Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๖. เสนาสนกฺขนฺธกํ

    6. Senāsanakkhandhakaṃ

    วิหารานุชานนกถาวณฺณนา

    Vihārānujānanakathāvaṇṇanā

    ๒๙๔. เสนาสนกฺขนฺธเก เสนาสนํ อปญฺญตฺตํ โหตีติ วิหารเสนาสนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ จตุพฺพิธญฺหิ (ม. นิ. อฎฺฎ. ๑.๒๙๖) เสนาสนํ วิหารเสนาสนํ มญฺจปีฐเสนาสนํ สนฺถตเสนาสนํ โอกาสเสนาสนนฺติฯ ตตฺถ ‘‘มโญฺจปิ เสนาสนํ, ปีฐมฺปิ ภิสิปิ พิโมฺพหนมฺปิ วิหาโรปิ อฑฺฒโยโคปิ ปาสาโทปิ หมฺมิยมฺปิ คุหาปิ อโฎฺฎปิ มาโฬปิ เลณมฺปิ เวฬุคุโมฺพปิ รุกฺขมูลมฺปิ มณฺฑโปปิ เสนาสนํฯ ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสน’’นฺติ (วิภ. ๕๒๗) วจนโต วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหาติ อิทํ วิหารเสนาสนํ นามฯ มโญฺจ ปีฐํ ภิสิ พิโมฺพหนนฺติ อิทํ มญฺจปีฐเสนาสนํ นามฯ จิมิลิกา จมฺมขโณฺฑ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโรติ อิทํ สนฺถตเสนาสนํ นามฯ ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺตีติ อิทํ โอกาสเสนาสนํ นามฯ

    294. Senāsanakkhandhake senāsanaṃ apaññattaṃ hotīti vihārasenāsanaṃ sandhāya vuttaṃ. Catubbidhañhi (ma. ni. aṭṭa. 1.296) senāsanaṃ vihārasenāsanaṃ mañcapīṭhasenāsanaṃ santhatasenāsanaṃ okāsasenāsananti. Tattha ‘‘mañcopi senāsanaṃ, pīṭhampi bhisipi bimbohanampi vihāropi aḍḍhayogopi pāsādopi hammiyampi guhāpi aṭṭopi māḷopi leṇampi veḷugumbopi rukkhamūlampi maṇḍapopi senāsanaṃ. Yattha vā pana bhikkhū paṭikkamanti, sabbametaṃ senāsana’’nti (vibha. 527) vacanato vihāro aḍḍhayogo pāsādo hammiyaṃ guhāti idaṃ vihārasenāsanaṃ nāma. Mañco pīṭhaṃ bhisi bimbohananti idaṃ mañcapīṭhasenāsanaṃ nāma. Cimilikā cammakhaṇḍo tiṇasanthāro paṇṇasanthāroti idaṃ santhatasenāsanaṃ nāma. Yattha vā pana bhikkhū paṭikkamantīti idaṃ okāsasenāsanaṃ nāma.

    รุกฺขมูเลติอาทีสุ รุกฺขมูลเสนาสนํ นาม ยํกิญฺจิ สนฺทจฺฉายํ วิวิตฺตํ รุกฺขมูลํฯ ปพฺพโต นาม เสโลฯ ตตฺถ หิ อุทกโสณฺฑีสุ อุทกกิจฺจํ กตฺวา สีตาย รุกฺขจฺฉายาย นิสินฺนา นานาทิสาสุ ขายมานาสุ สีเตน วาเตน พีชิยมานา สมณธมฺมํ กโรนฺติฯ กนฺทเรติ กํ วุจฺจติ อุทกํ, เตน ทาริโต อุทเกน ภิโนฺน ปพฺพตปฺปเทโส กนฺทรํฯ ยํ ‘‘นิตมฺพ’’นฺติปิ ‘‘นทีกุญฺช’’นฺติปิ วทนฺติฯ ตตฺถ หิ รชตปฎฺฎสทิสา วาลิกา โหติ, มตฺถเก มณิวิตานํ วิย วนคหนํ, มณิกฺขนฺธสทิสํ อุทกํ สนฺทติ, เอวรูปํ กนฺทรํ โอรุยฺห ปานียํ ปิวิตฺวา คตฺตานิ สีตํ กตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา ปํสุกูลจีวรํ ปญฺญเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนา เต ภิกฺขู สมณธมฺมํ กโรนฺติฯ คิริคุหา นาม ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตรา, เอกสฺมิํเยว วา อุมงฺคสทิสํ มหาวิวรํฯ

    Rukkhamūletiādīsu rukkhamūlasenāsanaṃ nāma yaṃkiñci sandacchāyaṃ vivittaṃ rukkhamūlaṃ. Pabbato nāma selo. Tattha hi udakasoṇḍīsu udakakiccaṃ katvā sītāya rukkhacchāyāya nisinnā nānādisāsu khāyamānāsu sītena vātena bījiyamānā samaṇadhammaṃ karonti. Kandareti kaṃ vuccati udakaṃ, tena dārito udakena bhinno pabbatappadeso kandaraṃ. Yaṃ ‘‘nitamba’’ntipi ‘‘nadīkuñja’’ntipi vadanti. Tattha hi rajatapaṭṭasadisā vālikā hoti, matthake maṇivitānaṃ viya vanagahanaṃ, maṇikkhandhasadisaṃ udakaṃ sandati, evarūpaṃ kandaraṃ oruyha pānīyaṃ pivitvā gattāni sītaṃ katvā vālikaṃ ussāpetvā paṃsukūlacīvaraṃ paññapetvā tattha nisinnā te bhikkhū samaṇadhammaṃ karonti. Giriguhā nāma dvinnaṃ pabbatānaṃ antarā, ekasmiṃyeva vā umaṅgasadisaṃ mahāvivaraṃ.

    ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติอาทิวจนโต (วิภ. ๕๓๑) ยตฺถ น กสนฺติ น วปนฺติ, ตาทิสํ มนุสฺสานํ อุปจารฎฺฐานํ อติกฺกมิตฺวา ฐิตํ อรญฺญกเสนาสนํ ‘‘วนปตฺถ’’นฺติ วุจฺจติฯ อโชฺฌกาโส นาม เกนจิ อจฺฉโนฺน ปเทโสฯ อากงฺขมานา ปเนตฺถ จีวรกุฎิํ กตฺวา วสนฺติฯ ปลาลปุเญฺชติ ปลาลราสิมฺหิฯ มหาปลาลปุญฺชโต หิ ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย กโรนฺติ, คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปิ อุปริ ปลาลํ ปริกฺขิปิตฺวา เหฎฺฐา นิสินฺนา สมณธมฺมํ กโรนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ปญฺจ เลณานีติ ปญฺจ ลียนฎฺฐานานิฯ นิลียนฺติ เอตฺถ ภิกฺขูติ เลณานิ, วิหาราทีนเมตํ อธิวจนํฯ สุปณฺณวงฺกเคหนฺติ ครุฬปกฺขสณฺฐาเนน กตเคหํฯ

    ‘‘Vanapatthanti dūrānametaṃ senāsanānaṃ adhivacana’’ntiādivacanato (vibha. 531) yattha na kasanti na vapanti, tādisaṃ manussānaṃ upacāraṭṭhānaṃ atikkamitvā ṭhitaṃ araññakasenāsanaṃ ‘‘vanapattha’’nti vuccati. Ajjhokāso nāma kenaci acchanno padeso. Ākaṅkhamānā panettha cīvarakuṭiṃ katvā vasanti. Palālapuñjeti palālarāsimhi. Mahāpalālapuñjato hi palālaṃ nikkaḍḍhitvā pabbhāraleṇasadise ālaye karonti, gacchagumbādīnampi upari palālaṃ parikkhipitvā heṭṭhā nisinnā samaṇadhammaṃ karonti, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Pañca leṇānīti pañca līyanaṭṭhānāni. Nilīyanti ettha bhikkhūti leṇāni, vihārādīnametaṃ adhivacanaṃ. Supaṇṇavaṅkagehanti garuḷapakkhasaṇṭhānena katagehaṃ.

    ๒๙๕. อนุโมทนคาถาสุ สีตนฺติ อชฺฌตฺตธาตุโกฺขภวเสน วา พหิทฺธอุตุวิปริณามวสเอน วา อุปฺปชฺชนกสีตํฯ อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ, ตสฺส วนทาหาทีสุ วา สมฺภโว ทฎฺฐโพฺพฯ ปฎิหนฺตีติ พาธติฯ ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนํ น โหติ, เอวํ กโรติฯ สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิโตฺต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สโกฺกติฯ วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิเคฯ คุตฺตเสนาสนญฺหิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติฯ สรีสเปติ เย เกจิ สรเนฺต คจฺฉเนฺต ทีฆชาติเกฯ มกเสติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ฑํสาทีนมฺปิ เอเตเนว สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สิสิเรติ สิสิรกาลวเสน สตฺตาหวทฺธลิกาทิวเสน จ อุปฺปเนฺน สิสิรสมฺผเสฺสฯ วุฎฺฐิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฎฺฐิโยฯ

    295. Anumodanagāthāsu sītanti ajjhattadhātukkhobhavasena vā bahiddhautuvipariṇāmavasaena vā uppajjanakasītaṃ. Uṇhanti aggisantāpaṃ, tassa vanadāhādīsu vā sambhavo daṭṭhabbo. Paṭihantīti bādhati. Yathā tadubhayavasena kāyacittānaṃ bādhanaṃ na hoti, evaṃ karoti. Sītuṇhabbhāhate hi sarīre vikkhittacitto bhikkhu yoniso padahituṃ na sakkoti. Vāḷamigānīti sīhabyagghādivāḷamige. Guttasenāsanañhi pavisitvā dvāraṃ pidhāya nisinnassa te parissayā na honti. Sarīsapeti ye keci sarante gacchante dīghajātike. Makaseti nidassanamattametaṃ, ḍaṃsādīnampi eteneva saṅgaho daṭṭhabbo. Sisireti sisirakālavasena sattāhavaddhalikādivasena ca uppanne sisirasamphasse. Vuṭṭhiyoti yadā tadā uppannā vassavuṭṭhiyo.

    วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภญฺชนาทิวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จ ปฎิหญฺญติ ปฎิพาหียติฯ เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวเตฺตตฺวา ปฎิสลฺลานารามตฺถํฯ สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํฯ ฌายิตุนฺติ อฎฺฐติํสารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิชฺฌายิตุํฯ วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สงฺขาเร สมฺมสิตุํฯ

    Vātātapo ghoroti rukkhagacchādīnaṃ ummūlabhañjanādivasena pavattiyā ghoro sarajaarajādibhedo vāto ceva gimhapariḷāhasamayesu uppattiyā ghoro sūriyātapo ca paṭihaññati paṭibāhīyati. Leṇatthanti nānārammaṇato cittaṃ nivattetvā paṭisallānārāmatthaṃ. Sukhatthanti vuttaparissayābhāvena phāsuvihāratthaṃ. Jhāyitunti aṭṭhatiṃsārammaṇesu yattha katthaci cittaṃ upanijjhāyituṃ. Vipassitunti aniccādito saṅkhāre sammasituṃ.

    วิหาเรติ ปติสฺสเยฯ การเยติ การาเปยฺยฯ รเมฺมติ มโนรเม นิวาสสุเขฯ วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวเนฺต กลฺยาณธเมฺม นิวาเสยฺยฯ เต นิวาเสโนฺต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปเนฺนสุ กมฺมผลานํ รตนตฺตยคุณานญฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ

    Vihāreti patissaye. Kārayeti kārāpeyya. Rammeti manorame nivāsasukhe. Vāsayettha bahussuteti kāretvā pana ettha vihāresu bahussute sīlavante kalyāṇadhamme nivāseyya. Te nivāsento pana tesaṃ bahussutānaṃ yathā paccayehi kilamatho na hoti, evaṃ annañca pānañca vatthasenāsanāni ca dadeyya ujubhūtesu ajjhāsayasampannesu kammaphalānaṃ ratanattayaguṇānañca saddahanena vippasannena cetasā.

    อิทานิ คหฎฺฐปพฺพชิตานํ อญฺญมญฺญุปการิตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ เตติ เต พหุสฺสุตาฯ ตสฺสาติ อุปาสกสฺสฯ ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฎฺฎทุกฺขาปนูทนํ สทฺธมฺมํ เทเสนฺติฯ ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญายาติ โส ปุคฺคโล ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมิํ สาสเน สมฺมา ปฎิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพายติฯ

    Idāni gahaṭṭhapabbajitānaṃ aññamaññupakāritaṃ dassetuṃ ‘‘te tassā’’ti gāthamāha. Tattha teti te bahussutā. Tassāti upāsakassa. Dhammaṃ desentīti sakalavaṭṭadukkhāpanūdanaṃ saddhammaṃ desenti. Yaṃ so dhammaṃ idhaññāyāti so puggalo yaṃ saddhammaṃ imasmiṃ sāsane sammā paṭipajjanena jānitvā aggamaggādhigamena anāsavo hutvā parinibbāyati.

    โส จ สพฺพทโท โหตีติ อาวาสทานสฺมิํ ทิเนฺน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ ตถา หิ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๔๒) เทฺว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิญฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นหายิตฺวา ปติสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฎฺฐาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฎฺฐาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฎโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสยา เจว โจรภยญฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สเพฺพ ปริสฺสยา น โหนฺติ, สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขญฺจ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธาวิเกฺขปาภาวโต, พหิ วิจรนฺตสฺส จ เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มญฺจปีฐานิ น ปญฺญายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิโตฺต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมญฺจปีฐาทีนิ ปญฺญายนฺติ, เอตสฺมิญฺจ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติฯ

    So ca sabbadado hotīti āvāsadānasmiṃ dinne sabbadānaṃ dinnameva hotīti katvā vuttaṃ. Tathā hi (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.42) dve tayo gāme piṇḍāya caritvā kiñci aladdhā āgatassapi chāyūdakasampannaṃ ārāmaṃ pavisitvā nahāyitvā patissaye muhuttaṃ nipajjitvā uṭṭhāya nisinnassa kāye balaṃ āharitvā pakkhittaṃ viya hoti, bahi vicarantassa ca kāye vaṇṇadhātu vātātapehi kilamati, patissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya muhuttaṃ nipannassa visabhāgasantati vūpasammati, sabhāgasantati patiṭṭhāti, vaṇṇadhātu āharitvā pakkhittā viya hoti, bahi vicarantassa ca pāde kaṇṭako vijjhati, khāṇu paharati, sarīsapādiparissayā ceva corabhayañca uppajjati, patissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya nipannassa sabbe parissayā na honti, sajjhāyantassa dhammapītisukhaṃ, kammaṭṭhānaṃ manasikarontassa upasamasukhañca uppajjati bahiddhāvikkhepābhāvato, bahi vicarantassa ca sedā muccanti, akkhīni phandanti, senāsanaṃ pavisanakkhaṇe mañcapīṭhāni na paññāyanti, muhuttaṃ nisinnassa pana akkhipasādo āharitvā pakkhitto viya hoti, dvāravātapānamañcapīṭhādīni paññāyanti, etasmiñca āvāse vasantaṃ disvā manussā catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahanti. Tena vuttaṃ ‘‘so ca sabbadado hoti, yo dadāti upassaya’’nti.

    ๒๙๖. อาวิญฺฉนจฺฉิทฺทนฺติ ยตฺถ องฺคุลิํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ อากฑฺฒนฺตา ทฺวารพาหํ ผุสาเปนฺติ, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ อาวิญฺฉนรชฺชุนฺติ กวาเฎเยว ฉิทฺทํ กตฺวา ตตฺถ ปเวเสตฺวา เยน รชฺชุเกน กฑฺฒนฺตา ทฺวารํ ผุสาเปนฺติ, ตํ อาวิญฺฉนรชฺชุกํฯ เสนาสนปริโภเค อกปฺปิยจมฺมํ นาม นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สเจปิ ทีปินงฺคุเฎฺฐน กตา โหติ, วฎฺฎติเยวา’’ติ วุตฺตํฯ เจติเย เวทิกาสทิสนฺติ วาตปานพาหาสุ เจติเย เวทิกาย วิย ปฎฺฎิกาทีหิ ทเสฺสตฺวา กตํฯ ถมฺภกวาตปานํ นาม ติริยํ ทารูนิ อทตฺวา อุชุกํ ฐิเตหิ เอว เวณุสลากาทีหิ กตํฯ

    296.Āviñchanacchiddanti yattha aṅguliṃ pavesetvā dvāraṃ ākaḍḍhantā dvārabāhaṃ phusāpenti, tassetaṃ adhivacanaṃ. Āviñchanarajjunti kavāṭeyeva chiddaṃ katvā tattha pavesetvā yena rajjukena kaḍḍhantā dvāraṃ phusāpenti, taṃ āviñchanarajjukaṃ. Senāsanaparibhoge akappiyacammaṃ nāma natthīti dassanatthaṃ ‘‘sacepi dīpinaṅguṭṭhena katā hoti, vaṭṭatiyevā’’ti vuttaṃ. Cetiye vedikāsadisanti vātapānabāhāsu cetiye vedikāya viya paṭṭikādīhi dassetvā kataṃ. Thambhakavātapānaṃ nāma tiriyaṃ dārūni adatvā ujukaṃ ṭhitehi eva veṇusalākādīhi kataṃ.

    วิหารานุชานนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vihārānujānanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / วิหารานุชานนํ • Vihārānujānanaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact