matimā, saṇhasukhumatthadassinā ñāṇena atthadassimā, paricchinditvā jānanañāṇasaṅkhātāya paññāya sabbadhammānaṃ saṅkhātā, vidhurapaṇḍito etaṃ ‘‘na sādhāraṇadārassā’’tiādivacanaṃ abravi. Tattha yo paresaṃ dāresu aparajjhati , so sādhāraṇadāro nāma, tādiso na assa bhaveyya. Na bhuñje sādumekakoti sādurasaṃ paṇītabhojanaṃ aññesaṃ adatvā ekakova na bhuñjeyya. Lokāyatikanti anatthanissitaṃ saggamaggānaṃ adāyakaṃ aniyyānikaṃ vitaṇḍasallāpaṃ lokāyatikavādaṃ na seveyya. Netaṃ paññāya vaḍḍhananti na hi etaṃ lokāyatikaṃ paññāya vaḍḍhanaṃ. Sīlavāti akhaṇḍehi pañcahi sīlehi samannāgato. Vattasampannoti gharāvāsavattena vā rājavattena vā samannāgato. Appamattoti kusaladhammesu appamatto. Nivātavuttīti atimānaṃ akatvā nīcavutti ovādānusāsanipaṭicchako. Atthaddhoti thaddhamacchariyavirahito. Suratoti soraccena samannāgato. Sakhiloti pemanīyavacano. Mudūti kāyavācācittehi apharuso.
สงฺคเหตา จ มิตฺตานนฺติ กลฺยาณมิตฺตานํ สงฺคหกโรฯ ทานาทีสุ โย เยน สงฺคหํ อิจฺฉติ, ตสฺส เตเนว สงฺคาหโกฯ สํวิภาคีติ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานเญฺจว กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกาทีนญฺจ สํวิภาคกโรฯ วิธานวาติ ‘‘อิมสฺมิํ กาเล กสิตุํ วฎฺฎติ, อิมสฺมิํ กาเล วปิตุํ วฎฺฎตี’’ติ เอวํ สพฺพกิเจฺจสุ วิธานสมฺปโนฺนฯ ตเปฺปยฺยาติ คหิตคหิตภาชนานิ ปูเรตฺวา ททมาโน ตเปฺปยฺยฯ ธมฺมกาโมติ ปเวณิธมฺมมฺปิ สุจริตธมฺมมฺปิ กามยมาโน ปตฺถยมาโนฯ สุตาธาโรติ สุตสฺส อาธารภูโตฯ ปริปุจฺฉโกติ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิํ, ภเนฺต, กุสล’’นฺติอาทิวจเนหิ ปริปุจฺฉนสีโลฯ สกฺกจฺจนฺติ คารเวนฯ เอวํ นุ อสฺส สงฺคโหติ สงฺคโหปิสฺส เอวํ กโต นาม ภเวยฺยฯ สจฺจวาทีติ เอวํ ปฎิปโนฺนเยว สภาววาที นาม สิยาฯ
Saṅgahetā ca mittānanti kalyāṇamittānaṃ saṅgahakaro. Dānādīsu yo yena saṅgahaṃ icchati, tassa teneva saṅgāhako. Saṃvibhāgīti dhammikasamaṇabrāhmaṇānañceva kapaṇaddhikavaṇibbakayācakādīnañca saṃvibhāgakaro. Vidhānavāti ‘‘imasmiṃ kāle kasituṃ vaṭṭati, imasmiṃ kāle vapituṃ vaṭṭatī’’ti evaṃ sabbakiccesu vidhānasampanno. Tappeyyāti gahitagahitabhājanāni pūretvā dadamāno tappeyya. Dhammakāmoti paveṇidhammampi sucaritadhammampi kāmayamāno patthayamāno. Sutādhāroti sutassa ādhārabhūto. Paripucchakoti dhammikasamaṇabrāhmaṇe upasaṅkamitvā ‘‘kiṃ, bhante, kusala’’ntiādivacanehi paripucchanasīlo. Sakkaccanti gāravena. Evaṃ nu assa saṅgahoti saṅgahopissa evaṃ kato nāma bhaveyya. Saccavādīti evaṃ paṭipannoyeva sabhāvavādī nāma siyā.
เอวํ มหาสโตฺต รโญฺญ ฆราวาสปญฺหํ กเถตฺวา ปลฺลงฺกา โอรุยฺห ราชานํ วนฺทิฯ ราชาปิสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เอกสตราชูหิ ปริวุโต อตฺตโน นิเวสนเมว คโตฯ
Evaṃ mahāsatto rañño gharāvāsapañhaṃ kathetvā pallaṅkā oruyha rājānaṃ vandi. Rājāpissa mahāsakkāraṃ katvā ekasatarājūhi parivuto attano nivesanameva gato.
ฆราวาสปญฺหา นิฎฺฐิตาฯ
Gharāvāsapañhā niṭṭhitā.
ลกฺขณกณฺฑํ
Lakkhaṇakaṇḍaṃ
มหาสโตฺต ปน ปฎินิวโตฺตฯ อถ นํ ปุณฺณโก อาห –
Mahāsatto pana paṭinivatto. Atha naṃ puṇṇako āha –
๑๔๕๘.
1458.
‘‘เอหิ ทานิ คมิสฺสาม, ทิโนฺน โน อิสฺสเรน เม;
‘‘Ehi dāni gamissāma, dinno no issarena me;
มเมวตฺถํ ปฎิปชฺช, เอส ธโมฺม สนนฺตโน’’ติฯ
Mamevatthaṃ paṭipajja, esa dhammo sanantano’’ti.
ตตฺถ ทิโนฺน โนติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ, ตฺวํ อิสฺสเรน มยฺหํ ทิโนฺนติ อโตฺถฯ สนนฺตโนติ มม อตฺถํ ปฎิปชฺชเนฺตน หิ ตยา อตฺตโน สามิกสฺส อโตฺถ ปฎิปโนฺน โหติฯ ยเญฺจตํ สามิกสฺส อตฺถกรณํ นาม, เอส ธโมฺม สนนฺตโน โปราณกปณฺฑิตานํ สภาโวติฯ
Tattha dinno noti ettha noti nipātamattaṃ, tvaṃ issarena mayhaṃ dinnoti attho. Sanantanoti mama atthaṃ paṭipajjantena hi tayā attano sāmikassa attho paṭipanno hoti. Yañcetaṃ sāmikassa atthakaraṇaṃ nāma, esa dhammo sanantano porāṇakapaṇḍitānaṃ sabhāvoti.
วิธุรปณฺฑิโต อาห –
Vidhurapaṇḍito āha –
๑๔๕๙.
1459.
‘‘ชานามิ มาณว ตยาหมสฺมิ, ทิโนฺนหมสฺมิ ตว อิสฺสเรน;
‘‘Jānāmi māṇava tayāhamasmi, dinnohamasmi tava issarena;
ตีหญฺจ ตํ วาสเยมุ อคาเร, เยนทฺธุนา อนุสาเสมุ ปุเตฺต’’ติฯ
Tīhañca taṃ vāsayemu agāre, yenaddhunā anusāsemu putte’’ti.
ตตฺถ ตยาหมสฺมีติ ตยา ลโทฺธหมสฺมีติ ชานามิ, ลภเนฺตน จ น อญฺญถา ลโทฺธฯ ทิโนฺนหมสฺมิ ตว อิสฺสเรนาติ มม อิสฺสเรน รญฺญา อหํ ตว ทิโนฺนฯ ตีหํ จาติ มาณว, อหํ ตว พหูปกาโร, ราชานํ อโนโลเกตฺวา สจฺจเมว กเถสิํ, เตนาหํ ตยา ลโทฺธ, ตฺวํ เม มหนฺตคุณภาวํ ชานาหิ, มยํ ตีณิปิ ทิวสานิ อตฺตโน อคาเร วาเสมุ, ตสฺมา เยนทฺธุนา ยตฺตเกน กาเลน มยํ ปุตฺตาทาเร อนุสาเสมุ, ตํ กาลํ อธิวาเสหีติฯ
Tattha tayāhamasmīti tayā laddhohamasmīti jānāmi, labhantena ca na aññathā laddho. Dinnohamasmi tava issarenāti mama issarena raññā ahaṃ tava dinno. Tīhaṃ cāti māṇava, ahaṃ tava bahūpakāro, rājānaṃ anoloketvā saccameva kathesiṃ, tenāhaṃ tayā laddho, tvaṃ me mahantaguṇabhāvaṃ jānāhi, mayaṃ tīṇipi divasāni attano agāre vāsemu, tasmā yenaddhunā yattakena kālena mayaṃ puttādāre anusāsemu, taṃ kālaṃ adhivāsehīti.
ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก ‘‘สจฺจํ ปณฺฑิโต อาห, พหูปกาโร เอส มม, ‘สตฺตาหมฺปิ อฑฺฒมาสมฺปิ นิสีทาหี’ติ วุเตฺต อธิวาเสตพฺพเมวา’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā puṇṇako ‘‘saccaṃ paṇḍito āha, bahūpakāro esa mama, ‘sattāhampi aḍḍhamāsampi nisīdāhī’ti vutte adhivāsetabbamevā’’ti cintetvā gāthamāha –
๑๔๖๐.
1460.
‘‘ตํ เม ตถา โหตุ วเสมุ ตีหํ, กุรุตํ ภวชฺช ฆเรสุ กิจฺจํ;
‘‘Taṃ me tathā hotu vasemu tīhaṃ, kurutaṃ bhavajja gharesu kiccaṃ;
อนุสาสตํ ปุตฺตทาเร ภวชฺช, ยถา ตยี เปจฺจ สุขี ภเวยฺยา’’ติฯ
Anusāsataṃ puttadāre bhavajja, yathā tayī pecca sukhī bhaveyyā’’ti.
ตตฺถ ตํ เมติ ยํ ตฺวํ วเทสิ, สพฺพํ ตํ มม ตถา โหตุฯ ภวชฺชาติ ภวํ อชฺช ปฎฺฐาย ตีหํ อนุสาสตุฯ ตยี เปจฺจาติ ยถา ตยิ คเต ปจฺฉา ตว ปุตฺตทาโร สุขี ภเวยฺย, เอวํ อนุสาสตุฯ
Tattha taṃ meti yaṃ tvaṃ vadesi, sabbaṃ taṃ mama tathā hotu. Bhavajjāti bhavaṃ ajja paṭṭhāya tīhaṃ anusāsatu. Tayī peccāti yathā tayi gate pacchā tava puttadāro sukhī bhaveyya, evaṃ anusāsatu.
เอวํ วตฺวา ปุณฺณโก มหาสเตฺตน สทฺธิํเยว ตสฺส นิเวสนํ ปาวิสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vatvā puṇṇako mahāsattena saddhiṃyeva tassa nivesanaṃ pāvisi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๔๖๑.
1461.
‘‘สาธูติ วตฺวาน ปหูตกาโม, ปกฺกามิ ยโกฺข วิธุเรน สทฺธิํ;
‘‘Sādhūti vatvāna pahūtakāmo, pakkāmi yakkho vidhurena saddhiṃ;
ตํ กุญฺชราชญฺญหยานุจิณฺณํ, ปาเวกฺขิ อเนฺตปุรมริยเสโฎฺฐ’’ติฯ
Taṃ kuñjarājaññahayānuciṇṇaṃ, pāvekkhi antepuramariyaseṭṭho’’ti.
ตตฺถ ปหูตกาโมติ มหาโภโคฯ กุญฺชราชญฺญหยานุจิณฺณนฺติ กุญฺชเรหิ จ อาชญฺญหเยหิ จ อนุจิณฺณํ ปริปุณฺณํฯ อริยเสโฎฺฐติ อาจารอริเยสุ อุตฺตโม ปุณฺณโก ยโกฺข ปณฺฑิตสฺส อเนฺตปุรํ ปาวิสิฯ
Tattha pahūtakāmoti mahābhogo. Kuñjarājaññahayānuciṇṇanti kuñjarehi ca ājaññahayehi ca anuciṇṇaṃ paripuṇṇaṃ. Ariyaseṭṭhoti ācāraariyesu uttamo puṇṇako yakkho paṇḍitassa antepuraṃ pāvisi.
มหาสตฺตสฺส ปน ติณฺณํ อุตูนํ อตฺถาย ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ เตสุ เอโก โกโญฺจ นาม, เอโก มยูโร นาม, เอโก ปิยเกโต นามฯ เต สนฺธาย อยํ คาถา วุตฺตา –
Mahāsattassa pana tiṇṇaṃ utūnaṃ atthāya tayo pāsādā ahesuṃ. Tesu eko koñco nāma, eko mayūro nāma, eko piyaketo nāma. Te sandhāya ayaṃ gāthā vuttā –
๑๔๖๒.
1462.
‘‘โกญฺจํ มยูรญฺจ ปิยญฺจ เกตํ, อุปาคมี ตตฺถ สุรมฺมรูปํ;
‘‘Koñcaṃ mayūrañca piyañca ketaṃ, upāgamī tattha surammarūpaṃ;
ปหูตภกฺขํ พหุอนฺนปานํ, มสกฺกสารํ วิย วาสวสฺสา’’ติฯ
Pahūtabhakkhaṃ bahuannapānaṃ, masakkasāraṃ viya vāsavassā’’ti.
ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ ปาสาเทสุ ยตฺถ ตสฺมิํ สมเย อตฺตนา วสติ, ตํ สุรมฺมรูปํ ปาสาทํ ปุณฺณกํ อาทาย อุปาคมิฯ
Tattha tatthāti tesu tīsu pāsādesu yattha tasmiṃ samaye attanā vasati, taṃ surammarūpaṃ pāsādaṃ puṇṇakaṃ ādāya upāgami.
โส อุปคนฺตฺวา จ ปน อลงฺกตปาสาทสฺส สตฺตมาย ภูมิยา สยนคพฺภเญฺจว มหาตลญฺจ สชฺชาเปตฺวา สิริสยนํ ปญฺญาเปตฺวา สพฺพํ อนฺนปานาทิวิธิํ อุปฎฺฐเปตฺวา เทวกญฺญาโย วิย ปญฺจสตา อิตฺถิโย ‘‘อิมา เต ปาทปริจาริกา โหนฺตุ, อนุกฺกณฺฐโนฺต อิธ วสาหี’’ติ ตสฺส นิยฺยาเทตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คโตฯ ตสฺส คตกาเล ตา อิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา ปุณฺณกสฺส ปริจริยาย นจฺจาทีนิ ปฎฺฐเปสุํฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
So upagantvā ca pana alaṅkatapāsādassa sattamāya bhūmiyā sayanagabbhañceva mahātalañca sajjāpetvā sirisayanaṃ paññāpetvā sabbaṃ annapānādividhiṃ upaṭṭhapetvā devakaññāyo viya pañcasatā itthiyo ‘‘imā te pādaparicārikā hontu, anukkaṇṭhanto idha vasāhī’’ti tassa niyyādetvā attano vasanaṭṭhānaṃ gato. Tassa gatakāle tā itthiyo nānātūriyāni gahetvā puṇṇakassa paricariyāya naccādīni paṭṭhapesuṃ. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๔๖๓.
1463.
‘‘ตตฺถ นจฺจนฺติ คายนฺติ, อวฺหยนฺติ วราวรํ;
‘‘Tattha naccanti gāyanti, avhayanti varāvaraṃ;
อจฺฉรา วิย เทเวสุ, นาริโย สมลงฺกตา’’ติฯ
Accharā viya devesu, nāriyo samalaṅkatā’’ti.
ตตฺถ อวฺหยนฺติ วราวรนฺติ วรโต วรํ นจฺจญฺจ คีตญฺจ กโรนฺติโย ปโกฺกสนฺติฯ
Tattha avhayanti varāvaranti varato varaṃ naccañca gītañca karontiyo pakkosanti.
๑๔๖๔.
1464.
‘‘สมงฺคิกตฺวา ปมทาหิ ยกฺขํ, อเนฺนน ปาเนน จ ธมฺมปาโล;
‘‘Samaṅgikatvā pamadāhi yakkhaṃ, annena pānena ca dhammapālo;
อตฺถตฺถเมวานุวิจินฺตยโนฺต , ปาเวกฺขิ ภริยาย ตทา สกาเส’’ติฯ
Atthatthamevānuvicintayanto , pāvekkhi bhariyāya tadā sakāse’’ti.
ตตฺถ ปมทาหีติ ปมทาหิ เจว อนฺนปาเนหิ จ สมงฺคิกตฺวาฯ ธมฺมปาโลติ ธมฺมสฺส ปาลโก โคปโกฯ อตฺถตฺถเมวาติ อตฺถภูตเมว อตฺถํฯ ภริยายาติ สพฺพเชฎฺฐิกาย ภริยายฯ
Tattha pamadāhīti pamadāhi ceva annapānehi ca samaṅgikatvā. Dhammapāloti dhammassa pālako gopako. Atthatthamevāti atthabhūtameva atthaṃ. Bhariyāyāti sabbajeṭṭhikāya bhariyāya.
๑๔๖๕.
1465.
‘‘ตํ จนฺทนคนฺธรสานุลิตฺตํ, สุวณฺณชโมฺพนทนิกฺขสาทิสํ;
‘‘Taṃ candanagandharasānulittaṃ, suvaṇṇajambonadanikkhasādisaṃ;
ภริยํวจา ‘เอหิ สุโณหิ โภติ, ปุตฺตานิ อามนฺตย ตมฺพเนเตฺต’’’ติฯ
Bhariyaṃvacā ‘ehi suṇohi bhoti, puttāni āmantaya tambanette’’’ti.
ตตฺถ ภริยํวจาติ เชฎฺฐภริยํ อวจฯ อามนฺตยาติ ปโกฺกสฯ
Tattha bhariyaṃvacāti jeṭṭhabhariyaṃ avaca. Āmantayāti pakkosa.
๑๔๖๖.
1466.
‘‘สุตฺวาน วากฺยํ ปติโน อนุชฺชา, สุณิสํ วจ ตมฺพนขิํ สุเนตฺตํ;
‘‘Sutvāna vākyaṃ patino anujjā, suṇisaṃ vaca tambanakhiṃ sunettaṃ;
‘อามนฺตย วมฺมธรานิ เจเต, ปุตฺตานิ อินฺทีวรปุปฺผสาเม’’’ติฯ
‘Āmantaya vammadharāni cete, puttāni indīvarapupphasāme’’’ti.
ตตฺถ อนุชฺชาติ เอวํนามิกาฯ สุณิสํวจ ตมฺพนขิํ สุเนตฺตนฺติ สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา อสฺสุมุขี โรทมานา ‘‘สยํ คนฺตฺวา ปุเตฺต ปโกฺกสิตุํ อยุตฺตํ, สุณิสํ เปเสสฺสามี’’ติ ตสฺสา นิวาสฎฺฐานํ คนฺตฺวา ตมฺพนขิํ สุเนตฺตํ สุณิสํ อวจฯ วมฺมธรานีติ วมฺมธเร สูเร, สมเตฺถติ อโตฺถ, อาภรณภณฺฑเมว วา อิธ ‘‘วมฺม’’นฺติ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา อาภรณธเรติปิ อโตฺถฯ เจเตติ ตํ นาเมนาลปติ, ปุตฺตานีติ มม ปุเตฺต จ ธีตโร จฯ อินฺทีวรปุปฺผสาเมติ ตํ อาลปติฯ
Tattha anujjāti evaṃnāmikā. Suṇisaṃvaca tambanakhiṃ sunettanti sā tassa vacanaṃ sutvā assumukhī rodamānā ‘‘sayaṃ gantvā putte pakkosituṃ ayuttaṃ, suṇisaṃ pesessāmī’’ti tassā nivāsaṭṭhānaṃ gantvā tambanakhiṃ sunettaṃ suṇisaṃ avaca. Vammadharānīti vammadhare sūre, samattheti attho, ābharaṇabhaṇḍameva vā idha ‘‘vamma’’nti adhippetaṃ, tasmā ābharaṇadharetipi attho. Ceteti taṃ nāmenālapati, puttānīti mama putte ca dhītaro ca. Indīvarapupphasāmeti taṃ ālapati.
สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห อนุวิจริตฺวา ‘‘ปิตา โว โอวาทํ ทาตุกาโม ปโกฺกสติ, อิทํ กิร โว ตสฺส ปจฺฉิมทสฺสน’’นฺติ สพฺพเมวสฺส สุหทชนญฺจ ปุตฺตธีตโร จ สนฺนิปาเตสิฯ ธมฺมปาลกุมาโร ปน ตํ วจนํ สุตฺวาว โรทโนฺต กนิฎฺฐภาติกคณปริวุโต ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิฯ ปณฺฑิโต เต ทิสฺวาว สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา เชฎฺฐปุตฺตํ มุหุตฺตํ หทเย นิปชฺชาเปตฺวา หทยา โอตาเรตฺวา สิริคพฺภโต นิกฺขมฺม มหาตเล ปลฺลงฺกมเชฺฌ นิสีทิตฺวา ปุตฺตสหสฺสสฺส โอวาทํ อทาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Sā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā pāsādā oruyha anuvicaritvā ‘‘pitā vo ovādaṃ dātukāmo pakkosati, idaṃ kira vo tassa pacchimadassana’’nti sabbamevassa suhadajanañca puttadhītaro ca sannipātesi. Dhammapālakumāro pana taṃ vacanaṃ sutvāva rodanto kaniṭṭhabhātikagaṇaparivuto pitu santikaṃ agamāsi. Paṇḍito te disvāva sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkonto assupuṇṇehi nettehi āliṅgitvā sīse cumbitvā jeṭṭhaputtaṃ muhuttaṃ hadaye nipajjāpetvā hadayā otāretvā sirigabbhato nikkhamma mahātale pallaṅkamajjhe nisīditvā puttasahassassa ovādaṃ adāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๔๖๗.
1467.
‘‘เต อาคเต มุทฺธนิ ธมฺมปาโล, จุมฺพิตฺวา ปุเตฺต อวิกมฺปมาโน;
‘‘Te āgate muddhani dhammapālo, cumbitvā putte avikampamāno;
อามนฺตยิตฺวาน อโวจ วากฺยํ, ทินฺนาหํ รญฺญา อิธ มาณวสฺสฯ
Āmantayitvāna avoca vākyaṃ, dinnāhaṃ raññā idha māṇavassa.
๑๔๖๘.
1468.
‘‘ตสฺสชฺชหํ อตฺตสุขี วิเธโยฺย, อาทาย เยนิจฺฉติ เตน คจฺฉติ;
‘‘Tassajjahaṃ attasukhī vidheyyo, ādāya yenicchati tena gacchati;
อหญฺจ โว สาสิตุมาคโตสฺมิ, กถํ อหํ อปริตฺตาย คเจฺฉฯ
Ahañca vo sāsitumāgatosmi, kathaṃ ahaṃ aparittāya gacche.
๑๔๖๙.
1469.
‘‘สเจ โว ราชา กุรุรฎฺฐวาสี, ชนสโนฺธ ปุเจฺฉยฺย ปหูตกาโม;
‘‘Sace vo rājā kururaṭṭhavāsī, janasandho puccheyya pahūtakāmo;
กิมาภิชานาถ ปุเร ปุราณํ, กิํ โว ปิตา ปุรตฺถาฯ
Kimābhijānātha pure purāṇaṃ, kiṃ vo pitā puratthā.
๑๔๗๐.
1470.
‘‘สมาสนา โหถ มยาว สเพฺพ, โกนีธ รโญฺญ อพฺภติโก มนุโสฺส;
‘‘Samāsanā hotha mayāva sabbe, konīdha rañño abbhatiko manusso;
ตมญฺชลิํ กริย วเทถ เอวํ, มา เหวํ เทว น หิ เอส ธโมฺม;
Tamañjaliṃ kariya vadetha evaṃ, mā hevaṃ deva na hi esa dhammo;
วิยคฺฆราชสฺส นิหีนชโจฺจ, สมาสโน เทว กถํ ภเวยฺยา’’ติฯ
Viyaggharājassa nihīnajacco, samāsano deva kathaṃ bhaveyyā’’ti.
ตตฺถ ธมฺมปาโลติ มหาสโตฺตฯ ทินฺนาหนฺติ อหํ ชยธเนน ขเณฺฑตฺวา รญฺญา ทิโนฺนฯ ตสฺสชฺชหํ อตฺตสุขี วิเธโยฺยติ อชฺช ปฎฺฐาย ตีหมตฺตํ อหํ อิมินา อตฺตโน สุเขน อตฺตสุขี, ตโต ปรํ ปน ตสฺส มาณวสฺสาหํ วิเธโยฺย โหมิฯ โส หิ อิโต จตุเตฺถ ทิวเส เอกํเสน มํ อาทาย ยตฺถิจฺฉติ, ตตฺถ คจฺฉติฯ อปริตฺตายาติ ตุมฺหากํ ปริตฺตํ อกตฺวา กถํ คเจฺฉยฺยนฺติ อนุสาสิตุํ อาคโตสฺมิฯ ชนสโนฺธติ มิตฺตพนฺธเนน มิตฺตชนสฺส สนฺธานกโรฯ ปุเร ปุราณนฺติ อิโต ปุเพฺพ ตุเมฺห กิํ ปุราณการณํ อภิชานาถฯ อนุสาเสติ อนุสาสิฯ เอวํ ตุเมฺห รญฺญา ปุฎฺฐา ‘‘อมฺหากํ ปิตา อิมญฺจิมญฺจ โอวาทํ อทาสี’’ติ กเถยฺยาถฯ สมาสนา โหถาติ สเจ โว ราชา มยา ทินฺนสฺส โอวาทสฺส กถิตกาเล ‘‘เอถ ตุเมฺห, อชฺช มยา สทฺธิํ สมาสนา โหถ, อิธ ราชกุเล ตุเมฺหหิ อโญฺญ โก นุ รโญฺญ อพฺภติโก มนุโสฺส’’ติ อตฺตโน อาสเน นิสีทาเปยฺย, อถ ตุเมฺห อญฺชลิํ กตฺวา ตํ ราชานํ เอวํ วเทยฺยาถ ‘‘เทว, เอวํ มา อวจฯ น หิ อมฺหากํ เอสปเวณิธโมฺมฯ วิยคฺฆราชสฺส เกสรสีหสฺส นิหีนชโจฺจ ชรสิงฺคาโล , เทว, กถํ สมาสโน ภเวยฺยฯ ยถา สิงฺคาโล สีหสฺส สมาสโน น โหติ, ตเถว มยํ ตุมฺหาก’’นฺติฯ
Tattha dhammapāloti mahāsatto. Dinnāhanti ahaṃ jayadhanena khaṇḍetvā raññā dinno. Tassajjahaṃ attasukhī vidheyyoti ajja paṭṭhāya tīhamattaṃ ahaṃ iminā attano sukhena attasukhī, tato paraṃ pana tassa māṇavassāhaṃ vidheyyo homi. So hi ito catutthe divase ekaṃsena maṃ ādāya yatthicchati, tattha gacchati. Aparittāyāti tumhākaṃ parittaṃ akatvā kathaṃ gaccheyyanti anusāsituṃ āgatosmi. Janasandhoti mittabandhanena mittajanassa sandhānakaro. Pure purāṇanti ito pubbe tumhe kiṃ purāṇakāraṇaṃ abhijānātha. Anusāseti anusāsi. Evaṃ tumhe raññā puṭṭhā ‘‘amhākaṃ pitā imañcimañca ovādaṃ adāsī’’ti katheyyātha. Samāsanā hothāti sace vo rājā mayā dinnassa ovādassa kathitakāle ‘‘etha tumhe, ajja mayā saddhiṃ samāsanā hotha, idha rājakule tumhehi añño ko nu rañño abbhatiko manusso’’ti attano āsane nisīdāpeyya, atha tumhe añjaliṃ katvā taṃ rājānaṃ evaṃ vadeyyātha ‘‘deva, evaṃ mā avaca. Na hi amhākaṃ esapaveṇidhammo. Viyaggharājassa kesarasīhassa nihīnajacco jarasiṅgālo , deva, kathaṃ samāsano bhaveyya. Yathā siṅgālo sīhassa samāsano na hoti, tatheva mayaṃ tumhāka’’nti.
อิมํ ปนสฺส กถํ สุตฺวา ปุตฺตธีตโร จ ญาติสุหชฺชาทโย จ ทาสกมฺมกรโปริสา จ เต สเพฺพ สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา มหาวิรวํ วิรวิํสุฯ เตสํ มหาสโตฺต สญฺญาเปสิฯ
Imaṃ panassa kathaṃ sutvā puttadhītaro ca ñātisuhajjādayo ca dāsakammakaraporisā ca te sabbe sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkontā mahāviravaṃ viraviṃsu. Tesaṃ mahāsatto saññāpesi.
ลกฺขณกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Lakkhaṇakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
ราชวสติกณฺฑ
Rājavasatikaṇḍa
อถ เน ปณฺฑิโต ปุตฺตธีตโร จ ญาตโย จ อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูเต ทิสฺวา ‘‘ตาตา, มา จินฺตยิตฺถ, สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, ยโส นาม วิปตฺติปริโยสาโน, อปิจ ตุมฺหากํ ราชวสติํ นาม ยสปฎิลาภการณํ กเถสฺสามิ, ตํ เอกคฺคจิตฺตา สุณาถา’’ติ พุทฺธลีลาย ราชวสติํ นาม ปฎฺฐเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Atha ne paṇḍito puttadhītaro ca ñātayo ca upasaṅkamitvā tuṇhībhūte disvā ‘‘tātā, mā cintayittha, sabbe saṅkhārā aniccā, yaso nāma vipattipariyosāno, apica tumhākaṃ rājavasatiṃ nāma yasapaṭilābhakāraṇaṃ kathessāmi, taṃ ekaggacittā suṇāthā’’ti buddhalīlāya rājavasatiṃ nāma paṭṭhapesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๔๗๑.
1471.
‘‘โส จ ปุเตฺต อมเจฺจ จ, ญาตโย สุหทชฺชเน;
‘‘So ca putte amacce ca, ñātayo suhadajjane;
อลีนมนสงฺกโปฺป, วิธุโร เอตทพฺรวิฯ
Alīnamanasaṅkappo, vidhuro etadabravi.
๑๔๗๒.
1472.
‘‘เอถโยฺย ราชวสติํ, นิสีทิตฺวา สุณาถ เม;
‘‘Ethayyo rājavasatiṃ, nisīditvā suṇātha me;
ยถา ราชกุลํ ปโตฺต, ยสํ โปโส นิคจฺฉตี’’ติฯ
Yathā rājakulaṃ patto, yasaṃ poso nigacchatī’’ti.
ตตฺถ สุหทชฺชเนติ สุหทยชเนฯ เอถโยฺยติ เอถ, อโยฺยฯ ปิยสมุทาจาเรน ปุเตฺต อาลปติฯ ราชวสตินฺติ มยา วุจฺจมานํ ราชปาริจริยํ สุณาถฯ ยถาติ เยน การเณน ราชกุลํ ปโตฺต อุปสงฺกมโนฺต รโญฺญ สนฺติเก จรโนฺต โปโส ยสํ นิคจฺฉติ ลภติ, ตํ การณํ สุณาถาติ อโตฺถฯ
Tattha suhadajjaneti suhadayajane. Ethayyoti etha, ayyo. Piyasamudācārena putte ālapati. Rājavasatinti mayā vuccamānaṃ rājapāricariyaṃ suṇātha. Yathāti yena kāraṇena rājakulaṃ patto upasaṅkamanto rañño santike caranto poso yasaṃ nigacchati labhati, taṃ kāraṇaṃ suṇāthāti attho.
๑๔๗๓.
1473.
‘‘น หิ ราชกุลํ ปโตฺต, อญฺญาโต ลภเต ยสํ;
‘‘Na hi rājakulaṃ patto, aññāto labhate yasaṃ;
นาสูโร นาปิ ทุเมฺมโธ, นปฺปมโตฺต กุทาจนํฯ
Nāsūro nāpi dummedho, nappamatto kudācanaṃ.
๑๔๗๔.
1474.
‘‘ยทาสฺส สีลํ ปญฺญญฺจ, โสเจยฺยํ จาธิคจฺฉติ;
‘‘Yadāssa sīlaṃ paññañca, soceyyaṃ cādhigacchati;
อถ วิสฺสสเต ตฺยมฺหิ, คุยฺหญฺจสฺส น รกฺขตี’’ติฯ
Atha vissasate tyamhi, guyhañcassa na rakkhatī’’ti.
ตตฺถ อญฺญาโตติ อปากฎคุโณ อวิทิตกมฺมาวทาโนฯ นาสูโรติ น อสูโร ภีรุกชาติโกฯ ยทาสฺส สีลนฺติ ยทา อสฺส เสวกสฺส ราชา สีลญฺจ ปญฺญญฺจ โสเจยฺยญฺจ อธิคจฺฉติ, อาจารสมฺปตฺติญฺจ ญาณพลญฺจ สุจิภาวญฺจ ชานาติฯ อถ วิสฺสสเต ตฺยมฺหีติ อถ ราชา ตมฺหิ วิสฺสสเต วิสฺสาสํ กโรติ, อตฺตโน คุยฺหญฺจสฺส น รกฺขติ น คูหติฯ
Tattha aññātoti apākaṭaguṇo aviditakammāvadāno. Nāsūroti na asūro bhīrukajātiko. Yadāssa sīlanti yadā assa sevakassa rājā sīlañca paññañca soceyyañca adhigacchati, ācārasampattiñca ñāṇabalañca sucibhāvañca jānāti. Atha vissasate tyamhīti atha rājā tamhi vissasate vissāsaṃ karoti, attano guyhañcassa na rakkhati na gūhati.
๑๔๗๕.
1475.
‘‘ตุลา ยถา ปคฺคหิตา, สมทณฺฑา สุธาริตา;
‘‘Tulā yathā paggahitā, samadaṇḍā sudhāritā;
อชฺฌิโฎฺฐ น วิกเมฺปยฺย, ส ราชวสติํ วเสฯ
Ajjhiṭṭho na vikampeyya, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๗๖.
1476.
‘‘ตุลา ยถา ปคฺคหิตา, สมทณฺฑา สุธาริตา;
‘‘Tulā yathā paggahitā, samadaṇḍā sudhāritā;
สพฺพานิ อภิสโมฺภโนฺต, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Sabbāni abhisambhonto, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ ตุลา ยถาติ ยถา เอสา วุตฺตปฺปการา ตุลา น โอนมติ น อุนฺนมติ, เอวเมว ราชเสวโก กิสฺมิญฺจิเทว กเมฺม รญฺญา ‘‘อิทํ นาม กโรหี’’ติ อชฺฌิโฎฺฐ อาณโตฺต ฉนฺทาทิอคติวเสน น วิกเมฺปยฺย, สพฺพกิเจฺจสุ ปคฺคหิตตุลา วิย สโม ภเวยฺยฯ ส ราชวสตินฺติ โส เอวรูโป เสวโก ราชกุเล วาสํ วเสยฺย, ราชานํ ปริจเรยฺย, เอวํ ปริจรโนฺต ปน ยสํ ลเภยฺยาติ อโตฺถฯ สพฺพานิ อภิสโมฺภโนฺตติ สพฺพานิ ราชกิจฺจานิ กโรโนฺตฯ
Tattha tulāyathāti yathā esā vuttappakārā tulā na onamati na unnamati, evameva rājasevako kismiñcideva kamme raññā ‘‘idaṃ nāma karohī’’ti ajjhiṭṭho āṇatto chandādiagativasena na vikampeyya, sabbakiccesu paggahitatulā viya samo bhaveyya. Sa rājavasatinti so evarūpo sevako rājakule vāsaṃ vaseyya, rājānaṃ paricareyya, evaṃ paricaranto pana yasaṃ labheyyāti attho. Sabbāni abhisambhontoti sabbāni rājakiccāni karonto.
๑๔๗๗.
1477.
‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺติํ, ราชกิเจฺจสุ ปณฺฑิโต;
‘‘Divā vā yadi vā rattiṃ, rājakiccesu paṇḍito;
อชฺฌิโฎฺฐ น วิกเมฺปยฺย, ส ราชวสติํ วเสฯ
Ajjhiṭṭho na vikampeyya, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๗๘.
1478.
‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺติํ, ราชกิเจฺจสุ ปณฺฑิโต;
‘‘Divā vā yadi vā rattiṃ, rājakiccesu paṇḍito;
สพฺพานิ อภิสโมฺภโนฺต, ส ราชวสติํ วเสฯ
Sabbāni abhisambhonto, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๗๙.
1479.
‘‘โย จสฺส สุกโต มโคฺค, รโญฺญ สุปฺปฎิยาทิโต;
‘‘Yo cassa sukato maggo, rañño suppaṭiyādito;
น เตน วุโตฺต คเจฺฉยฺย, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Na tena vutto gaccheyya, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ น วิกเมฺปยฺยาติ อวิกมฺปมาโน ตานิ กิจฺจานิ กเรยฺยฯ โย จสฺสาติ โย จ รโญฺญ คมนมโคฺค สุกโต อสฺส สุปฺปฎิยาทิโต สุมณฺฑิโต, ‘‘อิมินา มเคฺคน คจฺฉา’’ติ วุโตฺตปิ เตน น คเจฺฉยฺยฯ
Tattha na vikampeyyāti avikampamāno tāni kiccāni kareyya. Yo cassāti yo ca rañño gamanamaggo sukato assa suppaṭiyādito sumaṇḍito, ‘‘iminā maggena gacchā’’ti vuttopi tena na gaccheyya.
๑๔๘๐.
1480.
‘‘น รโญฺญ สทิสํ ภุเญฺช, กามโภเค กุทาจนํ;
‘‘Na rañño sadisaṃ bhuñje, kāmabhoge kudācanaṃ;
สพฺพตฺถ ปจฺฉโต คเจฺฉ, ส ราชวสติํ วเสฯ
Sabbattha pacchato gacche, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๘๑.
1481.
‘‘น รโญฺญ สทิสํ วตฺถํ, น มาลํ น วิเลปนํ;
‘‘Na rañño sadisaṃ vatthaṃ, na mālaṃ na vilepanaṃ;
อากปฺปํ สรกุตฺติํ วา, น รโญฺญ สทิสมาจเร;
Ākappaṃ sarakuttiṃ vā, na rañño sadisamācare;
อญฺญํ กเรยฺย อากปฺปํ, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Aññaṃ kareyya ākappaṃ, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ น รโญฺญติ รโญฺญ กามโภเคน สมํ กามโภคํ น ภุเญฺชยฺยฯ ตาทิสสฺส หิ ราชา กุชฺฌติฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ รูปาทีสุ กามคุเณสุ รโญฺญ ปจฺฉโตว คเจฺฉยฺย, หีนตรเมว เสเวยฺยาติ อโตฺถฯ อญฺญํ กเรยฺยาติ รโญฺญ อากปฺปโต สรกุตฺติโต จ อญฺญเมว อากปฺปํ กเรยฺยฯ
Tattha na raññoti rañño kāmabhogena samaṃ kāmabhogaṃ na bhuñjeyya. Tādisassa hi rājā kujjhati. Sabbatthāti sabbesu rūpādīsu kāmaguṇesu rañño pacchatova gaccheyya, hīnatarameva seveyyāti attho. Aññaṃ kareyyāti rañño ākappato sarakuttito ca aññameva ākappaṃ kareyya.
๑๔๘๒.
1482.
‘‘กีเฬ ราชา อมเจฺจหิ, ภริยาหิ ปริวาริโต;
‘‘Kīḷe rājā amaccehi, bhariyāhi parivārito;
นามโจฺจ ราชภริยาสุ, ภาวํ กุเพฺพถ ปณฺฑิโตฯ
Nāmacco rājabhariyāsu, bhāvaṃ kubbetha paṇḍito.
๑๔๘๓.
1483.
‘‘อนุทฺธโต อจปโล, นิปโก สํวุตินฺทฺริโย;
‘‘Anuddhato acapalo, nipako saṃvutindriyo;
มโนปณิธิสมฺปโนฺน, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Manopaṇidhisampanno, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ ภาวนฺติ วิสฺสาสวเสน อธิปฺปายํฯ อจปโลติ อมณฺฑนสีโลฯ นิปโกติ ปริปกฺกญาโณฯ สํวุตินฺทฺริโยติ ปิหิตฉฬินฺทฺริโย รโญฺญ วา องฺคปจฺจงฺคานิ โอโรเธ วาสฺส น โอโลเกยฺยฯ มโนปณิธิสมฺปโนฺนติ อจปเลน สุฎฺฐุ ฐปิเตน จิเตฺตน สมนฺนาคโตฯ
Tattha bhāvanti vissāsavasena adhippāyaṃ. Acapaloti amaṇḍanasīlo. Nipakoti paripakkañāṇo. Saṃvutindriyoti pihitachaḷindriyo rañño vā aṅgapaccaṅgāni orodhe vāssa na olokeyya. Manopaṇidhisampannoti acapalena suṭṭhu ṭhapitena cittena samannāgato.
๑๔๘๔.
1484.
‘‘นาสฺส ภริยาหิ กีเฬยฺย, น มเนฺตยฺย รโหคโต;
‘‘Nāssa bhariyāhi kīḷeyya, na manteyya rahogato;
นาสฺส โกสา ธนํ คเณฺห, ส ราชวสติํ วเสฯ
Nāssa kosā dhanaṃ gaṇhe, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๘๕.
1485.
‘‘น นิทฺทํ พหุ มเญฺญยฺย, น มทาย สุรํ ปิเว;
‘‘Na niddaṃ bahu maññeyya, na madāya suraṃ pive;
นาสฺส ทาเย มิเค หเญฺญ, ส ราชวสติํ วเสฯ
Nāssa dāye mige haññe, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๘๖.
1486.
‘‘นาสฺส ปีฐํ น ปลฺลงฺกํ, น โกจฺฉํ น นาวํ รถํ;
‘‘Nāssa pīṭhaṃ na pallaṅkaṃ, na kocchaṃ na nāvaṃ rathaṃ;
สมฺมโตมฺหีติ อารูเห, ส ราชวสติํ วเสฯ
Sammatomhīti ārūhe, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๘๗.
1487.
‘‘นาติทูเร ภเช รโญฺญ, นจฺจาสเนฺน วิจกฺขโณ;
‘‘Nātidūre bhaje rañño, naccāsanne vicakkhaṇo;
สมฺมุขญฺจสฺส ติเฎฺฐยฺย, สนฺทิสฺสโนฺต สภตฺตุโนฯ
Sammukhañcassa tiṭṭheyya, sandissanto sabhattuno.
๑๔๘๘.
1488.
‘‘น เว ราชา สขา โหติ, น ราชา โหติ เมถุโน;
‘‘Na ve rājā sakhā hoti, na rājā hoti methuno;
ขิปฺปํ กุชฺฌนฺติ ราชาโน, สูเกนกฺขีว ฆฎฺฎิตํฯ
Khippaṃ kujjhanti rājāno, sūkenakkhīva ghaṭṭitaṃ.
๑๔๘๙.
1489.
‘‘น ปูชิโต มญฺญมาโน, เมธาวี ปณฺฑิโต นโร;
‘‘Na pūjito maññamāno, medhāvī paṇḍito naro;
ผรุสํ ปติมเนฺตยฺย, ราชานํ ปริสํคต’’นฺติฯ
Pharusaṃ patimanteyya, rājānaṃ parisaṃgata’’nti.
ตตฺถ น มเนฺตยฺยาติ ตสฺส รโญฺญ ภริยาหิ สทฺธิํ เนว กีเฬยฺย, น รโห มเนฺตยฺยฯ โกสา ธนนฺติ รโญฺญ โกสา ธนํ เถเนตฺวา น คเณฺหยฺยฯ น มทายาติ ตาตา, ราชเสวโก นาม มทตฺถาย สุรํ น ปิเวยฺยฯ นาสฺส ทาเย มิเคติ อสฺส รโญฺญ ทินฺนาภเย มิเค น หเญฺญยฺยฯ โกจฺฉนฺติ ภทฺทปีฐํฯ สมฺมโตมฺหีติ อหํ สมฺมโต หุตฺวา เอวํ กโรมีติ น อารุเหยฺยฯ สมฺมุขญฺจสฺส ติเฎฺฐยฺยาติ อสฺส รโญฺญ ปุรโต ขุทฺทกมหนฺตกถาสวนฎฺฐาเน ติเฎฺฐยฺยฯ สนฺทิสฺสโนฺต สภตฺตุโนติ โย ราชเสวโก ตสฺส ภตฺตุโน ทสฺสนฎฺฐาเน ติเฎฺฐยฺยฯ สูเกนาติ อกฺขิมฺหิ ปติเตน วีหิสูกาทินา ฆฎฺฎิตํ อกฺขิ ปกติสภาวํ ชหนฺตํ ยถา กุชฺฌติ นาม, เอวํ กุชฺฌนฺติ, น เตสุ วิสฺสาโส กาตโพฺพฯ ปูชิโต มญฺญมาโนติ อหํ ราชปูชิโตมฺหีติ มญฺญมาโนฯ ผรุสํ ปติมเนฺตยฺยาติ เยน โส กุชฺฌติ, ตถารูปํ น มเนฺตยฺยฯ
Tattha na manteyyāti tassa rañño bhariyāhi saddhiṃ neva kīḷeyya, na raho manteyya. Kosā dhananti rañño kosā dhanaṃ thenetvā na gaṇheyya. Na madāyāti tātā, rājasevako nāma madatthāya suraṃ na piveyya. Nāssa dāye migeti assa rañño dinnābhaye mige na haññeyya. Kocchanti bhaddapīṭhaṃ. Sammatomhīti ahaṃ sammato hutvā evaṃ karomīti na āruheyya. Sammukhañcassa tiṭṭheyyāti assa rañño purato khuddakamahantakathāsavanaṭṭhāne tiṭṭheyya. Sandissanto sabhattunoti yo rājasevako tassa bhattuno dassanaṭṭhāne tiṭṭheyya. Sūkenāti akkhimhi patitena vīhisūkādinā ghaṭṭitaṃ akkhi pakatisabhāvaṃ jahantaṃ yathā kujjhati nāma, evaṃ kujjhanti, na tesu vissāso kātabbo. Pūjito maññamānoti ahaṃ rājapūjitomhīti maññamāno. Pharusaṃ patimanteyyāti yena so kujjhati, tathārūpaṃ na manteyya.
๑๔๙๐.
1490.
‘‘ลทฺธทฺวาโร ลเภ ทฺวารํ, เนว ราชูสุ วิสฺสเส;
‘‘Laddhadvāro labhe dvāraṃ, neva rājūsu vissase;
อคฺคีว สํยโต ติเฎฺฐ, ส ราชวสติํ วเสฯ
Aggīva saṃyato tiṭṭhe, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๙๑.
1491.
‘‘ปุตฺตํ วา ภาตรํ วา สํ, สมฺปคฺคณฺหาติ ขตฺติโย;
‘‘Puttaṃ vā bhātaraṃ vā saṃ, sampaggaṇhāti khattiyo;
คาเมหิ นิคเมหิ วา, รเฎฺฐหิ ชนปเทหิ วา;
Gāmehi nigamehi vā, raṭṭhehi janapadehi vā;
ตุณฺหีภูโต อุเปเกฺขยฺย, น ภเณ เฉกปาปก’’นฺติฯ
Tuṇhībhūto upekkheyya, na bhaṇe chekapāpaka’’nti.
ตตฺถ ลทฺธทฺวาโร ลเภ ทฺวารนฺติ อหํ นิปฺปฎิหาโร ลทฺธทฺวาโรติ อปฺปฎิหาเรตฺวา น ปวิเสยฺย, ปุนปิ ทฺวารํ ลเภยฺย, ปฎิหาเรตฺวาว ปวิเสยฺยาติ อโตฺถฯ สํยโตติ อปฺปมโตฺต หุตฺวาฯ ภาตรํ วา สนฺติ สกํ ภาตรํ วาฯ สมฺปคฺคณฺหาตีติ ‘‘อสุกคามํ วา อสุกนิคมํ วา อสฺส เทมา’’ติ ยทา เสวเกหิ สทฺธิํ กเถติฯ น ภเณ เฉกปาปกนฺติ ตทา คุณํ วา อคุณํ วา น ภเณยฺยฯ
Tattha laddhadvārolabhe dvāranti ahaṃ nippaṭihāro laddhadvāroti appaṭihāretvā na paviseyya, punapi dvāraṃ labheyya, paṭihāretvāva paviseyyāti attho. Saṃyatoti appamatto hutvā. Bhātaraṃ vā santi sakaṃ bhātaraṃ vā. Sampaggaṇhātīti ‘‘asukagāmaṃ vā asukanigamaṃ vā assa demā’’ti yadā sevakehi saddhiṃ katheti. Na bhaṇe chekapāpakanti tadā guṇaṃ vā aguṇaṃ vā na bhaṇeyya.
๑๔๙๒.
1492.
‘‘หตฺถาโรเห อนีกเฎฺฐ, รถิเก ปตฺติการเก;
‘‘Hatthārohe anīkaṭṭhe, rathike pattikārake;
เตสํ กมฺมาวทาเนน, ราชา วเฑฺฒติ เวตนํ;
Tesaṃ kammāvadānena, rājā vaḍḍheti vetanaṃ;
น เตสํ อนฺตรา คเจฺฉ, ส ราชวสติํ วเสฯ
Na tesaṃ antarā gacche, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๙๓.
1493.
‘‘จาโปวูนุทโร ธีโร, วํโสวาปิ ปกมฺปเย;
‘‘Cāpovūnudaro dhīro, vaṃsovāpi pakampaye;
ปฎิโลมํ น วเตฺตยฺย, ส ราชวสติํ วเสฯ
Paṭilomaṃ na vatteyya, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๙๔.
1494.
‘‘จาโปวูนุทโร อสฺส, มโจฺฉวสฺส อชิวฺหวา;
‘‘Cāpovūnudaro assa, macchovassa ajivhavā;
อปฺปาสี นิปโก สูโร, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Appāsī nipako sūro, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ น เตสํ อนฺตรา คเจฺฉติ เตสํ ลาภสฺส อนฺตรา น คเจฺฉ, อนฺตรายํ น กเรยฺยฯ วํโสวาปีติ ยถา วํสคุมฺพโต อุคฺคตวํโส วาเตน ปหฎกาเล ปกมฺปติ, เอวํ รญฺญา กถิตกาเล ปกเมฺปยฺยฯ จาโปวูนุทโรติ ยถา จาโป มโหทโร น โหติ, เอวํ มโหทโร น สิยาฯ อชิวฺหวาติ ยถา มโจฺฉ อชิวฺหตาย น กเถติ, ตถา เสวโก มนฺทกถตาย อชิวฺหวา ภเวยฺยฯ อปฺปาสีติ โภชนมตฺตญฺญูฯ
Tattha na tesaṃ antarā gaccheti tesaṃ lābhassa antarā na gacche, antarāyaṃ na kareyya. Vaṃsovāpīti yathā vaṃsagumbato uggatavaṃso vātena pahaṭakāle pakampati, evaṃ raññā kathitakāle pakampeyya. Cāpovūnudaroti yathā cāpo mahodaro na hoti, evaṃ mahodaro na siyā. Ajivhavāti yathā maccho ajivhatāya na katheti, tathā sevako mandakathatāya ajivhavā bhaveyya. Appāsīti bhojanamattaññū.
๑๔๙๕.
1495.
‘‘น พาฬฺหํ อิตฺถิํ คเจฺฉยฺย, สมฺปสฺสํ เตชสงฺขยํ;
‘‘Na bāḷhaṃ itthiṃ gaccheyya, sampassaṃ tejasaṅkhayaṃ;
กาสํ สาสํ ทรํ พาลฺยํ, ขีณเมโธ นิคจฺฉติฯ
Kāsaṃ sāsaṃ daraṃ bālyaṃ, khīṇamedho nigacchati.
๑๔๙๖.
1496.
‘‘นาติเวลํ ปภาเสยฺย, น ตุณฺหี สพฺพทา สิยา;
‘‘Nātivelaṃ pabhāseyya, na tuṇhī sabbadā siyā;
อวิกิณฺณํ มิตํ วาจํ, ปเตฺต กาเล อุทีรเยฯ
Avikiṇṇaṃ mitaṃ vācaṃ, patte kāle udīraye.
๑๔๙๗.
1497.
‘‘อโกฺกธโน อสงฺฆโฎฺฎ, สโจฺจ สโณฺห อเปสุโณ;
‘‘Akkodhano asaṅghaṭṭo, sacco saṇho apesuṇo;
สมฺผํ คิรํ น ภาเสยฺย, ส ราชวสติํ วเสฯ
Samphaṃ giraṃ na bhāseyya, sa rājavasatiṃ vase.
๑๔๙๘.
1498.
‘‘มาตาเปตฺติภโร อสฺส, กุเล เชฎฺฐาปจายิโก;
‘‘Mātāpettibharo assa, kule jeṭṭhāpacāyiko;
สโณฺห สขิลสมฺภาโส, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Saṇho sakhilasambhāso, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ น พาฬฺหนฺติ ปุนปฺปุนํ กิเลสวเสน น คเจฺฉยฺยฯ เตชสงฺขยนฺติ เอวํ คจฺฉโนฺต หิ ปุริโส เตชสงฺขยํ คจฺฉติ ปาปุณาติ, ตํ สมฺปสฺสโนฺต พาฬฺหํ น คเจฺฉยฺยฯ ทรนฺติ กายทรถํฯ พาลฺยนฺติ ทุพฺพลภาวํฯ ขีณเมโธติ ปุนปฺปุนํ กิเลสรติวเสน ขีณปโญฺญ ปุริโส เอเต กาสาทโย นิคจฺฉติฯ นาติเวลนฺติ ตาตา ราชูนํ สนฺติเก ปมาณาติกฺกนฺตํ น ภาเสยฺย ฯ ปเตฺต กาเลติ อตฺตโน วจนกาเล สมฺปเตฺตฯ อสงฺฆโฎฺฎติ ปรํ อสงฺฆเฎฺฎโนฺตฯ สมฺผนฺติ นิรตฺถกํฯ คิรนฺติ วจนํฯ
Tattha na bāḷhanti punappunaṃ kilesavasena na gaccheyya. Tejasaṅkhayanti evaṃ gacchanto hi puriso tejasaṅkhayaṃ gacchati pāpuṇāti, taṃ sampassanto bāḷhaṃ na gaccheyya. Daranti kāyadarathaṃ. Bālyanti dubbalabhāvaṃ. Khīṇamedhoti punappunaṃ kilesarativasena khīṇapañño puriso ete kāsādayo nigacchati. Nātivelanti tātā rājūnaṃ santike pamāṇātikkantaṃ na bhāseyya . Patte kāleti attano vacanakāle sampatte. Asaṅghaṭṭoti paraṃ asaṅghaṭṭento. Samphanti niratthakaṃ. Giranti vacanaṃ.
๑๔๙๙.
1499.
‘‘วินีโต สิปฺปวา ทโนฺต, กตโตฺต นิยโต มุทุ;
‘‘Vinīto sippavā danto, katatto niyato mudu;
อปฺปมโตฺต สุจิ ทโกฺข, ส ราชวสติํ วเสฯ
Appamatto suci dakkho, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๐๐.
1500.
‘‘นิวาตวุตฺติ วุเทฺธสุ, สปฺปติโสฺส สคารโว;
‘‘Nivātavutti vuddhesu, sappatisso sagāravo;
สุรโต สุขสํวาโส, ส ราชวสติํ วเสฯ
Surato sukhasaṃvāso, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๐๑.
1501.
‘‘อารกา ปริวเชฺชยฺย, สหิตุํ ปหิตํ ชนํ;
‘‘Ārakā parivajjeyya, sahituṃ pahitaṃ janaṃ;
ภตฺตารเญฺญวุทิเกฺขยฺย, น จ อญฺญสฺส ราชิโน’’ติฯ
Bhattāraññevudikkheyya, na ca aññassa rājino’’ti.
ตตฺถ วินีโตติ อาจารสมฺปโนฺนฯ สิปฺปวาติ อตฺตโน กุเล สิกฺขิตพฺพสิเปฺปน สมนฺนาคโตฯ ทโนฺตติ ฉสุ ทฺวาเรสุ นิพฺพิเสวโนฯ กตโตฺตติ สมฺปาทิตโตฺตฯ นิยโตติ ยสาทีนิ นิสฺสาย อจลสภาโวฯ มุทูติ อนติมานีฯ อปฺปมโตฺตติ กตฺตพฺพกิเจฺจสุ ปมาทรหิโตฯ ทโกฺขติ อุปฎฺฐาเน เฉโกฯ นิวาตวุตฺตีติ นีจวุตฺติฯ สุขสํวาโสติ ครุสํวาสสีโลฯ สหิตุํ ปติตนฺติ ปรราชูหิ สกรโญฺญ สนฺติกํ คุยฺหรกฺขณวเสน วา ปฎิจฺฉนฺนปากฎกรณวเสนวา เปสิตํฯ ตถารูเปน หิ สทฺธิํ กเถโนฺตปิ รโญฺญ สมฺมุขาว กเถยฺยฯ ภตฺตารเญฺญวุทิเกฺขยฺยาติ อตฺตโน สามิกเมว โอโลเกยฺยฯ น จ อญฺญสฺส ราชิโนติ อญฺญสฺส รโญฺญ สนฺตโก น ภเวยฺยฯ
Tattha vinītoti ācārasampanno. Sippavāti attano kule sikkhitabbasippena samannāgato. Dantoti chasu dvāresu nibbisevano. Katattoti sampāditatto. Niyatoti yasādīni nissāya acalasabhāvo. Mudūti anatimānī. Appamattoti kattabbakiccesu pamādarahito. Dakkhoti upaṭṭhāne cheko. Nivātavuttīti nīcavutti. Sukhasaṃvāsoti garusaṃvāsasīlo. Sahituṃ patitanti pararājūhi sakarañño santikaṃ guyharakkhaṇavasena vā paṭicchannapākaṭakaraṇavasenavā pesitaṃ. Tathārūpena hi saddhiṃ kathentopi rañño sammukhāva katheyya. Bhattāraññevudikkheyyāti attano sāmikameva olokeyya. Na ca aññassa rājinoti aññassa rañño santako na bhaveyya.
๑๕๐๒.
1502.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, สีลวเนฺต พหุสฺสุเต;
‘‘Samaṇe brāhmaṇe cāpi, sīlavante bahussute;
สกฺกจฺจํ ปยิรุปาเสยฺย, ส ราชวสติํ วเสฯ
Sakkaccaṃ payirupāseyya, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๐๓.
1503.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, สีลวเนฺต พหุสฺสุเต;
‘‘Samaṇe brāhmaṇe cāpi, sīlavante bahussute;
สกฺกจฺจํ อนุวาเสยฺย, ส ราชวสติํ วเสฯ
Sakkaccaṃ anuvāseyya, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๐๔.
1504.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, สีลวเนฺต พหุสฺสุเต;
‘‘Samaṇe brāhmaṇe cāpi, sīlavante bahussute;
ตเปฺปยฺย อนฺนปาเนน, ส ราชวสติํ วเสฯ
Tappeyya annapānena, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๐๕.
1505.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, สีลวเนฺต พหุสฺสุเต;
‘‘Samaṇe brāhmaṇe cāpi, sīlavante bahussute;
อาสชฺช ปเญฺญ เสเวถ, อากงฺขํ วุทฺธิมตฺตโน’’ติฯ
Āsajja paññe sevetha, ākaṅkhaṃ vuddhimattano’’ti.
ตตฺถ สกฺกจฺจํ ปยิรุปาเสยฺยาติ คารเวน ปุนปฺปุนํ อุปสงฺกเมยฺยฯ อนุวาเสยฺยาติ อุโปสถวาสํ วสโนฺต อนุวเตฺตยฺยฯ ตเปฺปยฺยาติ ยาวทตฺถํ ทาเนน ตเปฺปยฺยฯ อาสชฺชาติ อุปสงฺกมิตฺวาฯ ปเญฺญติ ปณฺฑิเต, อาสชฺชปเญฺญ วา, อสชฺชมานปเญฺญติ อโตฺถฯ
Tattha sakkaccaṃ payirupāseyyāti gāravena punappunaṃ upasaṅkameyya. Anuvāseyyāti uposathavāsaṃ vasanto anuvatteyya. Tappeyyāti yāvadatthaṃ dānena tappeyya. Āsajjāti upasaṅkamitvā. Paññeti paṇḍite, āsajjapaññe vā, asajjamānapaññeti attho.
๑๕๐๖.
1506.
‘‘ทินฺนปุพฺพํ น หาเปยฺย, ทานํ สมณพฺราหฺมเณ;
‘‘Dinnapubbaṃ na hāpeyya, dānaṃ samaṇabrāhmaṇe;
น จ กิญฺจิ นิวาเรยฺย, ทานกาเล วณิพฺพเกฯ
Na ca kiñci nivāreyya, dānakāle vaṇibbake.
๑๕๐๗.
1507.
‘‘ปญฺญวา พุทฺธิสมฺปโนฺน, วิธานวิธิโกวิโท;
‘‘Paññavā buddhisampanno, vidhānavidhikovido;
กาลญฺญู สมยญฺญู จ, ส ราชวสติํ วเสฯ
Kālaññū samayaññū ca, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๐๘.
1508.
‘‘อุฎฺฐาตา กมฺมเธเยฺยสุ, อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณ;
‘‘Uṭṭhātā kammadheyyesu, appamatto vicakkhaṇo;
สุสํวิหิตกมฺมโนฺต, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Susaṃvihitakammanto, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ ทินฺนปุพฺพนฺติ ปกติปฎิยตฺตํ ทานวตฺตํฯ สมณพฺราหฺมเณติ สมเณ วา พฺราหฺมเณ วาฯ วณิพฺพเกติ ทานกาเล วณิพฺพเก อาคเต ทิสฺวา กิญฺจิ น นิวาเรยฺยฯ ปญฺญวาติ วิจารณปญฺญาย ยุโตฺตฯ พุทฺธิสมฺปโนฺนติ อเวกลฺลพุทฺธิสมฺปโนฺนฯ วิธานวิธิโกวิโทติ นานปฺปกาเรสุ ทาสกมฺมกรโปริสาทีนํ สํวิทหนโกฎฺฐาเสสุ เฉโกฯ กาลญฺญูติ ‘‘อยํ ทานํ ทาตุํ, อยํ สีลํ รกฺขิตุํ, อยํ อุโปสถกมฺมํ กาตุํ กาโล’’ติ ชาเนยฺยฯ สมยญฺญูติ ‘‘อยํ กสนสมโย, อยํ วปนสมโย, อยํ โวหารสมโย, อยํ อุปฎฺฐานสมโย’’ติ ชาเนยฺยฯ กมฺมเธเยฺยสูติ อตฺตโน กตฺตพฺพกเมฺมสุฯ
Tattha dinnapubbanti pakatipaṭiyattaṃ dānavattaṃ. Samaṇabrāhmaṇeti samaṇe vā brāhmaṇe vā. Vaṇibbaketi dānakāle vaṇibbake āgate disvā kiñci na nivāreyya. Paññavāti vicāraṇapaññāya yutto. Buddhisampannoti avekallabuddhisampanno. Vidhānavidhikovidoti nānappakāresu dāsakammakaraporisādīnaṃ saṃvidahanakoṭṭhāsesu cheko. Kālaññūti ‘‘ayaṃ dānaṃ dātuṃ, ayaṃ sīlaṃ rakkhituṃ, ayaṃ uposathakammaṃ kātuṃ kālo’’ti jāneyya. Samayaññūti ‘‘ayaṃ kasanasamayo, ayaṃ vapanasamayo, ayaṃ vohārasamayo, ayaṃ upaṭṭhānasamayo’’ti jāneyya. Kammadheyyesūti attano kattabbakammesu.
๑๕๐๙.
1509.
‘‘ขลํ สาลํ ปสุํ เขตฺตํ, คนฺตา จสฺส อภิกฺขณํ;
‘‘Khalaṃ sālaṃ pasuṃ khettaṃ, gantā cassa abhikkhaṇaṃ;
มิตํ ธญฺญํ นิธาเปยฺย, มิตํว ปาจเย ฆเรฯ
Mitaṃ dhaññaṃ nidhāpeyya, mitaṃva pācaye ghare.
๑๕๑๐.
1510.
‘‘ปุตฺตํ วา ภาตรํ วา สํ, สีเลสุ อสมาหิตํ;
‘‘Puttaṃ vā bhātaraṃ vā saṃ, sīlesu asamāhitaṃ;
อนงฺควา หิ เต พาลา, ยถา เปตา ตเถว เต;
Anaṅgavā hi te bālā, yathā petā tatheva te;
โจฬญฺจ เนสํ ปิณฺฑญฺจ, อาสีนานํ ปทาปเยฯ
Coḷañca nesaṃ piṇḍañca, āsīnānaṃ padāpaye.
๑๕๑๑.
1511.
‘‘ทาเส กมฺมกเร เปเสฺส, สีเลสุ สุสมาหิเต;
‘‘Dāse kammakare pesse, sīlesu susamāhite;
ทเกฺข อุฎฺฐานสมฺปเนฺน, อาธิปจฺจมฺหิ ฐาปเย’’ติฯ
Dakkhe uṭṭhānasampanne, ādhipaccamhi ṭhāpaye’’ti.
ตตฺถ ปสุํ เขตฺตนฺติ โคกุลเญฺจว สสฺสฎฺฐานญฺจฯ คนฺตาติ คมนสีโลฯ มิตนฺติ มินิตฺวา เอตฺตกนฺติ ญตฺวา โกเฎฺฐสุ นิธาเปยฺยฯ ฆเรติ ฆเรปิ ปริชนํ คเณตฺวา มิตเมว ปจาเปยฺยฯ สีเลสุ อสมาหิตนฺติ เอวรูปํ ทุสฺสีลํ อนาจารํ กิสฺมิญฺจิ อาธิปจฺจฎฺฐาเน น ฐเปยฺยาติ อโตฺถฯ อนงฺควา หิ เต พาลาติ ‘‘องฺคเมตํ มนุสฺสานํ, ภาตา โลเก ปวุจฺจตี’’ติ (ชา. ๑.๔.๕๘) กิญฺจาปิ เชฎฺฐกนิฎฺฐภาตโร องฺคสมานตาย ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตา, อิเม ปน ทุสฺสีลา, ตสฺมา องฺคสมานา น โหนฺติฯ ยถา ปน สุสาเน ฉฑฺฑิตา เปตา มตา, ตเถว เตฯ ตสฺมา ตาทิสา อาธิปจฺจฎฺฐาเน น ฐเปตพฺพาฯ กุฎุมฺพญฺหิ เต วินาเสนฺติ, วินฎฺฐกุฎุมฺพสฺส จ ทลิทฺทสฺส ราชวสติ นาม น สมฺปชฺชติฯ อาสีนานนฺติ อาคนฺตฺวา นิสินฺนานํ ปุตฺตภาตานํ มตสตฺตานํ มตกภตฺตํ วิย เทโนฺต ฆาสจฺฉาทนมตฺตเมว ปทาเปยฺยฯ อุฎฺฐานสมฺปเนฺนติ อุฎฺฐานวีริเยน สมนฺนาคเตฯ
Tattha pasuṃ khettanti gokulañceva sassaṭṭhānañca. Gantāti gamanasīlo. Mitanti minitvā ettakanti ñatvā koṭṭhesu nidhāpeyya. Ghareti gharepi parijanaṃ gaṇetvā mitameva pacāpeyya. Sīlesu asamāhitanti evarūpaṃ dussīlaṃ anācāraṃ kismiñci ādhipaccaṭṭhāne na ṭhapeyyāti attho. Anaṅgavā hi te bālāti ‘‘aṅgametaṃ manussānaṃ, bhātā loke pavuccatī’’ti (jā. 1.4.58) kiñcāpi jeṭṭhakaniṭṭhabhātaro aṅgasamānatāya ‘‘aṅga’’nti vuttā, ime pana dussīlā, tasmā aṅgasamānā na honti. Yathā pana susāne chaḍḍitā petā matā, tatheva te. Tasmā tādisā ādhipaccaṭṭhāne na ṭhapetabbā. Kuṭumbañhi te vināsenti, vinaṭṭhakuṭumbassa ca daliddassa rājavasati nāma na sampajjati. Āsīnānanti āgantvā nisinnānaṃ puttabhātānaṃ matasattānaṃ matakabhattaṃ viya dento ghāsacchādanamattameva padāpeyya. Uṭṭhānasampanneti uṭṭhānavīriyena samannāgate.
๑๕๑๒.
1512.
‘‘สีลวา จ อโลโล จ, อนุรโกฺข จ ราชิโน;
‘‘Sīlavā ca alolo ca, anurakkho ca rājino;
อาวี รโห หิโต ตสฺส, ส ราชวสติํ วเสฯ
Āvī raho hito tassa, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๑๓.
1513.
‘‘ฉนฺทญฺญู ราชิโน จสฺส, จิตฺตโฎฺฐ อสฺส ราชิโน;
‘‘Chandaññū rājino cassa, cittaṭṭho assa rājino;
อสงฺกุสกวุตฺติํสฺส, ส ราชวสติํ วเสฯ
Asaṅkusakavuttiṃssa, sa rājavasatiṃ vase.
๑๕๑๔.
1514.
‘‘อุจฺฉาทเย จ นฺหาปเย, โธเว ปาเท อโธสิรํ;
‘‘Ucchādaye ca nhāpaye, dhove pāde adhosiraṃ;
อาหโตปิ น กุเปฺปยฺย, ส ราชวสติํ วเส’’ติฯ
Āhatopi na kuppeyya, sa rājavasatiṃ vase’’ti.
ตตฺถ อโลโลติ อลุโทฺธฯ จิตฺตโฎฺฐติ จิเตฺต ฐิโต, ราชจิตฺตวสิโกติ อโตฺถฯ อสงฺกุสกวุตฺติสฺสาติ อปฺปฎิโลมวุตฺติ อสฺสฯ อโธสิรนฺติ ปาเท โธวโนฺตปิ อโธสิรํ กตฺวา เหฎฺฐามุโขว โธเวยฺย, น รโญฺญ มุขํ อุโลฺลเกยฺยาติ อโตฺถฯ
Tattha aloloti aluddho. Cittaṭṭhoti citte ṭhito, rājacittavasikoti attho. Asaṅkusakavuttissāti appaṭilomavutti assa. Adhosiranti pāde dhovantopi adhosiraṃ katvā heṭṭhāmukhova dhoveyya, na rañño mukhaṃ ullokeyyāti attho.
๑๕๑๕.
1515.
‘‘กุมฺภมฺปญฺชลิํ กริยา, จาฎญฺจาปิ ปทกฺขิณํ;
‘‘Kumbhampañjaliṃ kariyā, cāṭañcāpi padakkhiṇaṃ;
กิเมว สพฺพกามานํ, ทาตารํ ธีรมุตฺตมํฯ
Kimeva sabbakāmānaṃ, dātāraṃ dhīramuttamaṃ.
๑๕๑๖.
1516.
‘‘โย เทติ สยนํ วตฺถํ, ยานํ อาวสถํ ฆรํ;
‘‘Yo deti sayanaṃ vatthaṃ, yānaṃ āvasathaṃ gharaṃ;
ปชฺชุโนฺนริว ภูตานิ, โภเคหิ อภิวสฺสติฯ
Pajjunnoriva bhūtāni, bhogehi abhivassati.
๑๕๑๗.
1517.
‘‘เอสโยฺย ราชวสติ, วตฺตมาโน ยถา นโร;
‘‘Esayyo rājavasati, vattamāno yathā naro;
อาราธยติ ราชานํ, ปูชํ ลภติ ภตฺตุสู’’ติฯ
Ārādhayati rājānaṃ, pūjaṃ labhati bhattusū’’ti.
ตตฺถ กุมฺภมฺปญฺชลิํ กริยา, จาฎญฺจาปิ ปทกฺขิณนฺติ วุทฺธิํ ปจฺจาสีสโนฺต ปุริโส อุทกปูริตํ กุมฺภํ ทิสฺวา ตสฺส อญฺชลิํ กเรยฺย, จาฎญฺจ สกุณํ ปทกฺขิณํ กเรยฺยฯ อญฺชลิํ วา ปทกฺขิณํ วา กโรนฺตสฺส เต กิญฺจิ ทาตุํ น สโกฺกนฺติฯ กิเมวาติ โย ปน สพฺพกามานํ ทาตา ธีโร จ, ตํ ราชานํ กิํการณา น นมเสฺสยฺยฯ ราชาเยว หิ นมสฺสิตโพฺพ จ อาราเธตโพฺพ จฯ ปชฺชุโนฺนริวาติ เมโฆ วิยฯ เอสโยฺย ราชวสตีติ อโยฺย ยา อยํ มยา กถิตา, เอสา ราชวสติ นาม ราชเสวกานํ อนุสาสนีฯ ยถาติ ยาย ราชวสติยา วตฺตมาโน นโร ราชานํ อาราเธติ, ราชูนญฺจ สนฺติกา ปูชํ ลภติ, สา เอสาติฯ
Tattha kumbhampañjaliṃ kariyā, cāṭañcāpi padakkhiṇanti vuddhiṃ paccāsīsanto puriso udakapūritaṃ kumbhaṃ disvā tassa añjaliṃ kareyya, cāṭañca sakuṇaṃ padakkhiṇaṃ kareyya. Añjaliṃ vā padakkhiṇaṃ vā karontassa te kiñci dātuṃ na sakkonti. Kimevāti yo pana sabbakāmānaṃ dātā dhīro ca, taṃ rājānaṃ kiṃkāraṇā na namasseyya. Rājāyeva hi namassitabbo ca ārādhetabbo ca. Pajjunnorivāti megho viya. Esayyo rājavasatīti ayyo yā ayaṃ mayā kathitā, esā rājavasati nāma rājasevakānaṃ anusāsanī. Yathāti yāya rājavasatiyā vattamāno naro rājānaṃ ārādheti, rājūnañca santikā pūjaṃ labhati, sā esāti.
เอวํ อสมธุโร วิธุรปณฺฑิโต พุทฺธลีลาย ราชวสติํ กเถสิ;
Evaṃ asamadhuro vidhurapaṇḍito buddhalīlāya rājavasatiṃ kathesi;
ราชวสติกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Rājavasatikaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
อนฺตรเปยฺยาลํ
Antarapeyyālaṃ
เอวํ ปุตฺตทารญาติมิตฺตสุหชฺชาทโย อนุสาสนฺตเสฺสว ตสฺส ตโย ทิวสา ชาตาฯ โส ทิวสสฺส ปาริปูริํ ญตฺวา ปาโตว นฺหตฺวา นานคฺครสโภชนํ ภุญฺชิตฺวา ‘‘ราชานํ อปโลเกตฺวา มาณเวน สทฺธิํ คมิสฺสามี’’ติ ญาติคณปริวุโต ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต วตฺตพฺพยุตฺตกํ วจนํ อโวจฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ puttadārañātimittasuhajjādayo anusāsantasseva tassa tayo divasā jātā. So divasassa pāripūriṃ ñatvā pātova nhatvā nānaggarasabhojanaṃ bhuñjitvā ‘‘rājānaṃ apaloketvā māṇavena saddhiṃ gamissāmī’’ti ñātigaṇaparivuto rājanivesanaṃ gantvā rājānaṃ vanditvā ekamantaṃ ṭhito vattabbayuttakaṃ vacanaṃ avoca. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๑๘.
1518.
‘‘เอวํ สมนุสาสิตฺวา, ญาติสงฺฆํ วิจกฺขโณ;
‘‘Evaṃ samanusāsitvā, ñātisaṅghaṃ vicakkhaṇo;
ปริกิโณฺณ สุหเทหิ, ราชานมุปสงฺกมิฯ
Parikiṇṇo suhadehi, rājānamupasaṅkami.
๑๕๑๙.
1519.
‘‘วนฺทิตฺวา สิรสา ปาเท, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;
‘‘Vanditvā sirasā pāde, katvā ca naṃ padakkhiṇaṃ;
วิธุโร อวจ ราชานํ, ปคฺคเหตฺวาน อญฺชลิํฯ
Vidhuro avaca rājānaṃ, paggahetvāna añjaliṃ.
๑๕๒๐.
1520.
‘‘อยํ มํ มาณโว เนติ, กตฺตุกาโม ยถามติ;
‘‘Ayaṃ maṃ māṇavo neti, kattukāmo yathāmati;
ญาตีนตฺถํ ปวกฺขามิ, ตํ สุโณหิ อรินฺทมฯ
Ñātīnatthaṃ pavakkhāmi, taṃ suṇohi arindama.
๑๕๒๑.
1521.
‘‘ปุเตฺต จ เม อุทิเกฺขสิ, ยญฺจ มญฺญํ ฆเร ธนํ;
‘‘Putte ca me udikkhesi, yañca maññaṃ ghare dhanaṃ;
ยถา เปจฺจ น หาเยถ, ญาติสโงฺฆ มยี คเตฯ
Yathā pecca na hāyetha, ñātisaṅgho mayī gate.
๑๕๒๒.
1522.
‘‘ยเถว ขลตี ภูมฺยา, ภูมฺยาเยว ปติฎฺฐติ;
‘‘Yatheva khalatī bhūmyā, bhūmyāyeva patiṭṭhati;
เอเวตํ ขลิตํ มยฺหํ, เอตํ ปสฺสามิ อจฺจย’’นฺติฯ
Evetaṃ khalitaṃ mayhaṃ, etaṃ passāmi accaya’’nti.
ตตฺถ สุหเทหีติ สุหทเยหิ ญาติมิตฺตาทีหิฯ ยญฺจ มญฺญนฺติ ยญฺจ เม อญฺญํ ตยา เจว อเญฺญหิ จ ราชูหิ ทินฺนํ ฆเร อปริมาณํ ธนํ, ตํ สพฺพํ ตฺวเมว โอโลเกยฺยาสิฯ เปจฺจาติ ปจฺฉากาเลฯ ขลตีติ ปกฺขลติฯ เอเวตนฺติ เอวํ เอตํฯ อหญฺหิ ภูมิยํ ขลิตฺวา ตเตฺถว ปติฎฺฐิตปุริโส วิย ตุเมฺหสุ ขลิตฺวา ตุเมฺหสุเยว ปติฎฺฐหามิฯ เอตํ ปสฺสามีติ โย เอส ‘‘กิํ เต ราชา โหตี’’ติ มาณเวน ปุฎฺฐสฺส มม ตุเมฺห อโนโลเกตฺวา สจฺจํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘ทาโสหมสฺมี’’ติ วทนฺตสฺส อจฺจโย, เอตํ อจฺจยํ ปสฺสามิ, อโญฺญ ปน เม โทโส นตฺถิ, ตํ เม อจฺจยํ ตุเมฺห ขมถ, เอตํ หทเย กตฺวา ปจฺฉา มม ปุตฺตทาเรสุ มา อปรชฺฌิตฺถาติฯ
Tattha suhadehīti suhadayehi ñātimittādīhi. Yañca maññanti yañca me aññaṃ tayā ceva aññehi ca rājūhi dinnaṃ ghare aparimāṇaṃ dhanaṃ, taṃ sabbaṃ tvameva olokeyyāsi. Peccāti pacchākāle. Khalatīti pakkhalati. Evetanti evaṃ etaṃ. Ahañhi bhūmiyaṃ khalitvā tattheva patiṭṭhitapuriso viya tumhesu khalitvā tumhesuyeva patiṭṭhahāmi. Etaṃ passāmīti yo esa ‘‘kiṃ te rājā hotī’’ti māṇavena puṭṭhassa mama tumhe anoloketvā saccaṃ apekkhitvā ‘‘dāsohamasmī’’ti vadantassa accayo, etaṃ accayaṃ passāmi, añño pana me doso natthi, taṃ me accayaṃ tumhe khamatha, etaṃ hadaye katvā pacchā mama puttadāresu mā aparajjhitthāti.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ปณฺฑิต, ตว คมนํ มยฺหํ น รุจฺจติ, มาณวํ อุปาเยน ปโกฺกสาเปตฺวา ฆาเตตฺวา กิลเญฺชน ปฎิจฺฉาเทตุํ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ ทีเปโนฺต คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā ‘‘paṇḍita, tava gamanaṃ mayhaṃ na ruccati, māṇavaṃ upāyena pakkosāpetvā ghātetvā kilañjena paṭicchādetuṃ mayhaṃ ruccatī’’ti dīpento gāthamāha –
๑๕๒๓.
1523.
‘‘สกฺกา น คนฺตุํ อิติ มยฺห โหติ, เฉตฺวา วธิตฺวา อิธ กาติยานํ;
‘‘Sakkā na gantuṃ iti mayha hoti, chetvā vadhitvā idha kātiyānaṃ;
อิเธว โหหี อิติ มยฺห รุจฺจติ, มา ตฺวํ อคา อุตฺตมภูริปญฺญา’’ติฯ
Idheva hohī iti mayha ruccati, mā tvaṃ agā uttamabhūripaññā’’ti.
ตตฺถ เฉตฺวาติ อิเธว ราชเคเห ตํ โปเถตฺวา มาเรตฺวา ปฎิจฺฉาเทสฺสามีติฯ
Tattha chetvāti idheva rājagehe taṃ pothetvā māretvā paṭicchādessāmīti.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘เทว, ตุมฺหากํ อชฺฌาสโย เอวรูโป โหติ, โส ตุเมฺหสุ อยุโตฺต’’ติ วตฺวา อาห –
Taṃ sutvā mahāsatto ‘‘deva, tumhākaṃ ajjhāsayo evarūpo hoti, so tumhesu ayutto’’ti vatvā āha –
๑๕๒๔.
1524.
‘‘มา เหวธเมฺมสุ มนํ ปณีทหิ, อเตฺถ จ ธเมฺม จ ยุโตฺต ภวสฺสุ;
‘‘Mā hevadhammesu manaṃ paṇīdahi, atthe ca dhamme ca yutto bhavassu;
ธิรตฺถุ กมฺมํ อกุสลํ อนริยํ, ยํ กตฺวา ปจฺฉา นิรยํ วเชยฺยฯ
Dhiratthu kammaṃ akusalaṃ anariyaṃ, yaṃ katvā pacchā nirayaṃ vajeyya.
๑๕๒๕.
1525.
‘‘เนเวส ธโมฺม น ปุเนต กิจฺจํ, อยิโร หิ ทาสสฺส ชนินฺท อิสฺสโร;
‘‘Nevesa dhammo na puneta kiccaṃ, ayiro hi dāsassa janinda issaro;
ฆาเตตุํ ฌาเปตุํ อโถปิ หนฺตุํ, น จ มยฺห โกธตฺถิ วชามิ จาห’’นฺติฯ
Ghātetuṃ jhāpetuṃ athopi hantuṃ, na ca mayha kodhatthi vajāmi cāha’’nti.
ตตฺถ มา เหวธเมฺมสุ มนํ ปณีทหีติ อธเมฺมสุ อนเตฺถสุ อยุเตฺตสุ ตว จิตฺตํ มา เหว ปณิทหีติ อโตฺถฯ ปจฺฉาติ ยํ กมฺมํ กตฺวาปิ อชรามโร น โหติ, อถ โข ปจฺฉา นิรยเมว อุปปเชฺชยฺยฯ ธิรตฺถุ กมฺมนฺติ ตํ กมฺมํ ครหิตํ อตฺถุ อสฺส ภเวยฺยฯ เนเวสาติ เนว เอสฯ อยิโรติ สามิโกฯ ฆาเตตุนฺติ เอตานิ ฆาตาทีนิ กาตุํ อยิโร ทาสสฺส อิสฺสโร, สพฺพาเนตานิ กาตุํ ลภติ, มยฺหํ มาณเว อปฺปมตฺตโกปิ โกโธ นตฺถิ, ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ตว จิตฺตํ สนฺธาเรตุํ วฎฺฎติ, วชามิ อหํ นรินฺทาติ อาห –
Tattha mā hevadhammesu manaṃ paṇīdahīti adhammesu anatthesu ayuttesu tava cittaṃ mā heva paṇidahīti attho. Pacchāti yaṃ kammaṃ katvāpi ajarāmaro na hoti, atha kho pacchā nirayameva upapajjeyya. Dhiratthu kammanti taṃ kammaṃ garahitaṃ atthu assa bhaveyya. Nevesāti neva esa. Ayiroti sāmiko. Ghātetunti etāni ghātādīni kātuṃ ayiro dāsassa issaro, sabbānetāni kātuṃ labhati, mayhaṃ māṇave appamattakopi kodho natthi, dinnakālato paṭṭhāya tava cittaṃ sandhāretuṃ vaṭṭati, vajāmi ahaṃ narindāti āha –
เอวํ วตฺวา มหาสโตฺต ราชานํ วนฺทิตฺวา รโญฺญ โอโรเธ จ ปุตฺตทาเร จ ราชปริสญฺจ โอวทิตฺวา เตสุ สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสกฺกุณิตฺวา มหาวิรวํ วิรวเนฺตสุเยว ราชนิเวสนา นิกฺขมิฯ สกลนครวาสิโนปิ ‘‘ปณฺฑิโต กิร มาณเวน สทฺธิํ คมิสฺสติ, เอถ, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ มนฺตยิตฺวา ราชงฺคเณเยว นํ ปสฺสิํสุฯ อถ เน มหาสโตฺต อสฺสาเสตฺวา ‘‘ตุเมฺห มา จินฺตยิตฺถ, สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สรีรํ อทฺธุวํ, ยโส นาม วิปตฺติปริโยสาโน, อปิจ ตุเมฺห ทานาทีสุ ปุเญฺญสุ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เตสํ โอวาทํ ทตฺวา นิวตฺตาเปตฺวา อตฺตโน เคหาภิมุโข ปายาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ ธมฺมปาลกุมาโร ภาติกคณปริวุโต ‘‘ปิตุ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขโนฺต นิเวสนทฺวาเรเยว ปิตุ สมฺมุโข อโหสิฯ มหาสโตฺต ตํ ทิสฺวา สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อุปคุยฺห อุเร นิปชฺชาเปตฺวา นิเวสนํ ปาวิสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ vatvā mahāsatto rājānaṃ vanditvā rañño orodhe ca puttadāre ca rājaparisañca ovaditvā tesu sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkuṇitvā mahāviravaṃ viravantesuyeva rājanivesanā nikkhami. Sakalanagaravāsinopi ‘‘paṇḍito kira māṇavena saddhiṃ gamissati, etha, passissāma na’’nti mantayitvā rājaṅgaṇeyeva naṃ passiṃsu. Atha ne mahāsatto assāsetvā ‘‘tumhe mā cintayittha, sabbe saṅkhārā aniccā, sarīraṃ addhuvaṃ, yaso nāma vipattipariyosāno, apica tumhe dānādīsu puññesu appamattā hothā’’ti tesaṃ ovādaṃ datvā nivattāpetvā attano gehābhimukho pāyāsi. Tasmiṃ khaṇe dhammapālakumāro bhātikagaṇaparivuto ‘‘pitu paccuggamanaṃ karissāmī’’ti nikkhanto nivesanadvāreyeva pitu sammukho ahosi. Mahāsatto taṃ disvā sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkonto upaguyha ure nipajjāpetvā nivesanaṃ pāvisi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๒๖.
1526.
‘‘เชฎฺฐปุตฺตํ อุปคุยฺห, วิเนยฺย หทเย ทรํ;
‘‘Jeṭṭhaputtaṃ upaguyha, vineyya hadaye daraṃ;
อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ, ปาวิสี โส มหาฆร’’นฺติฯ
Assupuṇṇehi nettehi, pāvisī so mahāghara’’nti.
ฆเร ปนสฺส สหสฺสปุตฺตา, สหสฺสธีตโร, สหสฺสภริยาโย, จ สตฺตวณฺณทาสิสตานิ จ สนฺติ, เตหิ เจว อวเสสทาสิทาสกมฺมกรญาติมิตฺตสุหชฺชาทีหิ จ สกลนิเวสนํ ยุคนฺตวาตาภิฆาตปติเตหิ สาเลหิ สาลวนํ วิย นิรนฺตรํ อโหสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Ghare panassa sahassaputtā, sahassadhītaro, sahassabhariyāyo, ca sattavaṇṇadāsisatāni ca santi, tehi ceva avasesadāsidāsakammakarañātimittasuhajjādīhi ca sakalanivesanaṃ yugantavātābhighātapatitehi sālehi sālavanaṃ viya nirantaraṃ ahosi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๒๗.
1527.
‘‘สาลาว สมฺมปติตา, มาลุเตน ปมทฺทิตา;
‘‘Sālāva sammapatitā, mālutena pamadditā;
เสนฺติ ปุตฺตา จ ทารา จ, วิธุรสฺส นิเวสเนฯ
Senti puttā ca dārā ca, vidhurassa nivesane.
๑๕๒๘.
1528.
‘‘อิตฺถิสหสฺสํ ภริยานํ, ทาสิสตฺตสตานิ จ;
‘‘Itthisahassaṃ bhariyānaṃ, dāsisattasatāni ca;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, วิธุรสฺส นิเวสเนฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, vidhurassa nivesane.
๑๕๒๙.
1529.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, วิธุรสฺส นิเวสเนฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, vidhurassa nivesane.
๑๕๓๐.
1530.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, วิธุรสฺส นิเวสเนฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, vidhurassa nivesane.
๑๕๓๑.
1531.
‘‘สมาคตา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
‘‘Samāgatā jānapadā, negamā ca samāgatā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, วิธุรสฺส นิเวสเนฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, vidhurassa nivesane.
๑๕๓๒.
1532.
‘‘อิตฺถิสหสฺสํ ภริยานํ, ทาสิสตฺตสตานิ จ;
‘‘Itthisahassaṃ bhariyānaṃ, dāsisattasatāni ca;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺตุํ, กสฺมา โน วิชหิสฺสสิฯ
Bāhā paggayha pakkantuṃ, kasmā no vijahissasi.
๑๕๓๓.
1533.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, กสฺมา โน วิชหิสฺสสิฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, kasmā no vijahissasi.
๑๕๓๔.
1534.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, กสฺมา โน วิชหิสฺสสิฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, kasmā no vijahissasi.
๑๕๓๕.
1535.
‘‘สมาคตา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
‘‘Samāgatā jānapadā, negamā ca samāgatā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, กสฺมา โน วิชหิสฺสสี’’ติฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, kasmā no vijahissasī’’ti.
ตตฺถ เสนฺตีติ มหาตเล ฉินฺนปาทา วิย ปติตา อาวตฺตนฺตา ปริวตฺตนฺตา สยนฺติฯ อิตฺถิสหสฺสํ ภริยานนฺติ ภริยานเมว อิตฺถีนํ สหสฺสํฯ กสฺมา โน วิชหิสฺสสีติ เกน การเณน อเมฺห วิชหิสฺสสีติ ปริเทวิํสุฯ
Tattha sentīti mahātale chinnapādā viya patitā āvattantā parivattantā sayanti. Itthisahassaṃ bhariyānanti bhariyānameva itthīnaṃ sahassaṃ. Kasmā no vijahissasīti kena kāraṇena amhe vijahissasīti parideviṃsu.
มหาสโตฺต สพฺพํ ตํ มหาชนํ อสฺสาเสตฺวา ฆเร อวเสสกิจฺจานิ กตฺวา อโนฺตชนญฺจ พหิชนญฺจ โอวทิตฺวา อาจิกฺขิตพฺพยุตฺตกํ สพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ปุณฺณกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน นิฎฺฐิตกิจฺจตํ อาโรเจสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Mahāsatto sabbaṃ taṃ mahājanaṃ assāsetvā ghare avasesakiccāni katvā antojanañca bahijanañca ovaditvā ācikkhitabbayuttakaṃ sabbaṃ ācikkhitvā puṇṇakassa santikaṃ gantvā attano niṭṭhitakiccataṃ ārocesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๓๖.
1536.
‘‘กตฺวา ฆเรสุ กิจฺจานิ, อนุสาสิตฺวา สกํ ชนํ;
‘‘Katvā gharesu kiccāni, anusāsitvā sakaṃ janaṃ;
มิตฺตามเจฺจ จ ภเจฺจ จ, ปุตฺตทาเร จ พนฺธเวฯ
Mittāmacce ca bhacce ca, puttadāre ca bandhave.
๑๕๓๗.
1537.
‘‘กมฺมนฺตํ สํวิเธตฺวาน, อาจิกฺขิตฺวา ฆเร ธนํ;
‘‘Kammantaṃ saṃvidhetvāna, ācikkhitvā ghare dhanaṃ;
นิธิญฺจ อิณทานญฺจ, ปุณฺณกํ เอตทพฺรวิฯ
Nidhiñca iṇadānañca, puṇṇakaṃ etadabravi.
๑๕๓๘.
1538.
‘‘อวสี ตุวํ มยฺห ตีหํ อคาเร, กตานิ กิจฺจานิ ฆเรสุ มยฺหํ;
‘‘Avasī tuvaṃ mayha tīhaṃ agāre, katāni kiccāni gharesu mayhaṃ;
อนุสาสิตา ปุตฺตทารา มยา จ, กโรม กจฺจาน ยถามติํ เต’’ติฯ
Anusāsitā puttadārā mayā ca, karoma kaccāna yathāmatiṃ te’’ti.
ตตฺถ กมฺมนฺตํ สํวิเธตฺวานาติ ‘‘เอวญฺจ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ฆเร กตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ สํวิทหิตฺวาฯ นิธินฺติ นิทหิตฺวา ฐปิตธนํฯ อิณทานนฺติ อิณวเสน สํโยชิตธนํฯ ยถามติํ เตติ อิทานิ ตว อชฺฌาสยานุรูปํ กโรมาติ วทติฯ
Tattha kammantaṃ saṃvidhetvānāti ‘‘evañca kātuṃ vaṭṭatī’’ti ghare kattabbayuttakaṃ kammaṃ saṃvidahitvā. Nidhinti nidahitvā ṭhapitadhanaṃ. Iṇadānanti iṇavasena saṃyojitadhanaṃ. Yathāmatiṃ teti idāni tava ajjhāsayānurūpaṃ karomāti vadati.
ปุณฺณโก อาห –
Puṇṇako āha –
๑๕๓๙.
1539.
‘‘สเจ หิ กเตฺต อนุสาสิตา เต, ปุตฺตา จ ทารา อนุชีวิโน จ;
‘‘Sace hi katte anusāsitā te, puttā ca dārā anujīvino ca;
หเนฺทหิ ทานี ตรมานรูโป, ทีโฆ หิ อทฺธาปิ อยํ ปุรตฺถาฯ
Handehi dānī taramānarūpo, dīgho hi addhāpi ayaṃ puratthā.
๑๕๔๐.
1540.
‘‘อฉมฺภิโตว คณฺหาหิ, อาชาเนยฺยสฺส วาลธิํ;
‘‘Achambhitova gaṇhāhi, ājāneyyassa vāladhiṃ;
อิทํ ปจฺฉิมกํ ตุยฺหํ, ชีวโลกสฺส ทสฺสน’’นฺติฯ
Idaṃ pacchimakaṃ tuyhaṃ, jīvalokassa dassana’’nti.
ตตฺถ กเตฺตติ โสมนสฺสปฺปโตฺต ยโกฺข มหาสตฺตํ อาลปติฯ ทีโฆ หิ อทฺธาปีติ คนฺตพฺพมโคฺคปิ ทีโฆฯ ‘‘อฉมฺภิโตวา’’ติ อิทํ โส เหฎฺฐาปาสาทํ อโนตริตฺวา ตโตว คนฺตุกาโม หุตฺวา อวจฯ
Tattha katteti somanassappatto yakkho mahāsattaṃ ālapati. Dīgho hi addhāpīti gantabbamaggopi dīgho. ‘‘Achambhitovā’’ti idaṃ so heṭṭhāpāsādaṃ anotaritvā tatova gantukāmo hutvā avaca.
อถ นํ มหาสโตฺต อาห –
Atha naṃ mahāsatto āha –
๑๕๔๑.
1541.
‘‘โสหํ กิสฺส นุ ภายิสฺสํ, ยสฺส เม นตฺถิ ทุกฺกฎํ;
‘‘Sohaṃ kissa nu bhāyissaṃ, yassa me natthi dukkaṭaṃ;
กาเยน วาจา มนสา, เยน คเจฺฉยฺย ทุคฺคติ’’นฺติฯ
Kāyena vācā manasā, yena gaccheyya duggati’’nti.
ตตฺถ โสหํ กิสฺส นุ ภายิสฺสนฺติ อิทํ มหาสโตฺต ‘‘อฉมฺภิโตว คณฺหาหี’’ติ วุตฺตตฺตา เอวมาหฯ
Tattha sohaṃ kissa nu bhāyissanti idaṃ mahāsatto ‘‘achambhitova gaṇhāhī’’ti vuttattā evamāha.
เอวํ มหาสโตฺต สีหนาทํ นทิตฺวา อฉมฺภิโต เกสรสีโห วิย นิพฺภโย หุตฺวา ‘‘อยํ สาฎโก มม อรุจิยา มา มุจฺจตู’’ติ อธิฎฺฐานปารมิํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ทฬฺหํ นิวาเสตฺวา อสฺสสฺส วาลธิํ วิยูหิตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ทฬฺหํ วาลธิํ คเหตฺวา ทฺวีหิ ปาเทหิ อสฺสสฺส อูรูสุ ปลิเวเฐตฺวา ‘‘มาณว, คหิโต เม วาลธิ, ยถารุจิ ยาหี’’ติ อาหฯ ตสฺมิํ ขเณ ปุณฺณโก มโนมยสินฺธวสฺส สญฺญํ อทาสิฯ โส ปณฺฑิตํ อาทาย อากาเส ปกฺขนฺทิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ mahāsatto sīhanādaṃ naditvā achambhito kesarasīho viya nibbhayo hutvā ‘‘ayaṃ sāṭako mama aruciyā mā muccatū’’ti adhiṭṭhānapāramiṃ purecārikaṃ katvā daḷhaṃ nivāsetvā assassa vāladhiṃ viyūhitvā ubhohi hatthehi daḷhaṃ vāladhiṃ gahetvā dvīhi pādehi assassa ūrūsu paliveṭhetvā ‘‘māṇava, gahito me vāladhi, yathāruci yāhī’’ti āha. Tasmiṃ khaṇe puṇṇako manomayasindhavassa saññaṃ adāsi. So paṇḍitaṃ ādāya ākāse pakkhandi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๔๒.
1542.
‘‘โส อสฺสราชา วิธุรํ วหโนฺต, ปกฺกามิ เวหายสมนฺตลิเกฺข;
‘‘So assarājā vidhuraṃ vahanto, pakkāmi vehāyasamantalikkhe;
สาขาสุ เสเลสุ อสชฺชมาโน, กาฬาคิริํ ขิปฺปมุปาคมาสี’’ติฯ
Sākhāsu selesu asajjamāno, kāḷāgiriṃ khippamupāgamāsī’’ti.
ตตฺถ สาขาสุ เสเลสุ อสชฺชมาโนติ ปุณฺณโก กิร จิเนฺตสิ ‘‘ทูรํ อคนฺตฺวาว อิมํ หิมวนฺตปฺปเทเส รุเกฺขสุ ปพฺพเตสุ จ โปเถตฺวา มาเรตฺวา หทยมํสํ อาทาย กเฬวรํ ปพฺพตนฺตเร ฉเฑฺฑตฺวา นาคภวนเมว คมิสฺสามี’’ติฯ โส รุเกฺข จ ปพฺพเต จ อปริหริตฺวา เตสํ มเชฺฌเนว อสฺสํ เปเสสิฯ มหาสตฺตสฺสานุภาเวน รุกฺขาปิ ปพฺพตาปิ สรีรโต อุโภสุ ปเสฺสสุ รตนมตฺตํ ปฎิกฺกมนฺติฯ โส ‘‘มโต วา, โน วา’’ติ ปริวตฺติตฺวา มหาสตฺตสฺส มุขํ โอโลเกโนฺต กญฺจนาทาสมิว วิปฺปสนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอวํ น มรตี’’ติ ปุนปิ สกลหิมวนฺตปฺปเทเส รุเกฺข จ ปพฺพเต จ ติกฺขตฺตุํ โปเถโนฺต เปเสสิ ฯ เอวํ โปเถโนฺตปิ ตเถว รุกฺขปพฺพตา ทูรเมว ปฎิกฺกมนฺติเยวฯ มหาสโตฺต ปน กิลนฺตกาโย อโหสิฯ อถ ปุณฺณโก ‘‘อยํ เนว มรติ, อิทานิ วาตกฺขเนฺธ จุณฺณวิจุณฺณํ กริสฺสามี’’ติ โกธาภิภูโต สตฺตมํ วาตกฺขนฺธํ ปกฺขนฺทิฯ โพธิสตฺตสฺสานุภาเวน วาตกฺขโนฺธ ทฺวิธา หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอกาสํ อกาสิฯ ตโต เวรมฺภวาเตหิ ปหราเปสิ, เวรมฺภวาตาปิ สตสหสฺสอสนิสโทฺท วิย หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอกาสํ อทํสุฯ โส ปุณฺณโก ตสฺส อนฺตรายาภาวํ ปสฺสโนฺต ตํ อาทาย กาฬปพฺพตํ อคมาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tattha sākhāsu selesu asajjamānoti puṇṇako kira cintesi ‘‘dūraṃ agantvāva imaṃ himavantappadese rukkhesu pabbatesu ca pothetvā māretvā hadayamaṃsaṃ ādāya kaḷevaraṃ pabbatantare chaḍḍetvā nāgabhavanameva gamissāmī’’ti. So rukkhe ca pabbate ca apariharitvā tesaṃ majjheneva assaṃ pesesi. Mahāsattassānubhāvena rukkhāpi pabbatāpi sarīrato ubhosu passesu ratanamattaṃ paṭikkamanti. So ‘‘mato vā, no vā’’ti parivattitvā mahāsattassa mukhaṃ olokento kañcanādāsamiva vippasannaṃ disvā ‘‘ayaṃ evaṃ na maratī’’ti punapi sakalahimavantappadese rukkhe ca pabbate ca tikkhattuṃ pothento pesesi . Evaṃ pothentopi tatheva rukkhapabbatā dūrameva paṭikkamantiyeva. Mahāsatto pana kilantakāyo ahosi. Atha puṇṇako ‘‘ayaṃ neva marati, idāni vātakkhandhe cuṇṇavicuṇṇaṃ karissāmī’’ti kodhābhibhūto sattamaṃ vātakkhandhaṃ pakkhandi. Bodhisattassānubhāvena vātakkhandho dvidhā hutvā bodhisattassa okāsaṃ akāsi. Tato verambhavātehi paharāpesi, verambhavātāpi satasahassaasanisaddo viya hutvā bodhisattassa okāsaṃ adaṃsu. So puṇṇako tassa antarāyābhāvaṃ passanto taṃ ādāya kāḷapabbataṃ agamāsi. Tena vuttaṃ –
‘‘โส อสฺสราชา วิธุรํ วหโนฺต, ปกฺกามิ เวหายสมนฺตลิเกฺข;
‘‘So assarājā vidhuraṃ vahanto, pakkāmi vehāyasamantalikkhe;
สาขาสุ เสเลสุ อสชฺชมาโน, กาฬาคิริํ ขิปฺปมุปาคมาสี’’ติฯ
Sākhāsu selesu asajjamāno, kāḷāgiriṃ khippamupāgamāsī’’ti.
ตตฺถ อสชฺชมาโนติ อลคฺคมาโน อปฺปฎิหญฺญมาโน วิธุรปณฺฑิตํ วหโนฺต กาฬปพฺพตมตฺถกํ อุปาคโตฯ
Tattha asajjamānoti alaggamāno appaṭihaññamāno vidhurapaṇḍitaṃ vahanto kāḷapabbatamatthakaṃ upāgato.
เอวํ ปุณฺณกสฺส มหาสตฺตํ คเหตฺวา คตกาเล ปณฺฑิตสฺส ปุตฺตทาราทโย ปุณฺณกสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ตตฺถ มหาสตฺตํ อทิสฺวา ฉินฺนปาทา วิย ปติตฺวา อปราปรํ ปริวตฺตมานา มหาสเทฺทน ปริเทวิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ puṇṇakassa mahāsattaṃ gahetvā gatakāle paṇḍitassa puttadārādayo puṇṇakassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā tattha mahāsattaṃ adisvā chinnapādā viya patitvā aparāparaṃ parivattamānā mahāsaddena parideviṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๔๓.
1543.
‘‘อิตฺถิสหสฺสํ ภริยานํ, ทาสิสตฺตสตานิ จ;
‘‘Itthisahassaṃ bhariyānaṃ, dāsisattasatāni ca;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ยโกฺข พฺราหฺมณวเณฺณน;
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘yakkho brāhmaṇavaṇṇena;
วิธุรํ อาทาย คจฺฉติ’ฯ
Vidhuraṃ ādāya gacchati’.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ยโกฺข พฺราหฺมณวเณฺณน;
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘yakkho brāhmaṇavaṇṇena;
วิธุรํ อาทาย คจฺฉติ’ฯ
Vidhuraṃ ādāya gacchati’.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ยโกฺข พฺราหฺมณวเณฺณน;
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘yakkho brāhmaṇavaṇṇena;
วิธุรํ อาทาย คจฺฉติ’ฯ
Vidhuraṃ ādāya gacchati’.
๑๕๔๔.
1544.
‘‘สมาคตา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
‘‘Samāgatā jānapadā, negamā ca samāgatā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ยโกฺข พฺราหฺมณวเณฺณน;
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘yakkho brāhmaṇavaṇṇena;
วิธุรํ อาทาย คจฺฉติ’ฯ
Vidhuraṃ ādāya gacchati’.
๑๕๔๕.
1545.
‘‘อิตฺถิสหสฺสํ ภริยานํ, ทาสิสตฺตสตานิ จ;
‘‘Itthisahassaṃ bhariyānaṃ, dāsisattasatāni ca;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ปณฺฑิโต โส กุหิํ คโต’ฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘paṇḍito so kuhiṃ gato’.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ปณฺฑิโต โส กุหิํ คโต’ฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘paṇḍito so kuhiṃ gato’.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ปณฺฑิโต โส กุหิํ คโต’ฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘paṇḍito so kuhiṃ gato’.
๑๕๔๖.
1546.
สมาคตา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
Samāgatā jānapadā, negamā ca samāgatā;
พาหา ปคฺคยฺห ปกฺกนฺทุํ, ‘ปณฺฑิโต โส กุหิํ คโต’’’ติฯ
Bāhā paggayha pakkanduṃ, ‘paṇḍito so kuhiṃ gato’’’ti.
เอวํ ปกฺกนฺทิตฺวา จ ปน เต สเพฺพปิ สกลนครวาสีหิ สทฺธิํ โรทิตฺวา ราชทฺวารํ อคมํสุฯ ราชา มหนฺตํ ปริเทวสทฺทํ สุตฺวา สีหปญฺชรํ วิวริตฺวา ‘‘ตุเมฺห กสฺมา ปริเทวถา’’ติ ปุจฺฉิฯ อถสฺส เต ‘‘เทว, โส กิร มาณโว น พฺราหฺมโณ, ยโกฺข ปน พฺราหฺมณวเณฺณน อาคนฺตฺวา ปณฺฑิตํ อาทาย คโต, เตน วินา อมฺหากํ ชีวิตํ นตฺถิฯ สเจ โส อิโต สตฺตเม ทิวเส นาคมิสฺสติ, สกฎสเตหิ สกฎสหเสฺสหิ จ ทารูนิ สงฺกฑฺฒิตฺวา สเพฺพ มยํ อคฺคิํ อุชฺชาเลตฺวา ปวิสิสฺสามา’’ติ อิมมตฺถํ อาโรเจนฺตา อิมํ คาถมาหํสุ –
Evaṃ pakkanditvā ca pana te sabbepi sakalanagaravāsīhi saddhiṃ roditvā rājadvāraṃ agamaṃsu. Rājā mahantaṃ paridevasaddaṃ sutvā sīhapañjaraṃ vivaritvā ‘‘tumhe kasmā paridevathā’’ti pucchi. Athassa te ‘‘deva, so kira māṇavo na brāhmaṇo, yakkho pana brāhmaṇavaṇṇena āgantvā paṇḍitaṃ ādāya gato, tena vinā amhākaṃ jīvitaṃ natthi. Sace so ito sattame divase nāgamissati, sakaṭasatehi sakaṭasahassehi ca dārūni saṅkaḍḍhitvā sabbe mayaṃ aggiṃ ujjāletvā pavisissāmā’’ti imamatthaṃ ārocentā imaṃ gāthamāhaṃsu –
๑๕๔๗.
1547.
‘‘สเจ โส สตฺตรเตฺตน, นาคจฺฉิสฺสติ ปณฺฑิโต;
‘‘Sace so sattarattena, nāgacchissati paṇḍito;
สเพฺพ อคฺคิํ ปเวกฺขาม, นตฺถโตฺถ ชีวิเตน โน’’ติฯ
Sabbe aggiṃ pavekkhāma, natthattho jīvitena no’’ti.
สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพุตกาเลปิ ‘‘มยํ อคฺคิํ ปวิสิตฺวา มริสฺสามา’’ติ วตฺตาโร นาม นาเหสุํฯ อโห สุภาสิตํ มหาสเตฺต นาคเรหีติฯ ราชา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุเมฺห มา จินฺตยิตฺถ, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, มธุรกโถ ปณฺฑิโต มาณวํ ธมฺมกถาย ปโลเภตฺวา อตฺตโน ปาเทสุ ปาเตตฺวา สกลนครวาสีนํ อสฺสุมุขํ หาสยโนฺต น จิรเสฺสว อาคมิสฺสตี’’ติ อสฺสาเสโนฺต คาถมาห –
Sammāsambuddhassa parinibbutakālepi ‘‘mayaṃ aggiṃ pavisitvā marissāmā’’ti vattāro nāma nāhesuṃ. Aho subhāsitaṃ mahāsatte nāgarehīti. Rājā tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘tumhe mā cintayittha, mā socittha, mā paridevittha, madhurakatho paṇḍito māṇavaṃ dhammakathāya palobhetvā attano pādesu pātetvā sakalanagaravāsīnaṃ assumukhaṃ hāsayanto na cirasseva āgamissatī’’ti assāsento gāthamāha –
๑๕๔๘.
1548.
‘‘ปณฺฑิโต จ วิยโตฺต จ, วิภาวี จ วิจกฺขโณ;
‘‘Paṇḍito ca viyatto ca, vibhāvī ca vicakkhaṇo;
ขิปฺปํ โมจิย อตฺตานํ, มา ภายิตฺถาคมิสฺสตี’’ติฯ
Khippaṃ mociya attānaṃ, mā bhāyitthāgamissatī’’ti.
ตตฺถ วิยโตฺตติ เวยฺยตฺติยา วิจารณปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ วิภาวีติ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ วิภาเวตฺวา ทเสฺสตฺวา กเถตุํ สมโตฺถฯ วิจกฺขโณติ ตงฺขเณเยว ฐานุปฺปตฺติกาย การณจินฺตนปญฺญาย ยุโตฺตฯ มา ภายิตฺถาติ มา ภายถ, อตฺตานํ โมเจตฺวา ขิปฺปํ อาคมิสฺสตีติ อสฺสาเสติฯ
Tattha viyattoti veyyattiyā vicāraṇapaññāya samannāgato. Vibhāvīti atthānatthaṃ kāraṇākāraṇaṃ vibhāvetvā dassetvā kathetuṃ samattho. Vicakkhaṇoti taṅkhaṇeyeva ṭhānuppattikāya kāraṇacintanapaññāya yutto. Mā bhāyitthāti mā bhāyatha, attānaṃ mocetvā khippaṃ āgamissatīti assāseti.
นาคราปิ ‘‘ปณฺฑิโต กิร รโญฺญ กเถตฺวา คโต ภวิสฺสตี’’ติ อสฺสาสํ ปฎิลภิตฺวา อตฺตโน เคหานิ ปกฺกมิํสุฯ
Nāgarāpi ‘‘paṇḍito kira rañño kathetvā gato bhavissatī’’ti assāsaṃ paṭilabhitvā attano gehāni pakkamiṃsu.
อนฺตรเปยฺยาโล นิฎฺฐิโตฯ
Antarapeyyālo niṭṭhito.
สาธุนรธมฺมกณฺฑํ
Sādhunaradhammakaṇḍaṃ
ปุณฺณโกปิ มหาสตฺตํ กาฬาคิริมตฺถเก ฐเปตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ ชีวมาเน มยฺหํ วุฑฺฒิ นาม นตฺถิ, อิมํ มาเรตฺวา หทยมํสํ คเหตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา วิมลาย ทตฺวา อิรนฺธติํ คเหตฺวา เทวโลกํ คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Puṇṇakopi mahāsattaṃ kāḷāgirimatthake ṭhapetvā ‘‘imasmiṃ jīvamāne mayhaṃ vuḍḍhi nāma natthi, imaṃ māretvā hadayamaṃsaṃ gahetvā nāgabhavanaṃ gantvā vimalāya datvā irandhatiṃ gahetvā devalokaṃ gamissāmī’’ti cintesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๔๙.
1549.
‘‘โส ตตฺถ คนฺตฺวาน วิจินฺตยโนฺต, อุจฺจาวจา เจตนกา ภวนฺติ;
‘‘So tattha gantvāna vicintayanto, uccāvacā cetanakā bhavanti;
นยิมสฺส ชีเวน มมตฺถิ กิญฺจิ, หนฺตฺวานิมํ หทยมานยิสฺส’’นฺติฯ
Nayimassa jīvena mamatthi kiñci, hantvānimaṃ hadayamānayissa’’nti.
ตตฺถ โสติ โส ปุณฺณโกฯ ตตฺถ คนฺตฺวานาติ คนฺตฺวา ตตฺถ กาฬาคิริมตฺถเก ฐิโตฯ อุจฺจาวจา เจตนกา ภวนฺตีติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานา เจตนา อุจฺจาปิ อวจาปิ อุปฺปชฺชนฺติฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ มเมตสฺส ชีวิตทานเจตนาปิ อุปฺปเชฺชยฺยาติฯ อิมสฺส ปน ชีวิเตน ตหิํ นาคภวเน มม อปฺปมตฺตกมฺปิ กิญฺจิ กิจฺจํ นตฺถิ, อิเธวิมํ มาเรตฺวา อสฺส หทยํ อานยิสฺสามีติ สนฺนิฎฺฐานมกาสีติ อโตฺถฯ
Tattha soti so puṇṇako. Tattha gantvānāti gantvā tattha kāḷāgirimatthake ṭhito. Uccāvacā cetanakā bhavantīti khaṇe khaṇe uppajjamānā cetanā uccāpi avacāpi uppajjanti. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ mametassa jīvitadānacetanāpi uppajjeyyāti. Imassa pana jīvitena tahiṃ nāgabhavane mama appamattakampi kiñci kiccaṃ natthi, idhevimaṃ māretvā assa hadayaṃ ānayissāmīti sanniṭṭhānamakāsīti attho.
ตโต ปุน จิเนฺตสิ ‘‘ยํนูนาหํ อิมํ สหเตฺถน อมาเรตฺวา เภรวรูปทสฺสเนน ชีวิตกฺขยํ ปาเปยฺย’’นฺติฯ โส เภรวยกฺขรูปํ นิมฺมินิตฺวา มหาสตฺตํ ตเชฺชโนฺต อาคนฺตฺวา ตํ ปาเตตฺวา ทาฐานํ อนฺตเร กตฺวา ขาทิตุกาโม วิย อโหสิ, มหาสตฺตสฺส โลมหํสนมตฺตมฺปิ นาโหสิฯ ตโต สีหรูเปน มตฺตมหาหตฺถิรูเปน จ อาคนฺตฺวา ทาฐาหิ เจว ทเนฺตหิ จ วิชฺฌิตุกาโม วิย อโหสิฯ ตถาปิ อภายนฺตสฺส เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ มหนฺตํ สปฺปวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา อสฺสสโนฺต ปสฺสสโนฺต ‘‘สุสู’’ติ สทฺทํ กโรโนฺต อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส สกลสรีรํ เวเฐตฺวา มตฺถเก ผณํ กตฺวา อฎฺฐาสิ, ตสฺส สารชฺชมตฺตมฺปิ นาโหสิฯ อถ ‘‘นํ ปพฺพตมตฺถเก ฐเปตฺวา ปาเตตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กริสฺสามี’’ติ มหาวาตํ สมุฎฺฐาเปสิฯ โส ตสฺส เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขิฯ อถ นํ ตเตฺถว ปพฺพตมตฺถเก ฐเปตฺวา หตฺถี วิย ขชฺชูริรุกฺขํ ปพฺพตํ อปราปรํ จาเลสิ, ตถาปิ นํ ฐิตฎฺฐานโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขิฯ
Tato puna cintesi ‘‘yaṃnūnāhaṃ imaṃ sahatthena amāretvā bheravarūpadassanena jīvitakkhayaṃ pāpeyya’’nti. So bheravayakkharūpaṃ nimminitvā mahāsattaṃ tajjento āgantvā taṃ pātetvā dāṭhānaṃ antare katvā khāditukāmo viya ahosi, mahāsattassa lomahaṃsanamattampi nāhosi. Tato sīharūpena mattamahāhatthirūpena ca āgantvā dāṭhāhi ceva dantehi ca vijjhitukāmo viya ahosi. Tathāpi abhāyantassa ekadoṇikanāvappamāṇaṃ mahantaṃ sappavaṇṇaṃ nimminitvā assasanto passasanto ‘‘susū’’ti saddaṃ karonto āgantvā mahāsattassa sakalasarīraṃ veṭhetvā matthake phaṇaṃ katvā aṭṭhāsi, tassa sārajjamattampi nāhosi. Atha ‘‘naṃ pabbatamatthake ṭhapetvā pātetvā cuṇṇavicuṇṇaṃ karissāmī’’ti mahāvātaṃ samuṭṭhāpesi. So tassa kesaggamattampi cāletuṃ nāsakkhi. Atha naṃ tattheva pabbatamatthake ṭhapetvā hatthī viya khajjūrirukkhaṃ pabbataṃ aparāparaṃ cālesi, tathāpi naṃ ṭhitaṭṭhānato kesaggamattampi cāletuṃ nāsakkhi.
ตโต ‘‘สทฺทสนฺตาเสนสฺส หทยผาลนํ กตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อโนฺตปพฺพตํ ปวิสิตฺวา ปถวิญฺจ นภญฺจ เอกนินฺนาทํ กโรโนฺต มหานาทํ นทิ, เอวมฺปิสฺส สารชฺชมตฺตมฺปิ นาโหสิฯ ชานาติ หิ มหาสโตฺต ‘‘ยกฺขสีหหตฺถินาคราชเวเสหิ อาคโตปิ มหาวาตวุฎฺฐิํ สมุฎฺฐาปโกปิ ปพฺพตจลนํ กโรโนฺตปิ อโนฺตปพฺพตํ ปวิสิตฺวา นาทํ วิสฺสเชฺชโนฺตปิ มาณโวเยว, น อโญฺญ’’ติฯ ตโต ปุณฺณโก จิเนฺตสิ ‘‘นาหํ อิมํ พาหิรุปกฺกเมน มาเรตุํ สโกฺกมิ, สหเตฺถเนว นํ มาเรสฺสามี’’ติฯ ตโต ยโกฺข มหาสตฺตํ ปพฺพตมุทฺธนิ ฐเปตฺวา ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา มณิกฺขเนฺธ ปณฺฑุสุตฺตํ ปเวเสโนฺต วิย ปพฺพตํ ปวิสิตฺวา ตาเสโนฺต วคฺคโนฺต อโนฺตปพฺพเตน อุคฺคนฺตฺวา มหาสตฺตํ ปาเท ทฬฺหํ คเหตฺวา ปริวเตฺตตฺวา อโธสิรํ กตฺวา อนาลเมฺพ อากาเส วิสฺสเชฺชสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tato ‘‘saddasantāsenassa hadayaphālanaṃ katvā māressāmī’’ti antopabbataṃ pavisitvā pathaviñca nabhañca ekaninnādaṃ karonto mahānādaṃ nadi, evampissa sārajjamattampi nāhosi. Jānāti hi mahāsatto ‘‘yakkhasīhahatthināgarājavesehi āgatopi mahāvātavuṭṭhiṃ samuṭṭhāpakopi pabbatacalanaṃ karontopi antopabbataṃ pavisitvā nādaṃ vissajjentopi māṇavoyeva, na añño’’ti. Tato puṇṇako cintesi ‘‘nāhaṃ imaṃ bāhirupakkamena māretuṃ sakkomi, sahattheneva naṃ māressāmī’’ti. Tato yakkho mahāsattaṃ pabbatamuddhani ṭhapetvā pabbatapādaṃ gantvā maṇikkhandhe paṇḍusuttaṃ pavesento viya pabbataṃ pavisitvā tāsento vagganto antopabbatena uggantvā mahāsattaṃ pāde daḷhaṃ gahetvā parivattetvā adhosiraṃ katvā anālambe ākāse vissajjesi. Tena vuttaṃ –
๑๕๕๐.
1550.
‘‘โส ตตฺถ คนฺตฺวา ปพฺพตนฺตรสฺมิํ, อโนฺต ปวิสิตฺวาน ปทุฎฺฐจิโตฺต;
‘‘So tattha gantvā pabbatantarasmiṃ, anto pavisitvāna paduṭṭhacitto;
อสํวุตสฺมิํ ชคติปฺปเทเส, อโธสิรํ ธารยิ กาติยาโน’’ติฯ
Asaṃvutasmiṃ jagatippadese, adhosiraṃ dhārayi kātiyāno’’ti.
ตตฺถ โส ตตฺถ คนฺตฺวาติ โส ปุณฺณโก ปพฺพตมตฺถกา ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปพฺพตนฺตเร ฐตฺวา ตสฺส อโนฺต ปวิสิตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ฐิตสฺส เหฎฺฐา ปญฺญายมาโน อสํวุเต ภูมิปเทเส ธาเรสีติฯ น อาทิโตว ธาเรสิ, ตตฺถ ปน ตํ ขิปิตฺวา ปนฺนรสโยชนมตฺตํ ภฎฺฐกาเล ปพฺพตมุทฺธนิ ฐิโตว หตฺถํ วเฑฺฒตฺวา อโธสิรํ ภสฺสนฺตํ ปาเทสุ คเหตฺวา อโธสิรเมว อุกฺขิปิตฺวา มุขํ โอโลเกโนฺต ‘‘น มรตี’’ติ ญตฺวา ทุติยมฺปิ ขิปิตฺวา ติํสโยชนมตฺตํ ภฎฺฐกาเล ตเถว อุกฺขิปิตฺวา ปุน ตสฺส มุขํ โอโลเกโนฺต ชีวนฺตเมว ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สเจ อิทานิ สฎฺฐิโยชนมตฺตํ ภสฺสิตฺวา น มริสฺสติ, ปาเทสุ นํ คเหตฺวา ปพฺพตมุทฺธนิ โปเถตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อถ นํ ตติยมฺปิ ขิปิตฺวา สฎฺฐิโยชนมตฺตํ ภฎฺฐกาเล หตฺถํ วเฑฺฒตฺวา ปาเทสุ คเหตฺวา อุกฺขิปิฯ ตโต มหาสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อยํ มํ ปฐมํ ปนฺนรสโยชนฎฺฐานํ ขิปิ, ทุติยมฺปิ ติํสโยชนํ, ตติยมฺปิ สฎฺฐิโยชนํ, อิทานิ ปุน มํ น ขิปิสฺสติ, อุกฺขิปโนฺตเยว ปพฺพตมุทฺธนิ ปหริตฺวา มาเรสฺสติ, ยาว มํ อุกฺขิปิตฺวา ปพฺพตมุทฺธนิ น โปเถติ, ตาว นํ อโธสิโร หุตฺวา โอลมฺพโนฺตว มารณการณํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติฯ เอวํ จิเนฺตตฺวา จ ปน โส อฉมฺภิโต อสนฺตสโนฺต ตถา อกาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ธารยิ กาติยาโน’’ติ, ติกฺขตฺตุํ ขิปิตฺวา ธารยีติ อโตฺถฯ
Tattha so tattha gantvāti so puṇṇako pabbatamatthakā pabbatapādaṃ gantvā tattha pabbatantare ṭhatvā tassa anto pavisitvā pabbatamatthake ṭhitassa heṭṭhā paññāyamāno asaṃvute bhūmipadese dhāresīti. Na āditova dhāresi, tattha pana taṃ khipitvā pannarasayojanamattaṃ bhaṭṭhakāle pabbatamuddhani ṭhitova hatthaṃ vaḍḍhetvā adhosiraṃ bhassantaṃ pādesu gahetvā adhosirameva ukkhipitvā mukhaṃ olokento ‘‘na maratī’’ti ñatvā dutiyampi khipitvā tiṃsayojanamattaṃ bhaṭṭhakāle tatheva ukkhipitvā puna tassa mukhaṃ olokento jīvantameva disvā cintesi ‘‘sace idāni saṭṭhiyojanamattaṃ bhassitvā na marissati, pādesu naṃ gahetvā pabbatamuddhani pothetvā māressāmī’’ti atha naṃ tatiyampi khipitvā saṭṭhiyojanamattaṃ bhaṭṭhakāle hatthaṃ vaḍḍhetvā pādesu gahetvā ukkhipi. Tato mahāsatto cintesi ‘‘ayaṃ maṃ paṭhamaṃ pannarasayojanaṭṭhānaṃ khipi, dutiyampi tiṃsayojanaṃ, tatiyampi saṭṭhiyojanaṃ, idāni puna maṃ na khipissati, ukkhipantoyeva pabbatamuddhani paharitvā māressati, yāva maṃ ukkhipitvā pabbatamuddhani na potheti, tāva naṃ adhosiro hutvā olambantova māraṇakāraṇaṃ pucchissāmī’’ti. Evaṃ cintetvā ca pana so achambhito asantasanto tathā akāsi. Tena vuttaṃ ‘‘dhārayi kātiyāno’’ti, tikkhattuṃ khipitvā dhārayīti attho.
๑๕๕๑.
1551.
‘‘โส ลมฺพมาโน นรเก ปปาเต, มหพฺภเย โลมหํเส วิทุเคฺค;
‘‘So lambamāno narake papāte, mahabbhaye lomahaṃse vidugge;
อสนฺตสโนฺต กุรูนํ กตฺตุเสโฎฺฐ, อิจฺจพฺรวิ ปุณฺณกํ นาม ยกฺขํฯ
Asantasanto kurūnaṃ kattuseṭṭho, iccabravi puṇṇakaṃ nāma yakkhaṃ.
๑๕๕๒.
1552.
‘‘อริยาวกาโสสิ อนริยรูโป, อสญฺญโต สญฺญตสนฺนิกาโส;
‘‘Ariyāvakāsosi anariyarūpo, asaññato saññatasannikāso;
อจฺจาหิตํ กมฺมํ กโรสิ ลุทฺรํ, ภาเว จ เต กุสลํ นตฺถิ กิญฺจิฯ
Accāhitaṃ kammaṃ karosi ludraṃ, bhāve ca te kusalaṃ natthi kiñci.
๑๕๕๓.
1553.
‘‘ยํ มํ ปปาตสฺมิํ ปปาตุมิจฺฉสิ, โก นุ ตวโตฺถ มรเณน มยฺหํ;
‘‘Yaṃ maṃ papātasmiṃ papātumicchasi, ko nu tavattho maraṇena mayhaṃ;
อมานุสเสฺสว ตวชฺช วโณฺณ, อาจิกฺข เม ตฺวํ กตมาสิ เทวตาติฯ
Amānusasseva tavajja vaṇṇo, ācikkha me tvaṃ katamāsi devatāti.
ตตฺถ โส ลมฺพมาโนติ โส กุรูนํ กตฺตุเสโฎฺฐ ตติยวาเร ลมฺพมาโนฯ อริยาวกาโสติ รูเปน อริยสทิโส เทววโณฺณ หุตฺวา จรสิฯ อสญฺญโตติ กายาทีหิ อสญฺญโต ทุสฺสีโลฯ อจฺจาหิตนฺติ หิตาติกฺกนฺตํ, อติอหิตํ วาฯ ภาเว จ เตติ ตว จิเตฺต อปฺปมตฺตกมฺปิ กุสลํ นตฺถิฯ อมานุสเสฺสว ตวชฺช วโณฺณติ อชฺช ตว อิทํ การณํ อมานุสเสฺสวฯ กตมาสิ เทวตาติ ยกฺขานํ อนฺตเร กตรยโกฺข นาม ตฺวํฯ
Tattha so lambamānoti so kurūnaṃ kattuseṭṭho tatiyavāre lambamāno. Ariyāvakāsoti rūpena ariyasadiso devavaṇṇo hutvā carasi. Asaññatoti kāyādīhi asaññato dussīlo. Accāhitanti hitātikkantaṃ, atiahitaṃ vā. Bhāve ca teti tava citte appamattakampi kusalaṃ natthi. Amānusasseva tavajja vaṇṇoti ajja tava idaṃ kāraṇaṃ amānusasseva. Katamāsi devatāti yakkhānaṃ antare katarayakkho nāma tvaṃ.
ปุณฺณโก อาห –
Puṇṇako āha –
๑๕๕๔.
1554.
‘‘ยทิ เต สุโต ปุณฺณโก นาม ยโกฺข, รโญฺญ กุเวรสฺส หิ โส สชิโพฺพ;
‘‘Yadi te suto puṇṇako nāma yakkho, rañño kuverassa hi so sajibbo;
ภูมินฺธโร วรุโณ นาม นาโค, พฺรหา สุจี วณฺณพลูปปโนฺนฯ
Bhūmindharo varuṇo nāma nāgo, brahā sucī vaṇṇabalūpapanno.
๑๕๕๕.
1555.
‘‘ตสฺสานุชํ ธีตรํ กามยามิ, อิรนฺธตี นาม สา นาคกญฺญา;
‘‘Tassānujaṃ dhītaraṃ kāmayāmi, irandhatī nāma sā nāgakaññā;
ตสฺสา สุมชฺฌาย ปิยาย เหตุ, ปตารยิํ ตุยฺห วธาย ธีรา’’ติฯ
Tassā sumajjhāya piyāya hetu, patārayiṃ tuyha vadhāya dhīrā’’ti.
ตตฺถ สชิโพฺพติ สชีโว อมโจฺจฯ พฺรหาติ อาโรหปริณาหสมฺปโนฺน อุฎฺฐาปิตกญฺจนรูปสทิโสฯ วณฺณพลูปปโนฺนติ สรีรวเณฺณน จ กายพเลน จ อุปคโตฯ ตสฺสานุชนฺติ ตสฺส อนุชาตํ ธีตรํฯ ปตารยินฺติ จิตฺตํ ปวเตฺตสิํ, สนฺนิฎฺฐานมกาสินฺติ อโตฺถฯ
Tattha sajibboti sajīvo amacco. Brahāti ārohapariṇāhasampanno uṭṭhāpitakañcanarūpasadiso. Vaṇṇabalūpapannoti sarīravaṇṇena ca kāyabalena ca upagato. Tassānujanti tassa anujātaṃ dhītaraṃ. Patārayinti cittaṃ pavattesiṃ, sanniṭṭhānamakāsinti attho.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘อยํ โลโก ทุคฺคหิเตน นสฺสติ, นาคมาณวิกํ ปเตฺถนฺตสฺส มม มรเณน กิํ ปโยชนํ, ตถโต การณํ ชานิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā mahāsatto ‘‘ayaṃ loko duggahitena nassati, nāgamāṇavikaṃ patthentassa mama maraṇena kiṃ payojanaṃ, tathato kāraṇaṃ jānissāmī’’ti cintetvā gāthamāha –
๑๕๕๖.
1556.
‘‘มา เหว ตฺวํ ยกฺข อโหสิ มูโฬฺห, นฎฺฐา พหู ทุคฺคหีเตน โลเก;
‘‘Mā heva tvaṃ yakkha ahosi mūḷho, naṭṭhā bahū duggahītena loke;
กิํ เต สุมชฺฌาย ปิยาย กิจฺจํ, มรเณน เม อิงฺฆ สุโณมิ สพฺพ’’นฺติฯ
Kiṃ te sumajjhāya piyāya kiccaṃ, maraṇena me iṅgha suṇomi sabba’’nti.
ตํ สุตฺวา ตสฺส อาจิกฺขโนฺต ปุณฺณโก อาห –
Taṃ sutvā tassa ācikkhanto puṇṇako āha –
๑๕๕๗.
1557.
‘‘มหานุภาวสฺส มโหรคสฺส, ธีตุกาโม ญาติภโตหมสฺมิ;
‘‘Mahānubhāvassa mahoragassa, dhītukāmo ñātibhatohamasmi;
ตํ ยาจมานํ สสุโร อโวจ, ยถา มมญฺญิํสุ สุกามนีตํฯ
Taṃ yācamānaṃ sasuro avoca, yathā mamaññiṃsu sukāmanītaṃ.
๑๕๕๘.
1558.
‘‘ทเชฺชมุ โข เต สุตนุํ สุเนตฺตํ, สุจิมฺหิตํ จนฺทนลิตฺตคตฺตํ;
‘‘Dajjemu kho te sutanuṃ sunettaṃ, sucimhitaṃ candanalittagattaṃ;
สเจ ตุวํ หทยํ ปณฺฑิตสฺส, ธเมฺมน ลทฺธา อิธ มาหเรสิ;
Sace tuvaṃ hadayaṃ paṇḍitassa, dhammena laddhā idha māharesi;
เอเตน วิเตฺตน กุมาริ ลพฺภา, นญฺญํ ธนํ อุตฺตริ ปตฺถยามฯ
Etena vittena kumāri labbhā, naññaṃ dhanaṃ uttari patthayāma.
๑๕๕๙.
1559.
‘‘เอวํ น มูโฬฺหสฺมิ สุโณหิ กเตฺต, น จาปิ เม ทุคฺคหิตตฺถิ กิญฺจิ;
‘‘Evaṃ na mūḷhosmi suṇohi katte, na cāpi me duggahitatthi kiñci;
หทเยน เต ธมฺมลเทฺธน นาคา, อิรนฺธติํ นาคกญฺญํ ททนฺติฯ
Hadayena te dhammaladdhena nāgā, irandhatiṃ nāgakaññaṃ dadanti.
๑๕๖๐.
1560.
‘‘ตสฺมา อหํ ตุยฺหํ วธาย ยุโตฺต, เอวํ มมโตฺถ มรเณน ตุยฺหํ;
‘‘Tasmā ahaṃ tuyhaṃ vadhāya yutto, evaṃ mamattho maraṇena tuyhaṃ;
อิเธว ตํ นรเก ปาตยิตฺวา, หนฺตฺวาน ตํ หทยมานยิสฺส’’นฺติฯ
Idheva taṃ narake pātayitvā, hantvāna taṃ hadayamānayissa’’nti.
ตตฺถ ธีตุกาโมติ ธีตรํ กาเมมิ ปเตฺถมิ, ธีตุ อตฺถาย วิจรามิฯ ญาติภโตหมสฺมีติ ตสฺมา ตสฺส ญาติภตโก นาม อหํ อมฺหิฯ ตนฺติ ตํ นาคกญฺญํฯ ยาจมานนฺติ ยาจนฺตํ มํฯ ยถา มนฺติ ยสฺมา มํฯ อญฺญิํสูติ ชานิํสุฯ สุกามนีตนฺติ สุฎฺฐุ เอส กาเมน นีโตติ สุกามนีโต, ตํ สุกามนีตํฯ ตสฺมา สสุโร ‘ทเชฺชมุ โข เต’’ติอาทิมโวจฯ ตตฺถ ทเชฺชมูติ ทเทยฺยามฯ สุตนุนฺติ สุนฺทรสรีรํฯ อิธ มาหเรสีติ อิธ นาคภวเน ธเมฺมน ลทฺธา อาหเรยฺยาสีติฯ
Tattha dhītukāmoti dhītaraṃ kāmemi patthemi, dhītu atthāya vicarāmi. Ñātibhatohamasmīti tasmā tassa ñātibhatako nāma ahaṃ amhi. Tanti taṃ nāgakaññaṃ. Yācamānanti yācantaṃ maṃ. Yathā manti yasmā maṃ. Aññiṃsūti jāniṃsu. Sukāmanītanti suṭṭhu esa kāmena nītoti sukāmanīto, taṃ sukāmanītaṃ. Tasmā sasuro ‘dajjemu kho te’’tiādimavoca. Tattha dajjemūti dadeyyāma. Sutanunti sundarasarīraṃ. Idha māharesīti idha nāgabhavane dhammena laddhā āhareyyāsīti.
ตสฺส ตํ กถํ สุตฺวา มหาสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘วิมลาย มม หทเยน กิจฺจํ นตฺถิ, วรุณนาคราเชน มม ธมฺมกถํ สุตฺวา มณินา มํ ปูเชตฺวา ตตฺถ คเตน มม ธมฺมกถิกภาโว วณฺณิโต ภวิสฺสติ, ตโต วิมลาย มม ธมฺมกถาย โทหโฬ อุปฺปโนฺน ภวิสฺสติ, วรุเณน ทุคฺคหิตํ คเหตฺวา ปุณฺณโก อาณโตฺต ภวิสฺสติ, สฺวายํ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน มํ มาเรตุํ เอวรูปํ ทุกฺขํ ปาเปสิ, มม ปณฺฑิตภาโว ฐานุปฺปตฺติการณจินฺตนสมตฺถตา อิมสฺมิํ มํ มาเรเนฺต กิํ กริสฺสติ, หนฺทาหํ สญฺญาเปสฺสามิ น’’นฺติฯ จิเนฺตตฺวา จ ปน ‘‘มาณว, สาธุนรธมฺมํ นาม ชานามิ, ยาวาหํ น มรามิ, ตาว มํ ปพฺพตมุทฺธนิ นิสีทาเปตฺวา สาธุนรธมฺมํ นาม สุโณหิ, ปจฺฉา ยํ อิจฺฉสิ, ตํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา สาธุนรธมฺมํ วเณฺณตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ อาหราเปโนฺต โส อโธสิโร โอลมฺพโนฺตว คาถมาห –
Tassa taṃ kathaṃ sutvā mahāsatto cintesi ‘‘vimalāya mama hadayena kiccaṃ natthi, varuṇanāgarājena mama dhammakathaṃ sutvā maṇinā maṃ pūjetvā tattha gatena mama dhammakathikabhāvo vaṇṇito bhavissati, tato vimalāya mama dhammakathāya dohaḷo uppanno bhavissati, varuṇena duggahitaṃ gahetvā puṇṇako āṇatto bhavissati, svāyaṃ attanā duggahitena maṃ māretuṃ evarūpaṃ dukkhaṃ pāpesi, mama paṇḍitabhāvo ṭhānuppattikāraṇacintanasamatthatā imasmiṃ maṃ mārente kiṃ karissati, handāhaṃ saññāpessāmi na’’nti. Cintetvā ca pana ‘‘māṇava, sādhunaradhammaṃ nāma jānāmi, yāvāhaṃ na marāmi, tāva maṃ pabbatamuddhani nisīdāpetvā sādhunaradhammaṃ nāma suṇohi, pacchā yaṃ icchasi, taṃ kareyyāsī’’ti vatvā sādhunaradhammaṃ vaṇṇetvā attano jīvitaṃ āharāpento so adhosiro olambantova gāthamāha –
๑๕๖๑.
1561.
‘‘ขิปฺปํ มมํ อุทฺธร กาติยาน, หทเยน เม ยทิ เต อตฺถิ กิจฺจํ;
‘‘Khippaṃ mamaṃ uddhara kātiyāna, hadayena me yadi te atthi kiccaṃ;
เย เกจิเม สาธุนรสฺส ธมฺมา, สเพฺพว เต ปาตุกโรมิ อชฺชา’’ติฯ
Ye kecime sādhunarassa dhammā, sabbeva te pātukaromi ajjā’’ti.
ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก ‘‘อยํ ปณฺฑิเตน เทวมนุสฺสานํ อกถิตปุโพฺพ ธโมฺม ภวิสฺสติ, ขิปฺปเมว นํ อุทฺธริตฺวา สาธุนรธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา มหาสตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา ปพฺพตมุทฺธนิ นิสีทาเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ sutvā puṇṇako ‘‘ayaṃ paṇḍitena devamanussānaṃ akathitapubbo dhammo bhavissati, khippameva naṃ uddharitvā sādhunaradhammaṃ suṇissāmī’’ti cintetvā mahāsattaṃ ukkhipitvā pabbatamuddhani nisīdāpesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๖๒.
1562.
‘‘โส ปุณฺณโก กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐํ, นคมุทฺธนิ ขิปฺปํ ปติฎฺฐเปตฺวา;
‘‘So puṇṇako kurūnaṃ kattuseṭṭhaṃ, nagamuddhani khippaṃ patiṭṭhapetvā;
อสฺสตฺถมาสีนํ สเมกฺขิยาน, ปริปุจฺฉิ กตฺตารมโนมปญฺญํฯ
Assatthamāsīnaṃ samekkhiyāna, paripucchi kattāramanomapaññaṃ.
๑๕๖๓.
1563.
‘‘สมุทฺธโฎ เมสิ ตุวํ ปปาตา, หทเยน เต อชฺช มมตฺถิ กิจฺจํ;
‘‘Samuddhaṭo mesi tuvaṃ papātā, hadayena te ajja mamatthi kiccaṃ;
เย เกจิเม สาธุนรสฺส ธมฺมา, สเพฺพว เม ปาตุกโรหิ อชฺชา’’ติฯ
Ye kecime sādhunarassa dhammā, sabbeva me pātukarohi ajjā’’ti.
ตตฺถ อสฺสตฺถมาสีนนฺติ ลทฺธสฺสาสํ หุตฺวา นิสินฺนํฯ สเมกฺขิยานาติ ทิสฺวาฯ สาธุนรสฺส ธมฺมาติ นรสฺส สาธุธมฺมา, สุนฺทรธมฺมาติ อโตฺถฯ
Tattha assatthamāsīnanti laddhassāsaṃ hutvā nisinnaṃ. Samekkhiyānāti disvā. Sādhunarassa dhammāti narassa sādhudhammā, sundaradhammāti attho.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต อาห –
Taṃ sutvā mahāsatto āha –
๑๕๖๔.
1564.
‘‘สมุทฺธโฎ ตฺยสฺมิ อหํ ปปาตา, หทเยน เม ยทิ เต อตฺถิ กิจฺจํ;
‘‘Samuddhaṭo tyasmi ahaṃ papātā, hadayena me yadi te atthi kiccaṃ;
เย เกจิเม สาธุนรสฺส ธมฺมา, สเพฺพว เต ปาตุกโรมิ อชฺชา’’ติฯ
Ye kecime sādhunarassa dhammā, sabbeva te pātukaromi ajjā’’ti.
ตตฺถ ตฺยสฺมีติ ตยา อสฺมิฯ
Tattha tyasmīti tayā asmi.
อถ นํ มหาสโตฺต ‘‘กิลิฎฺฐคโตฺตมฺหิ, นฺหายามิ ตาวา’’ติ อาหฯ ยโกฺขปิ ‘‘สาธู’’ติ นฺหาโนทกํ อาหริตฺวา นฺหาตกาเล มหาสตฺตสฺส ทิพฺพทุสฺสคนฺธมาลาทีนิ ทตฺวา อลงฺกตปฺปฎิยตฺตกาเล ทิพฺพโภชนํ อทาสิฯ อถ มหาสโตฺต ภุตฺตโภชโน กาฬาคิริมตฺถกํ อลงฺการาเปตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา พุทฺธลีลาย สาธุนรธมฺมํ เทเสโนฺต คาถมาห –
Atha naṃ mahāsatto ‘‘kiliṭṭhagattomhi, nhāyāmi tāvā’’ti āha. Yakkhopi ‘‘sādhū’’ti nhānodakaṃ āharitvā nhātakāle mahāsattassa dibbadussagandhamālādīni datvā alaṅkatappaṭiyattakāle dibbabhojanaṃ adāsi. Atha mahāsatto bhuttabhojano kāḷāgirimatthakaṃ alaṅkārāpetvā āsanaṃ paññāpetvā alaṅkatadhammāsane nisīditvā buddhalīlāya sādhunaradhammaṃ desento gāthamāha –
๑๕๖๕.
1565.
‘‘ยาตานุยายี จ ภวาหิ มาณว, อลฺลญฺจ ปาณิํ ปริวชฺชยสฺสุ;
‘‘Yātānuyāyī ca bhavāhi māṇava, allañca pāṇiṃ parivajjayassu;
มา จสฺสุ มิเตฺตสุ กทาจิ ทุพฺภี, มา จ วสํ อสตีนํ นิคเจฺฉ’’ติฯ
Mā cassu mittesu kadāci dubbhī, mā ca vasaṃ asatīnaṃ nigacche’’ti.
ตตฺถ อลฺลญฺจ ปาณิํ ปริวชฺชยสฺสูติ อลฺลํ ตินฺตํ ปาณิํ มา ทหิ มา ฌาเปหิฯ
Tattha allañca pāṇiṃ parivajjayassūti allaṃ tintaṃ pāṇiṃ mā dahi mā jhāpehi.
ยโกฺข สํขิเตฺตน ภาสิเต จตฺตาโร สาธุนรธเมฺม พุชฺฌิตุํ อสโกฺกโนฺต วิตฺถาเรน ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –
Yakkho saṃkhittena bhāsite cattāro sādhunaradhamme bujjhituṃ asakkonto vitthārena pucchanto gāthamāha –
๑๕๖๖.
1566.
‘‘กถํ นุ ยาตํ อนุยายิ โหติ, อลฺลญฺจ ปาณิํ ทหเต กถํ โส;
‘‘Kathaṃ nu yātaṃ anuyāyi hoti, allañca pāṇiṃ dahate kathaṃ so;
อสตี จ กา โก ปน มิตฺตทุโพฺภ, อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถ’’นฺติฯ
Asatī ca kā ko pana mittadubbho, akkhāhi me pucchito etamattha’’nti.
มหาสโตฺตปิสฺส กเถสิ –
Mahāsattopissa kathesi –
๑๕๖๗.
1567.
‘‘อสนฺถุตํ โนปิ จ ทิฎฺฐปุพฺพํ, โย อาสเนนาปิ นิมนฺตเยยฺย;
‘‘Asanthutaṃ nopi ca diṭṭhapubbaṃ, yo āsanenāpi nimantayeyya;
ตเสฺสว อตฺถํ ปุริโส กเรยฺย, ยาตานุยายีติ ตมาหุ ปณฺฑิตาฯ
Tasseva atthaṃ puriso kareyya, yātānuyāyīti tamāhu paṇḍitā.
๑๕๖๘.
1568.
‘‘ยเสฺสกรตฺตมฺปิ ฆเร วเสยฺย, ยตฺถนฺนปานํ ปุริโส ลเภยฺย;
‘‘Yassekarattampi ghare vaseyya, yatthannapānaṃ puriso labheyya;
น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, อทุพฺภปาณิํ ทหเต มิตฺตทุโพฺภฯ
Na tassa pāpaṃ manasāpi cintaye, adubbhapāṇiṃ dahate mittadubbho.
๑๕๖๙.
1569.
‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
‘‘Yassa rukkhassa chāyāya, nisīdeyya sayeyya vā;
น ตสฺส สาขํ ภเญฺชยฺย, มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโกฯ
Na tassa sākhaṃ bhañjeyya, mittadubbho hi pāpako.
๑๕๗๐.
1570.
‘‘ปุณฺณมฺปิ เจมํ ปถวิํ ธเนน, ทชฺชิตฺถิยา ปุริโส สมฺมตาย;
‘‘Puṇṇampi cemaṃ pathaviṃ dhanena, dajjitthiyā puriso sammatāya;
ลทฺธา ขณํ อติมเญฺญยฺย ตมฺปิ, ตาสํ วสํ อสตีนํ น คเจฺฉฯ
Laddhā khaṇaṃ atimaññeyya tampi, tāsaṃ vasaṃ asatīnaṃ na gacche.
๑๕๗๑.
1571.
‘‘เอวํ โข ยาตํ อนุยายิ โหติ,
‘‘Evaṃ kho yātaṃ anuyāyi hoti,
อลฺลญฺจ ปาณิํ ทหเต ปุเนวํ;
Allañca pāṇiṃ dahate punevaṃ;
อสตี จ สา โส ปน มิตฺตทุโพฺภ,
Asatī ca sā so pana mittadubbho,
โส ธมฺมิโก โหหิ ชหสฺสุ อธมฺม’’นฺติฯ
So dhammiko hohi jahassu adhamma’’nti.
ตตฺถ อสนฺถุตนฺติ เอกาหทฺวีหมฺปิ เอกโต อวุตฺถปุพฺพํฯ โย อาสเนนาปีติ โย เอวรูปํ ปุคฺคลํ อาสนมเตฺตนปิ นิมนฺตเยยฺย, ปเคว อนฺนปานาทีหิฯ ตเสฺสวาติ ตสฺส ปุพฺพการิสฺส อตฺถํ ปุริโส กโรเตวฯ ยาตานุยายีติ ปุพฺพการิตาย ยาตสฺส ปุคฺคลสฺส อนุยายี ฯ ปฐมํ กโรโนฺต หิ ยายี นาม, ปจฺฉา กโรโนฺต อนุยายี นามาติ เอวํ ปณฺฑิตา กเถนฺติฯ อยํ เทวราช, ปฐโม สาธุนรธโมฺมฯ อทุพฺภปาณินฺติ อทุพฺภกํ อตฺตโน ภุญฺชนหตฺถเมว ทหโนฺต หิ มิตฺตทุพฺภี นาม โหติฯ อิติ อลฺลหตฺถสฺส อชฺฌาปนํ นาม อยํ ทุติโย สาธุนรธโมฺมฯ น ตสฺสาติ ตสฺส สาขํ วา ปตฺตํ วา น ภเญฺชยฺยฯ กิํการณา? มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโกฯ อิติ ปริภุตฺตจฺฉายสฺส อเจตนสฺส รุกฺขสฺสปิ ปาปํ กโรโนฺต มิตฺตทุพฺภี นาม โหติ, กิมงฺคํ ปน มนุสฺสภูตสฺสาติฯ เอวํ มิเตฺตสุ อทุพฺภนํ นาม อยํ ตติโย สาธุนรธโมฺมฯ ทชฺชิตฺถิยาติ ทเทยฺย อิตฺถิยาฯ สมฺมตายาติ ‘‘อหเมว ตสฺสา ปิโย, น อโญฺญ, มเญฺญว สา อิจฺฉตี’’ติ เอวํ สุฎฺฐุ มตายฯ ลทฺธา ขณนฺติ อติจารสฺส โอกาสํ ลภิตฺวาฯ อสตีนนฺติ อสทฺธมฺมสมนฺนาคตานํ อิตฺถีนํฯ อิติ มาตุคามํ นิสฺสาย ปาปสฺส อกรณํ นาม อยํ จตุโตฺถ สาธุนรธโมฺมฯ โส ธมฺมิโก โหหีติ เทวราช, โส ตฺวํ อิเมหิ จตูหิ สาธุนรธเมฺมหิ ยุโตฺต โหหีติฯ
Tattha asanthutanti ekāhadvīhampi ekato avutthapubbaṃ. Yo āsanenāpīti yo evarūpaṃ puggalaṃ āsanamattenapi nimantayeyya, pageva annapānādīhi. Tassevāti tassa pubbakārissa atthaṃ puriso karoteva. Yātānuyāyīti pubbakāritāya yātassa puggalassa anuyāyī . Paṭhamaṃ karonto hi yāyī nāma, pacchā karonto anuyāyī nāmāti evaṃ paṇḍitā kathenti. Ayaṃ devarāja, paṭhamo sādhunaradhammo. Adubbhapāṇinti adubbhakaṃ attano bhuñjanahatthameva dahanto hi mittadubbhī nāma hoti. Iti allahatthassa ajjhāpanaṃ nāma ayaṃ dutiyo sādhunaradhammo. Na tassāti tassa sākhaṃ vā pattaṃ vā na bhañjeyya. Kiṃkāraṇā? Mittadubbho hi pāpako. Iti paribhuttacchāyassa acetanassa rukkhassapi pāpaṃ karonto mittadubbhī nāma hoti, kimaṅgaṃ pana manussabhūtassāti. Evaṃ mittesu adubbhanaṃ nāma ayaṃ tatiyo sādhunaradhammo. Dajjitthiyāti dadeyya itthiyā. Sammatāyāti ‘‘ahameva tassā piyo, na añño, maññeva sā icchatī’’ti evaṃ suṭṭhu matāya. Laddhā khaṇanti aticārassa okāsaṃ labhitvā. Asatīnanti asaddhammasamannāgatānaṃ itthīnaṃ. Iti mātugāmaṃ nissāya pāpassa akaraṇaṃ nāma ayaṃ catuttho sādhunaradhammo. So dhammiko hohīti devarāja, so tvaṃ imehi catūhi sādhunaradhammehi yutto hohīti.
เอวํ มหาสโตฺต ยกฺขสฺส จตฺตาโร สาธุนรธเมฺม พุทฺธลีลาย กเถสิฯ
Evaṃ mahāsatto yakkhassa cattāro sādhunaradhamme buddhalīlāya kathesi.
สาธุนรธมฺมกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Sādhunaradhammakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
กาฬาคิริกณฺฑํ
Kāḷāgirikaṇḍaṃ
เต ธเมฺม สุณโนฺตเยว ปุณฺณโก สลฺลเกฺขสิ ‘‘จตูสุปิ ฐาเนสุ ปณฺฑิโต อตฺตโน ชีวิตเมว ยาจติ, อยํ โข มยฺหํ ปุเพฺพ อสนฺถุตเสฺสว สกฺการมกาสิ, อหมสฺส นิเวสเน ตีหํ มหนฺตํ ยสํ อนุภวโนฺต วสิํ, อหญฺจิมํ ปาปกมฺมํ กโรโนฺต มาตุคามํ นิสฺสาย กโรมิ, สพฺพถาปิ อหเมว มิตฺตทุพฺภีฯ สเจ ปณฺฑิตํ อปรชฺฌามิ, น สาธุนรธเมฺม วตฺติสฺสามิ นาม, ตสฺมา กิํ เม นาคมาณวิกาย, อินฺทปตฺถนครวาสีนํ อสฺสุมุขานิ หาเสโนฺต อิมํ เวเคน ตตฺถ เนตฺวา ธมฺมสภายํ โอตาเรสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Te dhamme suṇantoyeva puṇṇako sallakkhesi ‘‘catūsupi ṭhānesu paṇḍito attano jīvitameva yācati, ayaṃ kho mayhaṃ pubbe asanthutasseva sakkāramakāsi, ahamassa nivesane tīhaṃ mahantaṃ yasaṃ anubhavanto vasiṃ, ahañcimaṃ pāpakammaṃ karonto mātugāmaṃ nissāya karomi, sabbathāpi ahameva mittadubbhī. Sace paṇḍitaṃ aparajjhāmi, na sādhunaradhamme vattissāmi nāma, tasmā kiṃ me nāgamāṇavikāya, indapatthanagaravāsīnaṃ assumukhāni hāsento imaṃ vegena tattha netvā dhammasabhāyaṃ otāressāmī’’ti cintetvā gāthamāha –
๑๕๗๒.
1572.
‘‘อวสิํ อหํ ตุยฺห ตีหํ อคาเร, อเนฺนน ปาเนน อุปฎฺฐิโตสฺมิ;
‘‘Avasiṃ ahaṃ tuyha tīhaṃ agāre, annena pānena upaṭṭhitosmi;
มิโตฺต มมาสี วิสชฺชามหํ ตํ, กามํ ฆรํ อุตฺตมปญฺญ คจฺฉฯ
Mitto mamāsī visajjāmahaṃ taṃ, kāmaṃ gharaṃ uttamapañña gaccha.
๑๕๗๓.
1573.
อปิ หายตุ นาคกุลา อโตฺถ, อลมฺปิ เม นาคกญฺญาย โหตุ;
Api hāyatu nāgakulā attho, alampi me nāgakaññāya hotu;
โส ตฺวํ สเกเนว สุภาสิเตน, มุโตฺตสิ เม อชฺช วธาย ปญฺญา’’ติฯ
So tvaṃ sakeneva subhāsitena, muttosi me ajja vadhāya paññā’’ti.
ตตฺถ อุปฎฺฐิโตสฺมีติ ตยา อุปฎฺฐิโตสฺมิฯ วิสชฺชามหํ ตนฺติ วิสฺสเชฺชมิ อหํ ตํฯ กามนฺติ เอกํเสนฯ วธายาติ วธโตฯ ปญฺญาติ ปญฺญวนฺตฯ
Tattha upaṭṭhitosmīti tayā upaṭṭhitosmi. Visajjāmahaṃ tanti vissajjemi ahaṃ taṃ. Kāmanti ekaṃsena. Vadhāyāti vadhato. Paññāti paññavanta.
อถ นํ มหาสโตฺต ‘‘มาณว, ตฺวํ ตาว มํ อตฺตโน ฆรํ มา เปเสหิ, นาคภวนเมว มํ เนหี’’ติ วทโนฺต คาถมาห –
Atha naṃ mahāsatto ‘‘māṇava, tvaṃ tāva maṃ attano gharaṃ mā pesehi, nāgabhavanameva maṃ nehī’’ti vadanto gāthamāha –
๑๕๗๔.
1574.
‘‘หนฺท ตุวํ ยกฺข มมมฺปิ เนหิ, สสุรํ เต อตฺถํ มยิ จรสฺสุ;
‘‘Handa tuvaṃ yakkha mamampi nehi, sasuraṃ te atthaṃ mayi carassu;
มยญฺจ นาคาธิปติํ วิมานํ, ทเกฺขมุ นาคสฺส อทิฎฺฐปุพฺพ’’นฺติฯ
Mayañca nāgādhipatiṃ vimānaṃ, dakkhemu nāgassa adiṭṭhapubba’’nti.
ตตฺถ หนฺทาติ ววสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ สสุรํ เต อตฺถํ มยิ จรสฺสูติ ตว สสุรสฺส สนฺตกํ อตฺถํ มยิ จร มา นาเสหิฯ นาคาธิปติํ วิมานนฺติ อหมฺปิ นาคาธิปติญฺจ วิมานญฺจสฺส อทิฎฺฐปุพฺพํ ปเสฺสยฺยํฯ
Tattha handāti vavassaggatthe nipāto. Sasuraṃ te atthaṃ mayi carassūti tava sasurassa santakaṃ atthaṃ mayi cara mā nāsehi. Nāgādhipatiṃ vimānanti ahampi nāgādhipatiñca vimānañcassa adiṭṭhapubbaṃ passeyyaṃ.
ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก อาห –
Taṃ sutvā puṇṇako āha –
๑๕๗๕.
1575.
‘‘ยํ เว นรสฺส อหิตาย อสฺส, น ตํ ปโญฺญ อรหติ ทสฺสนาย;
‘‘Yaṃ ve narassa ahitāya assa, na taṃ pañño arahati dassanāya;
อถ เกน วเณฺณน อมิตฺตคามํ, ตุวมิจฺฉสิ อุตฺตมปญฺญ คนฺตุ’’นฺติฯ
Atha kena vaṇṇena amittagāmaṃ, tuvamicchasi uttamapañña gantu’’nti.
ตตฺถ อมิตฺตคามนฺติ อมิตฺตสฺส วสนฎฺฐานํ, อมิตฺตสมาคมนฺติ อโตฺถฯ
Tattha amittagāmanti amittassa vasanaṭṭhānaṃ, amittasamāgamanti attho.
อถ นํ มหาสโตฺต อาห –
Atha naṃ mahāsatto āha –
๑๕๗๖.
1576.
‘‘อทฺธา ปชานามิ อหมฺปิ เอตํ, น ตํ ปโญฺญ อรหติ ทสฺสนาย;
‘‘Addhā pajānāmi ahampi etaṃ, na taṃ pañño arahati dassanāya;
ปาปญฺจ เม นตฺถิ กตํ กุหิญฺจิ, ตสฺมา น สเงฺก มรณาคมายา’’ติฯ
Pāpañca me natthi kataṃ kuhiñci, tasmā na saṅke maraṇāgamāyā’’ti.
ตตฺถ มรณาคมายาติ มรณสฺส อาคมายฯ
Tattha maraṇāgamāyāti maraṇassa āgamāya.
อปิจ , เทวราช, ตาทิโส ยโกฺข กกฺขโฬ มยา ธมฺมกถาย ปโลเภตฺวา มุทุกโต, อิทาเนว มํ ‘‘อลํ เม นาคมาณวิกาย, อตฺตโน ฆรํ ยาหี’’ติ วเทสิ, นาคราชสฺส มุทุกรณํ มม ภาโร, เนหิเยว มํ ตตฺถาติฯ ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา ปุณฺณโก ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตุฎฺฐจิโตฺต อาห –
Apica , devarāja, tādiso yakkho kakkhaḷo mayā dhammakathāya palobhetvā mudukato, idāneva maṃ ‘‘alaṃ me nāgamāṇavikāya, attano gharaṃ yāhī’’ti vadesi, nāgarājassa mudukaraṇaṃ mama bhāro, nehiyeva maṃ tatthāti. Tassa taṃ vacanaṃ sutvā puṇṇako ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tuṭṭhacitto āha –
๑๕๗๗.
1577.
‘‘หนฺท จ ฐานํ อตุลานุภาวํ, มยา สห ทกฺขสิ เอหิ กเตฺต;
‘‘Handa ca ṭhānaṃ atulānubhāvaṃ, mayā saha dakkhasi ehi katte;
ยตฺถจฺฉติ นจฺจคีเตหิ นาโค, ราชา ยถา เวสฺสวโณ นฬิญฺญํฯ
Yatthacchati naccagītehi nāgo, rājā yathā vessavaṇo naḷiññaṃ.
๑๕๗๘.
1578.
‘‘นํ นาคกญฺญา จริตํ คเณน, นิกีฬิตํ นิจฺจมโห จ รตฺติํ;
‘‘Naṃ nāgakaññā caritaṃ gaṇena, nikīḷitaṃ niccamaho ca rattiṃ;
ปหูตมาลฺยํ พหุปุปฺผฉนฺนํ, โอภาสตี วิชฺชุริวนฺตลิเกฺขฯ
Pahūtamālyaṃ bahupupphachannaṃ, obhāsatī vijjurivantalikkhe.
๑๕๗๙.
1579.
‘‘อเนฺนน ปาเนน อุเปตรูปํ, นเจฺจหิ คีเตหิ จ วาทิเตหิ;
‘‘Annena pānena upetarūpaṃ, naccehi gītehi ca vāditehi;
ปริปูรํ กญฺญาหิ อลงฺกตาหิ, อุปโสภติ วตฺถปิลนฺธเนนา’’ติฯ
Paripūraṃ kaññāhi alaṅkatāhi, upasobhati vatthapilandhanenā’’ti.
ตตฺถ หนฺท จาติ นิปาตมตฺตเมวฯ ฐานนฺติ นาคราชสฺส วสนฎฺฐานํฯ นฬิญฺญนฺติ นฬินิยํ นาม ราชธานิยํฯ จริตํ คเณนาติ ตํ นาคกญฺญานํ คเณน จริตํฯ นิกีฬิตนฺติ นิจฺจํ อโห จ รตฺติญฺจ นาคกญฺญาหิ กีฬิตานุกีฬิตํฯ
Tattha handa cāti nipātamattameva. Ṭhānanti nāgarājassa vasanaṭṭhānaṃ. Naḷiññanti naḷiniyaṃ nāma rājadhāniyaṃ. Caritaṃ gaṇenāti taṃ nāgakaññānaṃ gaṇena caritaṃ. Nikīḷitanti niccaṃ aho ca rattiñca nāgakaññāhi kīḷitānukīḷitaṃ.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ปุณฺณโก มหาสตฺตํ อสฺสปิฎฺฐํ อาโรเปตฺวา ตตฺถ เนสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evañca pana vatvā puṇṇako mahāsattaṃ assapiṭṭhaṃ āropetvā tattha nesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๕๘๐.
1580.
‘‘โส ปุณฺณโก กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐํ, นิสีทยี ปจฺฉโต อาสนสฺมิํ;
‘‘So puṇṇako kurūnaṃ kattuseṭṭhaṃ, nisīdayī pacchato āsanasmiṃ;
อาทาย กตฺตารมโนมปญฺญํ, อุปานยี ภวนํ นาครโญฺญฯ
Ādāya kattāramanomapaññaṃ, upānayī bhavanaṃ nāgarañño.
๑๕๘๑.
1581.
‘‘ปตฺวาน ฐานํ อตุลานุภาวํ, อฎฺฐาสิ กตฺตา ปจฺฉโต ปุณฺณกสฺส;
‘‘Patvāna ṭhānaṃ atulānubhāvaṃ, aṭṭhāsi kattā pacchato puṇṇakassa;
สามคฺคิเปกฺขมาโน นาคราชา, ปุเพฺพว ชามาตรมชฺฌภาสถา’’ติฯ
Sāmaggipekkhamāno nāgarājā, pubbeva jāmātaramajjhabhāsathā’’ti.
ตตฺถ โส ปุณฺณโกติ ภิกฺขเว, โส เอวํ นาคภวนํ วเณฺณตฺวา ปณฺฑิตํ อตฺตโน อาชญฺญํ อาโรเปตฺวา นาคภวนํ เนสิฯ ฐานนฺติ นาคราชสฺส วสนฎฺฐานํฯ ปจฺฉโต ปุณฺณกสฺสาติ ปุณฺณกสฺส กิร เอตทโหสิ ‘‘สเจ นาคราชา ปณฺฑิตํ ทิสฺวา มุทุจิโตฺต ภวิสฺสติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ, ตสฺส ตํ อปสฺสนฺตเสฺสว สินฺธวํ อาโรเปตฺวา อาทาย คมิสฺสามี’’ติฯ อถ นํ ปจฺฉโต ฐเปสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉโต ปุณฺณกสฺสา’’ติฯ สามคฺคิเปกฺขมาโนติ สามคฺคิํ อเปกฺขมาโนฯ ‘‘สามํ อเปกฺขี’’ติปิ ปาโฐ, อตฺตโน ชามาตรํ ปสฺสิตฺวา ปฐมตรํ สยเมว อชฺฌภาสถาติ อโตฺถฯ
Tattha sopuṇṇakoti bhikkhave, so evaṃ nāgabhavanaṃ vaṇṇetvā paṇḍitaṃ attano ājaññaṃ āropetvā nāgabhavanaṃ nesi. Ṭhānanti nāgarājassa vasanaṭṭhānaṃ. Pacchato puṇṇakassāti puṇṇakassa kira etadahosi ‘‘sace nāgarājā paṇḍitaṃ disvā muducitto bhavissati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce, tassa taṃ apassantasseva sindhavaṃ āropetvā ādāya gamissāmī’’ti. Atha naṃ pacchato ṭhapesi. Tena vuttaṃ ‘‘pacchato puṇṇakassā’’ti. Sāmaggipekkhamānoti sāmaggiṃ apekkhamāno. ‘‘Sāmaṃ apekkhī’’tipi pāṭho, attano jāmātaraṃ passitvā paṭhamataraṃ sayameva ajjhabhāsathāti attho.
นาคราชา อาห –
Nāgarājā āha –
๑๕๘๒.
1582.
‘‘ยนฺนุ ตุวํ อคมา มจฺจโลกํ, อเนฺวสมาโน หทยํ ปณฺฑิตสฺส;
‘‘Yannu tuvaṃ agamā maccalokaṃ, anvesamāno hadayaṃ paṇḍitassa;
กจฺจิ สมิเทฺธน อิธานุปโตฺต, อาทาย กตฺตารมโนมปญฺญ’’นฺติฯ
Kacci samiddhena idhānupatto, ādāya kattāramanomapañña’’nti.
ตตฺถ กจฺจิ สมิเทฺธนาติ กจฺจิ เต มโนรเถน สมิเทฺธน นิปฺผเนฺนน อิธาคโตสีติ ปุจฺฉติฯ
Tattha kacci samiddhenāti kacci te manorathena samiddhena nipphannena idhāgatosīti pucchati.
ปุณฺณโก อาห –
Puṇṇako āha –
๑๕๘๓.
1583.
‘‘อยญฺหิ โส อาคโต ยํ ตฺวมิจฺฉสิ, ธเมฺมน ลโทฺธ มม ธมฺมปาโล;
‘‘Ayañhi so āgato yaṃ tvamicchasi, dhammena laddho mama dhammapālo;
ตํ ปสฺสถ สมฺมุขา ภาสมานํ, สุโข หเว สปฺปุริเสหิ สงฺคโม’’ติฯ
Taṃ passatha sammukhā bhāsamānaṃ, sukho have sappurisehi saṅgamo’’ti.
ตตฺถ ยํ ตฺวมิจฺฉสีติ ยํ ตฺวํ อิจฺฉสิฯ ‘‘ยนฺตุ มิจฺฉสี’’ติปิ ปาโฐฯ สมฺมุขา ภาสมานนฺติ ตํ โลกสกฺกตํ ธมฺมปาลํ อิทานิ มธุเรน สเรน ธมฺมํ ภาสมานํ สมฺมุขาว ปสฺสถ, สปฺปุริเสหิ เอกฎฺฐาเน สมาคโม หิ นาม สุโข โหตีติฯ
Tattha yaṃ tvamicchasīti yaṃ tvaṃ icchasi. ‘‘Yantu micchasī’’tipi pāṭho. Sammukhā bhāsamānanti taṃ lokasakkataṃ dhammapālaṃ idāni madhurena sarena dhammaṃ bhāsamānaṃ sammukhāva passatha, sappurisehi ekaṭṭhāne samāgamo hi nāma sukho hotīti.
กาฬาคิริกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Kāḷāgirikaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
ตโต นาคราชา มหาสตฺตํ ทิสฺวา คาถมาห –
Tato nāgarājā mahāsattaṃ disvā gāthamāha –
๑๕๘๔.
1584.
‘‘อทิฎฺฐปุพฺพํ ทิสฺวาน, มโจฺจ มจฺจุภยฎฺฎิโต;
‘‘Adiṭṭhapubbaṃ disvāna, macco maccubhayaṭṭito;
พฺยมฺหิโต นาภิวาเทสิ, นยิทํ ปญฺญวตามิวา’’ติฯ
Byamhito nābhivādesi, nayidaṃ paññavatāmivā’’ti.
ตตฺถ พฺยมฺหิโตติ ภีโตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปณฺฑิต, ตฺวํ อทิฎฺฐปุพฺพํ นาคภวนํ ทิสฺวา มรณภเยน อฎฺฎิโต ภีโต หุตฺวา ยํ มํ นาภิวาเทสิ, อิทํ การณํ ปญฺญวนฺตานํ น โหตีติฯ
Tattha byamhitoti bhīto. Idaṃ vuttaṃ hoti – paṇḍita, tvaṃ adiṭṭhapubbaṃ nāgabhavanaṃ disvā maraṇabhayena aṭṭito bhīto hutvā yaṃ maṃ nābhivādesi, idaṃ kāraṇaṃ paññavantānaṃ na hotīti.
เอวํ วนฺทนํ ปจฺจาสีสนฺตํ นาคราชานํ มหาสโตฺต ‘‘น ตฺวํ มยา วนฺทิตโพฺพ’’ติ อวตฺวาว อตฺตโน ญาณวนฺตตาย อุปายโกสเลฺลน ‘‘อหํ วชฺฌปฺปตฺตภาเวน นํ ตํ วนฺทามี’’ติ วทโนฺต คาถาทฺวยมาห –
Evaṃ vandanaṃ paccāsīsantaṃ nāgarājānaṃ mahāsatto ‘‘na tvaṃ mayā vanditabbo’’ti avatvāva attano ñāṇavantatāya upāyakosallena ‘‘ahaṃ vajjhappattabhāvena naṃ taṃ vandāmī’’ti vadanto gāthādvayamāha –
๑๕๘๕.
1585.
‘‘น จมฺหิ พฺยมฺหิโต นาค, น จ มจฺจุภยฎฺฎิโต;
‘‘Na camhi byamhito nāga, na ca maccubhayaṭṭito;
น วโชฺฌ อภิวาเทยฺย, วชฺฌํ วา นาภิวาทเยฯ
Na vajjho abhivādeyya, vajjhaṃ vā nābhivādaye.
๑๕๘๖.
1586.
‘‘กถํ โน อภิวาเทยฺย, อภิวาทาปเยถ เว;
‘‘Kathaṃ no abhivādeyya, abhivādāpayetha ve;
ยํ นโร หนฺตุมิเจฺฉยฺย, ตํ กมฺมํ นุปปชฺชตี’’ติฯ
Yaṃ naro hantumiccheyya, taṃ kammaṃ nupapajjatī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – เนวาหํ, นาคราช, อทิฎฺฐปุพฺพํ นาคภวนํ ทิสฺวา ภีโต, น มรณภยฎฺฎิโตฯ มาทิสสฺส หิ มรณภยํ นาม นตฺถิ, วโชฺฌ ปน อภิวาเทตุํ, วชฺฌํ วา อวโชฺฌปิ อภิวาทาเปตุํ น ลภติฯ ยญฺหิ นโร หนฺตุมิเจฺฉยฺย, โส ตํ กถํ นุ อภิวาเทยฺย, กถํ วา เตน อตฺตานํ อภิวาทาปเยถ เวฯ ตสฺส หิ ตํ กมฺมํ น อุปปชฺชติฯ ตฺวญฺจ กิร มํ มาราเปตุํ อิมํ อาณาเปสิ, กถาหํ ตํ วนฺทาธีติฯ
Tassattho – nevāhaṃ, nāgarāja, adiṭṭhapubbaṃ nāgabhavanaṃ disvā bhīto, na maraṇabhayaṭṭito. Mādisassa hi maraṇabhayaṃ nāma natthi, vajjho pana abhivādetuṃ, vajjhaṃ vā avajjhopi abhivādāpetuṃ na labhati. Yañhi naro hantumiccheyya, so taṃ kathaṃ nu abhivādeyya, kathaṃ vā tena attānaṃ abhivādāpayetha ve. Tassa hi taṃ kammaṃ na upapajjati. Tvañca kira maṃ mārāpetuṃ imaṃ āṇāpesi, kathāhaṃ taṃ vandādhīti.
ตํ สุตฺวา นาคราชา มหาสตฺตสฺส ถุติํ กโรโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā nāgarājā mahāsattassa thutiṃ karonto dve gāthā abhāsi –
๑๕๘๗.
1587.
‘‘เอวเมตํ ยถา พฺรูสิ, สจฺจํ ภาสสิ ปณฺฑิต;
‘‘Evametaṃ yathā brūsi, saccaṃ bhāsasi paṇḍita;
น วโชฺฌ อภิวาเทยฺย, วชฺฌํ วา นาภิวาทเยฯ
Na vajjho abhivādeyya, vajjhaṃ vā nābhivādaye.
๑๕๘๘.
1588.
กถํ โน อภิวาเทยฺย, อภิวาทาปเยถ เว;
Kathaṃ no abhivādeyya, abhivādāpayetha ve;
ยํ นโร หนฺตุมิเจฺฉยฺย, ตํ กมฺมํ นุปปชฺชตี’’ติฯ
Yaṃ naro hantumiccheyya, taṃ kammaṃ nupapajjatī’’ti.
อิทานิ มหาสโตฺต นาคราเชน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต อาห –
Idāni mahāsatto nāgarājena saddhiṃ paṭisanthāraṃ karonto āha –
๑๕๘๙.
1589.
‘‘อสสฺสตํ สสฺสตํ นุ ตวยิทํ, อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ;
‘‘Asassataṃ sassataṃ nu tavayidaṃ, iddhī jutī balavīriyūpapatti;
ปุจฺฉามิ ตํ นาคราเชตมตฺถํ, กถํ นุ เต ลทฺธมิทํ วิมานํฯ
Pucchāmi taṃ nāgarājetamatthaṃ, kathaṃ nu te laddhamidaṃ vimānaṃ.
๑๕๙๐.
1590.
‘‘อธิจฺจลทฺธํ ปริณามชํ เต, สยํกตํ อุทาหุ เทเวหิ ทินฺนํ;
‘‘Adhiccaladdhaṃ pariṇāmajaṃ te, sayaṃkataṃ udāhu devehi dinnaṃ;
อกฺขาหิ เม นาคราเชตมตฺถํ, ยเถว เต ลทฺธมิทํ วิมาน’’นฺติฯ
Akkhāhi me nāgarājetamatthaṃ, yatheva te laddhamidaṃ vimāna’’nti.
ตตฺถ ตวยิทนฺติ อิทํ ตว ยสชาตํ, วิมานํ วา อสสฺสตํ สสฺสตสทิสํ, ‘‘มา โข ยสํ นิสฺสาย ปาปมกาสี’’ติ อิมินา ปเทน อตฺตโน ชีวิตํ ยาจติฯ อิทฺธีติ นาคอิทฺธิ จ นาคชุติ จ กายพลญฺจ เจตสิกวีริยญฺจ นาคภวเน อุปปตฺติ จ ยญฺจ เต อิทํ วิมานํ, ปุจฺฉามิ ตํ นาคราช, เอตมตฺถํ, กถํ นุ เต อิทํ สพฺพํ ลทฺธนฺติฯ อธิจฺจลทฺธนฺติ กิํ นุ ตยา อิทํ วิมานํ เอวํ สมฺปนฺนํ อธิจฺจ อการเณน ลทฺธํ, อุทาหุ อุตุปริณามชํ เต อิทํ, อุทาหุ สยํ สหเตฺถเนว กตํ, อุทาหุ เทเวหิ เต ทินฺนํ, ยเถว เต อิทํ ลทฺธํ, เอตํ เม อตฺถํ อกฺขาหีติฯ
Tattha tavayidanti idaṃ tava yasajātaṃ, vimānaṃ vā asassataṃ sassatasadisaṃ, ‘‘mā kho yasaṃ nissāya pāpamakāsī’’ti iminā padena attano jīvitaṃ yācati. Iddhīti nāgaiddhi ca nāgajuti ca kāyabalañca cetasikavīriyañca nāgabhavane upapatti ca yañca te idaṃ vimānaṃ, pucchāmi taṃ nāgarāja, etamatthaṃ, kathaṃ nu te idaṃ sabbaṃ laddhanti. Adhiccaladdhanti kiṃ nu tayā idaṃ vimānaṃ evaṃ sampannaṃ adhicca akāraṇena laddhaṃ, udāhu utupariṇāmajaṃ te idaṃ, udāhu sayaṃ sahattheneva kataṃ, udāhu devehi te dinnaṃ, yatheva te idaṃ laddhaṃ, etaṃ me atthaṃ akkhāhīti.
ตํ สุตฺวา นาคราชา อาห –
Taṃ sutvā nāgarājā āha –
๑๕๙๑.
1591.
‘‘นาธิจฺจลทฺธํ น ปริณามชํ เม, น สยํกตํ นาปิ เทเวหิ ทินฺนํ;
‘‘Nādhiccaladdhaṃ na pariṇāmajaṃ me, na sayaṃkataṃ nāpi devehi dinnaṃ;
สเกหิ กเมฺมหิ อปาปเกหิ, ปุเญฺญหิ เม ลทฺธมิทํ วิมาน’’นฺติฯ
Sakehi kammehi apāpakehi, puññehi me laddhamidaṃ vimāna’’nti.
ตตฺถ อปาปเกหีติ อลามเกหิฯ
Tattha apāpakehīti alāmakehi.
ตโต มหาสโตฺต อาห –
Tato mahāsatto āha –
๑๕๙๒.
1592.
‘‘กิํ เต วตํ กิํ ปน พฺรหฺมจริยํ, กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
‘‘Kiṃ te vataṃ kiṃ pana brahmacariyaṃ, kissa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ, อิทญฺจ เต นาค มหาวิมาน’’นฺติฯ
Iddhī jutī balavīriyūpapatti, idañca te nāga mahāvimāna’’nti.
ตตฺถ กิํ เต วตนฺติ นาคราช, ปุริมภเว ตว กิํ วตํ อโหสิ, โก ปน พฺรหฺมจริยวาโส, กตรสฺส สุจริตเสฺสเวส อิทฺธิอาทิโก วิปาโกติฯ
Tattha kiṃ te vatanti nāgarāja, purimabhave tava kiṃ vataṃ ahosi, ko pana brahmacariyavāso, katarassa sucaritassevesa iddhiādiko vipākoti.
ตํ สุตฺวา นาคราชา อาห –
Taṃ sutvā nāgarājā āha –
๑๕๙๓.
1593.
‘‘อหญฺจ ภริยา จ มนุสฺสโลเก, สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;
‘‘Ahañca bhariyā ca manussaloke, saddhā ubho dānapatī ahumhā;
โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ, สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จฯ
Opānabhūtaṃ me gharaṃ tadāsi, santappitā samaṇabrāhmaṇā ca.
๑๕๙๔.
1594.
‘‘มาลญฺจ คนฺธญฺจ วิเลปนญฺจ, ปทีปิยํ เสยฺยมุปสฺสยญฺจ;
‘‘Mālañca gandhañca vilepanañca, padīpiyaṃ seyyamupassayañca;
อจฺฉาทนํ สายนมนฺนปานํ, สกฺกจฺจ ทานานิ อทมฺห ตตฺถฯ
Acchādanaṃ sāyanamannapānaṃ, sakkacca dānāni adamha tattha.
๑๕๙๕.
1595.
‘‘ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ, ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
‘‘Taṃ me vataṃ taṃ pana brahmacariyaṃ, tassa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ, อิทญฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติฯ
Iddhī jutī balavīriyūpapatti, idañca me dhīra mahāvimāna’’nti.
ตตฺถ มนุสฺสโลเกติ องฺครเฎฺฐ กาลจมฺปานคเรฯ ตํ เม วตนฺติ ตํ สกฺกจฺจํ ทินฺนทานเมว มยฺหํ วตฺตสมาทานญฺจ พฺรหฺมจริยญฺจ อโหสิ, ตเสฺสว สุจริตสฺส อยํ อิทฺธาทิโก วิปาโกติฯ
Tattha manussaloketi aṅgaraṭṭhe kālacampānagare. Taṃ me vatanti taṃ sakkaccaṃ dinnadānameva mayhaṃ vattasamādānañca brahmacariyañca ahosi, tasseva sucaritassa ayaṃ iddhādiko vipākoti.
มหาสโตฺต อาห –
Mahāsatto āha –
๑๕๙๖.
1596.
‘‘เอวํ เจ เต ลทฺธมิทํ วิมานํ, ชานาสิ ปุญฺญานํ ผลูปปตฺติํ;
‘‘Evaṃ ce te laddhamidaṃ vimānaṃ, jānāsi puññānaṃ phalūpapattiṃ;
ตสฺมา หิ ธมฺมํ จร อปฺปมโตฺต, ยถา วิมานํ ปุน มาวเสสี’’ติฯ
Tasmā hi dhammaṃ cara appamatto, yathā vimānaṃ puna māvasesī’’ti.
ตตฺถ ชานาสีติ สเจ ตยา ทานานุภาเวน ตํ ลทฺธํ, เอวํ สเนฺต ชานาสิ นาม ปุญฺญานํ ผลญฺจ ปุญฺญผเลน นิพฺพตฺตํ อุปปตฺติญฺจฯ ตสฺมา หีติ ยสฺมา ปุเญฺญหิ ตยา อิทํ ลทฺธํ, ตสฺมาฯ ปุน มาวเสสีติ ปุนปิ ยถา อิมํ นาคภวนํ อชฺฌาวสสิ, เอวํ ธมฺมํ จรฯ
Tattha jānāsīti sace tayā dānānubhāvena taṃ laddhaṃ, evaṃ sante jānāsi nāma puññānaṃ phalañca puññaphalena nibbattaṃ upapattiñca. Tasmā hīti yasmā puññehi tayā idaṃ laddhaṃ, tasmā. Puna māvasesīti punapi yathā imaṃ nāgabhavanaṃ ajjhāvasasi, evaṃ dhammaṃ cara.
ตํ สุตฺวา นาคราชา อาห –
Taṃ sutvā nāgarājā āha –
๑๕๙๗.
1597.
‘‘นยิธ สนฺติ สมณพฺราหฺมณา จ, เยสนฺนปานานิ ทเทมุ กเตฺต;
‘‘Nayidha santi samaṇabrāhmaṇā ca, yesannapānāni dademu katte;
อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถํ, ยถา วิมานํ ปุน มาวเสมา’’ติฯ
Akkhāhi me pucchito etamatthaṃ, yathā vimānaṃ puna māvasemā’’ti.
มหาสโตฺต อาห –
Mahāsatto āha –
๑๕๙๘.
1598.
‘‘โภคี หิ เต สนฺติ อิธูปปนฺนา, ปุตฺตา จ ทารา อนุชีวิโน จ;
‘‘Bhogī hi te santi idhūpapannā, puttā ca dārā anujīvino ca;
เตสุ ตุวํ วจสา กมฺมุนา จ, อสมฺปทุโฎฺฐ จ ภวาหิ นิจฺจํฯ
Tesu tuvaṃ vacasā kammunā ca, asampaduṭṭho ca bhavāhi niccaṃ.
๑๕๙๙.
1599.
‘‘เอวํ ตุวํ นาค อสมฺปโทสํ, อนุปาลย วจสา กมฺมุนา จ;
‘‘Evaṃ tuvaṃ nāga asampadosaṃ, anupālaya vacasā kammunā ca;
ฐตฺวา อิธ ยาวตายุกํ วิมาเน, อุทฺธํ อิโต คจฺฉสิ เทวโลก’’นฺติฯ
Ṭhatvā idha yāvatāyukaṃ vimāne, uddhaṃ ito gacchasi devaloka’’nti.
ตตฺถ โภคีติ โภคิโน, นาคาติ อโตฺถฯ เตสูติ เตสุ ปุตฺตทาราทีสุ โภคีสุ วาจาย กเมฺมน จ นิจฺจํ อสมฺปทุโฎฺฐ ภวฯ อนุปาลยาติ เอวํ ปุตฺตาทีสุ เจว เสสสเตฺตสุ จ เมตฺตจิตฺตสงฺขาตํ อสมฺปโทสํ อนุรกฺขฯ อุทฺธํ อิโตติ อิโต นาคภวนโต จุโต อุปริเทวโลกํ คมิสฺสติฯ เมตฺตจิตฺตญฺหิ ทานโต อติเรกตรํ ปุญฺญนฺติฯ
Tattha bhogīti bhogino, nāgāti attho. Tesūti tesu puttadārādīsu bhogīsu vācāya kammena ca niccaṃ asampaduṭṭho bhava. Anupālayāti evaṃ puttādīsu ceva sesasattesu ca mettacittasaṅkhātaṃ asampadosaṃ anurakkha. Uddhaṃ itoti ito nāgabhavanato cuto uparidevalokaṃ gamissati. Mettacittañhi dānato atirekataraṃ puññanti.
ตโต นาคราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘น สกฺกา ปณฺฑิเตน พหิ ปปญฺจํ กาตุํ, วิมลาย ทเสฺสตฺวา สุภาสิตํ สาเวตฺวา โทหฬํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตฺวา ธนญฺจยราชานํ หาเสโนฺต ปณฺฑิตํ เปเสตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Tato nāgarājā mahāsattassa dhammakathaṃ sutvā ‘‘na sakkā paṇḍitena bahi papañcaṃ kātuṃ, vimalāya dassetvā subhāsitaṃ sāvetvā dohaḷaṃ paṭippassambhetvā dhanañcayarājānaṃ hāsento paṇḍitaṃ pesetuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā gāthamāha –
๑๖๐๐.
1600.
‘‘อทฺธา หิ โส โสจติ ราชเสโฎฺฐ, ตยา วินา ยสฺส ตุวํ สชิโพฺพ;
‘‘Addhā hi so socati rājaseṭṭho, tayā vinā yassa tuvaṃ sajibbo;
ทุกฺขูปนีโตปิ ตยา สเมจฺจ, วิเนฺทยฺย โปโส สุขมาตุโรปี’’ติฯ
Dukkhūpanītopi tayā samecca, vindeyya poso sukhamāturopī’’ti.
ตตฺถ สชิโพฺพติ สชีโว อมโจฺจฯ สเมจฺจาติ ตยา สห สมาคนฺตฺวาฯ อาตุโรปีติ พาฬฺหคิลาโนปิ สมาโนฯ
Tattha sajibboti sajīvo amacco. Sameccāti tayā saha samāgantvā. Āturopīti bāḷhagilānopi samāno.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต นาคราชสฺส ถุติํ กโรโนฺต อิตรํ คาถมาห –
Taṃ sutvā mahāsatto nāgarājassa thutiṃ karonto itaraṃ gāthamāha –
๑๖๐๑.
1601.
‘‘อทฺธา สตํ ภาสสิ นาค ธมฺมํ, อนุตฺตรํ อตฺถปทํ สุจิณฺณํ;
‘‘Addhā sataṃ bhāsasi nāga dhammaṃ, anuttaraṃ atthapadaṃ suciṇṇaṃ;
เอตาทิสิยาสุ หิ อาปทาสุ, ปญฺญายเต มาทิสานํ วิเสโส’’ติฯ
Etādisiyāsu hi āpadāsu, paññāyate mādisānaṃ viseso’’ti.
ตตฺถ อทฺธา สตนฺติ เอกํเสน สนฺตานํ ปณฺฑิตานํ ธมฺมํ ภาสสิฯ อตฺถปทนฺติ หิตโกฎฺฐาสํฯ เอตาทิสิยาสูติ เอวรูปาสุ อาปทาสุ เอตาทิเส ภเย อุปฎฺฐิเต มาทิสานํ ปญฺญวนฺตานํ วิเสโส ปญฺญายติฯ
Tattha addhā satanti ekaṃsena santānaṃ paṇḍitānaṃ dhammaṃ bhāsasi. Atthapadanti hitakoṭṭhāsaṃ. Etādisiyāsūti evarūpāsu āpadāsu etādise bhaye upaṭṭhite mādisānaṃ paññavantānaṃ viseso paññāyati.
ตํ สุตฺวา นาคราชา อติเรกตรํ ตุโฎฺฐ ตเมว ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –
Taṃ sutvā nāgarājā atirekataraṃ tuṭṭho tameva pucchanto gāthamāha –
๑๖๐๒.
1602.
‘‘อกฺขาหิ โน ตายํ มุธา นุ ลโทฺธ, อเกฺขหิ โน ตายํ อเชสิ ชูเต;
‘‘Akkhāhi no tāyaṃ mudhā nu laddho, akkhehi no tāyaṃ ajesi jūte;
ธเมฺมน ลโทฺธ อิติ ตายมาห, กถํ นุ ตฺวํ หตฺถมิมสฺส มาคโต’’ติฯ
Dhammena laddho iti tāyamāha, kathaṃ nu tvaṃ hatthamimassa māgato’’ti.
ตตฺถ อกฺขาหิ โนติ อาจิกฺข อมฺหากํฯ ตายนฺติ ตํ อยํฯ มุธา นุ ลโทฺธติ กิํ นุ โข มุธา อมูลเกเนว ลภิ, อุทาหุ ชูเต อเชสิฯ อิติ ตายมาหาติ อยํ ปุณฺณโก ‘‘ธเมฺมน เม ปณฺฑิโต ลโทฺธ’’ติ วทติฯ กถํ นุ ตฺวํ หตฺถมิมสฺส มาคโตติ ตฺวํ กถํ อิมสฺส หตฺถํ อาคโตสิฯ
Tattha akkhāhi noti ācikkha amhākaṃ. Tāyanti taṃ ayaṃ. Mudhā nu laddhoti kiṃ nu kho mudhā amūlakeneva labhi, udāhu jūte ajesi. Iti tāyamāhāti ayaṃ puṇṇako ‘‘dhammena me paṇḍito laddho’’ti vadati. Kathaṃ nu tvaṃ hatthamimassa māgatoti tvaṃ kathaṃ imassa hatthaṃ āgatosi.
มหาสโตฺต อาห –
Mahāsatto āha –
๑๖๐๓.
1603.
‘‘โย มิสฺสโร ตตฺถ อโหสิ ราชา, ตมายมเกฺขหิ อเชสิ ชูเต;
‘‘Yo missaro tattha ahosi rājā, tamāyamakkhehi ajesi jūte;
โส มํ ชิโต ราชา อิมสฺสทาสิ, ธเมฺมน ลโทฺธสฺมิ อสาหเสนา’’ติฯ
So maṃ jito rājā imassadāsi, dhammena laddhosmi asāhasenā’’ti.
ตตฺถ โย มิสฺสโรติ โย มํ อิสฺสโรฯ อิมสฺสทาสีติ อิมสฺส ปุณฺณกสฺส อทาสิฯ
Tattha yo missaroti yo maṃ issaro. Imassadāsīti imassa puṇṇakassa adāsi.
ตํ สุตฺวา นาคราชา ตุโฎฺฐ อโหสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ sutvā nāgarājā tuṭṭho ahosi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๐๔.
1604.
‘‘มโหรโค อตฺตมโน อุทโคฺค, สุตฺวาน ธีรสฺส สุภาสิตานิ;
‘‘Mahorago attamano udaggo, sutvāna dhīrassa subhāsitāni;
หเตฺถ คเหตฺวาน อโนมปญฺญํ, ปาเวกฺขิ ภริยาย ตทา สกาเสฯ
Hatthe gahetvāna anomapaññaṃ, pāvekkhi bhariyāya tadā sakāse.
๑๖๐๕.
1605.
‘‘เยน ตฺวํ วิมเล ปณฺฑุ, เยน ภตฺตํ น รุจฺจติ;
‘‘Yena tvaṃ vimale paṇḍu, yena bhattaṃ na ruccati;
น จ เมตาทิโส วโณฺณ, อยเมโส ตโมนุโทฯ
Na ca metādiso vaṇṇo, ayameso tamonudo.
๑๖๐๖.
1606.
‘‘ยสฺส เต หทเยนโตฺถ, อาคตายํ ปภงฺกโร;
‘‘Yassa te hadayenattho, āgatāyaṃ pabhaṅkaro;
ตสฺส วากฺยํ นิสาเมหิ, ทุลฺลภํ ทสฺสนํ ปุนา’’ติฯ
Tassa vākyaṃ nisāmehi, dullabhaṃ dassanaṃ punā’’ti.
ตตฺถ ปาเวกฺขีติ ปวิโฎฺฐฯ เยนาติ ภเทฺท วิมเล, เยน การเณน ตฺวํ ปณฺฑุ เจว, น จ เต ภตฺตํ รุจฺจติฯ น จ เมตาทิโส วโณฺณติ ปถวิตเล วา เทวโลเก วา น จ ตาทิโส วโณฺณ อญฺญสฺส กสฺสจิ อตฺถิ, ยาทิโส เอตสฺส คุณวโณฺณ ปตฺถโฎฯ อยเมโส ตโมนุโทติ ยํ นิสฺสาย ตว โทหโฬ อุปฺปโนฺน, อยเมว โส สพฺพโลกสฺส ตโมนุโทฯ ปุนาติ ปุน เอตสฺส ทสฺสนํ นาม ทุลฺลภนฺติ วทติฯ
Tattha pāvekkhīti paviṭṭho. Yenāti bhadde vimale, yena kāraṇena tvaṃ paṇḍu ceva, na ca te bhattaṃ ruccati. Na ca metādiso vaṇṇoti pathavitale vā devaloke vā na ca tādiso vaṇṇo aññassa kassaci atthi, yādiso etassa guṇavaṇṇo patthaṭo. Ayameso tamonudoti yaṃ nissāya tava dohaḷo uppanno, ayameva so sabbalokassa tamonudo. Punāti puna etassa dassanaṃ nāma dullabhanti vadati.
วิมลาปิ ตํ ทิสฺวา ปฎิสนฺถารํ อกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Vimalāpi taṃ disvā paṭisanthāraṃ akāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๐๗.
1607.
‘‘ทิสฺวาน ตํ วิมลา ภูริปญฺญํ, ทสงฺคุลี อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา;
‘‘Disvāna taṃ vimalā bhūripaññaṃ, dasaṅgulī añjaliṃ paggahetvā;
หเฎฺฐน ภาเวน ปตีตรูปา, อิจฺจพฺรวิ กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐ’’นฺติฯ
Haṭṭhena bhāvena patītarūpā, iccabravi kurūnaṃ kattuseṭṭha’’nti.
ตตฺถ หเฎฺฐน ภาเวนาติ ปหเฎฺฐน จิเตฺตนฯ ปตีตรูปาติ โสมนสฺสชาตาฯ
Tattha haṭṭhena bhāvenāti pahaṭṭhena cittena. Patītarūpāti somanassajātā.
อิโต ปรํ วิมลาย จ มหาสตฺตสฺส จ วจนปฺปฎิวจนคาถา –
Ito paraṃ vimalāya ca mahāsattassa ca vacanappaṭivacanagāthā –
๑๖๐๘.
1608.
‘‘อทิฎฺฐปุพฺพํ ทิสฺวาน, มโจฺจ มจฺจุภยฎฺฎิโต;
‘‘Adiṭṭhapubbaṃ disvāna, macco maccubhayaṭṭito;
พฺยมฺหิโต นาภิวาเทสิ, นยิทํ ปญฺญวตามิวฯ
Byamhito nābhivādesi, nayidaṃ paññavatāmiva.
๑๖๐๙.
1609.
‘‘น จมฺหิ พฺยมฺหิโต นาคิ, น จ มจฺจุภยฎฺฎิโต;
‘‘Na camhi byamhito nāgi, na ca maccubhayaṭṭito;
น วโชฺฌ อภิวาเทยฺย, วชฺฌํ วา นาภิวาทเยฯ
Na vajjho abhivādeyya, vajjhaṃ vā nābhivādaye.
๑๖๑๐.
1610.
‘‘กถํ โน อภิวาเทยฺย, อภิวาทาปเยถ เว;
‘‘Kathaṃ no abhivādeyya, abhivādāpayetha ve;
ยํ นโร หนฺตุมิเจฺฉยฺย, ตํ กมฺมํ นุปปชฺชติฯ
Yaṃ naro hantumiccheyya, taṃ kammaṃ nupapajjati.
๑๖๑๑.
1611.
‘‘เอวเมตํ ยถา พฺรูสิ, สจฺจํ ภาสสิ ปณฺฑิต;
‘‘Evametaṃ yathā brūsi, saccaṃ bhāsasi paṇḍita;
น วโชฺฌ อภิวาเทยฺย, วชฺฌํ วา นาภิวาทเยฯ
Na vajjho abhivādeyya, vajjhaṃ vā nābhivādaye.
๑๖๑๒.
1612.
‘‘กถํ โน อภิวาเทยฺย, อภิวาทาปเยถ เว;
‘‘Kathaṃ no abhivādeyya, abhivādāpayetha ve;
ยํ นโร หนฺตุมิเจฺฉยฺย, ตํ กมฺมํ นุปปชฺชติฯ
Yaṃ naro hantumiccheyya, taṃ kammaṃ nupapajjati.
๑๖๑๓.
1613.
‘‘อสสฺสตํ สสฺสตํ นุ ตวยิทํ, อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ;
‘‘Asassataṃ sassataṃ nu tavayidaṃ, iddhī jutī balavīriyūpapatti;
ปุจฺฉามิ ตํ นาคกเญฺญตมตฺถํ, กถํ นุ เต ลทฺธมิทํ วิมานํฯ
Pucchāmi taṃ nāgakaññetamatthaṃ, kathaṃ nu te laddhamidaṃ vimānaṃ.
๑๖๑๔.
1614.
‘‘อธิจฺจลทฺธํ ปริณามชํ เต, สยํกตํ อุทาหุ เทเวหิ ทินฺนํ;
‘‘Adhiccaladdhaṃ pariṇāmajaṃ te, sayaṃkataṃ udāhu devehi dinnaṃ;
อกฺขาหิ เม นาคกเญฺญตมตฺถํ, ยเถว เต ลทฺธมิทํ วิมานํฯ
Akkhāhi me nāgakaññetamatthaṃ, yatheva te laddhamidaṃ vimānaṃ.
๑๖๑๕.
1615.
‘‘นาธิจฺจลทฺธํ น ปริณามชํ เม, น สยํกถํ นาปิ เทเวหิ ทินฺนํ;
‘‘Nādhiccaladdhaṃ na pariṇāmajaṃ me, na sayaṃkathaṃ nāpi devehi dinnaṃ;
สเกหิ กเมฺมหิ อปาปเกหิ, ปุเญฺญหิ เม ลทฺธมิทํ วิมานํฯ
Sakehi kammehi apāpakehi, puññehi me laddhamidaṃ vimānaṃ.
๑๖๑๖.
1616.
‘‘กิํ เต วตํ กิํ ปน พฺรหฺมจริยํ, กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
‘‘Kiṃ te vataṃ kiṃ pana brahmacariyaṃ, kissa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ, อิทญฺจ เต นาคิ มหาวิมานํฯ
Iddhī jutī balavīriyūpapatti, idañca te nāgi mahāvimānaṃ.
๑๖๑๗.
1617.
‘‘อหญฺจ โข สามิโก จาปิ มยฺหํ, สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;
‘‘Ahañca kho sāmiko cāpi mayhaṃ, saddhā ubho dānapatī ahumhā;
โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ, สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จฯ
Opānabhūtaṃ me gharaṃ tadāsi, santappitā samaṇabrāhmaṇā ca.
๑๖๑๘.
1618.
‘‘มาลญฺจ คนฺธญฺจ วิเลปนญฺจ, ปทีปิยํ เสยฺยมุปสฺสยญฺจ;
‘‘Mālañca gandhañca vilepanañca, padīpiyaṃ seyyamupassayañca;
อจฺฉาทนํ สายนมนฺนปานํ, สกฺกจฺจ ทานานิ อทมฺห ตตฺถฯ
Acchādanaṃ sāyanamannapānaṃ, sakkacca dānāni adamha tattha.
๑๖๑๙.
1619.
‘‘ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ, ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
‘‘Taṃ me vataṃ taṃ pana brahmacariyaṃ, tassa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ, อิทญฺจ เม ธีร มหาวิมานํฯ
Iddhī jutī balavīriyūpapatti, idañca me dhīra mahāvimānaṃ.
๑๖๒๐.
1620.
‘‘เอวํ เจ เต ลทฺธมิทํ วิมานํ, ชานาสิ ปุญฺญานํ ผลูปปตฺติํ;
‘‘Evaṃ ce te laddhamidaṃ vimānaṃ, jānāsi puññānaṃ phalūpapattiṃ;
ตสฺมา หิ ธมฺมํ จร อปฺปมตฺตา, ยถา วิมานํ ปุน มาวเสสิฯ
Tasmā hi dhammaṃ cara appamattā, yathā vimānaṃ puna māvasesi.
๑๖๒๑.
1621.
‘‘นยิธ สนฺติ สมณพฺราหฺมณา จ, เยสนฺนปานานิ ทเทมุ กเตฺต;
‘‘Nayidha santi samaṇabrāhmaṇā ca, yesannapānāni dademu katte;
อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถํ, ยถา วิมานํ ปุน มาวเสมฯ
Akkhāhi me pucchito etamatthaṃ, yathā vimānaṃ puna māvasema.
๑๖๒๒.
1622.
‘‘โภคี หิ เต สนฺติ อิธูปปนฺนา, ปุตฺตา จ ทารา อนุชีวิโน จ;
‘‘Bhogī hi te santi idhūpapannā, puttā ca dārā anujīvino ca;
เตสุ ตุวํ วจสา กมฺมุนา จ, อสมฺปทุฎฺฐา จ ภวาหิ นิจฺจํฯ
Tesu tuvaṃ vacasā kammunā ca, asampaduṭṭhā ca bhavāhi niccaṃ.
๑๖๒๓.
1623.
‘‘เอวํ ตุวํ นาคิ อสมฺปโทสํ, อนุปาลย วจสา กมฺมุนา จ;
‘‘Evaṃ tuvaṃ nāgi asampadosaṃ, anupālaya vacasā kammunā ca;
ฐตฺวา อิธ ยาวตายุกํ วิมาเน, อุทฺธํ อิโต คจฺฉสิ เทวโลกํฯ
Ṭhatvā idha yāvatāyukaṃ vimāne, uddhaṃ ito gacchasi devalokaṃ.
๑๖๒๔.
1624.
‘‘อทฺธา หิ โส โสจติ ราชเสโฎฺฐ, ตยา วินา ยสฺส ตุวํ สชิโพฺพ;
‘‘Addhā hi so socati rājaseṭṭho, tayā vinā yassa tuvaṃ sajibbo;
ทุกฺขูปนีโตปิ ตยา สเมจฺจ, วิเนฺทยฺย โปโส สุขมาตุโรปิฯ
Dukkhūpanītopi tayā samecca, vindeyya poso sukhamāturopi.
๑๖๒๕.
1625.
‘‘อทฺธา สตํ ภาสสิ นาคิ ธมฺมํ, อนุตฺตรํ อตฺถปทํ สุจิณฺณํ;
‘‘Addhā sataṃ bhāsasi nāgi dhammaṃ, anuttaraṃ atthapadaṃ suciṇṇaṃ;
เอตาทิสิยาสุ หิ อาปทาสุ, ปญฺญายเต มาทิสานํ วิเสโสฯ
Etādisiyāsu hi āpadāsu, paññāyate mādisānaṃ viseso.
๑๖๒๖.
1626.
‘‘อกฺขาหิ โน ตายํ มุธา นุ ลโทฺธ, อเกฺขหิ โน ตายํ อเชสิ ชูเต;
‘‘Akkhāhi no tāyaṃ mudhā nu laddho, akkhehi no tāyaṃ ajesi jūte;
ธเมฺมน ลโทฺธ อิติ ตายมาห, กถํ นุ ตฺวํ หตฺถมิมสฺส มาคโตฯ
Dhammena laddho iti tāyamāha, kathaṃ nu tvaṃ hatthamimassa māgato.
๑๖๒๗.
1627.
‘‘โย มิสฺสโร ตตฺถ อโหสิ ราชา, ตมายมเกฺขหิ อเชสิ ชูเต;
‘‘Yo missaro tattha ahosi rājā, tamāyamakkhehi ajesi jūte;
โส มํ ชิโต ราชา อิมสฺสทาสิ, ธเมฺมน ลโทฺธสฺมิ อสาหเสนา’’ติฯ
So maṃ jito rājā imassadāsi, dhammena laddhosmi asāhasenā’’ti.
อิมาสํ คาถานํ อโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
Imāsaṃ gāthānaṃ attho heṭṭhā vuttanayeneva veditabbo.
มหาสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อติเรกตรํ ตุฎฺฐา วิมลา มหาสตฺตํ คเหตฺวา สหสฺสคโนฺธทกฆเฎหิ นฺหาเปตฺวา นฺหานกาเล มหาสตฺตสฺส ทิพฺพทุสฺสทิพฺพคนฺธมาลาทีนิ ทตฺวา อลงฺกตปฺปฎิยตฺตกาเล ทิพฺพโภชนํ โภเชสิฯ มหาสโตฺต ภุตฺตโภชโน อลงฺกตาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Mahāsattassa vacanaṃ sutvā atirekataraṃ tuṭṭhā vimalā mahāsattaṃ gahetvā sahassagandhodakaghaṭehi nhāpetvā nhānakāle mahāsattassa dibbadussadibbagandhamālādīni datvā alaṅkatappaṭiyattakāle dibbabhojanaṃ bhojesi. Mahāsatto bhuttabhojano alaṅkatāsanaṃ paññāpetvā alaṅkatadhammāsane nisīditvā buddhalīlāya dhammaṃ desesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๒๘.
1628.
‘‘ยเถว วรุโณ นาโค, ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺถ ปณฺฑิตํ;
‘‘Yatheva varuṇo nāgo, pañhaṃ pucchittha paṇḍitaṃ;
ตเถว นาคกญฺญาปิ, ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺถ ปณฺฑิตํฯ
Tatheva nāgakaññāpi, pañhaṃ pucchittha paṇḍitaṃ.
๑๖๒๙.
1629.
‘‘ยเถว วรุณํ นาคํ, ธีโร โตเสสิ ปุจฺฉิโต;
‘‘Yatheva varuṇaṃ nāgaṃ, dhīro tosesi pucchito;
ตเถว นาคกญฺญมฺปิ, ธีโร โตเสสิ ปุจฺฉิโตฯ
Tatheva nāgakaññampi, dhīro tosesi pucchito.
๑๖๓๐.
1630.
‘‘อุโภปิ เต อตฺตมเน วิทิตฺวา, มโหรคํ นาคกญฺญญฺจ ธีโร;
‘‘Ubhopi te attamane viditvā, mahoragaṃ nāgakaññañca dhīro;
อฉมฺภี อภีโต อโลมหโฎฺฐ, อิจฺจพฺรวิ วรุณํ นาคราชานํฯ
Achambhī abhīto alomahaṭṭho, iccabravi varuṇaṃ nāgarājānaṃ.
๑๖๓๑.
1631.
‘‘มา โรธยิ นาค อายาหมสฺมิ, เยน ตวโตฺถ อิทํ สรีรํ;
‘‘Mā rodhayi nāga āyāhamasmi, yena tavattho idaṃ sarīraṃ;
หทเยน มํเสน กโรหิ กิจฺจํ, สยํ กริสฺสามิ ยถามติ เต’’ติฯ
Hadayena maṃsena karohi kiccaṃ, sayaṃ karissāmi yathāmati te’’ti.
ตตฺถ อฉมฺภีติ นิกฺกโมฺปฯ อโลมหโฎฺฐติ ภเยน อหฎฺฐโลโมฯ อิจฺจพฺรวีติ วีมํสนวเสน อิติ อพฺรวิฯ มา โรธยีติ ‘‘มิตฺตทุพฺภิกมฺมํ กโรมี’’ติ มา ภายิ, ‘‘กถํ นุ โข อิมํ อิทานิ มาเรสฺสามี’’ติ วา มา จินฺตยิฯ นาคาติ วรุณํ อาลปติฯ อายาหมสฺมีติ อาโย อหํ อสฺมิ, อยเมว วา ปาโฐฯ สยํ กริสฺสามีติ สเจ ตฺวํ ‘‘อิมสฺส สนฺติเก อิทานิ ธโมฺม เม สุโต’’ติ มํ มาเรตุํ น วิสหสิ, อหเมว ยถา ตว อชฺฌาสโย, ตถา สยํ กริสฺสามีติฯ
Tattha achambhīti nikkampo. Alomahaṭṭhoti bhayena ahaṭṭhalomo. Iccabravīti vīmaṃsanavasena iti abravi. Mā rodhayīti ‘‘mittadubbhikammaṃ karomī’’ti mā bhāyi, ‘‘kathaṃ nu kho imaṃ idāni māressāmī’’ti vā mā cintayi. Nāgāti varuṇaṃ ālapati. Āyāhamasmīti āyo ahaṃ asmi, ayameva vā pāṭho. Sayaṃ karissāmīti sace tvaṃ ‘‘imassa santike idāni dhammo me suto’’ti maṃ māretuṃ na visahasi, ahameva yathā tava ajjhāsayo, tathā sayaṃ karissāmīti.
นาคราชา อาห –
Nāgarājā āha –
๑๖๓๒.
1632.
‘‘ปญฺญา หเว หทยํ ปณฺฑิตานํ, เต ตฺยมฺห ปญฺญาย มยํ สุตุฎฺฐา;
‘‘Paññā have hadayaṃ paṇḍitānaṃ, te tyamha paññāya mayaṃ sutuṭṭhā;
อนูนนาโม ลภตชฺช ทารํ, อเชฺชว ตํ กุรุโย ปาปยาตู’’ติฯ
Anūnanāmo labhatajja dāraṃ, ajjeva taṃ kuruyo pāpayātū’’ti.
ตตฺถ เต ตฺยมฺหาติ เต มยํ ตว ปญฺญาย สุตุฎฺฐาฯ อนูนนาโมติ สมฺปุณฺณนาโม ปุณฺณโก ยกฺขเสนาปติฯ ลภตชฺช ทารนฺติ ลภตุ อชฺช ทารํ, ททามิ อสฺส ธีตรํ อิรนฺธติํฯ ปาปยาตูติ อเชฺชว ตํ กุรุรฎฺฐํ ปุณฺณโก ปาเปตุฯ
Tattha te tyamhāti te mayaṃ tava paññāya sutuṭṭhā. Anūnanāmoti sampuṇṇanāmo puṇṇako yakkhasenāpati. Labhatajja dāranti labhatu ajja dāraṃ, dadāmi assa dhītaraṃ irandhatiṃ. Pāpayātūti ajjeva taṃ kururaṭṭhaṃ puṇṇako pāpetu.
เอวญฺจ ปน วตฺวา วรุโณ นาคราชา อิรนฺธติํ ปุณฺณกสฺส อทาสิฯ โส ตํ ลภิตฺวา ตุฎฺฐจิโตฺต มหาสเตฺตน สทฺธิํ สลฺลปิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evañca pana vatvā varuṇo nāgarājā irandhatiṃ puṇṇakassa adāsi. So taṃ labhitvā tuṭṭhacitto mahāsattena saddhiṃ sallapi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๓๓.
1633.
‘‘ส ปุณฺณโก อตฺตมโน อุทโคฺค, อิรนฺธติํ นาคกญฺญํ ลภิตฺวา;
‘‘Sa puṇṇako attamano udaggo, irandhatiṃ nāgakaññaṃ labhitvā;
หเฎฺฐน ภาเวน ปตีตรูโป, อิจฺจพฺรวิ กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐํฯ
Haṭṭhena bhāvena patītarūpo, iccabravi kurūnaṃ kattuseṭṭhaṃ.
๑๖๓๔.
1634.
‘‘ภริยาย มํ ตฺวํ อกริ สมงฺคิํ, อหญฺจ เต วิธุร กโรมิ กิจฺจํ;
‘‘Bhariyāya maṃ tvaṃ akari samaṅgiṃ, ahañca te vidhura karomi kiccaṃ;
อิทญฺจ เต มณิรตนํ ททามิ, อเชฺชว ตํ กุรุโย ปาปยามี’’ติฯ
Idañca te maṇiratanaṃ dadāmi, ajjeva taṃ kuruyo pāpayāmī’’ti.
ตตฺถ มณิรตนนฺติ ปณฺฑิต, อหํ ตว คุเณสุ ปสโนฺน อรหามิ ตว อนุจฺฉวิกํ กิจฺจํ กาตุํ, ตสฺมา อิมญฺจ เต จกฺกวตฺติปริโภคํ มณิรตนํ เทมิ, อเชฺชว ตํ อินฺทปตฺถํ ปาเปมีติฯ
Tattha maṇiratananti paṇḍita, ahaṃ tava guṇesu pasanno arahāmi tava anucchavikaṃ kiccaṃ kātuṃ, tasmā imañca te cakkavattiparibhogaṃ maṇiratanaṃ demi, ajjeva taṃ indapatthaṃ pāpemīti.
อถ มหาสโตฺต ตสฺส ถุติํ กโรโนฺต อิตรํ คาถมาห –
Atha mahāsatto tassa thutiṃ karonto itaraṃ gāthamāha –
๑๖๓๕.
1635.
‘‘อเชยฺยเมสา ตว โหตุ เมตฺติ, ภริยาย กจฺจาน ปิยาย สทฺธิํ;
‘‘Ajeyyamesā tava hotu metti, bhariyāya kaccāna piyāya saddhiṃ;
อานนฺทิ วิโตฺต สุมโน ปตีโต, ทตฺวา มณิํ มญฺจ นยินฺทปตฺถ’’นฺติฯ
Ānandi vitto sumano patīto, datvā maṇiṃ mañca nayindapattha’’nti.
ตตฺถ อเชยฺยเมสาติ เอสา ตว ภริยาย สทฺธิํ ปิยสํวาสเมตฺติ อเชยฺยา โหตุฯ ‘‘อานนฺทิ วิโตฺต’’ติอาทีหิ ปีติสมงฺคิภาวเมวสฺส วทติฯ นยินฺทปตฺถนฺติ นย อินฺทปตฺถํฯ
Tattha ajeyyamesāti esā tava bhariyāya saddhiṃ piyasaṃvāsametti ajeyyā hotu. ‘‘Ānandi vitto’’tiādīhi pītisamaṅgibhāvamevassa vadati. Nayindapatthanti naya indapatthaṃ.
ตํ สุตฺวา ปุณฺณโก ตถา อกาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Taṃ sutvā puṇṇako tathā akāsi. Tena vuttaṃ –
๑๖๓๖.
1636.
‘‘ส ปุณฺณโก กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐํ, นิสีทยี ปุรโต อาสนสฺมิํ;
‘‘Sa puṇṇako kurūnaṃ kattuseṭṭhaṃ, nisīdayī purato āsanasmiṃ;
อาทาย กตฺตารมโนมปญฺญํ, อุปานยี นครํ อินฺทปตฺถํฯ
Ādāya kattāramanomapaññaṃ, upānayī nagaraṃ indapatthaṃ.
๑๖๓๗.
1637.
‘‘มโน มนุสฺสสฺส ยถาปิ คเจฺฉ, ตโตปิสฺส ขิปฺปตรํ อโหสิ;
‘‘Mano manussassa yathāpi gacche, tatopissa khippataraṃ ahosi;
ส ปุณฺณโก กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐํ, อุปานยี นครํ อินฺทปตฺถํฯ
Sa puṇṇako kurūnaṃ kattuseṭṭhaṃ, upānayī nagaraṃ indapatthaṃ.
๑๖๓๘.
1638.
‘‘เอตินฺทปตฺถํ นครํ ปทิสฺสติ, รมฺมานิ จ อมฺพวนานิ ภาคโส;
‘‘Etindapatthaṃ nagaraṃ padissati, rammāni ca ambavanāni bhāgaso;
อหญฺจ ภริยาย สมงฺคิภูโต, ตุวญฺจ ปโตฺตสิ สกํ นิเกต’’นฺติฯ
Ahañca bhariyāya samaṅgibhūto, tuvañca pattosi sakaṃ niketa’’nti.
ตตฺถ ยถาปิ คเจฺฉติ มโน นาม กิญฺจาปิ น คจฺฉติ, ทูเร อารมฺมณํ คณฺหโนฺต ปน คโตติ วุจฺจติ, ตสฺมา มนสฺส อารมฺมณคฺคหณโตปิ ขิปฺปตรํ ตสฺส มโนมยสินฺธวสฺส คมนํ อโหสีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอตินฺทปตฺถนฺติ อสฺสปิเฎฺฐ นิสิโนฺนเยวสฺส ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ สกํ นิเกตนฺติ ตฺวญฺจ อตฺตโน นิเวสนํ สมฺปโตฺตติ อาหฯ
Tattha yathāpi gaccheti mano nāma kiñcāpi na gacchati, dūre ārammaṇaṃ gaṇhanto pana gatoti vuccati, tasmā manassa ārammaṇaggahaṇatopi khippataraṃ tassa manomayasindhavassa gamanaṃ ahosīti evamettha attho daṭṭhabbo. Etindapatthanti assapiṭṭhe nisinnoyevassa dassento evamāha. Sakaṃ niketanti tvañca attano nivesanaṃ sampattoti āha.
ตสฺมิํ ปน ทิวเส ปจฺจูสกาเล ราชา สุปินํ อทฺทสฯ เอวรูโป สุปิโน อโหสิ – รโญฺญ นิเวสนทฺวาเร ปญฺญากฺขโนฺธ สีลมยสาโข ปญฺจโครสผโล อลงฺกตหตฺถิควาสฺสปฎิจฺฉโนฺน มหารุโกฺข ฐิโตฯ มหาชโน ตสฺส สกฺการํ กตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิฯ อเถโก กณฺหปุริโส ผรุโส รตฺตสาฎกนิวโตฺถ รตฺตปุปฺผกณฺณธโร อาวุธหโตฺถ อาคนฺตฺวา มหาชนสฺส ปริเทวนฺตเสฺสว ตํ รุกฺขํ สมูลํ ฉินฺทิตฺวา อากฑฺฒโนฺต อาทาย คนฺตฺวา ปุน ตํ อาหริตฺวา ปกติฎฺฐาเนเยว ฐเปตฺวา ปกฺกามีติฯ ราชา ตํ สุปินํ ปริคฺคณฺหโนฺต ‘‘มหารุโกฺข วิย น อโญฺญ โกจิ, วิธุรปณฺฑิโตฯ มหาชนสฺส ปริเทวนฺตเสฺสว ตํ สมูลํ ฉินฺทิตฺวา อาทาย คตปุริโส วิย น อโญฺญ โกจิ, ปณฺฑิตํ คเหตฺวา คตมาณโวฯ ปุน ตํ อาหริตฺวา ปกติฎฺฐาเนเยว ฐเปตฺวา คโต วิย โส มาณโว ปุน ตํ ปณฺฑิตํ อาเนตฺวา ธมฺมสภาย ทฺวาเร ฐเปตฺวา ปกฺกมิสฺสติฯ อทฺธา อชฺช มยํ ปณฺฑิตํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา โสมนสฺสปโตฺต สกลนครํ อลงฺการาเปตฺวา ธมฺมสภํ สชฺชาเปตฺวา อลงฺกตรตนมณฺฑเป ธมฺมาสนํ ปญฺญาเปตฺวา เอกสตราชอมจฺจคณนครวาสิชานปทปริวุโต ‘‘อชฺช ตุเมฺห ปณฺฑิตํ ปสฺสิสฺสถ, มา โสจิตฺถา’’ติ มหาชนํ อสฺสาเสตฺวา ปณฺฑิตสฺส อาคมนํ โอโลเกโนฺต ธมฺมสภายํ นิสีทิฯ อมจฺจาทโยปิ นิสีทิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ ปุณฺณโกปิ ปณฺฑิตํ โอตาเรตฺวา ธมฺมสภาย ทฺวาเร ปริสมเชฺฌเยว ฐเปตฺวา อิรนฺธติํ อาทาย เทวนครเมว คโตฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Tasmiṃ pana divase paccūsakāle rājā supinaṃ addasa. Evarūpo supino ahosi – rañño nivesanadvāre paññākkhandho sīlamayasākho pañcagorasaphalo alaṅkatahatthigavāssapaṭicchanno mahārukkho ṭhito. Mahājano tassa sakkāraṃ katvā añjaliṃ paggayha namassamāno aṭṭhāsi. Atheko kaṇhapuriso pharuso rattasāṭakanivattho rattapupphakaṇṇadharo āvudhahattho āgantvā mahājanassa paridevantasseva taṃ rukkhaṃ samūlaṃ chinditvā ākaḍḍhanto ādāya gantvā puna taṃ āharitvā pakatiṭṭhāneyeva ṭhapetvā pakkāmīti. Rājā taṃ supinaṃ pariggaṇhanto ‘‘mahārukkho viya na añño koci, vidhurapaṇḍito. Mahājanassa paridevantasseva taṃ samūlaṃ chinditvā ādāya gatapuriso viya na añño koci, paṇḍitaṃ gahetvā gatamāṇavo. Puna taṃ āharitvā pakatiṭṭhāneyeva ṭhapetvā gato viya so māṇavo puna taṃ paṇḍitaṃ ānetvā dhammasabhāya dvāre ṭhapetvā pakkamissati. Addhā ajja mayaṃ paṇḍitaṃ passissāmā’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā somanassapatto sakalanagaraṃ alaṅkārāpetvā dhammasabhaṃ sajjāpetvā alaṅkataratanamaṇḍape dhammāsanaṃ paññāpetvā ekasatarājaamaccagaṇanagaravāsijānapadaparivuto ‘‘ajja tumhe paṇḍitaṃ passissatha, mā socitthā’’ti mahājanaṃ assāsetvā paṇḍitassa āgamanaṃ olokento dhammasabhāyaṃ nisīdi. Amaccādayopi nisīdiṃsu. Tasmiṃ khaṇe puṇṇakopi paṇḍitaṃ otāretvā dhammasabhāya dvāre parisamajjheyeva ṭhapetvā irandhatiṃ ādāya devanagarameva gato. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๓๙.
1639.
‘‘น ปุณฺณโก กุรูนํ กตฺตุเสฎฺฐํ, โอโรปิย ธมฺมสภาย มเชฺฌ;
‘‘Na puṇṇako kurūnaṃ kattuseṭṭhaṃ, oropiya dhammasabhāya majjhe;
อาชญฺญมารุยฺห อโนมวโณฺณ, ปกฺกามิ เวหายสมนฺตลิเกฺขฯ
Ājaññamāruyha anomavaṇṇo, pakkāmi vehāyasamantalikkhe.
๑๖๔๐.
1640.
‘‘ตํ ทิสฺวา ราชา ปรมปฺปตีโต, อุฎฺฐาย พาหาหิ ปลิสฺสชิตฺวา;
‘‘Taṃ disvā rājā paramappatīto, uṭṭhāya bāhāhi palissajitvā;
อวิกมฺปยํ ธมฺมสภาย มเชฺฌ, นิสีทยี ปมุขมาสนสฺมิ’’นฺติฯ
Avikampayaṃ dhammasabhāya majjhe, nisīdayī pamukhamāsanasmi’’nti.
ตตฺถ อโนมวโณฺณติ อหีนวโณฺณ อุตฺตมวโณฺณฯ อวิกมฺปยนฺติ ภิกฺขเว, โส ราชา ปณฺฑิตํ ปลิสฺสชิตฺวา มหาชนมเชฺฌ อวิกมฺปโนฺต อโนลียโนฺตเยว หเตฺถ คเหตฺวา อตฺตโน อภิมุขํ กตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทาเปสิฯ
Tattha anomavaṇṇoti ahīnavaṇṇo uttamavaṇṇo. Avikampayanti bhikkhave, so rājā paṇḍitaṃ palissajitvā mahājanamajjhe avikampanto anolīyantoyeva hatthe gahetvā attano abhimukhaṃ katvā alaṅkatadhammāsane nisīdāpesi.
อถ ราชา เตน สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา มธุรปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต คาถมาห –
Atha rājā tena saddhiṃ sammoditvā madhurapaṭisanthāraṃ karonto gāthamāha –
๑๖๔๑.
1641.
‘‘ตฺวํ โน วิเนตาสิ รถํว นทฺธํ, นนฺทนฺติ ตํ กุรุโย ทสฺสเนน;
‘‘Tvaṃ no vinetāsi rathaṃva naddhaṃ, nandanti taṃ kuruyo dassanena;
อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถํ, กถํ ปโมโกฺข อหุ มาณวสฺสา’’ติฯ
Akkhāhi me pucchito etamatthaṃ, kathaṃ pamokkho ahu māṇavassā’’ti.
ตตฺถ นทฺธนฺติ ยถา นทฺธํ รถํ สารถิ วิเนติ, เอวํ ตฺวํ อมฺหากํ การเณน นเยน หิตกิริยาสุ วิเนตาฯ นนฺทนฺติ ตนฺติ ตํ ทิสฺวาว อิเม กุรุรฎฺฐวาสิโน ตว ทสฺสเนน นนฺทนฺติฯ มาณวสฺสาติ มาณวสฺส สนฺติกา กถํ ตว ปโมโกฺข อโหสิ? โย วา ตํ มุญฺจนฺตสฺส มาณวสฺส ปโมโกฺข, โส เกน การเณน อโหสีติ อโตฺถฯ
Tattha naddhanti yathā naddhaṃ rathaṃ sārathi vineti, evaṃ tvaṃ amhākaṃ kāraṇena nayena hitakiriyāsu vinetā. Nandanti tanti taṃ disvāva ime kururaṭṭhavāsino tava dassanena nandanti. Māṇavassāti māṇavassa santikā kathaṃ tava pamokkho ahosi? Yo vā taṃ muñcantassa māṇavassa pamokkho, so kena kāraṇena ahosīti attho.
มหาสโตฺต อาห –
Mahāsatto āha –
๑๖๔๒.
1642.
‘‘ยํ มาณโวตฺยาภิวที ชนินฺท, น โส มนุโสฺส นรวีรเสฎฺฐ;
‘‘Yaṃ māṇavotyābhivadī janinda, na so manusso naravīraseṭṭha;
ยทิ เต สุโต ปุณฺณโก นาม ยโกฺข, รโญฺญ กุเวรสฺส หิ โส สชิโพฺพฯ
Yadi te suto puṇṇako nāma yakkho, rañño kuverassa hi so sajibbo.
๑๖๔๓.
1643.
‘‘ภูมินฺธโร วรุโณ นาม นาโค, พฺรหา สุจี วณฺณพลูปปโนฺน;
‘‘Bhūmindharo varuṇo nāma nāgo, brahā sucī vaṇṇabalūpapanno;
ตสฺสานุชํ ธีตรํ กามยาโน, อิรนฺธตี นาม สา นาคกญฺญาฯ
Tassānujaṃ dhītaraṃ kāmayāno, irandhatī nāma sā nāgakaññā.
๑๖๔๔.
1644.
‘‘ตสฺสา สุมชฺฌาย ปิยาย เหตุ, ปตารยิตฺถ มรณาย มยฺหํ;
‘‘Tassā sumajjhāya piyāya hetu, patārayittha maraṇāya mayhaṃ;
โส เจว ภริยาย สมงฺคิภูโต, อหญฺจ อนุญฺญาโต มณิ จ ลโทฺธ’’ติฯ
So ceva bhariyāya samaṅgibhūto, ahañca anuññāto maṇi ca laddho’’ti.
ตตฺถ ยํ มาณโวตฺยาภิวทีติ ชนินฺท ยํ ตฺวํ ‘‘มาณโว’’ติ อภิวทสิฯ ภูมินฺธโรติ ภูมินฺธรนาคภวนวาสีฯ สา นาคกญฺญาติ ยํ นาคกญฺญํ โส ปตฺถยมาโน มม มรณาย ปตารยิ จิตฺตํ ปวเตฺตสิ, สา นาคกญฺญา อิรนฺธตี นามฯ ปิยาย เหตูติ มหาราช, โส หิ นาคราชา จตุโปฺปสถิกปญฺหวิสฺสชฺชเน ปสโนฺน มํ มณินา ปูเชตฺวา นาคภวนํ คโต วิมลาย นาม เทวิยา ตํ มณิํ อทิสฺวา ‘‘เทว, กุหิํ มณี’’ติ ปุจฺฉิโต มม ธมฺมกถิกภาวํ วเณฺณสิฯ สา มยฺหํ ธมฺมกถํ โสตุกามา หุตฺวา มม หทเย โทหฬํ อุปฺปาเทสิฯ นาคราชา ทุคฺคหิเตน ปน ธีตรํ อิรนฺธติํ อาห – ‘‘มาตา, เต วิธุรสฺส หทยมํเส โทหฬินี, ตสฺส หทยมํสํ อาหริตุํ สมตฺถํ สามิกํ ปริเยสาหี’’ติฯ สา ปริเยสนฺตี เวสฺสวณสฺส ภาคิเนยฺยํ ปุณฺณกํ นาม ยกฺขํ ทิสฺวา ตํ อตฺตนิ ปฎิพทฺธจิตฺตํ ญตฺวา ปิตุ สนฺติกํ เนสิฯ อถ นํ โส ‘‘วิธุรปณฺฑิตสฺส หทยมํสํ อาหริตุํ สโกฺกโนฺต อิรนฺธติํ ลภิสฺสสี’’ติ อาหฯ ปุณฺณโก เวปุลฺลปพฺพตโต จกฺกวตฺติปริโภคํ มณิรตนํ อาหริตฺวา ตุเมฺหหิ สทฺธิํ ชูตํ กีฬิตฺวา มํ ชินิตฺวา ลภิฯ อหญฺจ มม นิเวสเน ตีหํ วสาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ อกาสิํฯ โสปิ มํ อสฺสวาลธิํ คาหาเปตฺวา หิมวเนฺต รุเกฺขสุ จ ปพฺพเตสุ จ โปเถตฺวา มาเรตุํ อสโกฺกโนฺต สตฺตเม วาตกฺขเนฺธ เวรมฺภวาตมุเข จ ปกฺขนฺทิตฺวา อนุปุเพฺพน สฎฺฐิโยชนุเพฺพเธ กาฬาคิริมตฺถเก ฐเปตฺวา สีหเวสาทิวเสน อิทญฺจิทญฺจ รูปํ กตฺวาปิ มาเรตุํ อสโกฺกโนฺต มยา อตฺตโน มารณการณํ ปุโฎฺฐ อาจิกฺขิฯ อถสฺสาหํ สาธุนรธเมฺม กเถสิํฯ ตํ สุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต มํ อิธ อาเนตุกาโม อโหสิฯ
Tattha yaṃ māṇavotyābhivadīti janinda yaṃ tvaṃ ‘‘māṇavo’’ti abhivadasi. Bhūmindharoti bhūmindharanāgabhavanavāsī. Sā nāgakaññāti yaṃ nāgakaññaṃ so patthayamāno mama maraṇāya patārayi cittaṃ pavattesi, sā nāgakaññā irandhatī nāma. Piyāya hetūti mahārāja, so hi nāgarājā catupposathikapañhavissajjane pasanno maṃ maṇinā pūjetvā nāgabhavanaṃ gato vimalāya nāma deviyā taṃ maṇiṃ adisvā ‘‘deva, kuhiṃ maṇī’’ti pucchito mama dhammakathikabhāvaṃ vaṇṇesi. Sā mayhaṃ dhammakathaṃ sotukāmā hutvā mama hadaye dohaḷaṃ uppādesi. Nāgarājā duggahitena pana dhītaraṃ irandhatiṃ āha – ‘‘mātā, te vidhurassa hadayamaṃse dohaḷinī, tassa hadayamaṃsaṃ āharituṃ samatthaṃ sāmikaṃ pariyesāhī’’ti. Sā pariyesantī vessavaṇassa bhāgineyyaṃ puṇṇakaṃ nāma yakkhaṃ disvā taṃ attani paṭibaddhacittaṃ ñatvā pitu santikaṃ nesi. Atha naṃ so ‘‘vidhurapaṇḍitassa hadayamaṃsaṃ āharituṃ sakkonto irandhatiṃ labhissasī’’ti āha. Puṇṇako vepullapabbatato cakkavattiparibhogaṃ maṇiratanaṃ āharitvā tumhehi saddhiṃ jūtaṃ kīḷitvā maṃ jinitvā labhi. Ahañca mama nivesane tīhaṃ vasāpetvā mahantaṃ sakkāraṃ akāsiṃ. Sopi maṃ assavāladhiṃ gāhāpetvā himavante rukkhesu ca pabbatesu ca pothetvā māretuṃ asakkonto sattame vātakkhandhe verambhavātamukhe ca pakkhanditvā anupubbena saṭṭhiyojanubbedhe kāḷāgirimatthake ṭhapetvā sīhavesādivasena idañcidañca rūpaṃ katvāpi māretuṃ asakkonto mayā attano māraṇakāraṇaṃ puṭṭho ācikkhi. Athassāhaṃ sādhunaradhamme kathesiṃ. Taṃ sutvā pasannacitto maṃ idha ānetukāmo ahosi.
อถาหํ ตํ อาทาย นาคภวนํ คนฺตฺวา นาครโญฺญ จ วิมลาย จ ธมฺมํ เทเสสิํฯ ตโต นาคราชา จ วิมลา จ สพฺพนาคปริสา จ ปสีทิํสุฯ นาคราชา ตตฺถ มยา ฉาหํ วุตฺถกาเล อิรนฺธติํ ปุณฺณกสฺส อทาสิฯ โส ตํ ลภิตฺวา ปสนฺนจิโตฺต หุตฺวา มํ มณิรตเนน ปูเชตฺวา นาคราเชน อาณโตฺต มโนมยสินฺธวํ อาโรเปตฺวา สยํ มชฺฌิมาสเน นิสีทิตฺวา อิรนฺธติํ ปจฺฉิมาสเน นิสีทาเปตฺวา มํ ปุริมาสเน นิสีทาเปตฺวา อิธาคนฺตฺวา ปริสมเชฺฌ โอตาเรตฺวา อิรนฺธติํ อาทาย อตฺตโน นครเมว คโตฯ เอวํ, มหาราช, โส ปุณฺณโก ตสฺสา สุมชฺฌาย ปิยาย เหตุ ปตารยิตฺถ มรณาย มยฺหํฯ อเถวํ มํ นิสฺสาย โส เจว ภริยาย สมงฺคิภูโต, มม ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสเนฺนน นาคราเชน อหญฺจ อนุญฺญาโต, ตสฺส ปุณฺณกสฺส สนฺติกา อยํ สพฺพกามทโท จกฺกวตฺติปริโภคมณิ จ ลโทฺธ, คณฺหถ, เทว, อิมํ มณินฺติ รโญฺญ รตนํ อทาสิฯ
Athāhaṃ taṃ ādāya nāgabhavanaṃ gantvā nāgarañño ca vimalāya ca dhammaṃ desesiṃ. Tato nāgarājā ca vimalā ca sabbanāgaparisā ca pasīdiṃsu. Nāgarājā tattha mayā chāhaṃ vutthakāle irandhatiṃ puṇṇakassa adāsi. So taṃ labhitvā pasannacitto hutvā maṃ maṇiratanena pūjetvā nāgarājena āṇatto manomayasindhavaṃ āropetvā sayaṃ majjhimāsane nisīditvā irandhatiṃ pacchimāsane nisīdāpetvā maṃ purimāsane nisīdāpetvā idhāgantvā parisamajjhe otāretvā irandhatiṃ ādāya attano nagarameva gato. Evaṃ, mahārāja, so puṇṇako tassā sumajjhāya piyāya hetu patārayittha maraṇāya mayhaṃ. Athevaṃ maṃ nissāya so ceva bhariyāya samaṅgibhūto, mama dhammakathaṃ sutvā pasannena nāgarājena ahañca anuññāto, tassa puṇṇakassa santikā ayaṃ sabbakāmadado cakkavattiparibhogamaṇi ca laddho, gaṇhatha, deva, imaṃ maṇinti rañño ratanaṃ adāsi.
ตโต ราชา ปจฺจูสกาเล อตฺตนา ทิฎฺฐสุปินํ นครวาสีนํ กเถตุกาโม ‘‘โภโนฺต, นครวาสิโน อชฺช มยา ทิฎฺฐสุปินํ สุณาถา’’ติ วตฺวา อาห –
Tato rājā paccūsakāle attanā diṭṭhasupinaṃ nagaravāsīnaṃ kathetukāmo ‘‘bhonto, nagaravāsino ajja mayā diṭṭhasupinaṃ suṇāthā’’ti vatvā āha –
๑๖๔๕.
1645.
‘‘รุโกฺข หิ มยฺหํ ปทฺวาเร สุชาโต, ปญฺญากฺขโนฺธ สีลมยสฺส สาขา;
‘‘Rukkho hi mayhaṃ padvāre sujāto, paññākkhandho sīlamayassa sākhā;
อเตฺถ จ ธเมฺม จ ฐิโต นิปาโก, ควปฺผโล หตฺถิควาสฺสฉโนฺนฯ
Atthe ca dhamme ca ṭhito nipāko, gavapphalo hatthigavāssachanno.
๑๖๔๖.
1646.
‘‘นจฺจคีตตูริยาภินาทิเต, อุจฺฉิชฺช เสนํ ปุริโส อหาสิ;
‘‘Naccagītatūriyābhinādite, ucchijja senaṃ puriso ahāsi;
โส โน อยํ อาคโต สนฺนิเกตํ, รุกฺขสฺสิมสฺสาปจิติํ กโรถฯ
So no ayaṃ āgato sanniketaṃ, rukkhassimassāpacitiṃ karotha.
๑๖๔๗.
1647.
‘‘เย เกจิ วิตฺตา มม ปจฺจเยน, สเพฺพว เต ปาตุกโรนฺตุ อชฺช;
‘‘Ye keci vittā mama paccayena, sabbeva te pātukarontu ajja;
ติพฺพานิ กตฺวาน อุปายนานิ, รุกฺขสฺสิมสฺสาปจิติํ กโรถฯ
Tibbāni katvāna upāyanāni, rukkhassimassāpacitiṃ karotha.
๑๖๔๘.
1648.
‘‘เย เกจิ พทฺธา มม อตฺถิ รเฎฺฐ, สเพฺพว เต พนฺธนา โมจยนฺตุ;
‘‘Ye keci baddhā mama atthi raṭṭhe, sabbeva te bandhanā mocayantu;
ยเถวยํ พนฺธนสฺมา ปมุโตฺต, เอวเมเต มุญฺจเร พนฺธนสฺมาฯ
Yathevayaṃ bandhanasmā pamutto, evamete muñcare bandhanasmā.
๑๖๔๙.
1649.
‘‘อุนฺนงฺคลา มาสมิมํ กโรนฺตุ, มํโสทนํ พฺราหฺมณา ภกฺขยนฺตุ;
‘‘Unnaṅgalā māsamimaṃ karontu, maṃsodanaṃ brāhmaṇā bhakkhayantu;
อมชฺชปา มชฺชรหา ปิวนฺตุ, ปุณฺณาหิ ถาลาหิ ปลิสฺสุตาหิฯ
Amajjapā majjarahā pivantu, puṇṇāhi thālāhi palissutāhi.
๑๖๕๐.
1650.
‘‘มหาปถํ นิจฺจ สมวฺหยนฺตุ, ติพฺพญฺจ รกฺขํ วิทหนฺตุ รเฎฺฐ;
‘‘Mahāpathaṃ nicca samavhayantu, tibbañca rakkhaṃ vidahantu raṭṭhe;
ยถาญฺญมญฺญํ น วิเหฐเยยฺยุํ, รุกฺขสฺสิมสฺสาปจิติํ กโรถา’’ติฯ
Yathāññamaññaṃ na viheṭhayeyyuṃ, rukkhassimassāpacitiṃ karothā’’ti.
ตตฺถ สีลมยสฺส สาขาติ เอตสฺส รุกฺขสฺส สีลมยา สาขาฯ อเตฺถ จ ธเมฺมจาติ วทฺธิยญฺจ สภาเว จฯ ฐิโต นิปาโกติ โส ปญฺญามยรุโกฺข ปติฎฺฐิโตฯ ควปฺผโลติ ปญฺจวิธโครสผโลฯ หตฺถิควาสฺสฉโนฺนติ อลงฺกตหตฺถิควาเสฺสหิ สญฺฉโนฺนฯ นจฺจคีตตูริยาภินาทิเตติ อถ ตสฺส รุกฺขสฺส ปูชํ กโรเนฺตน มหาชเนน ตสฺมิํ รุเกฺข เอเตหิ นจฺจาทีหิ อภินาทิเตฯ อุจฺฉิชฺช เสนํ ปุริโส อหาสีติ เอโก กณฺหปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ รุกฺขํ อุจฺฉิชฺช ปริวาเรตฺวา ฐิตํ เสนํ ปลาเปตฺวา อหาสิ คเหตฺวา คโตฯ ปุน โส รุโกฺข อาคนฺตฺวา อมฺหากํ นิเวสนทฺวารเยว ฐิโตฯ โส โน อยํ รุกฺขสทิโส ปณฺฑิโต สนฺนิเกตํ อาคโตฯ อิทานิ สเพฺพว ตุเมฺห รุกฺขสฺส อิมสฺส อปจิติํ กโรถ, มหาสกฺการํ ปวเตฺตถฯ
Tattha sīlamayassa sākhāti etassa rukkhassa sīlamayā sākhā. Atthe ca dhammecāti vaddhiyañca sabhāve ca. Ṭhito nipākoti so paññāmayarukkho patiṭṭhito. Gavapphaloti pañcavidhagorasaphalo. Hatthigavāssachannoti alaṅkatahatthigavāssehi sañchanno. Naccagītatūriyābhināditeti atha tassa rukkhassa pūjaṃ karontena mahājanena tasmiṃ rukkhe etehi naccādīhi abhinādite. Ucchijja senaṃ puriso ahāsīti eko kaṇhapuriso āgantvā taṃ rukkhaṃ ucchijja parivāretvā ṭhitaṃ senaṃ palāpetvā ahāsi gahetvā gato. Puna so rukkho āgantvā amhākaṃ nivesanadvārayeva ṭhito. So no ayaṃ rukkhasadiso paṇḍito sanniketaṃ āgato. Idāni sabbeva tumhe rukkhassa imassa apacitiṃ karotha, mahāsakkāraṃ pavattetha.
มม ปจฺจเยนาติ อโมฺภ, อมจฺจา เย เกจิ มํ นิสฺสาย ลเทฺธน ยเสน วิตฺตา ตุฎฺฐจิตฺตา, เต สเพฺพ อตฺตโน วิตฺตํ ปาตุกโรนฺตุฯ ติพฺพานีติ พหลานิ มหนฺตานิฯ อุปายนานีติ ปณฺณากาเรฯ เย เกจีติ อนฺตมโส กีฬนตฺถาย พเทฺธ มิคปกฺขิโน อุปาทายฯ มุญฺจเรติ มุญฺจนฺตุฯ อุนฺนงฺคลา มาสมิมํ กโรนฺตูติ อิมํ มาสํ กสนนงฺคลานิ อุสฺสาเปตฺวา เอกมเนฺต ฐเปตฺวา นคเร เภริํ จราเปตฺวา สเพฺพว มนุสฺสา มหาฉณํ กโรนฺตุฯ ภกฺขยนฺตูติ ภุญฺชนฺตุฯ อมชฺชปาติ เอตฺถ อ-กาโร นิปาตมตฺตํ, มชฺชปา ปุริสา มชฺชรหา อตฺตโน อตฺตโน อาปานฎฺฐาเนสุ นิสินฺนา ปิวนฺตูติ อโตฺถฯ ปุณฺณาหิ ถาลาหีติ ปุเณฺณหิ ถาเลหิฯ ปลิสฺสุตาหีติ อติปุณฺณตฺตา ปคฺฆรมาเนหิฯ มหาปถํ นิจฺจ สมวฺหยนฺตูติ อโนฺตนคเร อลงฺกตมหาปถํ ราชมคฺคํ นิสฺสาย ฐิตา เวสิยา นิจฺจกาลํ กิเลสวเสน กิเลสตฺถิกํ ชนํ อวฺหยนฺตูติ อโตฺถฯ ติพฺพนฺติ คาฬฺหํฯ ยถาติ ยถา รกฺขสฺส สุสํวิหิตตฺตา อุนฺนงฺคลา หุตฺวา รุกฺขสฺสิมสฺส อปจิติํ กโรนฺตา อญฺญมญฺญํ น วิเหฐเยยฺยุํ, เอวํ รกฺขํ สํวิทหนฺตูติ อโตฺถฯ
Mama paccayenāti ambho, amaccā ye keci maṃ nissāya laddhena yasena vittā tuṭṭhacittā, te sabbe attano vittaṃ pātukarontu. Tibbānīti bahalāni mahantāni. Upāyanānīti paṇṇākāre. Ye kecīti antamaso kīḷanatthāya baddhe migapakkhino upādāya. Muñcareti muñcantu. Unnaṅgalā māsamimaṃ karontūti imaṃ māsaṃ kasananaṅgalāni ussāpetvā ekamante ṭhapetvā nagare bheriṃ carāpetvā sabbeva manussā mahāchaṇaṃ karontu. Bhakkhayantūti bhuñjantu. Amajjapāti ettha a-kāro nipātamattaṃ, majjapā purisā majjarahā attano attano āpānaṭṭhānesu nisinnā pivantūti attho. Puṇṇāhi thālāhīti puṇṇehi thālehi. Palissutāhīti atipuṇṇattā paggharamānehi. Mahāpathaṃ nicca samavhayantūti antonagare alaṅkatamahāpathaṃ rājamaggaṃ nissāya ṭhitā vesiyā niccakālaṃ kilesavasena kilesatthikaṃ janaṃ avhayantūti attho. Tibbanti gāḷhaṃ. Yathāti yathā rakkhassa susaṃvihitattā unnaṅgalā hutvā rukkhassimassa apacitiṃ karontā aññamaññaṃ na viheṭhayeyyuṃ, evaṃ rakkhaṃ saṃvidahantūti attho.
เอวํ รญฺญา วุเตฺต –
Evaṃ raññā vutte –
๑๖๕๑.
1651.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
พหุํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, ปณฺฑิตสฺสาภิหารยุํฯ
Bahuṃ annañca pānañca, paṇḍitassābhihārayuṃ.
๑๖๕๒.
1652.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
พหุํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, ปณฺฑิตสฺสาภิหารยุํฯ
Bahuṃ annañca pānañca, paṇḍitassābhihārayuṃ.
๑๖๕๓.
1653.
‘‘สมาคตา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
‘‘Samāgatā jānapadā, negamā ca samāgatā;
พหุํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, ปณฺฑิตสฺสาภิหารยุํฯ
Bahuṃ annañca pānañca, paṇḍitassābhihārayuṃ.
๑๖๕๔.
1654.
‘‘พหุชโน ปสโนฺนสิ, ทิสฺวา ปณฺฑิตมาคเต;
‘‘Bahujano pasannosi, disvā paṇḍitamāgate;
ปณฺฑิตมฺหิ อนุปฺปเตฺต, เจลุเกฺขโป ปวตฺตถา’’ติฯ
Paṇḍitamhi anuppatte, celukkhepo pavattathā’’ti.
ตตฺถ อภิหารยุนฺติ เอวํ รญฺญา อาณตฺตา มหาฉณํ ปฎิยาเทตฺวา สเพฺพ สเตฺต พนฺธนา โมเจตฺวา เอเต สเพฺพ โอโรธาทโย นานปฺปการํ ปณฺณาการํ สชฺชิตฺวา เตน สทฺธิํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ ปณฺฑิตสฺส เปเสสุํฯ ปณฺฑิตมาคเตติ ปณฺฑิเต อาคเต ตํ ปณฺฑิตํ ทิสฺวา พหุชโน ปสโนฺน อโหสิฯ
Tattha abhihārayunti evaṃ raññā āṇattā mahāchaṇaṃ paṭiyādetvā sabbe satte bandhanā mocetvā ete sabbe orodhādayo nānappakāraṃ paṇṇākāraṃ sajjitvā tena saddhiṃ annañca pānañca paṇḍitassa pesesuṃ. Paṇḍitamāgateti paṇḍite āgate taṃ paṇḍitaṃ disvā bahujano pasanno ahosi.
ฉโณ มาเสน โอสานํ อคมาสิฯ ตโต มหาสโตฺต พุทฺธกิจฺจํ สาเธโนฺต วิย มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสโนฺต ราชานญฺจ อนุสาสโนฺต ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยาวตายุกํ ฐตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปรายโณ อโหสิฯ ราชานํ อาทิํ กตฺวา สเพฺพปิ นครวาสิโน ปณฺฑิตโสฺสวาเท ฐตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูรยิํสุฯ
Chaṇo māsena osānaṃ agamāsi. Tato mahāsatto buddhakiccaṃ sādhento viya mahājanassa dhammaṃ desento rājānañca anusāsanto dānādīni puññāni katvā yāvatāyukaṃ ṭhatvā āyupariyosāne saggaparāyaṇo ahosi. Rājānaṃ ādiṃ katvā sabbepi nagaravāsino paṇḍitassovāde ṭhatvā dānādīni puññāni katvā āyupariyosāne saggapuraṃ pūrayiṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต ปญฺญาสมฺปโนฺน อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปณฺฑิตสฺส มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, เชฎฺฐภริยา ราหุลมาตา, เชฎฺฐปุโตฺต ราหุโล, วิมลา อุปฺปลวณฺณา, วรุณนาคราชา สาริปุโตฺต, สุปณฺณราชา โมคฺคลฺลาโน, สโกฺก อนุรุโทฺธ, ธนญฺจยโกรพฺยราชา อานโนฺท, ปุณฺณโก ฉโนฺน, ปริสา พุทฺธปริสา, วิธุรปณฺฑิโต ปน อหเมว สมฺมาสมฺพุโทฺธ อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato paññāsampanno upāyakusaloyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā paṇḍitassa mātāpitaro mahārājakulāni ahesuṃ, jeṭṭhabhariyā rāhulamātā, jeṭṭhaputto rāhulo, vimalā uppalavaṇṇā, varuṇanāgarājā sāriputto, supaṇṇarājā moggallāno, sakko anuruddho, dhanañcayakorabyarājā ānando, puṇṇako channo, parisā buddhaparisā, vidhurapaṇḍito pana ahameva sammāsambuddho ahosi’’nti.
วิธุรชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Vidhurajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๔๖. วิธุรชาตกํ • 546. Vidhurajātakaṃ