Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga |
๗. วิหารการสิกฺขาปทํ
7. Vihārakārasikkhāpadaṃ
๓๖๕. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต ฉนฺนสฺส อุปฎฺฐาโก คหปติ อายสฺมนฺตํ ฉนฺนํ เอตทโวจ – ‘‘วิหารวตฺถุํ, ภเนฺต, ชานาหิ อยฺยสฺส วิหารํ การาเปสฺสามี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา ฉโนฺน วิหารวตฺถุํ โสเธโนฺต อญฺญตรํ เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสิ คามปูชิตํ นิคมปูชิตํ นครปูชิตํ ชนปทปูชิตํ รฎฺฐปูชิตํฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสฺสนฺติ คามปูชิตํ นิคมปูชิตํ นครปูชิตํ ชนปทปูชิตํ รฎฺฐปูชิตํ! เอกินฺทฺริยํ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชีวํ วิเหเฐนฺตี’’ 1 ติฯ อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา ฉโนฺน เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสฺสติ คามปูชิตํ…เป.… รฎฺฐปูชิต’’นฺติ! อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ฉนฺนํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ฉนฺน, เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสิ คามปูชิตํ…เป.… รฎฺฐปูชิต’’นฺติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… ‘‘กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, เจติยรุกฺขํ เฉทาเปสฺสสิ คามปูชิตํ นิคมปูชิตํ นครปูชิตํ ชนปทปูชิตํ รฎฺฐปูชิตํ! ชีวสญฺญิโน หิ, โมฆปุริส, มนุสฺสา รุกฺขสฺมิํฯ เนตํ, โมฆปุริส , อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
365. Tena samayena buddho bhagavā kosambiyaṃ viharati ghositārāme. Tena kho pana samayena āyasmato channassa upaṭṭhāko gahapati āyasmantaṃ channaṃ etadavoca – ‘‘vihāravatthuṃ, bhante, jānāhi ayyassa vihāraṃ kārāpessāmī’’ti. Atha kho āyasmā channo vihāravatthuṃ sodhento aññataraṃ cetiyarukkhaṃ chedāpesi gāmapūjitaṃ nigamapūjitaṃ nagarapūjitaṃ janapadapūjitaṃ raṭṭhapūjitaṃ. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma samaṇā sakyaputtiyā cetiyarukkhaṃ chedāpessanti gāmapūjitaṃ nigamapūjitaṃ nagarapūjitaṃ janapadapūjitaṃ raṭṭhapūjitaṃ! Ekindriyaṃ samaṇā sakyaputtiyā jīvaṃ viheṭhentī’’ 2 ti. Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā channo cetiyarukkhaṃ chedāpessati gāmapūjitaṃ…pe… raṭṭhapūjita’’nti! Atha kho te bhikkhū āyasmantaṃ channaṃ anekapariyāyena vigarahitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, channa, cetiyarukkhaṃ chedāpesi gāmapūjitaṃ…pe… raṭṭhapūjita’’nti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… ‘‘kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, cetiyarukkhaṃ chedāpessasi gāmapūjitaṃ nigamapūjitaṃ nagarapūjitaṃ janapadapūjitaṃ raṭṭhapūjitaṃ! Jīvasaññino hi, moghapurisa, manussā rukkhasmiṃ. Netaṃ, moghapurisa , appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๖๖. ‘‘มหลฺลกํ ปน ภิกฺขุนา วิหารํ การยมาเนน สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํ ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนายฯ เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํฯ สารเมฺภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมิํ อปริกฺกมเน มหลฺลกํ วิหารํ กาเรยฺย ภิกฺขู วา อนภิเนยฺย วตฺถุเทสนาย, สงฺฆาทิเสโส’’ติฯ
366.‘‘Mahallakaṃ pana bhikkhunā vihāraṃ kārayamānena sassāmikaṃ attuddesaṃ bhikkhū abhinetabbā vatthudesanāya. Tehi bhikkhūhi vatthu desetabbaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ. Sārambhe ce bhikkhu vatthusmiṃ aparikkamane mahallakaṃ vihāraṃ kāreyya bhikkhū vā anabhineyya vatthudesanāya, saṅghādiseso’’ti.
๓๖๗. มหลฺลโก นาม วิหาโร สสฺสามิโก วุจฺจติฯ
367.Mahallako nāma vihāro sassāmiko vuccati.
วิหาโร นาม อุลฺลิโตฺต วา โหติ อวลิโตฺต วา อุลฺลิตฺตาวลิโตฺต วาฯ
Vihāro nāma ullitto vā hoti avalitto vā ullittāvalitto vā.
การยมาเนนาติ กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วาฯ
Kārayamānenāti karonto vā kārāpento vā.
สสฺสามิกนฺติ อโญฺญ โกจิ สามิโก โหติ อิตฺถี วา ปุริโส วา คหโฎฺฐ วา ปพฺพชิโต วาฯ
Sassāmikanti añño koci sāmiko hoti itthī vā puriso vā gahaṭṭho vā pabbajito vā.
อตฺตุเทฺทสนฺติ อตฺตโน อตฺถายฯ
Attuddesanti attano atthāya.
ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนายาติ เตน วิหารการเกน ภิกฺขุนา วิหารวตฺถุํ โสเธตฺวา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘อหํ, ภเนฺต, มหลฺลกํ วิหารํ กตฺตุกาโม สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํฯ โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ วิหารวตฺถุโอโลกนํ ยาจามี’’ติฯ ทุติยมฺปิ ยาจิตพฺพาฯ ตติยมฺปิ ยาจิตพฺพาฯ สเจ สโพฺพ สโงฺฆ อุสฺสหติ วิหารวตฺถุํ โอโลเกตุํ สเพฺพน สเงฺฆน โอโลเกตพฺพํฯ โน เจ สโพฺพ สโงฺฆ อุสฺสหติ วิหารวตฺถุํ โอโลเกตุํ, เย ตตฺถ โหนฺติ ภิกฺขู พฺยตฺตา ปฎิพลา สารมฺภํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ อปริกฺกมนํ ชานิตุํ เต ยาจิตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพาฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺพาฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Bhikkhū abhinetabbā vatthudesanāyāti tena vihārakārakena bhikkhunā vihāravatthuṃ sodhetvā saṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘‘ahaṃ, bhante, mahallakaṃ vihāraṃ kattukāmo sassāmikaṃ attuddesaṃ. Sohaṃ, bhante, saṅghaṃ vihāravatthuolokanaṃ yācāmī’’ti. Dutiyampi yācitabbā. Tatiyampi yācitabbā. Sace sabbo saṅgho ussahati vihāravatthuṃ oloketuṃ sabbena saṅghena oloketabbaṃ. No ce sabbo saṅgho ussahati vihāravatthuṃ oloketuṃ, ye tattha honti bhikkhū byattā paṭibalā sārambhaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ aparikkamanaṃ jānituṃ te yācitvā sammannitabbā. Evañca pana, bhikkhave, sammannitabbā. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๓๖๘. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ มหลฺลกํ วิหารํ กตฺตุกาโม สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํฯ โส สงฺฆํ วิหารวตฺถุโอโลกนํ ยาจติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามญฺจ อิตฺถนฺนามญฺจ ภิกฺขุ สมฺมเนฺนยฺย อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํ โอโลเกตุํฯ เอสา ญตฺติฯ
368. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu mahallakaṃ vihāraṃ kattukāmo sassāmikaṃ attuddesaṃ. So saṅghaṃ vihāravatthuolokanaṃ yācati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmañca itthannāmañca bhikkhu sammanneyya itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ oloketuṃ. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ มหลฺลกํ วิหารํ กตฺตุกาโม สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํฯ โส สงฺฆํ วิหารวตฺถุโอโลกนํ ยาจติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามญฺจ อิตฺถนฺนามญฺจ ภิกฺขู สมฺมนฺนติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํ โอโลเกตุํฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส จ อิตฺถนฺนามสฺส จ ภิกฺขูนํ สมฺมุติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํ โอโลเกตุํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu mahallakaṃ vihāraṃ kattukāmo sassāmikaṃ attuddesaṃ. So saṅghaṃ vihāravatthuolokanaṃ yācati. Saṅgho itthannāmañca itthannāmañca bhikkhū sammannati itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ oloketuṃ. Yassāyasmato khamati itthannāmassa ca itthannāmassa ca bhikkhūnaṃ sammuti itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ oloketuṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘สมฺมตา สเงฺฆน อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จ ภิกฺขู อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํ โอโลเกตุํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Sammatā saṅghena itthannāmo ca itthannāmo ca bhikkhū itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ oloketuṃ. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
๓๖๙. เตหิ สมฺมเตหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ คนฺตฺวา วิหารวตฺถุ โอโลเกตพฺพํ; สารมฺภํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ อปริกฺกมนํ ชานิตพฺพํฯ สเจ สารมฺภํ โหติ อปริกฺกมนํ, ‘มายิธ กรี’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ อนารมฺภํ โหติ สปริกฺกมนํ, สงฺฆสฺส อาโรเจตพฺพํ – ‘อนารมฺภํ สปริกฺกมน’นฺติ ฯ เตน วิหารการเกน ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วุฑฺฒานํ ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘อหํ, ภเนฺต, มหลฺลกํ วิหารํ กตฺตุกาโม สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํ ฯ โสหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ วิหารวตฺถุเทสนํ ยาจามี’’ติฯ ทุติยมฺปิ ยาจิตพฺพาฯ ตติยมฺปิ ยาจิตพฺพาฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
369. Tehi sammatehi bhikkhūhi tattha gantvā vihāravatthu oloketabbaṃ; sārambhaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ aparikkamanaṃ jānitabbaṃ. Sace sārambhaṃ hoti aparikkamanaṃ, ‘māyidha karī’ti vattabbo. Sace anārambhaṃ hoti saparikkamanaṃ, saṅghassa ārocetabbaṃ – ‘anārambhaṃ saparikkamana’nti . Tena vihārakārakena bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā vuḍḍhānaṃ bhikkhūnaṃ pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘‘ahaṃ, bhante, mahallakaṃ vihāraṃ kattukāmo sassāmikaṃ attuddesaṃ . Sohaṃ, bhante, saṅghaṃ vihāravatthudesanaṃ yācāmī’’ti. Dutiyampi yācitabbā. Tatiyampi yācitabbā. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๓๗๐. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ มหลฺลกํ วิหารํ กตฺตุกาโม สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํฯ โส สงฺฆํ วิหารวตฺถุเทสนํ ยาจติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํ เทเสยฺยฯ เอสา ญตฺติฯ
370. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu mahallakaṃ vihāraṃ kattukāmo sassāmikaṃ attuddesaṃ. So saṅghaṃ vihāravatthudesanaṃ yācati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ deseyya. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ มหลฺลกํ วิหารํ กตฺตุกาโม สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํฯ โส สงฺฆํ วิหารวตฺถุเทสนํ ยาจติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํ เทเสติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุสฺส เทสนา, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu mahallakaṃ vihāraṃ kattukāmo sassāmikaṃ attuddesaṃ. So saṅghaṃ vihāravatthudesanaṃ yācati. Saṅgho itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ deseti. Yassāyasmato khamati itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthussa desanā, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘เทสิตํ สเงฺฆน อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน วิหารวตฺถุํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Desitaṃ saṅghena itthannāmassa bhikkhuno vihāravatthuṃ. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
๓๗๑. สารมฺภํ นาม กิปิลฺลิกานํ วา อาสโย โหติ, อุปจิกานํ วา อาสโย โหติ, อุนฺทูรานํ วา…เป.… อหีนํ วา วิจฺฉิกานํ วา สตปทีนํ วา หตฺถีนํ วา อสฺสานํ วา สีหานํ วา พฺยคฺฆานํ วา ทีปีนํ วา อจฺฉานํ วา ตรจฺฉานํ วา อาสโย โหติ, เยสํ เกสญฺจิ ติรจฺฉานคตานํ ปาณานํ อาสโย โหติ, ปุพฺพณฺณนิสฺสิตํ วา โหติ, อปรณฺณนิสฺสิตํ วา โหติ, อพฺภาฆาตนิสฺสิตํ วา โหติ, อาฆาตนนิสฺสิตํ วา โหติ, สุสานนิสฺสิตํ วา โหติ, อุยฺยานนิสฺสิตํ วา โหติ, ราชวตฺถุนิสฺสิตํ วา โหติ, หตฺถิสาลานิสฺสิตํ วา โหติ, อสฺสสาลานิสฺสิตํ วา โหติ, พนฺธนาคารนิสฺสิตํ วา โหติ, ปานาคารนิสฺสิตํ วา โหติ, สูนนิสฺสิตํ วา โหติ, รจฺฉานิสฺสิตํ วา โหติ, จจฺจรนิสฺสิตํ วา โหติ, สภานิสฺสิตํ วา โหติ, สํสรณนิสฺสิตํ วา โหติฯ เอตํ สารมฺภํ นามฯ
371.Sārambhaṃ nāma kipillikānaṃ vā āsayo hoti, upacikānaṃ vā āsayo hoti, undūrānaṃ vā…pe… ahīnaṃ vā vicchikānaṃ vā satapadīnaṃ vā hatthīnaṃ vā assānaṃ vā sīhānaṃ vā byagghānaṃ vā dīpīnaṃ vā acchānaṃ vā taracchānaṃ vā āsayo hoti, yesaṃ kesañci tiracchānagatānaṃ pāṇānaṃ āsayo hoti, pubbaṇṇanissitaṃ vā hoti, aparaṇṇanissitaṃ vā hoti, abbhāghātanissitaṃ vā hoti, āghātananissitaṃ vā hoti, susānanissitaṃ vā hoti, uyyānanissitaṃ vā hoti, rājavatthunissitaṃ vā hoti, hatthisālānissitaṃ vā hoti, assasālānissitaṃ vā hoti, bandhanāgāranissitaṃ vā hoti, pānāgāranissitaṃ vā hoti, sūnanissitaṃ vā hoti, racchānissitaṃ vā hoti, caccaranissitaṃ vā hoti, sabhānissitaṃ vā hoti, saṃsaraṇanissitaṃ vā hoti. Etaṃ sārambhaṃ nāma.
อปริกฺกมนํ นาม น สกฺกา โหติ ยถายุเตฺตน สกเฎน อนุปริคนฺตุํ, สมนฺตา นิเสฺสณิยา อนุปริคนฺตุํฯ เอตํ อปริกฺกมนํ นามฯ
Aparikkamanaṃ nāma na sakkā hoti yathāyuttena sakaṭena anuparigantuṃ, samantā nisseṇiyā anuparigantuṃ. Etaṃ aparikkamanaṃ nāma.
อนารมฺภํ นาม น กิปิลฺลิกานํ วา อาสโย โหติ…เป.… น สํสรณนิสฺสิตํ วา โหติฯ เอตํ อนารมฺภํ นามฯ
Anārambhaṃ nāma na kipillikānaṃ vā āsayo hoti…pe… na saṃsaraṇanissitaṃ vā hoti. Etaṃ anārambhaṃ nāma.
สปริกฺกมนํ นาม สกฺกา โหติ ยถายุเตฺตน สกเฎน อนุปริคนฺตุํ, สมนฺตา นิเสฺสณิยา อนุปริคนฺตุํฯ เอตํ สปริกฺกมนํ นามฯ
Saparikkamanaṃ nāma sakkā hoti yathāyuttena sakaṭena anuparigantuṃ, samantā nisseṇiyā anuparigantuṃ. Etaṃ saparikkamanaṃ nāma.
มหลฺลโก นาม วิหาโร สสฺสามิโก วุจฺจติฯ
Mahallako nāma vihāro sassāmiko vuccati.
วิหาโร นาม อุลฺลิโตฺต วา โหติ อวลิโตฺต วา อุลฺลิตฺตาวลิโตฺต วาฯ
Vihāro nāma ullitto vā hoti avalitto vā ullittāvalitto vā.
กาเรยฺยาติ กโรติ วา การาเปติ วาฯ
Kāreyyāti karoti vā kārāpeti vā.
ภิกฺขู วา อนภิเนยฺย วตฺถุเทสนายาติ ญตฺติทุติเยน กเมฺมน วิหารวตฺถุํ น เทสาเปตฺวา กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส ฯ ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
Bhikkhū vā anabhineyya vatthudesanāyāti ñattidutiyena kammena vihāravatthuṃ na desāpetvā karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Ekaṃ piṇḍaṃ anāgate, āpatti thullaccayassa . Tasmiṃ piṇḍe āgate, āpatti saṅghādisesassa.
สงฺฆาทิเสโสติ…เป.… เตนปิ วุจฺจติ – ‘สงฺฆาทิเสโส’ติฯ
Saṅghādisesoti…pe… tenapi vuccati – ‘saṅghādiseso’ti.
๓๗๒. ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํฯ ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺสฯ ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺสฯ ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
372. Bhikkhu vihāraṃ karoti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dvinnaṃ dukkaṭānaṃ. Bhikkhu vihāraṃ karoti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa. Bhikkhu vihāraṃ karoti adesitavatthukaṃ anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa. Bhikkhu vihāraṃ karoti adesitavatthukaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesassa.
ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํฯ ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ภิกฺขุ วิหารํ กโรติ เทสิตวตฺถุกํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อนาปตฺติฯ
Bhikkhu vihāraṃ karoti desitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ. Bhikkhu vihāraṃ karoti desitavatthukaṃ sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa. Bhikkhu vihāraṃ karoti desitavatthukaṃ anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa. Bhikkhu vihāraṃ karoti desitavatthukaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ, anāpatti.
๓๗๓. ภิกฺขุ สมาทิสติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
373. Bhikkhu samādisati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesassa.
ภิกฺขุ สมาทิสติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อนาปตฺติฯ
Bhikkhu samādisati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti desitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, anāpatti.
๓๗๔. ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ น จ สมาทิสติ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
374. Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Na ca samādisati – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesassa.
ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ น จ สมาทิสติ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อนาปตฺติฯ
Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Na ca samādisati – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti desitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, anāpatti.
๓๗๕. ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ สมาทิสติ จ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ โส สุณาติ – ‘‘วิหาโร กิร เม กยิรติ อเทสิตวตฺถุโก สารโมฺภ อปริกฺกมโน’’ติฯ เตน ภิกฺขุนา สามํ วา คนฺตพฺพํ ทูโต วา ปาเหตโพฺพ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติ …เป.… ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จา’’ติ…เป.… ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ สปริกฺกมโน จา’’ติ …เป.… ‘‘เทสิตวตฺถุโก โหตู’’ติฯ โน เจ สามํ วา คเจฺฉยฺย ทูตํ วา ปหิเณยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
375. Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Samādisati ca – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. So suṇāti – ‘‘vihāro kira me kayirati adesitavatthuko sārambho aparikkamano’’ti. Tena bhikkhunā sāmaṃ vā gantabbaṃ dūto vā pāhetabbo – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti …pe… ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho cā’’ti…pe… ‘‘desitavatthuko ca hotu saparikkamano cā’’ti …pe… ‘‘desitavatthuko hotū’’ti. No ce sāmaṃ vā gaccheyya dūtaṃ vā pahiṇeyya, āpatti dukkaṭassa.
ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ สมาทิสติ จ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ โส สุณาติ – ‘‘วิหาโร กิร เม กยิรติ เทสิตวตฺถุโก สารโมฺภ อปริกฺกมโน’’ติฯ เตน ภิกฺขุนา สามํ วา คนฺตพฺพํ ทูโต วา ปาเหตโพฺพ – ‘‘อนารโมฺภ จ โหตุ สปริกฺกมโน จา’’ติ…เป.… ‘‘อนารโมฺภ โหตู’’ติ ‘‘สปริกฺกมโน โหตู’’ติ, อนาปตฺติฯ
Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Samādisati ca – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti desitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. So suṇāti – ‘‘vihāro kira me kayirati desitavatthuko sārambho aparikkamano’’ti. Tena bhikkhunā sāmaṃ vā gantabbaṃ dūto vā pāhetabbo – ‘‘anārambho ca hotu saparikkamano cā’’ti…pe… ‘‘anārambho hotū’’ti ‘‘saparikkamano hotū’’ti, anāpatti.
๓๗๖. ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ สมาทิสติ จ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ การุกานํ ติณฺณํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ การุกานํ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ การุกานํ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ การุกานํ ทุกฺกฎสฺสฯ
376. Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Samādisati ca – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti kārukānaṃ tiṇṇaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti kārukānaṃ dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti kārukānaṃ dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti kārukānaṃ dukkaṭassa.
ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ สมาทิสติ จ – ‘‘เทสิตวตฺถุโก จ โหตุ อนารโมฺภ จ สปริกฺกมโน จา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ , อาปตฺติ การุกานํ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ การุกานํ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ การุกานํ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อนาปตฺติฯ
Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Samādisati ca – ‘‘desitavatthuko ca hotu anārambho ca saparikkamano cā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti desitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ , āpatti kārukānaṃ dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti kārukānaṃ dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti kārukānaṃ dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, anāpatti.
๓๗๗. ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ โส เจ วิปฺปกเต อาคจฺฉติ, เตน ภิกฺขุนา โส วิหาโร อญฺญสฺส วา ทาตโพฺพ ภินฺทิตฺวา วา ปุน กาตโพฺพฯ โน เจ อญฺญสฺส วา ทเทยฺย ภินฺทิตฺวา วา ปุน กาเรยฺย, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
377. Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. So ce vippakate āgacchati, tena bhikkhunā so vihāro aññassa vā dātabbo bhinditvā vā puna kātabbo. No ce aññassa vā dadeyya bhinditvā vā puna kāreyya, āpatti saṅghādisesena dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti saṅghādisesassa.
ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ – ‘‘วิหารํ เม กโรถา’’ติฯ ตสฺส วิหารํ กโรนฺติ เทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ โส เจ วิปฺปกเต อาคจฺฉติ, เตน ภิกฺขุนา โส วิหาโร อญฺญสฺส วา ทาตโพฺพ ภินฺทิตฺวา วา ปุน กาตโพฺพฯ โน เจ อญฺญสฺส วา ทเทยฺย ภินฺทิตฺวา วา ปุน กาเรยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํ…เป.… สารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ อปริกฺกมนํ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส…เป.… อนารมฺภํ สปริกฺกมนํ, อนาปตฺติฯ
Bhikkhu samādisitvā pakkamati – ‘‘vihāraṃ me karothā’’ti. Tassa vihāraṃ karonti desitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. So ce vippakate āgacchati, tena bhikkhunā so vihāro aññassa vā dātabbo bhinditvā vā puna kātabbo. No ce aññassa vā dadeyya bhinditvā vā puna kāreyya, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ…pe… sārambhaṃ saparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ aparikkamanaṃ, āpatti dukkaṭassa…pe… anārambhaṃ saparikkamanaṃ, anāpatti.
๓๗๘. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส ฯ
378. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti saṅghādisesassa .
อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti saṅghādisesassa.
ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti saṅghādisesassa.
ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ
Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti saṅghādisesassa.
๓๗๙. อนาปตฺติ เลเณ คุหาย ติณกุฎิกาย อญฺญสฺสตฺถาย วาสาคารํ ฐเปตฺวา สพฺพตฺถฯ อนาปตฺติ อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
379. Anāpatti leṇe guhāya tiṇakuṭikāya aññassatthāya vāsāgāraṃ ṭhapetvā sabbattha. Anāpatti ummattakassa, ādikammikassāti.
วิหารการสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Vihārakārasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vihārakārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vihārakārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vihārakārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๗. วิหารการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vihārakārasikkhāpadavaṇṇanā