Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๔๔] ๔. วิคติจฺฉชาตกวณฺณนา

    [244] 4. Vigaticchajātakavaṇṇanā

    ยํ ปสฺสติ น ตํ อิจฺฉตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ปลายิกํ ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สกลชมฺพุทีเป ปฎิวาทํ อลภิตฺวา สาวตฺถิํ อาคนฺตฺวา ‘‘โก มยา สทฺธิํ วาทํ กาตุํ สมโตฺถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ สุตฺวา มหาชนปริวุโต เชตวนํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ จตุปริสมเชฺฌ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ อถสฺส สตฺถา ตํ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปญฺหํ ปุจฺฉิ, โส ตํ กเถตุํ อสโกฺกโนฺต อุฎฺฐาย ปลายิฯ นิสินฺนปริสา ‘‘เอกปเทเนว โว, ภเนฺต, ปริพฺพาชโก นิคฺคหิโต’’ติ อาหํสุฯ สตฺถา ‘‘นาหํ, อุปาสกา, อิทาเนเวตํ เอกปเทเนว นิคฺคณฺหามิ, ปุเพฺพปิ นิคฺคณฺหิํเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Yaṃpassati na taṃ icchatīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ palāyikaṃ paribbājakaṃ ārabbha kathesi. So kira sakalajambudīpe paṭivādaṃ alabhitvā sāvatthiṃ āgantvā ‘‘ko mayā saddhiṃ vādaṃ kātuṃ samattho’’ti pucchitvā ‘‘sammāsambuddho’’ti sutvā mahājanaparivuto jetavanaṃ gantvā bhagavantaṃ catuparisamajjhe dhammaṃ desentaṃ pañhaṃ pucchi. Athassa satthā taṃ vissajjetvā ‘‘ekaṃ nāma ki’’nti pañhaṃ pucchi, so taṃ kathetuṃ asakkonto uṭṭhāya palāyi. Nisinnaparisā ‘‘ekapadeneva vo, bhante, paribbājako niggahito’’ti āhaṃsu. Satthā ‘‘nāhaṃ, upāsakā, idānevetaṃ ekapadeneva niggaṇhāmi, pubbepi niggaṇhiṃyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทีฆรตฺตํ หิมวเนฺต วสิฯ โส ปพฺพตา โอรุยฺห เอกํ นิคมคามํ นิสฺสาย คงฺคานิวตฺตเน ปณฺณสาลายํ วาสํ กเปฺปสิฯ อเถโก ปริพฺพาชโก สกลชมฺพุทีเป ปฎิวาทํ อลภิตฺวา ตํ นิคมํ ปตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มยา สทฺธิํ วาทํ กาตุํ สมโตฺถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อานุภาวํ สุตฺวา มหาชนปริวุโต ตสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา นิสีทิฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘วณฺณคนฺธปริภาวิตํ คงฺคาปานียํ ปิวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ปริพฺพาชโก วาเทน โอตฺถรโนฺต ‘‘กา คงฺคา, วาลุกา คงฺคา, อุทกํ คงฺคา, โอริมตีรํ คงฺคา, ปาริมตีรํ คงฺคา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘ตฺวํ ปน, ปริพฺพาชก, ฐเปตฺวา อุทกํ วาลุกํ โอริมตีรํ ปาริมตีรญฺจ กหํ คงฺคํ ลภิสฺสสี’’ติ อาหฯ ปริพฺพาชโก อปฺปฎิภาโน หุตฺวา อุฎฺฐาย ปลายิฯ ตสฺมิํ ปลาเต โพธิสโตฺต นิสินฺนปริสาย ธมฺมํ เทเสโนฺต อิมา คาถา อโวจ –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto kāme pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā dīgharattaṃ himavante vasi. So pabbatā oruyha ekaṃ nigamagāmaṃ nissāya gaṅgānivattane paṇṇasālāyaṃ vāsaṃ kappesi. Atheko paribbājako sakalajambudīpe paṭivādaṃ alabhitvā taṃ nigamaṃ patvā ‘‘atthi nu kho koci mayā saddhiṃ vādaṃ kātuṃ samattho’’ti pucchitvā ‘‘atthī’’ti bodhisattassa ānubhāvaṃ sutvā mahājanaparivuto tassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā paṭisanthāraṃ katvā nisīdi. Atha naṃ bodhisatto ‘‘vaṇṇagandhaparibhāvitaṃ gaṅgāpānīyaṃ pivissatī’’ti pucchi. Paribbājako vādena ottharanto ‘‘kā gaṅgā, vālukā gaṅgā, udakaṃ gaṅgā, orimatīraṃ gaṅgā, pārimatīraṃ gaṅgā’’ti āha. Bodhisatto ‘‘tvaṃ pana, paribbājaka, ṭhapetvā udakaṃ vālukaṃ orimatīraṃ pārimatīrañca kahaṃ gaṅgaṃ labhissasī’’ti āha. Paribbājako appaṭibhāno hutvā uṭṭhāya palāyi. Tasmiṃ palāte bodhisatto nisinnaparisāya dhammaṃ desento imā gāthā avoca –

    ๑๘๘.

    188.

    ‘‘ยํ ปสฺสติ น ตํ อิจฺฉติ, ยญฺจ น ปสฺสติ ตํ กิริจฺฉติ;

    ‘‘Yaṃ passati na taṃ icchati, yañca na passati taṃ kiricchati;

    มญฺญามิ จิรํ จริสฺสติ, น หิ ตํ ลจฺฉติ ยํ ส อิจฺฉติฯ

    Maññāmi ciraṃ carissati, na hi taṃ lacchati yaṃ sa icchati.

    ๑๘๙.

    189.

    ‘‘ยํ ลภติ น เตน ตุสฺสติ, ยญฺจ ปเตฺถติ ลทฺธํ หีเฬติ;

    ‘‘Yaṃ labhati na tena tussati, yañca pattheti laddhaṃ hīḷeti;

    อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจรา, วิคติจฺฉาน นโม กโรมเส’’ติฯ

    Icchā hi anantagocarā, vigaticchāna namo karomase’’ti.

    ตตฺถ ยํ ปสฺสตีติ ยํ อุทกาทิํ ปสฺสติ, ตํ คงฺคาติ น อิจฺฉติฯ ยญฺจ น ปสฺสตีติ ยญฺจ อุทกาทิวินิมุตฺตํ คงฺคํ น ปสฺสติ, ตํ กิริจฺฉติฯ มญฺญามิ จิรํ จริสฺสตีติ อหํ เอวํ มญฺญามิ – อยํ ปริพฺพาชโก เอวรูปํ คงฺคํ ปริเยสโนฺต จิรํ จริสฺสติฯ ยถา วา อุทกาทิวินิมุตฺตํ คงฺคํ, เอวํ รูปาทิวินิมุตฺตํ อตฺตานมฺปิ ปริเยสโนฺต สํสาเร จิรํ จริสฺสติฯ น หิ ตํ ลจฺฉตีติ จิรํ จรโนฺตปิ ยํ ตํ เอวรูปํ คงฺคํ วา อตฺตานํ วา อิจฺฉติ, ตํ น ลจฺฉติฯ ยํ ลภตีติ ยํ อุทกํ วา รูปาทิํ วา ลภติ, เตน น ตุสฺสติฯ ยญฺจ ปเตฺถติ ลทฺธํ หีเฬตีติ เอวํ ลเทฺธน อตุสฺสโนฺต ยํ ยํ สมฺปตฺติํ ปเตฺถติ, ตํ ตํ ลภิตฺวา ‘‘กิํ เอตายา’’ติ หีเฬติ อวมญฺญติฯ อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจราติ ลทฺธํ หีเฬตฺวา อญฺญมญฺญํ อารมฺมณํ อิจฺฉนโต อยํ อิจฺฉา นาม ตณฺหา อนนฺตโคจราฯ วิคติจฺฉาน นโม กโรมเสติ ตสฺมา เย วิคติจฺฉา พุทฺธาทโย, เตสํ มยํ นมกฺการํ กโรมาติฯ

    Tattha yaṃ passatīti yaṃ udakādiṃ passati, taṃ gaṅgāti na icchati. Yañca na passatīti yañca udakādivinimuttaṃ gaṅgaṃ na passati, taṃ kiricchati. Maññāmi ciraṃ carissatīti ahaṃ evaṃ maññāmi – ayaṃ paribbājako evarūpaṃ gaṅgaṃ pariyesanto ciraṃ carissati. Yathā vā udakādivinimuttaṃ gaṅgaṃ, evaṃ rūpādivinimuttaṃ attānampi pariyesanto saṃsāre ciraṃ carissati. Na hi taṃ lacchatīti ciraṃ carantopi yaṃ taṃ evarūpaṃ gaṅgaṃ vā attānaṃ vā icchati, taṃ na lacchati. Yaṃ labhatīti yaṃ udakaṃ vā rūpādiṃ vā labhati, tena na tussati. Yañca pattheti laddhaṃ hīḷetīti evaṃ laddhena atussanto yaṃ yaṃ sampattiṃ pattheti, taṃ taṃ labhitvā ‘‘kiṃ etāyā’’ti hīḷeti avamaññati. Icchā hi anantagocarāti laddhaṃ hīḷetvā aññamaññaṃ ārammaṇaṃ icchanato ayaṃ icchā nāma taṇhā anantagocarā. Vigaticchāna namo karomaseti tasmā ye vigaticchā buddhādayo, tesaṃ mayaṃ namakkāraṃ karomāti.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริพฺพาชโก เอตรหิ ปริพฺพาชโก อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā paribbājako etarahi paribbājako ahosi, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    วิคติจฺฉชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Vigaticchajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๔๔. วิคติจฺฉชาตกํ • 244. Vigaticchajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact