Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๖. เสนาสนกฺขนฺธโก
6. Senāsanakkhandhako
วิหารานุชานนกถาวณฺณนา
Vihārānujānanakathāvaṇṇanā
๒๙๕. เสนาสนกฺขนฺธเก สิสิเรติ สิสิรกาเล หิมปาตวเสน สตฺตาหวทฺทลิกาทิวสฺสปาตวเสฺสน จ อุปฺปโนฺน ขโร สีตสมฺผโสฺส อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘สมฺผุสิตโก’’ติฯ ‘‘ตโต’’ติ อิทํ กตฺตุอเตฺถ นิสฺสกฺกวจนํ, เตน จ วิหาเรน วาตาตโป ปฎิหญฺญตีติ อโตฺถติ อาห ‘‘วิหาเรน ปฎิหญฺญตี’’ติฯ
295. Senāsanakkhandhake sisireti sisirakāle himapātavasena sattāhavaddalikādivassapātavassena ca uppanno kharo sītasamphasso adhippetoti āha ‘‘samphusitako’’ti. ‘‘Tato’’ti idaṃ kattuatthe nissakkavacanaṃ, tena ca vihārena vātātapo paṭihaññatīti atthoti āha ‘‘vihārena paṭihaññatī’’ti.
๒๙๖. อาวิญฺฉนฉิทฺทนฺติ ยตฺถ องฺคุลิํ วา รชฺชุสงฺขลิกาทิํ วา ปเวเสตฺวา กวาฎํ อากฑฺฒนฺตา ทฺวารพาหํ ผุสาเปนฺติ, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ เสนาสนปริโภเค อกปฺปิยํ นาม นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สเจปิ ทีปินงฺคุเฎฺฐนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เจติเย เวทิกาสทิสนฺติ วาตปานทารุํ วา ชาลํ วา อฎฺฐเปตฺวา ทารุฎฺฐาเน เจติเย เวทิกาย ปฎฺฎาทีนิ วิย อิฎฺฐกาทีหิ อุทฺธํ, ติริยญฺจ ปฎฺฎิกาทโย ทเสฺสตฺวา จตุฉิทฺทยุตฺตํ กตํฯ ถมฺภกวาตปานํ นาม ติริยํ ทารูนิ อทตฺวา อุทฺธํ ฐปิตทารูหิ เอว กตํฯ โจฬกปาทปุญฺฉนํ พนฺธิตุนฺติ วาตปานปฺปมาเณน ปาทปุญฺฉนสทิสํ โจฬกาทินา พนฺธิตฺวา วคฺคุลิอาทิปฺปเวสนนิวารณตฺถํ, กเถตุนฺติ อโตฺถฯ มิฑฺฒกนฺติ มญฺจากาเรน กฎฺฐมตฺติกาทีหิ กตเวทิกาการํฯ
296.Āviñchanachiddanti yattha aṅguliṃ vā rajjusaṅkhalikādiṃ vā pavesetvā kavāṭaṃ ākaḍḍhantā dvārabāhaṃ phusāpenti, tassetaṃ adhivacanaṃ. Senāsanaparibhoge akappiyaṃ nāma natthīti dassanatthaṃ ‘‘sacepi dīpinaṅguṭṭhenā’’tiādi vuttaṃ. Cetiye vedikāsadisanti vātapānadāruṃ vā jālaṃ vā aṭṭhapetvā dāruṭṭhāne cetiye vedikāya paṭṭādīni viya iṭṭhakādīhi uddhaṃ, tiriyañca paṭṭikādayo dassetvā catuchiddayuttaṃ kataṃ. Thambhakavātapānaṃ nāma tiriyaṃ dārūni adatvā uddhaṃ ṭhapitadārūhi eva kataṃ. Coḷakapādapuñchanaṃ bandhitunti vātapānappamāṇena pādapuñchanasadisaṃ coḷakādinā bandhitvā vagguliādippavesananivāraṇatthaṃ, kathetunti attho. Miḍḍhakanti mañcākārena kaṭṭhamattikādīhi katavedikākāraṃ.
๒๙๗. จตุรสฺสปีฐนฺติ สมจตุรสฺสํฯ อฎฺฐงฺคุลปาทกํ วฎฺฎตีติ อฎฺฐงฺคุลปาทกเมว วฎฺฎติฯ ปมาณาติกฺกโนฺตปิ วฎฺฎตีติ สมจตุรสฺสเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อายตจตุรสฺสา ปน สตฺตงฺคปญฺจงฺคาปิ อุจฺจปาทา น วฎฺฎนฺติฯ เวเตฺตเหว จตุรสฺสาทิอากาเรน กตํ ภทฺทปีฐนฺติ อาห ‘‘เวตฺตมยํ ปีฐ’’นฺติฯ ทารุปฎฺฎิกาย อุปรีติ อฎนิอากาเรน ฐิตทารุปฎลสฺส เหฎฺฐา อุทฺธํ ปาทํ กตฺวาฯ ปเวสนกาลญฺหิ สนฺธาย ‘‘อุปรี’’ติ วุตฺตํฯ เอฬกสฺส ปจฺฉิมปาททฺวยํ วิย วงฺกากาเรน ฐิตตฺตา ปเนตํ ‘‘เอฬกปาทปีฐ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปโลเฐนฺตีติ สห มเญฺจหิ ปวเฎฺฎนฺติฯ รุเกฺข , ลตา จ มุญฺจิตฺวา อวเสสํ คจฺฉาทิกํ สพฺพมฺปิ ติณชาติ เอวาติ อาห ‘‘เยสํ เกสญฺจิ ติณชาติกาน’’นฺติอาทิฯ
297.Caturassapīṭhanti samacaturassaṃ. Aṭṭhaṅgulapādakaṃ vaṭṭatīti aṭṭhaṅgulapādakameva vaṭṭati. Pamāṇātikkantopi vaṭṭatīti samacaturassameva sandhāya vuttaṃ. Āyatacaturassā pana sattaṅgapañcaṅgāpi uccapādā na vaṭṭanti. Vetteheva caturassādiākārena kataṃ bhaddapīṭhanti āha ‘‘vettamayaṃ pīṭha’’nti. Dārupaṭṭikāya uparīti aṭaniākārena ṭhitadārupaṭalassa heṭṭhā uddhaṃ pādaṃ katvā. Pavesanakālañhi sandhāya ‘‘uparī’’ti vuttaṃ. Eḷakassa pacchimapādadvayaṃ viya vaṅkākārena ṭhitattā panetaṃ ‘‘eḷakapādapīṭha’’nti vuttaṃ. Paloṭhentīti saha mañcehi pavaṭṭenti. Rukkhe , latā ca muñcitvā avasesaṃ gacchādikaṃ sabbampi tiṇajāti evāti āha ‘‘yesaṃ kesañci tiṇajātikāna’’ntiādi.
อุปทหนฺตีติ ฐเปนฺติฯ สีสปฺปมาณํ นาม ยตฺถ คีวาย สห สกลํ สีสํ ฐเปตุํ สกฺกา, ตสฺส จ มุฎฺฐิรตนํ วิตฺถารปฺปมาณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิตฺถารโต’’ติอาทิมาหฯ อิทญฺจ พิโมฺพหนสฺส อุโภสุ อเนฺตสุ ฐเปตพฺพโจฬปฺปมาณทสฺสนํฯ ตสฺส วเสน พิโมฺพหนสฺส วิตฺถารปฺปมาณํ ปริจฺฉิชฺชติ, ตํ วฎฺฎํ วา จตุรสฺสํ วา กตฺวา สิพฺพิตํ ยถา โกฎิโต โกฎิ วิตฺถารโต ปุถุลฎฺฐานํ มุฎฺฐิรตนปฺปมาณํ โหติ, เอวํ สิพฺพิตพฺพํฯ อิโต อธิกํ น วฎฺฎติ, ตํ ปน อเนฺตสุ ฐปิตโจฬํ โกฎิยา โกฎิํ อาหจฺจ ทิคุณํ กตํ ติกณฺณํ โหติฯ เตสุ ตีสุ กเณฺณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานมนฺตรํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ โหติ, มชฺฌฎฺฐานํ โกฎิโต โกฎิํ อาหจฺจ มุฎฺฐิรตนํ โหติ, อิทมสฺส อุกฺกฎฺฐปฺปมาณํฯ เตนาห ‘‘ตีสุ กเณฺณสู’’ติอาทิฯ
Upadahantīti ṭhapenti. Sīsappamāṇaṃ nāma yattha gīvāya saha sakalaṃ sīsaṃ ṭhapetuṃ sakkā, tassa ca muṭṭhiratanaṃ vitthārappamāṇanti dassento ‘‘vitthārato’’tiādimāha. Idañca bimbohanassa ubhosu antesu ṭhapetabbacoḷappamāṇadassanaṃ. Tassa vasena bimbohanassa vitthārappamāṇaṃ paricchijjati, taṃ vaṭṭaṃ vā caturassaṃ vā katvā sibbitaṃ yathā koṭito koṭi vitthārato puthulaṭṭhānaṃ muṭṭhiratanappamāṇaṃ hoti, evaṃ sibbitabbaṃ. Ito adhikaṃ na vaṭṭati, taṃ pana antesu ṭhapitacoḷaṃ koṭiyā koṭiṃ āhacca diguṇaṃ kataṃ tikaṇṇaṃ hoti. Tesu tīsu kaṇṇesu dvinnaṃ kaṇṇānamantaraṃ vidatthicaturaṅgulaṃ hoti, majjhaṭṭhānaṃ koṭito koṭiṃ āhacca muṭṭhiratanaṃ hoti, idamassa ukkaṭṭhappamāṇaṃ. Tenāha ‘‘tīsu kaṇṇesū’’tiādi.
‘‘กมฺพลเมว…เป.… อุณฺณภิสิสงฺขฺยเมว คจฺฉตี’’ติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา โคนกาทิอกปฺปิยมฺปิ อุณฺณมยตฺถรณํ ภิสิยํ ปกฺขิปิตฺวา สยิตุํ วฎฺฎตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
‘‘Kambalameva…pe… uṇṇabhisisaṅkhyameva gacchatī’’ti sāmaññato vuttattā gonakādiakappiyampi uṇṇamayattharaṇaṃ bhisiyaṃ pakkhipitvā sayituṃ vaṭṭatīti daṭṭhabbaṃ.
มสูรเกติ จมฺมมยภิสิยํฯ จมฺมมยํ ปน พิโมฺพหนํ ตูลปุณฺณมฺปิ น วฎฺฎติฯ ปาฬิยํ เสนาสนปริกฺขารทุสฺสนฺติ เสนาสนปริกฺขารกรณตฺถาย ทุสฺสํฯ ภิสิํ โอนนฺธิตุนฺติ ภิสิตฺถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา พนฺธิตุํฯ ปริภิชฺชตีติ มญฺจาทิโต สาริยมานา ปีฐโกฎิอาทีสุ นิสีทเนฺตหิ ฆํสิยมานา ภิสิ ปริภิชฺชติฯ โอนทฺธมญฺจนฺติ ภิสิํ เอกาพทฺธํ กตฺวา พทฺธมญฺจํฯ ปาฬิยํ ฉวิํ อุปฺปาเฎตฺวา หรนฺตีติ ภิสิจฺฉวิํ โจรา หรนฺติฯ โผสิตุนฺติ โจเรหิ หริตสฺส ปจฺฉา หริตสญฺญาณผุสิตพินฺทูนิ ทาตุํฯ ภิตฺติกมฺมนฺติ นานาวเณฺณหิ วิภิตฺติราชิกรณํฯ หตฺถกมฺมนฺติ หเตฺถน ยํ กิญฺจิ สญฺญากรณํฯ
Masūraketi cammamayabhisiyaṃ. Cammamayaṃ pana bimbohanaṃ tūlapuṇṇampi na vaṭṭati. Pāḷiyaṃ senāsanaparikkhāradussanti senāsanaparikkhārakaraṇatthāya dussaṃ. Bhisiṃ onandhitunti bhisitthavikāya pakkhipitvā bandhituṃ. Paribhijjatīti mañcādito sāriyamānā pīṭhakoṭiādīsu nisīdantehi ghaṃsiyamānā bhisi paribhijjati. Onaddhamañcanti bhisiṃ ekābaddhaṃ katvā baddhamañcaṃ. Pāḷiyaṃ chaviṃ uppāṭetvā harantīti bhisicchaviṃ corā haranti. Phositunti corehi haritassa pacchā haritasaññāṇaphusitabindūni dātuṃ. Bhittikammanti nānāvaṇṇehi vibhittirājikaraṇaṃ. Hatthakammanti hatthena yaṃ kiñci saññākaraṇaṃ.
๒๙๘. ปาฬิยํ น นิปตตีติ น อลฺลียติฯ ปฎิพาเหตฺวาติ ฆํสิตฺวาฯ น นิพนฺธตีติ อนิพนฺธนีโย, น ลคฺคนโกติ อโตฺถฯ
298. Pāḷiyaṃ na nipatatīti na allīyati. Paṭibāhetvāti ghaṃsitvā. Na nibandhatīti anibandhanīyo, na lagganakoti attho.
๒๙๙. ‘‘กโรหี’’ติ วตฺตุมฺปิ น ลพฺภตีติ อาณตฺติยา เอว ปฎิกฺขิตฺตตฺตา ทฺวารปาลํ ‘‘กิํ น กโรสี’’ติอาทินา ปริยาเยน วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ชาตกปกรณนฺติ ชาตกปฎิสํยุตฺตํ อิตฺถิปุริสาทิ ยํ กิญฺจิ รูปํ อธิเปฺปตํฯ ‘‘ปเรหิ การาเปตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา พุทฺธรูปมฺปิ สยํ กาตุํ น ลภติฯ ปาฬิยํ ปญฺจปฎิกนฺติ ชาติอาทิปญฺจปฺปการวณฺณมฎฺฐํฯ
299.‘‘Karohī’’ti vattumpi na labbhatīti āṇattiyā eva paṭikkhittattā dvārapālaṃ ‘‘kiṃ na karosī’’tiādinā pariyāyena vattuṃ vaṭṭati. Jātakapakaraṇanti jātakapaṭisaṃyuttaṃ itthipurisādi yaṃ kiñci rūpaṃ adhippetaṃ. ‘‘Parehi kārāpetu’’nti vuttattā buddharūpampi sayaṃ kātuṃ na labhati. Pāḷiyaṃ pañcapaṭikanti jātiādipañcappakāravaṇṇamaṭṭhaṃ.
๓๐๐. อุปจาโร น โหตีติ คพฺภสฺส พหิ สมนฺตา อนุปริคมนสฺส โอกาโส นปฺปโหติฯ รุกฺขํ วิชฺฌิตฺวาติ ตจฺฉิตสารทารุํ อคฺคสมีเป วิชฺฌิตฺวาฯ กตฺวาติ ฉิเทฺท กตฺวาฯ กปฺปกตํ วิย สารขาณุเก อาโกเฎตฺวา เอวํ กตเมว ‘‘อาหริมํ ภิตฺติปาท’’นฺติ วุตฺตํฯ อุปตฺถมฺภนตฺถํ ภูมิยํ ปติฎฺฐาเปตุนฺติ ชิณฺณภิตฺติปาเทน พหิ สมานภารํ ขาณุกปฺปสีเสน อุสฺสาเปตฺวา มูเลน ภูมิยํ ปติฎฺฐาเปตุํฯ ปริตฺตาณตฺถนฺติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตกุฎิยา โอวสฺสนฎฺฐานสฺส ปริตฺตาณตฺถํฯ กิฎิกนฺติ ตาลปณฺณาทีหิ กตปทลํฯ มทฺทิตมตฺติกนฺติ โอวสฺสนฉิทฺทสฺส ปิทหนตฺถํ วุตฺตํฯ
300.Upacārona hotīti gabbhassa bahi samantā anuparigamanassa okāso nappahoti. Rukkhaṃ vijjhitvāti tacchitasāradāruṃ aggasamīpe vijjhitvā. Katvāti chidde katvā. Kappakataṃ viya sārakhāṇuke ākoṭetvā evaṃ katameva ‘‘āharimaṃ bhittipāda’’nti vuttaṃ. Upatthambhanatthaṃ bhūmiyaṃ patiṭṭhāpetunti jiṇṇabhittipādena bahi samānabhāraṃ khāṇukappasīsena ussāpetvā mūlena bhūmiyaṃ patiṭṭhāpetuṃ. Parittāṇatthanti ullittāvalittakuṭiyā ovassanaṭṭhānassa parittāṇatthaṃ. Kiṭikanti tālapaṇṇādīhi katapadalaṃ. Madditamattikanti ovassanachiddassa pidahanatthaṃ vuttaṃ.
อุภโตกุฎฺฎํ นีหริตฺวา กตปเทสสฺสาติ ยถา พหิ ฐิตา อุชุกํ อโนฺต นิสิเนฺน น ปสฺสนฺติ, เอวํ ทฺวาราภิมุขํ ปิทหนวเสน ภิตฺติญฺจ อญฺญโต ทฺวารญฺจ โยเชตฺวา กตฎฺฐานํ วทติฯ สมนฺตา ปริยาคาโรติ สมนฺตโต อาวิทฺธปมุขํฯ วํสํ ทตฺวาติ ปุริสปฺปมาเณ ปาเท นิขณิตฺวา เตสํ อุปริ ปิฎฺฐิวํสสทิสํ ปสฺสวํสํ ฐเปตฺวา โอสาเรตฺวาฯ เอกํ ทณฺฑโกฎิํ อติอุจฺจาย วิหารภิตฺติโกฎิยา เอกํ โกฎิํ นีเจ วํสปิฎฺฐิยํ ฐปนวเสน ทณฺฑเก ปสาเรตฺวาฯ จกฺกลยุโตฺต กิฎิโกติ กวาฎํ วิย วิวรณถกนสุขตฺถํ จกฺกลพนฺธกิฎิกํฯ ปาฬิยํ อุคฺฆาฎนกิฎิกนฺติ อาปณาทีสุ อนตฺถิกกาเล อุกฺขิปิตฺวา, อุปริ จ พนฺธิตฺวา ปจฺฉา โอตรณกิฎิกํ, กปฺปสีเสหิ วา อุปตฺถมฺภนีหิ อุกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา โอตรณกิฎิกมฺปิฯ
Ubhatokuṭṭaṃ nīharitvā katapadesassāti yathā bahi ṭhitā ujukaṃ anto nisinne na passanti, evaṃ dvārābhimukhaṃ pidahanavasena bhittiñca aññato dvārañca yojetvā kataṭṭhānaṃ vadati. Samantā pariyāgāroti samantato āviddhapamukhaṃ. Vaṃsaṃ datvāti purisappamāṇe pāde nikhaṇitvā tesaṃ upari piṭṭhivaṃsasadisaṃ passavaṃsaṃ ṭhapetvā osāretvā. Ekaṃ daṇḍakoṭiṃ atiuccāya vihārabhittikoṭiyā ekaṃ koṭiṃ nīce vaṃsapiṭṭhiyaṃ ṭhapanavasena daṇḍake pasāretvā. Cakkalayutto kiṭikoti kavāṭaṃ viya vivaraṇathakanasukhatthaṃ cakkalabandhakiṭikaṃ. Pāḷiyaṃ ugghāṭanakiṭikanti āpaṇādīsu anatthikakāle ukkhipitvā, upari ca bandhitvā pacchā otaraṇakiṭikaṃ, kappasīsehi vā upatthambhanīhi ukkhipitvā pacchā otaraṇakiṭikampi.
๓๐๑. ปานียํ โอตปฺปตีติ ปานียภาชเนสุ ฐปิตปานียํ อาตเปน สนฺตปฺปติฯ
301.Pānīyaṃ otappatīti pānīyabhājanesu ṭhapitapānīyaṃ ātapena santappati.
๓๐๓. ตโย วาเฎติ ตโย ปริเกฺขเปฯ เวฬุวาฎนฺติ สพฺพํ ทารุปริเกฺขปํ สงฺคณฺหาติฯ กณฺฎกวาฎนฺติ สพฺพสาขาปริเกฺขปํฯ
303.Tayo vāṭeti tayo parikkhepe. Veḷuvāṭanti sabbaṃ dāruparikkhepaṃ saṅgaṇhāti. Kaṇṭakavāṭanti sabbasākhāparikkhepaṃ.
๓๐๕. อาโลโก อนฺตรธายีติ โย พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา อานุภาเวน มหโนฺต โอภาโส อโหสิ, เยน จสฺส ปทีปสหเสฺสน วิย วิคตนฺธกาโร มโคฺค อโหสิ, โส พหินคเร ฉวสรีรสมากุลํ ทุคฺคนฺธํ พีภจฺฉํ อามกสุสานํ ปตฺตสฺส ภเยน ปีติเวเค มนฺทีภูเต อนฺตรธายิฯ
305.Āloko antaradhāyīti yo buddhārammaṇāya pītiyā ānubhāvena mahanto obhāso ahosi, yena cassa padīpasahassena viya vigatandhakāro maggo ahosi, so bahinagare chavasarīrasamākulaṃ duggandhaṃ bībhacchaṃ āmakasusānaṃ pattassa bhayena pītivege mandībhūte antaradhāyi.
สตํ หตฺถีติ คาถาย หตฺถิโน สตสหสฺสานีติ เอวํ ปเจฺจกํ สหสฺส-สเทฺทน โยเชตฺวา อโตฺถ ญาตโพฺพฯ ปทวีติหารสฺสาติ ‘‘พุทฺธํ วนฺทิสฺสามี’’ติ รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส คจฺฉโต เอกปทวีติหารสฺส , ตปฺปจฺจยกุสลผลสฺสาติ อโตฺถฯ ตสฺส โสฬสโม ภาโค กลํ นาม, ตํ โสฬสิํ กลํ ยถาวุตฺตา หตฺถิอาทโย สเพฺพ นาคฺฆนฺติ นารหนฺติ, นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํฯ อเนกสตสหสฺสภาคมฺปิ นาคฺฆนฺติฯ
Sataṃhatthīti gāthāya hatthino satasahassānīti evaṃ paccekaṃ sahassa-saddena yojetvā attho ñātabbo. Padavītihārassāti ‘‘buddhaṃ vandissāmī’’ti ratanattayaṃ uddissa gacchato ekapadavītihārassa , tappaccayakusalaphalassāti attho. Tassa soḷasamo bhāgo kalaṃ nāma, taṃ soḷasiṃ kalaṃ yathāvuttā hatthiādayo sabbe nāgghanti nārahanti, nidassanamattañcetaṃ. Anekasatasahassabhāgampi nāgghanti.
อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ ปุน พลวปีติยา อาโลเก สมุปฺปเนฺน อนฺตรธายิฯ อาสตฺติโยติ ตณฺหาโยฯ วยกรณนฺติ เทยฺยธมฺมมูลํ นวกมฺมํฯ
Andhakāro antaradhāyīti puna balavapītiyā āloke samuppanne antaradhāyi. Āsattiyoti taṇhāyo. Vayakaraṇanti deyyadhammamūlaṃ navakammaṃ.
๓๐๙. ทเทยฺยาติ นวกมฺมํ อธิฎฺฐาตุํ วิหาเร อิสฺสริยํ ทเทยฺยาติ อโตฺถฯ ทิโนฺนติ นวกมฺมํ กาตุํ วิหาโร ทิโนฺน, วิหาเร นวกมฺมํ ทินฺนนฺติ วา อโตฺถฯ
309.Dadeyyāti navakammaṃ adhiṭṭhātuṃ vihāre issariyaṃ dadeyyāti attho. Dinnoti navakammaṃ kātuṃ vihāro dinno, vihāre navakammaṃ dinnanti vā attho.
๓๑๓-๔. สนฺถาคาเรติ สนฺนิปาตมณฺฑเปฯ โอกาเสติ นิวาโสกาเสฯ อุทฺทิสฺส กตนฺติ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตํฯ คิหิวิกฎนฺติ คิหีหิ กตํ ปญฺญตฺตํ, คิหิสนฺตกนฺติ อโตฺถฯ
313-4.Santhāgāreti sannipātamaṇḍape. Okāseti nivāsokāse. Uddissa katanti saṅghaṃ uddissa kataṃ. Gihivikaṭanti gihīhi kataṃ paññattaṃ, gihisantakanti attho.
วิหารานุชานนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vihārānujānanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi
วิหารานุชานนํ • Vihārānujānanaṃ
มญฺจปีฐาทิอนุชานนํ • Mañcapīṭhādianujānanaṃ
เสตวณฺณาทิอนุชานนํ • Setavaṇṇādianujānanaṃ
ปฎิภานจิตฺตปฎิเกฺขปํ • Paṭibhānacittapaṭikkhepaṃ
อิฎฺฐกาจยาทิอนุชานนํ • Iṭṭhakācayādianujānanaṃ
อุปฎฺฐานสาลาอนุชานนํ • Upaṭṭhānasālāanujānanaṃ
อารามปริเกฺขปอนุชานนํ • Ārāmaparikkhepaanujānanaṃ
อนาถปิณฺฑิกวตฺถุ • Anāthapiṇḍikavatthu
นวกมฺมทานํ • Navakammadānaṃ
อาสนปฺปฎิพาหนปฎิเกฺขปํ • Āsanappaṭibāhanapaṭikkhepaṃ
คิหิวิกตอนุชานนํ • Gihivikataanujānanaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā
มญฺจปีฐาทิอนุชานนกถาวณฺณนา • Mañcapīṭhādianujānanakathāvaṇṇanā
อิฎฺฐกาจยาทิอนุชานนกถาวณฺณนา • Iṭṭhakācayādianujānanakathāvaṇṇanā
อนาถปิณฺฑิกวตฺถุกถาวณฺณนา • Anāthapiṇḍikavatthukathāvaṇṇanā
อาสนปฺปฎิพาหนาทิกถาวณฺณนา • Āsanappaṭibāhanādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วิหารานุชานนกถาวณฺณนา • Vihārānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / วิหารานุชานนกถา • Vihārānujānanakathā